คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Request-4-จังหวะและจุดเปลี่ยน (Step)
จังหวะและจุดเปลี่ยน (Step)
#ฟิคตามสั่ง
…Kris Part…
ผ่านไปหนึ่งอาทิตย์ของชีวิตในรั้วโรงเรียนชั้นปีสุดท้าย ผมนั่งเรียนในคลาสงานเขียนร่วมกับเพื่อนในชั้นปี ถึงจะมีคนมากมายมารายล้อมแต่เชื่อมั้ยครับว่าไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ผมเพราะอะไรน่ะหรอ
ก็เพราะผมเป็นคิงยังไงล่ะ...
ตำแหน่งปานนิทานที่คนทั้งเซนต์ยัดเหยียดให้ทั้งที่ผมก็ไม่ได้อยากจะรับมันมานัก แต่ถ้ามองอีกมุมมันก็เป็นอะไรที่ใช้ได้พอตัวอย่างน้อยก็กันพวกหางแถวเข้ามายุ่งวุ่นวายกับผม
...แต่ยกเว้นเจ้าเด็กเอกแดนซ์...
ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันจนถึงตอนนี้เจ้าเด็กตัวก้างนั่นยังคงความกวนและเกรียนใส่ผมได้อย่างคงที่ ชนิดที่ว่าแม้แต่ผมที่นิ่งแล้วยังนึกหวั่นกับท่าทีแผลงๆของเจ้านั่น
วันๆหาเรื่องให้ผมต้องปะทะคารมกับเขาตลอด ครั้งล่าสุดรู้สึกจะไม่เจียมตัวไปท้าแข่งบาสกับเด็กในชมรมจนเท้าแพลงลำบากผมต้องคอยดูแลในฐานะประธานชมรม
พอพูดเตือนก็หาว่าหาเรื่อง เงียบก็ไม่พอใจเวียนสร้างเรื่องให้ผมต้องตามแก้ไม่รู้จักจบ ทีแรกผมเคยคิดว่าเจ้านี่อาจจะเป็นเด็กหวังสูงคิดจับผมเหมือนคนอื่นๆที่เข้ามาหา
พอมาเห็นวีรกรรมมากมายของพ่อคุณผมรู้สึกว่า ถ้ามันเป็นการเข้าหาผมในแบบของเขาคงเป็นวิธีที่ทำให้ผมจดจำเจ้านั่นได้ขึ้นใจจนผวาเลยทีเดียว
แทนที่จะทำให้ผมสนใจมันเป็นการทำให้ผมขยาดเสียมากกว่า ถึงจะรู้มาว่าเจ้าเด็กนั่นเป็นโฮสต์แต่โฮสต์ก็น่าจะมีวิธีที่ดึงดูดมากกว่ามาก่อกวน
เห็นตัวบอบบางแต่คุณเชื่อเถอะว่าฤทธิ์เยอะกว่าที่เห็น...
“วันนี้พอแค่นี้ก่อน พรุ่งนี้เราจะมาต่อเรื่องสมดุลของแสงกัน” อาจารย์ประจำวิชาสั่งเลิกคลาสวิชาสุดท้ายของวันนี้ พวกผมโค้งขอบคุณก่อนแยกย้ายกันไปตามทางของตัวเอง
“คริสคะ...” เสียงหญิงสาวเพื่อนร่วมห้องเรียกผมให้หันมอง
“...”
“คืนนี้เราจะออกไปปาร์ตี้ที่บ้านฮามินกัน คุณ...”
“ฉันไม่ว่าง” ผมตัดบทเธอแล้วเดินออกไป
ผู้หญิงคนนี้คือหนึ่งในสาวที่เคยมาถวายตัวเพื่อหวังจะเป็นคนของผม หวังจะเป็นควีนแห่งเซนต์แต่หนทางแห่งการเป็นควีนมันไม่ง่ายเหมือนปลอกกล้วยนักหรอกนะ
ถึงจะพอใจในรูปร่างแต่ก็ไม่ได้ทำให้ผมพึงใจเมื่ออยู่ใกล้...
เสียงเพลงดังคลอมาจากตึกฝั่งเอกการเรียกเต้นขายาวๆขแงผมให้เดินไปตามทางที่เชื่อมต่อเพื่อเข้าไปในส่วนของตึกนั้นอย่างไม่เข้าใจเหมือนกันว่าผมมาที่นี่เพื่ออะไร และไม่เข้าใจว่าทำไมต้องมาหยุดยืนหน้าห้องที่มีเด็กปีสองเรียนเต้นกันอยู่
และหนึ่งในฝูงคนเหล่านั้นมีเจ้าเด็กหน้ามึนที่ชื่อ เลย์...
เวลาเจ้านั่นเต้นดูท่าทางจะมีความสุขปล่อยตัวปล่อยใจไปกับเสียงดนตรีและท่วงทำนอง ลวดลายการเต้นที่ดูเหมือนระบำบนปุยเมฆ ผมยืนมองเด็กคนนั้นชนิดไม่กล้าผละสายตามองรอบข้างเพราะกลัวจะพลาดช่วงสำคัญ
เหมือนเขาจะรู้ตัวว่าถูกมองร่างบางหันมามองตอบผมปากอวบอิ่มบ่นพึมพำบางอย่างที่ผมก็จับใจความไม่ได้ แล้วเจ้าตัวก็เดินออกมาหาผมที่ยืนมองอยู่นอกห้อง
“คิงมีไร?” คำทักทายแรกของวันนี้
“ไม่มีไร” ผมตอบไปตามตรงก่อนแสร้งเดินเลี่ยงไปทางอื่นแต่อีกฝ่ายจับแขนผมไว้ก่อน
“เดี๋ยวฮยองจะไปชมรมใช่ป่ะ ผมตามตูดไปด้วยสิขี้เกียจเดินไปเองว่ะ” เลย์รั้งผมให้ยืนรอแล้วรีบแจ้นเข้าไปหยิบของในห้องเรียน
หน้าตาน่ารักดีแต่ปากนี่คงต้องอบรมกันอีกนาน...
ผมกับเลย์เดินออกจากตึกมาที่รถคันหรูของผมเพื่อไปชมรมบาสแม้จริงๆแล้วผมกะจะกลับคอนโดก็เถอะ แต่ไม่อยากต่อปากต่อคำกับเจ้าก้างนี่มากเดี๋ยวมึนใส่ผมอีก
“เลย์!!! มาช่วยลู่เก่อหน่อย” เสียงตะโกนจากตึกเอกการแสดงเรียกสายตาของเจ้าของชื่อและผมให้หันไปมองก่อนที่คนๆนั้นจะวิ่งเข้ามาหา
“พี่มินซอก...พี่ลู่หานเขาเป็นไรครับ?” เจ้ารุ่นน้องคนนี้ก็รีบถามกลับอย่างแตกตื่นพอๆกัน
“เซฮุน..เซฮุนมันมาบุกห้องโฮสต์”
“ชิบหาย!!”
ผมมองตามสองคนนั้นที่รีบวิ่งไปตึกโรงละคร แล้วหันกลับมามองกระเป๋าของเจ้าเด็กหน้ามึนที่วางทิ้งไว้บนกระโปรงรถของผม
หน้ามึนแล้วยังขี้ลืมอีก...
หยิบกระเป๋าMCMสีสดใสสมตัวเจ้าของมาถือคิดจะเดินไปคืนเจ้าตัวแล้วกลับห้อง แต่พอเห็นกระเป๋ามันเปิดอยู่เหมือนเลย์จะลืมรูดซิบตั้งแต่ออกจากห้องผมเตรียมจัดการรูดปิดให้แต่เห็นอะไรบางอย่างเข้าซะก่อน
แปลกแต่จริงภายนอกก็ดูเป็นกระเป๋าลูกคุณหนูอยู่หรอกแต่ข้างในกลับมีแต่ของราคาถูก ของที่คนชนชั้นทายาทธุรกิจทั่วไปเขาไม่ซื้อมาใช้กันจะว่าเป็นคุณหนูนักประหยัดก็ไม่น่าใช่
ถ้าประหยัดขนาดนี้บ้านเขาคงอยู่ในช่วงใกล้ล้มละลาย...
ผมเก็บความสงสัยในตัวสมาชิกชมรมร่างเล็กแล้วไปหาเขาในตึกที่สองคนนั้นเพิ่งเข้าไป ทันทีที่เปิดประตูโรงละครเสียงเอะอะโวยวายของคนกลุ่มหนึ่งก็ดังขึ้น ผมจึงหยุดยืนอยู่ในมุมมืดและมองเหตุการณ์ที่กำลังเกิดอยู่เงียบๆ
“พี่จะกลับไปกับผมดีๆหรือต้องให้คนของผมมาลากตัวพี่ พี่ลู่หาน” เด็กเสื้อเหลืองโรงเรียนไฮสคูลแถวคังนัมยืนฉุดกระชากผู้ชายคนหนึ่งที่ผมจำไม่ผิดน่าจะเป็นประธานชมรมฟุตบอล
“เซฮุน...ปล่อยลู่หานฮยองก่อนแล้วค่อยคุยกันพี่เขาเจ็บหมดแล้ว” เลย์ที่ยืนตรงกลางของคนทั้งสองพยายามช่วยแยกเขาออกจากกัน
“เลย์ฮยองถอยไป มันเป็นเรื่องของผมกับพี่ลู่หาน” ไอ่เด็กคนนั้นหันไปตวาด
เจ้านี่ท่าทางจะแรงเอาเรื่อง...
“เซฮุน!! นั่นรุ่นพี่นายนะ!!!” เหมือนคนที่ชื่อลู่หานจะเริ่มทนไม่ไหวเลยตะคอกเด็กตัวเองซะเสียงดัง
“แล้วไง พี่จะไปกับผมดีๆหรือจะให้ผมบอกคนอื่นๆว่าคลับที่พี่รักเนี่ยมันมีอะไรซ่อนอยู่”
“ไอ้บ้าเอ้ย!” ลู่หานสบถเจ้าเด็กเสื้อเหลืองก่อนเดินออกฝั่งทางออกของโรงละคร
โฮสต์คลับมีความลับงั้นหรอ...?
“ตกลงเรื่องมันเป็นไง?” คนที่เพิ่งตามเข้ามาเอ่ยถามหลังเจ้าของเรื่องจากไป
“ไม่มีอะไรมากหรอกซูโฮ แค่เซฮุนมันเห็นลู่หานออกไปข้างนอกกับแขกของโฮสต์ ความลับเรื่องที่ลู่หานยังไม่ออกจากการเป็นโฮสต์เลยแตกน่ะ” ผู้หญิงอีกคนอธิบายเรื่องราว
“เฮ้อ...น่าสงสารพี่ลู่หานจะออกไปความลับในเซนต์ก็แตก พออยู่เจ้าแฟนเด็กก็หึงซะคลับจะพัง” เลย์บ่นก่อนมองหาอะไรสักอย่าง “มีใครเห็นกระเป๋าผมมั้ย”
พอได้ยินคำถามที่เกี่ยวกับกระเป๋าผมก็ก้มมองของในมือก่อนตัดสินใจเดินกลับไปรอที่รถก่อนที่เจ้าตัวจะตามออกมา
“ฮยองงงงง!!!” สำเนียงเกาหลีเพี้ยนๆเวลาตกใจไม่ต้องนึกคิดให้มากมายก็รู้ว่าใครเอ่ยเรียก ผมมองเจ้าเด็กตัวบางที่วิ่งเข้ามาหาผมก่อนหยุดยืนหอบอยู่ใกล้ๆ
“จะไปกันรึยัง” ผมถามพลางยื่นกระเป๋าให้เขา
“อ่า...อื้อ ไปดิ” แขนเล็กๆนั่นรีบกอดกระเป๋าตัวเองเหมือนกลัวว่าผมจะเห็นข้าวของที่อยู่ข้างใน
ไม่อยากจะบอกว่าเห็นมันนานแล้ว...
มาส่งเจ้าเด็กหน้ามึนที่ชมรมจะไม่เข้าก็ไม่ได้ผมเลยต้องจำใจลงจากรถแล้วเดินตามเด็กวีไอพีนี่เข้าไปข้างใน คนในห้องหันมองผมกับเลย์นิ่งแต่พอเจอเสียงกระแอมจากผมทุกคนก็แสร้งหันไปสนใจกิจกรรมของตัวเอง
“ทำไมวันนี้มาด้วยกันได้ล่ะ” คำถามจากรองประธานชมรมเรียกให้ผมต้องมองหน้าเจ้าตัวนิดๆก่อนหันกลับตามเดิม
“เรียนตึกใกล้กันเลยมาส่ง” ผมตอบไปแค่นั้นแล้วเดินเข้าไปนั่งที่โต๊ะประจำตำแหน่ง มองกองเอกสารมาใหม่ที่ดูจะเยอะกว่าเมื่อวาน
นี่มันชมรมบาสหรือห้องคณะกรรมการนักเรียน?
สงสัยจะไม่ได้กลับคอนโดแล้วล่ะครับคืนนี้ผมคงต้องค้างที่นี่จนกว่าจะเคลียร์งานพวกนี้เสร็จ ดูจากแฟ้มแล้วคงไม่ใช่แค่งานของชมรมมีแฟ้มเอกสารของโรงเรียนอีก พ่อผมเจ๋งมั้ยล่ะครับโยนงานมาให้ผมทำแล้วตัวเองหนีไปอยู่ที่แคนนาดา
จะว่าไปที่นี่ก็มีรองผอ.ที่รับผิดชอบเรื่องงานเอกสารนะแต่ไม่ใช่คนที่มีอำนาจจัดการทุกอย่าง อะไรที่ว่าสำคัญต้องผ่านตาพ่อผมก่อนพอท่านผอ.ไม่อยู่ภาระเลยมาตกอยู่ที่ลูกชายอย่างผมแทน
ผมกวาดสายตามองประวัติและผลการเรียนของเด็กทุนเพื่อพิจารณาเรื่องอนุมัติทุนต่อ ซึ่งก็มีผ่านบ้างไม่ผ่านบ้างแน่นอนครับว่าถ้าไม่ผ่านก็ต้องตัดชื่อจากการเป็นเด็กทุนแล้วส่งหนังสือเรียนเชิญไปเข้าเรียนที่อื่น
พลิกหน้ากระดาษแล้วเซ็นชื่อไปเรื่อยๆ ก่อนจะมาสะดุดกับรูปถ่ายและประวัติของใครคนหนึ่งที่มีตัวตนอยู่ในห้องนี้
‘จางอี้ชิง’
ผมเงยหน้าขึ้นมองคนตัวบางในวงล้อมของพวกนักบาสสลับกับอ่านข้อมูลของเขา ข้อมูลที่แท้จริงของเด็กทุนจางอี้ชิงที่ไม่ใช่คุณหนูจางเลย์ลูกนักธุรกิจเชื้อสายจีนชนชั้นชุดนักเรียนสีเทา
“ฮยอง” เสียงเรียกของรองประธานรุ่นน้องทำให้ผมต้องรีบปิดแฟ้มนั้นก่อนมองคนเรียกเป็นเชิงถาม
“...”
“วันนี้พวกเราตกลงจะไปผับของไอ่ฮยอนอู ฮยองจะไปป่ะ?”
“ไปกันทุกคน?” ผมทวนถามพลางมองใครอีกคน
“อือ ไปหมดยกแก๊งค์” เทายืนยันผมจึงพยักหน้าร่วมไปกับพวกมันด้วย
ใจจริงก็ไม่อยากไปเพราะกองงานที่ต้องเคลียร์ให้เสร็จ แต่บางทีการไปผับครั้งนี้ผมอาจจะได้อะไรดีๆกลับมาก็ได้นะ...
------------------------ #ฟิคตามสั่ง ---------------------
“วันนี้คงมองผมบ่อยจัง” คุณหนูจอมปลอมถามขึ้นมาระหว่างนั่งรอสมาชิกคนอื่นๆที่ขอตัวกลับหอไปอาบน้ำกัน
“เปล่า” ผมตอบปฏิเสธ
“เฮ้...ปากบอกเปล่าแต่ตาก็มองอยู่นั่นแหละผมแต่งตัวทุเรศหรอ”
นั่นสิทำไมผมยังมองเจ้านี่อยู่อีกล่ะหรือยังเพราะแคลงใจเรื่องของเขาอยู่? ผมหาคำตอบไม่ได้เลยแกล้งสำรวจการแต่งตัวของพ่อคุณแทนถามว่าทุเรศมั้ยจะให้บอกไงดีล่ะครับว่าเลย์แต่งตัวดีระหนึ่งทีเดียว
เสื้อกล้ามสีดำที่ดูจะคอลึกไปหน่อยจนเห็นแผ่นอกขาวๆมีเสื้อเชิ้ตสวมทับไว้อีกที กางเกงก็เป็นยืนส์เซอร์ๆที่ดูเข้ากับเขาไม่หยอก
“อืม..ก็โอเค” ผมตอบตามคะแนนแฟชั่นที่ผมมีแล้วผละมองไปทางอื่น
“ชวนเมากันได้ทุกวี่ทุกวัน นี่แค่อยู่ม.ปลายถ้าขึ้นมหาลัยคงได้ดื่มเหล้าแทนน้ำน่าเบื่อว่ะไม่น่าแพ้พนันเจ้าพวกโย่งนั่นเลย” สำเนียงแสนเพี้ยนเริ่มร่ายคำบ่นเท้าก็จิกดินจิกหญ้าเล่นฆ่าเวลา
เจ้านี่บ่นเก่งพอๆกับผู้หญิงเลยให้ตายสิ...
“ไม่อยากไปทำไมไม่บอกพวกนั้นดีๆ” ผมถามอย่างอดไม่ได้ เจ้าตัวบางคนข้างๆเป็นคนแรกที่ทำให้ผมเปิดปากคุยด้วยมากที่สุดน่านับถือ
“เหอะ มันฟังกันที่ไหนกันล่ะยิ่งจื่อเทาคิงก็น่าจะรู้นิสัยเขาดีนะ” เลย์ย้อนผมกลับ
ก็ถูกของเขาเทาเอาแต่ใจเป็นที่หนึ่งอยากได้อะไรก็ต้องได้อย่างเช่นวันนั้นที่ผมต้องไปตามเลย์มาเข้ารับน้องก็เพราะเจ้ารุ่นน้องร่วมชมรม แต่หลังๆมานี่ก็รู้สึกว่ามันจะเป็นคนไปตามเลย์มาเองโดยที่ไม่ต้องผ่านผม
หรือว่าเทามันจะชอบเด็กทุนคนนี้?
“มากันครบแล้วก็ไปกันเถอะ พี่เลย์มารถผมเลย” เจ้าตัวการเรียกให้ทุกคนเคลื่อนขบวนโดยไม่ลืมหนีบเด็กตัวบางไปนั่งรถมันด้วย
ผมมองตามสองคนนั้นดูปฏิกิริยาของเลย์ที่เหมือนจะหน้าบึ้งไม่สบอารมณ์เวลาโดนไอ่เทามันบังคับ ก่อนเดินไปที่รถของตัวเองแล้วขับตามคนในชมรมออกไปยังผับที่นัดหมาย
พอได้มาอยู่คนเดียวอีกครั้งเรื่องเจ้าหน้ามึนก็กลับมาวนเวียนในหัวของผมซะแล้วสิ พอจะรู้ว่าถ้าใส่เสื้อเด็กทุนคนทั้งเซนต์ได้รุมประชาทัณฑ์แน่แต่ที่แปลกใจคือกลุ่มโฮสต์นั่นเป็นแหล่งรวมเด็กมีปมรึไง
นอกจากเลย์แล้วยังมีเจ้าหน้าป่องที่วิ่งมาตามเลย์เมื่อตอนบ่ายเจ้านั่นก็เป็นเด็กทุนเหมือนๆกันแต่สวมชุดชนชั้นผู้ดีเก่า เคยได้ยินมาว่าพวกที่เป็นโฮสต์ทุกกลางเดือนจะต้องทำภารกิจตามสั่งจากห้องต้องประสงค์อะไรสักอย่าง
แล้วเจ้าเด็กจางอี้ชิงที่มาอยู่ชมรมผมนี่แหละต้องทำอะไร มันน่าสงสัยตั้งแต่ครั้งแรกที่มาสมัครเข้าชมรมคู่อริกับเอกที่เรียนแล้ว
ต้องมาทำภารกิจอะไรในชมรมบาสกัน?
------------ #ฟิคตามสั่ง -----------
อ้าวๆๆๆ คริสอู๋เค้ารู้ความจริงแล้ว
น้องอี้ขิงเราจะทำไงต่อไปเนี่ย-.-
อย่าลืมติดแท็ก #ฟิคตามสั่ง เพื่อร่วมสนุกกับไรต์นะคะ
=ขอบคุณทุกคอมเม้นและยอดวิวที่ทำให้ฟิคเรื่องนี้ได้อยู่ต่อค่า=
ความคิดเห็น