คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : การแก้แค้นกับความวุ่นวายของคนสองคน
ตอนที่ 6 การแก้แค้นกับความวุ่นวายของคนสองคน
" พิ้งค์!!!!!!! " ฉันหันหลังและวิ่งไปที่อาคารเรียนสุดชีวิต แม้จะได้ยินเสียงพี่กายตะโกนตามหลังมา ฉันภาวนาอยู่ในใจว่าอย่าให้เกิดอะไรขึ้นกับพิ้งค์เลย เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวอะไรกับพิ้งค์ ฉันจะไม่อภัยตัวเองเด็ดขาดถ้าพิ้งค์เป็นอะไรไป ฉันวิ่งขึ้นอาคารเรียนไป เมื่อวิ่งพรวดเข้าไปในห้องก็ต้องเจอพี่สาวฝาแฝดของฉันอยู่ในสภาพที่ไม่มีทางสู้ ใบหน้าที่ขาวใส มีแต่คราบน้ำตา รอยแดงช้ำ ที่ปากมีเลือดไหลออกมา ผมที่เคยมัดเรียบร้อยแต่ตอนนี้กลับยุ่งเหยิง เสื้อผ้าสกปรก ขาดหลุดหลุ่ย ฉันเงยหน้ามองพวกหมาหมู่ที่มันทำร้ายพี่สาวของฉัน ฉันจะฆ่ามัน!!!!!!!
ฉันเดินเข้ากระชากผมใครก็ไม่รู้ รู้แต่ว่ามันเป็นคนที่ทำร้ายพิ้งค์ ก่อนที่พวกมันจะได้สติ ฉันตบซ้าย ตบขวา แล้วต่อยท้องซ้ำ แล้วจับโยนให้ไปนอนจุกอยู่ข้างโต๊ะเรียน แล้วก็เริ่มจัดการคนต่อไปเรื่อยๆ จนคนสุดท้าย.....กาน ฉันก็ไม่เว้น ทุกคนมีสภาพไม่ต่างไปจากพิ้งค์ อาจจะมากกว่าพิ้งค์ด้วยซ้ำ แต่กานที่มีสติคิดจะสู้กับฉัน ได้!! ถ้าต้องการอย่างนั้น ฉันเปลี่ยนจากตบเป็นต่อยแทน แต่ฉันเสียจังหวะทำให้กานตบฉันได้ครั้งหนึ่ง ฉันรู้สึกถึงรสเลือดในปาก ฉันจะไม่ไว้ชีวิตใครทั้งนั้น ฉันทั้งตบและต่อยกานจนลงไปนอนกับพื้น แต่กานก็ลุกขึ้นมา และกำลังก้าวมาเพื่อตบฉันที่เจ็บเท้าเพราะโดนขาโต๊ะเข้าเต็มแรง ฉันเลยใช้เท้าถีบเข้าไปที่ท้องกานก่อนที่ตัวเองจะล้มลง พอดีกับที่พี่กายวิ่งเข้ามาในห้องพอดี ทำให้ยัยพวกนั้นพากันวิ่งหนีออกไปทันที
" ผิงๆๆ เป็นอะไร ผิง!!! " พี่กายเข้ามาประคองฉัน
" พิ้งค์! ไปดูพิ้งค์ก่อน พี่กายไปดูพิ้งค์ก่อน " พี่กายผละจากฉันไปดูพิ้งค์ที่หมดสติไปนานแล้ว
" พาพิ้งค์ไปโรงพยาบาล พี่กายพาพิ้งค์ไปซิ ไป! " ฉันพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นยืน และค่อยๆเดินเข้าไปหาพี่กายที่นั่งประคองพิ้งค์อยู่ พี่กายจึงช้อนตัวพิ้งค์ขึ้นแล้วอุ้มลงมาที่รถของพี่กายเอง ฉันที่เดินกระเผกๆตามมาก็ขึ้นไปนั่งกับพิ้งค์ที่เบาะด้านหลัง
" พิ้งค์! พูดกับผิงหน่อยสิ พิ้งค์! " ฉันจับหน้าก็พิ้งค์เบาๆ แต่ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใด ๆ
" ผิงขอโทษ...ขอโทษจริงๆ....มันเป็นเพราะผิงคนเดียว...เพราะผิงคนเดียว.... " พิ้งค์ยังคงนอนนิ่งอยู่อย่างนั้น ฉันได้แต่พร่ำพูดขอโทษออกมามากมาย พร้อมๆ น้ำตาที่ไหลรินไม่หยุดเช่นกัน
" ญาตรอข้างนอกน่ะค่ะ " เมื่อเตียงผู้ป่วยที่พิ้งค์นอนอยู่ได้ถูกเข็นเข้าไปในห้องฉุกเฉิน ฉันจึงได้ยืนเกาะประตูอยู่เช่นนั้น ก่อนที่พี่กายจะพาฉันไปให้คุณพยาบาลทำแผล ฉันไม่ได้สนใจตัวเองเลยซักนิด สิ่งที่ฉันได้รับมันยังน้อยมาก...น้อยกว่าที่พิ้งค์ได้รับ ทั้งที่มันไม่ใช้ความผิดของพิ้งค์ ถ้าพิ้งค์เป็นอะไรไปฉันจะไม่มีทางให้อภัยตัวเองเด็ดขาด....
" ผิงใจเย็นๆ น่ะ พิ้งค์ต้องไม่เป็นอะไร เชื่อพี่เถอะนะ " พี่กายนั่งลงข้างๆ ฉันที่นั่งรออยู่หน้าห้องฉุกเฉิน
" ผิง! "
" แม่!.... " ฉันหันไปตามเสียงก่อนที่จะโผเข้ากอดกับคุณแม่แล้วก็ร้องไห้กันทั้งคู่
" พิ้งค์! เป็นยังไงบ้างลูก พิ้งค์อยู่ไหน "
" อยู่ในห้องฉุกเฉินค่ะแม่ "
" ไม่เป็นไรๆ...... " คุณแม่พูดปลอบใจทั้งฉันและตัวเอง
" เพราะหนูคนเดียว แม่! หนูทำให้พิ้งค์ต้องเป็นแบบนี้....หนูขอโทษ.... " ฉันยังร้องไห้ไม่หยุด เพราะฉันคนเดียวๆ...
" ไม่เป็นไรนะ ผิง ลูกอย่าร้องไห้นะ มันไม่ใช่ความผิดของลูกเลย.... "
" หนูจะไม่มีทางให้อภัยพวกมัน มันต้องรับผิดชอบในสิ่งที่มันทำกับพิ้งค์ หนูจะไม่ยอม...เด็ดขาด " ถึงแม้น้ำตาของฉันจะยังไหลรินเพียงใด แต่ความโกรธแค้นในใจยังคงร้อนลุ่มอยู่ไม่ลดละ
" ใจเย็นๆ ลูก พิ้งค์ต้องไม่เป็นอะไร เชื่อแม่สิ "
" " ฉันยังคงกอดคุณแม่อยู่เช่นนั้นจนประตูห้องฉุกเฉินเปิดออก เตียงผู้ป่วยที่พิ้งค์นอนก็ถูกเข็นออกมาพร้อมกับคุณหมอที่เดินออกมาด้วย
" คุณหมอค่ะ ลูกฉันเป็นยังไงบ้างค่ะ " คุณแม่วิ่งเข้าไปหาคุณหมอทันที
" ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงแล้วครับ ตอนนี้ก็ให้คนไข้พักผ่อนอย่างเต็มที่นะครับ "
" ขอบคุณค่ะ คุณหมอ " คุณแม่หันหลังกลับมาจับมือฉันแล้วพาวิ่งตามเตียงผู้ป่วยที่พิ้งค์นอนอยู่จนไปถึงห้องพักผู้ป่วย
" ขอบคุณมากค่ะ " คุณแม่พูดกับบุรุษพยาบาลก่อนจะเดินมาหาพิ้งค์ที่เตียง แล้วค่อยๆ ลูบใบหน้าของพิ้งค์ช้าๆ ฉันเห็นภาพตรงหน้าก็ทำให้ตัวเองรู้สึกผิดมากขึ้นไปอีก
" แม่หนูอยากกลับบ้าน แม่นอนเป็นเพื่อนพิ้งค์นะ "
" ผิง หนูอย่าคิดมากนะลูก "
" หนูไม่เป็นไรค่ะแม่ หนูแค่เหนื่อย....เหนื่อยจริงๆ "
" ก็ได้จ๊ะ แล้วหนูจะกลับยังไงล่ะลูก.... "
" เออ.....ขอโทษครับคุณน้า เดี๋ยวผมไปส่งผิงให้ก็ได้ครับ " พี่กายที่เดินตามฉันกับแม่มาเงียบๆ เอ่ยขึ้น
" อ้าว กาย งั้นน้าฝากน้องด้วยน่ะลูก "
" ครับ ไม่ต้องเป็นห่วงครับ "
" กลับบ้านแล้วอย่าคิดมากนะลูก ผิง! "
" ค่ะ หนูรักแม่กับพิ้งค์มากน่ะค่ะ " ฉันกอดแม่อีกครั้ง
" จ้า แม่รู้ๆ แม่ก็รักลูกน่ะ " ฉันผละออกจากคุณแม่แล้วเดินออกมาจากห้องพักของพิ้งค์ ก่อนเดินช้าๆ ลงไปที่รถของพี่กายที่จอดอยู่หน้าโรงพยาบาล เมื่อรถแล่นออกสู่ถนน ความเงียบเข้าครอบคลุม ฉันจึงเริ่มร้องไห้อย่างเงียบๆ อีกครั้ง
" ผิง! "
" .."
" ผิง! ครับ "
" ฮือ! " ฉันขานรับเบาๆ
" อย่าคิดมากนะครับ ผิง "
" .."
" ทุกอย่างมันเป็นเพราะพี่คนเดียว พี่จะจัดการทุกอย่างเองน่ะครับ "
" .."
" ผิง สบายใจได้ พิ้งค์ไม่เป็นอะไรแล้ว เลิกร้องไห้ซะ ขี้แยจริงๆ "
" ผิงไม่ได้ขี้แย.....แต่ว่าพี่กายจะจัดการเรื่องนี้ยังไง "
" กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นพี่จะสนองให้เองครับ "
" ฮึๆ " ฉันหัวเราะออกมาเบาๆ
" ผิงหัวเราะแล้ว "
" ................... "
" หิวไหม เดี๋ยวแวะหาอะไรทานก่อนนะ "
" อืม " ฉันขานรับสั้นๆ อีกครั้ง พี่กายพาฉันแวะกินชายสี่ บะหมี่เกี๋ยว ฉันจึงตั้งหน้าตั้งตากินโดยไม่ได้พูดอะไรเพราะเพิ่งรู้สึกหิวมากๆ เมื่อกินอิ่มฉันจึงนั่งหลับไประว่างทางที่จะกลับบ้าน
" ผิงครับ "
" "
" ผิง! ถึงบ้านแล้วครับ "
" ฮึ! อ้อ ถึงแล้วหรอ ขอบคุณมากนะที่มาส่ง " ฉันเปิดประตูรถแล้วเดินลงอย่างงัวเงีย
" แต่ผิง.....บ้านผิงเนี้ยเหมือนไม่มีคนอยู่เลยนะ " พี่กายถามฉันพลางมองเข้าไปในบ้านที่ตอนนี้มืดสนิท
" ก็ใช่นะสิ บ้านนี้มีฉัน พิ้งค์แล้วก็คุณแม่ "
" งั้นคืนนี้ผิงก็อยู่บ้านคนเดียวนะสิ มันอันตรายนะ " พูดแปลกๆ นะเนี้ย
" ไม่เป็นไร ฉันอยู่บ้านนี้ตั้งแต่เกิดนะ"
" ผิงเป็นผู้หญิงนะ อยู่บ้านคนเดียว บ้านหลังก็ใหญ่ มันอันตรายมากเลยรู้ไหม "
" แค่คืนเดียวเอง "
" อะไรมันก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้นล่ะ " ก็ใช่นะสิ หรือว่าพี่กายเกิดอยากจะอยู่เป็นเพื่อนฉันขึ้นมารึไงเนี้ย ไม่มีทาง!!!
" แล้วไงล่ะ พี่กายจะอยู่เป็นเพื่อนผิงรึไง "
" ได้ก็ดี แต่ผิงคงไม่ยอมหรอก ใช่ไหมล่ะ "
" ถูกต้องแล้วคร้าบ "
" งั้นเดี๋ยวพี่จะนอนเป็นเพื่อนผิงอยู่ข้างนอกเนี้ยล่ะ " พี่กายพูดแล้วหันมามองรถ
" ไม่ดีหรอก พี่คิดมากไปแล้ว แล้วคนที่บ้านพี่ก็จะเป็นห่วงด้วย มันดึกแล้วนะ "
" เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงเลยครับ เอาเป็นว่า ผิงเข้าไปพักผ่อนเถอะ ไม่ต้องสนใจพี่ "
" ถ้าทนไม่ไหวก็กลับบ้านไปเลย แต่ถ้าทนไหวก็กลับบ้านไปซะเลยเหมือนกัน "
" เข้าบ้านได้แล้วครับ! "
" เฮ้อ! คนอะไรคิดมากจริงๆ " ฉันถอดหายใจอย่างเหนื่อยล้ากับพี่กาย ก่อนที่จะเดินเข้าบ้านไป ฉันเข้าไปในบ้านแล้วเปิดไฟทุกดวงในบ้าน ก่อนที่จะเข้าไปในห้องนอนของตัวเอง แล้วแอบเปิดผ้าม่านดูพี่กายที่ยืนมองมาทางฉันแล้วยกมือบ๊ายบายให้ฉันอย่างรู้ทันว่าฉันแอบดูอยู่ ฉันจึงเดินฮึดฮัดไปอาบน้ำก่อนที่จะปิดไฟในห้องแล้วล้มตัวลงนอน ซักพักฉันก็ค่อยๆย่องมาเปิดผ้าม่านแอบดูพี่กายอีกครั้ง ตอนนี้พี่กายอยู่ในรถที่เปิดหน้าต่างเล็กน้อยและกำลังนอนลงบนเบาะที่ปรับเอนลง ฉันจึงเดินมาคว้าโทรศัพท์แล้วโทรไปหาพี่กาย
" ห้ามสตาท์รถเพื่อเปิดแอร์นะ ให้เปิดกระจกแทน " ฉันกรอกเสียงลงไปทันทีเมื่อพี่กายรับโทรศัพท์
คร้าบๆ พี่รู้แล้วครับ ขอบคุณที่เป็นห่วงครับ
" เปล่า! ผิงกลัวว่าจะมีคนมานอนเสียชีวิตหน้าบ้านต่างหากล่ะ "
คร้าบๆ งั้นก็นอนซะ ไม่ต้องแอบดูพี่บ่อยนะหรอกน่า
" เชอะ!! " ฉันทิ้งทวนคำสุดท้ายก่อนที่จะกดวางหูแล้วทิ้งตัวลงนอน พร้อมเลือบมองนาฬิกาเที่ยงที่หัวเตียง
" ห้าทุ่มแล้วหรอเนี้ย " ฉันพึมพำก่อนที่จะหลับตาลงอย่างเหนื่อยล้า
" ปล่อยฉัน! "
" ปล่อยฉันสิ!! "
" ผิงช่วยพิ้งค์ด้วย!! "
" ผิงงงงงงงงงงงงงงงง ! "
" ช่วยด้วย!!"
" ผิงช่วยพิ้งค์ด้วยยยยยยยยยยยย "
" กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด "
" พิ้งค์!!!!!!!!!!!!!!!!! " ฉันตะโกนออกมาอย่างสุดเสียงแล้วลุกขึ้นนั่งอย่างตกใจ ก่อนที่จะยกมือที่เย็นเฉียบสัมผัสกับใบหน้าที่ชุ่มเหงื่อ แล้วเลื่อนลงมาจับหัวใจที่เต้นอย่างเร็ว พร้อมกับลมหายใจที่รั่วถี่
" ฝะ....ฝัน.....ฝันต่างหาก ยัยผิงเอ๋ย!! " ฉันยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเองอย่างดีใจลึกๆที่มันเป็นแค่ความฝัน พร้อมกับลมหายใจเป็นกลับมาเป็นปกติ
"เพิ่งจะตีหนึ่งเองหรอ แล้วจะหลับลงไหมเนี้ย " ฉันหันไปมองนาฬิกาที่หัวเตียงก่อนจะพึมพำอย่างอารมณ์เสีย ก่อนที่จะลุกจากที่นอนลงไปดื่มน้ำที่ชั้นล่าง เมื่อได้น้ำแล้วฉันจึงค่อยๆ เดินมาที่หน้าต่างแล้วแอบเปิดผ้าม่านน้อยๆ เพื่อดูว่าพี่กายกลับบ้านไปหรือยัง
" ตาบ้า! ยังอยู่อีกหรอ " ฉันบ่นออกมาเมื่อยังเห็นรถของพี่กายยังจอดอยู่ที่เดิม โดยที่เจ้าตัวนั้นกำลังนอนตบยุงอยู่ในรถ
ฉันเห็นอย่างนั้นจึงค่อยๆเดินย่องๆออกมาหาพี่กายที่รถ
" ทำไมยังไม่กลับบ้านไปอีก " ฉันถามขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นว่าพี่กายยังไม่ได้หลับ
" แล้วผิงล่ะ ทำไมยังไมนอนอีก "
" ผิงถามพี่ก่อน อย่ามาถามย้อน "
" ก็พี่บอกว่าจะอยู่เป็นเพื่อนก็ต้องอยู่สิ "
" ทำไมพี่ต้องทำอะไร..... " ฉันเบี่ยงหน้าไปทางอื่น ฉันไม่ชอบที่พี่กายมาทำดีกับฉันแบบนี้ มันรู้สึกเหมือนกับฉันเป็นคนเห็นแก่ตัวมาก ยิ่งพี่กายทำดีกับฉันเท่าไร ฉันก็ยิ่งรู้ผิดมากขึ้นเท่านั้น จะมีใครเข้าใจฉันบ้างไหมนะ ว่าความรักมันบังคับกันไม่ได้ ลองถามตัวคุณเองดูสิว่าคุณเคยพูดคำๆนี่บ้างไหม เขาไม่ใช่คนที่ใช่สำหรับฉัน.....
" ผิงลำบากใจใช่ไหมที่พี่ทำแบบนี้ " พี่กายออกมาจากรถแล้วยืนพิงที่ประตูรถ
" . "
" พี่ขอโทษที่ไม่ได้คิดถึงความรู้สึกของผิง " คำพูดของพี่กายยิ่งตอกย้ำลงไปในจิตใจของฉัน
" มันไม่ใช่แบบนั้น.... " ฉันพึมพำเบาๆ ก่อนที่จะถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยล้า
" . "
" พี่เข้าไปนอนในบ้านเถอะ " ฉันพูดและเดินนำหน้าเข้าบ้านไปทันที
" แต่....... "
" ไม่ต้องมีแต่ " ฉันหันกลับมาพูดด้วยใบหน้าที่จริงจัง
" .................. " พี่กายไม่พูดอะไร นอกจากหันกลับไปล๊อกรถและเดินตามฉันเข้าไปในบ้านอย่างเงียบๆ
" พี่นอนที่โซฟาได้ไหม? "
" ได้ครับ "
" งั้น....รอเดี๋ยว " ฉันหันหลังและวิ่งขึ้นไปที่ชั้นบนก่อนที่จะเข้าไปห้องของคุณแม่และค้นหาผ้าห่มในตู้เสื้อผ้ามาให้พี่กายผืนหนึ่ง
" นี่ผ้าห่ม....แล้วก็นอนซะ ผิงก็จะไปนอนเหมือนกัน "
" ครับ! ฝันดีนะครับ "
" อืม! " ฉันพยักหน้าน้อยๆ " พี่ก็เหมือนกัน "
" พี่กาย! พี่กายๆ "
" ฮือ! อ้าวผิง เช้าแล้วหรอเนี้ย " พี่กายค่อยๆ ลุกขึ้นจากโซฟา ก่อนที่จะมองฉันอย่างอายๆ
" ก็ยังไม่เช้าเท่าไรหรอก ตีห้าครึ่ง พี่กายจะได้กลับบ้านไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าซะก่อน "
" แล้วผิงจะไปโรงเรียนรึเปล่าครับ พี่จะได้มารับ "
" ไม่ไป ผิงจะไปเยี่ยมพิ้งค์ที่โรงพยาบาล " ฉันพูดพลางพับผ้าห่มไปด้วย
" งั้นพี่ไปด้วย "
" แต่ว่า.... "
" ไม่มีแต่ครับ " พี่กายพูดด้วยสีหน้าที่จริงจังเหมื่อนที่ฉันพูดเมื่อคืน
" ตามใจ " ฉันพูดอย่างท้อใจและหันหลังเดินขึ้นบันไดโดยที่ถือผ้าห่มไว้ในมือก่อนที่จะหันหลังกลับมาพูดกับพี่กาย
" งั้นก็ตามมาเดี๋ยวผิงจะไปหาเสื้อผ้าให้ "
" คร้าบๆ " พี่กายวิ่งกระดี๋กระด๋ามาหาฉัน แล้วดึงผ้าห่มในมือฉันไปถือเอง ก่อนที่ฉันจะสั่งให้พี่กายแยกไปที่ห้องนอนของฉันเพื่ออาบน้ำ และเอาเสื้อผ้าที่เป็นของพี่ชายของฉันมาวางไว้ที่เตียงก่อนจะตะโกนบอกคนในห้องน้ำ
" ผิงเอาเสื้อผ้ามาให้แล้วนะ เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็รีบลงไปกินข้าวเช้านะ "
" คร้าบๆ ขอบคุณมากครับ " ฉันจึงลงมาทำอาหารเช้าที่พอจะทำได้ที่ห้องครัวต่อ สักพักพี่กายจึงมาปรากฏกายที่ชั้นล่างด้วยที่ชุดที่ฉันเลือกมาให้ เสื้อเชิ้ตแขนสั้นลายขวางสีฟ้า-ขาว กับกางเกงยีนส์สภาพแย่ๆ ที่เด็กแนวเค้าเรียกว่า เท่ กัน
" พอดีไหม? " ฉันถามพี่กายขณะวางสิ่งที่เขาเรียกว่าอาหารเช้าลงบนโต๊ะ ไข่ดาวที่ไข่แดงแตกแถมเกรียมนิดๆ ที่มาพร้อมกับฮอทด๊อกที่ถลอกปลอกป้อน เพราะว่ามันติดกระทะ ยังดีที่คุณแม่ซื้อโอวัลตินแบบทรีอินวันไว้ที่บ้านไม่งั้นอาหารมื้อนี้คงทุลักทุเลมากกว่านี้
" พอดีเลยครับ แต่ว่าเจ้าของเค้า..... "
" พี่ชายของผิงเขาไม่ได้อยู่ที่เมืองไทยค่ะ "
" หรอครับ แหะๆ โอ้โห้ ! อาหารเช้าหรอครับเนี้ย " พี่กายพูดแล้วก็ทำท่า ทำทางยังกับฉันทำไข่ปลาคาร์เวียร์กับหูฉลามมาให้กินยังงั้นแหละ
" ถึงสภาพมันจะดูไม่ดี แต่เรื่องรสชาติผิงก็ไม่รับประกันเหมือนกัน "
" อ้าว ฮ่าๆๆ ไม่หรอก พี่ว่าต้องอร่อยแน่ๆเลย "
" เอาเถอะ ยังไงๆ ก็สุดฝีมือของผิงแล้วล่ะ "
" รู้แค่นี้ก็อิ่มแล้ว " พี่กายพูดและมองหน้าฉันอย่างให้กำลังใจ
" รีบๆ กินซะเถอะจะได้รีบไป " ฉันรีบพูดยุติซะก่อนที่พี่กายจะทำให้ฉันพะอืดพะอมไปมากกว่านี้
โรงพยาบาล
" มานี่เดี๋ยวพี่ถือให้ " ตอนนี้ฉันกำลังอยู่หน้าโรงพยาบาลที่พิ้งค์รักษาตัวอยู่และกำลังเดินเข้าโรงพยาบาลกับพี่กายที่พยายามช่วยฉันถือนั้นถือนี้ แม้ฉันจะยืนยันแข็งขันว่ามันไม่ได้ลำบากอะไรซักกะนิดเลยก็ตาม
" เถอะน่า พี่อยากช่วย เดี๋ยวๆ พี่กดให้เองครับ " พี่กายที่อ่านสีหน้าของฉันออกพูดอย่างขอไปที ก่อนที่จะแย่งฉันกดลิฟต์ทั้งๆที่มือทั้งสองก็ถือถุงผลไม้และขนม
" อะไรของพี่เนี้ย อยู่เฉยๆบ้างก็ได้ เอามานี้! ผิงจะถือเอง " ฉันกระชากถุงมาจากมือพี่กาย " ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว จบ! "
ฉันพูดขัดขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นว่าพี่กายกำลังจะอ้างปากพูด
ติ๊ง!
ฉันก้าวเข้าไปในลิฟต์ทันทีเมื่อลิฟต์เปิดออกพร้อมกับลากพี่กายที่ยืนนิ่งเข้าไปด้วย
ติ๊ง!
เมื่อลิฟต์เปิดออกอีกครั้งฉันจึงเดินฉับๆๆ ออกจากลิฟต์ พร้อมกับฉุดกระชากลากถูกพี่กายให้เดินตามด้วย พอมาถึงหน้าห้องของพิ้งค์ฉันจึงค่อยๆ ปล่อยมือพี่กาย และรวบรวมกำลังใจ พลังลมปราน ให้พร้อมเผชิญกับความจริงที่อยู่หลังประตูนี่
เอี๊ยดดดดดดดดด
ความเย็นของแอร์เข้าปะทะตัวฉันพร้อมแสงจากหน้าต่างภายในห้องที่ไม่ได้มีผ้าม่านมาบดบังอีกแล้ว ฉันค่อยๆเดินเดินต่อไปจนพ้นทางเดินที่นำไปสู่ห้องกว้างๆ สีขาว มีเตียงที่พิ้งค์นอนอยู่อยู่ตรงกลางห้อง
" ผิง.... " พิ้งค์ที่นอนอยู่ที่เตียงส่งเสียงเรียกฉันเบาๆ ก่อนที่ค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งช้าๆ
" พิ้งค์! พิ้งค์....ผิงขอโทษนะ ขอโทษจริงๆ..... " ฉันเดินเข้าไปกอดพิ้งค์ทันทีพร้อมกับพร่ำพูดขอโทษซ้ำๆ อยู่อย่างนั้นด้วยคำพูดที่ออกมาพร้อมน้ำตา จนพิ้งค์ค่อยๆ ดันตัวฉันออกมาก่อนที่จะยิ้มให้ฉันอย่างสดใส
" ไม่เป็นไรๆ พิ้งค์ไม่ได้โกรธผิงเลยซักนิด ช่างมันเถอะ ช่างมัน... " รอยยิ้มที่ออกมาพร้อมคำพูดของพี่สาวฝาแฝดของฉัน ทำให้ฉันตะบะแตกออกมาอย่างห้ามไม่ได้ ก่อนที่โผเข้ากอดพิ้งค์และร้องไห้อีกครั้ง
" โอ๊ยยยยย พิ้งค์หายใจไม่ออก นี่ๆ ผิงไม่อายพี่กายบ้างหรือไงเนี้ย "
" .. " ฉันส่ายหัวทั้งๆ ที่กอดพิ้งค์อยู่
" แต่พิ้งค์อายนะ พอแล้วๆ แม่ขาดูยัยผิงสิค่ะ " คุณแม่ที่เพิ่งจะเข้ามาทีหลังก็ยืนหัวเราะคิกๆประสานเสียงกับพี่กายอยู่ข้างหลังฉัน
" ฮึ่กๆ ไม่กอดแล้วก็ได้ นี่ๆ สองคนนี้เลิกหัวเราะสักทีได้ไหม " แหม! ปล่อยให้ฉันซึ้งซักกะเขาบ้างก็ไม่ได้ ทำไมชอบมาขัดจังหวะจริงๆ วิญญาณนางเอกกำลังเข้าสิงเลย
" หัวเราะ? ใครหัวเราะ? กายใครหัวเราะหรอ..... โอ้โฮ! กายชื้อของมาฝากน้องหรอเนี้ย " คุณแม่ก็ไปได้อย่างเนียนๆ เลยเนอะ กับพี่กายก็เข้ากันเป็นระนาดกับเปียนโนเชียวนะ ( เหอๆ ระนาดกับเปียนโน )
" พี่กายอย่าทำเป็นเนียน แม่! ของพวกนั้นหนูเป็นคนซื้อมานะ "
" แม่ก็ยังไม่ได้ว่าอะไรเล๊ย เดี๋ยวแม่ไปจัดใส่จานให้ดีกว่า " ว่าแล้วคุณแม่ก็ชิ่งหนีไปเฉยเลย งั้น!ไอ้พี่กาย
" คุณน้าครับ เดี๋ยวผมไปช่วยคร้าบ " พี่กายที่เห็นว่าฉันกำลังแยกเขี้ยวใส่ แง่งๆ ก็เลยทำเป็นไก๋ตะโกนบอกคุณแม่ก่อนจะชิ่งตามกันไป
" ชิ! มันน่านัก " ฉันบ่นพร้อมชูกำปั้นให้พี่กายก่อนที่จะหันหน้ากลับมาหาพิ้งค์ที่ทำหน้าแป้นแล่น บานแช่งอยู่
" หึๆ มันยังไงๆ อยู่นะ "
" แล้วมันอะไรล่ะที่มันยังไงๆ "
" ก็...... "
" อย่าแม้แต่คิดเชียวนะ อย่าลืมสิ! ว่าเขาเป็นใคร ผิงเป็นใคร แล้วใครเป็นอะไร เพราะใครและทำไมด้วย " ถึงฉันจะพยายามไม่พูดไปในทางที่บอกว่า ยังไงพี่กายก็เป็นตนเหตุถึงแม้ตัวเขาเองจะไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้ยินยอมและไม่รู้ตัวเองด้วยซ้ำก็ตามทีเถอะ
" เฮ้อ! ช่างมันเถอะ ถึงมันจะเป็นคำพูดที่สิ้นคิด แต่ก็ดีกว่าที่จะมาพูดในสิ่งที่มันไม่ได้สิ้นคิดแต่ทำลายจิตใจของใครหลายคน " พิ้งค์ทำหน้าปลงๆ
" ตอนนี่ยังกลัวอยู่ไหม " ฉันถามพิงค์ออกไปด้วยเสียงที่จริงจัง ทำให้พิ้งค์มองหน้าฉันสักพักก่อนที่จะตอบอย่างจริงจังเหมือนกัน
" เมื่อคืนก็ฝัน...ฝันเห็นแต่เรื่องเดิมๆ ซ้ำๆ "
".................." นี้แหละคือสิ่งที่ฉันอยากรู้จริงๆ เพราะตั้งแต่ฉันเข้ามาในห้องพิ้งค์ก็ไม่ได้แสดงอาการว่ามีภาพของความโหดร้ายที่ทำร้ายจิตใจที่บอบช้ำเลย
" แต่ตอนนี้ไม่เป็นอะไรแล้ว....จริงๆ มันผ่านมาแล้วก็จะผ่านไป ไม่ขอจดจำมันอีก "
" สัญญา! "
" สัญญา! ด้วยเกียรติของเนตรนารีสามัญรุ่นใหญ่เลย "
" ต้องอย่างนี้สิ! "
" แล้วผิงก็อย่าโทษตัวเองอีกนะ ปล่อยให้ทุกอย่างมันจบไปเอง ไม่ต้องมีการแก้แค้นใดๆทั้งนั้น "
" อืม! " ฉันกับพิ้งค์ยิ้มให้กันอย่างมีความสุขถึงแม้จะเป็นความสุขที่หน่อยนิดเมื่อเทียบกับสิ่งอื่นๆ แต่ฉันก็ดีใจมากที่
พิ้งค์ไม่ได้เป็นอะไรมาก แต่ถึงยังไง ยัยผิงคนนี้จะไม่มีทางปล่อยให้ตัวการของเรื่องอยู่อย่างสงบเช่นกัน ฉันไม่ได้แก้แค้นนะ แค่จะช่วยให้กรรมสนองเร็วขึ้นต่างหาก
โรงเรียนนานาชาติวิทยากรณ์
" อาจารย์ค่ะ ขออนุญาติคะ "
" อ้าวมาแล้วหรอภัทรฑิชา นั่งลงก่อนซิ! "
" ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ธุระของอาจารย์กับหนูคงไม่มีอะไรต้องพูดกันมากหรอกค่ะ " ฉันพูดปฏิเสธอาจารย์ตรีพร ซึ่งเป็นอาจารย์ที่ค่อยควบคุมความประพฤติของเด็กทุนในนามของโรงเรียน ที่เรียกฉันให้มาหาในช่วงพักกลางวันที่ห้องพักครู
" เฮ้อ! ครูนึกอยู่แล้วเชียว ว่าถ้าจะขอให้เธออย่าเอาเรื่องณฐกาตณ์ มันคงยาก " อาจาร์ตรีพรถอดหายใจพลางมองหน้าฉันอย่างขำๆตัวเอง
" งั้นอาจารย์ก็ลองเกิ่นๆ มาซิค่ะ "
" อย่าแจ้งตำรวจ เห็นแก่อนาคตของณฐกาตณ์เถอะนะ "
" นั้นเป็นสิ่งแรกที่หนูนึกถึงเลยล่ะค่ะ ช่างมันเถอะค่ะ แล้วต่อไป.... "
" อย่าประจานหรือทำการใดๆ ที่จะทำให้ณฐกานตณ์เป็นแกะดำ "
" อันนี้ก็แล้วแต่สังคมจะตัดสินค่ะ "
" สุดท้าย อย่าแก้แค้น สั้นๆ เข้าใจง่าย "
" นี้ก็เป็นสิ่งที่หนูกำลังจะลงมือทำเลยคะ "
" ครูขอแล้วกันนะ นึกเสียว่าเห็นแก่เพื่อน " คำว่าเพื่อนที่ฉันได้ยินแทนที่จะทำให้ฉันอ่อนลง แต่มันกลับทำให้ไฟความแค้นติดพรึ่บขึ้นมาทันที
" ครูคงพูดอะไรผิดแน่ๆเลย "
" เอาเถอะค่ะอาจารย์ หนูไม่สนใจอะไรที่อาจารย์พูดมาทั้งหมดเนี้ยหรอกค่ะ หนูใจกว้างที่สุดได้แค่เนี้ยล่ะค่ะอาจารย์ " ฉันหายใจเข้าลึกๆ ก็ก่อนที่จะเลือกสิ่งที่แวบเข้ามาในสมองเป็นสิ่งแรกก่อนที่ความโกรธจะเข้าควบคุม
" หนูไม่อยากเห็นหน้าของณฐกาตณ์ในโรงเรียนนี้ค่ะ.... " อาจารย์ตรีพรหลับตาลงแล้วเอนหลังลงพิงพนังเก้าอี้
" มันคงไม่มากเกินไปหรอกใช่ไหมค่ะอาจารย์ "
" ขอบคุณมาก ขอบคุณจริงๆ เธอเป็นคนดีมากนะ ภัทรฑิชา " อาจารย์ตรีพรลุกขันยืนและมองฉันด้วยสายตาชื่นชม
" หนูเนี้ยนะ อาจารย์คงเข้าใจอะไรผิดแล้วล่ะค่ะ "
" ช่างมันเถอะ เธอไปได้แล้วล่ะ " อาจารย์มองฉันอย่างอ่อนใจ
" ค่ะ! " ฉันรีบออกมาจากห้องนั้นทันที ทำไมอาจารย์ตรีพรถึงมานั่งชื่นชมฉันว่าเป็นคนดี๊ดี อย่างนั้นล่ะ ถ้าคุณอยากรู้ก็ต้องไปถามคนเขียนเอาล่ะกันค่ะ ฉันที่กำลังมึนได้ที่จึง ค่อยๆ เดินออกมาจากตึกทั่วไปเพื่อไปที่ตึกเรียนของตัวเอง แต่ระหว่างทางก็ได้เจอกับไอ้เวรวัทสุดหล่อที่ฉันตั้งใจว่าจะชวนมันมาด้วยกัน แต่ก็ดันหายศีรษะไปไหนไม่รู้ไม่บอกซักคำ แล้วตอนนี้มันก็กำลังวิ่งหน้าตาตื่นมาหาฉัน
" วิ่งหนีอะไรมาว่ะ "
" ก็วิ่งหนียัยปอ เพื่อนแกนะสิ " ไอ้วัทตอบฉันแล้วก็นั่งลงที่ฟุตบาท
" อ้าว พูดยังงี้ได้ไง ยัยปอมันไม่ใช่เพื่อนแกรึไง "
" ไม่ใช่โว้ย!! " ไอ้วัทหันมาตอบฉันอย่างชัดถ้อยชัดคำ " ยัยนั้นอ่ะน่ะ ฉันไม่เอามาเป็นเพื่อนให้เสียอารมย์หรอก "
" นี่! ไอ้วัท ฉันไม่รู้นะว่าแกสองคนนะไปมีเรื่องบาดหมางอะไรกันมาตั้งแต่ชาติปางไหน แต่ฉันรู้นะเว้ย ว่าถ้ายัยปออยู่กับฉันแกก็จะหายหัวไปเฉยๆ พอยัยปอห่างๆฉันไป แกกลับมากวนประสาทฉันเหมือนเดิม เมื่อตอนที่เราอยู่ม.ต้นเราก็รวมตัวกันได้ครบ แต่ตอนนี้ .. "
" ตอนนี้ทำไม " ไอ้วัทเงยหน้าขึ้นมามองฉัน
" เปล่า ฉันเหนื่อยเลยหยุดพูด "
" เซ็งจิต!!! เฮ้ย! ฉันไปเข้าห้องน้ำก่อนนะเว้ย เดี๋ยวมา "
" เออๆ " ฉันรับคำส่งๆ เมื่อไอ้วัทวิ่งหายที่หลังตึก ฉันจึงลุกมาหาที่นั่งที่โต๊ะหินอ่อนแทน พอหย่อนก้นปุ๊บ ยัยปอก็วิ่งหน้าตาเซ็งๆ มาหาฉันทันที
" ผิง! วัทอยู่ไหน มันวิ่งมาหาแกใช่ไหม แล้วตอนนี้มันอยู่ไหน "
" อะไรของแกสองคนว่ะ โน่น!ไอ้วัทมันไปห้องน้ำ เดินมานั้นแล้วไง " ฉันตอบยัยปออย่างเซ็งๆ กับพวกมันเหลือเกิน อะไรกันหนักกันหนาเนี้ย
" วัทกลับมาเดี๋ยวนี้นะ มาพูดกันให้รู้เรื่อง "
" เรื่องอะไร ถ้าไปก็กลัวนะสิ "
" แล้วไอ้ที่นายวิ่งหนีฉันมาเนี้ยล่ะ เขาเรียกว่ากล้าหาญหรือไง "
" ฉันมาเข้าห้องน้ำต่างหากเล่า "
" ฉันไม่เชื่อ มานี่เลยนะนาย "
" ไม่!! " ไอ้วัทตอบอย่างเด็ดขาดก่อนที่จะหันหลังกลับไป
" นายวัท!!! มันจะมากไปแล้วนะ นายเป็นคนก่อเรื่องขึ้นมาเองนะ "
" ฉัน!! เนี้ยนะเป็นคนก่อเรื่อง พูดให้ดีๆนะ "
" เนี้ยล่ะดีที่สุดแล้ว สำหรับคนอย่างนาย "
" ทำไมคนอย่างฉันนี้มันทำไม "
" มันก็ไม่มีค่าพอที่ฉันจะต้องมาพูดดีด้วยไงล่ะ "
" ก็แน่อยู่แล้ว ใครเขาจะไปสู้ไอ้ริว รูปโครตหล่อ พ่อโครตรวยของเธอได้ล่ะ "
" อ่ะ! มันแน่อยู่แล้ว โดยเฉพาะนาย ไม่รู้ว่าพวกยัยแพรว ยัยพลอย ยัยพอพานพัวพันทั้งหลายนะ มันมาหลงผิดอะไรอยู่กับนายอยู่ได้ "
" เขาไม่ได้เรียกว่าหลงผิด แพรวเค้าเป็นผู้หญิงที่ดีเค้าก็เลยอยู่กับคนดีอย่างฉันได้ยังไงเล่า ไม่เหมือนกับคนแถวๆนี้ "
" ทำไมฉันมันทำไม "
" อย่าร้อนตัวซิครับคุณหนูปอ "
" ฉันไม่ได้ร้อนตัว แต่สมองของฉันที่มันดีกว่าสมองของนาย มันคิดคำณวนแล้วว่านายกำลังว่าฉัน ถ้าสมองกลวงๆของนายยังสามารถพอใช้คิดอะไรที่มันง่ายๆได้อยู่ล่ะ ก็ช่วยคิดหน่อยสิว่าถ้าคนโง่ๆอย่างนายไม่ได้ว่าฉันแล้วจะว่ายัยผิงหรื่อไง "
" ใช่! ยัยตัวแสบ ฉันว่าเธอ ก็มันเป็นเรื่องจริงนิ "
" เรื่องจริงอะไรของนาย พูดมาแจ่มๆ เลยนะ "
" เธอมันก็ไม่ได้ต่างกับผู้หญิงคนอื่นๆ ที่วิ่งตามตื้อฉันซักเท่าไรหรอก "
" อ้อ นี่นายกำลังว่าฉันเป็นผู้หญิงไม่มีหัวคิด โดยเอาไปเปรียบเทียบกับผู้หญิงของนายงั้นหรอ ฉันจะบอกกับนายไว้ตรงนี้เลยนะ ถึงฉันจะไม่ใช่ผู้หญิงที่ดีที่สุด แต่อย่างน้อยฉันก็ไม่คิดสั้นไปชอบคนอย่างนายหรอก "
" ถ้าอย่างงั้นผู้หญิงครึ่งโรงเรียนก็คงคิดสั้นอย่างที่เธอว่านะสิ "
" ก็คงจะอย่างนั้น "
" นั้นไอ้พวกผู้ชายของเธอมันก็คงจะเรียกได้ว่าเป็นพวกสมองสิ้นคิดของสิ้นคิดของสิ้นคิดอีกทีเหมือนกันนั้นแหละ แถมตาบอด หูหนวก อีกต่างหากถึงได้มาวิ่งตามเธอเป็นพรวนอย่างนี้ "
" งั้นผู้ชายทั้งโรงเรียนก็คงสิ้นคิด หูหนวก ตาบอด อย่างที่นายว่างั้นสิ "
" อย่างน้อยก็ฉันคนหนึ่งล่ะ ที่ไม่ได้เห็นขี้เป็นทองคำ "
" เชอะ! ฉันก็เหมือนกันล่ะ ที่ไม่ได้เห็นขี้เรื้อนเป็นพุดเดิ้ล "
" นี่! เธอว่าฉันเป็นหมาหรอ "
" แล้วแมวบ้านนายเป็นขี้เรื้อนได้รึไง "
" โธ่! เอ๊ย ฉันไม่หน้าไปรับปากไอ้เคเลย ให้ตายสิว่ะ "
" ใช่! นายไม่หัดใช้สมองซะบ้าง ทำอะไรไม่รู้จักคิด แล้วเป็นไงล่ะ มีปัญญาช่วยอะไรเคได้ไหมล่ะ "
" ไอ้ฉันก็ไม่ได้อยากจะมาเกี่ยวข้องกับเธอเลยซักนิดเหมือนกัน "
" แต่ตอนนี้มันเกี่ยวแล้ว เกี่ยวมากด้วย นายจะเอายังไงว่ามาเลย "
" แล้วน้องรีน่าล่ะ เธอจะไม่พูดถึงเลยรึไง "
" โธ่! กับน้องรีน่าอ่ะนะ ถ้าฉันไปบอกว่าไม่ก็คือไม่ เพราะยังไงฉันก็ไม่อยากให้เด็กดีอย่างน้องรีน่าจะมาหลงกลไอ้ผู้ชายเส้งเคร้งอย่างนายหรอก "
" ใช่! ฉันก็ไม่มีทางปล่อยให้ไอ้เคมันไปติดกับดักของเธอเหมือนกัน "
" ให้มันจริงเถอะ ฉันจะคอยดูว่าเคจะเดินมาติดกับฉันเองหรือเปล่า เฝ้าเพื่อนนายให้ดีๆ แล้วกัน "
" แต่น้องรีน่าของเธออ่ะนะ ฉันจะเทคแคร์ให้เต็มที่เลยไม่ต้องเป็นห่วง "
" นายห้ามไปยุ่งกับน้องเค้านะ "
" ทำไมเป็นห่วงน้องแฟนรึไง "
" ถ้าใช่แล้วนายจะทำไม? "
" ไม่ทำไมหรอก ฉันก็จะได้รู้ไว้ว่าแกยอมรับว่าเป็นแฟนไอ้ริวมันแล้ว "
".................."
" ................ "
" เออ.....นี่แกสองคนเถียงกันเสร็จหรื่อยัง ถ้าเสร็จแล้วช่วยเดินมานั่งตรงนี้ทั้งคู่เลย " ฉันที่นั่งฟังมันทั้งคู่เถียงกับมาโดยไม่ได้แสดงความคิดใดๆ ทั้งนั้น เมื่อเห็นว่ามันทั้งสองสงบปาก แล้วก็ยืนจ้องหน้ากันเขม็งอย่างนั้นก็เลยจะขอทำความเข้าใจเรื่องที่มันเถียงกันแทบเป็นแทบตายซักหน่อย ยัยปอสะบัดหน้าแล้วก็เดินกระแทกเท้ามานั่งที่เก้าอี้ทางขวาของฉัน ไอ้วัทมองตามยัยปอก่อนที่จะเดินกระแทกเท้ามานั่งทางซ้ายของฉัน ตอนนี้ฉันก็เลยนั่งอยู่ตรงกลางของลูกความทั้งสอง
" เอาล่ะ! สั้นๆ ง่ายๆ นี่มันเรื่องอะไรกันเนี้ย!!!!! " ฉันหันไปมองยัยปอก่อนแล้วก็หันมามองไอ้วัท ทั้งสองหันกลับมาจ้องหน้ากันอีกครั้งก่อนที่จะสะบัดหน้าไปคนละทาง
" ตกลงจะไม่มีใครพูดใช่ไหมเนี้ย "
" ......................" ยัยปอ
"......................." ไอ้วัท
" งั้นก็ได้ ฉันจะถามแล้วพวกแกก็ค่อยตอบแล้วกัน " ฉันหันมามองยัยปอ " แกเลิกกับไอ้แมนแล้วหรอ "
" จะเหลือหรอ ก็ไอ้ริวมันดีกว่า เลิศกว่าก็ต้องรีบคว้าไว้ก่อนนะสิ " อ้าว ไอ้เวรวัทดันสะเหร่อตอบ
" ใช่! แต่มันเป็นเรื่องของฉันนายไม่ต้องมายุ่ง " ยัยปอรีบสวนกลับทันที ไม่ช้าไอ้วัทก็กำลังจะอ้างปากสวนคืน
" พอเลยไอ้วัท ฉันถามยัยปอ ไม่ได้ถามแก " ไอ้วัทมองฉันเคืองๆ " แล้วแกล่ะไอ้วัท แกคบกับยัยแพรวแล้วหรอ "
" จะเหลือหรอ ก็เห็นวิ่งตามเทคแคร์กันไป เทคแคร์กันมาอยู่ อ้อ ฉันลืมไปว่ายัยแพรวเป็นดาวนี่น่า มิน่าล่ะ "
" ใช่! ก็เค้าสวย ดี เลิศ ซะขนาดนั้น แต่มันก็เป็นเรื่องของฉันเธอไม่ต้องมายุ่ง "
" พอ!!! หยุดทั้งคู่เลย อะไรกันว่ะเนี้ย ถามคนนี้คนนั้นตอบ ถามคนนั้นคนนี้ตอบ แกสองคนเป็นอะไรกันไปเนี้ย " ฉันหันไปมองหน้ายัยปอแล้วก็หันมามองไอ้วัท
" พวกแกอย่าใช่อารมณ์กันซีว่ะ แล้วเมื่อไรจะคุยกันรู้เรื่อง...... "
" อ้าว! วัทมานั่งรอแพรวหรอ รู้ได้ไงว่าชั่วโมงนี้แพรวเรียนตึกนี้ " ฉันยังอ้างปากค้างอยู่อย่างนั้นเมื่อมีหญิงสาวซึ่งเป็นถึงดาวโรงเรียนวิ่งมานั่งข้างๆ ไอ้วัทอย่างสนิทสนมท่ามกลางสายตาของเพื่อนนักเรียนของห้องยัยแพรวที่กำลังเดินออกมา
" อ้าว! ปอมานั่งรอริวหรอครับ " ฉันมองผู้ชายที่กำลังเดินออกมาจากกลุ่มนักเรียนมุ่งมาหายัยปอที่นั่งยิ้มแห้งๆ อยู่ข้างๆ ฉัน
" แล้ววัทไม่ได้เรียนชั่วโมงนี้เหรอค่ะ " ยัยแพรวถามส่งยิ้มหวานให้ไอ้วัทที่เอาแต่มองยัยปอเขม็ง
" ห่ะ! อ้อ เออๆ ว่างครับว่าง "
" ปอก็ว่างเหรอเหมือนกันหรอครับ " ริวถามยัยปอบ้าง
" ค่ะ ว่างค่ะ " ยัยปอตอบคำถามริวโดยที่ตากำลังทำสงครามอยู่กับไอ้วัท
" เราไปกันเถอะค่ะ/ครับ " ยัยปอกับไอ้วัทลุกขึ้นและพูดพร้อมกัน ก่อนที่จะสะบัดหน้าให้กัน
" ฉันไปก่อนนะยัยผิง ไปกันเถอะค่ะ ริว ไปหาอะไรกินที่โรงอาหารดีกว่า " ว่าแล้วยัยปอก็จูงมือริวเดินจากไป
" ไอ้ผิงฉันไปก่อนนะเว้ย ไปที่รัก! เราไปหาอะไรอร่อยๆมาทานให้อารมณ์ดีขึ้น ดีกว่านะจ๊ะ " แล้วไอ้วัทก็โอบไหล่ยัยแพรวที่หน้าบานเป็นกระด้งเดินจากฉันไปอีกคน
" อะไรกันหนักกันหนาว่ะเนี้ย! ไม่ทันได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย ชิ่งไปกันหมด "
เม้นๆๆๆๆๆๆๆ ให้บ้างนะค่ะ เป็นกำลังใจให้คนเขียนหน่อย เอิ๊กๆ
ช่วงนี่ก็คงจะมีการอัพช้าหรืออาจจะหายไปซักอาทิดสองอาทิดน่ะค่ะ เพราะว่ายกคอมที่บ้านยกเซ็ทส่งเข้ากรุงเทพเพื่อไปซ้อม มันอาการร่อแร่ๆ น่ารำคาญเลย โดยสั่งช่างไว้ว่า ไม่เด่น ไม่ดังไม่ต้องเอากลับมา ยังคุณผู้อ่านก็อย่าทิ้งกันน่ะค่ะ
น้านาทุกๆคนมั่กมากนะค่ะ
KiMAGiNE
ความคิดเห็น