คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ✖ Forbidden Love ✖ -Part:1-
✖ Forbidden Love ✖
-Part:1-
คุณเคยเกลียดใครสักคนชนิดเกลียดเข้ากระดูกดำจนชาติหน้าก็ไม่อยากเจอหน้าเขามั้ย?
แล้วคุณเคย...รักคนต้องห้ามรึเปล่า?
เคยเฝ้ามอง เคยแอบฝันถึง จนดูตะเกียกตะกายกับฝันลมๆแล้งๆนั่นมั้ย?
-คำถามเหล่านั้นมันคือความรู้สึกที่เกิดกับผมในตอนนี้-
แท็กซี่เคลื่อนมาจอดสนิทอยู่หน้าประตูรั้วบ้านหลังพอเหมาะกับจำนวนสมาชิก ผู้โดยสารขาประจำที่คุ้ยเคยกับคนขับแตะบัตรค่าโดยสารก่อนเอ่ยลาพร้อมนัดแนะให้มารับในอีกวัน ร่างเพรียวโปร่งมีผิวขาวผ่องคล้ายน้ำนมบริสุทธิ์ลงจากรถก่อนเดินไปไขประตูหน้าบ้านแล้วก้าวเดินเข้าไปด้านใน
เท้าเย็นๆเพราะอากาศติดลบจากข้างนอกสวมใส่สลิปเปอร์ยังไม่ทันอุ่นก็แทบอยากถอดทิ้ง แล้วออกจากบ้านไปเที่ยวเตร่ฆ่าเวลาอีกสักสามชั่วโมง ไม่ก็รอดึกจนหลับตายกันทั้งบ้านค่อยกลับเข้ามาใหม่ ใบหน้าหวานหงิกเล็กน้อยกับเสียงครางสวาทและบทรักท้าอากาศสุดจะบัดสีของผู้เป็นแม่และพ่อเลี้ยงอายุเด็กกว่าเธอเกือบหกปี ที่ระเริงรักกันแต่หัววันอยู่บนโซฟาหน้าโทรทัศน์
จางอี้ชิงขอสาบานว่านับจากวันนี้จะไม่นั่งโซฟาโสมมนั่นอีก!
เด็กหนุ่มเดินผ่านสองร่างที่นอนก่ายกอดกันบนโซฟา เหมือนพวกเขาทั้งคู่เป็นเพียงหมอนอิงสองใบวางซ้อนกันอยู่ อี้ชิงเดินกระแทกส้นเท้าขึ้นบันไดเพื่อไปห้องของตนที่อยู่กึ่งกลางระหว่างห้องของแม่กับพ่อเลี้ยงและห้องของพี่ชาย พอเข้ามาถึงห้องได้อี้ชิงแทบจะก้มกราบธรณีประตูอย่างสำนึกบุญคุณที่ช่วยกันเสียงน่ารังเกียจไม่ให้เล็ดลอดเข้ามาในห้อง สองขาที่ล้าจากการยืนรับน้องขยับเข้าไปใกล้เตียงก่อนวางกระเป๋าเป้ใบโปรดไว้หัวเตียงแล้วทิ้งตัวนอนคว่ำหน้าอย่างหมดแรง
ไปเรียนไปร่วมกิจกรรมรับน้องว่าเหนื่อยแล้วกลับบ้านมาต้องหนีหน้าคนที่แสนเกลียดนี่เหนื่อยกว่า เข้าสำนวนที่ว่าเกลียดสิ่งไหนเจอสิ่งนั้นจริงๆ ยิ่งอี้ชิงเกลียดพ่อเลี้ยงนั่นมากเท่าไหร่ก็ยิ่งต้องเจอกันทุกวันโดยเฉพาะคาบเรียนชีวะพื้นฐานที่เขาไม่สามารถหันหน้าหนีหรือแสดงอาการขยักแขยงได้ตามใจเพราะหมอนั่นเป็นอาจารย์ประจำวิชา นี่ต้องโทษอี้ชิงที่เลือกเรียนสัตวแพทย์หรือโทษอู๋อี้ฟานที่เสล่อย้ายมาสอนมหาลัยที่เขาเข้าเรียน?
ก๊อกๆๆ
คนในห้องที่กำลังจะเคลิ้มหลับต้องจำใจตื่นแล้วลุกขึ้นไปเปิดประตู แค่เห็นหน้าของคนตัวสูงกว่าผู้มีศักดิ์เป็นอาจารย์ในคณะและพ่อเลี้ยง ประตูที่เคยเปิดต้อนรับรีบขยับจะปิดหนี แต่ด้วยขนาดตัวและแรงในร่างกายที่ต่างกันทำให้ร่างสูงหน้าห้องผลักเข้ามาในห้องลูกเลี้ยงได้สบายๆ เจ้าของห้องรู้ว่าเปลืองน้ำลายจะเอ่ยปากไล่จึงถอยหลังรักษาระยะห่างแขกไม่อยากรับเชิญ
“มีอะไร?” เขาเอ่ยถามเร่งเข้าเรื่องจะได้ไล่คนที่มีแต่ผ้าขนหนูปิดช่วงล่างไว้กันอุจาดให้รีบออกจากห้อง
“ไม่มี แค่อยากมาทักทายลูกเลี้ยงคนสวย” พ่อเลี้ยงคนดีตอบคำถาม พลางจ้องมองดวงตาวาวสวยของลูกเลี้ยง
“อือ สวัสดีตอนเย็นครับคุณพ่อเลี้ยง เอ...หรือคุณพี่เขยกันแน่ ผมงงจัง” อี้ชิงเอ่ยทักทายปนยอกย้อนผู้ชายตรงหน้า ริมฝีปากอิ่มยกยิ้มสมเพชคนมักมากที่หากินใต้หลังคาบ้าน
ถึงส่วนใหญ่จะเห็นพ่อเลี้ยงเล่นเซ็กส์กับแม่ของเขา แต่วันไหนที่คนแม่ต้องไปต่างประเทศ บทสามีบำเรอรักก็ไปตกอยู่ที่พี่ชายของเขา ซึ่งหมอนั่นก็เล่นด้วยไม่นึกอายต่อบาปที่สองคนนั้นร่วมกันสวมเขาหักหลังแม่ คนห้องกลางอย่างเขายิ่งรู้มากยิ่งเกลียดจนอยากหนีออกไปอยู่ข้างนอก ถ้าไม่ใช่เพราะคำสั่งเสียของพ่อแท้ๆก่อนจากไป ท่านฝากให้เขาดูแลแม่และพี่ชายจ้างให้อี้ชิงก็ไม่มีทางทนดูภาพแม่ลูกใช้สามีคนเดียวกันหรอก
“ถ้าไม่รู้จะเรียกอะไรนักก็เรียกฉันว่าคุณผัวสิ” คนตัวใหญ่เดินเข้ามาประชิดตัวเด็กน้อยของบ้าน แสยะยิ้มถูกใจกับแววตาที่กระตุกสั่นเพราะประหม่า
อี้ชิงมองคนที่กำลังจะคุกคามตนอย่างรังเกียจปนระแวงภัย ก่อนเอ่ยบริภาษตอกกลับหน้าข่มความกลัว “จะให้ผมเรียกคุณว่าผัว ผมยอมใช้คำนั้นกับวัวควายในฟาร์มยังรู้สึกดีกว่า”
“ก็เอาสิ ระหว่างวัวควายที่เธอคลุกคลี กับคนที่นายหนีหน้าอย่างฉันใครมันจะได้เป็นผัวของนายก่อนกัน” อี้ฟานผลักร่างโปร่งลงเตียง แล้วคลานขึ้นไปแทรกตัวเข้ากลางหว่างขาก่อนทิ้งลำตัวทาบทับกายหอมที่พยายามจะคลานหนี
“ปล่อยผม!!!” กายเปราะบางขยับดิ้นให้หลุดจากพันธะนาการน่าสะอิดสะเอียน แต่มดตัวน้อยที่มีพิษสงเยอะหรือจะสู้มือมนุษย์มากกำลัง
ไม่ใช่ครั้งแรกที่คนเป็นพ่อเลี้ยงมาพูดจาแทะโลมลูกคนเล็ก แต่นี่เป็นครั้งแรกที่อีกฝ่ายหวังจะเข้ามาตักตวงผลจากอี้ชิง ร่างสูงอยู่กินกับแม่หม้ายสาวลูกติดมาตลอดห้าปีไม่เคยรู้สึกพิศวาสหรือพอใจในตัวลูกเลี้ยงคนเล็ก กับคนโตคือความพึงพอใจในเรื่องเซ็กส์ที่ไม่ผูกมัดหรือเรียกร้องอะไรหลังจบเกมตัณหา จึงกลายเป็นคู่ขาลับหลังภรรยาตน
ความสนใจในตัวอี้ชิงคงมาเริ่มเอาตอนที่เด็กน้อยอยู่ปีสอง อี้ชิงดูความเอิบอิ่มมีน้ำมีนวลสวยสะดุดตาขึ้น จนเขาแทบไม่อยากจะเชื่อว่านี่เป็นเด็กคนเดียวกันกับเด็กแว่นหนาท่าทางขี้อาย พอมารู้ทีหลังว่าเคล็ดลับความสวยของอี้ชิงคือการถูกเปิดบริสุทธิ์จากเพื่อนชายร่วมห้องที่คบหากันมาสองปี ก็ทำให้อี้ฟานเริ่มรู้สึกสนใจเพชรเม็ดงามที่ตนเผลอปล่อยให้หลุดมือเป็นปีๆ
จนเกิดความโลภที่อยากเก็บเนื้อหวานไว้กินคนเดียวทั้งแม่ทั้งลูก...
อี้ฟานไม่สนใจเสวนาต่อบทความให้เมื่อยปาก ริมฝีปากร้อนตรงเข้าฉกกัดจุดอ่อนของร่างเด็กข้างใต้ ที่เขาเคยใช้นิ้วทดลองเกลี่ยไล้มานับครั้งไม่ถ้วน แค่ถูกแตะต้องก็ทำกายนิ่มมืออ่อนระทวยไม่มีมีแรงขืนสู้ แล้วยิ่งโดนกดจูบสร้างรอยช้ำตามลำคอยิ่งทำให้ร่างกายสวนทางกับความรู้สึก
ใจอยากกรีดร้องปลุกมารดาที่หลับสนิทในห้องให้ออกมาลากตัวสามีสุดที่รักของเธอออกไปจากห้องเขา แต่เสียงที่เปล่งออกมากลับเป็นเสียงหลุดครางน่ารังเกียจ พร้อมกายที่ดิ้นเร้าร้องหาการสัมผัสจากพ่อเลี้ยงที่แสนชัง
“ร่างกายของเธอต้องการฉันมากขนาดนี้เชียวหรือที่รัก อยากให้ฉันตอบกลับแรงๆหรือเอาหวานๆให้เธอคลั่งเจียนขาดใจดีล่ะคนดี?” เสียงแหบปลุกปั่นอารมณ์ด้านมืดคนใต้ร่างให้ร่วมดำเนินบทสวาท
Rrrrrrrrrrrrr
เสียงเรียกเข้าของเครื่องมือสื่อสารในกระเป๋ากางเกงแผดลั่น พร้อมแรงสั่นสะเทือนดับอารมณ์ราคะที่พร้อมสนองขาดสะบั้น มือเรียวผลักคนด้านบนให้ผละออก ก่อนดีดตัวลุกขึ้นไปยืนอีกฟากของเตียงแล้วล้วงเข้าไปหยิบสมาร์ทโฟนออกมารับสายผู้ช่วยชีวิตตน
“ครับ”
/อี้ชิง ฉันมินโฮเองนะ/
“อื้อ ว่าไง” สุ้มเสียงหวานตอบรับปลายสาย ตากลมวาวสบมองร่างสูงที่ยืนอยู่อีกด้านก่อนชี้นิ้วไปที่ประตูเป็นการไล่ผ่านการกระทำ แต่คนหน้าด้านก็ยังยืนกอดอกอยู่กับที่ไม่ยอมขยับตามท่าไล่
/ตกลงวันนี้นายจะไปกินเลี้ยงรุ่นด้วยกันรึเปล่า?/
“ไปสิ” อี้ชิงตอบรับรวดเร็ว
/โอเค ถ้าอย่างนั้นสองทุ่มฉันจะไปรับนะเว้ย บาย/
“อืม บาย” จบบทสนทนาผ่านปลายสายโทรศัพท์เครื่องแพงก็ถูกวางทิ้งไว้บนเตียง
“จะไปไหน?” เห็นลูกเลี้ยงคนสวยเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าไม่สนใจจะต่อกรจึงเอ่ยถาม ร่างสูงตรงเดินเข้าไปยืนช้อนหลังร่างโปร่งบาง เขาจ้องมองคนตรงหน้าเสียดายเนื้อหวานที่เกือบจะได้กินอย่างเปรมอิ่ม
“เรื่องของผม คุณน่ะออกไปได้แล้วก่อนที่ผมจะหมดความอดทนแล้วเอาเรื่องนี้ไปบอกแม่” อี้ชิงหันหลังกลับมาจ้องมองอีกคนที่มายืนขวางหูขวางตา ก่อนปลีกตัวหลบกายใหญ่เข้าไปในห้องน้ำ
การอาบน้ำเตรียมตัวออกไปท่องราตรีในวันนี้ ดูจะทารุณร่างกายตัวเองอยู่พอสมควร ดวงตากลมฉ่ำน้ำทอดมองร่างกายตัวเองที่มีจุดแดงคล้ำพร่าพรายตามลำคอและแผ่นอกปาดแต้มด้วยรอยขูดถูลบรอยน่ารังเกียจ ยิ่งเห็นรอยอัปรีย์นี่ยิ่งรู้สึกขยักแขยงคนที่สร้างรอยและร่างกายของตนที่เผลอสมยอมไป
ความอดกลั้นไม่ให้ปล่อยน้ำตาแห่งความอ่อนแอออกมามันถึงขีดจำกัด หลังมือขาวแปะปัดเครื่องประทินโฉมบนชั้นหน้ากระจกให้หล่นกระจายพื้น ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งกอดเข่าอดกลั้นเสียงสะอื้นไห้ไม่ให้เล็ดลอดออกมาสร้างความเวทนาตัวเอง
การยืนมองผู้ชายคนนั้นร่วมประเวณีกับคนสองคนที่เขารักก็ว่าต่ำทรามสุดจะทนมองแล้ว วันนี้กลับต้องมาเจอสิ่งที่สุดจะบริภาษออกมาเป็นคำพูด มันทำให้จางอี้ชิงหมดสิ้นในความอดทน ขืนเขาทนอยู่ร่วมชายคากับคนเลวบาปหนาเช่นนั้นไม่ช้าก็เร็วคงได้ตกเป็นของมันอีกคน
เขาคงทนอยู่ทำตามคำสั่งเสียของพ่อไม่ได้แล้วจริงๆ...
“หือ นายเนี่ยนะอยากอยู่หอ?” ลีมินโฮหันมองเพื่อนสนิทที่จู่ๆก็มาปรึกษาเรื่องการหาหอพักอยู่อาศัย ก็ร้อยวันพันปีไม่เห็นว่าคนอย่างจางอี้ชิงจะมีความคิดเรื่องอยู่หอ เขาเคยชวนตั้งแต่ยังเรียนม.ปลายด้วยกันเจ้าเพื่อนคนสวยก็ตอบปฏิเสธตลอดแต่ไหนมาวันนี้กลับนึกสนใจกัน
“ใช่ พอจะหาให้หน่อยได้มั้ยล่ะ ขอห้องที่อยู่คนเดียวนะฉันไม่อยากแชร์กับใคร” อี้ชิงตอบยืนยัน พร้อมรีเควสสิ่งที่ต้องการแล้วยกแก้วบรรจุแอลกอฮอล์รสเข้มขึ้นดื่ม
“ก็หาได้ เดี๋ยวจัดการให้ละกัน” เพื่อนร่างสูงเอ่ยรับปากก่อนลุกออกจากกลุ่มเพื่อนสนิท ไปหาเพื่อนในห้องที่นั่งรวมอยู่อีกกลุ่ม
“พ่อเลี้ยงนายเขาทำอะไรอีกล่ะ คราวนี้คงหนักมากสินะนายถึงทนอยู่บ้านไม่ไหว” คนตัวเล็กที่เงียบฟังเหตุการณ์เอ่ยถามบ้างหลังมินโฮลุกจากไป
“เขาเข้ามาปล้ำฉัน ดีที่มินโฮโทรมาถามเรื่องกินเลี้ยงฉันเลยรอดตัว” อี้ชิงบอกเล่าให้คิมจุมยอนฟังไม่ปิดบังเหมือนที่กระทำกับมินโฮ
จุนมยอนเป็นเพื่อนอีกคนในกลุ่มที่สนิทกับอี้ชิงตั้งแต่ประถม เขารู้เรื่องราวของอี้ชิงมากพอกับที่อี้ชิงรู้เรื่องของเขา และเพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัวที่ละเอียดอ่อนจึงกลายเป็นความลับของเพื่อนสองคน ที่ไม่สามารถให้ใครรู้ถึงมันอีกแม้แต่เพื่อนสนิทอีกคนอย่างมินโฮ
“เชี่ย...ดีนะที่ฉันเพิ่งมารู้ไม่งั้นตอนไปรับนายกับมินโฮ คงได้หยิบปืนในรถออกมาไล่ยิงอาจารย์นั่นแน่” จุนมยอนสบถเสียงเบา นึกโกรธแทนเพื่อนจนอยากกลับไปต่อยหน้าผู้ชายคนนั้น ถึงตอนนี้อี้ฟานจะเป็นอาจารย์ที่เขาต้องนอบน้อมอ้อนวอนเกรดก็เถอะแต่ทำแบบนี้มันมากเกินไปแล้วจริงๆ
“ช่างมันเถอะจุนมยอน เขามีโอกาสเข้าถึงฉันแค่วันนี้แหละ ต่อไปฉันก็จะไปอยู่หอแล้วเขาคงไม่บ้าตามไปก่อกวนถึงโน่นหรอก” คนประสบกับเหตุการณ์น่าสังเวชยกยิ้มสบายๆ เก็บข่มความอัปยศไว้ในใจ แล้วแสดงท่าทีเหมือนไม่ใช่เรื่องที่น่าเครียดอะไรมากมายนัก
“ให้จริงเถอะ ไม่ใช่วันสองวันจะตามไปเคาะหน้าห้องหรอกนะ” จุนมยอนเอ่ยคาดเดาความน่าจะเป็น ก่อนยกแก้วขึ้นมากระดกน้ำเมาเข้าปากหวังให้ช่วยดับอารมณ์
“ไปเต้นกันเถอะจุนเหมียนนนน~” อี้ชิงปัดเปลี่ยนเรื่องดึงรั้งเพื่อนให้ออกไปเต้นด้วยกันกลางฟลอร์
กว่างานเลี้ยงจะจบก็ปาเข้าไปเกือบตีสาม รถของมินโฮจอดเทียบหน้าประตูบ้านก่อนที่เจ้าของบ้านจะเปิดประตูออกจากรถหันมาโบกมือลาเพื่อนๆ แล้วเดินเข้าบ้านตัวเอง ขึ้นบันไดยังไม่ทันถึงขั้นบนสุดก็เห็นร่างสูงของพ่อเลี้ยงยืนกอดอกรอรับเขา ทำคนเมาอยู่พอตัวหายเมาเป็นปลิดทิ้ง นัยน์ตากลมกรอกไปมาสุดเอือมระอากับพฤติกรรมเหมือนเจ้ากรรมนายเวรคอยรังควาญ อี้ชิงทำเฉยเมยเดินไปไขประตูห้องตนเองไม่พูดพร่ำทักทายยามฟ้าสางกับอีกฝ่าย ทันทีที่หมุนลูกบิดมือหนาบีบกำข้อมือเขาแล้วผลักเข้าไปในห้องพร้อมกันก่อนปิดประตูล็อคกลอน
“ออกไปจากห้องผมเดี๋ยวนี้” อี้ชิงเอ่ยปากไล่ไม่รอให้อีกคนมีโอกาสพูดหยาบช้าอะไรออกมาก่อน แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรถ้าคนมันยังจะหน้าด้านอยู่ตรงนี้
“อารมณ์ค้างมากสินะถึงออกไประเริงข้างนอกจนเช้า”
“ผมไม่ใช่คนตัณหามากอย่างคุณ อยากมากนักก็กลับไปอินดอร์กับแม่ผมสิหรือไม่ก็กับพี่ชายผมโน่น ออกไปได้แล้วครับคุณอี้ฟาน” ลูกเลี้ยงคนสวยเอ่ยไล่อีกหน ทำเอาคนฟังถึงกับสบถคำหยาบเสียงต่ำ
“ฉันไม่ใช่หมูไม่ใช่หมาที่นายจะมาไล่จางอี้ชิง” มือหนาคว้ากระชากไหล่บางพลิกหันหลังพิงกับผนังห้อง ก่อนตรงเข้าประชิดจาบจ้วงริมฝีปากอย่างหื่นกระหาย
“อึก อื้อ!!” ถ้าจูบนี้เป็นของคนที่ชอบพอคงจะรู้สึกดีจนแทบอยากถวายตัว แต่เพราะมันเป็นจูบจากอี้ฟานผู้ชายที่เป็นทั้งพ่อเลี้ยงและคนที่เขาแสนเกลียด ความเร่าร้อนชวนใจหวิวกลบแทนที่ด้วยความสะอิดสะเอียนจนอยากอาเจียนออกมาเสียเดียวนี้
อี้ฟานที่รู้ถึงปฏิกิริยาโต้ตอบแสนเดียดฉันท์ก็ยอมผละจูบออกแล้วจ้องหน้าคนในอาณัติ “ทำไม รังเกียจฉันมากนักรึไง”
“ใช่ ผมรังเกียจคุณยิ่งกว่าสัตว์เดียรัจฉานบางตัวซะอีก ออกไปได้แล้วก่อนที่ผมจะตะโกนเรียกแม่กับพี่ออกมาดูความเลวทรามของคุณ” สาบานเถอะว่าอี้ชิงเองก็แปลกใจกับความปากร้ายระดับสิบของตัวเอง อาจเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ดื่มไปเยอะพอสมควรถึงทำให้เขากล้าโต้ตอบคนตรงหน้ามากกว่าที่เคย
“คิดว่าฉันกลัวหรือเด็กน้อย” คนตัวสูงกระชากลูกเลี้ยงออกมายืนกลางทางเดินไร้แสงนีออน แล้วตะปบร่างบอบบางเข้าชิดประตูหน้าห้องของเขากับมารดาเหยื่อเนื้อหอม “เอาสิที่รักร้องเรียกแม่กับพี่เธอสิ เผลอๆเราอาจจะได้เล่นเซ็กส์หมู่แบบแฟมิลี่เซ็กส์ก็ได้นะ”
อี้ฟานไม่กลัวคำขู่ของเด็กเพิ่งแตกเนื้อหนุ่มดั่งปากว่า หากเด็กตัวจ้อยแหกปากตะโกนร้องเรียกมารดาและพี่ตนจริงมันก็ถือว่าคุ้มถ้าเขาได้ลิ้มลองเนื้อหวานที่เคยพลาดมือ คนแม่อาจเคืองที่เขายุ่งย่ามกับอี้ชิงแต่ไม่ก็กล้าเอาความหรือไล่เขาออกจากบ้านแน่เขามั่นใจ ส่วนคนพี่...ถ้าบอกว่าคิมรยออุคเป็นผู้ร่วมแผนเผด็จศึกน้องชายจะเกิดฉากการบาดหมางของพี่น้องไม่นะ
“คุณ..ปล่อยผม” พอถูกท้าให้แหกปากจริงๆอี้ชิงกลับไม่กล้า ได้แต่พูดพร่ำวอนขอเสียงเบาหวิว ถ้าสองคนนั้นรู้เข้าคนที่จะมองหน้าใครไม่ติดคืออี้ชิงไม่ใช่พ่อเลี้ยงปล้นสวาทนี่ อีกอย่างอี้ชิงก็ไม่อยากมีเรื่องผิดใจกับแม่และพี่ชาย ถึงจะไม่มีความผูกพันอะไรกันนัก อย่างน้อยก็เป็นคนในครอบครัวที่อี้ชิงเหลืออยู่และเป็นคนที่อี้ชิงรัก ถึงพี่ชายเขาจะทำเรื่องสวมเขาให้แม่มาแล้ว แต่อี้ชิงก็ไม่อยากลอบเป็นชู้สามีแม่อีกซ้ำสอง
“เป็นอะไรอีกก็พาออกมาฟ้องแม่เธอถึงหน้าห้องแล้วนี่ไง เปิดประตูสิเขาจะได้รู้ว่าลูกกับผัวจะเอากัน!!” รู้ว่าอี้ชิงไม่กล้าทำอย่างปากขู่ ร่างสูงจึงขึ้นเสียงดังพอที่จะเล็ดลอดเข้าไปในห้องตนที่มีภรรยานอกสมรสนอนหลับอยู่ด้านใน
อี้ชิงสะดุ้งเฮือกกับเสียงขู่ตะโกนจนรีบยกมือขึ้นไปปิดปากคนตรงหน้า ก่อนลากกันกลับเข้าไปในห้องของเขา พอมาอยู่กันตามลำพังอีกครั้งความปากกล้าที่หายไปเมื่อครู่ก็กลับคืนมาอีกครั้ง “คุณมันบ้า!”
“ถ้าเธอไม่ยอมทำตามฉัน ฉันทำได้มากกว่านี้แน่เด็กน้อย” อี้ฟานรวบเอวบางเข้ามาสวมกอด มือข้างว่างยกขึ้นไล้เกลี่ยปรางเนียนขาวก่อนกดฟัดลงไปอีกข้าง
[Cut]
ตามหาในทวิตฮับ
หลังจากร่างสูงของพ่อเลี้ยงที่เพิ่งยัดเหยียดตำแหน่งผัวหมาดๆจากไปแล้ว น้ำตาที่ไม่คิดว่าจะไหลก็เอ่อทะลักออกมาปานเขื่อนแตก อี้ชิงลุกขึ้นนั่งบนเตียงในสภาพทั้งกายมีเพียงแค่เสื้อคลุมอาบน้ำร่างโปร่งลงไปหาเครื่องสื่อสารในกระเป๋ากางเกงตัวเมื่อคืนที่ยังถูกถอดกองไว้ใกล้โต๊ะทำงาน นิ้วเรียวกดปลดล็อคเครื่องแล้วหาเบอร์ที่ต้องการเพื่อโทรออกไปหาเพื่อนรักหวังให้ช่วยจัดการธุระบางอย่างให้เร็วที่สุดภายในวันนี้ได้ยิ่งดี
เวลาไม่ถึงสามชั่วโมงบรรดากระเป๋าเสื้อผ้า กล่องหนังสือ และอุปกรณ์เทคโนโลยีถูกจัดวางไว้ในรถครอบครัวขนาดใหญ่ของลีมินโฮ อี้ชิงตรวจดูความเรียบร้อยเป็นครั้งสุดท้ายก่อนปิดประตูหลัง วันนี้อี้ฟานมีเข้าสอนในช่วงเช้าและเขาก็ไม่มีเรียนทั้งวัน จึงเป็นฤกษ์ดีที่อี้ชิงจะรีบเก็บของย้ายออกจากบ้าน
การย้ายไปอยู่หอกะทันหันไม่ได้เป็นที่น่าแปลกใจของมารดาและพี่ชายของเขาสักไหร่ มิหนำซ้ำผู้เป็นแม่ยังยื่นเครดิตไม่จำกัดวงเงินไว้ใช้จ่ายเหมือนต้องการจะไล่เขาออกไปอยู่เต็มแก่ ส่วนพี่ชายผู้ไม่เคยยินดียินร้ายอะไรกับเรื่องของอี้ชิงนัก วันนี้กลับรีบมาช่วยยกกล่องหนังสือไปใส่ในรถ
“ทำไมถึงเพิ่งคิดได้ว่านายควรย้ายออกไป” พี่คนโตเอ่ยถามน้องระหว่างยืนรอมินโฮพูดคุยกับแม่ของพวกเขา
“หลังรับน้องงานผมเยอะน่ะฮะต้องอยู่ห้องแล็ปดึกๆ เลยคิดว่าอยู่หอคงสะดวกกว่า”
“ไม่ใช่เพราะหนีหน้าพ่อเลี้ยงหรอกหรอ?”
“...!!!.” คำถามอย่างรู้ทันความคิดทำคนมีความผิดติดตัวหน้าซีดเผือด นัยน์ตากระต่ายหลุบต่ำมองพื้นหญ้าไม่กล้าเงยสบตาพี่ชายผู้เป็นภรรยาชู้อีกคนของอี้ฟาน
“นี่...ฉันไม่ซีเรียสกับเรื่องนี้หรอกนะ และไม่ต้องกลัวว่าแม่จะรู้เรื่องนี้ด้วย ก่อนคุณอี้ฟานจะเข้าไปหานายฉันแอบวางยานอนหลับแม่ นี่ฉันใช้แผนเดียวกับตอนที่ฉันกับเขาจะมีอะไรกันแต่แม่อยู่เลยนะ ยินดีต้อนรับเข้าสู่สมาคมสี่ผัวเมียนะจ้ะอี้ชิงน้องรัก” คนเป็นพี่หัวเราะร่าอย่างสะใจที่ตนทำให้น้องชายผู้ทะนง รังเกียจในสิ่งที่เขากระทำลงมานั่งในนรกขุมเดียวกันได้
จางอี้ชิงไม่ชอบในการกระทำของคิมรยออุค เขาเองก็เกลียดความยโสของน้องชายตัวเองเหมือนกัน!
“พี่ทำแบบนี้กับผมทำไม?” คำสารภาพแผนโสมมเหมือนสาดน้ำกรดราดหัวใจอีกคน ถึงอี้ชิงจะไม่เห็นดีเห็นงามกับสิ่งที่รยออุคทำ แต่เขาก็ไม่เคยคิดจะทำลายคนเป็นพี่ต่างกับรยออุค...
“เพื่อความสะใจไงล่ะ” รยออุคตอบกลับไม่ทิ้งเวลานึกปั้นแต่งคำพูด ก่อนพูดอะไรทิ้งท้ายให้เจ้าสาวนามชู้ที่เพิ่งเข้าหอหมาดๆผวาเล่น “ไปอยู่โน่นก็ดีนะ คุณอี้ฟานเขาจะได้ทำอะไรสะดวกไม่ต้องพะวงเรื่องแม่”
“ที่นั่นปลอดภัยใช่มั้ย?”
“อาฮะ”
“มียามเฝ้าน้าหอใช่รึเปล่า?”
“อือ”
“คนนอกเข้าไม่ได้ใช่มั้ยวะ?”
“อืม”
“แล้วแถวนั้นมีตำรวจขับรถตรวจซอยมั้ย?”
“เอาทหารด้วยเลยมั้ยเพื่อน กูจะได้โทรบอกไอ้คุณจุนให้พ่อมันส่งทหารไปคุ้มกัน” มินโฮเริ่มไม่มีสมาธิในการขับรถเพราะคำถามเซ้าซี้ของเพื่อน จึงเอ่ยประชดให้คนขี้ระแวงยอมสงบสติ เขาก็สงสัยว่ามันจะรีบย้ายหอทำไมนักแต่ถ้าถามไปก็รู้ว่าต้องไม่ได้คำตอบ เพราะคนอย่างจางอี้ชิงถ้าเจ้าตัวไม่อยากพูดเอาอะไรมาง้างปากคุณเขาก็ไม่ยอมพูด
ใช่สิ..ลีมินโฮมันไม่ใช่คิมจุนมยอนนี่...
“เหอะๆ โทษทีพอดีฉันอยู่ในช่วงกังวลขั้นวิกฤต” อี้ชิงยิ้มแห้งๆขอโทษขอโพยเพื่อนที่อุส่าห์ตื่นเช้าตามเสียงโทรปลุก เพื่อมาทำเรื่องเช่าห้องแล้วออกไปรับเขาถึงบ้าน
“กลัวคนมาปล้นสวาทรึไงถึงจิตระแวงขนาดนั้น?” ยิ่งกว่าหมอดูพยากรณ์ หมอนี่ดูจากสีหน้าหรืออะไรถึงได้เดาถูกอย่างกับรู้เห็น
“เปล่า...แค่ฉันไม่เคยนอนค้างที่ไหนนานๆไง พอได้ย้ายออกมาอยู่คนเดียวมันเลยกังวล” อี้ชิงสรรหาคำแก้ตัวให้ตัวเอง ซึ่งก็พอใช้หักล้างกันให้ดูน่าเชื่อถือได้ อี้ชิงไม่เคยนอนที่ไหนนานๆจริง ไปค่ายอาสาอย่างมากก็สามคืนแต่นี่ต้องอยู่จนเรียนจบ คนติดบ้านอย่างอี้ชิงก็ต้องระวังเรื่องความปลอดภัยเป็นธรรมดา
“สบายใจหายห่วงเพื่อน หอนี้ปลอดภัย ส่วนมากมีแต่พวกเรียนหมอมันไม่มีเวลามาเคาะประตูขอปล้ำนายแน่ จะมีก็แต่สิ่งเหนือความคาดหมายนั่นแหละ นายไม่ใช่คนกลัวอะไรประเภทนี้อยู่แล้วนี่ใช่มั้ย? ฮ่าๆๆ” มินโฮพูดพร้อมหัวเราะไปกับมุกของตัวเอง โดยที่อี้ชิงไม่ได้รู้สึกอยากมีส่วนร่วมในโจ๊กครั้งนี้เลยสักนิด
มินโฮมันลืมว่าอี้ชิงเป็นคนขวัญอ่อน...
-----------------------------------------------------------------------------
ประเดิมเปิดใหม่ฟิคใหม่กันอีกแล้ว
แนวดราม่าเจ้าเดิมตามที่ถนัด-..-
ยังไงก็ฝากด้วยนะนาย
ความคิดเห็น