ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FicEXO]-TaoHo-Your's RequestII-My Peterpan

    ลำดับตอนที่ #7 : Request-6-คนของคิง (Madam)

    • อัปเดตล่าสุด 7 เม.ย. 57


    คนของคิง (Madam)

     

    “มาดามมมมม มาสอนเต้นท่านี้หน่อยยยยย”

     

    “มาดาม! ยืนสมุดเลขมาลอกดิ๊”

     

    “มาดาม บลาๆๆๆ”

     

    มันคือคำเรียกแทนตัวผมจาก “เลย์” เป็น “มาดาม” วันนี้ทั้งวันทั้งเพื่อนในห้อง คนรอบข้าง คนในโฮสต์แม้กระทั่งคนทั้งโรงเรียนก็เรียกแต่มาดามๆๆๆ

     

    ถึงผมจะทำหน้าเฉยๆไม่ทุกข์ไม่ร้อนกับคำแทนตัวแสนจะกิ๊บเก๊ยุโรปสไตล์นี่แต่ใจจริงมันรู้สึกขนลุกแปลกๆ กับคำๆนี้นะถ้าผมเป็นผู้หญิงผมจะไม่ว่าเลย

     

    แต่นี่ผมเป็นผู้ชายนะครับ เมลอ่ะเมลไม่ใช่ฟีเมลเรียกผมว่ามิสเตอร์จะรู้สึกตื้นตันมากเลย ไปขอให้คุณพี่คริสมันบอกให้คนอื่นช่วยกลับไปเรียกผมว่าเลย์เหมือนเดิมเขาก็ไม่สนใจแถมยังมีหน้ามาพูดว่า

     




     

    นายควรจะชินกับมัน






     

    จ้ะ!!! ชินก็ชินพะย่ะค่ะคิง






     

    “มาดามหน้าหงอยอีกแล้ว เมื่อคืนคิงไม่ทำการบ้านหรอ?” คำถามจากซูโฮทำผมต้องมองเจ้าตัวอย่างขอคำขยายความหมายที่เขาพยายามสื่อ

     

    ผมเบื่อแล้วมันเกี่ยวอะไรกับการบ้าน มันจะทำไม่ทำก็เรื่องของมันสิ

     

    “หน้าเลย์มันก็มึนๆหงอยๆแบบนี้อยู่แล้วไม่ใช่ไง?” พี่ลู่หานพูดพลางหันไปหัวเราะกับซิ่วหมินฮยอง

     

    คนในโฮสต์มีใครรักผมแบบคนปกติบ้างเนี่ย ไม่ทับถมก็คอยแกล้งให้งอนเล่นแล้วมานั่งลูบหัวกันทีหลังเจ๋งจริงคนพวกนี้ ผมอยากงอนไม่คุยด้วยสักชั่วโมงจริงๆ

     

    “หยุดวิจารณ์ผมเถอะครับ แล้วพวกน้องๆไปไหนล่ะ” ผมห้ามก่อนเอ่ยถึงน้องใหม่ทั้งสามที่ควรมารวมตัวกันในห้องโฮสต์

     

    “อ่อ เจ้าพวกนั้นไปห้องปกครองกับโชรงเห็นบอกไคมันไปมีเรื่องกับรุ่นพี่มหาลัย ดีโอกับแบคฮยอนต้องไปให้ปากคำด้วย” ลู่หานฮยองตอบผม

     

    “ไคมันเจ๋งว่ะ มาไม่เท่าไหร่ก็ได้ฉายานักสู้แห่งเซนต์” พี่ซิ่วหมินชื่นชมรุ่นน้องร่วมคลับออกนอกหน้า

     

    “มันใช่เรื่องน่ายินดีมั้ยครับฮยอง มันออกจะทำให้ไคดูหน้ากลัวจนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้” ผมแย้งเสียงหวาดกับท่าทางโมโหร้ายของอีกคนที่ประสบมากับตัว

     

    “ไม่นะเลย์ ช่วงนี้ไคมันออกจะฮอตกว่าสองคนนั้นด้วยซ้ำ แต่ถ้าจับขายแบบแพคคู่ไคกับดีโอยิ่งเป็นอะไรที่เรียกรายได้ให้คลับได้ถล่มเซนต์เลยแหละ” แม่มดหัวการค้าเดินเข้ามาแย้งสวนคำพูดผมก่อนโชว์สมุดตารางงานของไคและดีโอให้ผมดู






     

    ฮอตขนาดมีคิวจองยันปิดเทอม...






     

    “โหย..น่าอิจฉาว่ะ ตอนที่ฉันขายแพคคู่กับลู่หานยังไม่ได้เท่าครึ่งของสองคนนี้เลย” พี่ซิ่วหมินโวยวายหลังเห็นตารางงานของแต่ละคน

     

    “จะขายออกได้ไงล่ะคะ ก็พี่ลู่หานเขามีแฟนเป็นตัวเป็นตนแถมเจ้าเด็กนั่นขี้หวงเกินเหตุตารางของพี่เขาก็มีแต่ชื่อเจ้าโอเซจองแทบทั้งปี” นาอึนชี้ปากกาไปที่ชื่อคนจองตัวที่เป็นชื่อของเด็กชุดเหลืองตัวเด่นหลา

     

    บ้านรวยแถมตอนนี้กำลังจะเดบิวส์เป็นนักร้องจะทำอะไรก็คงไม่ผิดหรอกเนอะ

     

    “เหอะ อยากจะบ้าตายเถอะจริงๆ” พี่ลู่หานบ่นอุบ

     

    “แล้วทำไมของเลย์ถึงไม่มีงานจอง?” ซูโฮตั้งคำถามไม่สนใจคำอวดครวญของพี่ตากวาง

     

    “เป็นนาย นายกล้าซื้อเวลาคนของคิงป่ะ?” นาอึนถามกลับ

     

    “เออ ไม่กล้าอ่ะกลัวโดนเนรเทศออกนอกโรงเรียน” ซูโฮยิ้มแหยหลังได้คำตอบที่ตรงล็อค

     

    “โชรงออนนี่ก็เคยบอกแล้วว่านายไม่ต้องมาทำงานโฮสต์แล้วแต่ในเมื่อนายยังอยากจะทำต่อคงให้เปลี่ยนจากหน้าที่โฮสต์เป็นผู้ช่วยฉันแล้วแหละ ขืนเอานายเป็นโฮสต์เหมือนเดิมพี่คิงได้หักคอกันยกคลับ” นาอึนหาข้อสรุปให้คนว่างงานอย่างผม

     

    ก็ใช่ว่าผมอยากทำงานโฮสต์นักหรอกนะครับแต่ถ้าออกไปก็ใจหายเพราะผมสนิทกับพี่น้องในคลับนี้มาก พอเลิกเป็นก็ไม่มีสิทธิ์มาหลบหลีกลี้ภัยกับการตามหาตัวมาดามของแฟนคลับและแอนตี้แฟนทั้งหลาย ผมยอมกลับมาพัวพันกับโฮสต์คลับแห่งนี้ดีกว่ามันเป็นอะไรที่ปลอดภัยแล้วจริงๆ

     

    “อ่า ขอบใจนะนาอึน” ผมยิ้มขอบคุณที่เธอช่วยให้ผมมีชีวิตในคลับต่อ

     

    “แล้ววันนี้นายไม่ออกไปซ้อมบาสแล้วไง?” พี่ลู่หานถามหลังดูนาฬิกาที่บ่งบอกเวลาจวนเย็น

     

    “ไม่อ่ะ ผมทำภารกิจตามสั่งสำเร็จแล้วนี่คงไม่มีเหตุอะไรต้องกลับไป อีกอย่างพี่คริสเขาก็โอนตัวผมให้ชมรมดนตรีแล้วด้วย” ผมตอบก่อนล้มตัวนอนหนุนตักซูโฮ

     

    “น่าอิจฉามีแฟนตามใจไม่จุกจิกเหมือนเซฮุน ซิ่วหมินไปซ้อมบอลกันเดี๋ยวเจ้าโอเซมันก็มาลากตัวฉันแล้ว” ลู่หานฮยองเบะหน้าอย่างนึกอิจฉาแล้วหันไปเรียกพี่ซิ่วหมินให้ออกไปด้วยกัน

     

    ไม่อยากจะบอกความจริงเลยว่าผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นมาดามของเขาแค่ในนามแค่นั้นแหละครับ หลังผมย้ายชมรมเราก็แทบไม่เจอกันเลยนอกจากตามทางเดินหรือฟู้ดคอร์ด






     

    ผมรู้สึกหวิวแปลกๆกับใจตัวเองจัง...




































     

    เย็นในวันนั้นหลังกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดที่หอผมก็ออกมาเดินเล่นรอบๆเซนต์ และที่ๆผมเดินไปส่วนมากกลับเป็นที่ๆมีความทรงจำเกี่ยวกับใครอีกคน

     

    สนามบาสเก็ตบอล

     

    ก้มลงไปหยิบลูกบาสที่กลมกลิ้งอยู่บนพื้นก่อนจับมันชู้ตเข้าห่วงแบบง่ายๆไม่มีกระทบกับขอบห่วง วิ่งเข้าไปจับแล้วชู้ตอยู่อย่างนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเหนื่อยหอบล้มตัวนอนบนพื้นอุ่นใกล้เย็นหลังต้องแดดมานมนาน

     

    ลมแผ่วเย็นพัดไหวพัดเส้นผมให้ปลิวไปตามมัน ผมหลับตาไล่ความฟุ้งซ่านต่างๆออกไปจากสมองแต่ยิ่งพยายามทำให้สงบมันยิ่งร้อนจนต้องถอนหายใจหนัก

     

    “คนมึนมีเรื่องเครียดกับเขาด้วย?” คำถามกวนๆและสุดจะวางมาด บวกกับน้ำเสียงเบสทุ้มที่แสนคุ้นเคยเรียกเปลือกตาผมให้เปิดขึ้นมองคนตัวสูงที่เข้ามานั่งมองผมอยู่ข้างๆ






     

    มาตั้งแต่เมื่อไหร่วะ?






     

    “เรื่องของผมอ่ะ” ผมลุกขึ้นนั่งกอดเข่าไม่สบมองอีกคน

     

    “คิดถึงฉันหรอ?”

     

    “อะไร ใครคิดถึงฮยองวะ!!!” ผมปฏิเสธกลับทันควัน แล้วสตั้นนิ่งไปสามวิพอนึกขึ้นได้ว่ามันเป็นการขุดหลุมฝังตัวเองดีๆนี่เอง

     

    “มึนแล้วยังไม่ทันคน” เขากระตุกยิ้มมุมปากมองผมอย่างล้อเลียนกับอาการของผมเมื่อครู่

     

    “เฮอะ!!” ผมแค่นเสียงก่อนเตรียมลุกเดินหนีแต่โดนอีกคนจับตัวไว้เสียก่อน

     

    “เป็นคนของฉันควรซื่อสัตย์กับใจตัวเองนะเลย์ คิดถึงก็บอกมาตามตรง” เขาพูดเหมือนสอนพลางยิ้มให้ผมนิดๆ

     

    ตั้งแต่ผมรู้จักกับเขาผมแทบไม่เคยเห็นเขายิ้มอะไรแบบนี้เลย ถึงจะไม่ได้ยิ้มกว้างอย่างจริงใจแต่มันคือยิ้มอ่อนโยนที่สุดจนใจผมสั่นไหวเพียงแค่ได้เห็นมัน

     

    “ฮยองแม่งขี้ตู่ บอกไม่ก็ไม่ไง” ผมย้อนแต่ตาไม่มองเขา

     

    “นี่งอนที่ฉันหายตัวสินะ” เขาถามต่อ

     

    “อะไร ใครงอนฮยองครับ” ผมตวัดตามองเขาอย่างเคืองๆ

     

    “ปากแข็งขนาดนี้คงต้องทำให้มันอ่อน” ใบหน้าหล่อๆแกล้งเลื่อนเข้ามาใกล้จนผมต้องผละถอย

     

    “เฮ้ย! ฮะ...ฮยองจะทำไร” ถามเขาอย่างตกใจกับการจู่โจมไม่มีเตี๊ยมถามความพร้อมเลยสักคำ

     

    “จูบไง” ตอบหน้าตายก่อนโฉบประกบจูบผมที่เอาแต่นั่งมึนประมวลคำพูดของเขา

     

    มารู้ตัวอีกทีลิ้นชื้นๆก็เข้ามาดิ้นดุกดิกในปากผม ตั้งแขนกะผลักเขาออกห่างแต่ก็โดนดันตัวให้นอนราบลงตามเดิมก่อนตรึงแขนผมกับพื้นซีเมนต์

     

    รสจูบที่อ่อนโยนเริ่มเร่าร้อนหยุดผมที่ดิ้นขืนให้โอนอ่อนไปตามรสชาติที่แปลกใหม่ไม่เคยพบเจอมาก่อน หลับตารับสัมผัสครางฮือเมื่อเขาขบเม้นปากล่างจนบวมเจ่อ

     

    ริมฝีปากอุ่นผละออกมีหยาดน้ำใสเกี่ยวพันตามไปด้วย ตาคมชวนมองสบตานิ่งไปเพียงชั่วครู่แล้วกลับมาประกบจูบผมอยู่อย่างนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าก่อนเปลี่ยนทิศทางลงมาที่ซอกคอขาว

     

    “อ๊ะ!...พี่..พี่คริส ไม่เอาตรงนี้..อื้อ” ผมย่นคอหลบริมฝีปากร้อนที่เพียรมากดจูบคอผมไม่มีทีท่าจะยอมถอย

     

    พอโดนเขาเล้าโลมมากๆร่างกายผมก็อ่อนระโหยไปตามแรงสัมผัสของอีกคน สมองขาวโพลนคิดอะไรไม่ออกเมื่อถูกแตะเค้นยอดอกผ่านเสื้อตัวบางที่สวมใส่

     

    “นายมันคือกระต่าย...” เสียงทุ้มกระซิบพร่าใกล้ๆหูเรียกเสียงครางหวานหวิวจากผมได้ง่ายดาย

     

    เรียวขาที่ดิ้นพล่านแตะผ่านสิ่งนูนแข็งกลางตัวคนบนตัว ไม่ต่างจากผมที่ถูกปลุกยากมอดดับความรู้สึกต้องการอย่างบอกไม่ถูก ผมรู้แค่ว่าถ้าไม่ทำให้ปลดปล่อยผมคงได้หงุดหงิดเพราะค้างคากับความรู้สึกนี้แน่






     

    เขากำลังเล่นตลกอะไรกับตัวผม...?

















     

    {Cut}

    ตามหาได้จากไบโอทวิต @fanxing0010

    ใครเล่นทวิตโปรดติดแท็กบอกเล่าความรู้สึกกันด้วยนะ #ฟิคตามสั่ง

    ไรต์อยากอ่าน ไรต์อยากรี ถ้าไม่มีสักแท็กเดี๋ยวตอนหน้าแกล้งให้ทางเมลล์-..-





























     

    ตื่นมาอีกทีก็ตอนสายโด่งของอีกวันผมมองหน้าต่างทอแสงอาทิตย์ที่มีม่านสีเขียวหม่นปิดกลั้นแสงให้ลอดผ่านมาในห้อง ว่าจะขยับตัวก็รู้สึกจุกปวดร้าวรานที่ช่วงท้องและด้านหลัง

     

    ข่มตัวทนนอนนิ่งให้คนตัวสูงกอดพลางคิดทบทวนถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน มันคือความชั่ววูบและเผลอไผลของผมหรือความรู้สึกแปลกใหม่จนต้องเรียกหากันของเราทั้งคู่

     

     

     

     

     

     

    ผมรู้สึกยังไงกับคิง...?

     

     

     

     

     

     

    อาทิตย์ก่อนก็เป็นมาดามโดยไม่ทันตั้งตัวและรู้จุดประสงค์แท้จริงของอีกคน ไม่เจอกันร่วมสัปดาห์กลับมาอีกทีผมก็ยอมเป็นของเขาอย่างง่ายดายผมคงเป็นคนใจง่ายในสายตาพี่คริส

     

    ตอนนี้ผมรู้สึกยังไงก็ยังไม่รู้เลย ถึงจะบอกได้ว่าเขาโอเคและผมสบายใจที่ได้คุยกับเขาแต่ก็ไม่กล้าพูดอย่างเต็มปากว่า ชอบหรือรัก แถมพี่เขาคิดยังไงกับผมก็ดูกันไม่ออก แต่พอมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นถ้าพี่คริสแค่คิดเล่นๆ กับผมล่ะผมควรทำไงต่อดี?

     

    ถึงผมจะไม่ใช่ผู้หญิงที่ต้องมานั่งเรียกร้องความรับผิดชอบ แต่ก็รู้สึกเสียใจถ้าอีกคนแค่ต้องการหลอกมีอะไรกับผม...

     

    “คิดอะไรอยู่คนมึน” เสียงของคนข้างหลังทำผมสะดุ้งตัวโยนอย่างตกใจ

     

    “ปะ...เปล่า พี่ตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่” ผมถามแต่ไม่หันมองอีกคนเพราะเขินเกินกว่าจะมองหน้าเขาติด

     

    “ตื่นเมื่อกี้ มีกระต่ายหน้ามึนบางตัวถอนหายใจปลุก” เขาพูดเหมือนแอบด่าที่ผมถอนหายใจแรง

     

     

     

     

     

     

    ผิดอีกแล้วสินะ...

     

     

     

     

     

     

    “ขอโทษ...ผม..ผมไปอาบน้ำดีกว่า พี่นอนไปเถอะ” อยู่ด้วยกันต่อไปก็รู้สึกอึดอัดใจจนต้องพยุงตัวลุกขึ้นแต่ถูกคนที่สวมกอดแล้วกดตัวให้นอนต่อ

     

    “ค่อยอาบน่า วันนี้วันหยุดจะรีบไปไหนกัน” เขากระซิบข้างๆหูก่อนดึงมือผมไปจับไว้ “ใจนายเต้นเร็วไปนะ เขินฉันล่ะสิ” เจ้าของมือหนาที่ทาบตัวตรงอกซ้ายของผมเอ่ยทักหลังสัมผัสถึงแรงระรัวของสิ่งที่เรียกว่า หัวใจ

     

    “อยู่เงียบๆ ไม่พูดบ้างไม่มีใครว่าพี่ใบ้หรอกนะพี่คิส” ผมกดเสียงต่ำกันปล่อยไก่เหมือนเมื่อคืน

     

    “จะพูด ก็ฉันชอบที่นายเขิน”

     

     

     

     

     

     

    ...ซ่า...!!!!

     

     

     

     

     

     

    เขาจะรู้ตัวป่ะเนี่ยว่าเขาทำผมเขินจนหน้าร้อนเหมือนโดนแดดเผาแค่ไหน ใครบอกว่าคิงแห่งเซนต์ฌองซิแอร์ด้านชาเหมือนราชาน้ำแข็งผมจะเถียงหัวชนฝาเลยว่านี่มันราชาปิศาจชัดๆ

     

    “เงียบไปเลยฮยอง” ผมขู่เขาฟ่อๆเหมือนแมวป้องกันตัวกลัวโดนรังแก

     

    “คนมึนชอบทำตัวน่ารักว่ะ” เขาไม่สนใจคำขู่ฟ่อ ก่อนกระซิบแกล้งผมอีกรอบแล้วยกตัวขึ้นมากดจมูกหอมแก้มผมไปฟอดใหญ่ๆ

     

     

     

     

     

     

    ถ้าเขาแกล้งผมแบบนี้บ่อยๆผมคงจะตัวระเบิดเพราะความเขินเข้าสักวัน...







    -------------- 

    เม้นแล้วเม้นอีกนะคะ
    ไม่เม้นจะแกล้งดองไปสิบวันเลย-.- 

     

     

     







    :-Daisy ✿
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×