คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : The Doll Lover.....I
คริส...นายแบบสุดฮออต..ฮอตสุดๆของวงการแฟชั่น สุดยอดผู้ชายในฝันของพ.ศ.นี้ ไม่ว่าจะเป็นใบหน้าหล่อเหลาราวกับรูปสลักของเทพกรีก หรือดวงตาคู่สวยชวนให้ลุ่มหลงทุกครั้งที่ได้มอง ทุกอย่างที่หล่อหลอมเป็นตัวเค้า พร้อมจะฉุดกระชากเอาวิญญาณของคนที่ได้พบเจอให้หลุดลอยออกมาอยู่ในอุ้งมือของเค้าได้อย่างง่ายดาย
แต่ในตอนนี้ ร่างสูงที่ยืนอยู่กลับกำลังสั่นเทิ้ม ดวงตาเปี่ยมเสน่ห์เป็นดั่งอาวุธสำคัญที่ใช้ขโมยหัวใจของใครต่อใครมานักต่อนัก กลับฉายแววตื่นตะหนกออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน
ชื่อของผู้หญิงคนนั้น...บอมมี่ เป็นเหมือนกุญแจไขกล่องแพนโดร่าที่เก็บซ่อนฝันร้ายในอดีตให้เปิดออก ความมืดมิดค่อยๆคืบคลานเข้ามาในโลกสดใสของเค้าอีกครั้ง ทันทีที่ปิศาจร้ายในคราบของตุ๊กตาหน้าสวยนั่นมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า
เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ทำเอาชายหนุ่มถึงกับสะดุ้ง...หลุดออกจากความคิดของตัวเอง แม้จะพยายามควบคุมอารมณ์พุ่งพล่านที่มีเอาไว้ แต่มือที่สัมผัสไปบนหน้าจอโทรศัพท์นั่นยังสั่นจนเห็นได้ชัด
“ฮัลโหล”
“คริส...นี่แม่เองนะ”
“ครับ”
“ลูกเจอกับพี่เค้าหรือยังจ๊ะ?”
“พี่?” คิ้วหนาขมวดมุ่นเข้าหากัน แต่เพียงแค่ครู่เดียวน้ำเสียงตื่นตกใจก็หลุดออกมาจากริมฝีปากหยักที่กำลังสั่นระริก
“อย่าบอกนะ! ว่าแม่เป็นคนส่งยัยปิศาจนั่นมาที่นี่!!”
แม้จะถูกจิกเรียกด้วยคำแรงๆ แต่คนที่ถูกพาดพิงถึงกลับดูไม่ใส่ใจอะไร หญิงสาวเดินไปทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟายาว ก่อนจะตวัดขวาเรียวสวยขึ้นไขว่ห้าง ซึ่งนั่นทำเอารอยผ่าของชุดหล่นขึ้นไปเผยให้เห็นต้นขาขาวเนียนโผล่พ้นเนื้อผ้าออกมา ลู่หานถึงกับกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก พยายามเหลือเกินที่จะห้ามสายตาไม่ให้มองเรียวขาเพรียวสวยนั่น...แต่เค้าก็ทำไม่ได้
“แม่ทำแบบนี้ได้ยังไง? แม่ก็รู้ว่ายัยแม่มดนั่น! ทำให้ผมฝันร้าย!! แม่ก็รู้ว่าผมเกลียดเค้า!!”
เสียงของเพื่อนรักที่พูดใส่โทรศัพท์ด้วยอารมณ์โกรธ ทำเอาลู่หานถึงกับตกใจ ไม่คาดคิดว่าจะได้ยินคำพูดรุนแรงแบบนี้ถูกเอ่ยออกมา แม้ว่าจะไม่ได้พูดกับเจ้าตัวตรงๆ แต่เธอก็อยู่ในห้องนี้ด้วย สำหรับเค้านี่มันออกจะทำร้ายจิตใจกันเกินไปหน่อย ลู่หานถึงกับลอบมองใบหน้าสวยนั่นอย่างอดห่วงไม่ได้ ซึ่งทำให้ทันได้เห็นสีหน้าและแววตาที่สลดลง แต่เพียงแค่วูบเดียวก็กลับมาวางเฉยทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เหมือนเดิม
“อู๋ ฟาน หยุด! และฟังแม่ให้ดีๆ เรื่องมันผ่านมาตั้งนานแล้ว และที่ลูกยังเป็นทุกข์อยู่อย่างนี้ เพราะลูกเองนั่นล่ะที่ไม่รู้จักปล่อยวาง ไม่รู้จักให้อภัย”
ริมฝีปากหนาเม้มแน่นเข้าหากัน ให้อภัยอย่างนั่นหรือ? เค้าจะทำแบบนั้นได้ยังไง...ฝันร้ายที่หลอกหลอนเค้า ความทุกข์ทรมานใจอย่างแสนสาหัสที่เค้าได้รับ มันไม่ใช่แค่วันสองวันกว่าจะจางหาย มันต้องใช้เวลาเป็นปีกว่าที่เค้าจะหลับได้เต็มตาโดยไม่ต้องสะดุ้งตื่นจากฝันร้าย...ที่ยัยนั่นเป็นคนก่อ
“แม่ไม่อยากเถียงกับลูกเรื่องนี้แล้ว เอาเป็นว่าที่แม่จะบอกก็คือ พี่บอมมี่จะไปอยู่กับลูกชั่วคราว ดูแลเธอให้ดีๆด้วยล่ะ!”
“ไม่!! ถ้ายัยนั่นก้าวไปเหยียบคอนโดแม้แต่ก้าวเดียว...ผมจะย้ายออก!!” ชายหนุ่มประกาศกร้าว ไม่เพียงแค่ต้องการให้คนปลายสายได้รับรู้ แต่เค้าตั้งใจพูดให้คนที่นั่งนิ่งบนโซฟานั่นได้ยิน ให้รู้เอาไว้ว่าเค้าไม่ยินดีที่จะต้อนรับเธอ
“ถ้าลูกก้าวออกจากคอนโดแม้แต่ก้าวเดียว แม่ก็จะส่งพี่เท็ดดี้ของลูกไปไว้ที่พิพิธภัณฑ์เหมือนกัน”
“ไม่!!” ชายหนุ่มถึงกับร้องลั่น ภาพของตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลตัวใหญ่กว่าสามเมตรถูกยัดเข้าไปอยู่ในตู้กระจกแคบๆในพิพิธภัณฑ์เท็ดดี้แบร์ผุดขึ้นมาในหัว แค่คิดเค้าก็ปวดหัวใจจนแทบทนไม่ได้
“ถ้าอย่างนั้นก็อยู่ด้วยกันดีๆ อย่าหาเรื่องทะเลาะอะไรกับพี่เค้าอีก เข้าใจที่แม่พูดใช่ไหม...อู๋ ฟาน?”
ชายหนุ่มไม่ยอมตอบอะไรออกไปสักคำ ตอนนี้ความน้อยใจที่ผู้เป็นแม่เห็นคนอื่นสำคัญกว่าตน จนถึงขนาดยอมทำเรื่องหักหาญความรู้สึกของเค้าอย่างรุนแรงนั้น แปรเปลี่ยนเป็นความโกรธขึง เค้ากดตัดสายโทรศัพท์ในมือทิ้งไป ก่อนจะมองไปยังคนที่เป็นสาเหตุของเรื่องวุ่นวายทั้งหมดด้วยสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเกลียดชัง
แต่เจ้าตัวกับทำเป็นทองไม่รู้ร้อน แถมยังถามกลับมาเหมือนกับไม่รู้ว่าร่างสูงรู้สึกยังไงกับตัวเอง
“จะกลับหรือยังจ๊ะ...อู๋ ฟาน?”
ไม่มีคำตอบให้กับคนที่เค้าเรียกว่าแม่มด ชายหนุ่มกดโทรศัพท์อีกครั้ง ก่อนน้ำเสียงหงุดหงิดจะกรอกลงไปทันทีที่ปลายสายตอบรับ
“นายอยู่ที่ไหน...เฉิน!!”
“เข้ามาข้างในเดี๋ยวนี้!!”
ไม่ถึงนาที ชายหนุ่มที่แม่ส่งมาคอยดูแลเค้าและพ่วงตำแหน่งผู้จัดการส่วนตัวของเค้าด้วย ก็วิ่งหน้าตื่นเข้ามาในห้อง
“ค...ครับ คุณคริส!!”
“พายัยนี่ออกไปให้พ้นหน้าฉัน!!”
“เอ่อ...” เฉินถึงกับทำหน้าไม่ถูก เพราะคำสั่งของคุณนายใหญ่แห่งตระกูลอู๋ ที่โทรข้ามประเทศมา สั่งให้เค้าดูแลและให้ทำตามทุกสิ่งทุกอย่างที่หญิงสาวแสนสวยคนนั้นต้องการ ไม่เช่นนั้นตำแหน่งที่เค้ามีอยู่ในตอนนี้มีอันต้องกระเด็นหลุดลอยไปให้คนอื่นแทนแน่ๆ
และสิ่งแรกที่เค้าต้องทำหลังจากที่หญิงสาวลงเครื่องมา คือการพาเธอมาเจอคุณชายอู๋ ฟานที่บริษัท แทนที่จะกลับไปพักผ่อนที่คอนโดตามอย่างที่เค้าคิดเอาไว้
“ทำไมยังไม่ทำตามที่ฉันสั่งอีก...เฉิน!!"
เหมือนระฆังช่วยชีวิต เมื่ออยู่ๆหญิงสาวที่นั่งอยู่บนโซฟากลับลุกยืนขึ้น ก่อนเดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ข้างๆเค้า
“อาเฉินเอารถไปจอดรอฉันที่หน้าตึก...เดี๋ยวฉันตามลงไป”
ไม่ต้องรอให้พูดซ้ำ เฉินรีบโกยแน่บออกไปทันทีที่หญิงสาวเอ่ยจบ บอมมี่ที่มองตามร่างของเค้าไปถึงกับอมยิ้มขึ้นมา ทั้งขำทั้งสงสารเค้าที่อยู่ๆต้องมาอยู่ท่ามกลางสงครามประสาทของเธอและคริส
“ออกไปให้พ้น!!”
เสียงตวาดไล่เรียกให้ใบหน้าสวยนั้นหันกลับมามอง ทั้งที่เห็นอยู่ว่าคนอารมณ์ร้ายยืนทำหน้าเหวี่ยงใส่อย่างไม่คิดจะปิดบังเอาไว้ แต่หญิงสาวกลับเดินเข้าไปหาเค้าโดยไม่ได้นึกกลัว
“แล้วเจอกันที่ห้องนะจ๊ะ...ที่รัก”
ไม่พูดเปล่า แต่หญิงสาวกลับเขย่งปลายเท้าขึ้นและยื่นหน้าแตะริมฝีปากของตัวเองลงไปบนแก้มอิ่มนั่นเบาๆ ก่อนที่เธอจะหมุนตัวกลับก้าวฉับๆออกไปจากห้องโดยไม่สนใจเสียงโวยวายของคนที่เธอเพิ่งขโมยหอมแก้มไป
“ยัยแม่มด!! ฉันเกลียดเธอ!!”
“เฮ้ย! คริส! อย่า!!”
ลู่หานถึงกับรีบวิ่งเข้าไปแย่งเอาแจกันใบเขื่องที่เพื่อนรักทำท่าจะทุ่มลงพื้นเพื่อระบายอารมณ์ ออกจากมือของคนที่โกรธจนหน้ามืด ก่อนจะเอ่ยออกมาเพื่อเตือนสติของอีกฝ่าย
“ใจเย็นๆสิ...คริส! ที่นี่ไม่ใช่คอนโดนายนะ นี่มันที่ทำงาน! ถ้าใครผ่านมาเห็นเข้าแล้วเอาไปพูด คิดสิ! ว่านายจะเสียหายแค่ไหน!”
ถึงแม้จะไม่ได้แคร์กับชื่อเสียงและความโด่งดังของตัวเองสักเท่าไหร่ แต่ชายหนุ่มกับปฏิเสธไม่ได้ว่า เค้าไม่อาจสูญเสียอาชีพนายแบบไป...อาชีพที่ทำเงินให้เค้าอย่างมหาศาล เพราะเงินที่ได้มานั้นมันจะถูกแปรเปลี่ยนไปเป็นของสะสมสุดรัก ที่ใครๆก็บอกว่าประหลาดเมื่อได้รู้ว่าเค้าชื่นชอบจนถึงกับคลั่งไคล้ แม้แต่พ่อของเค้าเองถึงกับยื่นคำขาดไม่ยอมเสียเงินไปกับตุ๊กตาเหล่านั้นอีก และนั่นทำให้เค้าจำเป็นต้องมาเป็นนายแบบ เพื่อจะรักษาความสุขของตัวเองเอาไว้
“คริส! ทำไมนายถึงเป็นไปได้ขนาดนี้? ผู้หญิงคนนั้นทำอะไรให้นาย?”
“ยัยแม่มดนั่น! มันเป็นปิศาจ เป็นฆาตกร ยัยนั่นฆ่ามิสซิสแมรี่!”
“หา? น...นายว่ายังไงนะ! ผู้หญิงคนนั้นเคยฆ่าคนอย่างนั้นเหรอ?” ลู่หานถึงกับตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน เค้าแทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่าใบหน้าสวยๆนั่น ผู้หญิงบอบบางแบบนั้น จะทำอะไรอย่างที่เพื่อนเค้าพูดได้
“มิสซิสแมรี่ไม่ใช่คน แต่เป็นตุ๊กตาตัวสำคัญของฉัน”
ลู่หานถึงกับยกมือขึ้นกุมขมับ เค้าอยากจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังๆพร้อมกับเอ่ยคำพูดเจ็บแสบไปให้อีกฝ่าย ที่เอาเรื่องไร้สาระมาใส่สมองของเค้า แต่แววตาเจ็บปวดที่ฉายชัดออกมาของคนตรงหน้าทำให้สิ่งที่เค้าอยากทำนั้นถูกกลืนหายกลับเข้าไปเสียหมด
“นายคงคิดว่าฉันบ้าล่ะสิ...ลู่หาน! คงคิดว่าสิ่งที่ฉันพูดมันไร้สาระใช่ไหม?”
ลู่หานถึงกับพูดอะไรไม่ออก เค้าทำได้เพียงแค่ถอนหายใจออกมาเท่านั้น
“บาดแผลในวัยเด็ก สิ่งที่ผู้ใหญ่มักจะมองว่ามันเป็นเรื่องเล็กๆไร้สาระ แต่ใครจะรู้ว่ามันส่งผลร้ายแรงต่อชีวิตของคนๆหนึ่งได้มากมายถึงเพียงไหน นายเองก็คงไม่มีวันรู้ ถ้าสิ่งนั้นมันไม่ได้เกิดขึ้นกับตัวเอง...เหมือนอย่างที่ฉันเคยเจอ”
ทั้งที่ไม่อยากคิดถึงให้ต้องเจ็บปวด แต่ภาพในอดีตกลับฉายชัดขึ้นในหัว สนามหญ้าหน้าบ้านในเช้าวันเสาร์ เด็กผู้ชายตัวเล็กๆอุ้มตุ๊กตาแกะสีขาวขนฟูฟ่องนั่งมองใบหน้าสวยน่ารักของเด็กผู้หญิงที่แก่กว่าตัวเองถึงเจ็ดปีอย่างมีความสุข
“โตขึ้นผมจะแต่งงานกับพี่...พี่บอมมี่!!”
เด็กชายตัวน้อยเอ่ยออกมาดวงตาเป็นประกาย แม้ไม่เข้าใจในความหมายของคำว่าแต่งงานที่ตัวเองพูดไปดีนัก แต่สิ่งที่แม่ของเค้าเคยบอก ในวันที่เห็นน้าสาวแต่งชุดสีขาวฟูฟ่องราวกับนางฟ้า ว่าการแต่งงานคือการจะได้อยู่กับคนที่เราอยากจะอยู่ด้วยไปตลอดชีวิต และตอนนี้เค้าอยากให้พี่สาวคนสวยและใจดีคนนี้ อยู่กับเค้าไปตลอดเช่นกัน
“งั้นนายก็ต้องหมั้นฉันไว้ก่อนสิ” เด็กสาวตัวโตกว่าตอบกลับว่าพร้อมกับรอยยิ้ม
“หมั้น? คืออะไร?” สีหน้างุนงงของเด็กน้อยเรียกรอยยิ้มเอ็นดูของเด็กสาวออกมาอีกครั้ง
“ก็จองตัวฉันไว้ก่อนไงล่ะ..อู๋ ฟาน”
“งั้นผมจองพี่นะ”
“ไม่ได้หรอก นายพูดปากเปล่าแบบนี้ไม่ได้ ถ้านายจะหมั้น ก็ต้องเอาแหวนมาให้ฉัน”
“แหวนเหรอ?” เด็กน้อยคิ้วขมวดมุ่น แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าในกล่องสมบัติของตัวเองมีแหวนลูกปัดสีเขียวที่ได้แถมมาจากหมากฝรั่งอยู่ในนั้น เด็กน้อยยิ้มร่าขึ้นมา ก่อนจะเอ่ยออกมาอย่างดีใจ
“รอแป๊ปนึงนะ...พี่บอมมี่! เดี๋ยวมา” เด็กน้อยวิ่งหายเข้ามาในบ้าน ทิ้งให้เด็กสาวตัวโตกว่าอยู่กับตุ๊กตาแสนรัก...มิสซิสแมรี่ที่กลางสนามหน้าบ้าน
เด็กชายตัวน้อยวิ่งขึ้นบันไดไปบนห้องอย่างรวดเร็ว ไม่สนใจเสียงตะโกนของผู้เป็นแม่ที่ร้องเตือนว่าอย่ารีบร้อนเพราะกลัวว่าเค้าจะหกล้ม และทันทีที่หยิบกล่องสมบัติได้ เค้าเปิดฝาและเททุกสิ่งอย่างในนั้นออกมากองไว้บนเตียง ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบแหวนลูกปัดสีเขียวนั่นขึ้นมาถือไว้ด้วยหัวใจที่พองโต...เค้าจะได้อยู่กับพี่บอมมี่ไปตลอดชีวิตแล้ว
รอยยิ้มกว้างของคนตัวเล็กปรากฏบนใบหน้าตลอดทางที่วิ่งกลับมายังสนามหญ้าหน้าบ้าน แผ่นหลังของคนตัวโตกว่าอยู่ไม่ไกล เค้าตะโกนเรียกชื่อเธอคนนั้นออกมา พร้อมกับกำแหวนในมือนั่นจนแน่น
“พี่บอมมี่!!”
แต่เมื่อร่างของนางฟ้าแสนสวยนั่นค่อยๆหันกลับมา ภาพที่ปรากฏตรงหน้ากระชากเอาหัวใจของเด็กน้อยให้หลุดออกจากร่าง ก่อนจะร่วงหล่นลงแตกสลายแหลกยับไม่เหลือชิ้นดี
ภาพที่ใบหน้าสวยราวกับตุ๊กตามองนิ่งมาที่เค้า แต่ในมือซ้ายของเธอคนนั้นคือหัวของมิสซิสแมรี่ ที่แยกออกจากซากรุ่งริ่งที่เธอถือไว้ด้วยมือข้างขวา เศษปุยนุ่นสีขาวกระจายเกลื่อนอยู่รอบๆตัวของคนที่เคยเป็นนางฟ้า แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นแม่มดสำหรับเค้าไปเสียแล้ว
“มิสซิสแมรี่!!!!” เสียงตะโกนออกมาอย่างเสียขวัญของเด็กชายตัวน้อยดังลั่นขึ้น สวนทางกลับสติที่มีของเค้าที่ค่อยๆดับวูบลงไป
คริสค่อยๆสลัดไล่ภาพในอดีตออกไปจากหัว เค้าไม่อยากคิดถึงสิ่งเลวร้ายที่เกิดขึ้นต่อจากนั้น...ฝันร้ายที่ตามหลอกหลอน มันรุนแรงจนทำเอาเค้าเกือบได้กลายเป็นคนเสียสติ โชคยังดีที่แม่ของเค้ารีบพาไปพบจิตแพทย์เสียก่อน ไม่อย่างนั้นชีวิตของเค้าคงจบลงที่โรงพยาบาลประสาท แทนที่จะกลายมาเป็นคริส...นายแบบหนุ่มสุดฮอตอย่างเช่นทุกวันนี้
เห็นท่าทางของคนตรงหน้าแล้วลู่หานรู้สึกไม่ค่อยสบายใจขึ้นมา แม้เค้าจะไม่ค่อยเข้าใจเรื่องราวอะไรสักเท่าไหร่ แต่ร่องรอยความเจ็บปวดที่หลงเหลือในแววตาของคริส มันทำให้เค้าต้องเอื้อมมือไปตบบ่าของเพื่อนสนิทเบาๆอย่างปลอบใจ
“ลู่หาน...ฉันขออยู่คนเดียวสักพักได้ไหม?”
“อืม” ลู่หานพยักหน้ารับ
“ฉันอยู่ที่ห้องทำงานนะ มีอะไรก็ไปตามแล้วกัน” เค้าบีบไหล่หนานั่นเบาๆอีกครั้งก่อนจะเดินออกจากห้องไป ทิ้งไว้เพียงชายร่างสูงที่ตอนนี้ได้แต่พึมพำออกมาเพื่อเรียกกำลังใจให้ตัวเอง
“ไม่มีแล้ว...ไม่มีเด็กชายอู๋ ฟานที่อ่อนแอต่อไปอีกแล้ว! ยัยแม่มด!!”
“มีอะไรให้ผมทำอีกไหมครับ? คุณ ปาร์ค บอม”
เฉินเอ่ยถามขึ้น เมื่อวางกล่องสี่เหลี่ยมใบสุดท้ายลงบนหัวเตียง
“ไม่มีอะไรแล้วล่ะ นายออกไปเถอะ” รอยยิ้มจางๆถูกส่งมาให้
“อ๋อ! เฉิน...ต่อไปเรียกฉันว่าบอมมี่นะ ไม่ต้องเรียกฉันว่า ปาร์ค บอม หรอก มันดูเป็นทางการเกินไป”
ชายหนุ่มพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินออกจากห้องไปเพื่อให้หญิงสาวได้มีเวลาส่วนตัวของตัวเอง
บอมมี่กวาดสายตาไปรอบๆห้อง ก่อนจะเดินมานั่งลงบนเตียง มือเรียวสวยเอื้อมมือไปเปิดกล่องใบเขื่องที่วางอยู่บนหัวเตียงออก ก่อนจะหยิบเอาสิ่งที่อยู่ข้างในออกมา ตุ๊กตารูปแกะขนฟูฟ่องสีขาว...ถ้าไม่สังเกตดูดีๆคงไม่มีทางเห็นรอยตะเข็บสีเดียวกันถูกเย็บอย่างประณีตและเป็นระเบียบรอบๆส่วนหัวและตามลำตัวของตุ๊กตา
หญิงสาวก้มมองแหวนลูกปัดสีเขียวที่ถูกร้อยด้วยริบบิ้นสีขาวผูกเอาไว้รอบลำคอของตุ๊กตาด้วยความรู้สึกเศร้าใจ
“มิสซิสแมรี่...เป็นกำลังใจให้ฉันด้วยนะคะ”
ความคิดเห็น