คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : All I want for Christmas is You
All I want for Christmas is You
แสงไฟในห้องถูกดับลงจนหมด จะเหลือก็แต่เพียงไฟดวงเล็กที่อยู่นอกระเบียงที่อยู่เป็นเพื่อนร่างสูง ดวงตาเรียวจดๆจ้องๆอยู่ที่มือถือเครื่องเล็กในมืออยู่นานสองนาน เบอร์โทรศัพท์ที่เจ้าตัวท่องได้จนขึ้นใจถูกกดเอาไว้แต่เจ้าของมือใหญ่ก็ยังไม่กดโทรออกเสียที
ชางมินเม้มปากด้วยความครุ่นคิด ดึกดื่นขนาดนี้แล้วคนที่คิดจะโทรหาจะหลับไปแล้วหรือยัง จะนอนไม่หลับเหมือนอย่างที่เค้าเป็นรึเปล่า.....กำลังภาวนาให้วันพรุ่งนี้เดินทางมาถึงอย่างที่เค้าเป็นรึเปล่า
เสียงกุกกักจากด้านในเรียกให้ร่างสูงตื่นจากภวังค์ ประตูระเบียงถูกเปิดออกจากด้านในพร้อมกับใบหน้าหวานสวยของแม่.....เอ้ย ไม่ใช่ พี่ชายคนสวย แจจุงอดจะจิกตามองพร้อมกับต่อว่าน้องชายตัวสูงที่นั่งคุดคู้อยู่ตรงระเบียงไม่ได้
“ไม่นอนรึไงชางมิน พรุ่งนี้มีอัดรายการนะ จำไม่ได้รึไง”
“จำได้ครับ แค่นั่งคิดอะไรนิดหน่อย กำลังจะนอนแล้ว”
“รีบๆนอนซะ แล้วมานั่งตากลมแบบนี้เกิดป่วยไปจะทำยังไง เรียนก็เก่งอยู่หรอก เรื่องเท่านี้คิดไม่เป็นรึไง”
เสียงหวานยังคงบ่นไม่เลิกรา นี่ถ้าไม่ใช่น้องชายคนโปรดอย่าง ชิมชางมิน พ่อลูกชายคนดีของเค้า แจจุงจะไม่อ้าปากว่าให้เสียน้ำลายเปล่าเลยเชียว
ชางมินครางรับอีกครั้งก่อนจะลุกขึ้นเดินออกจากระเบียง กลับไปยังห้องนอนตัวเองอย่างว่าง่าย ไม่ใช่เกิดอยากจะว่านอนสอนง่ายอะไรขึ้นมาหรอก เพียงแต่เบื่อจะฟังเสียงบ่นของพี่แจจุงก็เท่านั้น.......เสียงหวานๆแบบนั้นเก็บไว้ร้องเพลงอย่างเดียวก็น่าจะพอแล้ว
ร่างสูงทรุดตัวลงนอนกับเตียง พร้อมกับยกแขนขึ้นก่ายหน้าผาก เพียงแค่หลับตา ใบหน้าหวานใสของใครบางคนก็ปรากฏขึ้นเด่นชัด
ให้ตายสิน่า.........ชิมชางมินโดนความคิดถึงเล่นงานหนักซะแล้ว
รถตู้คันหรูถูกขับมาจอดอยู่ที่หน้าสเตเดียมที่ใช้ถ่ายทำรายการวันนี้ ดวงตาเรียวเหลือบไปเห็นรถตู้อีกสองคันที่จอดอยู่ก่อนหน้านี้แล้วอดจะยิ้มออกมาไม่ได้........เวลาที่รอคอยกำลังมาถึง
ขายาวรีบก้าวเข้าไปในสถานที่ถ่ายทำก่อนใคร หากแต่เสียงทุ้มต่ำของลีดเดอร์กลับรั้งเอาไว้เสียก่อน ชางมินจิ๊ปากเบาๆ คนยิ่งรีบๆอยู่.....พี่ยุนโฮไม่รู้รึไงว่าหัวใจเค้าบินไปถึงห้องแต่งตัววงเพื่อนบ้านแล้ว
“จะรีบไปไหนชางมิน”
“เปล่านี่ครับ.....”
“งั้นก็รอเดินไปพร้อมๆกันสิ”
“ครับ”
หมดปัญญาจะเถียงด้วย ร่างสูงแอบได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักจากพี่ชายอีกสองคนที่เดินอยู่ด้านหลัง......หึ ทำเป็นหัวเราะไปเถอะพี่ยูชอน รอให้พี่จุนซูเจอเพื่อนเก่าเสียก่อนเถอะ แล้วจะได้หัวเราะไม่ออก เพราะกลายเป็นหมาหัวเน่า
.
.
.
ร่างสูงนั่งนิ่งอยู่หน้ากระจก ปล่อยให้สไตล์ลิสจัดการกับทรงผมให้เรียบร้อย แม้ดูเหมือนว่าชางมินจะเอาแต่สนใจหนังสือในมือ หากแต่ใจนั้นกลับลอยไปถึงห้องแต่งตัวฝั่งตรงข้ามไปแล้วเรียบร้อย แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อจู่ๆมือของใครบางคนมาบีบเข้าที่ไหล่ ร่างสูงยกยิ้มกว้างก่อนจะหันไปหาผู้มาใหม่.....แล้วก็หุบยิ้มแทบไม่ทัน
“พี่ทงเฮ.......”
“อ๊า~ ชั้นเอง คิดว่าเป็นใครหล่ะ”
กลีบปากบางยกยิ้มเจ้าเล่ห์ ดวงตาเป็นประกายวิบวับที่จับจ้องมาที่ร่างสูงอย่างรู้ทัน ทำเอาชางมินเมินหน้าหนีแทบไม่ทัน.........คิมคิบอมเพื่อนยาก มาเก็บตัวพี่ที่รักของนายไปเดี๋ยวนี้!
“ชางมินอ่า...ตัดผมใหม่แล้วหล่อขึ้นนะเนี่ย” ไม่พูดเปล่า มือบางยกขึ้นลูบผมเด็กหนุ่มตรงหน้าเล่นอย่างไม่เกรงอกเกรงใจ
“คิบอมก็ตัดผมนิ่ครับ.....หมอนั่นไม่หล่อกว่าผมรึไง”
เพียงแค่เอ่ยชื่อใครบางคนออกไปเท่านั้นแหละ มือบางที่ลูบผมอยู่ก็ชะงักไปทันที คราวนี้ถึงคราวชางมินยกยิ้มเจ้าเล่ห์บ้าง พี่ชายตัวเล็กได้แต่เบะปาก ก่อนจะปลีกตัวเดินหนีไปหาพี่ยุนโฮ........ไม่อยากจะบอก แต่ชางมินแอบเห็นพี่แจจุงจิกตามองพี่ทงเฮอยู่ น่ากลัวดีชะมัด
เสียงประตูห้องแต่งตัวถูกเปิดขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับเสียงทุ้มหวานของใครบางที่ทำให้ชางมินต้องหันกลับไปมอง.....โจคยูฮยอน
“พี่ทงเฮ คิบอมให้มาตามครับ”
“เออ ไปเดี๋ยวนี้แหละ”
เสียงหวานตอบกลับติดจะหงุดหงิดเล็กน้อย แต่ก็ยอมเดินกลับไปยังห้องแต่งตัวของวงตัวเอง ร่างโปร่งบางยกยิ้มกว้างให้ชางมิน ก่อนจะเดินตามพี่ชายตัวเล็กไป
“ไม่ตามไปหล่ะไอ้น้องชาย เค้ามาหาถึงที่เขียวนะ”
“เค้าไม่ได้มาหาผมซักหน่อยพี่ยูชอน เค้ามาตามพี่ชายเค้าต่างหาก”
“โอ้ย ไอ้เด็กโง่ เรื่องอื่นหล่ะฉลาดนัก ทีเรื่องตัวเองหน่ะไม่เคยจะได้เรื่อง”
“เออ ไปเดี๋ยวนี้แหละ”
ว่าแล้วขายาวก็ก้าวออกจากห้องไปทันที ไม่ต้องรอให้ใครยุอีกต่อไป ร่างสูงหยุดยืนอยู่ที่หน้าห้องแต่งตัวฝั่งตรงข้าม สูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ เอื้อมมือไปหมายจะเปิดประตู หากแต่ประตูตรงหน้ากลับถูกเปิดออกเสียก่อน พร้อมกับร่างหนา(มาก)ของพี่คังอินที่ยืนจ้องหน้าน้องเล็กวงเพื่อนบ้านอย่างไม่ลดละ
“อ้าว ชางมิน ทำไมไม่เข้ามาหล่ะ คังอินอ่า จะยืนบังประตูไม่ให้น้องเข้าทำไม”
เสียงนางฟ้าดังขึ้นช่วยชีวิตชางมินเอาไว้ ไม่อย่างนั้นอาจจะถูกพี่หมีตัวใหญ่ลากไปสอบปากคำข้อหาแอบกิ๊กกับลูกชายคนเล็กก็เป็นได้
ดวงตาเรียวมองไปยังร่างผอมบางที่นั่งอยู่บนโซฟาที่มุมห้อง อดจะนึกขัดใจไม่ได้เมื่อเห็นว่าบนตักบางนั้นมีศีรษะของรุ่นพี่หนุนเอาไว้.......เย็นไว้ชิมชางมิน ต้องเยือกเย็นเข้าไว้
“ขอโทษนะครับพี่ซีวอน แต่ขอยืมตัวคยูฮยอนซักครู่นะครับ”
ไม่รอฟังคำตอบ ชางมินรั้งมือบางของคนที่นั่งตาแป๋วให้เดินตามมาทันที ไม่ได้สนใจจะหันกลับมามองซีวอนที่นอนเอ๋อคาโซฟาเมื่อหมอนมีชีวิตถูกขโมยไปต่อหน้าต่อตา
.
.
.
“ชางมินอ่า.....จะไปไหน เหนื่อยแล้วนะ”
เสียงหวานของคนที่ถูกลากให้เดินตามเอ่ยขึ้นตัดพ้อ ร่างสูงจึงได้ชะงักฝีเท้าหันกลับมามองใบหน้างอง้ำของคนตัวเล็กกว่า นึกโทษตัวเองที่กำลังทำให้วันดีๆที่มีน้อยนิดหมดไปโดยเปล่าประโยชน์อีกแล้ว
“ขอโทษ ลืมตัวไปหน่อย”
“ช่างมันเหอะ”
ปลายเสียงหวานสะบัดขัดกับคำพูดโดนสิ้นเชิง ชางมินได้แต่ถอนใจ ก่อนจะดึงตัวร่างบางเข้าไปในซอกลับสายตาผู้คน ความเงียบปกคลุมไปทั่วบรรยากาศ ได้ยินเพียงแค่เสียงหายใจของกันและกันเท่านั้น ใบหน้าหวานที่งอง้ำของคยูฮยอนค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีหน้าปกติ เงยหน้ามองคนตัวสูงกว่าแล้วก็ต้องก้มหน้าหนีอีกครั้งเมื่อเห็นแววตาแฝงความปรารถนาของคนตรงหน้า.........ใครบอกกันนะว่าชางมินคือน้องชายแสนน่ารักที่ไม่เดียงสาเรื่องความรัก คยูฮยอนคนนี้ขอเถียงขาดใจ
“คยู.......”
“หืม?”
“หายโกรธแล้วใช่รึเปล่า”
“ใครโกรธ....ไม่มีซักหน่อย”
คำตอบของคนน่ารักตรงหน้า เรียกรอยยิ้มจากร่างสูงได้มากโข ดูเอาเถอะหน้าง้ำ ปากยื่น แบบนั้นยังจะบอกว่าตัวเองไม่ได้โกรธ แต่ก็เอาเถอะ ป่วยการจะเถียงกับเด็กดื้อ ตอนนี้เป็นเวลาหาความสุขต่างหาก
“คยู......”
“อะไรอีก เรียกอยู่ได้”
“เราไม่เจอกันนานเท่าไหร่แล้ว”
“เดือนนึง....เดือนกว่า ไม่รู้สิ จำไม่ได้”
“คิดถึงชั้นรึเปล่า”
กลีบปากอิ่มสีจัดของคนตัวบางถูกเม้มแน่น ก่อนจะเบียดตัวดันให้แผ่นหลังของคนตัวสูงกว่าชิดกำแพง ซุกหน้าลงกับแผ่นอกกว้าง แขนเรียววาดโอบกอดร่างสูงเอาไว้ จนชางมินอดจะกอดตอบไม่ได้ เสียงทุ้มหวานกระซิบแผ่วทั้งที่ยังซุกซบอยู่ในอ้อมแขนของคนตรงหน้า
“ใครคิดถึง.....ไม่มีหรอก ไม่อยากเจอหรอก...........เจอแล้วก็เป็นแบบนี้ทุกที”
“แบบนี้ที่ว่านี่มันแบบไหน”
“แบบที่ชั้นต้องเข้าหานายก่อน เพราะนายมันไม่ได้เรื่อง”
“ชั้นไม่ได้เรื่องตรงไหนไม่ทราบ”
“ไม่รู้สิ ทำให้ชั้นรู้สึกสิว่าชั้นคิดผิด”
ดวงตาคมหวานเงยขึ้นสบตาอีกครั้ง แววตาท้าทายบวกด้วยรอยยิ้มร้ายที่มุมปากทำเอาชางมินนึกอยากจะทำให้บอบช้ำเสียให้รู้แล้วรู้รอด........แต่เย็นไว้ชางมิน นายตัวดีเพิ่งหายป่วยได้แป็บเดียว เย็นไว้ก่อน
“ทำไมหล่ะ ไม่กล้า.................”
ยังไม่ทันจะได้พูดจบประโยค เสียงหวานก็ถูกริบไปด้วยกลีบปากของคนตัวสูงพร้อมกับความอดทนที่ถูกดับมอดจากคำท้าทายของคนตรงหน้า รสจูบจาบจ้วงค่อยๆแปรเป็นจูบหวานหอมอย่างที่ใจหวัง กดย้ำสัมผัสซ้ำๆให้คยูฮยอนได้รู้ ว่าชางมินหน่ะ....คิดถึง คิดถึง คิดถึงคยูฮยอนคนนี้
มือบางดันแผ่นอกกว้างออกห่างตัว ชางมินได้แต่ละริมฝีปากจากกลีบบางอิ่มด้วยความเสียดาย คนตัวเล็กในอ้อมแขนหอบหายใจช้าๆ ดวงตาคมหวานฉ่ำเยิ้มไปด้วยความปรารถนา
“ถ้าพี่คังอินรู้ นายโดนฆ่าแหงๆ”
“ทำไมหล่ะ.....ผิดหรอที่ชั้นรักลูกชายคนเล็กของเค้าหน่ะ”
ปลายจมูกโด่งไล้ไปตามผิวแก้มใส ซุกไซร้ไปจนถึงซอกคอขาว แตะแต้มรอยจูบลงบนผิวเนื้อขาวสะอาด กลิ่นผิวกายหอมกรุ่นของคนตรงหน้ายิ่งทำให้รุ่มหลง อยากจะกอดเอาไว้แบบนี้............อยากจะรัก รัก รักให้มากกว่านี้
“ชางมินอ่า...ทำแบบนี้พวกพี่ก็หาว่าชั้นเป็นเด็กใจแตกสิ”
“จะคิดมากทำไม มีคนใจแตกไปก่อนนายอยู่แล้วน่า”
“บ้า.....พูดถึงทำไม เดี๋ยวมันก็โผล่มาขัดจังหวะหรอก”
ทั้งคู่หัวเราะคิกเมื่อนึกถึงเพื่อนใจแตก(?)สองคน ก่อนที่เสียงหัวเราะจะหมดลงเมื่อสบตากันอีกครั้ง เรียวปากที่เคลื่อนเข้าหากันอีกครั้ง ใกล้กันจนเกือบจะแนบชิด.....แต่....
“อ่ะแฮ่ม......”
เสียงกระแอมทุ้มต่ำแบบไม่ต้องคิดว่าจะเป็นใครดังขึ้น พร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์แบบฉบับคิมคิบอมที่วาดอยู่บนใบหน้าหล่อเหลา ทำเอาคนทั้งสองแทบจะผละกันออกแทบไม่ทัน
“ขอโทษที่ขัดจังหวะ แต่เค้ากำลังจะเริ่มถ่ายกันแล้ว”
ทันที่ที่ร่างสูงโปร่งของคิบอมเดินจากไป เสียงหัวเราะก็ระเบิดขึ้นอีกครั้ง ทั้งๆที่น่าจะหงุดหงิด แต่เปล่าเลย ทั้งคู่กำลังหยุดหัวเราะไม่ได้.....ใครจะไปรู้ว่าคิมคิบอมมันตายยากสุดๆ
“เห็นมั้ยเล่า พูดถึงก็มาปั๊บเลย ตายยากชะมัด”
“เอาเหอะน่า รีบไปเหอะ ก่อนที่พี่คนอื่นจะแห่กันมาอีก”
ว่าแล้วดึงคนตัวเล็กให้เดินไปยังจุดถ่ายทำ ทันทีที่น้องเล็กทั้งสองปรากฏตัว แทนที่จะโดนต่อว่าเรื่องมาสาย หากแต่สิ่งที่ได้รับกลับกลายเป็นสายตาล้อเลียนเสียแทน......เอาเหอะ คนอื่นเค้าคงรู้กันทั่วราชอาณาจักรแล้วเรื่องที่เด็กน้อยของทั้งสองวงหายไปพร้อมๆกันเนี่ย
งานถ่ายรายการเสร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี แต่ก็กินเวลานานพอสมควร ก็อย่างว่านั่นแหละ ให้เด็ก(?)ผู้ชายตั้ง 18 คนมาอยู่รวมกัน ไม่เล่นกันบ้างก็คงจะประหลาดแล้ว
พวกพี่กำลังเดินไปยังห้องแต่งตัวเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมจะกลับไปที่หอที่ไม่ได้เหยียบมานานนับเดือน หากแต่ชางมินกลับเดินเอื่อยเฉื่อย ตาเรียวมองหาร่างผอมบางของใครบางคนที่เดินหายไปตั้งแต่เลิกกอง......รีบไปไหนของเค้า หันรีหันขวางอยู่นาน ก่อนจะรู้สึกถึงแรงสะกิดที่ไหล่ แล้วก็อดจะยิ้มออกมาไม่ได้เมื่อหันมาเจอร่างบางที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยส่งยิ้มหวานให้ตัวเองอยู่
“มายืนทำอะไรอยู่ ไม่รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าหรอ”
“มีงานต่อรึเปล่าคยูฮยอน”
หัวกลมๆส่ายหน้าตอบจนผมสีดำขลับปลิวไปตามแรงสั่นหน้า ดวงตาคมหวานจ้องตาแป๋วมายังคนตัวสูงกว่า กลีบปากอิ่มยกยิ้มกว้างจนแก้มอูม.......น่ารักจนน่าจะจับมาฟัดอีกซักที
“ถามทำไม จะชวนไปไหน......จะพาไปฉลองคริสต์มาสหรอ”
.....ตายห่า(น)!.....
คำเดียวที่ผุดขึ้นมาในสมองเป็นเลิศของชางมินตอนนี้ ถึงคนทั่วโลกจะรู้ว่าดงบังชินกิงานเยอะขนาดไหน แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเมมเบอร์จะทำงานจนลืมวันลืมคืน......แต่เชื่อเถอะ ชางมินลืมไปแล้วจริงๆว่านี่มันวันคริสต์มาส! หนักกว่านั้น.....จะหาของขวัญอะไรมาให้หวานใจทันกัน
“ชางมิน.....เป็นอะไรรึเปล่า”
“หืม?....เปล่า....ไม่เป็นอะไร”
“งั้นตกลงว่าถามทำไม”
“ก็แค่ถามดู.....”
เป็นรอบที่สองของวันที่ชิมชางมินผู้ปราดเปรื่องทำให้ใบหน้าหวานของโจคยูฮยอนบูดบึ้งขึ้นมาได้ นึกอยากจะเอาหัวโขกกำแพงให้เสียรู้แล้วรู้รอด.......จำใส่กะโหลกซักทีสิชิมชางมินว่าสุดที่รักเค้าขี้งอนได้โล่หน่ะ
“คืนนี้นายก็ว่างไม่ใช่หรอชางมิน กลับไปเก็บของคืนนี้ก็ยังทันนิ่”
เสียงสวรรค์ดังขึ้น ถ้าไม่ติดว่าคยูฮยอนยืนอยู่ตรงหน้าหล่ะก็ ชางมินคงจะดึงตัวคุณแม่.....เอ้ย พี่ชายมากอดแน่นๆเข้าให้ซักที พี่แจจุงคงเป็นมานางมาจุติจริงๆด้วย....
“นั่นสิคยูฮยอน ยังไงกลับไปที่หอก็ต้องอยู่คนเดียวอยู่ดี หรือชางมินจะไปนอนเล่นที่หอ”
เสียงนางฟ้าอีกองค์โผล่มาโปรด ไม่แปลกใจเลยที่พี่อีทึกเป็นที่รักของน้องๆทั้งหลาย ก็ทั้งน่ารักทั้งน้ำใจงามขนาดนี้ จะโผเข้าไปกอดพี่อีทึกก็กลัวจะโดนพี่คังอินหักคอเข้าให้อีกที แค่นี้ก็มีคดีติดตัวอยู่แล้ว
“อย่างนั้นก็ได้ครับ” / “พี่จะชวนเค้าทำไมครับ”
เสียงน้องเล็กทั้งสองเอ่ยขึ้นพร้อมกัน คนหน้ารักยังคงหน้าง้ำไม่เลิกรา ไม่มีท่าทีว่าจะหายโกรธง่ายๆ จนพี่ชายคนโตต้องดึงเอาน้องชายแสนงอนมากระซิบกระซาบคุยกันอยู่นานสองนาน ก่อนจะรุนหลังคนตัวเล็กให้มายืนอยู่หน้าชางมินอีกครั้ง ใบหน้าคมหวานก้มลงมองปลายเท้าตัวเอง พร้อมกับเอื้อนเอ่ยคำพูดพียงแผ่ว
“ถ้าชั้นจะชวนนายไปอยู่เป็นเพื่อน.....จะไปรึเปล่า”
“ไปสิ ไปกันเลยมั้ย”
พี่ชายหน้าหวานทั้งสองคนที่แอบยืนลุ้นอยู่ด้านหลังลอบยิ้มออกมาพร้อมๆกัน แจจุงยกนิ้วโป้งให้อีทึกด้วยความเก่งกาจในการหว่านล้อมน้องชายขี้งอนให้ยอมลงให้ชางมินจนได้.......ปล่อยให้เด็กๆอยู่ด้วยกันซะบ้างก็คงจะดี
ประตูห้องถูกเปิดออกพร้อมกับความเงียบที่มาเป็นผู้ตอนรับ ตอนนี้ในภายในห้องมีเพียงโจคยูฮยอนเจ้าของห้อง และชิมชางมินแขกคนสำคัญ เพราะรูมเมทเพียงคนเดียวของคยูฮยอนหรือพี่ซองมินนั้น กำลังจัดรายการวิทยุอยู่
ชางมินอดจะประหม่าไม่ได้ ในเมื่อตลอดทางที่กลับมาคนน่ารักของเค้าไม่เอ่ยปากคุยด้วยเลยซักคำ ขณะที่กำลังครุ่นคิดหาวิธีแก้ปัญหา เสียงหวานก็เอ่ยถามแทรกความคิดขึ้นมาเสียก่อน
“หิวมั้ย ยังไม่ได้ทานข้าวเย็นเลยนี่หน่า”
“นายหล่ะ หิวรึเปล่า”
คนตัวเล็กพยักหน้าหงึกหงัก ตาแป๋วจ้องมาที่ชางมินอีกครั้ง ชางมินหัวเราะออกมาอย่างรู้ทัน ไอ้ที่เจ้าตัวเอ่ยถามว่าเรื่องปากท้องหน่ะ เพราะเจ้าตัวกำลังหิวเหมือนกันต่างหาก แต่คนที่ทำอาหารไม่ได้เรื่องจนซองมินสั่งห้ามใช้ครัวอย่างโจคยูฮยอนหน่ะหรอจะยอมทำอาหารให้เค้ากิน.......ฝันเถอะชางมินเอ้ย
“เดี๋ยวชั้นทำให้กินเอง....โอเคนะ”
คยูฮยอนพยักหน้าอีกครั้ง ก่อนจะเดินฮัมเพลงไปนอนกลิ้งอยู่ที่โซฟา ไม่ลืมจะเปิดโทรทัศน์ไว้เป็นเพื่อนแก้เหงา ชางมินรู้สึกดีขึ้นมาอีกนิด อย่างน้อยตอนนี้คยูฮยอนก็อารมณ์ดีขึ้นมาบ้างเล็กน้อย
.
.
.
มือบางตักบะหมี่เข้าปากคำสุดท้ายเข้าปากเคี้ยวแก้มตุ่ย ยกยิ้มทั้งที่ยังเคี้ยวอาหารในปากอยู่ให้รู้ว่าถูกใจกับอาหารมื้อนี้อยู่ไม่น้อย จนคนทำอดจะปลื้มขึ้นมาไม่ได้ กะอีแค่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปธรรมดาๆมันทำให้มีความสุขได้ขนาดนี้เชียวรึไงนะ
“อ๊า~ อิ่มแล้ว.....ขอบคุณนะครับ”
คนน่ารักยิ้มจนตาหยี อารมณ์ดีเสียจนชางมินนึกแปลกใจว่าอารมณ์คุกรุ่นเมื่อก่อนหน้านี้มันจางไปได้เพราะบะหมี่ชามเดียวรึไง แต่ก็ยั้งปากไว้ไม่ถามออกมา.......เดี๋ยวหงุดหงิดขึ้นมาอีกแล้วเรื่องจะยาว
ร่างสูงทำท่าจะเก็บจานเข้าไปล้างหากแต่มือบางรั้งเอาไว้เสียก่อน คนตัวเล็กจัดการรวบเอาภาชนะในมือชางมินมาถือไว้เองพร้อมกับบอกว่าจะเป็นคนล้างเองไม่ต้องการผู้ช่วยก่อนจะเดินหายเข้าไปในครัวโดยไม่รั้งรอคำตอบ ร่างสูงเลยได้แต่เดินคอตกมานั่งรอที่โซฟาอย่างจนใจ
ร่างผอมบางเดินฮัมเพลงคุ้นหูมาทรุดตัวนั่งลงบนโซฟา จะพูดให้ดีต้องบอกว่ามาทรุดตัวลงนั่งบนตักของคนที่นั่งอยู่บนโซฟาเมื่อก่อนหน้านี้ถึงจะถูก ไม่รอช้าเรียวแขนแข็งแรงของชางมินวาดโอบเอวบางของคนบนตักเอาไว้ ไม่ได้ตั้งใจจะฉวยโอกาส แค่กลัวว่าคยูฮยอนจะร่วงตกลงไปต่างหาก.....จริงๆนะ
“~ ชั้นอยากจะเป็นแมวของเธอซักวันนึง เพราะเธอให้นมอุ่นๆมันกิน แล้วก็กอดมันไว้อย่างอ่อนโยน ~ (Hug ท่อนชางมิน)”
ชางมินหัวเราะร่า อยากจะรู้นักว่าไอ้ที่ทำอยู่มันต่างจากเพลงที่คยูฮยอนร้องตรงไหนกัน ข้าวเย็นก็เพิ่งจะทำให้กิน แล้วอ้อมกอดอุ่นๆที่ว่านั่นอีก......หรือว่าเท่านี้ยังอุ่นไม่พอ
“ชางมินอ่า.....ทำอะไรกันต่อดี เพิ่งจะสี่ทุ่มเอง กว่าพี่ซองมินจะกลับก็ตั้งเที่ยงคืน”
ชางมินเลิกคิ้วมองหน้าคนถาม จะรู้มั้ยว่าไอ้คำถามเมื่อครู่มันสุดจะล่อแหลม ยั่วให้คิดไปต่างๆนานาเชียวนะ แต่เมื่อเห็นดวงตาใสแจ๋วของคนตรงหน้าก็เข้าใจเจตนา.....เจ้าตัวคงไม่รู้จริงๆว่าถามอะไรออกมา
“แล้วแต่สิ...อยากทำอะไรหล่ะ”
“ไม่รู้สิ แค่อยู่กับชางมินก็พอแล้ว”
“ช่างพูดนะคนเรา......แค่นี้พอแล้วจริงๆหรอ”
คนบนตักถูกดันตัวลงนอนบนโซฟา ทาบทับด้วยร่างสูงของที่นั่งมีชีวิตเมื่อครู่ นอกจากจะไม่ขัดขืน คนที่ถูกรวบตัวมากอดเอาไว้ยังยกยิ้มกว้างตาหยี หัวเราะชอบใจอีกต่างหาก......น่าจับฟัดเสียให้ช้ำซะจริง
“ก็พูดจริงๆนี่หน่า ชั้นกับนายไม่ได้มีเวลามาอยู่ด้วยกันบ่อยๆเหมือนคนอื่นซักหน่อย.....แค่มีเวลาได้อยู่ด้วยกันบ้างก็โอเคแล้ว”
คนฟังได้แต่อมยิ้มกับคำพูดของคนตรงหน้า รู้ดีถึงความรู้สึกอิจฉาเวลาได้เห็นคนรักอยู่ใกล้กัน แต่ด้วยภาระหน้าที่การงานที่ไม่ได้อำนวยให้เค้าทั้งคู่ได้เจอกันจึงได้แต่ทำใจ.....และรอคอยจนกว่าจะได้เจอกัน
“น่ารักขนาดนี้ อยากได้อะไรเป็นของขวัญวันคริสต์มาส หืม?”
“บอกไปแล้วไง......แค่ชางมินก็พอแล้ว แค่มีชางมินคนเดียวก็ไม่อยากได้อะไรแล้ว”
ร่างสูงยกยิ้มกว้าง กดปลายจมูกลงบนแก้มอ่อนใสแรงๆ แตะสัมผัสปะป่ายเรียกเสียงหัวเราะจากร่างผอมบาง แต่แล้วเสียงหัวเราะก็หยุดลงเมื่อชางมินหยิบยื่นรสจูบหวานล้ำให้คนตัวเล็กเป็นครั้งที่สองของวัน หากแต่ครั้งนี้หวานกว่า หอมกว่า รุ่มร้อนกว่า ร้อนจนคนที่ถูกสัมผัสแทบจะละลาย
ชางมินละสัมผัสร้อนรุ่มก่อนที่จะเผลอใจไปมากกว่านี้ ดวงตาคมหวานฉ่ำเยิ้มที่มอบมาทางเค้าพร้อมกับกลีบปากอิ่มที่เผยอออกหอบหายใจนั่นกำลังทำให้ความอดทนที่มีดับวูบลงไปทุกทีๆ ถ้านานกว่านี้เค้าคงได้แกล้งให้คนเพิ่งหายป่วยเป็นแน่
แต่ขณะที่กำลังจะผละลุกจากโซฟาก็ถูกคนตัวเล็กดึงตัวลงมาให้นอนลงที่เดิม ชางมินได้แต่เม้มปากแน่น รู้ดีว่าคยูฮยอนไม่ได้แกล้ง คนดีของชางมินกำลังต้องการ ต้องการแค่ชางมินคนเดียว
“ชั้นไม่เป็นไรแล้ว.....ได้โปรด กอดชั้น รักชั้น รักชั้นทั้งหมดเท่าที่นายมี......นะชางมิน”
เสียงหวานเอ่ยแผ่วจนเหมือนกระซิบ น่าแปลกที่ชางมินกลับได้ยินทุกความปรารถนาอย่างชัดเจน ร่างสูงย้ำจูบลงบนกลีบปากอิ่มอีกครั้ง........จะกอดให้แน่น จะรักให้มาก มากที่สุดเท่าที่ผู้ชายคนนึงจะทำได้
.
.
.
ดวงตาเรียวมองคนในอ้อมแขนที่หลับตาพร้อม เข้าสู่ห้วงนิทราไปด้วยความอ่อนแรง แตะริมฝีปากลงบนหน้าผากมนอย่างรักใคร่ ชางมินไม่อยากจะหลับตาลง ไม่อยากจะละสายตาจากคนตรงหน้าแม้แต่น้อย เพราะเวลาแห่งความสุขกำลังเหลือน้อยลงทุกที แล้วเวลาแห่งการรอคอยก็กำลังมาถึง.....
“ยังไม่หลับหรอชางมิน”
ชางมินสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงกระซิบถาม ตาคมหวานกำลังลืมตามองเค้าอย่างงัวเงีย ให้ตายสิ.....ที่เค้าเคยนึกปรามาสคิบอมเอาไว้เรื่องที่มันเพ้อรักพี่ทงเฮขนาดว่าทำอะไรก็น่ารักไปเสียหมด กำลังกลับมาเล่นงานตัวเองอย่างจังเลยทีเดียว
“คิดอะไรเรื่อยเปื่อยหน่ะ”
“คิดอะไร....บอกได้รึเปล่า”
“ก็เรื่อยเปื่อยแหละน่า”
“เรื่อยเปื่อยที่ว่าใช่เรื่องของเรารึเปล่า”
คนตัวเล็กขยับตัวขึ้นมานอนเกยอยู่บนตัวร่างสูง ดวงตากลมใสจ้องลึกเข้าไปในดวงตาเรียวเพื่อค้นหาคำตอบ หากแต่คนตัวสูงกว่ากลับหลบตาไปเสียก่อน
“ใช่จริงๆด้วย......ไม่เอาน่าชางมิน ยังไงเราก็ได้เจอกันอีกนี่หน่า”
“เรื่องนั้นชั้นรู้.....แค่คิดว่าคงดีกว่านี้ถ้าเราได้อยู่ใกล้ๆกัน”
“มันก็ต้องดีกว่าอยู่แล้ว แต่เลือกไม่ได้นี่หน่า.......”
คยูฮยอนถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะซบหน้าลงกับแผ่นอกของร่างสูง มือใหญ่ยกขึ้นไล้ผมสีดำสนิทของคนตัวเล็กอ่อนโยน
“เบื่อจะรอบ้างมั้ยคยู......เบื่อที่ต้องรอชั้นบ้างรึเปล่า”
“แล้วชางมินหล่ะ...เบื่อรึเปล่า”
ชางมินส่ายหัวตอบ ใครจะไปเบื่อลง ใครจะเบื่อดวงตาหวานฉ่ำคู่นั่นได้ ใครจะเบื่อเสียงทุ้มหวานหูที่ส่งเสียงออดอ้อนอย่างนั้นได้ ใครจะเบื่อกลีบปากอิ่มที่ยกยิ้มกว้างอย่างจริงจังแบบนั้นได้......ใครจะไปเบื่อคนน่ารักคนนี้ได้กัน
“ถ้าชางมินไม่เบื่อ.....ชั้นก็ไม่เบื่อหรอก ชั้นรู้สึกดีที่ได้รอ.......มันทำให้รู้ว่าชั้นรักชางมินแค่ไหน”
“แล้วรักแค่ไหนหล่ะ...”
“มากเท่าที่ใครคนนึงจะรักใครอีกคนนึงได้เลยหล่ะ......แล้วชางมินหล่ะ รักชั้นมากมั้ย มากเท่าที่ชั้นรักนายรึเปล่า”
“มากจนไม่เหลือใจไว้ให้คนอื่นแล้ว.....แค่คยูคนเดียวก็พอแล้ว”
คนตัวเล็กได้แต่ยิ้มแก้มตุ่ยก่อนจะหลับตาลงอีกครั้ง โจคยูฮยอนไม่ได้อยากได้ของขวัญมากมายในวันคริสต์มาส ไม่จำเป็นต้องมีงานฉลองที่ใหญ่โต เพราะทุกอย่างมันคงไม่มีความหมายเลยซักนิด.....ถ้าไม่มีผู้ชายชื่อชิมชางมินในวันนี้ และคยูฮยอนรู้ดีว่าชางมินก็คิดเหมือนกัน
END
แถม...
ร่างอวบของซองมินกำลังเดินบิดขี้เกียจมาที่ประตูห้องตัวเอง คิดถึงเตียงนุ่มๆของตัวเองใจจะขาด หากแต่ก่อนที่จะเปิดประตูเข้าไปในห้องก็ถูกลีดเดอร์รั้งไว้เสียก่อน
“ซองมินอ่า จะเข้าไปทำไม ชางมินอยู่กับน้อง”
“แล้วไงหล่ะพี่ นั่นห้องผมนะ”
“อยากเสี่ยงเข้าไปเจอของดีก็ตามใจ”
ซองมินบู้ปาก ใจนึงก็อยากจะนอนเตียงตัวเอง แต่อีกใจนึงก็กลัวจะเป็นอย่างที่พี่อีทึกว่า อีทึกโยกหัวน้องเบาๆก่อนจะแนะนำ
“ไปนอนห้องฮยอกแจสิ ยังไงหมอนั่นก็นอนคนเดียวนิ่”
“ไม่ดีมั้งพี่”
“เลือกเอาแล้วกันว่าจะเอาแบบไหน...พี่ไปนอนหล่ะ แมรี่คริสต์มาสนะเด็กน้อย”
ร่างอวบได้แต่เบะปากอีกที มันมีทางเลือกซะที่ไหนกันเล่า อย่าคิดว่าอีซองมินคนนี้อยากนอนกับอีฮยอกแจเชียว แต่มันจำเป็นต่างหาก.......จริงๆนะ ซองมินไม่โกหกหรอก
จบแล้ว
มาลงชิมลาง..
ใครไม่ปลื้มคู่นี่ ไรเตอร์ไม่รู้ค่ะ
แต่ไรเตอร์ปลื้ม....
จะแต่งต่อไปเรื่อยๆ เพราะไรเตอร์เอาแต่ใจ
ชอบไม่ชอบยังไงก็คอมเม้นบอกได้นะคะ
บุญรักษาค่ะ
ความคิดเห็น