ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic KrisLay ✖ Forbidden Love ✖ รักต้องห้าม

    ลำดับตอนที่ #2 : ✖ Forbidden Love ✖ -Part:2-

    • อัปเดตล่าสุด 29 ม.ค. 58






    ✖ Forbidden Love ✖

    -Part:1-


     

    “แชมพู...สบู่...ยาสีฟัน...รามยอน...เฮ้อ ถ้ารู้ว่าจะความจำสั้นขนาดนี้น่าจะหยิบสมุดออกมาจดเพิ่มตั้งแต่อยู่ในรถแล้ว นี่ฉันลืมอะไรอีกเนี่ย?” เสียงห้าวหวานบ่นงึมงำ ตาก็ไล่เช็ครายการที่ต้องซื้อในสมุดสลับมองสิ่งของมากมายในรถเข็น

     

    หลังเก็บของเข้าหอพักที่มินโฮช่วยเป็นธุระจัดหาให้ อี้ชิงก็ขอติดรถเพื่อนสนิทตัวสูงมาลงหน้าห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งซึ่งไม่ไกลจากหอพัก คราแรกตั้งใจจะซื้อของมากมายทั้งของใช้ ของกินและของตกแต่งที่จำเป็น แต่พอเดินเข้ามาเลือกหยิบของตามรายการที่จดไว้ กลับมาลืมของที่ตั้งใจจะซื้อเพิ่มเติมเสียนี่ จะวกกลับมาซื้อใหม่ก็ดูจะขยันเกินไปสำหรับหมอสัตว์ปีหนึ่งที่จำเป็นต้องอ่านหนังสือล่วงหน้ากองโตไม่ต่างจากพวกหมอรักษาคน

     

    คงต้องใช้ยุทธวิธีวนรอบซุปเปอร์มาร์เก็ตกันอีกรอบเผื่อนึกขึ้นได้อีกหน...

     

    “อี้ชิง...” เสียงเรียกคุ้นหูที่ไม่ได้ยินเกือบครึ่งปี ทำเจ้าของชื่อถึงกับชะงักนิ่งเสียจังหวะการหายใจอยู่ช่วงหนึ่ง ร่างบางหันหลังกลับไปมองชายร่างสูงผิวเข้มที่ยืนมองเขาด้วยสายตาแสนคิดถึง

     

    “ไง...ฮวางจื่อเทา” คำทักทายง่ายๆถูกส่งไปพร้อมรอยยิ้ม

     

    นึกอยากเอาหัวโขกกับชั้นสินค้าจริง ไม่รู้ว่าช่วงวินาทีก่อนหน้านี้เขาคิดบ้าอะไรถึงได้ใจกล้าหันมาทักทายตอบ แถมปั้นยิ้มจืดๆนั่นให้อีก คิดว่านายใจแข็งมากรึไงอี้ชิง? นายลืมคนรักเก่าที่เพิ่งเลิกกันได้เพียงหกเดือนได้จริงหรือ? แล้วไง...พอมาเจอหน้าเขาอีกครั้งเกิดอยากบ่อน้ำตาแตกอะไรขึ้นมาล่ะไอ้โง่!

     

    “นาย...สบายดีมั้ย?” ว่าอี้ชิงโง่ อีกคนก็ดูไม่ต่างกัน คนเพิ่งอกหักจากแฟนที่คบกันมาเป็นปีๆที่ไหนเขาจะลั้ลล้าได้ในเวลาเพียงหกเดือน สบายดีมั้ย?คำถามเบสิคที่พอฟังจากปากอดีตคนรักกลับทำให้อี้ชิงไม่ชอบเอาซะเลย

     

    “อื้ม ดูจากสีหน้านายก็คงสบายดีสินะ” ตอบรับไปง่ายๆเหมือนคำถาม ไม่วายตอบแทนอีกฝ่ายจากการมองผ่านสายตา แทนการถามคำถามแบบคนรู้จักทั่วไปเวลาเจอกันอีกครั้งในรอบครึ่งปี

     

    “ฉัน...”

     

    “จื่อเทาคะ คุณแม่เรามารอที่ร้านแล้วจะ... อุ๊ย! จุนมีขอโทษค่ะไม่รู้ว่านายคุยกับเพื่อนอยู่” ยังไม่ทันให้จื่อได้พูดจบประโยคดี หญิงสาวร่างเล็กต้นเหตุของการจบสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็มาปรากฏต่อหน้า

     

    ดวงตากลมโตสบมองหน้าอี้ชิงอยู่ครู่หนึ่ง ริมฝีปากเคลือบลิปกลอสพราวระยับยกยิ้มอ่อนหวาน(เหมือน)เป็นมิตรให้กับเพื่อนของคู่หมั้นเธอ เป็นเหตุให้เพื่อน(รัก)เก่าอย่างอี้ชิงต้องปั้นหน้าส่งยิ้มตอบหญิงสาว พร้อมโค้งทักทายว่าที่เพื่อนสะใภ้ในอีกไม่กี่ปี

     

    “สวัสดีครับ ผมจางอี้ชิง”

     

    “ฉันคิมจุนมีค่ะ” สาวเจ้าโค้งตอบอีกฝ่าย

     

    หลังแนะนำตัวกันเองจบโดยไม่ต้องผ่านการแนะนำจากจื่อเทา ความเงียบก็เริ่มคืบคลานปกคลุมคนทั้งสามจนอี้ชิงต้องเอ่ยปากเพราะไม่อยากมาทนยืนรับแรงกดดันในตอนนี้ “อ่า...ฉันคงต้องขอตัวกลับแล้วล่ะจื่อเทา วันนี้เพิ่งย้ายของเข้าหอต้องรีบกลับไปจัดการต่อให้เสร็จ ผมขอตัวนะครับจุนมี”

     

    “นี่สินะ...ต้นเหตุที่นายไม่ยอมหมั้นกับฉัน” หลังล่ำลาแล้วปล่อยให้อี้ชิงจากไป ความเป็นมิตรบนใบหน้าหวานล้ำแทนที่ด้วยความหมันไส้เหลือร้ายตามประสาผู้หญิงหวงของ นัยน์ตากลมมองจิกปานคมมีด ถ้ามันสามารถกรีดเฉือนแผ่นหลังบางได้อี้ชิงคงโดนกรีดสาหัสพอตัว

     

    “เธอกับครอบครัวเธอต่างหาก ที่เป็นสาเหตุทำให้ฉันต้องเลิกกับแฟน” จื่อเทาเปรยกลับเป็นคำตอบ ก่อนหันตัวกลับเดินไปทางเดิมที่เพิ่งจากมาไม่สนใจสาวคู่หมั้นตัวร้าย

     

    ชีวิตคนเรานี่ยิ่งกว่านิยายพวกบุญมีมากพอๆกับบาปอย่างลูกตระกูลนักธุรกิจชีวิตก็ยิ่งกว่าลุ้นหุ้น ใครจะคิดว่ามีความสุขในชีวิตวัยรุ่นอยู่ดีๆ ต้องมาหมั้นเกี่ยวดองกับพวกลูกนักการเมืองดุลอำนาจเงิน รวยแต่ไม่มีชีวิตเป็นของตัวเองทุกสิ่งอย่างต้องอยู่ในกรอบของผู้ถือตนเป็นศูนย์กลางใหญ่ดั่งจักรพรรดิมันดีตรงไหนกัน

     











     

    ถ้าเลือกได้ก็อยากเป็นคนธรรมดา ที่ไม่ได้เกิดบนกองเงินแล้วใช้บาปด้วยการผูกชีวิตกับคนที่ไม่มีใจด้วย...











     

    จางอี้ชิงหมดอารมณ์จะเดินต่อ ของทุกอย่างที่ซื้อในวันนี้ถูกจัดวางไว้บนเคาน์เตอร์ ให้พนักงานแคชเชียร์สาวสีหน้าแบกโลกทั้งใบจับสินค้ากระแทกเครื่องสแกนบาร์โค้ดเป็นว่าเล่น ถ้าเป็นคนประเภทมนุษย์ป้าพนักงานสาวที่อยู่ประจำเครื่องในกะนี้คงได้โดนบ่นเรื่องการบริการที่ยอดแย่ อี้ชิงยืนมองของต่างๆถูกจับกระแทกโต๊ะแล้วยัดใส่ถุงไปเรื่อยเปื่อย ไม่รู้สึกหงุดหงิดเหมือนพวกลูกค้าต่อคิวจากเขาที่เริ่มบ่นกับการคิดเงินเหมือนเป็นเจ้าของสินค้าเอง

     

    เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงจากห้างถึงหอพัก ถุงมากมายถูกวางไว้ข้างเตียงในห้องพักขนาดพอเหมาะสำหรับสองคน ดวงตากลมใสหันมองรอบๆห้องพักที่แบ่งเป็นสามส่วน เปิดประตูเข้ามาเจอกับโซนนั่งเล่น ถัดเข้ามาด้านซ้ายเป็นส่วนของห้องนอนซึ่งปกติมีสองเตียงแบ่งคนละฝากฝั่ง แต่เนื่องจากผู้เช่ารายใหม่ขออยู่คนเดียวเตียงอีกตัวจึงถูกยกไปแทนที่ด้วยโต๊ะทำงาน ชั้นหนังสือ และตู้เสื้อผ้า ปีกขวาเป็นโซนห้องน้ำอีกห้องและห้องครัว มองโดยรวมกันแล้วถือว่าน่าอยู่และปลอดภัยสมคำโฆษณาของลีมินโฮ

     

    สามชั่วโมงผ่านไปกับการจัดของตกแต่งห้องว่างเปล่าให้มีสีสันตามสไตล์เจ้าของห้องคนใหม่ พอสวมปลอกหมอนใบโตเสร็จร่างโปร่งก็ล้มตัวนอนหนุนหมอนอย่างหมดแรง การทำงานหนักๆช่วยให้คนเราลืมเรื่องมากมายได้จริงอย่างที่เคยได้ยินมา เขาสามารถลืมเรื่องโสมมและความเจ็บปวดของร่างกายในเหตุการณ์เมื่อค่ำคืน ลืมความเจ็บที่ใจเมื่อช่วงสายได้โดยไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับมันอีก แม้แต่ความหิวที่ควรจะมีเพราะตลอดทั้งวันได้รับเพียงขนมปังสอดไส้หนึ่งก้อนและน้ำเปล่าอีกสามขวด เวลานี้นอกจากความเหนื่อยและความภูมิใจหลังจัดห้องเสร็จก็มีเพียงความง่วงที่อี้ชิงรู้สึกถึงตอนนี้ เจ้าของร่างกายเหนื่อยล้าฝืนลุกจากเตียงไปอาบน้ำชำระเหงื่อไคล แล้วกลับมานอนอย่างจริงจังเพื่อตื่นจากนิทราในเช้าวันถัดไปอย่างสดใส

     







































     

    ร่างสูงลงจากรถยนต์ราคาสมฐานะเข้าไปในบ้านหลังกะทัดรัดของเขาและครอบครัวภรรยานอกสมรสหลังไม่ได้กลับบ้านมาสี่วัน เนื่องด้วยเหตุต้องเข้าประชุมคณะและภาควิชาอยู่บ่อยๆ ไหนจะต้องอยู่ตรวจงานของเด็กปีสี่ก่อนออกฝึก ความจำเป็นที่รัดตัวทำให้เขาต้องพักอยู่ที่แฟลชเจ้าหน้าที่ของมหาลัย

     

    ที่เขากลับเข้ามาบ้านวันนี้เพราะต้องการรู้สาเหตุของนักศึกษาคนโปรด พ่วงตำแหน่งลูกเลี้ยงที่วันนี้ขาดเรียนในวิชาเขา  เปิดเทอมมาหนึ่งเดือนเศษจางอี้ชิงไม่เคยมีความประพฤติเรื่องโดดเรียนวิชาใด แม้วิชานั้นเจ้าตัวจะไม่ชอบแค่ไหน แต่วันนี้เจ้าลูกม้าตัวน้อยของเขากลับไม่ยอมเข้าทดสอบแลป ซ้ำพาลไม่เข้าคลาสบรรยายในช่วงบ่ายไม่รู้ว่าป่วยหรือต้องการหลบหน้าเขากันแน่

     

    “ป้าครับ อี้ชิงอยู่บ้านรึเปล่า?” บ้านที่ร้างเจ้าของปานบ้านร้างเมื่อทุกคนต่างยุ่งกับงานของตน ทำให้อี้ฟานไม่มีตัวเลือกจะสอบถามนอกจากหญิงชราบ้านติดกันที่เขาจ้างมาช่วยปัดกวาดบ้าน

     

    “อ้าว! คุณผู้ชายไม่รู้หรือคะว่าคุณหนูย้ายออกไปอยู่หอแล้ว” หญิงแม่บ้านตอบปนแปลกใจที่คุณผู้ชายของบ้านไม่รู้เรื่องราวของคนในครอบครัว

     

    “ไม่ครับ ป้าไปทำงานต่อเถอะ” อี้ฟานยิ้มขอบคุณแม่บ้านชั่วคราว ก่อนเดินขึ้นไปชั้นบนของบ้านเพื่อหลบคุยโทรศัพท์ในห้องโล่งที่เคยเป็นห้องของจางอี้ชิง

     

    /โทรมาถามเรื่องน้องชายของผมสินะครับพ่อเลี้ยง/ ปลายสายที่อี้ฟานต่อสายเพื่อพูดคุย ตอบรับอย่างรู้ทันความคิดผู้ติดต่อ

     

    “ใช่ แล้วจางอี้ชิงอยู่ที่ไหนล่ะ?”

     

    /คุณก็สอนที่มหาลัยนั้นน่าจะรู้นะครับว่าพวกเรียนสายหมอเข้าพักอยู่หอไหน แล้วอย่าลืมสำเนาทะเบียนบ้านไปอ้างสิทธิ์ญาติขอเข้าหอพักด้วยนะครับ บาย/

     

    คำตอบที่เป็นประโยคย้อนถามแถมคำแนะนำจากลูกเลี้ยงคนโต ทำให้เขาพอใจจนอยากจัดของสมนาคุณชุดงามให้กับคิมรยออุค อี้ฟานกลับไปที่รถอีกครั้งแล้วขับออกไปยังหอพักของอี้ชิง











     

    รอรับบทลงโทษได้เลยเด็กน้อย...









































     

     

     

    “อาจารย์ว่าไงบ้าง?”

     

    /แค่บอกคาบหน้าให้เอาใบรับรองแพทย์ไปให้ แล้วตามงานให้ทันเดี๋ยวฉันถ่ายรายละเอียดงานที่จดไว้ส่งให้นายละกัน ตอนนี้ขอไปแต่งตัวก่อนเดี๋ยวไปงานสโมสรกับพ่อไม่ทัน /

     

    “อืม ขอบใจมากนะจุนมยอน  บาย”

     

    โทรศัพท์ถูกวางบนบนเตียงหลังจบบทสนทนากับเพื่อนสนิท อี้ชิงลุกขึ้นยืนยืดเส้นยืดสายไล่ความง่วงล้าจากฤทธิ์ยาไมเกรน พอไม่ไปเรียนแล้วรู้สึกชีวิตไร้ค่าพิกล ถึงจะมีเหตุจำเป็นเพราะป่วยก็เถอะ แต่ชีวิตเรื่อยๆเอื่อยๆของคนไม่มีงานการทำ กว่าจะผ่านไปแต่ละชั่วโมงเป็นอะไรที่ทรมานกว่านั่งทำข้อสอบ  จะเปลี่ยนชุดออกไปข้างนอกก็ไม่รู้จะไปไหน ได้แต่หมกตัวนอนกลิ้งอยู่ในห้องแคบๆ จนความเบื่อและง่วงซึมเข้าครอบงำตัวเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า

     

    อี้ชิงเดินออกจากห้องนอนไปหาอาหารเย็นทานในรอบที่ห้าของวัน เขาหยิบอาหารแช่แข็งที่ซื้อมาตุนไว้เข้าเครื่องเวฟละลายความเย็น ไม่คิดจะทำอาหารเองให้วุ่นวาย เชื่อเถอะว่าถ้าเขาโดดเรียนมานอนป่วยอยู่หอบ่อยๆ ได้อ้วนตุ่ยบวกเงินหมดบัญชีแน่

     




     

    ติ๊ง!

    ก๊อกๆๆ

    ไม่นานเสียงสัญญาณหยุดการทำงานของเครื่องอำนวยความสะดวกก็ดังขึ้น พร้อมๆกับเสียงเคาะประตูหน้าห้องของแขกไม่ได้โทรนัด อี้ชิงสวมถุงมือแล้วหยิบกล่องพลาสติกร้อนออกมาวางบนโต๊ะทานข้าว ก่อนไปเปิดประตูให้แขกที่อาจจะเป็นหนึ่งในเพื่อนของเขา

     

    อู๋อี้ฟาน!

    ประตูที่เคยเปิดรอต้อนรับแขกรีบผลักตัวหวังจะปิดไล่ แต่ก็เหมือนเหตุการณ์เดจาวูที่เกิดขึ้นซ้ำๆ ที่อี้ชิงผลักปิดประตูแต่อีกคนขวางไว้ได้ ในเมื่อเขาเลี่ยงหลบหน้าคนที่เขาไม่อยากเจอหน้าได้ก็ต้องยอมเปิดประตูประจันหน้ากับอี้ฟานให้จบเรื่องไปถึงจะไม่อยากทำก็เถอะ อี้ชิงเดินออกไปยืนหน้าห้องก่อนปิดประตูตามหลัง

     

    “คุณขึ้นมาได้ยังไง?”

     

    ร่างสูงชูกระดาษสองใบที่เป็นสำเนาทะเบียนบ้านของเขากับอี้ฟาน “บอกยามหน้าหอว่ามาหาลูก”

     

    เห็นเอกสารยืนยันความสัมพันธ์ทางบ้านแล้ว เพิ่งนึกได้ว่าเขาอนุญาตให้ญาติเข้าออกหอพักได้ แต่ต้องมีเอกสารยืนยันสถานะทางครอบครัว

     

    “แล้วมีธุระอะไรกับผมหรอครับ?”

     

    “เข้าไปคุยกันในห้อง”

     

    อี้ชิงสบถเสียงเบา มือยังคงจับที่ลูกบิดไม่ยอมขยับเปิดต้อนรับตามคำขอแขกไม่ได้รับเชิญ “ไม่ครับ อยากพูดอะไรก็พูดมา”

     

    “ก็เอาสิ ถ้าอยากให้คนทั้งหอรู้ความสัมพันธ์ของฉันกับเธอ” ร่างสูงขยับเข้าไปยืนชิดมือทั้งสองข้างยกค้ำประตู หวังแกล้งให้อีกคนเป็นจุดสนใจของคนที่เดินผ่านไปมา คำขู่เรื่องเปิดเผยสถานะฉันชู้สาวของอาจารย์กับลูกศิษย์ มันมีผลกับอี้ชิงอยู่ไม่น้อย

     

    มือบางยอมบิดลูกบิดเปิดประตูแล้วถอยหลังเข้าห้องให้ร่างสูงเดินเข้าไปด้านใน อี้ฟานปิดประตูล็อคประตูแทนเจ้าของห้องพัก อี้ชิงเดินนำอีกฝ่ายไปนั่งบนโซฟาตัวยาวตัวเดียวที่มีอยู่ในห้องรอร่างสูงตามมานั่ง แต่อีกคนแทนที่จะนั่งห่างพอเหมาะตามมารยาทที่ควรเป็น อี้ฟานกลับนั่งเบียดชิดกับเขาจนแทบจะเกยตักกันอยู่แล้ว

     

    ให้ตายเถอะอี้ชิงไม่น่าไว้ใจผู้ชายคนนี้เลย!

     

    “นี่คุณ ที่เยอะแยะทำไมต้องมาเบียด?” อี้ชิงปราดมองอีกฝ่ายอย่างไม่ชอบใจ จะลุกเปลี่ยนไปนั่งอีกฝั่งก็ถูกดึงให้ลงนั่งตัก พร้อมแรงสวมกอดที่รัดแน่นจนกระดิกตัวแทบไม่ได้ “คุณอี้ฟานปล่อยผม”

     

    “อยากให้ฉันปล่อยก็อ้อนสิ” เสียงทุ้มกระซิบแผ่วใกล้ๆหูของคนบนตัก ริมฝีปากอุ่นกดจูบบนใบหูทำอีกฝ่ายต้องย่นคอหนี แล้วหันมองคนกระทำการอุกอาจลวนลามเขา

     

    ไม่ว่าจะมาหาอี้ชิงด้วยอารมณ์แบบไหน อู๋อี้ฟานก็ยังรักษาความมักมากในกามารมณ์ได้คงที่ เรื่องที่คิดจะไล่ถามคุณลูกเลี้ยงตัวดีมลายหายไปจากลิสต์รายการชั่วขณะ เพราะกว่าจะหลอกล่อลูกม้าตัวน้อยให้ยอมเปิดประตูเข้าคอกได้ใช่เรื่องง่ายซะที่ไหน ตอนนี้สิ่งที่เขาต้องการคือการลงโทษเด็กดื้อที่หนีออกจากบ้านให้สลบคาอกเขา

     

    “อ่ะ คุณอี้ฟาน...อย่าครับ” อี้ชิงร้องห้ามอีกฝ่ายที่เริ่มรุกนัก มือบางยกขึ้นไปดันอกแกร่งหวังให้เข้าละใบหน้าจากลำคอ แต่ไม่เป็นผลกับเสือหิวที่ต้องการล่าเหยื่อมื้อเย็น

     

    ยิ่งห้ามยิ่งผละหนีพยัคฆ์ร้ายยิ่งอยากล่าให้เหยื่อศิโรราบทำตามคำสั่ง มือหนาตะโบมบีบเคล้นบั้นท้ายนุ่ม ไล่ไต่ขึ้นสอดมือเข้าไปลูบไล้แผ่นหลังเนียน จนเจ้าของร่างต้องแอ่นตัวผลัดรับผลัดหลบสัมผัสแสนวาบหวาม

     

    “พอได้แล้ว!” สติสัมปชัญญะสุดท้ายผลักร่างสูงให้เลิกกระทำการรุ่มร่ามกับร่างกายเขา อี้ชิงลุกขึ้นยืนถอยห่างจากบุคคลอันตรายไปอยู่อีกฝากของโต๊ะกั้น “ถ้าไม่มีอะไรจะพูดกับผมก็กลับบ้านไปเถอะ”

     

    อี้ฟานกระตุกยิ้มขัน นิ้วชี้ลูบริมฝีปากที่ยังหลงเหลือความอุ่นหวานจากร่างหอม นัยน์ตาคมยังคงจ้องมองร่างบางที่ยืนหายใจหอบอยู่อีกฟากฝั่ง “อาฮะ...กลับบ้าน...กลับไปบอกความจริงกับปาร์คกยูริว่าฉันเพิ่งมีอะไรกับลูกชายเธอ...ทั้งสองคน”

     

    “คุณอี้ฟาน!” คนถูกคุกคามตะเบ็งเสียงอย่างโกรธเกรี้ยว

     

    ปกติอี้ชิงเป็นคนที่มีความอดทนสูง เวลามีเรื่องถ้าไม่ถึงที่สุดจะไม่ลงมือสะสางเองแต่ก็ใช่ว่าจะยอมคู่กรณี และอี้ฟานเป็นคนแรกที่ทำให้อี้ชิงอารมณ์เสียได้ทุกครั้งที่เจอกัน

     

    แค่อีกฝ่ายเข้ามาอยู่ในฐานะพ่อเลี้ยงในเวลาที่ไม่สมควรก็แย่พอแล้ว นี่ยังจะสร้างเรื่องควบทั้งสถานะพ่อและสามีของคนในบ้าน คนรักความถูกต้องอย่างอี้ชิงพอจะมีวิธีไหนบ้างที่ทำให้เขาหนีจากผู้ชายร้ายกาจคนนี้ได้

     

    “ฉันให้โอกาสเธอเลือกอีกครั้งว่าจะยอมเป็นเมียฉันอีกคน หรือให้แม่เธอรู้เรื่องของเรา?” ร่างสูงบนโซฟานุ่มเอ่ยข้อเสนอที่อี้ชิงไม่สามารถปฏิเสธได้

     

    “ก็เชิญขี่ม้าสามศอกไปบอกสิครับ” อี้ชิงท้าทายกลับ ถึงจะกลัวผลที่จะตามมาหลังกยูริรู้ความสัมพันธ์ แต่ก็ยอมเสี่ยงหากมันทำให้อู๋อี้ฟานหายไปจากชีวิตเขา

     

    “อยากให้แม่เธอรู้จริงหรือเด็กน้อย?” อี้ฟานถามย้ำความต้องการ “ถ้ามันเป็นเรื่องราวใหญ่โตจนฉันกับแม่เธอต้องเลิกกัน คนที่จะเสียใจคือเธอนะอี้ชิง”

     

    “....”

     

    นั่นสินะถ้าสองคนนั้นเลิกกันจริงมันก็ไม่ได้มีผลกระทบอะไรกับผู้ชายคนนี้เลยสักนิด เผลอๆยิ่งเปิดโอกาสให้อู๋อี้ฟานหาโอกาสมาข่มเหงเข้าได้ง่ายขึ้น คนที่จะเจ็บมากที่สุดคือแม่ของเขาที่ทั้งรักทั้งหลงผู้ชายคนนี้ และอี้ชิงคือฝ่ายที่ต้องรู้สึกผิดกับตราบาปการเป็นเมียน้อยโดยไม่ได้ตั้งใจ เธอคงจะไม่ยกโทษให้ลูกอย่างเขาแน่ๆและจากความสัมพันธ์แม่ลูกที่ห่างเหินอยู่แล้ว ยิ่งจะมองหน้ากันไม่ติดตลอดชีวิต

     

    แล้วอี้ชิงจะทำอะไรได้อีกล่ะนอกจากต้องจำยอม...

     

    อี้ชิงยืนชั่งใจก่อนที่สองเท้าจะค่อยๆขยับพาร่างกายก้าวเข้าหาคนบนโซฟาอย่างจำนนต่อโชคชะตาตน ริมฝีปากอิ่มเม้มนั่นกลั้นก้อนสะอื้นแห่งความแค้นละคนสังเวชตัวเอง เข่าข้างขวายกตั้งบนเบาะนิ่มตามมาด้วยเข่าซ้าย บั้นท้ายนิ่มกดทับท่อนขาแกร่ง ในหัวย้อนทวนถามตัวเองอยู่ซ้ำๆว่าจะดีดดิ้นหนีเขาไปทำไม ในเมื่อสุดท้ายก็ต้องมานอนอ้าให้เขาเชยชมอย่างไร้ซึ่งศักดิ์ศรี เพื่อรักษาความลับคาวโลกีย์ที่ไม่อาจแพร่งพรายให้ใครรู้โดยเฉพาะผู้เป็นบุพการี

     

    “เด็กดี...” เสียงทุ้มเอ่ยชม

     

    หลังนิ้วชี้เกลี่ยไล้ปรางเนียนที่ขบฟันแน่นจนรู้สึกได้ แต่มีหรือว่าอี้ฟานจะสะทกสะท้านกับการต่อต้านไร้เสียงของคนบนตัก เขาชอบเวลาอี้ชิงพยศดื้อเพราะมันปลุกสัญชาตญาณนักล่าในตัวเขา ยิ่งขัดขืนอี้ฟานยิ่งอยากย่ำยีให้เปื้อนราคี






















     

    อี้ชิงลุกจากเตียงในกลางดึกด้วยสภาพเนื้อกายช้ำพร่ามลทิน เขาไม่คิดหันมองเจ้าของร่องรอยบนตัวที่หลับสบายอยู่บนเตียงหลังเสพสุขจากร่างกายเขา ร่างบางเดินไปหยิบเสื้อคลุมอาบน้ำบนราวตากผ้าเช็ดตัวก่อนเข้าไปอาบน้ำ และมันไปต่างจากครั้งแรกหลังมีสัมพันธ์ประเวณีกับคนเป็นพ่อเลี้ยง เนื้อตัวแดงช้ำยิ่งขึ้นเมื่อเจ้าของร่างลงแรงขัดถู เสียงสะอื้นในลำคอถูกกลบด้วยเสียงสายน้ำจากฝักบัว ช่องทางด้านหลังที่ไม่ใช่ทางร่วมเพศถูกสองนิ้วขูดเกี่ยวไล่น้ำข้นขุ่นน่ารังเกียจออกจากตัวจนเป็นแผลได้เลือดพาลเจ็บแสบ

     

    การย้ายออกจากบ้านมาอยู่ยิ่งเหมือนเปิดโอกาสให้อี้ฟานกระทำการได้ตามใจตน อี้ชิงอยากจะโทรบอกคนเป็นแม่ให้มาลากสามีตัวดีของเธอกลับไป แต่เขาก็รู้ผลลัพธ์หลังกยูริรู้เรื่องอัปยศระหว่างสามีและลูกของเธอ แน่ล่ะว่าผู้หญิงที่หลงใหลและเทิดทูนอู๋อี้ฟานคนนั้นไม่มีทางเชื่อปากคำลูกชายที่เธอไม่เคยคิดแม้จะอุ้มไปดื่มนมจากอกตั้งแต่เล็ก

     

    ยิ่งไปกว่านั้นอี้ชิงคงได้โดนคำด่าสาปแช่งจากแม่แท้ๆ แม้ตลอดสิบแปดปีอี้ชิงจะไม่เคยได้ยินคำว่ารักหรือได้รับความรักแบบที่แม่ลูกเขามีให้กัน แต่อี้ชิงก็รักแม่ของเขาเกินกว่าจะหาเรื่องรำคาญใจไปสุ่มให้เธอต้องเครียด

     

    เขาไม่รู้ตัวว่าเข้ามาขังตัวเองในห้องน้ำนานกี่นาทีแล้ว แต่ดูจากรอยแดงฉาดบนตัวจากฝีมือตัวเองมันคงนานเกินครึ่งชั่วโมง อี้ชิงปิดก๊อกอ่างล้างหน้าหลังแปรงฟันเสร็จก่อนเดินไปเช็ดตัวแล้วสวมเสื้อคลุมออกไปเผชิญหน้ากับความจริง

     

    ร่างอ่อนแรงเดินออกจากห้องนอนไปยังส่วนของห้องครัว มือบางหยิบกล่องพลาสติกที่ภายในยังมีข้าวอยู่เต็มกล่องทิ้งลงถังขยะอย่างไม่นึกอยากเสียดาย แล้วเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบขวดน้ำมาเปิดรินใส่แก้วใบใสก่อนยกดื่มหวังปรับอารมณ์ภายในด้วยความเย็นจากน้ำ






     

    “นอนไม่หลับหรอ?” เสียงทักถามพร้อมแรงสวมกอดจากด้านหลังไม่ได้ทำให้อี้ชิงตกใจกับมัน เจ้าของร่างที่ถูกสวมกอดยังคงนิ่งเฉยปล่อยให้ริมฝีปากร้อนจูบตามลาดไหล่ที่โผล่พ้นขอบเสื้อ

     

    “คุณได้ในสิ่งที่ต้องการก็ควรกลับไปได้แล้ว” อี้ชิงเอ่ยปากไล่แทนที่จะตอบคำถาม มือบางแกะมืออีกฝ่ายออกก่อนเดินไปนั่งบนโซฟาที่เคยเป็นรังสวาทเมื่อหลายชั่วโมงก่อน เขามองคราบน้ำขาวขุ่นบนเบาะนั่งอย่างขยักแขยงก่อนยื่นไปหยิบกระดาษเช็ดชู่มาเช็ดคราบโสมมเหล่านั้นออกจากเบาะ

     

    “เรื่องไล่ผัวนี่เก่งเหลือเกินนะ” อี้ฟานเดินมาพิงกรอบประตูห้องนอน มองคนตัวเล็กที่เพ่งอยู่กับการทำความสะอาดโซฟา

     

    “ที่ไล่เพราะกลัวเมียหลวงเขาจับได้ว่าคุณมาสวมเขาให้เขาถึงหอลูก นี่ผมเป็นห่วงคุณนะครับอี้ฟาน” หันมายกยิ้มเหยียดให้อีกคน แล้วลุกเดินเอาซากกระดาษไปทิ้งถังขยะ ใจจริงก็อยากพูดว่ารังเกียจไม่อยากเห็นขี้หน้าเลยอยากไล่ให้หนีไปไกลๆ แต่ถ้าทำอย่างนั้นเชื่อเถอะในอีกหนึ่งวินาทีข้างหน้า คนที่มีเพียงผ้าเช็ดตัวพันเอวอยู่ได้เข้ามาเล่นกิจกรรมวิตถารกับเขาโทษฐานกล้าปากดีอีกรอบแน่

     

    “หึ ช่างเป็นเมียน้อยที่น่ารักเสียจริง”

     

    “เหอะ” อี้ชิงแค่นเสียงใส่แล้วกลับไปนั่งที่เดิม พลางเปิดทีวีดูข่าวช่วงดึกก่อนรายการวาไรตี้ ทำเป็นไม่สนใจคนที่ยังคงยืนโชว์หุ่นล่ำสมส่วนอยู่หน้าห้อง

     

    “พรุ่งนี้เก็บของด้วยล่ะ”

     

    คำสั่งจากอี้ฟานเรียกสายตาที่จดจ้องหน้าจอสี่เหลี่ยมผืนผ้าให้ละสายตามาอีกฝ่าย “เก็บทำไม?”

     

    “จะพาไปอยู่คอนโด” อี้ฟานตอบคำถามแล้วเดินเข้าไปนั่งข้างๆร่างบาง

     

    “ใครจะไปอยู่กับคุณกัน”

     

    “เธอไงล่ะที่รัก”

     

    “ถามความสมัครใจผมรึยังครับ?”

     

    “อยากอยู่ที่นี่ก็ได้ ถ้าไม่กลัวว่าใครจะรู้เรื่องของเรา แล้วก็ไม่ต้องคิดย้ายหอหนีก่อนล่ะเธอคงรู้นะว่าฉันทำอะไรกับเธอได้บ้าง” อี้ฟานกระตุกยิ้มเมื่อเขาสามารถทำให้ลูกม้าตัวน้อยเกิดอารมณ์เดือดได้อีกหน

     

    “คุณมันเผด็จการอี้ฟาน”

     

    “นั่นถือว่าเป็นคำชม” จมูกโด่งโน้มลงกดเนื้อแก้มนุ่มที่เจ้าของไม่มีโอกาสได้ตั้งหลักจึงถูกเขาฉวยหอมแก้มไปเต็มฟอด

     

    “ผมเกลียดคุณอี้ฟาน” อี้ชิงกัดฟันข่มความโกรธก่อนลุกกระแทกเท้าเดินตึงตังหวังกลับเข้าห้องนอน แต่ต้องหยุดชะงักกับคำเตือนย้ำความจำของอี้ฟาน

     

    “อย่าลืมว่าฉันมีเวลาให้เธอถึงพรุ่งนี้”

     

    “ไม่ ต่อให้คุณเอาโซ่มาลากผมออกไปผมก็ไม่ไปกับคุณ!” คนถูกบังคับย้ายที่อยู่กระชากเสียงตอบกลับ แล้วเดินหนีเข้าห้องนอน ส่งท้ายการพยศด้วยเสียงดังปังของประตูไม่เกรงใจคนข้างห้อง

     

    เจ้าตัวคงไม่รู้ว่ายิ่งเกลียดอี้ฟานมากเท่าไหร่เขายิ่งอยากเข้าหามากเท่านั้น...




















     

    อี้ชิงยืนขมวดคิ้วด้วยอารมณ์ที่เดือดเตรียมเหวี่ยงได้ทุกเมื่อหากโดนจี้ต่อมระเบิด มองห้องพักโล่งเปล่าไม่หลงเหลือข้าวของส่วนตัวของเขาเลยสักชิ้น ยิ่งรู้สาเหตุการหายสาบสูญของของทั้งหมดยิ่งเพิ่มเลเวลความโกรธให้กับเจ้าของห้อง เชื่อเถอะว่าหมาขี้เรื้อนหน้าหอพักยังฟังภาษาคนรู้เรื่องมากกว่ามนุษย์ที่ชื่ออู๋อี้ฟาน บอกไปไม่รู้กี่ร้อยครั้งแล้วว่าเขาจะอยู่ที่นี่ไม่ย้ายไปไหน แต่อีกฝ่ายกลับให้คนมาขนของของอี้ชิงออกจากห้องตอนเขาออกไปเรียนพร้อมจ่ายเงินค่าห้องล่วงหน้าให้เจ้าของหอ ทั้งที่คนทำสัญญาเช่าไม่รู้เรื่องและไม่ได้ยินยอมยกเลิกสัญญา

     

    “คุณให้เขามาขนของของผมไปได้ยังไงครับ นี่มันไม่ต่างจากการลักขโมยผมสามารถแจ้งความจับคุณกับเขาได้เลยนะ” อี้ชิงหันมาเอาเรื่องกับเจ้าของหอพัก

     

    “ระ...เรื่องนี้คุณต้องเป็นคนไปเคลียร์กับผู้ปกครองเองนะครับ เพราะตามกฎนักศึกษาที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะเราสามารถให้ผู้ปกครองมาจัดการย้ายของกลับบ้านได้ ซึ่งเขาก็บอกว่าคุณหนีออกจากบ้านมาอยู่หอทั้งที่เขายังไม่อนุญาต เราจึงให้เขาทำเรื่องย้าย” เจ้าของหอพักที่ยืนเหงื่อตกอยู่นาน รีบอธิบายปัดปัญหาไปให้ครอบครัวเขาแก้ไขกันเอง

     

    อี้ชิงกัดฟันพยายามข่มโทสะไม่เผลอไประเบิดใส่คนไม่รู้เล่ห์เหลี่ยมของคนเป็นพ่อเลี้ยง ร่างโปร่งจำยอมคืนคีย์การ์ดแล้วโค้งลาเจ้าของหอก่อนเดินลงจากหอพัก มือบางล้วงมือเข้าไปหยิบเครื่องมือสื่อสารในกางเกงออกมากดติดต่อไปยังสายที่ต้องการ รอปลายสายกดรับอยู่ครู่หนึ่งจึงเริ่มเอ่ยบทสนทนา

     

    “จุนมยอน นายวนกลับมารับฉันที่หอหน่อยสิ...”






     

    คิดจะมัดมือชกคนอย่างจางอี้ชิงฝันไปเถอะอี้ฟาน!

     

        





















    -----------------------------------------------------------------------
    กลับมาอีกครั้งกับพาร์ทเต็มของฟิคแนวsm ที่ไรต์รัก5555
    เหมือนมีรีดเดอร์หลายคนไม่เข้าใจว่าทำไมอี้ต้องยอมให้เขาข่มเหง
    มันไม่มีอะไรมากเลยนะก็แค่ความสนุกของเรา ไม่ใช่ละๆ
    ทุกอย่างตามพล็อตตลาดเลยจ้า...เพราะแม่

    พอมาเจออิพ่อเลี้ยงบังคับไปอยู่ด้วยอี้ชิงก็ดื้อไม่ไปซะงั้น
    เอาละสิพี่อู๋เราจะทำไงกับลูกม้าจอมดื้อของตัวเองว้า?


    ฝากติดตามด้วยนะคะ #klรักต้องห้าม




     

    O W E N TM.
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×