ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [PeriodEXO]❖KrisLay❖ม่านดอกงิ้ว

    ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ ๐๔ -แปลกเปลี่ยน-

    • อัปเดตล่าสุด 7 ก.พ. 58


     

     

    ม่านดอกงิ้ว

    ตอนที่ ๔


    -แปลกเปลี่ยน-


     

    เสียงไก่ขัน เสียงคนแหกตะโกนบนรถม้าเข็นค้าขายดังผสานคึกครื้นกันตั้งแต่ทิพากรยังไม่ทันแตะขอบพื้นตามประสาชาวเมืองบ้านไร่ เสียงเหล่านั้นปลุกบุรุษร่างสูงในห้องรับรองของเรือนผู้ว่าฉางชาต้องจำใจตื่นแต่เช้าตรู่ อู๋ฟานลุกจากเตียงไปที่ห้องอาบน้ำเพื่อชำระล้างร่างกายก่อนออกมาด้วยเสื้อคลุมตัวหนาประจวบเหมาะกับที่อี้ชิงถือชุดของพี่ชายนางเข้ามาในห้อง ทั้งคู่สบตากันอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เจ้าของแก้วตาหวานจะเป็นฝ่ายหลบสายตาพลางยื่นชุดเปลี่ยนตัวใหม่ให้กับอู๋ฟาน

     

    “ชุดของพระองค์ยังชื้นไม่สามารถนำมาให้สวมใส่ได้ข้าจึงนำชุดของพี่ชานเลี่ยมาให้ หากองค์ชายประสงค์จะกลับค่ายวันนี้เชิญเสด็จก่อนแดดจะแรง อาหารที่ใช้พักทานกลางทางข้าให้บ่าวในครัวจัดให้แล้วเพคะ” อี้ชิงบอกกล่าวแขกสูงศักดิ์ พลางเดินไปจัดเก็บเตียงของร่างสูงอย่างที่เจ้าบ้านควรกระทำให้กับผู้มาเยือน

     

    วาจาที่เหมือนจะไม่ร่วมเดินทางด้วยไม่ได้ทำให้คนฟังแปลกใจไปมากกว่าอี้ชิงยังคงอยู่ในชุดระบำสีแดง ใบหน้าอิดโรยเหมือนไม่ได้นอนมาทั้งคืน จะกล่าวหาว่านางไปกับจื่อเทาฮ่องเต้ตลอดราตรีคงจะเป็นการหยาบคายเขาเชื่อว่าอีกฝ่ายสุภาพบุรุษพอที่จะไม่กระทำการเช่นนั้น

     

    “เมื่อคืนเจ้าไม่ได้กลับเรือน?” อู๋ฟานเอ่ยถามสิ่งที่ข้องใจ เขาเดินเข้าไปในส่วนม่านไม้กั้นเพื่อสวมใส่ภูษาให้เรียบร้อย

     

    “เพคะ ที่โรงละครแม่ข้ามีโจรบุกปล้นแต่โชคดีที่อาเทาช่วยต่อกรกับพวกมัน เราจับคุมตัวไม่ได้ทั้งหมดและที่จับได้ก็ฆ่าตัวตายหนีความผิด ส่วนคนงานชายในหอหกขาวตะ...ตายห้าคน” เสียงหวานบอกเล่าเรื่องราวเมื่อคืนวานอย่างเลื่อนลอย

     

    ภาพการต่อสู้ของโจร สหายต่างถิ่นและเหล่าบุรุษในโรงละคร ภาพความบาดเจ็บ การตายของคนงานในหอละครและเหล่าชายชุดดำที่จับคุมตัววิ่งเข้าหาปลายดาบด้วยตนเอง ภาพเหตุการณ์จริงที่ไม่ใช่การแสดงงิ้วดั่งคราก่อนๆ ไหนจะคำขู่ให้ทำตามที่ร้องขอถ้าไม่อยากให้ใครต้องตายอีกมันยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของนางยากจะหาหนทางต่อกรในยามนี้

     

    “ข้าเสียใจด้วย ข้าจะอยู่กับเจ้าที่นี่จนกว่าเจ้าจะจัดการทุกอย่างเรียบร้อย...” อู๋ฟานหยุดวาจาตนอย่างนึกแปลกใจประโยคที่เพิ่งเปล่งเอ่ยกับหญิงสาวที่ตนไม่ชอบหน้า ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง “การกลับค่ายเพียงลำพังโดยไร้เจ้าคงจะไม่ใช่คำตอบที่ฝ่าบาทประสงค์สักเท่าไหร่”

     

    “เช่นนั้นข้าจะให้คนของข้าไปส่งข่าวให้กับท่านพ่อ ขอบพระทัยองค์ชายเพคะ” กายระหงย่อกายแสดงความขอบคุณในน้ำใจของราชวงศ์หนุ่ม

     

    สองเท้าก้าวเดินยังไม่ทันจะถึงประตูร่างทั้งร่างก็ล้มลงไปกับพื้น อู๋ฟานรีบออกจากหลังม่านเพื่อมาดูอาการของคนหมดสติกลางห้อง เขาหวังจะพลิกกายอีกคนให้นอนหงายแต่ความเปียกชื้นบนกลางหลังและกลิ่นคาวของโลหิต และไหนจะไอร้อนจากร่างบางทำให้เขาต้องปัดเกศายาวที่บดบังแผ่นหลังให้เห็นต้นเหตุ รอยแผลสดเป็นทางยาวแนวนอนกลางหลังบางตัดชุดสวยขาดครึ่ง มือหนาเอื้อมหยิบมีดปลอกผลไม้บนโต๊ะมาตัดอาภรณ์ให้ห่างจากบาดแผลที่ดูจะลึกพอสมควร

     

    “บาดเจ็บถึงเพียงนี้ยังมีกะจิตกะใจกลับมาที่นี่ เจ้านี่เป็นคนเช่นไรกันแน่จางอี้ชิง” พูดเองจำต้องข้องใจอยู่ฝ่ายเดียวเมื่อคนบาดเจ็บไม่รับรู้สิ่งใดด้วย เขาอุ้มร่างงามไปนอนบนเตียงอย่างระวังบาดแผลก่อนเดินไปหาผ้าชุบน้ำมาเช็ดรอบบาดแผลเพื่อความแน่ใจว่าไม่มียาพิษในบาดแผล แล้วออกไปหน้าห้องมองหาสาวใช้ของบ้านจางแต่กลับพบเพียงบ่าวชาย

    “สาวใช้ในบ้านหายไปไหนกัน?”

     

    “ทูลองค์ชาย พวกนางติดตามนายหญิงจางและคุณชายหมินไปจัดเตรียมพิธีศพที่หอหยกขาวพะย่ะค่ะ” บ่าวชายที่ทำงานปัดกวาดทางเดินหันมาเอ่ยตอบแขกยศสูงของบ้าน

     

    อู๋ฟานหยุดไปครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจ “เจ้าพาข้าไปห้องของนายน้อยได้หรือไม่ นายเจ้าให้ข้าไปเอาของบางสิ่งในห้องเขา”

     

    “พะ...พะย่ะค่ะองค์ชาย” ถึงจะแปลกใจกับคำตรัสของแขกนายแต่ผู้เป็นบ่าวไม่มีสิทธิ์จะไปไถ่ถามอะไร จำต้องเดินนำทางองค์ชายหนุ่มไปยังห้องของนายน้อยตน

     

    “ข้าวานเจ้าเตรียมยาและเครื่องมือทำแผลไปวางไว้ที่หน้าห้องข้า แล้วให้บ่าวคนหนุ่มขี่ม้าเร็วไปส่งข่าวผู้ว่าจางด้วย” ร่างสูงเอ่ยสั่งงานอีกครั้งก่อนเปิดประตูเข้าไปในห้องนอนของอี้ชิง เขาเดินตรงไปยังหีบใบใหญ่สองใบที่คาดว่าน่าจะเป็นหีบใส่ชุดของร่างบาง พอเปิดดูหีบแรกก็เป็นไปดังคาดแต่ชุดสตรีเขาเชื่อว่ามีไม่กี่คนในฉางชาที่รู้ว่าอี้ชิงคือหญิงสาวไม่ใช่ชายงามปลอมตัวหากหยิบชุดสวยเหล่านี้ไปให้อีกคนใส่คงไม่ใช่เรื่องดี อู๋ฟานจึงเลือกเปลี่ยนไปหยิบชุดในหีบที่สองซึ่งเป็นชุดบุรุษแล้วเดินกลับเข้ามาในห้องพักของตนพร้อมเสื้อผ้าและยาที่ให้คนใช้วางไว้หน้าประตูห้อง

     

    “ข้าขอโทษ” เขารีบจัดการเช็ดตัวทำแผลให้ร่างไร้สติ ถึงจะรู้สึกขัดอายอยู่บ้างแต่นี่ไม่ใช่เวลาที่อู๋ฟานจะมานั่งห่วงเรื่องความไม่เหมาะสม หลังจัดการกับคนบนเตียงเสร็จเรียบร้อยก็ออกไปสั่งให้คนในครัวทำอาหารอ่อนๆและยาลดไข้ ก่อนกลับมาเก็บกวาดอาภรณ์และผ้าซับแผลที่เปื้อนเลือด

     

    “สำรับเรียบร้อยแล้วพะย่ะค่ะองค์ชาย” เสียงเอ่ยบอกหน้าห้องเรียกให้คนด้านในเปิดประตูไปรับถาดอาหารมาวางไว้บนโต๊ะรอคนบนเตียงรู้สึกตัว

     









     

    “อึก...” เสียงครางแหบแผ่วจากคนป่วยก่อนแพคนตาจะกระพริบปรับแสงเพื่อลืมตาตื่น อี้ชิงมองม่านสีสะอาดก่อนค่อยๆละสายตามามองใครอีกคนที่นั่งอยู่ข้างเตียง

     

    “เป็นอย่างไรบ้างเจ็บตรงไหนหรือไม่?” คำไถ่ถามจากหมอจำเป็นเรียกแนวคิ้วเรียวขมวดยุ่งอย่างไม่เข้าใจในวาจา อู๋ฟานเห็นเช่นนั้นจึงบอกเล่าให้อีกฝ่ายหายข้องใจ “เจ้ามีพิษไข้และบาดเจ็บมีรอยแผลจากคมดาบยาวช่วงกลางหลัง ข้าทำแผลให้เรียบร้อยแล้วตอนนี้เจ้าลุกขึ้นมาทานข้าวทานยาจะได้นอนพักต่อ”

     

    “ไม่...ข้า...ข้าต้องไป” อี้ชิงพยายามเค้นเสียงพูดโต้ตอบพลางยันกายจะลุกขึ้นนั่ง แต่ความระบมตามแนวหลังและความปวดร้าวบนหัวทำให้เจ้าของกายงามต้องล้มตัวลงนอนอีกครา

     

    “เจ้าจะไปไหน?” ถึงจะหงุดหงิดที่เห็นนายน้อยคนดีของเมืองดื้อรั้นกับตนแทบทุกเวลาจนอยากจับมัดให้นอนราบกับเตียง แต่อู๋ฟานก็ใจเย็นพอที่จะเอ่ยถามถึงกิจจำเป็นของอีกฝ่าย

     

    “ไปหน้าประตูเมือง  ไหนจะต้องส่งข่าวให้ท่านพ่อกลับมาดูแลเมืองข้าควรไปมอบตัวกับมัน ข้าไม่สมควรนอนซมอยู่ที่นี่ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเพราะข้า...ข้าเป็นต้นเหตุทำให้คนรอบข้างต้องตาย”

     

    “ทำไมเจ้าถึงโทษว่าตัวเจ้าเป็นต้นเหตุ เจ้ารู้หรือว่าใครเป็นผู้ส่งโจรพวกนั้นมาบุกปล้น?” ประโยคบอกเล่าพะวงห่วงสร้างความสงสัยให้กับคนฟังจนต้องเอ่ยถามถึงต้นต่อของเหล่าโจร

     

    “ศัตรูข้ามีเพียงหนึ่งเดียวที่มีอำนาจจ้างฆ่าคนเป็นว่าเล่น คนที่ส่งพระองค์มาที่นี่อย่างไรเล่าองค์ชายอู๋ฟาน”

     

    ริมฝีปากสีซีดเม้มเป็นเส้นตรง ดวงตาแดงก่ำคลอหยาดน้ำก่อนปล่อยหยดน้ำตาให้กลิ้งไหลผ่านหางตาอย่างเจ็บแค้นระคนกลัวต่อสิ่งที่เพิ่งพบเจอ อี้ชิงยอมรับว่ากลัวภัยถึงชีวิตแต่ใจกลับยากจะยอมพ่ายแพ้อยู่ใต้อำนาจของผู้ถือว่าตนมากบารมี ไม่ได้อยากจะยอมไปให้พวกมันจับเพื่อส่งนางไปให้คนสั่งการแต่ถ้าไม่กระทำการตามคำขู่ก็เกรงจะย้อนกลับมาสร้างความเดือดร้อนให้คนรอบกายตน

     

    ไม่สามารถบีบทางตรงก็ฆ่าทางอ้อมเพื่อข่มขู่นี่สินะวิธีจัดการกับศัตรูหัวใจของสตรีในวัง...

     

    “ถ้าเจ้าแน่ใจว่าใช่นาง แล้วเจ้าจะยอมรามือเลิกคิดเป็นชายาของฮ่องเต้รึไม่?” อู๋ฟานถามผู้เป็นว่าที่ชายาคนโปรดของราชาแต่ไม่ได้หวังในคำตอบอีกฝ่ายนัก

     

    ไม่มีเหตุผลใดต้องโต้แย้งว่าเขาไม่ใช่คนที่ไจ้จงส่งมาจัดการกับอี้ชิง และเมื่อฮองเฮาต้องการสังหารร่างบางโดยจ้างวานพวกกลุ่มโจรก็แสดงว่าอู๋ฟานไม่ต้องทำงานใดเพื่อนางอีก แต่การเห็นใครสักคนต้องตายถึงจะไม่พอใจในตัวของนางนักก็ไม่ใช่สิ่งที่อู๋ฟานพึงประสงค์สักเท่าไหร่หากเขาคิดจะช่วยอี้ชิงนับจากนี้ก็ไม่ผิดสัญญาใดกับไจ้จงอีกต่อไป

     

    “หากความต้องการของข้าทำให้ท่านแม่ต้องเดือดร้อน ข้าคงต้องยอมเพื่อมารดาข้า” อี้ชิงตอบคำถามเสียงแผ่วระดับลงดั่งปล่อยปลงก่อนเข้าสู่ห้วงนิทรานี้อีกคราอย่างไม่อาจฝืนพิษไข้ได้

     

    คำตอบจากอี้ชิงสร้างความแปลกใจให้คนฟังอยู่ไม่น้อย ไม่คาดคิดว่าอี้ชิงจะยอมรามือจากอำนาจที่ล่อตาคุ้มกับการเสี่ยงนี้โดยง่าย จางอี้ชิงผู้ทะนงใฝ่สูงเปลี่ยนแปลงไปเป็นคนที่คิดถึงผู้อื่นมากกว่าตนในชั่วข้ามคืน แต่หากนี่เป็นแผนการดึงเขาให้เชื่อใจและเป็นพวกก็คงเป็นแผนที่เรียกความสงสารจากเขาได้มากโข

     

    ผกากรองยังหยั่งรู้ถึงความงาม

    ใจคนย่อมยากจะคาดเดาถึงความคิด




















     

    สองวันหลังจากนั้นจางอี้ชิงก็อาการดีขึ้นเพราะการเฝ้าไข้ที่เข้มงวดเรื่องการทานยาตรงเวลาจากอู๋ฟาน มีหมินซั่วและฮูหยินจางผลัดเปลี่ยนกันมาช่วยเช็ดตัวเปลี่ยนอาภรณ์ให้ร่างบาง และมีจื่อเทาคอยแวะเวียนมาเยี่ยมพร้อมขนม ผลไม้ที่คนป่วยสรรหาจะร้องขอให้ซื้อมาฝากด้วยเหตุอ้างขมลิ้นเพราะรสยาที่ผู้เป็นย่าจัดปรุงให้

     

    ใบหน้าสวยที่เคยซีดเซียวบัดนี้กลับสดใสดูเป็นปกติถึงยังมีไข้อ่อนๆและแผลด้านหลังก็เริ่มสมานตัว คนป่วยที่ยังถูกสั่งห้ามไม่ให้ออกไปไหนนั่งหลังพิงเตียงในห้องของแขกสูงศักดิ์ที่ตนยึดนอนชั่วคราว ตากลมใสที่เคยจับจ้องตัวหนังสือในหน้ากระดาษเงยขึ้นมองร่างสูงที่กลับเข้ามาในห้องพร้อมอาหารและถ้วยยา เพียงได้กลิ่นหอมกรุ่นผสมกลิ่นเหม็นเขียนของใบพืชใบหน้าลออหวานก็เหยเกตอบรับกลิ่นชวนอาเจียนของสองสิ่งในถาดนั้น

     

    “ไม่ชอบใจเจ้าก็ต้องทานให้หมด อย่าดื้อให้ตนเองต้องโดนดุจางอี้ชิง” ผู้เฝ้าไข้เอ่ยอย่างรู้ความคิดผ่านสีหน้างอง้ำของอี้ชิง

     

    “ข้ารู้สึกดีขึ้นมากแล้วนะองค์ชายไม่ทานไม่ได้หรือ?” ใครจะไปรู้ว่าจู่ๆวันหนึ่งจางอี้ชิงผู้ชอบเหวี่ยงโทสะเฉือนคารมกันจะมาทำใบหน้าหงอยเรียกร้องความเห็นใจให้งดยา

     

    “ถ้าอยากโดนย่าของเจ้าบ่นหูชาก็ตามใจ” อู๋ฟานวางถาดไว้บนโต๊ะแล้วถือเพียงถ้วยข้าวต้มมาให้อีกคนก่อนนั่งบนเตียง

     

    “องค์ชายก็อย่าบอกท่านย่าสิ” เสียงหวานเอ่ยท้วงเรียกรอยยิ้มขำจากองค์ชายผู้ถูกลากให้เข้าร่วมแผน

     

    “คิดว่าเจ้าปิดนางได้หรืออี้ชิง?”

     

    อี้ชิงนิ่งคิดตามคำถามของร่างสูงก่อนถอนหายใจอย่างจำนน “ก็ได้ๆ ขอทานข้าวก่อนนะเพคะ”

     

    มือบางจับช้อนป้อนข้าวเข้าปากตนแต่ตายังคงจับจ้องที่หนังสือบทละครบนตักอย่างไม่อยากเสียเวลาในการเรียนรู้เนื้อหาเพื่อจดจำไปใช้ซ้อมละครงิ้วหลังปิดกิจการมาถึงสามวัน พออ่านจบหนึ่งหน้าก็วางช้อนแล้วพลิกเปลี่ยนหน้าใหม่ก่อนเริ่มกลับมาทานต่อ จ่อช้อนโดนปากบ้างไม่โดนบ้างเดือดร้อนอู๋ฟานที่ต้องหาผ้าสะอาดมาช่วยซับปากจะเตือนให้ทานข้าวก่อนกลับไปนั่งอ่านดีๆก็ไม่เคยคิดจะฟัง

     

    อี้ชิงในมุมนี้สมควรเรียกนายน้อยผู้ดื้อรั้นอย่างที่คนในบ้านชอบเรียกขาน ถ้านางไม่มีเรื่องถึงขั้นล้มป่วยอู๋ฟานคงได้เห็นเพียงมุมของจางอี้ชิงมากเล่ห์ผู้ไต่เต้าหวังบัลลังก์ฮองเฮา และใครจะคิดว่าเป็นเช่นดั่งปากว่าว่านางจะไม่คิดใฝ่สูงนั่งบัลลังก์หงส์ หลังใต้เท้าจางกลับมาถึงเรือนพร้อมของกำนัลมากมายที่ฮ่องเต้ประทานให้อี้ชิงก็ยืนกรานไม่รับของซ้ำยังส่งกลับคือฝ่าบาทโดยให้เหตุผลไปว่ามันมากค่าเกินกว่านางจะน้อมรับอย่างไม่อึดอัดใจ สร้างความแปลกใจให้ผู้ว่าจางและฮูหยินอย่างมาก

     

    “จริงสิ วันแรกที่ข้าหมดสติใครผลัดเปลี่ยนชุดให้ข้ากัน?” อ่านบทถึงฉากเปลื้องอาภรณ์ล่อลวงชายก็เพิ่งนึกถึงเรื่องตนเมื่อวันที่เจ็บหนักจนต้องถามให้หายข้องใจ

     

    คำปุจฉาทำผู้ถูกถามชะงักงันไปเสี้ยวแสงก่อนเอ่ยย้อนถามแทนวิสัชนาในปุจฉา “วันนั้นทั้งเรือนมีเพิ่งบ่าวใช้ชายเจ้าคิดว่าช่วงฉุกละหุกเช่นนั้นจะมีใครอื่นอีกลองนึกดู”

     

    ร่างโปร่งนั่งนิ่งอย่างครุ่นคิดหาเหตุผลมาประกอบหักล้างตามความจริง ใบหน้าหวานค่อยๆเปลี่ยนระเรื่อสีจนไม่เหลือพื้นที่ผิวเนียนขาว ริมฝีปากนวลอิ่มเม้นเข้าหากันก่อนคลายออกแล้วตั้งหน้าตั้งตาทานอาหารไม่ปริปากเอ่ยวาจาใดออกมาหาเรื่องใส่ตนอีก

     

     พอได้เห็นคนเคยชังในมุมของเด็กสาวธรรมดาที่ยิ้มได้หัวเราะเป็นมีอิริยาบถที่หลากหลาย ความไม่ชอบใจในนิสัยทะนงเกินตัวได้พลันทลายหายไปจากความรู้สึก แม้แต่เขายังไม่เข้าใจในความคิดของตัวเองว่าเหตุใดความเกลียดชังถึงมลายลงง่ายนักมันง่ายเสียจนอู๋ฟานให้เงินกับเหล่านักฆ่านั่นหลายสิบตำลึงทองเพื่อลบคำสั่งของไจ้จง

     

    “นี่นางเอกงิ้วหรือเด็กเพิ่งสามขวบ?” เอ่ยเย้าเสียงเรียบนิ่งแกล้งเนียนลืมบทสนทนาน่าขวยเขิน เนตรดุจเหยี่ยวมองการกระทำไม่ต่างจากเด็กเดียงสาของผู้ถือตนเป็นชายงามที่เลื่องลือไปทั่วแคว้น

     

    “อยู่หลังม่านขอให้ข้าเป็นตัวข้าบ้างเถิดองค์ชาย ข้าก็ปุถุชนคนหนึ่งมิสามารถเชิดหน้ามากหน้ากากเล่นมายาได้ทุกวี่วัน” อี้ชิงต่อวาจาแม้ไม่กล้าช้อนตาขึ้นสบพักตร์เพราะยังหลงเหลือความอายอยู่พร้อมยื่นถ้วยอาหารกลับคืนชายสูงศักดิ์ ร่างบางครั้นเนื้อครั้นตัวอยากลุกขึ้นเดินไปจัดการธุระด้วยตนเองเสียเต็มแก่แต่ทำได้เพียงนั่งนิ่งๆรอองค์ชายหนุ่มเอาน้ำเอายามาป้อนให้ถึงที่

     

    “ดีแล้ว...มันทำให้ใครหลายคนรู้สึกว่าเจ้าน่าเอ็นดูขึ้นเยอะ” ร่างสูงยืนมองอีกคนที่ยอมรามือจากหนังสือบทละครแล้วนอนพักผ่อนตามเวลาอันสมควร

     

    “จะดีกว่านี้ถ้าความน่าเอ็นดูของข้าเข้าตาพระองค์บ้าง” เปล่งคำทิ้งท้ายแสนน่าอาย แล้วหันหลังหลบสายตาบพยัคฆ์ร้ายอย่างไม่กล้ารับรู้ในความนัย

     

    ฟ้าดินเป็นพยานบริบทสุดท้ายก่อนนิทราก่อพิษร้ายที่ปลายหนามให้คนมองพลั้งเผลอขยับมือหวังเอื้อมแตะสัมผัสต้องพิษสงสู่ฤทัยอย่างคล้อยหลง...

     























     


     

    “มนตราใดจะสู้ความสัตย์จริง มารยาใดจะสู้ความแน่แท้ แผนการใดจะสู้ความเป็นจริง ร้ายเยี่ยงไรก็ไม่สู้การทำดี” บทกลอนสอนใจเอื้อนเอ่ยผ่านเสียงหวาน แก้วตาพราวทอดมองบุรุษในชุดสตรีบทเป็นเอก



     

    “อย่าสำบัดสำนวนกับข้านางแพศยา!” เสียงกร้าวอารมณ์ร้ายตวาดลั่นให้หวั่นเกรง

     

    แต่ยังไม่เป็นไปตามความคาดหวังของหลายคน...

     

    “เฮ้อ...ตัวละครปั้นแต่งไปไม่เป็นธรรมชาติ กลับไปทำความเข้าใจบทใหม่แล้วค่อยกลับมาหาข้า” อี้ชิงปัดมือไล่ว่าที่นางเอกใหม่ที่นายหญิงคัดสรรมาให้นางช่วยซ้อมบทก่อนเล่นจริง

     

    “ขอรับนายน้อย” ชายร่างบางโค้งลาผู้ถือตนเป็นเป็นอาจารย์อย่างข่มความขุ่นเคืองก่อนกลับไปท่องบทใหม่ตามที่อีกฝ่ายบอก

     

    “บทร้ายแสนง่ายเขายังทำไม่ร้ายนี่ให้เล่นบทคนดีข่มความทุกข์จะไหวหรือท่านแม่?” พอพ้นคู่เข้าบทอี้ชิงก็หันมาพูดคุยกับฮูหยินจางเหนื่อยอ่อนใจจะคิดช่วย  

     

    “วันนี้เพิ่งฝึกบทเป็นวันแรกเสี่ยงจงอาจยังประหม่าไม่คุ้นชินเจ้าน่าควรให้เวลากับบ้าง”

     

    “เหอะ บรรยายสรรพคุณตนเองเสียดิบดีสุดท้ายทำไม่ได้ดั่งปากว่ายังจะให้เวลาอันใดอีก เราไม่มีเวลามากพอทนรอใคร ข้าว่าท่านแม่ควรหาชายงามที่มีความพร้อมกว่านี้จะดีกว่า” วาจาตำหนิถูกส่งผ่านริมฝีปากงามดั่งผู้ที่ตนเอ่ยถึงยังไม่ไปไหน มือบางวางหนังสือบทละครไว้บนโต๊ะที่มารดาและพี่ชายตนนั่งอยู่ก่อนหันเดินไปทิศทางกลับเข้าเรือนใหญ่

     

    “ข้าคิดไว้แล้วเชียวว่าให้คนอารมณ์ร้ายมาสอนสิ่งละเอียดอ่อนจะทำได้ไม่ถึงไหน” หมินซั่วบริภาษน้องตนพลางส่ายศีรษะอย่างเหนื่อยใจกับอี้ชิง

     

    “ถ้าไม่ใช่อี้ชิงแม่ก็ไม่รู้จะหาใครมาเป็นอาจารย์ช่วยกันสอน ถึงนางจะใจร้อนอยู่บ้างแต่เมื่อครู่ถือว่ายังใจเย็นอยู่ไม่เช่นนั้นคงระเบิดตั้งแต่พลาดเมื่อรอบสาม” ฮูหยินเจ้าของหอกล่าวเชยชมบุตรตนที่มีความอดทนต่อการสอนน้องใหม่ในวันนี้อยู่ไม่น้อย

     

    “นั่นสิขอรับ หากท่านแม่ไม่พูดข้าก็ไม่ทันสังเกตว่าอี้ชิงเปลี่ยนไป” ใบหน้าหวานพยักหน้าเออออไปกับมารดาหลังใคร่ครวญบริบทเมื่อครู่ของผู้น้อง

     

    นับจากมีเรื่องที่หอระบำนายน้อยคนดีก็เริ่มแปลกเปลี่ยนไปจากคนเจ้าอารมณ์ไม่แยแสคนต่ำกว่า ณ เวลานี้กลับพลิกค่อยๆฝ่ามือเป็นด้านขาวนางใจเย็นขึ้น อ่อนโยนมากกว่าเก่า ถึงจะยังวาจาร้ายแต่ก็แฝงความหวังดีในน้ำเสียง

     

    อะไรทำให้จางอี้ชิงเปลี่ยนตัวเอง?







     

    สายลมอบอุ่นพัดผ่านร่างโปร่งตามกาลฤดูที่เยี่ยมเยือน ใบหน้างามยกยิ้มรับไออุ่นของพันแสงในยามสายไร้เมฆครึ้มมาบดบังผ่อนคลายความเครียดจากงานซ้อมบทให้รู้สึกสดชื่นขึ้น ร่างระหงก้าวเดินไปตามทางของตัวบ้านเห็นองค์ชายจากเมืองหลวงที่ไม่ได้เจอกันร่วมเดือนยืนทำหน้านิ่งขรึมอยู่หน้าห้องทำงานของบิดารอยยิ้มดีใจฉายประดับก่อนเดินเข้าใกล้ร่างสูงไม่ทันมองม้วนผ้าสีอร่ามลายมังกรสวรรค์ปักดิ้นทอง

     

    “คารวะองค์ชายสาม...” อี้ชิงเอ่ยเรียกผู้เป็นแขกให้หันมามองตนก่อนโค้งตัวทำคำนับตามแบบบุรุษ

     

    “ตามสบาย” กายที่เคยโค้งยืดตัวตรงดังเดิมตามเสียงอนุญาต “มีพระกระแสรับสั่งจากฮ่องเต้ จางอี้ชิงรับราชโองการ”

     

    พอได้ยินประโยคถัดมาจากร่างสูงสร้างความฉงนให้กับเจ้าของชื่อ แต่ต้องเก็บงำความสงสัยนั้นแล้วรีบนั่งคุกเข่าพร้อมก้มหมอบตามกฎการรับจดหมายจากกษัตริย์ “ข้าน้อยจางอี้ชิงพะย่ะค่ะ”

     

    อู๋ฟานมองสตรีในชุดบุรุษผู้ดีที่นั่งคุกเข่าก้มหน้าก่อนเปิดม้วนสาสน์เพื่ออ่านเนื้อความใน “เจิ้งหยุ่นฮ้าวฮ่องเต้ มีรับสั่งให้จางอี้ชิงเข้าร่วมการฝึกปฏิบัติตัวของนางในเพื่ออบรมก่อนเข้าสอบคัดเลือกสนมในองค์จักรพรรดิ จบราชโองการ”

     

    “จ...จางอี้ชิงน้อมรับราชโองการ” อี้ชิงโค้งมอบตัวอีกครั้งก่อนเอื้อมรับราชโองการม้วนนั้นมาถือครองอย่างมิอาจขัดบัญชาเจ้าแล้วลุกขึ้นยืนเทียบข้างร่างสูง

     

    “ไปเตรียมตัวเสียอีกสองวันข้าจะพาเจ้าเข้าวัง” น้ำเสียงอู๋ฟานเรียบเฉยไม่เหมือนครั้งก่อนทำอีกฝ่ายต้องช้อนตามามองกลับไม่เกรงสายตาเย็นชาที่มองตนสุดแสนห่างเหิน

     

    “องค์ชายข้า....”

     

    “อย่าเอ่ยสิ่งใดให้ข้ารู้สึกว่าตนนั้นโง่เขลาที่หลงเชื่อวาจาเจ้าไปมากกว่านี้จางอี้ชิง” ความรู้สึกทั้งใจของอี้ฟานตรงกับคำเอ่ยทอทุกประโยคขาน ครั้งเดือนก่อนที่เคยอยู่ค้างในเรือนจางเพื่อเที่ยวเมืองแลเฝ้าไข้หญิงตรงหน้า ทุกคราคราวที่ประสบพบเจอได้เกิดเหตุการณ์และวาจามากมายบั่นทอนภูผาให้สั่นคลอน

     

    เมื่อเหยื่อเช่นเขาเริ่มเปิดใจเหมยกุ้ยแสนมากเล่ห์คงบ่มพิษร้ายทิ่มแทงใจยากต่อต้าน...

     

    “ไม่องค์ชาย..ข้าไม่ได้หวังหลอกลวงท่านให้หลงเชื่อ”

     

    “ไม่หรือ? แล้วสิ่งที่อยู่ในมือเจ้าจะอธิบายกับข้าเยี่ยงไร ตำแหน่งอนุชายาฮ่องเต้เป็นสิ่งที่เจ้ากับพ่อเจ้าหวังกันอยู่แล้วนี่”

     

    วาจาจากร่างสูงไม่ทำให้หวั่นเกรงเท่าสายตาของความเหินห่างที่ทอดมองสบตนอยู่ตอนนี้ อี้ชิงเอื้อมมือแตะหัตถาอีกฝ่ายอย่างใจสู้ วันนี้จะเป็นตายร้ายดียังไงนางจะไม่ยอมให้อู๋ฟานเข้าใจนางผิดๆแน่ “โปรดเชื่อข้า เรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้น ณ เพลานี้คือประสงค์ของท่านพ่อเพียงผู้เดียวข้าไม่มีส่วนยุ่งเกี่ยวใดๆในแผนการ”

     

    “น้ำคำเจ้าจะเชื่อถือได้เพียงใดกันแม่สาวงาม?”

     

    “ตราบเท่าที่องค์ชายผู้มีพระคุณเช่นท่านจะเมตตาจางอี้ชิงผู้ต้อยต่ำ”

     

    ทั้งคู่นิ่งงันหยั่งลองเชิงก่อนกลีบโอษฐ์ได้รูปปานเทพปั้นจะยกยิ้มคลายพายุร้ายในอกให้สดใส พลอยทำให้หญิงสาวในชุดคุณชายงามแต้มรอยยิ้มผลิผกาตามไปด้วย

     

    กาลเวลาสอนให้เรียนรู้ฤดูกาล

    ความใกล้ชิดสอนให้เรียนรู้ในบางสิ่ง...












    -----------------------------------------------

    #ม่านดอกงิ้ว ฝากด้วยนะค่าบ



    (c) Chess theme
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×