คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : หมอนวด3
หมอนวดเบอร์ 3
ช่วงเวลาเกือบจะตีสองเหล่าพนักงานต่างเร่งรีบทำความสะอาดร้านหลังทำการปิดเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน ว่าจัดร้านตอนก่อนเปิดน่ะเหนื่อยแล้วเก็บร้านหลังปิดนี่เหนื่อยกว่าทั้งเศษอาหารหยดน้ำเผลอๆคราบอาเจียน เวลาคนมันเมานี่สภาพแย่กันทุกราย
“ลู่วันนี้เค้าไม่ได้กลับด้วยนะพอดีนัดกับพี่เฉินไปเที่ยวงานกาชาดอ่า” เด็กเชียร์เบียร์หน้าจิ้มลิ้มเดินเข้ามาบอกกล่าวเพื่อนด้วยท่าทีที่ขวยเขิน
“อ่อ ไม่เป็นไรหมินไปกับพี่เฉินเถอะลู่กลับวินคนเดียวได้” หนุ่มหน้าหวานตอบเพื่อนไปอย่างเข้าใจ ก็คนกำลังมีความรักนี่เนอะต้องอยากไปเที่ยวกันตามประสาคู่รักเป็นธรรมดา
คนโสดอย่างเขาต้องอยู่คนเดียวอีกตามเคย...
สองเท้าเดินย่ำถนนที่ชื้นแฉะเพราะฝนเพิ่งหยุดตกไปหมาดๆ เด็กเชียร์เบียร์หน้าหวานใสก้มหน้าเดินไปตามเส้นทางอย่างคุ้นชินพลางไล่นับทิปพิเศษที่ได้จากแขกในวันนี้
“ถึงจะคุ้นชินกับพื้นที่แต่เดินนับเงินแบบนี้ไม่ดีนะ” เสียงทักที่หยุดคนกำลังยุ่งกับเงินทองรีบเก็บเงินใส่กระเป๋าผ้าดิบสีขาวใบโปรดที่พายติดตัวมาทำงานเป็นประจำ
ตากลมวาวเคลือบหยาดน้ำใสแสดงถึงอาการกรึ่มๆจากสุราเพราะแขกยุให้ดื่มด้วยไปหลายแก้วสบมองอีกคนอย่างตกใจก่อนแปรเปลี่ยนเป็นสงสัยเพราะไม่คุ้นหน้าคนขับวินคนนี้มาก่อน ใบหน้าชมพูใสเจ่อแดงหันซ้ายขวาหาคนอื่นๆที่ควรประจำตรงจุดวินของเจ๊ฮวง
“นายมาใหม่หรอ?”
“หือ?”
“ฉันถามว่านายเป็นวินคนใหม่หรอ?” ลู่ขยายความของคำถามให้เข้าใจ แต่จริงๆแล้วคนที่ถูกทักว่ามาใหม่ติดจะงงมากกว่าไม่เข้าใจ
ความจริงเขาก็อยู่มาตั้งแต่เปิดวินนะทำไมไม่เคยเจอกัน?
“อ่า...ใช่ ผมมาใหม่” ทำไมก็ไม่รู้ แต่จู่ๆก็นึกอยากทดลองไหลตามน้ำ
“โว้...นักศึกษาขับวินเจ๋งแฮะ” ลู่เอ่ยชมจากใจหลังสังเกตว่าเด็กวินคนนี้ใส่ชุดนักศึกษาโดยมีเสื้อวินสวมทับอีกที
“ฮ่าๆ ก็ค่าเทอมมันแพงเลยต้องหารายได้พิเศษเดี๋ยวไม่พอกิน” ลูกเจ้าของวินยังแกล้งตีเนียนเล่นบทจนแถมขยันไม่คิดเฉลย
“อ่อ...ดีแล้วๆจะได้ไม่เป็นภาระกยศ. เออนายพี่มาร์คไปส่งลูกค้านานยังอ่ะ” คนที่ไม่รู้อะไรก็เออออตามเขาไปก่อนถามถึงวินขาประจำที่ต้องไปรับไปส่งลู่ทุกวัน
“ครับ เมื่อกี้เพิ่งมีลูกค้าเรียกไปวันนี้ให้ผมไปส่งแทนมั้ยครับ?”
“ไปดิอยากกลับบ้านแล้วหิวมาม่า” ใบหน้าน่ารักพยักขึ้นลงรัวเร็วอย่างคนอยากจะกลับบ้านเต็มแก่ พลางยกมือลูบท้องน้อยๆที่ร้องโครกครากเรียกหาข้าว
จากฮุนนักบิดวันนี้นึกครึ้มขอสวมบทฮุนพ่อเต่าขี่วินช้าที่สุดในรอบปีเลยก็ว่าได้เพราะลูกค้ามีอาการเมาเล็กน้อยเดี๋ยวตกรถ แต่เอาจริงๆอะไรดลใจก็ไม่รู้แต่ที่แน่ๆเขาสนใจคนหน้าหวานตาเหมือนกวางที่นั่งซ้อนท้ายตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็นหน้าของคนชอบจ้อเดินออกจากร้านอาบอบนวดยิ่งได้พูดคุยไปเมื่อครู่ยิ่งรู้สึกอยากเข้าหา
อยากกินสไปร์ทต้องใส่ถุงแล้วถ้าอยากกินลูกกวางนี่ไม่ใส่ถุงได้รึป่าว?
“เอ้อ คุยกันนานแล้วฉันยังไม่รู้จักชื่อนายเลย นายชื่อไร?” นั่งซ้อนท้ายเขาไปได้สักพักคนชอบพูดก็ชวนวินคุยท้าลม
“ฮุน” ส่วนพี่วินก็ยินดีตอบแถมบริการพิเศษบิด20ถึงบ้านหนูตากวางคงตี3
“ฉันชื่อลู่นะ ดูจากหน้านายต้องอายุน้อยกว่าแน่ๆ ถึงยี่สิบป่าว?”
“ไม่ครับ ผม19”
“อ่า...ห่างกัน3ปีงั้นนายเรียกฉันว่าเก่อนะลู่เก่อ ฉันชอบมันดูแมนดี” คนซ้อนท้ายเออออเองเสร็จสรรพ ไม่ถามความสมัครใจคนขับเลยว่าเขายินดีมั้ย?
ลู่...ภาษาจีนแปลว่ากวาง
เสี่ยวลู่...กวางน้อย
ถ้าเขาอยากเรียกเสี่ยวลู่นี่จะโดนลู่เก่อคนแมนเตะมั้ย?
“โอเคครับเก่อ แล้วนี่พี่ทำงานอะไรในร้านหรอครับ” ยังไม่สนิทพอที่จะเรียกไว้จีบติดค่อยว่ากัน
“เป็นคนเชียร์เบียร์ หนุกดีนะทิปเยอะด้วย” เสียงใสๆ ยังคงโต้ลมตอบกลับไม่มีเหนื่อย
“มีแฟนยัง?”
“ห้ะ?” คำถามต่อมาทำคนชอบพูดหน้าเหวอไปนิดไม่รู้ว่าเพราะเมาจนหูฝาดหรืออีกคนถามอย่างนั้นจริงๆ
“ผมถามว่าเก่อมีแฟนยัง?” ทีนี้ฮุนเลยจับเน้นๆชัดๆแถมผ่อนแรงขับโคตรทาก
“ยางงงงง ไอ้พี่แฝดมันหวงไม่ให้มีแฟนถ้ามันไม่ได้เมียก่อน” คนซื่อพอได้ยินชัดเจนไม่ได้ฟังผิดเพี้ยนเขาถามไรมาก็ตอบไปไม่ปิดบัง
รักแท้แพ้พี่แฝดไม่ใช่อุปสรรคถ้าฮุนคิดจะเอา555
ฟีโน่สีเหลืองอ๋อยจอดเทียบประตูหลังขับชมวิวกินลมไปราวๆครึ่งชั่วโมง ลูกค้าวีไอพีก้าวเท้าลงจากรถก่อนเดินมาถอดหมวกตรงหน้าคนขับ
“กว่าจะถึงบ้านแทบหลับนี่นายขับช้าหรือฉันใจร้อนเนี่ย?” ขนาดลงรถแล้วพี่กวางก็ยังไม่เลิกจ้อ
“ผมขับช้าเองเห็นพี่เมากลัวมึนตกรถ”
“อะไรใครเมาเราแค่อึน”
แน่ะ!...มียอกย้อน
“อาฮะ ทีหลังอย่านับเงินกลางถนนอีกล่ะโดนจี้มานี่ไม่ฮานะครับ” ถ้ายังพูดเรื่องเมาไม่เมานี่คงเช้ากว่าจะจบ ฮุนเลยเลือกคุยเรื่องที่ค้างไว้ตอนอยู่ที่วินแทน
“อย่าบ่นเหมือนพี่หานได้ป่ะ นี่เซ็งมั้ยให้ทาย” พอถูกเตือนแทนที่จะรับฟังกลับหาว่าเขาบ่นตัวอีก ฮุนจ้องหน้าคนหน้าหวานอย่างหมั่นเขี้ยวเจอกันวันแรกก็แผลงฤทธิ์ได้ขนาดนี้ถ้ารู้จักไปนานๆคงอดจับตีก้นไม่ได้
บอกตัวเองแมนแต่ทำตัวน่ารักชิบหาย
“ครับๆ ไม่บ่นแล้ว”
“ดีมาก ฝากบอกพี่มาร์คด้วยพรุ่งนี้บ่าย4ที่เดิม บ๊าย” ลู่คนแมนยิ้มร่าเริงที่มีคนยอมอ่อนข้อก่อนฝากข้อความถึงวินขาประจำแล้วโบกมือลาเข้าบ้าน
ไม่บอกหรอกพี่มาร์คน่ะฮุนนี่แหละจะมารับเสี่ยวลู่เอง!!
11:30 น.
เวลาแห่งการตื่นจากฝันหวานเพราะอากาศที่โคตรร้อนระอุจากด้านนอก น้องอี้ลุกขึ้นนั่งตั้งสติสักพักก่อนบิดตัวไล่ความง่วงแล้วเดินออกจากเตียงไปทำกิจวัตรประจำวัน
ครึ่งชั่วโมงถัดมาหมอนวดหน้าใสก็ออกจากห้องน้ำด้วยชุดไปรเวทเตรียมเที่ยวห้างก่อนไปทำงานต่อในช่วงเย็น สะโพกกลมกลึงนั่งแหมะบนเก้าอี้ตัวเล็กหน้าโต๊ะเครื่องแป้งพลางมองเพื่อนรักที่ยังนอนคลุมโปงไม่รู้ร้อนหนาวผ่านกระจกเงา
ถึงจะมีพัดลมสองตัวก็ไม่ได้ช่วยคลายร้อนอะไรเลยนะพูดเลยแบคโดนอบจนสุกไปแล้วใช่มั้ย?
“แบค”
“...”
“ไอ้แบค”
“.....”
“ไอ้แบคโว้ยยยย!!!”
“......”
ยังเงียบอีกหลับหรือตายล่ะนั่น?
อี้ลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปเขย่าตัวคนหลับลึกจนสั่นคลอนไปทั้งตัว คนถูกปลุกจากที่ทำเงียบไม่ขานรับกระเด้งตัวลุกขึ้นนั่งอย่างวีนแตก
“อี้จะปลุกแบคทำไมเนี่ยคนจะหลับจะนอน!!”
“ไม่ต้องเลยแบคนี่เที่ยงแล้วลุกไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้ วันนี้ต้องไปซื้อของใช้เข้าห้องก่อนไปทำงานนะชักช้าเดี๋ยวก็ไปตอกบัตรเข้างานสายหรอก” อี้ออมม่าบ่นเพื่อนที่ทำตัวเป็นเด็กขี้เซาที่ยังนั่งตาปรือเหมือนจะหลับใน
“งือออ ขี้เกียจไปทำงานจุง” น้องแบคบ่นงึมงำทั้งๆที่ยังหลับตาอยู่
“แบคก็ไปหาแฟนรวยๆสิจะได้ไม่ต้องทำงาน” น้องอี้ยุแกมประชดหน่อยๆ
“โหย..รวยแล้วโสดหาอยากจะตาย ที่เห็นๆนี่มีแต่พวกรวยเป๋าหนักแถมอิแก่ถือมีดรออยู่บ้าน” คิดว่าน้องแบคพยายามหามั้ยให้ทาย ถูกใจใครทีก็มีแต่พวกเมียดุยิ่งกว่าเจ้าที่พูดแล้วเซ็ง
“งั้นก็เอาพวกไม่รวยแต่ขยันแบบพี่ชานไงแก” พอสบโอกาสอี้ก็ยกป้ายเชียร์พี่ชานสุดใจ
“คนนั้นก็ไม่ได้อยู่ในสายตาแบคเลยเหอะจริงๆ” แบคตอบเหมือนคุยกันเรื่องลมฟ้าก่อนคืบคลานลงจากเตียงเพื่อไปอาบน้ำตามบัญชาของเพื่อน
“แบค อี้ออกไปไหนกันเนี่ย” เจ๊จุนเจ้าของอพาร์ทเม้นยืนคุมช่างติดเครื่องเติมเงิน เอ่ยทักทายผู้เช่าห้องทั้งสองที่เดินออกมาจากตึกอย่างสนิทชิดเชื้อ
“ไปตากแอร์ห้างฮะเจ๊ ฝากซื้อไรป่าว?” น้องแบคตอบพลางยืนรออี้เคลื่อนมอไซด์ที่มีไว้ขับไปซื้อข้าวซื้อของประหยัดค่าวินออกจากที่จอด
ใจจริงอี้กับแบคก็อยากขับไปทำงานด้วยเลยนะแต่เฮียโจ๊กบอกไม่ให้พนักงานขับรถมาทำงานเอง ไม่รู้ว่ากลัวที่จอดรถไม่พอลูกค้าหรือได้เงินใต้โต๊ะกับเจ๊ฮวงกันแน่
“ไม่ฝากซื้อหรอกแต่ถ้าซื้อมาฝากจะน่ารักมาก”
“อยากให้ซื้อมาฝากเจ๊ก็ช่วยลดค่าห้องบ้างไรบ้างจะขอบพระคุณเป็นอย่างสูง” น้องแบคแหย่กลับใสๆ
“ได้ไงอ่า ค่าห้องเจ๊ถูกกว่าที่อื่นครึ่งต่อครึ่งแล้วนาให้ลดอีกนี่ขออยู่ฟรียังง่ายกว่า” เจ้าของห้องทำปากคว่ำน่าสงสาร
“ฮ่าๆๆ แบคล้อเล่นน่าเจ๊ ไปแล้วนะเดี๋ยวซื้อหนมมาฝาก” น้องแบคโบกมือหยอยๆ ก่อนขึ้นซ้อนมอไซด์ออกไปจากหอพัก
แอร์เย็นๆจากประตูทางเข้าสาดกระทบคนที่กำลังจะเดินผ่านเข้าไปให้รู้สึกผ่อนคลายจากอากาศร้อนอบอ้าวที่อยู่ภายนอกตัวอาคาร สองหนุ่มหน้าหวานขึ้นบันไดเลื่อนไปยังโซนมาร์เก็ตของห้างเพื่อซื้อของกินของใช้ไปกักตุนไว้ในส่วนของเดือนนี้
“หนูอยากดูหนังอ่า” เสียงเด็กงอแงเรียกความสนใจให้อี้หันมอง ก่อนหยุดก้าวเดินกระทันหันเมื่อรู้ว่าเสียงเด็กที่ได้ยินไม่ใช่แค่เสียงเด็กผู้ชายหน้าตาน่ารัก แต่มันเป็นเสียงของน้องคริสที่คะยั้นคะยอให้เฮียอู๋พาไปดู
เฮียอู๋พาลูกมาเที่ยวหรอเนี่ยอี้ไม่ได้ฝันใช่มั้ย?
“อาทิตย์ที่แล้วคริสเพิ่งมาดูกับพี่ชานไม่ใช่หรอ ทำไมหนูดูติดต่อกันทุกอาทิตย์จัง” เฮียอู๋ยืนกอดอกมองลูกชายที่กอดอกเชิดหน้าหันไปทางอื่นอย่างงอนๆ
“ก็หนูอยากดูรถหุ่นยนต์อ่ะ ป๊าขี้งกหนูไม่รักป๊าแล้ว” แทนตัวเองว่าหนูดูน่ารักแต่การกระทำนี่น่าจับตีก้นให้หายหมั่นเขี้ยว
“คริสไม่รักป๊าแล้วคริสจะรักใคร หื้ม?”
“เค้าจารัก...”
“อ้าว! น้องแบค น้องอี้” สองพ่อลูกยังไม่ทันแสร้งโมเม้นท์กันจบเสียงเอ่ยทักจากพี่เทาก็เรียกสายตาของพ่อตัวโตกับลูกขี้งอนให้หันมอง
แบบเหมือนแบคกับอี้เสียมารยาทยังไงก็ไม่รู้ ยืนดูสองพ่อลูกเขาคุยกันนานเลยแอบอายนะเนี่ย!
“อ่า...หวัดดีฮะพี่เทา” น้องอี้ทักทายกลับเสียงหวานหยดส่วนแบคก็ทำเพียงแค่โบกมือทักทาย
“หนูจะรักน้องอี้!”
“ห้ะ?!!” ผู้ใหญ่สี่คนประสานเสียงกันอย่างตกใจกับคำพูดของเด็ก6ขวบ
“คนไหนน้องอี้?” น้องคริสไม่สนใจสีหน้าตกใจของพวกพ่อและพี่ๆ เด็กตัวเล็กสุดในกลุ่มเอ่ยถามพลางเดินเข้ามาประจันหน้ากับสองหนุ่มน้อยวัยขบเผาะที่ยืนช็อคค้างเหมือนโดนเอลซ่าสาปด้วยน้ำแข็ง
“ค...คนนี้” แบคชี้ตัวผู้โชคดีด้วยสติที่ยังกลับมาไม่ครบ
“เค้าชื่อคริส ตัวเรียกเค้าว่าพี่คริสนะเค้าจะเรียกตัวว่าน้องอี้” คริสแนะนำตัวก่อนดึงมือของอี้มาจับไว้
อั้ยยะ! เด็กปีนเกลียว
“คริสมานี่ลูกอย่าไปกวนพี่เขา” เฮียอู๋เอ่ยเรียกลูกชายพลางมองสองหนุ่มหน้าหวานที่เขาเพิ่งเจอเมื่อคืนด้วยความเกรงใจกับความซนเพราะโดนตามใจของคริส
“หนูป่าวกวนนะ นี่น้องอี้แฟนหนู” เด็กช่างพูดไม่ว่าเปล่าแขนเล็กๆโอบกอดคนที่ตัวเองเรียกว่าแฟนแถมไปด้วย
“ดีใจด้วยนะแก เป็นแฟนพ่อไม่ได้ก็เป็นแฟนลูกเขาซะเลยยังไงก็สกุลอู๋คือกัน” น้องแบคกระซิบแซวเพื่อนที่ได้แฟนเด็กเกือบรุ่นลูกเลยได้สายตามองค้อนจากน้องอี้ของพี่คริสไปหนึ่งวงโตๆ
ไม่ช่วยให้เรื่องมันดีขึ้นยังจะมาล้อกันอีก ชิ!
“แบคแกล้งไรน้องอี้ของพี่คริส” คริสเห็นอี้มองค้อนคนข้างๆเด็กน้อยจึงหันไปว่าอย่างปกป้องแฟนตัวเอง
“น้องคริสทำไมไม่เรียกพี่เขาว่าพี่แบคล่ะเขาเป็นพี่คริสนะ” พี่เทาสอนลูกเจ้านายด้วยสิทธิ์ที่ได้รับอนุญาตมาเรียบร้อยแล้ว
“ไม่อยากเรียกมีไรมะ?”
ถ้าวันนึงน้องแบคเผลอตบเด็กนี่ขึ้นมาเฮียอู๋จะเอาขวดเหล้าตีหัวแบคมั้ย?
“เอ่อ...เดี๋ยวผมพาน้องคริสป่ะ..”
“พี่บอกแล้วไงว่าให้น้องอี้เรียกพี่ว่าพี่คริส!”
โว้ย! แบคไม่อยากทนขอตีกับเด็กสักยกเถอะ
“นี่น้องคริสเงียบแป๊บนึงได้มั้ยให้อี้เขาพูดจบก่อน” แบคจิกตามองคริสอย่างอยากจะจับหักคอทำสเต็กเนื้อเด็ก
“แบคอย่ายุ่ง!”
“น้องคริส!! เอาใหญ่แล้วนะขอโทษพี่เขาเดี๋ยวนี้!” เฮียอู๋ที่ยืนเงียบดูพฤติกรรมลูกอยู่นานดุเสียงดัง จนคนรอบข้างเริ่มหันมามอง
“ฮึก...ป๊าว่าหนู” น้องคริสทำปากคว่ำอย่างน้อยใจก่อนซุกหน้ากับหน้าขาของอี้เพื่อซ่อนน้ำตาไม่ให้ป๊าเห็น
ไม่ใช่ไม่เคยว่าเวลาซน ไม่ใช่ไม่เคยดุเวลาคริสพูดไม่เพราะกับผู้ใหญ่ แต่บางครั้งเขาก็ยอมรับว่าปล่อยให้คริสรับพฤติกรรมแวดล้อมมาใช้เพราะไม่อยากดุแกมากแค่ถูกเพื่อนที่โรงเรียนล้อไม่มีแม่ก็ดูน่าสงสารพอแล้วมาโดนพ่อเข้มงวดเรื่องคำพูดอีกก็กลัวคริสจะเป็นเด็กเก็บกดไปซะก่อน
พอปล่อยนานๆเขาเฮียอู๋ชักเริ่มไม่ไหวกับลูกชายตัวเองแล้ว ถึงคริสจะเป็นเด็กดีในบางเรื่องและไม่เคยเกเรมีเรื่องให้เฮียต้องปวดหัวก็เถอะ แต่เรื่องคำพูดนี่สงสัยต้องเริ่มอบรมกันยาว ช่วงนี้คงปล่อยให้ไปนอนค้างบ้านปู่กับย่าไม่ได้ด้วยสองคนนั้นยิ่งเห่อหลานคนเดียวอยู่ด้วยหลานชายพูดอะไรก็เออออกับเขาไปทุกอย่าง
“อี้ว่าเฮียไปทำธุระเถอะฮะเดี๋ยวน้องคริสอี้ดูให้เอง” อี้รู้สึกสงสารเด็กที่กอดเขาอยู่หลังสัมผัสได้ถึงความเปียกชื้นที่ทะลุผ่านเนื้อผ้าของตน
“จะดีหรออี้?” แบคเป็นฝ่ายหันมาถามเพื่อนแทน
“อื้อ แบคไปซื้อของเลยเถอะไว้ค่อยไปหารกันที่ห้อง” อี้ดันแบคให้เดินไปยังจุดบริการรถเข็น แล้วหันกลับมามองพ่อของน้องคริสที่ยังมองลูกนิ่งๆเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่
“เทา เอ็งไปซื้อของที่เฮียจดไว้ในกระดาษเดี๋ยวเฮียจะอยู่ดูคริสก่อน” เฮียอู๋ยื่นกระดาษแผ่นยาวพร้อมบัตรเครดิตส่วนตัวให้ลูกน้องนำไปใช้จ่าย
อี้พาน้องคริสลงไปทานไอศกรีมที่ชั้นล่างโดยมีเฮียอู๋ตามมาดูด้วย น้องคริสก้มหน้าก้มตาทานทั้งหันหลังให้คนเป็นพ่อ ส่วนคนกลางก็ลำบากใจไม่รู้จะช่วยกล่อมยังไงแล้ว
“น้องอี้ วันนี้น้องอี้ต้องอยู่เล่นกับพี่คริสนะ” เด็กน้อยเงยหน้ามาพูดกับร่างบางที่นั่งอยู่ข้างๆ อี้สบตากับเฮียอู๋ที่ยืนกอดอกอยู่ก่อนหันกลับมาตอบ
“วันนี้อี้ต้องทำงาน เดี๋ยววันหลังอี้ไปเล่นกับพี่คริสนะ”
“จริงหรอ”
“จริงสิแต่มีข้อแม้นะ พี่คริสต้องสัญญาก่อนว่าจะทำ” คำว่าข้อแม้ของอี้ทำเด็กน้อยหน้าเบ้แต่ก็ยอมพยักหน้าตกลง “คืนดีกับป๊าได้แล้วป๊าเขาเป็นห่วงเรานะ”
“แต่ว่า...”
“ที่ป๊าดุเพราะพี่คริสเถียงผู้ใหญ่มันไม่ดีเลยนะถ้าพี่คริสไม่คุยกับป๊าอู๋ อี้ก็จะไม่ไปเล่นกับพี่คริสเหมือนกัน” อี้ยื่นคำขาด
“ก็ดะ ป๊าดีกัน” คริสหันมาเกี่ยวก้อยกับป๊าอู๋ซึ่งเขาก็ยอมหลุดมาดมาเล่นเกี่ยวก้อยด้วย
“คืนดีกับป๊าแล้ว พี่คริสก็อยู่กับป๊านะครับ อี้ต้องไปทำธุระแล้ว” มือสวยลูบผมนุ่มของเด็กน้อยเบาๆอย่างเอ็นดู
“งื้ออ น้องอี้เดี๋ยว อยู่เที่ยวกับพี่คริสก่อนสิ” เด็กวัยหกขวบวางช้อนตักไอติมลงแล้วดึงแขนของคนที่กำลังจะลุกไว้
“คริสไม่เอาลูกให้พี่เขาไปทำธุระนะ รบกวนพี่เขานานแล้ว” คริสปากคว่ำกับคำพูดของป๊า ยอมปล่อยมือน้องอี้และหันไปสนใจไอติมตรงหน้าต่อ ใจดวงน้อยอยากจะรั้งไว้แต่น้องอี้บอกมีธุระ พี่คริสจะยอมปล่อยไปก็ได้…
“งั้นอี้ขอตัวนะฮะ” พอเห็นสองพ่อลูกเขาดีกันแล้วอี้ก็หมดหน้าที่พี่เลี้ยงจำเป็น
“ขอบใจมากนะที่ช่วยพูด นี่เงินค่าขนมคริสที่นายจ่ายไป” เฮียอู๋เอ่ยขอบคุณพร้อมยื่นเงินจำนวนหนึ่งให้
“ไม่เป็นไรหรอกฮะแค่นี้เอง” อี้ดันมือเขากลับก่อนจะเดินจากสองพ่อลูก ก่อนไปก็ไม่ลืมลูบแก้มนุ่มๆของเด็กน้อยไปทีพร้อมได้รับรอยยิ้มนิดๆกลับมา
“เป็นไงล่ะได้ฝึกเป็นแม่เลี้ยงน้องคริส1ชั่วโมงคิดว่าเลี้ยงไหวมั้ย?” น้องแบคซักไซ้เพื่อนทันทีที่มาถึงลานจอดรถ
“ก็โอนะ แบบว่ารักเด็กแล้วเด็กก็รักอี้ด้วยอ่ะ” คนรักเด็กยิ้มอวดเพื่อนที่เพิ่งทะเลาะกับเด็กไปหยก
“เหอะ!! แล้วพ่อเขาอ่ะว่าไง?”
“ไม่รู้ รู้แต่ว่าอี้โคตรฟิน” น้องอี้ยกมือขึ้นปิดแก้มแดงๆให้หายร้อน ท่าทางของเพื่อนทำให้แบคอดไม่ได้ที่จะเบะปากใส่อย่างหมั่นไส้ในตอนที่อี้ไม่เห็น
ได้คุยกันไม่กี่ประโยคอี้ก็มีกำลังใจจะทำงานแล้ว!!
-----------------------------------------------------------------------
#ฟิคหมอนวด
มาๆ เรามาเกรียนแบบบ้านๆกับสาวๆ(?)กัน555
พยายามแต่งให้คอมเมดี้สุดๆแล้ว แต่รู้สึกจะลงเหวแทน-3-
อ่านกันแล้วฝากติชมกันด้วยนะคะ
ความคิดเห็น