ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO Period] เหมยสวาท [KrisLay]

    ลำดับตอนที่ #6 : ตอนที่ ๕.วังวน

    • อัปเดตล่าสุด 6 เม.ย. 57


    วังวน


    “องค์ชาย...” เสียงเรียกขานแสนพริ้มหูจากพระชายาร่างลอออรหยุดร่างสูงให้นิ่งงัน

     

    “พระชายา...มืดค่ำแล้วเจ้าจะออกมาตากน้ำค้างทำไมกันเดี๋ยวเจ้ากับลูกก็ป่วยเอาหรอก” คำดุว่าจากสวามีหนุ่มทำพักตร์งามต้องก้มต่ำมองพื้นหินมิสบตา

     


     

    ไม่อยากจะออกมาถ้าลูกในท้องไม่ดิ้นหาผู้เป็นพ่อ...




     

    “ระ...เรานอนไม่หลับ แล้วองค์ชายเล่าพึ่งเสร็จจากช่วยกิจองค์รัชทายาทจะเสด็จไปที่ใดกันเพคะ” มุสาเสียคำโตก่อนเอ่ยถามหวังรั้งขอให้สวามีกลับตำหนัก

     

    “เราจะไปหอฮวา” ตอบชายาพร้อมยิ้มกริ่มอย่างพึงพอง

     

    ดวงหน้าหวานที่ก้มต่ำเริ่มร้อนผ่าวตามเนตรหม่น นึกขอบคุณคืนเดือนหนาวไร้แสงจันทร์ที่ช่วยนางปกปิดหยาดน้ำตาบนแก้มนวล

     

    นี่กี่วันกี่สัปดาห์ที่ใครคนนี้แวะเวียนหอโลกีย์ กี่ชั่วคืนที่เขาไปสำราญรักกับคณิการ่างระหงสุดพรรณนานามผกาเหมยจื่อเซ่อจนเมินเฉยลูกเมียในวังใหญ่

     

    “ขอให้พระองค์ทรงสำราญทั้งกายใจ” เสียงหวานสั่นเอื้อนอวยพรแม้ใจเจ็บแทบเจียนตาย มือบางขาวลูบท้องโตดั่งปลอบใจทารกน้อยที่คาดพ่อในอีกคืน

     

    “ขอบใจพระชายา” ยิ้มรับอวยพรเจ็บด้วยพักตร์ที่เรียบนิ่ง “พาพระชายาลู่หานกลับไปพักในตำหนัก” สั่งนางข้าหลวงแล้วจากไปไม่หันมองร่างพริ้มพรายที่สั่นเทาเพราะกันแสง

     

    “พระชายา...” นางกำนันคนใกล้ชิดเข้าประคองร่างสั่นไหวหวั่นเกรงจะช้ำใจจนล้มพับ

     

    “เราไม่เป็นไร พวกเจ้าไปพักเถิด” ขืนกายกลับเข้าตำหนักไม่หวังใครมาประคอง อยากอยู่ลำพังเพียงแม่ลูกปลอบใจกันให้เข้มแข็ง




     

    แม่โง่เขลาไร้หนทางรั้งพ่อเจ้า คืนนี้เราอยู่กันสองแม่ลูกอย่าดิ้นรนให้แม่เจ็บเลยลูกรัก...




     

    “องค์ชายเซฮุน คืนนี้ไม่เสด็จมิได้หรือพะย่ะค่ะ” ทหารผู้ติดตามเอ่ยถามแกมวอนขอ

     

    ก็รู้ว่าพระชายาทรงครรภ์เหตุฉะไหนผู้เป็นถึงสามีถึงใจร้ายไม่เหลียวแลเมียและลูก แต่กลับรุกรนออกจากวังไปสมสู่กับชายงามเมืองแห่งโคมเขียวไม่เห็นใจชายาสิริโฉมที่ร่ำไห้ในห้องหับเลยหรือไร

     

    “เรื่องของข้า” ตวัดตามองทหารปากพล่อยพูดให้ตนหมดสนุก นึกอยากตัดลิ้นให้ขาดจะได้เลิกพูดเรื่องน่ารำคาญมากวนใจ
























     

    ตัดฉากมิสมควร

    @Fanxing0010 ไปเจอกัน ณ จุดๆนั้น

    --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

































     

    รู้สึกตนอีกทีก็เมื่อสายพันแสงส่อง เปลือกตาบางกระพริบถี่ไล่ความง่วงขยับกายสุดร้าวรานให้ออกห่างจากเถาวัลย์ที่เกี่ยวรัดกิ่งเหมยงาม แต่เหมือนพืชสูงศักดิ์จะล่วงรู้ยิ่งดิ้นขืนเถาพันเกี่ยวยิ่งรัดแน่น

     

    “จะไปไหนแม่เหมยงาม” ตรัสถามเสียงละมุนกดนาสิกสูดความหอมจากกลีบปลั่ง

     

    “ข้าน้อยจะอาบน้ำ” เสียงแผ่วหวิวดุจกลีบผกาล่วงสู่พื้นข่มใจหม่นไม่ให้ปล่อยหยาดแห่งโศกต่อพักตร์บุรุษผู้เป็นเจ้า

     

    สิ้นฤทธิ์ยาสุดสวาทก็เรียกความระทมกลับมาแทบหมดสิ้น ใจระรวยคะนึงพึงถึงชายรักใครอีกคนผู้เป็นชาตรีในการรบอยากกอดรัดรับโอนอ่อนจากกายอุ่นล้างมลทินเปื้อนตราบาปพรากผัวเมีย

     

    “ข้าสั่งปล่อยเจ้าแล้วรึไงเหมยฮวา ถ้ายังก็อย่าขัดข้าไม่อยากทำร้ายเจ้าให้บอบช้ำหรอกนะคนดี” เปล่งอำนาจบีบบังคมกายระหงให้ยินยอม

     

    “พะย่ะค่ะ” ยอมนอนนิ่งไม่ไหวติงขยับกายให้เขากอดข่มความโกรธปลอบใจให้อดทน เพราะองค์ชายผู้หลงตนคือความหวังเดียวที่จะปลดปล่อยมารดาและนางจากกรงขัง

     








     

    “อยากได้อิสระและลบหนี้ เจ้าจงทำให้องค์ชายทรงพอใจและรับเจ้าเข้าวังเสีย”











     

    คำสั่งจากนายหญิงเจ้านายตนดังก้องวนเวียนจิตดุจสอนสั่งให้ทนเพียร อีกเพียงนิดนางและแม่ก็หมดสิ้นถึงพันธะสัญญาทาสอีกประเดี๋ยวก็จบลงอึดใจทน

     

    จางอี้ชิง....

     

    “เหมยจื่อเซ่อ” เสียงตรัสขานพร้อมมือหนาที่เชยคางเรียวมนให้หันมอง

     

    “...”

     

    “ข้าจะรับเจ้าเข้าวังเป็นสนมของข้าเจ้าจะยินยอมหรือไม่ผกาแก้ว” เอ่ยถามเหมือนขอความคิดเห็น แม้แท้จริงได้ไม่ได้ก็จะทำให้กายหอมฮวารินเป็นของตนอยู่รำไร

     

    “เป็นพระกรุณาพะย่ะค่ะ แต่ข้าน้อยขอเวลาอีกเจ็ดวัน” น้อมรับความเมตตาพร้อมขอเวลาเพื่อตนก่อนหมดสิ้นซึ่งญาณรัก

     

    “ทำไม” ดวงตาทมิฬสบมองกรอบแก้วพรายอย่างข้องใจ

     

    “ข...ข้าน้อยมีบางสิ่งต้องกระทำ” ดวงเนตรสกาววินวอนขอเมตตาจากชายสูงยศศักดิ์

     

    “ข้าจะกลับมารับเจ้าอีกเจ็ดวันเหมยฮวาของข้า”





     

    เพียงแค่หนึ่งสัปดาห์ที่นางจะได้ทำตามหัวใจก่อนตายด้านในบ้านใหม่ที่ถูกเรียกว่าวังหลวง...


























     

    “พระชายา...” เสียงเอ่ยพระยศสตรีงามดุจภาพศิลป์มากมูลค่า ที่บัดนี้กลับเปื้อนเปรอะเพราะหยดน้ำจากเนตรพราวนานนับวัน

     

    “เอายามาให้เราสินะ” รำพึงถามไม่สนใจแววตาแสนสงสารจากนางกำนันในวังใหญ่ มือบางผ่องรับถ้วยโอสถรสขมเฟื่องน่าสะเอียนมาถือไว้พลางกลั้นใจรับมันเข้าสู่กายบำรุงครรภ์







     

    แม้จะรังเกียจรสชาติยาแต่ฝืนทนเพื่อแก้วตาในครรภ์นาง..






     

    “พระชายาจะทรงเสด็จประพาสสวนไหมเพคะ อากาศวันนี้กำลังเย็นไม่หนาวนักเที่ยวชมฮวาประจำฤดูดีหรือไม่” นางกำนันคนใกล้ตัวแนะนำชายาจากต่างแดนให้เดินเล่นผ่อนคลายทุกข์ในใจพระนาง

     

    ฮวาประจำเหมันตฤดู...?





     

    ...เหมยฮวา...





     

    “ไม่ล่ะเราอยากอยู่ในตำหนัก” ระฆังแก้วปิดกั้นตนเองจากภายนอกไม่อยากรับรู้หรือได้เห็นนภาใส ผกางามที่บดใจนางแทบแหลกสลาย

     

    แค่พูดถึงเหมยก็นึกถึงคณิกาสวาทที่ร่ายรักให้บุรุษหลงมารยา




     

    แล้วเหตุใดต้องเป็นองค์ชายเซฮุนสวามีของนางกัน...




     

    ชายหนุ่มโสดสรรมากล้นแคว้น ทั้งมั่งมีและต้อยต่ำมากเลือหาให้สู่สมเหตุฉะไหนคณิกากายเปรอะเปื้อนกามารมณ์ต้องประสงค์เจาะจงองค์ชายมีคู่ครอง

     

    ยิ่งคิดยิ่งระทมใจกี่หยาดหยดที่ร่วงรินยากห้ามปรามให้หยุดไหล จากสวามีผู้แสนดีบัดนี้กลับแปรเปลี่ยนใจไปหลงระเริงบันเทิงรักกับชายงามในโคมเขียว

     

    “พระชายาเพคะ องค์ชายห้าทรงเสด็จกลับมาแล้วเพคะ” คำบอกกล่าวจากหญิงต้นห้องเรียกมือบางปาดหยาดพราวให้เหือดหายจากพักตร์พริ้ม

     

    เสียงฝีเท้าก้าวเข้ามาในตำหนักที่พักพิง เนตรปักษามองกายอวบเพราะครรภ์โตที่นั่งแน่นิ่งไม่สบมองผู้มาใหม่ก่อนเปลี่ยนทิศจากเตียงตั่งหาชายา

     

    “เหตุฉะไหนไม่มีใจมาต้อนรับ” เอ่ยถามไม่รู้ใจสตรีสาวมือหนากร้าวที่เคยสัมผัสกายละไมของชายงามวางทับแผ่วบนไหล่เนียนหญิงเคียงกาย

     

    “ลูกดิ้นถีบท้องแทบทั้งคืน เราปวดจนไม่อยากขยับกาย” ให้เหตุผลตามจริงไปกึ่งหนึ่ง อีกเสี้ยวครึ่งเก็บไว้ให้ตรอมอกถึงเหตุผลที่ทารกดิ้นรังแก

     

    เพราะแม่แสนโง่เง่าไร้มารยาฉุดรั้งใจบิดาของเด็กน้อย...

     

    “เจ้าเด็กน้อย แม่บอกว่าเจ้านั้นดื้อซนจริงหรือไม่” ผู้เป็นพ่อเดินมานั่งคุกเข่าแนบกรรณทาบทับกับท้องเต่งพูดคุยและฟังเสียงเด็กตัวน้อยในท้องแม่

     

    ชายาทอดมองรอยยิ้มอุ่นของพ่อเด็กที่นั่งเล่นและพูดคุยกับหนูน้อยในท้องนางเฉกเช่นครั้งวันวานเมื่อยังชิดใกล้ไร้ห่างเหิน

     

    “ลู่หาน...” เสียงเรียกนามดึงสติที่หลุดลอยให้กลับมา

     

    “เพคะ”

     

    “อีกเจ็ดวันเราจะรับสนมเข้าวังหลวง” คำบอกเล่าจากปากสวามีกระชากดวงใจร่างนวลอวบแทบหมดลม

     

    รับสนมเข้าวัง? เหตุใดต้องมีสนมมาปรนเปรอที่นางเพียรสร้างและทุ่มเททั้งกายและใจรักจนมีบุตรให้ชื่นชมยังไม่พอใจกันอีกหรือถึงต้องร้องหาหญิงชายอื่นมาเปรอสุขลำพองใจ

     

    “ค..คะ...ใครกัน” เสียงสะดุดขาดห้วงเค้นถามไถ่

     

    “ชายงามจากหอฮวา”

     

    “...” ยิ่งฟังคำตอบยิ่งสุดจะพรากเพียรหาวาจามาโต้ตอบ หยดน้ำตาที่เคยแห้งเอ่อทะลักร่วงโรยยากต้านทานความระทม

     

    “พระชายาเจ้าร้องไห้ทำไมกัน” ถามแต่เฉยชาไม่มีเคล้าโครงความห่วงใยในแววตาที่ทอดมอง

     

    คงหมดรักไม่เหลือแม้เสี้ยวใจ...

     

    “หม่อมฉันดีใจด้วยเพคะ” กายระหงลุกขึ้นยืน เดินเลี่ยงจากสวามีออกนอกตำหนักไม่อยากเห็นแม้เสี้ยวหน้าคนใจร้ายที่เมินเฉยไม่แม้แต่จะตามหา













     

    หวังอะไรกัน...

    เขาหมดรักคือหมดรักยากเรียกหา

    หมดรักหรือไม่เคยรักสุดตอบได้

    เพลานี้มีเพียรลูกที่ปลอบใจ

    สิ้นความหมายคงลาจากกลับเมืองตน




     

    “อีกแล้วหรือลู่หาน” คำถามจากพระเชษฐาของสวามีเรียกพักตร์งามให้หันมอง

     

    “องค์รัชทายาท” โค้งคำนับเพียงนิดเพราะครรภ์โตเป็นอุปสรรคในการย่อกายต่ำ

     

    “เราอยู่กันลำพังฉันท์พี่น้องเรียกพี่ในนามเดิมเถิดน้องสะใภ้” ผู้เป็นว่าที่เจ้าแห่งแผ่นดินทักท้วงคำของสตรีงามสะใภ้องค์

     

    “ค่ะ...ท่านพี่คยูฮยอน” น้อมรับกระแสสั่งพร้อมยิ้มพรายส่งมอบให้

     

    “เศร้าใจเรื่องเซฮุนกับชายงามหอนางโลมสินะลู่หาน” ถามคำถามเข้าประเด็นไม่อ้อมค้อม

     

    “ค่ะ องค์ชายห้าคงชอบพอชายฮวาผู้นั้นเสียใหญ่โต” ตอบแกมประชดชายใจยักษ์ในตำหนัก

     

    “ว่ากันว่าหอฮวามีมนตร์เรียกบุรุษให้ติดกับและยากยิ่งจะแก้ปมในสวาทให้หืดหาย” บทรำพึงที่สรรสร้างความทุกข์ใจให้ผู้ฟัง

     

    “คงจะใช่ดั่งว่ากัน...” จากที่เห็นมากับตาถึงไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ

     

    “แต่รู้อะไรไหมลู่หานพี่เชื่อว่าไม่มีมนตราใดยิ่งใหญ่เท่าความรัก เพลานี้น้องชายพี่อาจลุ่มหลงโลกีย์อยากแยกจากแต่สักวันความรักของเจ้าและหลานน้อยจะดึงเขากลับมาหาลูกเมีย” องค์ชายว่าที่นายแห่งแคว้นใหญ่ยิ้มอบอุ่นติดรอยแผลในใจนางให้ผสานแม้ไม่มิด

     

    จะให้มันเป็นดั่งเดิมคงต้องรอได้รับรักจากชายผู้เป็นเจ้าของใจนาง...

     

    “ท่านพี่คยูฮยอน แต่เราเกรงว่ากว่าจะรู้ตัวโจวเฉิงคงลุกฮือดั่งไฟแห่งโลกันตร์” แววตาห่วงระแวงเพราะความรั้นอยากชนะและทะยานทะนงตนของสวามีส่งทอดถึงพี่ชายของเจ้าตัว

     

    “เซฮุนเคยคาดหวังถึงบัลลังก์ของโจวเฉิง แต่เสด็จพ่อมองเห็นถึงจิตใจรั้นร้อน ไร้เมตตาจากตัวเขาจึงตัดจากการพิจารณาขึ้นครองราชย์ถึงเซฮุนจะเป็นโอรสของฮองเฮาทายาทอันดับต้นในบัลลังก์” ผู้เป็นพี่ร่วมสายเลือดฝั่งพระบิดาเล่าถึงเหตุที่ปลดน้องจากบัลลังก์

     

    “เราเข้าใจความประสงค์ของฝ่าบาท แต่องค์ชายเซฮุนคงไม่เข้าใจในจุดนี้” คนทั้งสองมองหน้ากันอย่างหนักใจสุดหนทางจะปรับเปลี่ยนใจหยาบให้โอนอ่อน

     

    ถึงจะเชื่อว่าเซฮุนหลงใหลในผกาหอมอย่างแท้จริง แต่อีกส่วนคงนึกคิดหวังป่วนวังหลวงให้วอดวายเพื่อแก้แค้นโดยการใช้คณิกาจากโคมเขียวมาบั่นทอนความศรัทธาในราชวงศ์
     









    ----------------------------- #เหมยสวาท-------------------

    ฉากตัดข้าน้อยให้เฉพาะรีดเดอร์ไปตามหาที่ทวิตนะเจ้าคะ
    เตือนกันแล้วว่าอย่าให้ไรต์นอยด์น้อยใจรีดไม่เม้น
    ไรต์ไม่ใช่นักเขียนที่เก่งอะไรไม่อ่านก็ได้นะคะ

    ขอบคุณทุกคอมเม้นที่เป็นกำลังใจดีๆของไรต์และยอดวิว


     

     



























































     

     





     
    :-Daisy ✿
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×