ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ราล์ฟ มาเบิร์น
    เฟรินที่เข้างานมานานแล้ว เดินไปรอบ ๆ อย่างใจลอย โดยไม่รู้ตัว ว่าตกเป็นเป้าสายตากว่าคนเกือบครึ่งงาน
    “ โห..ดูนั่นสิ ใครน่ะ สวยจริงๆ ขาวด้วย”
    “ใช่ ๆ คงเป็นคนจากปราสาทขุนนางแน่ ๆ ดูมีสง่าจัง”
    “เห็นแผ่นหลังนั่นมั้ย กล้าเนอะ”    ผู้คนมากมายพากันวิจารณ์อย่างชื่นชม
ผู้ชายคนหนึ่ง ซึ่งมองอยู่นานแล้ว เดินเข้าไปหา
      “สวัสดีครับ ปีเจ็ดใช่มั้ยครับ”
เขาเดินเข้าไปทักทาย
เฟรินหันมามองงง ๆ พอเข้าใจท่าที ใจหนึ่งอยากเดินหนี แต่อีกใจก็อยากเอาชนะคาโล
      “คะ..ค่ะ”                             
ผู้ชายคนนั้นอมยิ้ม เมื่อสังเกตุดี ๆ แล้ว เขาก็หล่อไม่เบา(แม้จะสู้คาโล ไม่ได้  (*-*) )
เรือนผมสีดำขลับยาวปรกต้นคอ ดวงตาสีน้ำเงินเข้ม แล้วรอยยิ้มเก๋ไก๋นั่นอีกล่ะ
    “ไม่เคยเห็นหน้าเลย ชื่ออะไรครับ ผม ราล์ฟ  มาเบิร์น เดอะ  วิซาร์ด ออฟ วิชท์”
เฟรินครุ่นคิดนิดนึง ถ้าจะบอกว่าเป็นหัวขโมยก็คงไม่เหมาะ  หมอนี่คงเผ่น
    “ฉัน....เฟลิโอน่า เกรเดเวล เดอะ พริ๊นเซส ออฟ เดมอส แอนด์ บารามอส ” 
ดวงตาสีน้ำเงินมีประกายแปลกใจเล็ก ๆ ก่อนที่จะพูดว่า
  “โอ..เป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่ได้พบกับเจ้าหญิงคนงามแห่งเดมอส สมคำร่ำลือจริง ๆ”
เขาโน้มลงจุมพืตมือเธอ เฟรินรู้สึกแปลก ๆ สะอิดสะเอียนไงไม่รู้ .
    “ คนของป้อมอัศวินสินะ ผมปราการปราชญ์ครับ”
ทั้งสองคุยกันอย่างร่าเริง โดยหารู้ไม่ ว่าทุกสิ่งทุกอย่างตกอยู่ภายใต้ ดวงเนตรสีฟ้า ตลอด
ชายผู้มีเรือนผมสีเงินขบกรามแน่น
    “เอ่อ.. วันนี้นึกยังไงถึงแต่งเป็นเฟลิโอน่าล่ะ เฟริน”
ราล์ฟเอ่ยอย่างขำ ๆ
    “คุณรู้???”
เฟรินแปลกใจ ก็เรื่องเฟลิโอน่านี่ คนที่รู้มักจะเป็นเพื่อน ๆ ร่วม ป้อม หรือไม่ก็เจ้าชายเจ้าหญิงจากอาณาจักรต่าง ๆ
    “ครับ พ่อผมเป็นคนในวังหลวง ทำไมเรื่องแค่นี้จะไม่รู้”
เฟรินยิ้มเนือย ๆ
    “อ๋อ..ถ้างั้นก็ดี”
    “ไม่เห็นคุณเฟรินจะเป็นอย่างที่เค้าว่าเลยนะครับ ออกจะน่ารักซะด้วยซ้ำ”
นายคนหน้าหล่อ เริ่มแจกขนมจีบ
      “ ..”
สาวน้อยรู้สึกกระอักกระอ่วน ..ตั้งแต่เกิดมาเคยแต่จีบคน นี่แม่งโดนจีบซะเอง เอาไงดีวะตู..
ยังไม่ทันพูดอะไร เสียงแตรช่วยชีวิตก็ดังขึ้นซะก่อน
    “ท่านจ้าวเอวิเดส แห่ง เดมอส เสด็จ”
เสียงดังลั่นคุ้นหู ที่จะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก เจ้าคนแคระเขากวาง โกโดม โคมุส
ผู้คนที่เดินกันขวักไขว่ เริ่มทยอยออกมาให้พ้นหน้าประตู เหล่าอาจารย์ และบรรดาหัวหน้าป้อมต่าง ๆ ออกมายืนรอรับเสด็จ ซึ่งแน่นอน ว่าหนึ่งในนั้น ต้องมี คาโล วาเนบลี เขามองมาทาง เฟรินกับ ราล์ฟ เขม็ง
เธอยิ้มบาง ๆ  ประตูใหญ่ค่อย ๆ เปิด ปรากฏร่างสูงของผู้ชายคนหนึ่ง กับองครักษ์ตัวจิ๋ว
จ้าวปีศาจค่อย ๆ ย่างกรายเข้ามาช้า ๆ ผู้คนต่างโค้ง ทำความเคารพ
ท่านจ้าวหันไปหาคาโล แล้วแย้มปากพูด ให้ได้ยินไปทั่ว
      “ลูกข้าอยู่ไหน เจ้าชายคาโล”
คาโลไม่ตอบ แต่มองมาทางทิศที่เธอยืนอยู่
    ปัดโธ่!! พ่อก็ ไปถามมันทำไมอ่ะ
        “อยู่นี่ ฝ่าบาท”
เธอกลั้นใจพูด เอวิเดสเดินตรงมาหา เขาสวมกอดลูกรัก ฝูงชนรอบ ๆ เฟรินแตกฮือ
    “เหมือนมาก..เหมือนจริง ๆ”
จ้าวปีศาจพึมพำ เฟรินฟังไม่ถนัด
    “ว่าอะไรนะฝ่าบาท”
    “เปล่าลูก พ่อแค่บอกว่าเจ้าใส่ชุดนี้แล้วสวยมาก”
คนทั้งงานมองตรงมาที่เฟริน ทำเอาเจ้าตัวอึดอัด
    “เอ่อ..กระหม่อมว่า ฝ่าบาทออกไปก่อนเถอะ คนมองกันใหญ่แล้ว”
เอวิเดสพยักหน้า เดินไปหาเลโมธี ที่รอต้อนรับอยู่ พร้อมกับ เจ้าชายโรเวน ที่ เสด็จมานานแล้ว
    “แหม องค์หญิงใส่ชุดนี้ขึ้นจริง ๆ นับว่าท่านจ้าวตาถึง ชุดนี้เป็นชุดของท่านอลิเซีย”
โกโมเอ่ยเสียงเจื้อยแจ้ว เฟรินเริ่มเข้าใจที่พ่อเธอบอกว่าเหมือน
    “นี่น่ะหรือ โคมุส แหม!!เล็กสมคำร่ำลือ”
เสียงพูดอย่างขำ ๆ ดังมาจาก ราล์ฟ  ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เธอ
โกโดมหันขวับ  มองอย่างโกรธ ๆ
      “บังอาจ เจ้าเป็นใคร แล้วรู้ไหมว่าข้าเป็นใคร”
      “ข้า ราล์ฟ มาเบิร์น เดอะ วิซาร์ด ออฟ วิชท์ ยินดีที่ได้รู้จัก ท่านโกโดม”
เขาพูดยิ้ม ๆ
      “แล้วไยมายืนอยู่ข้างองค์หญิงของข้า เจ้าชายคาโลหายไปไหนแล้ว”
คนแคระเขากวาง กวาดสายตามองไปเรื่อย ๆ แต่ก็ไม่พบคนที่ต้องการหา
      “องค์หญิง ไยมายืนอยู่กับหมอนี่ล่ะกระหม่อม แล้วพระคู่หมั้นหายไปไหน”
        “พระคู่หมั้น!!”
เธอร้องเสียงหลง หน้าแดง
        “เป็นอย่างที่เขาว่าจริง ๆ เจ้าชายคาโล กับ เจ้าหญิงเฟลิโอน่า”
ราล์ฟพูดอย่างสนใจ
        “เอ้ย..ไม่ใช่นะ”
เฟรินปฏิเสธพัลวัน
คาโลที่ใช้เวทแอบฟังอยู่ห่าง ๆ สะอึก
      “เฟริน .”
      “ถ้างั้น ผมก็มีโอกาสสิครับ”
พ่อมดแห่วิชท์ทำท่ากรุ้มกริ่ม
        “ไม่มีวัน เจ้าหญิงหมั้นกับเจ้าชายคาโลแล้วมิใช่หรือ”
โกโดมเสียงแข็ง
      “ข้อนี้ผมไม่รู้นะ ไข่มุกแสงจันทร์ก็ไม่มี แถมเจ้าตัวยังปฏิเสธอีก อย่างนี้ผมก็ต้องมีโอกาสสิ”
คาโลหน้าตึง นึกอยากทำให้เจ้านี่กลายเป็นสโนแมนขึ้นมาร่ำไร
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
          “ยินดีต้อนรับ กระหม่อม”
มหาปราชญ์เลโมธีเอ่ยขึ้น
      “เดินทางมาเหนื่อย ๆ พักในห้องรับรองก่อนดีมั้ยกระหม่อม”
โรเวนพูดเรียบ ๆ
      “ไม่ต้องหรอก ข้ายังหนุ่มยังแน่น การเดินทางแค่นี้ ไม่ได้ทำให้บั่นทอนพละกำลังซักเท่าไหร่หรอก”
เอวิเดส สรวล ดวงตาจับจ้องไปรอบ ๆ งาน
        “แล้วนี่ บาโร มารึยัง”
จ้าวปีศาจ ตรัสถามถึงบุคคลที่เป็นพระราชบิดา ของว่าที่ลูกเขย
        “ข้ามีเรื่องอยากปรึกษาเกี่ยวกับเฟลิโอน่า และ คาโล”
โรเวนพยักหน้า
          “มาแล้วกระหม่อม มาถึงก่อนฝ่าบาทซักประเดี๋ยว ตอนนี้อยู่ในห้องรับรอง”
        “โอ้!!!ดีเลย งั้นเจ้าพาข้าไปหน่อย”
          “กระหม่อม”
โรเวนเดินนำทางจ้าวปีศาจไปที่ห้องรับรองแขกกิตติมศักดิ์
บุคคลที่อยู่ในนั้นลุกขึ้นยืนทันทีที่เห็นผู้มาใหม่
บาโร วาเนบลี และ วิเวียนนานีย่า
        “เอวิเดส”
บาโรตรัสเบา ๆ
สาวน้อยหนึ่งเดียวในห้อง ย่อตัวลงทำความเคารพ
      “ยินดีต้อนรับเพคะ”
        “นั่งลง ๆ ไม่ต้องมีพิธีรีตองอะไร ข้าล่ะเบื่อ อยู่ในวังตัวเองเจ้าโกโดมมันก็บ้าพิธีพออยู่แล้ว ”
จ้าวปัศาจพูดอย่างเป็นกันเอง บุคคลทั้งสองสรวลเบา ๆ
เอวิเดสนั่งลงที่เก้าอี้ตัวหนึ่ง แล้วเริ่มเข้าเรื่องทันที
      “บาโร ท่านคิดเห็นยังไง กับเรื่อง เฟลิโอน่า และ คาโล”
กษัตริย์หน้าบากอึ้งไปนิด
      “ก็..สมกันดี”
ราชินีแห่งเวนอลยิ้มในหน้า
      “ข้าคิดว่า เราควรจัดการเรื่องนี้ได้แล้ว ทั้งสองคนก็เรียนจบแล้ว จับหมั้นกันเลยเป็นไง”
บาโรชะงัก เรื่องนี้ไม่เคยมีอยู่ในหัว
        “อ่า..”
เขาอ้ำอึ้ง
        “แต่ว่า คาโลกับเฟลิโอน่าหมั้นกันแล้วมิใช่หรือ”
เอวิเดสสรวลลั่น
    “โธ่!!!นั่นมันเรื่องเด็ก ๆ ถ้าจะหมั้นกันจริง ๆ ทำไมไม่เอาให้มันใหญ่โตไปเลยล่ะ”
วิเวียนนานีย่าตื่นเต้นใหญ่ เผลอตัวพูด
    “อุ้ย!!ดีค่ะ ดี พี่หญิงกับคาโลจะได้สมหวัง”
พูดจบก็ต้องหน้าแดง เพราะพูดออกมาไม่ถูกกาละเทศะ บาโรจ้องเขม็ง
จ้าวปีศาจไม่ถืออะไร
      “แม่หนูคนนี้พูดดีแฮะ เอามั้ยล่ะ ท่านบาโร”
ชายผิวสีทองแดงนิ่งคิด
    “คงต้องอยู่ที่ลูกข้า”
      “แอ๊ด”
ประตูใหญ่ถูกเปิด ทั้ง 3 หันไปมองผู้ที่มาขัดจังหวะการสนทนา
    “โกโดม”
เอวิเดสเอ่ยเสียงเหี้ยม
      “ขออภัยฝ่าบาท แต่หม่อมฉันมีเรื่องมาเรียน”
พูดจบ เจ้าโคมุสตัวจิ๋ว ก็รีบรายงานเรื่องของ เฟริน และ ราล์ฟ เป็นชุด หน้าตาตลกของมันดูฉุนจัด
จ้าวปีศาจที่ทุกคนเกรงกลัวนั่งเครียด
      “จริงเหรอโกโดม พี่หญิงเป็นอะไรไป ทำไมถึงทำอย่างนี้”
วิเวียนนานีย่าชิงพูดขึ้น
เอวิเดสเห็นด้วย
    “ใช่..มันจะเป็นไปได้อย่างไร ก็เฟลิโอน่า รัก อยู่กับคาโลนี่”
      “เรื่องนั้นหม่อมฉันทราบ แต่ตอนนี้เจ้าหญิงไม่รู้เป็นอะไร จี๋จ๋าอยู่กับนายราล์ฟนั่น ท่านคาโลเองก็หายหัวไป  เลย”
      “ไหนบอกใหม่ซิ เจ้านั่นชื่ออะไรนะ”
กษัตริย์ผิวสีทองแดง ซึ่งนั่งฟังอยู่เงียบตรัสออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
        “อ่า..ราล์ฟ มาเบิร์น เดอะ วิซาร์ด ออฟ วิทช์ กระหม่อม”
บาโรนั่งนิ่งอย่างกำลังใช้ความคิด
      “ข้าว่าข้ารู้จักเจ้านั่น  ตระกูลมาเบิร์น ในวิทช์  เป็นตระกูลใหญ่ และประมุขของตระกูล รูเพิร์ท เป็นเพื่อนของฉันตอนเรียนที่ร.ร.นี้  แสดงว่าราล์ฟนั่นต้องเป็นลูกชายของรูเพิร์ทอย่างแน่นอน และถ้าสิ่งที่ฉันได้ยินมาไม่ผิด
เจ้านั่นมันหาคู่ให้ลูกชายแล้วนี่ เป็นผู้หญิงวิทช์ นั่นแหละ”
บาโรสาธยายเรียบ ๆ
        “แล้วถ้างั้น นายนั่นจะมายุ่งกับพี่หญิงทำไมล่ะ”
ประมุขแห่งเวนอลเอ่ยขึ้นอย่างทนไม่ได้
        “กระหม่อมว่าเราต้องจัดการเรื่องนี้แล้วมั้ง”
เอวิเดสส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย
      “เราควรปล่อยให้ให้เป็นเรื่องของเด็ก ๆ มากกว่า ถ้าเข้าไปยุ่มย่าม คงไม่ดีนัก”
      “งั้นหม่อมฉันขอไปดูลาดเลาก่อนนะกระหม่อม”        (พูดเหมือนจะไปรบเลยเนอะ อิ อิ )         
- - - - - - --- - -- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -- - - - - -
    “ โห..ดูนั่นสิ ใครน่ะ สวยจริงๆ ขาวด้วย”
    “ใช่ ๆ คงเป็นคนจากปราสาทขุนนางแน่ ๆ ดูมีสง่าจัง”
    “เห็นแผ่นหลังนั่นมั้ย กล้าเนอะ”    ผู้คนมากมายพากันวิจารณ์อย่างชื่นชม
ผู้ชายคนหนึ่ง ซึ่งมองอยู่นานแล้ว เดินเข้าไปหา
      “สวัสดีครับ ปีเจ็ดใช่มั้ยครับ”
เขาเดินเข้าไปทักทาย
เฟรินหันมามองงง ๆ พอเข้าใจท่าที ใจหนึ่งอยากเดินหนี แต่อีกใจก็อยากเอาชนะคาโล
      “คะ..ค่ะ”                             
ผู้ชายคนนั้นอมยิ้ม เมื่อสังเกตุดี ๆ แล้ว เขาก็หล่อไม่เบา(แม้จะสู้คาโล ไม่ได้  (*-*) )
เรือนผมสีดำขลับยาวปรกต้นคอ ดวงตาสีน้ำเงินเข้ม แล้วรอยยิ้มเก๋ไก๋นั่นอีกล่ะ
    “ไม่เคยเห็นหน้าเลย ชื่ออะไรครับ ผม ราล์ฟ  มาเบิร์น เดอะ  วิซาร์ด ออฟ วิชท์”
เฟรินครุ่นคิดนิดนึง ถ้าจะบอกว่าเป็นหัวขโมยก็คงไม่เหมาะ  หมอนี่คงเผ่น
    “ฉัน....เฟลิโอน่า เกรเดเวล เดอะ พริ๊นเซส ออฟ เดมอส แอนด์ บารามอส ” 
ดวงตาสีน้ำเงินมีประกายแปลกใจเล็ก ๆ ก่อนที่จะพูดว่า
  “โอ..เป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่ได้พบกับเจ้าหญิงคนงามแห่งเดมอส สมคำร่ำลือจริง ๆ”
เขาโน้มลงจุมพืตมือเธอ เฟรินรู้สึกแปลก ๆ สะอิดสะเอียนไงไม่รู้ .
    “ คนของป้อมอัศวินสินะ ผมปราการปราชญ์ครับ”
ทั้งสองคุยกันอย่างร่าเริง โดยหารู้ไม่ ว่าทุกสิ่งทุกอย่างตกอยู่ภายใต้ ดวงเนตรสีฟ้า ตลอด
ชายผู้มีเรือนผมสีเงินขบกรามแน่น
    “เอ่อ.. วันนี้นึกยังไงถึงแต่งเป็นเฟลิโอน่าล่ะ เฟริน”
ราล์ฟเอ่ยอย่างขำ ๆ
    “คุณรู้???”
เฟรินแปลกใจ ก็เรื่องเฟลิโอน่านี่ คนที่รู้มักจะเป็นเพื่อน ๆ ร่วม ป้อม หรือไม่ก็เจ้าชายเจ้าหญิงจากอาณาจักรต่าง ๆ
    “ครับ พ่อผมเป็นคนในวังหลวง ทำไมเรื่องแค่นี้จะไม่รู้”
เฟรินยิ้มเนือย ๆ
    “อ๋อ..ถ้างั้นก็ดี”
    “ไม่เห็นคุณเฟรินจะเป็นอย่างที่เค้าว่าเลยนะครับ ออกจะน่ารักซะด้วยซ้ำ”
นายคนหน้าหล่อ เริ่มแจกขนมจีบ
      “ ..”
สาวน้อยรู้สึกกระอักกระอ่วน ..ตั้งแต่เกิดมาเคยแต่จีบคน นี่แม่งโดนจีบซะเอง เอาไงดีวะตู..
ยังไม่ทันพูดอะไร เสียงแตรช่วยชีวิตก็ดังขึ้นซะก่อน
    “ท่านจ้าวเอวิเดส แห่ง เดมอส เสด็จ”
เสียงดังลั่นคุ้นหู ที่จะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก เจ้าคนแคระเขากวาง โกโดม โคมุส
ผู้คนที่เดินกันขวักไขว่ เริ่มทยอยออกมาให้พ้นหน้าประตู เหล่าอาจารย์ และบรรดาหัวหน้าป้อมต่าง ๆ ออกมายืนรอรับเสด็จ ซึ่งแน่นอน ว่าหนึ่งในนั้น ต้องมี คาโล วาเนบลี เขามองมาทาง เฟรินกับ ราล์ฟ เขม็ง
เธอยิ้มบาง ๆ  ประตูใหญ่ค่อย ๆ เปิด ปรากฏร่างสูงของผู้ชายคนหนึ่ง กับองครักษ์ตัวจิ๋ว
จ้าวปีศาจค่อย ๆ ย่างกรายเข้ามาช้า ๆ ผู้คนต่างโค้ง ทำความเคารพ
ท่านจ้าวหันไปหาคาโล แล้วแย้มปากพูด ให้ได้ยินไปทั่ว
      “ลูกข้าอยู่ไหน เจ้าชายคาโล”
คาโลไม่ตอบ แต่มองมาทางทิศที่เธอยืนอยู่
    ปัดโธ่!! พ่อก็ ไปถามมันทำไมอ่ะ
        “อยู่นี่ ฝ่าบาท”
เธอกลั้นใจพูด เอวิเดสเดินตรงมาหา เขาสวมกอดลูกรัก ฝูงชนรอบ ๆ เฟรินแตกฮือ
    “เหมือนมาก..เหมือนจริง ๆ”
จ้าวปีศาจพึมพำ เฟรินฟังไม่ถนัด
    “ว่าอะไรนะฝ่าบาท”
    “เปล่าลูก พ่อแค่บอกว่าเจ้าใส่ชุดนี้แล้วสวยมาก”
คนทั้งงานมองตรงมาที่เฟริน ทำเอาเจ้าตัวอึดอัด
    “เอ่อ..กระหม่อมว่า ฝ่าบาทออกไปก่อนเถอะ คนมองกันใหญ่แล้ว”
เอวิเดสพยักหน้า เดินไปหาเลโมธี ที่รอต้อนรับอยู่ พร้อมกับ เจ้าชายโรเวน ที่ เสด็จมานานแล้ว
    “แหม องค์หญิงใส่ชุดนี้ขึ้นจริง ๆ นับว่าท่านจ้าวตาถึง ชุดนี้เป็นชุดของท่านอลิเซีย”
โกโมเอ่ยเสียงเจื้อยแจ้ว เฟรินเริ่มเข้าใจที่พ่อเธอบอกว่าเหมือน
    “นี่น่ะหรือ โคมุส แหม!!เล็กสมคำร่ำลือ”
เสียงพูดอย่างขำ ๆ ดังมาจาก ราล์ฟ  ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เธอ
โกโดมหันขวับ  มองอย่างโกรธ ๆ
      “บังอาจ เจ้าเป็นใคร แล้วรู้ไหมว่าข้าเป็นใคร”
      “ข้า ราล์ฟ มาเบิร์น เดอะ วิซาร์ด ออฟ วิชท์ ยินดีที่ได้รู้จัก ท่านโกโดม”
เขาพูดยิ้ม ๆ
      “แล้วไยมายืนอยู่ข้างองค์หญิงของข้า เจ้าชายคาโลหายไปไหนแล้ว”
คนแคระเขากวาง กวาดสายตามองไปเรื่อย ๆ แต่ก็ไม่พบคนที่ต้องการหา
      “องค์หญิง ไยมายืนอยู่กับหมอนี่ล่ะกระหม่อม แล้วพระคู่หมั้นหายไปไหน”
        “พระคู่หมั้น!!”
เธอร้องเสียงหลง หน้าแดง
        “เป็นอย่างที่เขาว่าจริง ๆ เจ้าชายคาโล กับ เจ้าหญิงเฟลิโอน่า”
ราล์ฟพูดอย่างสนใจ
        “เอ้ย..ไม่ใช่นะ”
เฟรินปฏิเสธพัลวัน
คาโลที่ใช้เวทแอบฟังอยู่ห่าง ๆ สะอึก
      “เฟริน .”
      “ถ้างั้น ผมก็มีโอกาสสิครับ”
พ่อมดแห่วิชท์ทำท่ากรุ้มกริ่ม
        “ไม่มีวัน เจ้าหญิงหมั้นกับเจ้าชายคาโลแล้วมิใช่หรือ”
โกโดมเสียงแข็ง
      “ข้อนี้ผมไม่รู้นะ ไข่มุกแสงจันทร์ก็ไม่มี แถมเจ้าตัวยังปฏิเสธอีก อย่างนี้ผมก็ต้องมีโอกาสสิ”
คาโลหน้าตึง นึกอยากทำให้เจ้านี่กลายเป็นสโนแมนขึ้นมาร่ำไร
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
          “ยินดีต้อนรับ กระหม่อม”
มหาปราชญ์เลโมธีเอ่ยขึ้น
      “เดินทางมาเหนื่อย ๆ พักในห้องรับรองก่อนดีมั้ยกระหม่อม”
โรเวนพูดเรียบ ๆ
      “ไม่ต้องหรอก ข้ายังหนุ่มยังแน่น การเดินทางแค่นี้ ไม่ได้ทำให้บั่นทอนพละกำลังซักเท่าไหร่หรอก”
เอวิเดส สรวล ดวงตาจับจ้องไปรอบ ๆ งาน
        “แล้วนี่ บาโร มารึยัง”
จ้าวปีศาจ ตรัสถามถึงบุคคลที่เป็นพระราชบิดา ของว่าที่ลูกเขย
        “ข้ามีเรื่องอยากปรึกษาเกี่ยวกับเฟลิโอน่า และ คาโล”
โรเวนพยักหน้า
          “มาแล้วกระหม่อม มาถึงก่อนฝ่าบาทซักประเดี๋ยว ตอนนี้อยู่ในห้องรับรอง”
        “โอ้!!!ดีเลย งั้นเจ้าพาข้าไปหน่อย”
          “กระหม่อม”
โรเวนเดินนำทางจ้าวปีศาจไปที่ห้องรับรองแขกกิตติมศักดิ์
บุคคลที่อยู่ในนั้นลุกขึ้นยืนทันทีที่เห็นผู้มาใหม่
บาโร วาเนบลี และ วิเวียนนานีย่า
        “เอวิเดส”
บาโรตรัสเบา ๆ
สาวน้อยหนึ่งเดียวในห้อง ย่อตัวลงทำความเคารพ
      “ยินดีต้อนรับเพคะ”
        “นั่งลง ๆ ไม่ต้องมีพิธีรีตองอะไร ข้าล่ะเบื่อ อยู่ในวังตัวเองเจ้าโกโดมมันก็บ้าพิธีพออยู่แล้ว ”
จ้าวปัศาจพูดอย่างเป็นกันเอง บุคคลทั้งสองสรวลเบา ๆ
เอวิเดสนั่งลงที่เก้าอี้ตัวหนึ่ง แล้วเริ่มเข้าเรื่องทันที
      “บาโร ท่านคิดเห็นยังไง กับเรื่อง เฟลิโอน่า และ คาโล”
กษัตริย์หน้าบากอึ้งไปนิด
      “ก็..สมกันดี”
ราชินีแห่งเวนอลยิ้มในหน้า
      “ข้าคิดว่า เราควรจัดการเรื่องนี้ได้แล้ว ทั้งสองคนก็เรียนจบแล้ว จับหมั้นกันเลยเป็นไง”
บาโรชะงัก เรื่องนี้ไม่เคยมีอยู่ในหัว
        “อ่า..”
เขาอ้ำอึ้ง
        “แต่ว่า คาโลกับเฟลิโอน่าหมั้นกันแล้วมิใช่หรือ”
เอวิเดสสรวลลั่น
    “โธ่!!!นั่นมันเรื่องเด็ก ๆ ถ้าจะหมั้นกันจริง ๆ ทำไมไม่เอาให้มันใหญ่โตไปเลยล่ะ”
วิเวียนนานีย่าตื่นเต้นใหญ่ เผลอตัวพูด
    “อุ้ย!!ดีค่ะ ดี พี่หญิงกับคาโลจะได้สมหวัง”
พูดจบก็ต้องหน้าแดง เพราะพูดออกมาไม่ถูกกาละเทศะ บาโรจ้องเขม็ง
จ้าวปีศาจไม่ถืออะไร
      “แม่หนูคนนี้พูดดีแฮะ เอามั้ยล่ะ ท่านบาโร”
ชายผิวสีทองแดงนิ่งคิด
    “คงต้องอยู่ที่ลูกข้า”
      “แอ๊ด”
ประตูใหญ่ถูกเปิด ทั้ง 3 หันไปมองผู้ที่มาขัดจังหวะการสนทนา
    “โกโดม”
เอวิเดสเอ่ยเสียงเหี้ยม
      “ขออภัยฝ่าบาท แต่หม่อมฉันมีเรื่องมาเรียน”
พูดจบ เจ้าโคมุสตัวจิ๋ว ก็รีบรายงานเรื่องของ เฟริน และ ราล์ฟ เป็นชุด หน้าตาตลกของมันดูฉุนจัด
จ้าวปีศาจที่ทุกคนเกรงกลัวนั่งเครียด
      “จริงเหรอโกโดม พี่หญิงเป็นอะไรไป ทำไมถึงทำอย่างนี้”
วิเวียนนานีย่าชิงพูดขึ้น
เอวิเดสเห็นด้วย
    “ใช่..มันจะเป็นไปได้อย่างไร ก็เฟลิโอน่า รัก อยู่กับคาโลนี่”
      “เรื่องนั้นหม่อมฉันทราบ แต่ตอนนี้เจ้าหญิงไม่รู้เป็นอะไร จี๋จ๋าอยู่กับนายราล์ฟนั่น ท่านคาโลเองก็หายหัวไป  เลย”
      “ไหนบอกใหม่ซิ เจ้านั่นชื่ออะไรนะ”
กษัตริย์ผิวสีทองแดง ซึ่งนั่งฟังอยู่เงียบตรัสออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
        “อ่า..ราล์ฟ มาเบิร์น เดอะ วิซาร์ด ออฟ วิทช์ กระหม่อม”
บาโรนั่งนิ่งอย่างกำลังใช้ความคิด
      “ข้าว่าข้ารู้จักเจ้านั่น  ตระกูลมาเบิร์น ในวิทช์  เป็นตระกูลใหญ่ และประมุขของตระกูล รูเพิร์ท เป็นเพื่อนของฉันตอนเรียนที่ร.ร.นี้  แสดงว่าราล์ฟนั่นต้องเป็นลูกชายของรูเพิร์ทอย่างแน่นอน และถ้าสิ่งที่ฉันได้ยินมาไม่ผิด
เจ้านั่นมันหาคู่ให้ลูกชายแล้วนี่ เป็นผู้หญิงวิทช์ นั่นแหละ”
บาโรสาธยายเรียบ ๆ
        “แล้วถ้างั้น นายนั่นจะมายุ่งกับพี่หญิงทำไมล่ะ”
ประมุขแห่งเวนอลเอ่ยขึ้นอย่างทนไม่ได้
        “กระหม่อมว่าเราต้องจัดการเรื่องนี้แล้วมั้ง”
เอวิเดสส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย
      “เราควรปล่อยให้ให้เป็นเรื่องของเด็ก ๆ มากกว่า ถ้าเข้าไปยุ่มย่าม คงไม่ดีนัก”
      “งั้นหม่อมฉันขอไปดูลาดเลาก่อนนะกระหม่อม”        (พูดเหมือนจะไปรบเลยเนอะ อิ อิ )         
- - - - - - --- - -- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -- - - - - -
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น