ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO Period] เหมยสวาท [KrisLay]

    ลำดับตอนที่ #10 : ตอนที่ ๘.สิ่งล้ำค่าที่หายไป

    • อัปเดตล่าสุด 28 มี.ค. 57


     

     สิ่งล้ำค่าที่หายไป

     

     

    มิอาจรู้ว่าการเวลาผ่านนานไปเท่าไหร่ ไม่เคยได้รับรู้ว่าใครอีกคนไกลห่างตนไปมากแค่ไหน อี้ฝานรู้เพียงแค่ชีวิตและหัวใจที่ตนมีรอเพียงเหมยงามจากโคมเขียว รอเพียงร่างลอออรกลิ่นผกาแม้ตัวเขาจะหมั้นหมายกับสตรีเพราะคำแม่

     

    “ท่านพี่อี้ฝานมีสาสน์จากวังหลวงเรียกเราทั้งสองร่วมถวายพระพรองค์ชายน้อยซิ่วหมินในวันนี้ขอรับ” จื่อเทาเดินเข้ามาบอกกล่าวข่าวสารจากวังใหญ่ให้ผู้เป็นพี่ได้รับรู้

     

    “หลังจากวันประสูติจนถึงตอนนี้ก็สิบสี่วันแล้วสินะ...รวดเร็วจนใจหาย” รำพึงเพียงรำพังก่อนพยักหน้ารับคำน้องร่วมบิดา

     

    “ท่านพี่คะ ข้าขอเข้าวังด้วยนะคะ” หญิงผู้มีตำแหน่งคู่หมั้นหมาดๆ ของแม่ทัพแห่งโจวเฉิงเดินเข้ามาอ้อนประชิดคู่หมั้นหนุ่มยอมตามใจ

     

    “เจ้ามีกิจอันใดต้องเข้าเฝ้าองค์ชายห้า” อี้ฝานไถ่ถามเสียงนิ่งเฉยนึกรำคาญความล้ำเส้น แต่ต้องผ่อนปรนไม่เอ็ดกล่าวเพราะนางคือคนโปรดของมารดาขืนทำตัวขัดใจนางเรื่องยิ่งมาก

     

    “ข้าจะไปเข้าเฝ้าเพื่อฝากตัวในฐานะว่าที่ภรรยาของท่านแม่ทัพอู๋อี้ฝานยังไงล่ะคะ” สตรีสาวแย้มยิ้มหวานแล้วเดินหายกลับห้องตนเพื่อแต่งงามเตรียมเข้าเฝ้า

     

    “ผู้หญิงนี่ก็กะไรช่างเพ้อฝันดั่งกวีนิยายรัก วันข้างหน้าจะเป็นเช่นไรมิอาจรู้ยังกล้าวาดฝันเสียสวยหรู” คุณชายคนเล็กแห่งจวนอู๋แอบบ่นทิ้งท้ายว่าที่สะใภ้ใหญ่

     

    “ปล่อยนางเพ้อฝันตามใจเถิดจื่อเทา กาลเวลาจะทำให้นางเรียนรู้ว่าความจริงไม่ได้สวยงามดั่งสรรสร้าง” อี้ฝานเอื้อมมือหยาบตบบ่าน้องชายให้ใจเย็น

     

    “หากวันนั้นชายฮวาไม่ทิ้งท่านพี่แล้วสาบสูญ ในวันนี้ท่านคงมีสุขไม่ต้องมายืนอมทุกข์แล้วเพียรปล่อยวางเพราะหญิงที่ไม่ได้รักอย่างซูจี” เทานึกย้อนถึงวันวานแล้วต้องถอดใจ

     

     

     

     

     

     

    บุตรตรีผู้ว่าไต่เต้าขึ้นมาถึงขั้นนี้มีหรือว่าจะปล่อยอี้ฝานเป็นอิสระจากกรงนาง...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    สองบุรุษชาตรีแม่ทัพหนุ่มจากจวนอู๋และหนึ่งสตรีพริ้มพรายคู่หมั้นหมายในท่านแม่ทัพผู้พี่ เดินย่างกรายเข้าตำหนักกลางขององค์ชายโอเซฮุนพร้อมถวายความเคารพเจ้าของห้องและชายา

     

    “ไม่เจอกันเกือบสองเดือนเจ้าดูอิดโรยนะอี้ฝาน ไม่สบายรึ?” องค์ชายห้าทรงตรัสถามอาการของขุนนางคนสนิทที่ร่วมเรียนเคียงรบกันแต่เด็กจนโต

     

    “ขอบพระทัยที่ทรงห่วงข้าองค์ชายห้า ข้าเพียงแต่มีเรื่องทุกข์ใจเป็นส่วนตัวมิได้เจ็บป่วยแต่อย่างใดพะย่ะค่ะ” อี้ฝานทูลรายงานเกี่ยวกับตนตามความสัตย์ไม่ให้ผู้เป็นนายต้องนึกห่วง

     

    “ดีแล้วๆ วันนี้ข้าไม่ได้จะให้เจ้ามาร่วมยินดีกับพรรษาของซิ่วหมินเพียงเรื่องเดียว ข้ามีอีกเรื่องที่อยากจะบอกกับสหายทั้งสองให้รับรู้” คำตรัสที่เรียกความสงสัยจากสองหนุ่ม แต่กับชายาลู่หานคือความเจ็บที่ฝังลึกมิอาจกลั่นกรองด้วยวาจา

     

    “เรื่องใดกันที่องค์ชายมีประสงค์จะตรัสเล่ากับพวกกระหม่อม?” แม่ทัพหนุ่มทูลถามอย่างฉงน

     

    “เรื่องพระสนมของเรา” องค์ชายเซฮุนตรัสเฉลยก่อนลุกจาพระที่นั่งเสด็จเข้าไปในห้องบรรทม แล้วกลับออกมาพร้อมสนมยอดดวงใจและลูกน้อยวัยแบเบาะ

     

    พระสนมบุรุษเพศร่างสะครางดั่งสตรี ผิวพรรณละเอียดดุจอาภรณ์ไหมเนื้อเนียน โครงหน้าเรียวมนนวลผ่องดั่งจันทรา สิ่งล้ำค่าที่เลือนหายจากอี้ฝาน

     

     

     

     

     

     

    จางอี้ชิง...

     

     

     

     

     

     

    อยู่ใกล้กันเพียงเอื้อมมือแค่ม่านสูงขวางกันให้พบเจอ ไม่คาดคิดมินึกฝันว่าคนที่ตนรักจะแปรผันความรักเราเป็นคนใหม่ ที่มีพร้อมทั้งรูปโฉมละอำนาจอยู่สูงส่งเกินโน้มกิ่งผกากรองให้เข้าหา

     

    ความดีใจที่ได้พบแทรกซ้อนด้วยความเคืองโกรธและเจ็บร้าวที่ถูกหลอกให้รักแล้วตีจาก อี้ชิงในวันนี้ช่างสวยสดน่าเชยชมเสียยิ่งกว่าคราอยู่ในหอนางโลมเมื่อรักกัน

     

    ยากจะคิดเข้าข้างตนว่าอีกฝ่ายมีเหตุจำเป็นต้องอยู่ที่ตรงนี้ นางสวยและมีสุขเกินกว่าจะหลอกใจว่าอยู่อย่างระทมทุกข์ในวังใหญ่

     

     

     

     

     

     

    เป็นสนมคงดีกว่าเป็นฮูหยิน...

     

     

     

     

     

     

    “สนมเอกของเราเหมยจื่อเซ่อ..” องค์ชายแห่งโจวเฉิงแนะนำสนมจากหอฮวาให้สองสหายได้รู้จัก

     

    จื่อเทาผลินหน้ามองผู้เป็นพี่ที่นั่งอยู่ใกล้กันว่าเขามีท่าทีอย่างไรกับสนมชายของสหายสูงศักดิ์ พอเห็นว่าพี่ชายยังนิ่งเฉยตนก็ต้องพลอยแสดงบทไม่เคยพบเจอหรือรู้จักสนมผู้นี้ตามเกมพี่

     

    “ถวายบังคมพระสนมเหมยจื่อเซ่อ” ทั้งสามลุกขึ้นโค้งคำนับบุรุษมากยศหนึ่งในชายาของนายหนุ่ม

     

    “มะ..ไม่ต้องทำความเคารพข้าก็ได้ขอรับ” ระฆังหวานเอื้อนเอื่อยเสียงเบาหวิว เนตรวาวใสทอดมองชายร่างสูงมีสตรีงามพริ้มเคียงกายอย่างบอกศักดิ์

     

     

     

     

     

     

    คะนึงถึงชายในใจรัก

    อยากเข้าหาแนบชิดเฉกวันเก่า

    แต่มิอาจตามใจตนให้กระทำ

    เพราะเราต่างมีคู่ครองขวางทางใจ

     

     

     

     

     

     

    “มันเป็นกฎที่ขุนนางพึงกระทำ เจ้าจงชินเสียเถิดเหมยของข้า” สวามีที่เพียงนึกว่าสนมงามเกร็งตนเมื่ออยู่สูงเอ่ยประโลมให้ผ่อนคลาย

     

    “พะย่ะค่ะ...” สนมหนุ่มรับคำตรัสก่อนอุ้มนัดดาน้อยส่งมอบให้มารดาตัวจริง

     

    “ขอบใจเจ้ามากที่ช่วยดูแลซิ่วหมิน” พระชายาแย้มยิ้มจากใจให้สนมงามที่อาสามาดูแลองค์ชายน้อยระหว่างที่พระนางต้องทรงงาน

     

    “ข้าน้อยยินดีพะย่ะค่ะพระชายา” เหมยงามตอบรับพร้อมวาดยิ้มสกาวหวานให้หญิงสาว

     

     

     

     

     

     

    สองชายารักใคร่แสนปรองดองช่างเป็นภาพน่ายินดีสำหรับสวามีเช่นเซฮุน...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “ที่เอ่ยว่าสิ่งใดก็มิอาจตัดโซ่เจ้าจากหอนางโลม เหตุแท้จริงคืออยากปีนตัวให้อยู่สูงสินะพระสนม” คำเหยียดหยันเรียกร่างโปร่งหยุดก้าวเดิน แล้วหันมองชายล่ำสันเจ้าของวาจาที่ดักรอตนในสวนพืชพันธุ์สูง

     

    “มันไม่ใช่เฉกเช่นที่ท่านกล่าว อ่ะ..” อยากอธิบายความแท้ให้กระจ่าง แต่อารมณ์โมโหร้ายจากชาตรีหยุดทุกอย่างให้เงียบงันเมื่อมือหนากระชากต้นแขนละมุนแล้วฉุดดึงให้เดินตามเข้าไปในป่ารก

     

    “แล้วความจริงคืออันใดเล่าพระสนม เพราะจวนแม่ทัพมันเล็กน้อยมากสินะถึงใฝ่ตัวเข้าวังใหญ่มากข้าหลวง” แววตากร้าวจ้องมองร่างในอาณัติที่มองกลับอย่างผิดหวัง

     

    “กล่าวหาข้าเกินไปแล้วท่านอี้ฝาน ไม่คิดฟังความจริงจากปากข้าโปรดอย่าเหยียดหยามใจกันจะได้ไหม” ร้องขอทั้งน้ำตาหวังอีกฝ่ายจะฟังตนบ้าง

     

     

     

     

     

     

    เพียงแค่รับฟังกันสักครั้ง...

     

     

     

     

     

     

     “แล้วอะไรคือความจริงจากปากเจ้า” ถามเสียงเรียบเย็นไม่ได้สงบแต่ก็ไม่ได้เดือดจนเกินห้าม

     

    “แม่...แม่ของข้าถูกจับคุมประกันข้าให้จองจำในกามา ไม่มีผู้ใดสามารถซื้อข้าจากหอสวาทแม้จะประเคนเงินตรามากมายจนหมดตัวก็ซื้อตัวข้าออกไม่ได้”

    “ฮึก...เว้นเสียแต่ข้าจะยอมเป็นเครื่องบรรณาการถวายเชื้อพระวงศ์ในวังนี้ ถะ...ถ้าอยากให้แม่ได้ออกสู่โลกนอกคุกข้าต้องยอมเป็นสนมขององค์ชายเพื่อแม่ ฮึก..ฮือออ” คำสารภาพจากชายสะครางหยุดใจร้อนให้นิ่งคิด

     

    ควรเชื่อในวาจาคนที่หักอกตนอย่างเลือดเย็นเพราะน้ำตาและสงสารเช่นนั้นหรือ ตลอดเวลาอี้ชิงมิเคยบอกเรื่องตนให้เขารู้ทั้งๆที่บอกว่ารักกันปานหมดใจ แต่ฉะไหนวันนี้กลับยินยอมตกเป็นของผู้อื่นง่ายดายไม่ขบคิดแล้วมาบอกว่าทำไปเพราะแทนคุณมารดาตน

     

     

     

     

     

     

    ยอมเพราะแม่หรือหวังในยศและลาภสูง...

     

     

     

     

     

     

    “จะโกหกกันไปอีกกี่ครา เหมยกิ่งคาวเช่นเจ้าจะหลอกข้าอีกนานแค่ไหนกัน!” ตวาดกลับเสียงลั่น ไม่เกรงกลัวทหารยามจะได้ยินแล้วพบเห็น  

     

    “ฮึก...ข้ายืนยันคำสัตย์จริงที่เอื้อนเอ่ย ข้าไม่เคยโกหกท่านเลยท่านอี้ฝาน” ยืนยันวาจาตนแม้อีกฝ่ายจะปิดกั้นไม่เชื่อมั่นในสิ่งนี้

     

    “จะแท้จริงหรือลวงหลอกเจ้าก็ดูมีความสุขมากกว่าครั้งจองจำในฮวาโลกีย์ ข้าขอแสดงความยินดีในยศที่ท่านพึงหวังพระสนมเหมยจื่อเซ่อ” ผละถอยห่างจากร่างหอมระรินแล้วโค้งคำนับชายสูงยศเกินแตะต้อง

     

    “อย่า..ท่านอี้ฝาน..อย่าเอ่ยกับข้าชะ..” อาจเพราะเครียดหนักหรืออื่นใดสนมอนงค์แทบลมพับลงพื้นภพหากอี้ฝานไม่วิ่งเข้ารับตัว

     

    “อี้ชิง!! เจ้าเป็นอะไรไปอี้ชิง!” เอ่ยถามร่างนิทราหวังอีกคนจะลืมตาตอบกลับตนแต่ไร้ผล สองแขนแกร่งโอบอุ้มนางกลับออกจากสวนป่าเข้าตำหนักสนมของนางเอง

     

    ข่าวการป่วยของสนมคนสำคัญสร้างความอลหม่านยิ่งนักทั้งหมอหลวงและนางกำนันต่างวิ่งวุ่นเข้าออกตำหนักพระสนมกันวุ่นวาย จนงานถวายพระพรพระนัดดาซิ่วหมินต้องยกเลิกโดยฉับพลันเพื่อมาดูอาการสนมเอกของบิดา

     

    “อาการนางเป็นอย่างไรหมอหลวง” องค์รัชทายาทคยูฮยอนเสด็จมาดูอาการน้องสะใภ้ด้วยองค์เองตามประสงค์ของฮ่องเต้

     

    “กราบทูลองค์รัชทายาทและองค์ชายห้า เพลานี้พระสนมเอกทรงครรภ์ได้เดือนเศษแล้วพะย่ะค่ะ” หมอหลวงกล่าวรายงานอย่างเปี่ยมสุขที่วังโจวเฉิงจะมีนัดดาน้อยเพิ่มอีกองค์

     

    “เหมยฮวาท้อง...” ผู้เป็นสวามีทวนคำรายงานหมอ

     

    สององค์ชายเสด็จออกจากตำหนักต่างนิ่งเงียบไม่มีผู้ใดเอ่ยวาจา เหล่าขุนนางและนางวังที่ตามมาดูอาการสนมคนดีของวังใหญ่ยืนรอฟังคำวินิจฉัยจากหมอหลวง

     

    “หมอหลวงวินิจฉัยว่าพระสนมทรงครรภ์” องค์ชายคยูฮยอนตรัสเล่าให้ทุกคนได้รับฟังพร้อมยิ้มยินดีกับน้องชายที่นิ่งเงียบอยู่เนิ่นนาน

     

     

     

     

     

     

    อี้ชิงท้อง?

     

     

     

     

     

     

    แม่ทัพใหญ่แทบหน้าชาหลังฟังคำตรัสจากองค์รัชทายาท นางท้องกับชายอื่นที่ไม่ใช่ตนฟังแล้วช่างเจ็บปวดยิ่งกว่าถูกหลอกเสียยิ่งนัก ใจที่เคยเฝ้ารอให้นางหวนกลับมาคงยากจะคืนหวนแล้วจริงๆ

     

     

     

     

     

     

    คงเป็นตนไม่ใช่ซูจีที่ต้องตื่นจากฝันหวาน...

     

     

     

     

     

     

    “เข้าวังได้ไม่ทันไรก็มีนัดดาน้อยให้องค์ชายห้าเสียแล้ว...มิน่าเล่าองค์ชายเซฮุนถึงรักหลงในรูปโฉมแลมารยาของนางนัก” ซูจีเอ่ยลอยเรืองแต่จงใจให้คู่หมายได้ยินมัน

     

    “อยู่ในเขตพระราชฐานของวังหลวงจะพูดอันใดโปรดระวังวาจาด้วย” ชายร่างสูงเอ่ยเอ็ดหญิงข้างกายให้สำรวมกิริยา

     

    “อยู่ในวังแต่รอบกายเราไม่มีใครข้าพูดไปก็ไม่เสียหายโดนต้องโทษ แต่บุรุษที่คิดปองใจสนมหลวงน่าเกรงกลัวต้องโทษทัณฑ์ยิ่งกว่าใครจริงหรือไม่คะพี่อี้ฝาน” ยิ้มสะใจในชัยที่ได้รับก่อนเดินขึ้นรถม้าเตรียมกลับจวน

     

    “ท่านพี่แต่งกับแม่นางซูจีเมื่อใด วันนั้นจวนคงวอดวายเพราะปากนาง” จื่อเทาเอ่ยอย่างนึกชังว่าที่สะใภ้ใหญ่ของจวนอู๋

     

     

     

     

     

     

    ไม่มีสตรีใดทำให้เบื่อระอาได้เหมือนซูจี...

     

     

     

     

     

     

    “อยากทำอันใดก็ปล่อยนาง ถ้าแต่งจริงข้าจะย้ายไปประจำการแถบชายแดน” ผู้เป็นพี่ตอบเสียงเรียบนิ่งไม่แสดงอารมณ์ใดๆออกมาอย่างเด่นชัด

     

    “จะเป็นเรื่องดีกว่านี้ถ้าไม่ได้ตบแต่งกัน...” บุรุษหนุ่มอวยพรกลับเสียสวยหรู

     

     

     

     

     

     

    เมื่อใหร่ฮูหยินใหญ่แห่งจวนอู๋จะเปิดตามองธาตุแท้ของสะใภ้คนโปรดหรือต้องรอให้บ้านร้อนแล้วแก้ไข...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “ฟื้นแล้วรึเหมยจื่อเซ่อ” เสียงหวานอุ่นตรัสไถ่ถามชายลออบนเตียงสา

     

    “พระชายา...” เอ่ยขานยศหญิงสาวพลางขยับกายหวังลุกนั่ง

     

    “อย่าเพิ่งขยับตัวเลยเหมยฮวา...เจ้านอนพักต่อไปเถิด” หัตถ์เนียนขาวห้ามปรามพลางประคองร่างงามให้นอนเตียง

     

    “ข้าน้อยไม่เป็นไรแล้วพะย่ะค่ะ ให้ข้าเดินเหินออกห่างเตียงเถิดพระชายา” คนป่วยทำตัวแกร่งเว้าวอนสตรีสาวให้ยินยอม

     

    “เป็นน้องอย่าขัดคำพี่สาวสิ คนกำลังท้องต้องดูแลตัวเองมากๆรู้ไหมน้องของเรา” ดุน้องร่วมสาบานพร้อมลูบผมอย่างเอ็นดู

     

    “ทะ...ท้อง..ข้าน้อยท้องหรือพะย่ะค่ะ” สีหน้าจากว่าจืดจางก็ยิ่งซีดเผือดเมื่อได้รู้สาเหตุที่ล้มป่วย

     

    “ใช่..เจ้าท้องน้องซิ่วหมินเรายินดีด้วยนะเหมยฮวา” กล่าวยินดีกับน้องชายแม้ลึกๆพระนางจะเจ็บปวด

     

    คนถูกแสดงความปรีดาสติหลุดลอยไม่รับรู้คำกล่าวใด มือขางบางเอื้อมทาบทับชีวิตใหม่ในท้องพร้อมน้ำตาอยากอดกลั้น

     

     

     

     

     

     

       -------------------------

    เอาดราม่าพอคลุกคลิกเดี๋ยวงอแงกัน-..-

    ในที่สุดสนมเราก็ป่องป๊องยินดีด้วย เย้ๆๆๆ!!!

    องค์ชายหมินๆมีน้องแล้ว (ใครจะมาเป็นน้องพี่หมินดี?)

     

    มีแฟนเหมยม่วงคุยกับไรต์เป็นส่วนตัวอย่างดีใจ ขอบคุณที่รักน้องเหมยคนดีนะเจ้าคะ^^

    ฉะนั้นอย่าลืมเม้น อย่าลืมโหวตนะที่รัก เดี๋ยวเหมยม่วงงอนนะเอิงเอย

     

    ไรเตอร์รักรีดเดอร์ จุ้บๆ
















     

     
    :-Daisy ✿
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×