หนึ่งคำที่เก็บเอาไว้ - หนึ่งคำที่เก็บเอาไว้ นิยาย หนึ่งคำที่เก็บเอาไว้ : Dek-D.com - Writer

    หนึ่งคำที่เก็บเอาไว้

    เมื่อชายหนุ่มผู้โชคร้ายคนหนึ่ง บังเอิญโดนเวทย์ต้องห้ามโบราณเสกเข้าไป ทำให้ชีวิตภายในหนึ่งวันของเขาได้เปลี่ยนได้อย่างสิ้นเชิง

    ผู้เข้าชมรวม

    249

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    249

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  27 มิ.ย. 55 / 09:20 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
     
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
                               “นี่มัน...อะไรกัน” ชายคนหนึ่งตะโกนออกมาด้วยความหวาดผวาเมื่อพบว่าตนเองกำลังถูกตรึงแขนขาไว้กับท่อนไม้รูปกางเขนท่ามกลางความมืดสนิทและถูกโอบล้อมไว้ด้วยแสงเทียนที่วางอยู่รอบๆตัวเขาเท่านั้น

      “หึ หึ เจ้าจงมากลายเป็นเหยื่อของข้าซะเถอะ” บุคคลลึกลับปรากฏตัวขึ้นมาในชุดผ้าคลุมกับหมวกทรงปีกกว้างสีดำทั้งตัว พร้อมกับหนังสือที่มีสัญลักษณ์ของดาวหกแฉกประดับไว้ที่หน้าปก

      “ชุดนั่น...แม่มดสินะ แล้วก็หนังสือเล่มนั้น”

      “ด้วยอำนาจของวจีแห่งข้า ผู้มีอำนาจเปลี่ยนกลางวันกลายเป็นกลางคืน จงคืบคลานเข้ามาในร่างกายข้าจงสำแดงฤทธิ์แก่คนที่อยู่เบื้องหน้านี้...”แม่มดกางหนังสือขึ้นพร้อมกับร่ายอารัมพบทโดยเป้าหมายก็คือชายผู้ซึ่งถูกตรึงกางเขนอยู่เบื้องหน้าในตอนนี้

      “หรือว่าเธอ...”

      “จงแปรเปลี่ยน!!! มหาวัตรโคจร”

      “อ้ากกกก!” ชายหนุ่มร้องตะโกนออกมาด้วยความเจ็บปวด มีแสงส่องออกมาจากที่หน้าอกของเขา จากนั้นร่างของเขาก็ค่อยๆถูกแสงสีขาวดูดกลืนไปอย่างช้าๆ ฝ่ายแม่มดนั้นกำลังยืนรอดูผลลัพท์ด้วยความตื่นเต้น

      “มันได้ผล...มันได้ผล!!!...ฮ่าฮ่าฮ่า” เธอตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่ง

      “ตู้ม!!!!

      “ว้าย!!!!” แม่มดตะโกนออกมาด้วยความตกใจเมื่อจู่ๆกลับมีควันสีขาวพวบพุ่งออกมาจากร่างของชายหนุ่มจนทั่ว

      “แค่กๆ กะ..เกิดอะไรขึ้น เวทย์มนต์ผิดพลาดหรอ” แม่มดพูดด้วยความสับสน “นี่นัท...เป็นอะไรรึเปล่า”

      “ทะ...ทำบ้าอะไรของเธอเนี่ยเฟิร์น” เสียงอีกคนหนึ่งตะโกนกลับเป็นสัญญาณตอบรับ

      “โธ่เอ๋ย นึกว่าจะไปได้สวยอยู่แล้วเชียว” เธอบ่นออกมาด้วยความเสียดาย “ไอ้เราก็อุตส่าไปค้นเจอตำราเวทย์มนต์เก่า มีคาถาต้องห้ามโบราณที่ทำให้ผิวพรรณ์สวยขึ้นอยู่แล้วเชียว นี่อุตส่าลงทุนสร้างบรรยากาศแถมยังแต่งชุดแม่มดในสมัยก่อนช่วยด้วยแล้วนะเนี่ย” จากนั้นเธอจึงถอดชุดแม่มดสีดำออก ปรากฏร่างของหญิงสาววัยรุ่นคนหนึ่งซึ่งเนื้อตัวมอมแมมไปด้วยคราบของฝุ่นควัน

      ดูเหมือนว่าเพราะแรงระเบิดทำให้ร่างของชายหนุ่มหลุดออกมาจากพัธณาการที่ถูกมัดไว้ทำให้เธอไม่สามารถรู้ได้ว่าเขาอยู่ตรงไหนในที่มืดๆแห่งนี้ เมื่อไม่มีทางเลือกเธอจึงเดินคลำทางไปเรื่อยๆจนพบกับสวิตไฟ เมื่อดวงไฟถูกเปิดขึ้นทำให้ทราบว่าที่นี่คือห้องในคอนโดหลังหนึ่งซึ่งเธอเป็นเจ้าของอยู่นั่นเอง

      “นัท!!! นัทอยู่ไหนเนี่ย” เธอตะโกนเรียกโดยไม่รู้ว่าคนที่เธอตามหานั้นกำลังนอนล้มอยู่ไกล้ๆ

      “ว้ายๆๆ ตุบ” เธอเดินสะดุดร่างของคนๆหนึ่งจนเซถลาไปเล็กน้อย

      “โอ๊ยเฟิร์น เธอจะเตะฉันอีกทำไมห๊ะ”

      “เอ้าอยู่นี่เอง ลุกขึ้นเถอะฉันยังมีเวทย์อีกหลายบทที่อยากจะทดลอง...เอ๋” เธอฉุดร่างของอีกคนขึ้นมา แต่จู่ๆเธอกลับทำหน้าตกใจสุดขีด

      “มีอะไรเฟิร์น”

      “นะ นาย...หน้านาย” เฟิร์นพูดติดขัดด้วยความตกใจ เธอไปที่หน้าของเขาด้วยนิ้วที่สั่นสะท้าน

      “หน้าฉัน หน้าฉันเกิดอะไรขึ้น” เขาจับหน้าตัวเองเบาๆแต่ก็ยังไม่รู้สึกอะไร

      “หน้านายเหมือนฉันเลย!!!” เมื่อเฟิร์นพูดจบเขาก็ทำตาเบิกโพลง พลางรีบเดินตรงไปยังกระจกที่ตั้งอยู่ในห้อง สิ่งที่ปรากฏออกมานั้นคือภาพใบหน้าของหญิงสาวคนหนึ่ง ไม่ใช่แค่ใบหน้าเท่านั้น ทั้งน้ำเสียง ส่วนสูง รูปร่าง สีของลูกตาและเส้นผมของเขาได้เปลี่ยนไปหมดจนมีลักษณะคล้ายคลึงกับผู้ใช้เวทย์มนต์ทุกประการ ด้วยความงุงงกับเรื่องที่เกิดขึ้นในที่สุดก็พบว่าร่างของตัวเองได้เปลี่ยนไปจากเดิมซะแล้ว

      .........................................................................................................................................................

       

      “จริงๆเลย ไม่น่าเชื่อว่าจะมีเวทย์มนต์ที่มำให้กลายเป็นแบบนี้ด้วย” หญิงสาวพร้อมถอนหายใจออกมาขณะที่กำลังเก็บกวาดข้าวของต่างๆที่กระจุยกระจายภายในห้อง

      “อย่ามาทำเป็นทองไม่รู้ร้อนนะ ฉันน่ะเห็นเธอโทรมาบอกว่ามีเรื่องด่วนให้รีบมาทันที แต่ดันกลายเป็นว่าถูกเธอจับมัดไว้เป็นหนูทดลองซะอีก เนี่ยนะเรื่องด่วนของเธอ” ชายหนุ่มในร่างของหญิงสาวโวยวายใส่เต็มที่

      “เอาน่าๆ พอดีเมื่อเช้าฉันเพิ่งนึกได้ว่าแฟนของฉันจะมาเยี่ยมน่ะ เลยหาเวทย์มนต์ที่ช่วยให้ผิวพรรณ์ดูดีขึ้นอยู่ แต่ครั้นจะลองกับตัวเองทันทีมันก็เสี่ยงเกินไปเพราะว่านี่เป็นเวทย์โบราณต้องห้าม ฉันเลยนึกถึงเพื่อนเก่าอย่างนายขึ้นมาเป็นคนแรกเลยดีใจไหมล่ะ”

      “ไม่น่าดีใจเลยสักนิด แล้วเธอมั่นใจนะว่าฉันจะสามารถกลับร่างเดิมได้น่ะ”

      “อย่าห่วงเลยน่า ตามตำราบอกเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าต้องใช้เวลาประมาณหนึ่งวันในการกลับคืนสภาพเดิม เพราะฉะนั้นก่อนหน้านี้มาช่วยฉันทำความสะอาดห้องซะดีๆ” เฟิร์นพูดพร้อมกับยื่นไม้กวาดให้

      “เฮ้อ โดนจับมาเป็นหนูทดลองไม่พอยังโดนใช้งานอีก”

      “ขอร้องนะ ช่วยๆกันหน่อยอีกเดี๋ยวแฟนฉันก็จะมาถึงแล้วล่ะ”

      ดิ้งด่องเหมือนโชคชะตาฟ้ากลั่นแกล้ง ทั้งสองคนพร้อมใจกันหันหน้าไปที่ประตูทันที ถึงแม้จะมองไม่เห็นแต่เพียงแค่เงาที่เล็ดลอดผ่อนช่องด้านล่างประตูก็แทบจะสรุปออกมาในทันทีแล้วว่า เขาคนนั้นคือใคร

      “มาแล้วๆๆ!!!” เฟิร์นตะโกนแบบไม่ออกเสียง ทั้งสองคนรีบตาลีตาเหลือกเก็บข้าวของกันอย่างอุตลุด

      แกร๊กเสียงลูกบิดดั้งขึ้นหัวใจของเฟิร์นแทบจะหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม

      จะให้เขามาเห็นเราในสภาพนี้ไม่ได้อย่างเด็ดขาดเฟิร์นคิดเช่นนั้น “นัท รีบซ่อนตัวเร็ว!!!” เฟิร์นตะโกนโดยที่แทบไม่ออกเสียง

      “ขออนุญาตนะครับ” เสียงชายหนุ่มที่อยู่ข้างนอกดังแทรกเข้ามา บานประตูค่อยๆถูกเปิดอ้าออก

      ไม่ทันแล้วววววววชายหนุ่มผมทองคนหนึ่งก้าวผ่านประตูเข้ามา

      !!!!!

      .........................................................................................................................................................

       

      “...”

      “สวัสดีเฟิร์น” ชายหนุ่มโบกมือทักทายให้กับหญิงสาวที่นั่งเป็นระเบียบอยู่ที่โซฟากลางห้อง

      ...เดี๋ยวก่อนสิ...

      “สะ..สวัสดี เอ่อ..ชื่ออะไรนะ”

      ...มันแปลกๆนะ...

      “พูดอะไรของเธอเนี่ยเราโต้งไง นี่คุยกับคนที่คบกันมาได้สองเดือนกว่ากันแบบนี้หรอ” ชายหนุ่มพูพร้อมกับเดินมานั่งที่โซฟาฝั่งตรงข้าม

      ...ฉันต่างหากที่ต้องไปนั่งอยู่ตรงนั้นน่ะ...

      “อ๋อจริงสิ นั่นสินะ” หญิงสาวหัวเราะแห้งๆ

      “แปลกใจเลยนะเนี่ย ฉันนึกว่าเธอเป็นพวกชอบใส่กระโปรงตลอดเวลาซะอีกแต่คราวนี้กลับใส่กางเกงแฮะ”

      “อะ..อือ อย่างนั้นหรอ”

      ...ไม่ใช่ล่ะ...

       

       

      นี่มันสลับตำแหน่งกันแล้ว!!!!!’ กลายเป็นว่าหญิงสาวลุกลี้ลุกลนจนเผลอมาหลบอยู่ที่ระเบียงด้านนอกที่มีม่านบังเอาไว้อยู่ ส่วนนัทที่ควรเป็นฝ่ายต้องซ่อนกลับนั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋ออยู่บนโซฟาซะงั้น เธอนั่งโอดครวญอยู่คนเดียวด้วยความช้ำใจ

      “หือ เมื่อกี้เสียงอะไรน่ะ” โต้งเอะใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงโอดครวญดังออกมาจากด้านนอก

      “มะ..ไม่มีอะไรหรอกนั่งลงต่อเถอะ” นัท(ในร่างของเฟิร์น)พยายามพูดเบี่ยงประเด็นอย่างสุดความสามารถเพื่อให้โต้งยังคงนั่งอยู่กับที่ ส่วนตัวเองพลางมองไปที่ระเบียงพลางสบตากับหญิงสาวเพื่อเป็นส่งสัญญาณให้เข้าใจตรงกันทันที

      ต้องหาทางสลับตัวกันให้ได้

      “ว่าแต่จะสลับตัวกันยังไงดีล่ะ” เฟิร์นคิดพลางหันไปมองดูสถานการณ์ข้างใน ดูเหมือนทั้งคู่จะเอาแต่นั่งคุยกันจนไม่มีช่องว่างให้แทรกเลย แต่ถ้าดูให้ชัดๆแล้วจะพบว่าโต้งจะเป็นคนคุยฝ่ายเดียวเสียมากกว่า แต่ว่านัท(ในร่างเฟิร์น)เองก็เหลือเกิน ไม่ว่าจะมองยังไงก็ไม่เป็นธรรมชาติสุดๆ ที่สำคัญด้านหลังของตัวเราเป็นแบบนี้เองอย่างนั้นหรือเนี่ย ทำไมผมมันพันกันยุ่งไปหมดแถมยังฟูซะขนาดนั้น แล้วเวลาเรานั่งปกติไหล่จะไม่เท่ากันแบบนี้หรอเนี่ย...

      “...” หลังจากที่คุยกันมาซะยืดยาว จู่ๆโต้งก็หยุดพูดไปเฉยๆ

      “มะ..มีอะไรหรือคะ” นัท(ในร่างเฟิร์น)พยายามอย่างเต็มที่เพื่อไม่ให้ดูผิดสังเกต

      “...มีคนแอบฟังเราอยู่ตรงระเบียง” จากนั้นชายหนุ่มจึงลุกขึ้นทันที

      ซวยแล้วทั้งนัทกับเฟิร์นคิดถึงเรื่องเดียวกันโดยไม่ได้นัดหมาย

      “คิดไปเองหรือเปล่า นะ..นี่มันระเบียงชั้นห้านะ” แม้พยายามรั้งไว้สักแค่ไหนแต่ดูท่าคราวนี้จะหยุดไว้ไม่ได้แล้ว โต้งเดินไปที่ระเบียงจากนั้นจึงเปิดกระชากประตูพร้อมผ้าม่านออกในทันที

      “...”

      “...”

      “...ไม่มีใครเลย” สิ่งที่พบนั้นมีเพียงแต่ระเบียงที่ว่างเปล่า

      “เอ๋...” หญิงสาวหันมาดูบ้าง ร่างของเฟิร์นที่ควรจะซ่อนอยู่ตรงนี้ได้หายไปแล้วจริงๆ แล้วก็...

      “เศษอะไรเนี่ย” มีเศษผงบางอย่างลอยมาตกลงบนหัวของเธอโดยที่โต้งไม่ทันได้สังเกต เมือนัทเงยหน้าหันไปมองก็พบเห็นร่างของหญิงสาวที่ใช้มือและเท้าทั้งสองข้างเกาะเพดานด้านบนเอาไว้อย่างเต็มที่ ใบหน้าที่แดงก่ำราวกับพร้อมจขาดใจได้ในไม่ช้าเป็นสัญญาณบอกอย่างชัดเจนว่า จะไม่ไหวแล้ว

      “เห็นเปล่า ไม่มีอะไรหรอกรีบกลับเข้าห้องเถอะ” นัท(ในร่างเฟิร์น)รีบดันให้โต้งกลับเข้าห้องในทันที เมื่อบานประตูปิดลง

      “ตุ๊บ!!!

      “สะ..เสียงกระเป๋าหล่นน่ะ พอดีเมื่อกี้เผลอไปสะกิดโดนเข้า” จากนั้นหญิงสาวจึงทำท่าก้มเก็บของบนพื้นเพื่อไม่ให้ดูผิดสังเกต ขณะที่หญิงสาวอีกคนข้างนอกตอนนี้กำลังกัดฟันจนน้ำตาไหลเพื่อไม่ให้ร้องออกมา

      “เป็นอะไรหรือเปล่าเฟิร์น ปกติเธอไม่เคยพูดติดอ่างนี่นา”

      “ยะ..อย่างนั้นหรอ”

      “จริงสิเฟิร์น ขอฉันชงกาแฟหน่อยได้ไหม เดี๋ยวฉันทำเผื่อเธอด้วย” โต้งพูดพร้อมทำมือชี้ไปยังห้องครัวแต่ยังมองมาทางหญิงสาวเป็นเชิงขออนุญาตเล็กน้อย

      โอกาสมาแล้ว

      “ได้สิ แน่นอนอยู่แล้ว” หญิงสาวตอบรับอย่างอารมณ์ดีราวกับรอคอยจังหวะนี้มานาน เมื่อชายหนุ่มลุกขึ้นเดินไปที่ห้องครัว บานประตูตรงระเบียงก็ค่อยๆเปิดแง้มออกมาในที่สุด

      “ในที่สุด...ก็เปลี่ยนตัวกันได้ซะที” เฟิร์นพูดออกมาด้วยความเหนื่อยอ่อนขณะที่อีกคนกลับถอนหายใจเบาๆ

      “จริงๆเลย แฟนของเธอเนี่ยคุยเก่งชะมัด แถมยังเอาแต่จ้องจับผิดตลอดเวลาเล่นซะหัวใจแทบจะวาย”

      “เอาน่าๆว่าแต่นายเถอะ นั่งซะตัวแข็งทื่อผิดธรรมชาติแบบนั้นได้ยังไง แถมยังพูดติดอ่างอีก ถ้าเกิดอีกหน่อยเขามองฉันเป็นคนแบบนั้นขึ้นมาจะทำยังไง” เมื่อเฟิร์นพูดจบนัทก็ทำหน้าสงสัย

      “ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย สมัยก่อนเธอก็พูดติดอ่างเป็นประจำอยู่แล้ว”

      “นั่นมันเรื่องเมื่อสมัยก่อนต่างหาก ขืนอยู่ต่อหน้าเขาแล้วพูดติดอ่างละก็ภาพลักษณ์ของฉันก็ป่นปี้หมดพอดีสิ” เฟิร์นพูดพร้อมกับจัดแต่งทรงผมของตัวเองให้ดูเรียบร้อย

      “แล้วเรื่องกระโปรงล่ะ ฉันจำได้ว่าเธอเคยบอกว่าชอบใส่กางเกงมากกว่านี่นา ตอนฉันมาแต่ละทีก็เห็นเธอใส่แต่กางเกงมาตลอด แต่แฟนของเธอพูดซะอย่างกับว่าไม่เคยเห็นเธอใส่กางเกงเลยสักครั้ง”

      “มีใครคนไหนเมื่อยืนต่อหน้าแฟนแล้วไม่อยากให้ตัวเองดูน่ารักบ้างล่ะ เอาเถอะยังไงก็รีบเปลี่ยนตัวกันดีกว่าเดี๋ยวมันจะไม่ทันการ” ว่าแล้วเฟิร์นจึงดันหลังของนัทให้รีบลุกจากที่นั่งไปซ่อนตรงละเบียง

      “เดี๋ยวก่อนสิเฟิร์น แล้วเรื่องเสื้อผ้าล่ะ” คำพูดของนัททำให้เฟิร์นฉุกใจคิดขึ้นมาได้ จริงสิ เราใส่เสื้อผ้ากันคนละแบบนี่นา ถ้าจู่ๆเกิดมาเห็นว่าเป็นเสื้อผ้าคนละชุดกันแล้วจะแก้ตัวยังไงดีละเนี่ย

      “จริงสิ!!!!

      “คิดออกแล้วหรอเฟิร์น”

      “เดี๋ยวฉันไปซ่อนตัวที่ห้องนอนก่อน หลังจากนั้นนายก็บอกกับโต้งว่าจะมาเปลี่ยนชุดเท่านั้น แล้วนายก็ไปซ่อนตัวในห้องนอนซะ”

      “...โอเคตามนั้น”

      “ดีล่ะ งั้นฉัน....”

      “กาแฟมาแล้วครับ” เสียงของชายหนุ่มดังลอดมาจากห้องครัว

      ตุบๆๆๆ ครืด...ปัง!!!!!’ เกิดเหตุชุลมุนเล็กน้อยระหว่างที่โต้งกำลังเดินกลับมา เขามาพร้อมกับกาแฟสองถ้วยที่ถืออยู่ในมือ

      “เกิดอะไรขึ้นหรอเฟิร์น” โต้งถามด้วยความเป็นห่วงก่อนจะยื่นกาแฟหนึ่งถ้วยให้กับหญิงสาวเบื้องหน้า

      “มะ..ไม่มีอะไรหรอก ขอบคุณมากนะ” หญิงสาวขอบคุณจากนั้นจึงรับกาแฟจากมือของชายหนุ่ม

      “...ชุดของเธอเนี่ย”

      “เอ๋ มีอะไรอย่างนั้นหรอ”

      “อ๋อเปล่าหรอก แค่ดูกี่ครั้งก็ยังไม่ชินน่ะที่เห็นเธอใส่กางเกงแบบนี้”

      “...”

      นั่นสินะ สงสัยฉันคงต้องขอตัวไปเปลี่ยนเป็นกระโปรงก่อนแล้วกันก็อยากจะพูดแบบนี้อยู่หรอกแต่ดูท่าว่าคงจะไม่มีประโยขน์ซะแล้ว เพราะเดิมทีที่เป้าหมายคือห้องนอนแต่ด้วยความฉุกละหุกเฟิร์นจึงต้องกลับมาซ่อนที่ตู้เก็บของใกล้ๆซะงั้น ไอ้ครั้นที่จะบอกว่าขอไปเปลี่ยนชุดที่ตู้เก็บของก็คงจะเป็นไปไม่ได้ซะด้วย แล้วจะทำยังไงกันดีหละเนี่ย

      พลาดซะแล้วเฟิร์นแอบร้องไห้ในใจในตู้เก็บของ แบบนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับตอนไปซ่อนที่ระเบียงเลยนะสิ จะดีกว่าก็แค่ตรงที่ได้ยินเสียงพวกเขาคุยกันชัดขึ้นเท่านั้น

      “เฟิร์นลองชิมดูสิ กาแฟถ้วยนั้นฉันชงให้อย่างสุดฝีมือเลยนะ...”

      “งั้นหรอ ถ้าอย่างนั้นก็...”

      กาแฟดำเพียวๆใส่ครีมครึ่งช้อนไม่ใส่น้ำตาลเลยสักช้อน ตามแบบที่เธอชอบ ขนาดฉันยังกินไม่ลงเลยล่ะ”

      “พรู๊ดดดดด!!!!!!! แค่กๆ”

      “เฟิร์น!!! เป็นอะไรหรือเปล่า!!!” โต้งรีบลุกขึ้นไปช่วยดูแลทันทีขณะที่หญิงสาวยังคงสำลักความขมอยู่

      หมด...หมดกันภาพพจน์ของฉัน ลืมไปเลยว่าหมอนี่ดื่มกาแฟไม่ได้เฟิร์นตัวจริงซึ่งซ่อนอยู่หลังตู้ได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดจึงส่ายพร้อมกับเอามือกุมขมับ

      โต้งหยิบกระดาษทิชชู่ขึ้นมาซับหยดกาแฟที่กระเด็นลงบนโต๊ะ “เดี๋ยวฉันเอาผ้ามาให้นะ” จากนั้นจึงลุกออกไป ทำให้เฟิร์นเห็นโอกาส

      นัท ตอนนี้แหละเฟิร์นส่งสัญญาณโดยการเคาะตู้เบาๆเรียกให้นัทหันมามอง

      “.....” เจ้าตัวกลับไม่มีปฏิกริยาตอบรับทำให้เฟิร์นร้อนรนยิ่งขึ้น เธอตัดสินใจแง้มตู้ออกมามองเล็กน้อย เมื่อเห็นว่ามีกันแค่สองคนเท่านั้นจึงออกมาจากตู้

      “นายดื่มกาแฟไม่เป็นไม่ใช่หรอ ไม่เห็นต้องฝืนขนาดนั้นเลยก็ได้”

      “ฉัน...”

      “ผ้ามาแล้ว! โต้งเดินมาพร้อมกับผ้าสะอาดที่ถืออยู่ในมือหนึ่งผืน

      ผลุบจนถึงที่สุดคราวนี้เฟิร์นหลบตรงด้านหลังโชฟาที่นัทนั่งอยู่

      “ดูสิ เลอะหมดเลย” โต้งนำผ้าที่ได้มาเช็ดแขนทั้งสองข้างของหญิงสาว จากนั้นจึงเอื้อมมือมาเช็ดที่หน้า

      “ฉะ..ฉันทำเองได้นายไม่ต้อง...” หญิงสาวเอามือปัดออก

      “ขอฉันทำเถอะ...อย่างน้อยสักครั้งก็ขอให้ฉันช่วยเธอในฐานะแฟนบ้าง” โต้งยิ้มพลางเอาผ้ามาปัดที่แก้มของหญิงสาวเบาๆ

      “.....”

      “เป็นไงบ้าง กลับมาน่ารักขึ้นมาแล้ว”

      “...นาย” หญิงสาวเอ่ยขึ้นมาเบาๆ

      “มีอะไรหรอเฟิร์น”

      “นายชอบฉันตรงไหน...” ไม่รู้ว่าตอนนี้นัท(ในร่างเฟิร์น)กำลังคิดอะไรอยู่กันแน่

      “ฮ่ะ ฮ่ะ ถามแบบนี้มันก็เขินนะ” โต้งหัวเราะพลางยกนิ้วขึ้นมาเกาที่แก้มเบาๆ “...คงเป็นเพราะเฟิร์นสุภาพ เรียบร้อยอยู่เสมอ นิสัยดี น่ารัก พูดจาไพเราะอ่อนหวาน...เว่อร์ไปหรือเปล่าเนี่ยฮ่ะๆ” โต้งพูดพร้อมหลบหน้าไปทางอื่นด้วยความเขิน

      “แล้วถ้าฉันบอกว่า...ความจริงแล้วฉันไม่ได้เป็นอย่างที่นายพูด นายยังจะชอบฉันอยู่หรือเปล่า” คำพูดนั้นนอกจากจะเรียกให้โต้งตื่นจากภวังความเขินแล้ว อีกคนที่ซ่อนอยู่ข้างหลังโซฟาก็สะดุ้งไปด้วยเช่นกัน

      “เอ๋ ทะ..ทำไม”

      “ถ้าเกิดฉันบอกว่า ที่จริงแล้วฉันไม่ได้ชอบนายล่ะ”

      “ทำไมถึงพูดแบบนั้นล่ะ พูดอย่างกับว่าเธอมีคนอื่นแล้วอย่างนั้นเลย”

      “.....ขอโทษนะ”

      !!!!!” ชายหนุมอับจนซึ่งคำพูด ภายในหัวของเขามีความคิดหลายๆอย่างตีกันจนมั่วไปหมด

      “...นายช่วยกลับไปก่อนได้ไหม”

      “...” ชายหนุ่มนิ่งเงียบได้สักพักก่อนจะลูกขึ้นยืน “เฟิร์น ถ้าเธออยากให้ฉันกลับไปก่อนก็ได้นะแต่...” แววตาของเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น รอยยิ้มบางๆผลิออกมาเล็กน้อยตรงมุมปาก “เรื่องที่ฉันชอบเธอเป็นเรื่องจริงอย่างแน่นอน และฉันก็ไม่ยอมตัดใจจากเธอง่ายๆหรอกนะ...” นั่นเป็นคำพูดสุดท้ายก่อนจะหันหลังเดินออกไป

      “ลาก่อนเฟิร์น” ชายหนุ่มเดินออกจากห้องไปเหลือทิ้งไว้เพียงหญิงสาวภายในห้อง เฟิร์นซึ่งซ่อนตัวมานานจึงโผล่ออกมาข้างหลังโซฟา มองไปรอบๆจึงเป็นที่แน่ชัดแล้วว่าโต้งออกไปแล้วจริงๆ

      “นัท นายทำอะไรน่ะ”

      “.....” ชายหนุ่มในร่างของหญิงสาวทำหน้าเครียด

      “ทำไมถึงพูดออกไปแบบนั้นล่ะ”

      “ในอดีต...ขณะที่เด็กชายคนหนึ่งกำลังเล่นอยู่ที่สวนสาธารณะตัวคนเดียว เขาได้พบกับเด็กสาวเพื่อนบ้านที่มาเล่นเช่นเดียวกัน เขาไม่รู้ว่าจะชวนคุยกับเด็กสาวยังไงดีจึงได้เอาปมด้อยพูดติดอ่างของเธอมาล้อบ้าง บอกว่าการกินกาแฟต้องไม่ใส่น้ำตาลบ้าง บอกว่าการใส่กางเกงทำให้ดูไม่น่ารักบ้าง แต่สิ่งที่เขาไม่กล้าบอกมาตลอดคือเขารู้สึกมีความสุขมากเพียงใดที่ได้มีเธอมาเป็นเพื่อนเล่น เขายินดีจะทำทุกอย่างเพื่อให้เธอมีความสุข ถ้าเธอมีเรื่องเดือดร้อน เขายินดีที่จะมาช่วยเสมอถึงแม้ว่าจะรู้ว่าเธอมีแฟนไปแล้ว จนถึงบัดนี้ ความรู้สึกเหล่านั้นก็ยังไม่เปลี่ยนไป...” ในที่สุดนัทก็ได้พูดถึงความรู้สึกที่อัดอั้นมานานออกไปจนได้

      “นัท...”

      “ฉันขอโทษที่ฉันมันขี้ขลาด... เพราะฉันกลัวว่าถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไปอีกละก็...” นัทพูดด้วยสีหน้าจริงจังที่สุดเท่าที่เฟิร์นเคยเห็นมา

      “เฟิร์น ความจริงฉันเองก็ชอบเธอเหมือนกันนะ” เขายิ้ม เป็นรอยยิ้มที่ไม่ได้ปรากฏบนหน้าของเขามานานมากแล้ว

      “เอ๋..คะ..คือ...” หญิงสาวทำตัวไม่ถูก

      “ความจริงแล้ว ตอนที่เธอพูดติดอ่างแบบนี้มันน่ารักมากเลยนะ”

      !!!!!” เฟิร์นสับสนถึงขีดสุด ในหัวของเธอนั้นปั่นป่วนไปหมดแล้ว

      “ดะ...เดี๋ยวสิ เอ๋ จริงสิ ตอนนี้นายเป็นฉันอยู่นี่นา แต่ว่าคนที่อยู่ตรงหน้าฉันคือนาย แล้วนายก็พูดแบบนี้กับฉัน เอ๋!!!” ท่ามกลางความสับสนของเฟิร์น เธอเดินพล่านไปทั่วห้อง

      “ใจเย็นๆก่อนสิเฟิร์น” นัท(ในร่างของเฟิร์น)ลุกขึ้นมารั้งตัวเธอเอาไว้ แต่นั่นทำให้เธอก้าวพลาดจนเผลอปัดไปโดนแจกันตกแตกก่อนที่เธอจะล้มลงไปกระแทกกับพื้น

      “เพล้ง!!! ตุ้บ!!! เกิดเสียงดังสนั่นภายในห้อง จากนั้นเสียงประตูก็ถูกเปิดขึ้นอีกครั้ง

      “เกิดอะไรขึ้น เฟิร์น” ร่างของชายหนุ่มก้าวเข้ามา ดูเหมือนว่าตั้งแต่ออกจากห้องไปแล้วเขายังคงไม่ได้ไปไหน ยังคงทำใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่ แต่ทันทีที่ในห้องเกิดเสียงดังขึ้นจะให้เขาทนยืนเฉยๆอยู่ด้านนอกก็คงจะไม่ได้จึงตัดสินใจเปิดประตูเข้าห้องในที่สุด

      “เฟิร์นเป็นอะไรหรือเปล่า เฟิร์น...เอ๋” และแล้วเขาก็ต้องตกใจกับภาพที่เห็น

      “มีเฟิร์นสองคน?

      .........................................................................................................................................................

       

      “แบบนี้เองสินะ” ชายหนุ่มยกกาแฟขึ้นจิบ ขณะที่เฟิร์นกับนัทซึ่งได้เหล่าอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดแล้วจึงนั่งก้มหน้ายอมรับความผิดในที่สุด

      “ขอโทษด้วยนะโต้ง คือมันเป็นอุบัติเหตุน่ะ” เฟิร์นพนมมือขอโทษชายเบื้องหน้าอย่างสำนึกผิด

      “...นาย ชื่อนัทสินะ...” โต้งหันไปถามหญิงสาวอีกคนที่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเป็นคนอื่น

      “ใช่”

      “นายชอบเฟิร์นอย่างนั้นหรอ”

      “ใช่”

      “แต่เฟิร์นน่ะเป็นของฉัน และฉันไม่ยอมยกให้ง่ายๆหรอกนะ” โต้งพูดพร้มยกตัวข่มด้วยไพ่ที่เหนือกว่า

      “ไม่เป็นไร เพราะฉันนี่แหละจะเป็นคนชิงหัวใจเธอมาเอง” นัทตอบกลับอย่างไม่หวั่นเกรง

      “เอ้า อย่างนี้ก็สวยสิ ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าเธอจะชอบใคร”

      “งั้นทำไมไม่ถามเธอให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยล่ะ”

      “เอ๋”

      “อ๊ะจริงสิ มีวิธีแบบนี้ด้วยนี่นา ถ้าอย่างนั้น” ทั้งสองคนต่างหันมองหน้ามาทางเฟิร์น

      “เธอชอบใครมากกว่ากันล่ะ”  ทั้งสองคนพูดประสานเสียงกันทำเอาเฟิร์นหน้าแดงด้วยความเขิน

      “ฉะ..ฉัน....” จู่ๆเธอก็ลุกขึ้นยืน ตัวสั่นด้วยความสับสน

       

      “...ฉันไม่รู้ด้วยแล้วนะ!!!!!!!!!!!!!....” และแล้วเฟิร์นก็วิ่งหนีไป

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×