คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ ๐๓ -บุษบานารี-
ม่านดอกงิ้ว
ตอนที่ ๓
-บุษบานารี-
ข่าวว่าที่พระสนมโจษจันไปทั่ววังเหล่าพระชายาและสนมต่างวิตกกังวลกันต่างๆนาๆ ไม่เว้นแม้แต่ชายาเอกอย่างฮองเฮาถึงจะไม่แสดงอารมณ์ใดต่อหน้าชายาองค์อื่นๆ ที่คอยผลัดกันมาเข้าเฝ้าทูลถามถึงความเห็นที่มีต่อว่าที่สนมชายจากฉางซา
บุพการีที่ส่งลูกตนเข้าวังทั้งที่รู้ว่าชีวิตชายาหลังกรงทองนั้นเป็นเช่นไร ถ้าไม่เพราะจำใจก็หวังในอำนาจแลยศศักดิ์ ในเมื่อใต้เท้าจางเคยส่งพระชายาโบราเข้าวังเป็นชายาในชั้นโทแล้ว ยังคิดส่งบุตรในไส้เข้าวังมาเป็นชายาชายคงมิใช่เหตุเพราะจำใจต้องส่งชายงามมาบรรณาการฮ่องเต้แล้วกระมัง
ยิ่งจางอี้ชิงเป็นที่โปรดปรานของฝ่าบาทมีหรือว่าไจ้จงจะยอมให้เด็กเพิ่งแตกหนุ่มมานั่งเสวยสุขเป็นหนามทิ่มใจนาง...
“ไหนเจ้าบอกว่าองค์ชายสามจัดการแทนข้าได้ แล้วนี่อะไรนอกจากจะทรงลุ่มหลงในความอ่อนวัยฝ่าบาทยังทรงประทานหยกเลือดหงส์ให้มันอีกทำเยี่ยงนี้ไม่ต่างอะไรกับให้มันมาตบหน้าข้า” หมดวาระสนทนากับเหล่าสนมชั้นต้อยต่ำไจ้จงก็หันมาพาลกับนางกำนัลมากเล่ห์ ที่ครานี้เล่ห์กลนางดูจะอ่อนด้อยกว่าสองพ่อลูกตระกูลจางผู้ใฝ่สูงอยู่มากโข
“ทูลฮองเฮา...หม่อมฉันคิดว่าองค์ชายสามคงกำลังรอจังหวะจัดการเด็กคนนั้น พระนางโปรดวางพระทัยเถิดเพคะ” เสียงแหบชราวัยเอ่ยหว่านวาจาประโลมน้ำดับไฟอารมณ์ผู้เป็นนาย
“วางใจ? ยังจะให้ข้าใจเย็นรอให้มันขึ้นมาเป็นพระชายารองจากข้าก่อนรึไงถึงจะลงมือฆ่ามันได้” สตรีสาวแผดเสียงตวาดกลับก่อนชะงักไปกับประโยคท้ายของนาง “ฆ่าหรือ?”
นี่คงเป็นวิธีเดียวที่จะสามารถกำจัดมารหัวใจนาง...
ร่างระหงในชุดแพรพรรณราคาแพงเร่งเดินเข้าห้องบรรทม ก่อนกลับออกมาอีกคราพร้อมถุงเงินสีแดงสดยื่นให้นางกำนัลนำไปจัดการต่อ “คงไม่ต้องให้ข้าบอกนะว่าเจ้าต้องทำสิ่งใด”
“เพคะฮองเฮา” นางกำนัลน้อมรับถุงเงินหนักแล้วเดินออกจากตำหนัก เพื่อทำตามความประสงค์ของฮองเฮา
อาชาแกร่งชะลอกีบเท้าก่อนหยุดยืนหน้าจวนผู้ว่า ซึ่งเป็นเรือนอาศัยของชายงามกลิ่นกายหอมที่อู๋ฟานโอบผ่านกำบังเหินมานับหนึ่งชั่วยาม ร่างสูงสง่ากระโดดลงจากหลังม้าแล้วเอื้อมโอบประคองเอวบางก่อนเจ้าของร่างจะแตะเท้าเหยียบพื้นดิน
“ขอบพระทัยองค์ชายสาม” โค้งศีรษะแสดงความขอบคุณบุรุษผู้อาสาขับอาชามาส่งถึงเรือนพัก แม้ไม่เต็มใจให้อาสา
“อี้ชิง” เสียงแหบต่ำจากหญิงชราเรียกเจ้าของนามให้หันมองหญิงมากอายุที่ผู้เป็นพี่บุญธรรมประคองนางมารอรับตนถึงหน้าบ้าน ก่อนเดินเข้าไปโอบกอดหญิงผู้เป็นย่าด้วยใจคะนึงหา
“หลานคิดถึงท่านย่าเหลือเกินขอรับ” เสียงหวานอ้อนย่าเหมือนครั้งยังเยาว์วัย สร้างเสียงหัวเราะสุขใจจากหญิงชราได้ดีนัก
“เจ้าโตเป็นหนุ่มงามแล้วนะอี้ชิงยังจะมาอ้อนย่าเป็นเด็กๆไปได้” มือเหี่ยวตามอายุวัยลูบเกศาดำขลับที่ยาวสลวยถึงสะบั้น ดวงตามากประสบการณ์แลมองบุรุษอาภรณ์แพงก่อนผละกายจากหลานรักเตรียมย่อคำนับ
“ข้ามาในนามชายสามัญ ท่านแม่เฒ่าไม่ต้องทำความเคารพข้าให้ลำบากกาย” อู๋ฟานเห็นหญิงเฒ่าเพียรฝืนสังขารย่อกายหวังคำนับตนก็รีบเข้าไปประคองนางไว้หวั่นจะล้มพับลงกับพื้น
“มิได้หรอกเพคะ ท่านเป็นถึงองค์ชายอย่างไรเสียข้าก็ต้องทำตามกฎธรรมเนียม” หญิงชราแย้งเพราะถือกฎเกณฑ์ บุรุษยศสูงกว่าจึงส่ายพักตร์ห้ามอีกคราครั้งจนนางยอมกลับมายืนเป็นปกติ
“ข้าว่าเราเข้าบ้านกันเถอะขอรับท่านย่า” อี้ชิงเร่งเร้ากลับเข้าบ้าน ไม่อยากยืนสนทนากับชายยศสูงเนิ่นนานนัก
หญิงชราพยักหน้าเห็นด้วยกับหลานชาย ไม่ลืมเชิญแขกพิเศษร่วมดื่มชา “นั่นสิ เชิญองค์ชายเข้าไปพักดื่มชาในบ้านด้วยกันเถิดเพคะ”
“ท่านย่า...”
“อี้ชิงย่าไม่เคยสอนให้เจ้าแล้งไมตรี องค์ชายอุส่ามาส่งเจ้าถึงเรือนควรเลี้ยงชาและของว่างตอบแทนเขามิใช่หรือ?” นางเอ่ยปรามหลานดื้อมักเอาแต่ใจตามวิสัยน้องสุดท้องของบ้าน ก่อนหันตัวกลับเข้าไปในเรือนโดยมีหลานทั้งสองคอยพยุงนางไม่ห่างกาย
ชุดชากลิ่นหอมและขนมหวานมากรสถูกจัดวางอย่างสวยงามบนโต๊ะกลมในศาลาใต้ต้นเหมย หมินซั่วรินชาให้ทุกคนก่อนนั่งเก้าอี้ข้างกายผู้เป็นย่า อู๋ฟานเอื้อมจับถ้วยเคลือบลายสวยไอชาอุ่นลอยแตะจมูกโด่งสันเมื่อยกถ้วยชาขึ้นสัมผัสกับริมฝีปาก ก่อนค่อยๆดื่มของเหลียวสีนวลตาเพื่อลิ้มรสชาติ
“ชาชุดนี้เป็นใบชาจากภูเขาที่ข้าไปนั่งบำเพ็ญเพียร รสชาติดีหรือไม่เพคะองค์ชาย?”
“อืม...รสชาติดีและแปลกกว่าชาชนิดอื่นที่ข้าเคยลิ้มรส”
“เห็นองค์ชายโปรดข้าก็ดีใจ”
บทสนทนาเรื่องพืชชาไม่ได้ชวนให้คนฟังรื่นรมย์ด้วยเลยสักนิด ริมฝีปากสีหวานเม้มเป็นเส้นตรงอย่างพยายามอดทนต่อการนั่งเป็นตัวประกอบฉากในศาลายามสาย เขาไม่ได้เต็มใจให้ร่างสูงควบม้ามาส่งถึงบ้านหนำซ้ำยังเกลียดโฉมคมวาจาร้ายที่มักทักทอคำเหยียบย่ำดูถูกกัน ไฉนต้องมานั่งต้อนรับด้วยชาหายากและขนมสูตรลับของตระกูลก็แค่องค์ชายไร้ตัวตนในวังหลวงหามีสิ่งใดน่าภิรมย์ให้ผูกมิตร
“เห็นทีข้าคงต้องขอลาออกไปหาโรงเตี๊ยมเสียแล้วท่านแม่เฒ่า ข้ารู้สึกล้าอยากพักผ่อนเสียหน่อย” อู๋ฟานเอ่ยขอตัวทันทีที่เริ่มรู้สึกล้าอยากนอนพัก หากยังฝืนสังสรรค์กับคนสกุลจางมีหวังได้ผลุบหลับคาหลังม้าเป็นแน่
“ถ้าไม่รังเกียจทูลเชิญองค์ชายพักผ่อนที่นี่เถิดเพคะ ข้าจะให้หมินซั่วจัดห้องให้ท่าน” สตรีอาวุโสสุดในที่นี้เอ่ยชวนแขกพักผ่อนกายในเรือนของบุตรตน นางหันมาส่งสายตาให้หลานบุญธรรมลุกออกไปจัดเตรียมห้องให้องค์ชายจากวังหลวง
“อย่าดีกว่า หลานชายท่านคงไม่ยินดีสักเท่าไหร่หากข้ายังคงมีตัวตนในที่นี้”
“ก็รู้ตัวนี่ขอรับ”
“อี้ชิง ย่าว่าพี่เจ้าคงต้องการคนช่วยจัดห้องให้องค์ชาย” คำประกาศิตจากผู้ใหญ่ที่เคารพ ทำคนถูกบังคับทางอ้อมต้องถอนหายใจหนักก่อนยอมออกไปในที่สุด “ข้าต้องขอโทษแทนจางอี้ชิงด้วย”
“ไม่เป็นไร ข้าไม่คิดถือสาเด็กรุ่นเช่นนายน้อยจาง” อู๋ฟานยิ้มคลายปัญหาไม่เอาความเด็กเพิ่งเติบโต อยากรู้นักว่านายน้อยที่ใครๆต่างชื่นชมในความงาม หากได้เห็นอีกด้านหลังฉากหน้าแสนเดียงสาจางอี้ชิงจะยังเป็นที่นิยมอยู่หรือไม่
“เหตุใดท่านย่าต้องดูแลองค์ชายนั่นนักน่าหงุดหงิดเสียจริง” อี้ชิงเดินกระแทกเท้าเข้ามาช่วยพี่บุญธรรมจัดที่หลับนอนให้องค์ชายท่ามากผู้เป็นปรปักษ์ เสียงหวานแก้วบ่นระงมระบายความไม่พอใจให้หมินซั่วฟังจนคนพี่ต้องยิ้มขำ
“ทำตามที่ท่านย่าบอกเถิดอี้ชิง ทุกอย่างที่ท่านย่ากระทำล้วนเป็นผลดีกับเจ้าทั้งสิ้น”
“ยังไงขอรับ?”
“หากปล่อยให้เขาออกไปนอกเขตเรือนจะย้อนกลับมาฟังความแผนการเราเมื่อไหร่หารู้ไม่ สู้ต้อนรับอย่างดีให้พักผ่อนในเขตบ้านอยู่ในสายตาทันระวังตนนี่ไม่ดีกว่าหรืออี้ชิง”
“นั่นสินะ...ท่านพี่พูดถูก” กลีบปากสวยยกยิ้มอย่างถูกใจกับแผนการของผู้เป็นย่าและพี่ชาย
หลังส่งองค์ชายอู๋ฟานเข้าพักผ่อนในห้องรับรองจนแน่ใจว่าเขาหลับสนิทดีแล้ว สามย่าหลานจึงได้ย้ายตนมารวมตัวกันในห้องของนายน้อยจาง
“เจ้าใส่ใบชาไปมากรึไม่หมินซั่ว?”
“ไม่ขอรับ ข้าใส่ไปเพียงสองช้อนเท่านั้น”
“เช่นนั้นอีกสามชั่วยามองค์ชายคงตื่นจากบรรทม”
คำไถ่ถามจากคนทั้งสองไม่ได้ทำให้อี้ชิงนึกสงสัยเพราะเพียงแค่ได้กลิ่นหอมแปลกไปจากชาชนิดอื่นอี้ชิงก็ล่วงรู้แล้วว่ามันคือชาจากถิ่นใด สรรพคุณหลังลิ้มรสชาจากยอดเขาช่วยขับความเหนื่อยล้าออกมาทำให้ผู้ดื่มรู้สึกผ่อนคลายและอยากหลับพักผ่อนในที่สุด
เป็นชาที่ควรดื่มก่อนเข้านอน แต่ครานี้ต้องใช้กล่อมเกลาให้อู๋ฟานหลับเลี่ยงความเสี่ยงที่จะรับรู้แผนการของอี้ชิง...
“อี้ชิงมาหาย่า” หญิงชรายื่นสองมือรอรับมือของหลานในสายเลือดที่ค่อยๆเดินเข้ามาจับกุมมือ นางยืนมองความงามที่สรรสร้างทั้งรูปกายด้วยรอยยิ้มอบอุ่น “ทั้งจิตใจและร่างกายของเจ้าพร้อมที่จะทำประสงค์แล้วอี้ชิง ไม่ต้องเพิ่งยาหรือแช่ตัวอีกต่อไป”
“หมายความว่าสิ่งที่ข้าเพียรทำมาหลายปีสมบูรณ์แล้วหรือขอรับ” อี้ชิงยิ้มดีใจกับความสำเร็จที่กระทำตามคำแนะนำมานานนับปี
“ใช่ แต่ข้าขอเตือนไว้ว่าเจ้ามีโอกาสเพียงแค่ครั้งเดียวแล้วจะหวนกลับมาในสิ่งที่ควรเป็น และสิ่งที่เจ้าต้องการจะเกิดขึ้นกับชายที่เจ้ารักจากใจจริงมิใช่เพียงลุ่มหลงในรูปกายแลทรัพย์สิน”
คำเตือนจากผู้เป็นย่าหยุดรอยยิ้มหวานแล้วแทนที่ด้วยความสงสัย “ทำไมถึงมีเพียงหนึ่งครั้งเล่าขอรับ?”
“มันเป็นกฎการตอบแทนจากปวงเทพ ข้าช่วยเจ้าได้เท่านี้ต่อไปภายภาคหน้าทุกสิ่งล้วนขึ้นอยู่กับตัวเจ้า” นางปล่อยมือจากหลานชาย ก่อนเอื้อมไปจับมือของหมินซั่วเพื่อช่วยประคองเดินกลับห้องนาง
“เหตุใดอี้ชิงถึงมีโอกาสเพียงครั้งเดียวขอรับ ท่านย่าเคยบอกกับข้าว่าพิธีกรรมนี้จะทำให้คงเดิมตลอดกาล” หมินซั่วเอ่ยถามไขสงสัยหลังเดินออกจากห้องของอี้ชิง
“หากเป็นผู้อื่นสิ่งที่ข้าพูดไว้คือความจริง แต่กับอี้ชิงจากเหมยงามบริสุทธิ์คิดแปรเปลี่ยนเป็นบุปผาสีสดบนต้นหนามทั้งกายและจิตใจ ถึงจะกลับมาบำเพ็ญเพียรหมั่นกระทำดีบำรุงตนสักเท่าไหร่ความผิดบาปที่กำลังกระทำก่อก็ไม่ช่วยให้เขาคงรูปได้” เมื่อต้องเอ่ยความจริงที่นางปิดบังอี้ชิงพาลย้อนกลับมาให้รู้สึกเห็นใจและสงสารสายเลือดตนที่กำลังเดินหลงผิด แม้แต่สวรรค์ก็มิอาจเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตให้ร่างงามนอกจากเขาจะสำนึกและกลับตัวด้วยตนเอง
“แล้วท่านก็ยอมให้อี้ชิงทำผิดไปพรากคนรักจากผู้อื่นหรือขอรับ?”
“ข้าไม่ได้ยอมหมินซั่ว มันเป็นชะตากรรมที่อี้ชิงต้องเผชิญและชดใช้กับความผิดในภพภูมิก่อน” ผู้เป็นย่าจำต้องเก็บความปวดใจไว้ในอกไม่อาจช่วยจางอี้ชิงลอดพ้นจากบ่วงลิขิตของฟ้าดิน
เป็นไปได้อย่างไรที่เขาพบเจอจางอี้ชิงในชุดหญิงสาวสีแดงสดเผยผิวเนื้อช่วงลาดไหล่ ใบหน้าและเกศาจัดแต่งประดับพร้อมยืนจัดเสื้อแสงอยู่มุมห้องอาบน้ำ หรือเพราะผลพวงหลังหลับใหลไล่ความล้าอู๋ฟานคงนอนมากเกินไปจนฝันถึงสิ่งที่เกินความเป็นจริง
“ตื่นบรรทมแล้วหรือองค์ชาย ข้าจัดน้ำล้างหน้าไว้ให้ท่านหรือถ้าพระองค์ประสงค์อาบน้ำข้าก็ให้บ่าวผสมน้ำให้เรียบร้อยแล้ว หากองค์ชายไม่รังเกียจนี่เป็นชุดของท่านพี่ชานเลี่ยแต่เขายังไม่ได้ใส่ข้านำมาให้พระองค์ผลัดเปลี่ยนชั่วคราว” เสียงสะครางหวานเอ่ยแจกแจงกับบุรุษสูงศักดิ์ผู้เป็นอาคันตุกะ การกระทำผิดแปลกจากเมื่อกลางวันที่พาลจะไล่อีกฝ่ายให้พ้นรั้วเรือนตน
“เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า?” อู๋ฟานถามอย่างเก็บงำความสงสัยในการเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้
“ข้าน้อยเพียงทำตนเป็นเจ้าบ้านที่ดีตามคำขอของท่านย่า องค์ชายโปรดวางใจเถิดพะย่ะค่ะไม่มีสิ่งใดแอบแฝงในการปรนนิบัตินี้แน่นอน” ริมฝีปากสีสดวาดยิ้มชวนมอง กายระหงขยับก้าวคอยหลังเมื่อร่างสูงที่เคยนอนบนเตียงอุ่นจู่ๆก็ลุกขึ้นก้าวเข้าหาตนจนกายแทบแนบชิด
“การปรนนิบัติที่รวมถึงกายเจ้าด้วยหรือไม่จางอี้ชิง” ถึงจะไม่รู้แผนการของคนสกุลจาง แต่เขาไม่โง่พอที่จะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตน เมื่อโอกาสมาถึงมือเขาก็พร้อมจะย้อนศรกลับผู้ที่คิดร้ายต่อบัลลังก์ฮองเฮา
“โปรดอย่าทรงดูหมิ่นข้า ถอยออกไปพะย่ะค่ะข้าจะกลับไปเตรียมตัวต่อ” อุส่าโอนอ่อนมาจัดแจงงานรับใช้ตามคำขอยอมละการแต่งตัวเตรียมการแสดงในคืนนี้ แต่บุรุษหนุ่มที่ท่านย่าโปรดปรานหนักหนากลับพูดจาหยามเหยียดกัน จะให้อี้ชิงผูกมิตรกับองค์ชายผู้นี้ต่อให้รอถึงสามชาติภพก็คงเป็นเรื่องยาก
“จะให้ข้าบอกสักกี่คราว่าเจ้าไม่มีสิทธิ์เดินหนีข้า” หัตถ์หนาคว้าร่างลออที่กำลังผละกายจากเข้าโอบกอดชิดแน่นเสียจนรู้สึกถึงบางสิ่งที่ต้องการจะค้นหา “หึ อย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด”
อี้ชิงตวัดตาช้อนมองคนที่กระทำการอุกอาจแตะต้องเนื้อกายตน “ทรงคิดสิ่งใดหรือพะย่ะค่ะ”
“ข้าคิดว่าเจ้าไม่ได้จะถวายตัวเป็นเพียงชายาชายแต่เจ้าคิดไต่เต้าขึ้นเป็นฮองเฮา”
“พระองค์เพิ่งทรงทราบหรือเพคะองค์ชายอู๋ฟาน” จางอี้ชิงในรูปกายสตรีสาวเอ่ยพาณีหวานเปลี่ยนคำท้ายยืนยันความคิดของอีกฝ่าย มือที่เคยทาบผลักอกแกร่งให้เพียรห่างเลื่อนขยับขึ้นลูบไล้แก้มสากหวังปั่นป่วนหทัยหนุ่ม “เมื่อรู้แล้วองค์ชายจะทรงกระทำเช่นไรกับข้าเล่า จะทูลฝ่าบาทหรือฆ่าข้าเพื่อรักษาตำแหน่งของคนที่พระองค์รัก”
“โทษทัณฑ์สำหรับคนใฝ่สูงเช่นเจ้ามันไม่ง่ายเช่นนั้นหรอกอี้ชิง” ตอบข้อถามเสียงแน่นิ่ง นัยน์ตากล้ามองรูปกายฉาบฉวยแสนดูแคลน
จางอี้ชิงไม่ใช่ชายงามสามัญดั่งที่เข้าใจกันยิ่งทำให้อู๋ฟานไม่อาจประมาทสตรีมากพิษสงดั่งกุหลาบกายล้อมหนาม เมื่อเป็นนารีอ่อนวัยเยาว์ทั้งกายาและดวงแก้วก็ล้วนสวยสดไร้คำติไหนจะไหวพริบความสามารถที่ดีเลิศนั่น หนทางที่จะขึ้นเป็นชายาไต่ยศสูงยิ่งง่ายดายสำหรับนาง อย่างไรเสียเขาจะไม่ยอมก้มหัวยอมรับหญิงผู้นี้เป็นพี่สะใภ้แน่
“แล้วสิ่งใดที่เหมาะสมกับนางจิ้งจอกชูหางเช่นข้าเล่า รีบจัดการกับข้าเสียสิองค์ชายหากชักช้าพระองค์จะเป็นฝ่ายที่ถูกข้าจัดการแทน” เอ่ยคำท้าไม่เกรงกลัวอาญาจากร่างสูง เพราะถือตัวว่าเวลานี้ตนเป็นคนโปรดของฝ่าบาทหากอู๋ฟานคิดกระทำสิ่งใดคงไม่พ้นจะถูกขับไล่ออกนอกวัง
“ลำพังตัวคนเดียวคงมิอาจทำอะไรข้าได้มีแต่จะฟ้องฝ่าบาทยืมมือพระองค์มาเล่นงานข้า ความฉลาดของเจ้าหาได้มากดั่งที่ทะนงอยู่ จงอย่าคิดพยศกับข้าไม่เช่นนั้นวันพรุ่งเจ้าจะไม่มีโอกาสไปเสนอหน้าต่อหน้าพระพักตร์ฮ่องเต้อีก” อู๋ฟานข่มงูพิษตัวน้อยให้เชื่องฟังคำขู่ก่อนยอมปล่อยเด็กสาวออกจากอาณัติ
จางอี้ชิงเป็นแค่เหมยกุ้ยในดินถูกที่คิดว่าตนคือโบตั๋นปลูกบนดินทอง เหตุใดพยัคฆ์เช่นเขาจะต้องมาหวั่นกลัวกับคำขู่แสนเดียงสาของเด็กที่เพิ่งโต แค่ยอมแสร้งกลัวภัยเรื่องหยกโบตั๋นแกล้งโง่เขลาเล่นตามคำคะยั้นคะยอดื่มชาฤทธิ์นิทราจากแม่เฒ่าจาง ทำให้อี้ชิงคิดว่าตนสามารถชนะหมากกระดานนี้ได้เลยหรือน่าขำสิ้นดี
“องค์ชายประเมินตัวข้าต่ำเช่นนี้ระวังจะตกหลุมที่ข้าขุดไว้โดยไม่รู้ตัว” เหยียดยิ้มทิ้งท้ายก่อนสะบัดตัวออกจากห้องรับรองไม่สะท้านขลาดกับวาจาอีกฝ่าย
งานปิดเทศกาลในเมืองเล็กๆท่ามกลางป่าเขาไม่ใช่จุดประสงค์แท้จริงที่ทำให้องค์ชายอู๋ฟานต้องมาเที่ยวชม แต่เป็นเพราะนางระบำชั้นหนึ่งแห่งโรงละครหยกขาวที่กำลังร่ายรำกลางลานกว้างยกพื้นสูง อู๋ฟานก็ไม่ได้ต่างไปกับชายชาตรีทั่วทุกแคว้นที่อยากมาลองชมความงามงานแสดงดุจธิดาเทพลงมาร่ายระบำเองตามคำลือ
แม้เวลาอยู่ในค่ายประพาสไม่เห็นอี้ชิงฝึกซ้อมเท่าไหร่นักแต่เวลาแสดงจริงกับทำได้ดีเยี่ยมดั่งฝึกซ้อมนานแรมปี ยอมรับว่าจางอี้ชิงงามจริงเมื่อร่ายรำไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมชายทุกวัยต่างลุ่มหลงในตัวนาง สำหรับอู๋ฟานที่ได้เห็นอีกมุมที่แปลกต่างก็รู้สึกเพียงชื่นชมในการแสดงศิลป์ไม่นึกพิศวาสจดจ้องไปเพ้อฝันถึงนางมโนรมเพียงกายา
“บุษบานารี...ชายอื่นใดมาพบเจอย่อมหลงใหล เว้นเสียแต่องค์ชายสามแห่งกวางโจวดูจะไม่พิสมัยกับบุษบานางนี้สักเท่าไหร่” วาจาเปรียบเปรยถึงการแสดงและผู้ชม เรียกสายตาจากบุรุษที่ถูกพูดให้หันมองชายต่างศักดิ์ที่ยืนชมนางระบำอยู่ข้างกัน
“ข้ามิชอบกุหลาบกายล้อมหนามพะย่ะค่ะ...แล้วฝ่าบาทเล่าทรงโปรดเหมยกุ้ยตรงหน้าหรือบุปผชาติชนิดใดเป็นพิเศษ?” แม้ไม่ต้องรออีกฝ่ายตอบในสิ่งที่ตนถามอู๋ฟานก็พอคาดการณ์ได้ว่าฮ่องเต้จะทรงตรัสเช่นไร หากไม่ใช่ดั่งที่เขาคิดจื่อเทาฮ่องเต้คงจะยังไม่ประทับในเมืองป่านานถึงวันนี้
“เหมยกุ้ยฮวางดงามที่สุดสำหรับข้าแล้วองค์ชาย”
องค์ชายคู่สนทนายกยิ้มแฝงความนัยทันทีที่ได้ยินคำตรัสตอบแสนหนักแน่น “พะย่ะค่ะฝ่าบาท”
จางอี้ชิงช่างวาสนาดีเกินสตรีใดที่มีฮ่องเต้ถึงสองแคว้นต่างรักใคร่หลงใหลนาง...
ช่วงสุดท้ายก่อนจบการแสดงอี้ชิงหยิบตะกร้าใส่สร้อยมาลามาถือไว้ ร่างพริ้มพรายก้าวลงจากเวทีทอดเดินไปยังบุรุษที่จะได้รับมาลัยจากตน อี้ชิงหยุดยืนอยู่กึ่งกลางระหว่างสหายนิรนามที่ตนเคยช่วยเหลือและองค์ชายคู่อริที่เพิ่งฝากบัญชีแค้นก่อนออกจากเรือน สร้อยมาลัยถูกหยิบออกมาถือไว้อย่างแสร้งชั่งใจจะเลือกคล้องมาลาใคร จวนดนตรีบรรเลงถึงช่วงจบมาลัยขาวในมืองามย้ายไปประดับบนคอของบุรุษศักดิ์องค์ชาย
อู๋ฟานมองร่างเล็กที่ยืนยิ้มตรงหน้าตนรอยยิ้มหวานเคลือบแฝงพิษมีเพียงเขาที่รู้ถึงความหมาย มันคือหลุมพราง คือบ่วงสิเน่หาที่จะคิดกระชากเขาให้ตกลงไปลุ่มหลงอยู่ในวังวนกลความงามที่อี้ชิงสร้างสรรค์ขึ้น
“จบงานของข้าแล้ว เราไปเที่ยวงานกันเถิดอาเทา” อี้ชิงคืนตะกร้าให้คนงานจากโรงละครพร้อมรับเสื้อคลุมต้านแรงลมมาสวมใส่ ก่อนจับมือของสหายต่างถิ่นออกไปด้วยกันไม่แลมองชายที่ตนเพิ่งคล้องมาลาหวังเล่นเล่ห์
ฟ้าดินเป็นพยานสักวันอู๋ฟานจะต้องพ่ายแพ้ต่อกลเกมของอี้ชิงอย่างแน่นอน...
-
---------------------
ไม่ได้อัพนานเลยมัวแต่ไปเร่งจบเมียมือสอง
ฝากแท็ก #ม่านดอกงิ้ว และคอมเม้นด้วยนะค่าบ
ความคิดเห็น