คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : หมอนวด4
หมอเบอร์นวด 4
แบคกับอี้กลับมาถึงอพาร์ทเม้นท์ตอนเกือบๆสี่โมงเย็น แบควิ่งเอากล่องโดนัทเข้ามาให้เจ๊จุนที่นั่งอยู่หลังเคาท์เตอร์คิดเงินภายในมินิมาร์ทเล็กๆที่อยู่ชั้นล่างของตึกตามที่ได้บอกไว้ว่าจะซื้อขนมมาฝากเจ๊ก็ต้องซื้อมา ระหว่างนั้นก็คุยนู่นนี่รออี้ที่เอารถไปเก็บด้วย
“ไปแล้วนะฮะเจ๊ เดี๋ยวไปทำงานสาย” สองหนุ่มหน้าหวานเอ่ยลาบุคคลที่รักเหมือนพี่น้อง
“อือๆ ขอบใจสำหรับขนมนะ”
ทั้งสองคนวางสัมภาระที่ซื้อมาไว้ที่โต๊ะไม้ญี่ปุ่นหน้าทีวีแยกของที่ต้องแช่เย็นไปเข้าตู้ไว้ก่อน นอกนั้นก็เป็นของใช้ทั่วไปเช่น ผงซักฟอก น้ำยาปรับผ้านุ่ม ข้าวของเครื่องใช้เล็กๆน้อยๆในครัว ขนมจุกจิกทั่วไปซึ่งก็ปล่อยมันไว้แบบนี้ก่อนกลับมาจากทำงานค่อยมาจัดการ
“อี้ไปอาบน้ำก่อนเลยนะ เดี๋ยวเค้าเอาผ้าลงไปส่งซักก่อน” เพราะอี้อาบน้ำนานพอสมควรแบคเลยสละให้เพื่อนอาบก่อนแล้วตัวเองก็เป็นคนเอาเสื้อผ้าตะกร้าใหญ่ของทั้งสองลงไปส่งซักที่ร้านข้างล่างเพื่อไม่ปล่อยให้เวลาที่ว่างอยู่เสียไปโดยเปล่าประโยชน์
พอแบคขึ้นมารอเพียงไม่นานก็เข้าไปอาบน้ำต่อจากเพื่อนทันที ผ้าที่เอาไปส่งซักไว้พรุ่งนี้เย็นๆค่อยลงไปเอาเพราะนอกจากจะซักแห้งตากแล้วมีผ้าบางตัวที่ต้องรีด พนักงานต้องใช้เวลากับมันพอสมควร
“พี่แจ็คฮะ…”
(รับทราบครับอี้ พี่กับไอ้เจจะไปเดี๋ยวนี้) ยังไม่ทันที่อี้จะได้พูดอะไร ปลายสายก็ตอบกลับมาแบบนี้แล้ว ก็เพราะว่าทั้งสองคนใช้บริการพี่วินสองคนนี้บ่อยพอสมควร
“ไปแบค เสร็จหรือยัง” อี้เร่งเพื่อนที่ยังคงยืนอยู่หน้ากระจก พอถูกเร่งเข้าแบคก็พยักหน้าตอบแล้วหยิบกระเป๋าเป้ใบเล็กๆวิ่งตามเพื่อนออกไป
16.12
“ไอ้พี่มารค์ทำไมช้าแบบนี้วะ” คนตาสวยดุจตากวางยกข้อมือขาวที่สวมนาฬิกาขึ้นมาดูเวลาเมื่อรู้สึกว่ามันเลยเวลาที่วินขาประจำจะมารับไปทำงานมาสิบกว่านาทีแล้ว
“ลู่!” ใบหน้าหันไปมองคนที่เรียก ก็พบว่าเป็นพี่ชายฝาแฝดของตัวเองที่เพิ่งกลับจากเรียน
“ไมกลับเร็ว” ลู่เดินเข้าไปหาคนเรียก ปกติเวลานี้หานต้องไปทำงานพิเศษที่อู่ซ่อมรถแถวๆวิทยาลัยของตัวเอง กว่าจะกลับก็ทุ่มกว่านู่นแต่วันนี้แปลกเพิ่งสี่โมงก็กลับแล้ว
“กูกลับมาอาบน้ำ แล้วนี่มึงยังไม่ไปทำงาน?” หานเอาขาตั้งรถลงและถอดหมวกกันน๊อคสีดำออก
“ก็พี่มาร์คมันไม่มาซักทีเนี่ย หานไปส่งฉันหน่อยดิ” ลู่พูด เพราะขืนรอต่อก็ไม่รู้ว่าวินจะมาเมื่อไหร่ให้แฝดไปส่งละกัน
“รอแป๊บได้ป่ะล่ะ กูอาบน้ำเดี๋ยว” เพราะเขาเองก็ต้องรีบกลับไปที่ร้านเหมือนกันไง วันนี้อยู่ช้อปทั้งวันตัวเหม็นเหงื่อจะตาย หมักหมมต่อไปก็ทำงานไม่สบายตัวแล้วมันจะพาลให้หงุดหงิด ถึงหานจะเรียนช่างกลแต่หานก็เป็นคนรักสะอาดนะ
“ไม่ทันแล้วหาน ตอกบัตรสี่โมงครึ่ง” จริงๆก็ไม่อยากรบกวนนะเพราะรู้อยู่ว่าต่างคนต่างก็มีงาน หานเตรียมจะแย้งแต่เสียงแตรรถก็ดังขึ้นขัดทั้งสองเสียก่อน
“โทษทีพี่ผมมาสาย” ลู่ขมวดคิ้วเมื่อเห็นคนที่มาส่งตนเมื่อคืนมาอยู่ที่นี่ แถมยังพูดเหมือนมารับตัวเองด้วย
“ฮุนหรอ?”
“ครับ อย่าเพิ่งถามอะไรเลย พี่ต้องเข้างานแล้วไม่ใช่หรอมาดิเดี๋ยวผมบิดมิดไมล์เลย” เด็กหนุ่มว่าพลางยื่นหมวกกันน๊อคให้
“เฮ้ยรีบได้ แต่ไม่ต้องถึงกับมิดไมล์ก็ได้มั้งน้อง” หานขัดขึ้นมาเมื่อได้ยินประโยคแบบนั้น ฮุนชะงักไปนิดหน่อยเพราะไม่ทันได้มองว่าตรงนี้มีอีกคนอยู่ด้วย แต่พอเห็นหน้าคนที่ท้วงเมื่อกี๊ก็ต้องตกใจมากกว่าเดิม
ทำไมมีกวางน้อยสองตัว เอ้ย! สองคน?
“เอ้า…ไปดิยังนิ่งอยู่ทำไม” คนที่ขึ้นมานั่งซ้อนท้ายแล้วทักขึ้นเมื่อยังไม่เห็นว่าวินมาใหม่จะออกรถซักที มัวแต่จ้องพี่ชายเขาอยู่นั่น
คิดอะไรกับหานป่ะเนี่ย?
“ครับๆไปครับไป” ฮุนรับคำแล้วปิดกระจกหมวกกันน๊อคลงจากนั้นก็บิดรถออกไปทันที เหลือเพียงแต่หานที่มองตามน้องชายฝาแฝดของตัวเองออกไปทำงาน เด็กช่างไม่ได้คิดอะไรต่อก็ขึ้นห้องไปอาบน้ำเตรียมตัวไปทำงานของตัวเองบ้าง
“แล้วพี่มาร์คไปไหน” คราวนี้ฮุนไม่ได้ขี่ช้าเหมือนเมื่อคืนแล้ว เพราะรู้อยู่ว่ามันเลยเวลางานของคนที่นั่งซ้อนมาพอสมควรแล้ว
“เอ่อ…” ไม่รู้จะตอบยังไงเพราะเมื่อคืนเขาไม่ได้ไปบอกพี่ใหญ่ของวินตามที่คนตาสวยบอก เลือกที่จะเก็บไว้แล้วเป็นคนมารับเอง
ก็ตั้งใจไว้แล้วนี่เนอะ สนใจเขาอยู่เรื่องอะไรจะให้ไอ้พี่มาร์คมันมารับเล่า
“พอผมกลับไปเมื่อคืนก็ไม่เจอพี่มาร์คแล้ว เลยไม่ได้บอกวันนี้พอนึกได้ก็เลยมารับเองดีกว่า” ลู่พยักหน้าไม่ถามสงสัยอะไร คิดว่าที่วินคงจะไม่มีใครว่างขนาดที่มาฟังคำบอกเล่ากันได้หรอก คนเรียกวินก็คงมีพอสมควรเวลาตีสองนั่นมันเวลาเลิกงานของรวงร้านแถวๆนั้นพอดี
ไม่ถึงสิบนาทีฟีโน่สีเหลืองก็มาจอดที่หน้าลัคกี้ อาบ อบ นวด แบงค์สีเขียวถูกยื่นไปให้คนขับหน้าอ่อนหลังจากส่งหมวกกันน๊อคคืน
“ผมไม่เก็บละกันเก่อ ถือว่าขอโทษที่ไม่ได้บอกพี่มาร์คแล้วไหนจะรับเก่อมาส่งเข้างานช้าอีก” ฮุนปฏิเสธที่จะรับค่าวินมอ’ไซด์ จริงๆก็ตั้งใจนั่นแหล่ะ
“เฮ้ยไม่ได้ไหนบอกหาเงินค่าเทอม เอาไปๆ” คว้ามือหนามาแล้วจัดงานยัดเงินใส่ จากนั้นก็หันหลังเตรียมวิ่งเข้าร้านแต่…
“ผมรับเงินก็ได้แต่คืนนี้ให้ผมไปส่งเก่อนะ!” เท้าเรียวชะงักกับสิ่งที่ได้ยินพอหันมาก็เห็นเด็กหนุ่มจ้องมองเหมือนจะรอเอาคำตอบ
“……..ตามใจเลยไอ้น้อง” พูดแค่นั้นก็วิ่งเข้าร้านไปไม่ทันได้เห็นรอยยิ้มน้อยๆของฮุน
ลูกชายเจ้าของวินยิ้มอย่างอารมณ์ดีที่ได้ฟังแบบนั้น พาตัวเองพร้อมรถคู่ใจข้ามไปอีกฝั่งที่เป็นร้านข้าวต้มและวินมอ’ไซด์ เพื่อเอารถเข้าคิวรอรับส่งลูกค้า ถือโอกาสนั้นไปช่วยเบาแรงแม่ที่เตรียมจะเปิดร้านข้าวต้มในช่วงกลางคืนด้วย
พอตอกบัตรเข้ามาในร้านลู่ก็รีบวิ่งไปที่ห้องแต่งตัว อย่างที่คิดไว้จริงๆด้วยว่าตัวเองน่ะมาสายปกติเข้ามานี่ยังไม่เห็นใครเลย ตอนนี้นั่งกันเต็มห้องละ
“สายนะวันนี้” เพื่อนหมินทัก ลู่พยักหน้าแล้วลากเก้าอี้ตัวที่ว่างมานั่งข้างๆจัดการแต่งหน้าแต่งตัวให้ตัวเอง
แต่ยังไม่ทันได้คุยอะไรกันต่อก็ต้องหันมาสนใจหน้าที่ของตัวเองเพราะร้านใกล้เปิดแล้ว ถึงแม้ว่าช่วงหัวค่ำจะยังไม่ค่อยมีลูกค้ามากก็เถอะแต่ทุกอย่างก็ต้องเตรียมพร้อมเพอร์เฟคตลอดเวลา
“ลู่ หมิน เฮียโจ๊กเรียกไปหาที่ห้องทำงาน” ระหว่างที่กำลังช่วยกันจัดแจงเสื้อผ้าให้กันและกัน เพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งก็เดินเข้ามาบอกทั้งสองว่าผู้เป็นนายเรียกให้ไปพบ
“เฮียมีไรด่วนป่ะเนี่ย” ลู่ถามระหว่างที่ทั้งคู่เดินขึ้นไปที่โซนที่เป็นส่วนของออฟฟิศของร้าน พอเปิดประตูเข้าไปก็พบเจ้านายยืนกอดอกพิงโต๊ะทำงานของตัวเองอยู่โดยไม่ได้สังเกตว่ามีใครอีกคนอยู่ในห้องด้วย
“อ่ามาแล้วหรอ” เฮียโจ๊กทักทั้งสองพยักหน้าให้
“เฮียมีเรื่องให้เราสองคนช่วย” เฮียโจ๊กเกริ่นด้วยหน้าตาจริงจังจนทั้งสองคนมุ่นคิ้วเป็นคำถาม ไม่บ่อยนักที่เจ้านายจะขอความช่วยเหลือจากพวกเขา
ลู่และหมินทำงานที่ร้านนี้มานานเรียกได้ว่าเป็นรุ่นแรกๆเลยล่ะ ได้รับความไว้ใจจากเฮียโจ๊กมากพอสมควรพอๆกับพี่เฉิน
“ว่ามาเลยครับ” ลู่บอก เรื่องเล็กเรื่องใหญ่ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงก็ยินดีช่วย ก็แหมเฮียโจ๊กมีพระคุณกับพวกเขามากมายเหลือเกิน
“ช่วยดูแลเด็กคนนี้ให้ทีสิ” นิ้วเรียวของเฮียชี้ไปที่โซฟาริมห้องพอทั้งสองหันมองตามก็พบเด็กคนหนึ่งการแต่งตัวเรียกได้ว่าเกือบโทรมกอดกระเป๋าเป้สีฟ้าเก่าๆใบหนึ่ง ช่วงตัวสั่นน้อยๆเหมือนพยายามกลั้นความรู้สึกอะไรบางอย่าง
สองเพื่อนรักหันมองหน้ากันอย่างงงๆและเป็นลู่ที่เดินเข้าไปหาเด็กที่นั่งตัวสั่นก้มหน้าอยู่ คนตัวเล็กขยับตัวน้อยๆเมื่อรู้สึกว่ามีคนมานั่งใกล้ๆ มือบางเอื้อมไปแตะที่ไหล่ที่สั่นสะท้านเบาๆแต่เด็กคนนั้นก็ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นซักที
“ใครครับ” หมินถามแต่สายตามองอยู่ที่เด็กคนนั้นด้วยความแปลกใจ
“เด็กที่ถูกเกือบขายไปที่ซ่อง” เฮียโจ๊กตอบเสียงเนือยๆ เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ไปเจอเด็กคนนี้
เมื่อ 1 ชั่วโมงที่แล้ว
“พ่อครับ อย่าทำแบบนี้เลยให้ผมช่วยพ่อทำงานก็ได้” เด็กหนุ่มที่อยู่ในชุดเสื้อยืดสีขาวพอดีตัวกับกางเกงยีนส์เข้ารูปรั้งแขนคนเป็นพ่อที่พยายามจะลากตัวเองไปในสถานที่แห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ตรงหน้า
ดวงตากลมโตเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตาเมื่อนึกถึงความใจร้ายที่ผู้เป็นพ่อมอบให้ตัวเอง
“อายุแกก็แค่นี้จะไปทำอะไรได้ หนี้ฉันไม่ใช่แค่พันสองพันนะทำงานเท่าไหร่ถึงจะใช้หมด!” ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโหดร้ายจ้องมองไปที่ใบหน้าของคนที่ขึ้นชื่อว่าลูกชาย
“ผมทำได้นะ ถึงผมจะไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อนถ้าเราช่วยกันหนี้มันก็ต้องหมดนะครับพ่อ” พยายามอ้อนวอนร้องขอ
“ทำไมฉันจะต้องทนหลังขดหลังแข็งทำงานแลกเงินแค่ไม่กี่บาทสู้เอาแกไปขายที่ซ่องได้เงินไปใช้หนี้ทีเดียวไม่ดีกว่าหรอ”
“พ่อ!” เด็กหนุ่มน้ำตาไหลพรากร้องเรียกคนเป็นพ่อ ใจดวงน้อยเจ็บปวดไปหมดเมื่อได้ยินคำพูดที่แสนใจร้ายนั่น
นี่พ่อไม่รักเขาเลยหรือไงถึงคิดจะขายเขาแบบนี้…
“ไม่ต้องมาบีบน้ำตาฉันตัดสินใจแล้ว มานี่!” แรงกระชากที่แขนเพิ่มมากขึ้น พยายามยื้อแรงไว้สุดตัว ใช้แรงทั้งหมดที่มีสะบัดแขนออกจากการเกาะกุมของคนเป็นพ่อแล้ววิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต
“ไอ้โด้!!!” คนเป็นพ่อเริ่มโมโหขึ้นมาเมื่อเห็นการกระทำแบบนั้นของลูกชาย
โด้วิ่งโดยไม่คิดจะสนใจเสียงเรียกของพ่อเลยแม้แต่น้อย หลังมือขาวยกขึ้นปาดน้ำตาที่ไหลออกมาไม่ขาดสาย และน้ำสีใสที่บังม่านตานั้นก็ทำให้สูญเสียวิสัยทัศน์ในการมองเห็น ร่างเล็กๆชนเข้ากับผู้ชายตัวโตคนหนึ่งจนตัวเองล้มลงไป
“ฮึก…ฮือ ขอโทษฮะ” ละล่ำละลักขอโทษทั้งน้ำตา พยายามลุกขึ้นแต่เพราะล้มเมื่อกี๊ทำให้ข้อเท้าเจ็บนิดหน่อย
“เป็นไงบ้างเจ็บตรงไหนหรือเปล่า” ร่างใหญ่ถามพร้อมทั้งช่วยพยุงขึ้น
“ไม่ฮะ ขอโทษนะฮะ” โด้เอ่ยขอโทษอีกครั้งแล้วจะวิ่งต่อ ทว่า….
“โด้!!!”
เฮือก!
คนตัวเล็กสะดุ้งกับเสียงเรียกที่อยู่ไม่ไกล ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใครพอตั้งสติได้ก็เดินไปหลบที่หลังของผู้ชายคนนั้นทันทีส่งแรงกำที่เสื้อเชิ้ตสีดำไว้แน่น
“ใคร? นายหนีเขามาหรอ” หันไปถามคนตัวเล็กที่ยืนสั่นอยู่ข้างหลัง
“ช่วยผมด้วย” เงยหน้าบอกทั้งน้ำตา ชายหนุ่มขมวดคิ้วอย่างครุ่นคิดตอนนี้ใจคิดอยู่สองอย่างคือสองคนนี้เป็นพวกต้มตุ๋นหรือว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องจริง
“ออกมาเดี๋ยวนี้นะถ้าไม่อยากให้ฉันโมโหไปมากกว่านี้!” ชายวัยกลางคนตะโกนบอกคนตัวเล็กที่ยังแอบอยู่ด้านหลังเขา
“ไม่ครับ ผมจะไม่ไปกับพ่อเด็ดขาดอย่าเอาผมไปขายเลยนะ” ตอบกลับไปทั้งยังไม่ยอมโผล่หน้าออกมา
“คุณเป็นใคร” ชายหนุ่มถาม
“ไม่ใช่เรื่องของแก”
“ครับผมรู้ว่าไม่ใช่เรื่องของผมแต่ผมคงทนไม่ได้ถ้ารู้ว่าคุณที่เป็นพ่อจะเอาลูกตัวเองไปขายแบบนี้” ไม่รู้ว่าที่เด็กหนุ่มพูดน่ะจริงไหม ถ้าจริงเขาก็จะขอช่วยเอาไว้ก่อน
ถึงเฮียโจ๊กจะมีกิจการอาบอบนวดและมีบริการทางเพศ แต่เด็กและพนักงานของเขาก็ไม่ได้มาจากการส่งมาขายหรือมาขัดดอกอะไรทั้งสิ้นทุกคนล้วนแล้วแต่สมัครใจทำทั้งนั้น
“ถอยไป! โด้มานี่มาหาพ่อ!” พ่อของเด็กทำทีจะเข้าไปเอาตัวลูกชายออกมา เพราะนี่ก็เสียเวลาเลยเวลานัดมาบ้างแล้วขืนไปช้ากว่านี้เขาเดือดร้อนแน่
“ไม่นะพ่อ ฮืออออ ผมไม่อยากไปปล่อยผมนะ ฮืออออ” โด้ร้องไห้ออกมาอย่างหน้าสงสาร ตอนนี้ทุกคนที่อยู่บริเวณนี้ต่างก็ให้ความสนใจกับพวกเขามากแล้วใครเดินผ่านไปมาก็ได้แต่หยุดมอง
โด้แกะมือใหญ่ของพ่อออกจากแขนพลางร้องขอและอ้อนวอนบวกกับส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปที่เฮียโจ๊กที่ยืนนิ่งอย่างไม่รู้จะทำยังไงใจหนึ่งก็อยากช่วยแต่ก็อย่างที่บอกถ้าสองพ่อลูกเป็นนักต้มตุ๋นเขาจะทำยังไง
“ลุง” เสียงของบุคคลที่สี่ดังขึ้นทำให้ทั้งสามหันไปมองแล้วก็เป็นเฮียโจ๊กและพ่อของเด็กหนุ่มที่เบิกตากว้างอย่างตกใจ
พ่อของโด้ตกใจเพราะเห็นว่าคนที่เรียกตนนั้นเป็นลูกน้องของเจ้าของซ่องที่ตนจะพาลูกชายไปส่ง นี่คงจะเห็นว่าเลยเวลานัดมานานมากแล้วก็เลยออกมาตาม
ส่วนเฮียโจ๊กตกใจเพราะรู้จักคนพวกนี้เป็นอย่างดีแล้วก็เชื่อแล้วว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นตรงนี้เป็นเรื่องจริง ก็ไอ้พวกนี้น่ะมันแก๊งค์ค้ามนุษย์ชื่อดังในย่านนี้เลยล่ะ เขาอยู่วงการแบบนี้เขาย่อมรู้ดี เด็กที่ถูกส่งมาขายหรือขัดดอกถ้าขัดขื่นหรือทำงานไม่ได้ดั่งใจมันส่งออกไปนอกให้พ้นหูพ้นตาโดยผ่านพวกเอเย่นสุดโหดหรือถ้าหนักหน่อยจนควบคุมไม่ได้ก็ตัดแขนขาส่งไปเป็นขอทานอีกที
เรียกได้ว่าไม่มีความปราณีในหมู่พวกมัน
“เฮ้ย! บอกว่าอย่ามายุ่งไง!” คนเป็นพ่อตะโกนใส่หน้าเฮียโจ๊กเมื่ออีกคนกระชากแขนเด็กหนุ่มแล้วดึงไปไว้หลังตัวเอง
“เท่าไหร่?”
“ห๊ะ?” ชายวัยกลางคนขมวดคิ้วไม่เข้าใจในคำถาม
“ค่าตัวเด็กคนนี้น่ะเท่าไหร่”
“เฮียก็เลยซื้อเด็กคนนี้มาเนี่ยนะ” หมินถามอย่างไม่อยากเชื่ออยากจะรู้ว่าเจ้านายเขาคิดอะไรอยู่ เพราะหลังจากที่ฟังเฮียโจ๊กเล่าเรื่องราวทั้งหมดสองเพื่อนรักก็เครียดขึ้นมาทันที
“ก็มันทนไม่ได้นี่หว่าเด็กจะโดนขายไปต่อหน้าต่อตาเลยนะ”
“แล้วการที่เฮียซื้อเขามามันต่างจากที่เด็กถูกขายไปที่นั่นตรงไหน”
“ต่างตรงที่ถึงพ่อเด็กจะขายให้กับเฮียแต่ก็มั่นใจได้เลยว่าเด็กมันจะปลอดภัยกว่าขายให้ไอ้พวกเดนนรกนั่นหลายเท่าไงล่ะหมิน” ลู่ค่อนข้างมั่นใจและเห็นด้วยกับเจ้านายที่ช่วยซื้อเด็กมาแบบนี้
“แล้วเฮียจะทำยังไงกับน้องคนนี้ล่ะ” ลู่เป็นฝ่ายถามก่อนเพราะมั่นใจเลยว่าผู้เป็นนายยังไม่ได้คิดถึงสิ่งที่จะทำหลังจากนี้
“แฮ่ะ…ไม่รู้ว่ะ” นั่นป่ะไร ซื้อหวยนี่ถูกไปแล้ว
“ช่วยเฮียคิดหน่อยดิ” ขอความเห็นจากพนักงานทั้งสอง
“ชื่ออะไรล่ะเรา” ลู่ที่นั่งใกล้ที่สุดถาม เด็กหนุ่มยังคงนั่งกอดกระเป๋าเงียบไม่ยอมตอบ
“ไม่ต้องกลัวพวกเรานะ เราไม่ใจร้ายแบบไอ้พวกนั้นหรอกเรากำลังช่วยนาย” หมินที่รู้ว่าเด็กคงขวัญเสียไม่น้อยกับเหตุการณ์ที่เจอมาก็เป็นฝ่ายเข้าไปปลอบบ้าง
“ชื่อโด้ครับ” ตอบหวานติดจะแหบตอบออกไปแต่ก็ยังคงก้มหน้าจนคางชิดอกอยู่
ทั้งสองคนพยายามชวนคุยถามนู่นถามนี่เพื่อให้โด้ผ่อนคลายและไว้ใจพวกเขา เฮียโจ๊กพอใจกับสิ่งที่เห็น พนักงานของตนช่วยและแบ่งเบาเขาไปได้เยอะเลยด้วยพื้นฐานของทั้งคู่ที่เป็นคนอ่อนโยนอยู่แล้ว
จวบจนเวลาที่ร้านเปิดลู่และหมินต้องขอตัวไปทำงานบ้างนี่ก็ไม่ได้ไปจัดการที่ซุ้มเหมือนทุกวันเลยแต่ถึงจะไม่ไปก็มีคนใจดีอย่างพี่เฉินแฟนหมินกับลูกน้องอีกสองคนมาช่วยจัดการอยู่แล้ว
“ลู่ หมิน” เฮียโจ๊กเรียกสองคนสียงเครียดจนทั้งสองหันมามอง
“ครับ?”
“อย่าบอกอีแก่นะ”
“เรื่องที่เฮียซื้อเด็กคนนี้มาน่ะหรอ?” หมินที่รู้กิตติศัพท์ของอีแก่ที่เฮียโจ๊กพูดถึงดีอยู่แล้วเอ่ยแซวขึ้น
“โอเคๆ เราจะไม่บอกเจ๊สวยไม่ต้องกังวลนะเฮีย” ลู่พูดพร้อมขำเล็กๆ เฮียโจ๊กอาจจะดูน่ากลัวนะแต่ใครจะไปรู้ว่าผู้ชายคนนี้มุ้งมิ้งแค่ไหนเวลาอยู่กับเมีย
หมับ.
“หืม?” และในขณะที่หนุ่มเชียร์เบียร์ของร้านจะออกไปทำหน้าที่ ยังไม่ทันได้ขยับขาไปไหนมีเพียงแค่ช่วงตัวที่เตรียมจะกลับหลังเดินไปที่ประตูเท่านั้นแรงดึงที่ชายเสื้อก็ฉุดรั้งเอาไว้ก่อน ลู่หันไปมองก็พบกับมือเล็กๆที่กำเสื้อเขาไว้ซะแน่น
หมินกับลู่หันมองหน้ากันรวมไปถึงเฮียโจ๊กที่เลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ
“ผมไปด้วย” โด้บอกเสียงเบาๆ คนถูกขอมองหน้าเจ้านายและเพื่อนรักเพื่อขอความเห็น
“พี่เขาจะไปทำงาน นายนั่งอยู่ในห้องทำงานฉันนี่แหล่ะ” เจ้าของห้องว่า ออกไปก็อาจจะวุ่นวายเพราะสองคนนี้ต้องทำงาน
“ไม่” ปฏิเสธเสียงเบา
“ไม่เป็นไรเฮียให้น้องมันไปกับพวกเราก็ได้ ไปโด้” หมินว่าแล้วฉุดคนตัวเล็กขึ้นแล้วพาเดินออกไปด้านนอก
“อยู่แค่ในซุ้มนะอย่าออกไปไหนยังไม่มีใครรู้เรื่องนาย” หมินเตือน เพราะโด้ยังคงเป็นคนแปลกหน้าสำหรับพนักงานที่นี่อยู่ ถึงแม้ว่าซุ้มเบียร์จะไม่ได้มีแค่พวกเขาสองคนแต่มันก็ยังดีกว่าที่จะตอบคำถามของคนในซุ้มเพียงแค่ไม่กี่คนถ้าเทียบกับพนักงานอีกสิบกว่าชีวิตที่ทำงานส่วนอื่นๆ
“ให้ผมช่วยนะ” ตอนนี้โด้เริ่มคลายอาการเกร็งเมื่ออยู่กับสองเพื่อนรักมากขึ้นแล้วทั้งยังอาสาช่วยงาน
“ไม่ต้องหรอกนั่งอยู่เฉยๆเถอะ ที่นี่ไม่ได้มีแค่เราแค่สองคน” เด็กหนุ่มพยักหน้าอย่างเข้าใจยอมนั่งนิ่งๆ
“แก…ใครอ่ะ” สาวเชียร์เบียร์สองคนที่นั่งอยู่ถาม
“น้องชายอ่ะ วันนี้ให้น้องมานั่งด้วยวันนึงนะ” หมินตอบ วันนี้เขาสองคนต้องเปลี่ยนกันออกไปทำหน้าที่เพราะไม่ไว้ใจสาวๆว่าจะมาแกล้งอะไรเด็กคนนี้หรือเปล่า พวกเขาไม่ได้ผูกมิตรกับใครเป็นพิเศษแต่ก็ไม่ได้สร้างศัตรู ปล่อยเด็กหน้าตาน่ารักแบบนี้ไว้ลำพังไม่ดีนักหรอกเดี๋ยวจะโดนแกล้งเอาขี้เกียจมาทะเลาะทีหลัง
สี่ทุ่มกว่าแล้ว บรรยากาศภายในร้านยังคงคึกครื้นและทวีคูณมากขึ้นเรื่อยๆตามเวลาที่เริ่มดึก แบคที่เสร็จจากทำหน้าที่ของตัวเองเดินควงแขนแขกที่เรียกตนใช้บริการออกมาส่งที่หน้าร้าน แบงค์สีม่วงถูกยัดใส่มือบางแถมด้วยแรงบีบแรงๆที่แก้มใสเหมือนเป็นการขอบคุณ
“ขับรถดีๆนะฮะ ขอบคุณที่มาใช้บริการ” แบคไหว้ขอบคุณแขก รอให้ชายหนุ่มเดินไปที่รถจนรถคันดังกล่าวเคลื่อนตัวออกไปจากบริเวณร้านแล้วจึงหมุนตัวเข้าร้าน ว่าจะไปนั่งเล่นที่ซุ้มเบียร์พี่ลู่พี่หมินซักหน่อยรอเพื่อนอี้ที่ยังคงบริการแขกอยู่
“ไงแบคแขกเยอะไหม” พี่ลู่ถามเมื่อเห็นน้องชายคนสนิทนั่งลงที่เก้าอี้หน้าเคาท์เตอร์
“ก็ปกติแหล่ะฮะ แล้วนี่พี่หมินไปไหนล่ะ” เลื่อนแก้วน้ำเปล่าที่พี่ลู่รินจากเหยือกส่งมาให้มาไว้ที่ด้านหน้าของตัวเอง
“นู่น นั่งอยู่กับแขก” คนได้รับคำตอบพยักหน้าแล้วมองอะไรไปเรื่อยเปื่อยจนสายตาไปปะทะกับใครบางคนที่นั่งก้มหน้าอยู่ที่เก้าอี้ด้านหลังใกล้ๆกับที่พี่ลู่ยืน
“พี่ลู่” สะกิดยิกๆที่แขนของคนที่ก้มหน้าก้มตาทำเบียร์ปั่น
“หืมว่า?”
“ใครอ่ะ?” พยักเพยิดไปที่เด็กหนุ่มพี่ลู่ร้องอ๋อแล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้น้องชายหน้าหวานนิดหน่อย
“น้องเขาชื่อโด้” ลู่ไม่รู้ว่าจะเล่าละเอียดยังไงและเริ่มจากตรงไหนเอาเป็นว่าบอกชื่อไปก่อนแล้วกัน
“เด็กใหม่?”
“ไม่ใช่นะ คือพี่จะบอกยังไงดีล่ะ”
“เลิกงานแล้วไปกินข้าวต้มด้วยกันดิแล้วจะเล่าให้ฟังหมดเลย” คนที่เดินกลับมาที่ซุ้มเพื่อมาเอาเบียร์เพิ่มอย่างพี่หมินพูดขึ้น
“โอเคๆ” แบคหันไปพยักหน้าตอบตกลง เพียงแค่นั้นทั้งหมดก็แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อ
“คืนนี้ต้องฝากเราสองคนไว้ก่อนนะ เดี๋ยวเฮียขอไปคุยกับเจ๊สวยมันก่อน” เฮียโจ๊กบอกสองหนุ่มเชียร์เบียร์หลังจากที่ทั้งคู่เลิกงานแล้วพาโด้มาส่งคืน
“ฝากเรา? คือให้ไปนอนกับเราก่อนงี้หรอ?” หมินถามเพราะไม่เข้าใจว่าตัวเองเข้าใจสิ่งที่เฮียพูดหรือเปล่า
“อืม ได้ไหมล่ะ” สองเพื่อนรักถอนหายใจแล้วชำเลืองไปที่เด็กหนุ่มที่ยืนห่างออกไปเพื่อให้ผู้ใหญ่คุยกัน
“พรุ่งนี้เฮียให้หยุดหนึ่งวัน แล้วช่วงบ่ายพาโด้ไปที่บ้านคืนนี้เฮียจะไปคุยกับเมียก่อน” เฮียโจ๊กตัดสินใจแล้วว่ายังไงเรื่องที่เขาทำก็ต้องบอกเมียถ้าไม่บอกแล้วปล่อยให้มารู้ทีหลังมีหวังอีโต้เฉาะหัวก่อนพอดี
“ก็ได้เฮีย แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้นเฮียต้องรับผิดชอบนะ” บอกตามตรงทั้งสองก็ยังคงไม่ไว้ใจเด็กคนนี้ร้อยเปอร์เซ็นต์ จะเป็นพวกหลอกลวงต้มตุ๋นหรือเปล่าก็ไม่รู้เห็นทีคืนนี้สองเพื่อนรักต้องไปค้างด้วยกันเสียแล้ว
พอแยกย้ายแล้วลู่หมินก็พาโด้ข้ามถนนมาฝั่งตรงข้ามที่ร้านข้าวต้มมีแบคกับอี้ที่เลิกงานก่อนแล้วมานั่งรออยู่แล้ว
“ฮุนนี่?” ลู่ชี้คนที่มารับออเดอร์ กว่าจะมารับได้แย่งกันกับไอ้พี่ชานอยู่ตั้งนานรู้หน่าว่าพี่มันจะมาเตาะสาวแบคน่ะ เรื่องอะไรจะยอมผมก็จะมาหาลู่เก่อตาสวยเหมือนกันเลยใช้สิทธิ์ความเป็นลูกชายเจ้าของวินฯซะเลย
พี่ลู่ยังไม่รู้นะครับว่าผมเป็นลูกชายเจ้าของร้านข้าวต้มและวินฯ อย่าเอ็ดไปล่ะทุกคน…
------------------------------------------------------------
หายไปเป็นเดือนเพิ่งกลับมาอัพต่อ-..-
ยังจำเนื้อเรื่องกันได้ป่าวน้อ?
ตอนที่5ไรต์ชิงชิงแต่ง ดองยาวค่า555
ล้อเล่นๆ แล้วเจอกันใหม่ถ้าคึกอยากมาอัพอ่ะนะ' '
ความคิดเห็น