ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO Period] เหมยสวาท [KrisLay]

    ลำดับตอนที่ #7 : ตอนที่ ๖.สัญญาณแห่งจากลา

    • อัปเดตล่าสุด 7 มี.ค. 57


     

     สัญญาณแห่งจากลา

    ใกล้สิ้นแล้ว...เหมันต์ใกล้สิ้นแล้ว

    เวลาแห่งการเปลี่ยนผันฤดูใหม่ใกล้แรกเริ่ม

    ฮวาพริ้มเพริศแพรวมลายลา

    ผกาใหม่สลวยพร่าทะยานแย้ม

     




     

    คณิกางามแห่งหอฮวาเดินย่างกรายออกมาจากบ้านพักหลังจบบทรักกับแม่ทัพหนุ่มแห่งโจวเฉิง แก้วเจียระไนทอดมองวิวทิวเขาปล่อยจิตใจไปตามสายลมและไอหนาว

     

    อี้ชิงและร่างสูงพักอยู่ด้วยกันที่เมืองทางเหนือได้สี่วันแล้ว หลังจากสะสางเรื่องราวที่หอนางรมนางก็เอ่ยชวนท่านแม่ทัพเที่ยวต่างเมืองดั่งอำลาฤดูหนาวที่ใกล้จะสิ้นสุด






     

    วันพรุ่งนี้คือวันสุดท้ายของเหมยจื่อเซ่อ...






     

    เพียงแค่นึกใจเจ้ากรรมก็เหี่ยวห่อยากยอมรับ เกิดมาอาภัพในชีวิตเป็นคณิกาบำเรอใคร่แต่ยังหนุ่ม ใกล้กลางคนก็ผันตนเป็นสนมในกรงวังอยากมีชีวิตที่อิสระดุจวิหกน้อยบนนภาแต่นางคงเป็นได้แค่ฮวางามในแจกัน

     

    แรงโอบกอดจากชายรักสร้างอุ่นไอแสนอบอุ่นชโลมใจที่แห้งเหี่ยวให้ชุ่มชื้น ริมฝีปากร้อนจูบซับไหล่ผ่องที่เปิดเผยรับรอยตีตราจากชายหนุ่ม

     

    “ตื่นเช้าจริงอี้ชิง เพิ่งได้นอนเมื่อรุ่งสางมิใช่หรือ” ไถ่ถามร่างลาวัลย์จมูกซนคลอเคลียสูดกลิ่นหอมตามแก้มสาว

     

    “อื้อ...ท่านอี้ฝานอย่าแกล้งข้าสิ เมื่อคืนที่ข้าให้ยังไม่พออีกรึ” หันไปเอ็ดท่านแม่ทัพจอมโฉกฉวย แต่ปรางใสกับระเรื่อแดงจนอีกคนอดไม่ได้ที่จะกดจูบสูดดมความหอมนั้นอีกครา

     

    “ไม่พอ ข้าอยากกอดรักเจ้าเช่นนี้ทุกคืนวันเลยด้วยซ้ำ” ตอบกลับอย่างนึกหวังว่าสักวันเขาจะได้กอดร่างลออนี้เพียงผู้เดียว






     

    ต่อให้ต้องขายจวนจนหมดตัวท่านแม่ทัพผู้นี้จะต้องไถ่ตัวเหมยช่อนี้ออกมาให้ได้...






     

    “ท่านอี้ฝาน...ถ้าวันพรุ่งไม่เป็นอย่างที่หวังท่านจะทำเช่นไรกัน” เหมยพริ้มพรายหมุนตัวเข้าเผชิญเจ้าของร่างกำยำที่โอบกายนางไว้อย่างแนบแน่น

     

    "ไม่ว่าวันพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น ขอให้รู้ไว้ว่าใจข้าเป็นของเจ้า...เหมยม่วง" ยืนยันความในใจที่ตนมีพร้อมจูบประทับหน้าผากมนดั่งลงนาม

     

    “ข้าน้อยมิคู่ควรกับใจท่าน ขอได้ไหมขอรับ...ถ้าสิ้นข้าของให้ท่านครองรักกับชายพริ้มหรือหญิงงามที่ควรคู่” เนตรแสงเศร้าทอดมองกรอบหน้าคมสมชาตรีจดจำลายละเอียดของอีกฝ่ายให้ขึ้นใจ

     

    “เหตุใดถึงพูดเช่นนั้นเล่าอี้ชิง” คำพูดที่ดูจะเป็นลางสร้างความหวาดหวั่นแก่ร่างสูง

     

    “ช...ช่างเถอะขอรับ ขะ...ข้าน้อยแค่พูดเฉยๆอย่าได้สนใจวาจาของข้าเลย ข้าไปเตรียมอาหารเช้าให้ท่านดีกว่า” ผละกายจากกอดอุ่นเลี่ยงคำถามของอีกฝ่ายเข้าไปหุงหาอาหารในครัวบ้าน

     

    ถึงไม่อยากจะเชื่อวาจาว่าหยอกล้อแต่อี้ฝานก็เลี่ยงที่จะเอ่ยคำใดให้ต้องมีปากเสียงกับคนรัก แม้ฮวาแห่งเหมันต์ใกล้โรยราแลจากไป แต่เขาจะทำทุกทางให้ฮวาเป็นสกุณาพร้อมเคียงคู่ปักษาใหญ่เช่นเขาจนนิรันดร

     

    อี้ฝานมองดูอาหารมากมายเรียงรายแทบล้นโต๊ะพลางสลับมองร่างบางที่ยืนยิ้มเชิญตนให้นั่งทานข้าวเช้า ตั้งแต่มาจนวันวานอี้ชิงก็ทำกับข้าวแค่ไม่กี่อย่างให้พอทานเพียงเขาและตัวนาง เหตุใดวันนี้ถึงนึกคึกผัด ต้ม ตุ๋นของมากมายให้ลิ้มรสมากกว่าสอง

     

    “เจ้าจะเลี้ยงฉลองอันใดรึอี้ชิง ถึงได้ลงมือทำกับข้าวมากมายเช่นนี้” เอ่ยถามให้หายข้องใจมือหนาหยิบตะเกียบมาเกี่ยวจับแต่ยังมิแตะต้องของตรงหน้า

     

    “เลี้ยงฉลองที่เราสองคนได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพัง...” ระฆังแก้วตอบปุจฉาให้สิ้นสุด ร่างระหงเดินเข้าไปนั่งบนตักแกร่ง เอื้อมหยิบตะเกียบจากมือหนามาถือครองแล้วจัดการป้อนอาหารฝีมือตน

     

    อย่าว่าแต่วาจาที่แปลแปลกการกระทำวันนี้ช่างดูออดอ้อนเอาใจเป็นพิเศษ คณิกาที่ถ่อมตนกลับกลายเป็นยั่วเย้าเปลี่ยนบริบทเร็วเสียจนตามไม่ทัน






     

    เจ้าคิดจะทำอันใดกัน....































     

    วันทั้งวันอี้ชิงและร่างสูงนั่งพูดคุยสลับเล่นดนตรีขับกล่อมให้เพลิดเพลิน บ่ายยามเย็นก็เดินเหินรอบหมู่บ้านชมร้านรวงตามตึกตรอกชื่นชมวิถีคนเมืองเหนือก่อนแวะหยุดพักเขตธาราใสไร้ผู้คนมาเที่ยวเล่น

     

    “ยามที่แสงจันทร์ต้องผิวน้ำดูสวยงามระยิบตาเหลือเกินขอรับ” กลีบเหมยอิ่มพร่ำชื่นชมดาราบนผืนน้ำที่ระยิบระยับสะท้อนเข้าถึงในแววตา

     

    “แต่สำหรับข้าเจ้าสวยยิ่งกว่าจันทราและนที” กล่าวชมเรียกแก้มปลั่งให้แผดสี

     

    “ออกมาข้างนอกก็ชมวิวมองจันทร์มองดวงดาวสิขอรับ จะมามองข้าทำไมกัน” ร่างบอบบางแสร้งเลี่ยงหนีแต่ถูกอีกฝ่ายจับตรึงกับไม้ใหญ่ไม่ให้นางผลินหายห่างจากตัว

     

    “อะไรกันเล่าอี้ชิง แค่เย้าเพียงนิดก็งอนกันเสียแล้วไม่เอาน่าคนสวย” ง้อชายงามพร้อมยิ้มกริ่มเกลี่ยแก้มใสเนียนละเอียดอย่างเพลิดเพลิน

     

    “ท่านอี้ฝานชอบแกล้งข้าเสียจริงนะ ระวังเถอะข้าได้แกล้งคืนแล้วจะหวาด” กลีบอิ่มวาวขยับบ่น จนอีกฝ่ายนึกอยากจับจูบให้หายจ้อแล้วครวญครางแทนเสียจริง

     

    “แกล้งคืน? ถ้ากล้าก็เชิญ” ชายหนุ่มท้ากลับหาได้เกรงกลัววาจานาง

     

    “กล้าสิขอรับ” ยิ้มพราวหวาน แขนเรียวยกโอบรอบคอร่างสูงดันกายหอมเข้าแนบชิดก่อนพลิกให้อีกฝ่ายพิงต้นไม้แทนที่ตน

     

    โน้มหน้าเข้าใกล้ดวงหน้าคมเสียดผิวกลีบผกาคลอเคลียริมฝีปากอุ่น ก่อนทาบทับกลีบกรุ่นชวนลุ่มหลงมือเรียวนุ่มลูบไล้ต้นคอลงวนเวียนถึงอกล่ำสันผ่านเสื้อแสง

     

    “อืม...” ครางต่ำพึงพอใจกับรสปรนเปรอของชายงาม แขนแกร่งกอดเอวคอดให้ชิดใกล้ มือหยาบกร้านนวดเฟ้นสะโพกกลมกลึงปลุกอารมณ์สวาทให้ลุกโชน

     

    “ท่านอี้ฝานนี่มันข้างนอกนะขอรับ” เบี่ยงตัวหลบจุมพิตสวาทที่ไล่ตามมาประกบจูบ

     

    “แล้วใครใช้ให้เอาคืนวิธีนี้กัน...” มองสบตาอีกคนอย่างอยากจะกลืนกิน จนเจ้าของร่างต้องหลบสายตาไล่ความเขินอายที่นางมี

     

    “ท่านต่างหากที่หื่นกาม” ว่ากล่าวอีกฝ่ายผละกายออกห่างจากอ้อมกอด

     

    “หึ ยอกย้อนเก่งนักนะแม่เหมยม่วง” บีบจมูกโด่งรั้นอย่างเอ็นดู

     

    “ถ้าข้าน้อยอยากลองเปลี่ยนบรรยากาศเสพรสรัก...ท่านสนใจไหมขอรับ?”

     

    “เชิญชวนข้าอีกแล้วแม่เหมยงาม” ยิ้มรับคำชวน ย่างก้าวเข้าหาร่างนวลเปลื้องอาภรณ์ที่ส่องสง่าปะทะแสงจันทร์ชวนลุ่มหลงดั่งมนตรา






























     

    “ดึกดื่นเช่นนี้พวกเจ้าขนข้าวของไปไหนกัน” คำตรัสถามจากพระชายาในองค์ชายเซฮุนหยุดนางข้าหลวงน้อยใหญ่ให้หยุดทำความเคารพหญิงสูงศักดิ์

     

    “พวกหม่อนฉันกำลังเร่งจัดเตรียมตำหนักหลังให้กับสนมคนใหม่ขององค์ชายห้าเพคะพระชายา” นางหัวหน้าข้าหลวงเป็นฝ่ายตอบคำถามหญิงเมียเอกของผู้สั่งการจัดแต่งเรือนหอ

     

    “อืม พวกเจ้าเร่งจัดเตรียมห้องให้สนมขององค์ชายเถิดจะได้กลับไปนอนกันเร็วๆ” ส่งยิ้มละมุนรับโค้งเคารพจากสาวใช้ ลับหลังพวกนางใจลู่หานแทบสลายร่างไร้แรงแต่ทนยืน

     

    ทันทีที่ฟ้าสางตะวันส่องสนมงามจากหอนางโลมก็จะเดินทางเข้ามาในวังหลวง องค์ชายเซฮุนช่างเห่อหลงนางคนใหม่จัดห้องหับอยู่หลายวันก็ไม่เสร็จจวบจนตอนนี้ของเครื่องใช้จากเมืองท่ายังทยอยส่งเข้าวังเพื่อประดับตำหนักสนมใหม่

     

    ครั้นย้อนนึกเมื่อลู่หานเข้ามารับตำแหน่งพระชายาไม่เห็นองค์ชายหนุ่มจะทรงกระตือรือร้นถึงเพียงนี้ ในตำหนักพระองค์เองมีของกี่ชิ้นก็ยังมีอยู่อย่างนั้นไม่เพิ่มเติมหรือลดลง

     

    อย่างว่า ลู่หานคือเมียแห่งการเมือง แต่อีกคนคือเมียที่มาจากความรัก






     

    น่าอิจฉาและสงสารสนมคนงามจากโคมเขียว...






     

    “ห้องเครื่องก็คงจัดอาหารเตรียมรับสนมคนสำคัญอีกสินะ” รำพึงแผ่วเมื่อเห็นกลุ่มควันไฟลอยลอดจากช่องหน้าต่างของห้องเครื่อง

     

    “พระชายา...น้ำค้างเริ่มลงหนักเชิญเสด็จกลับตำหนักเถิดเพคะ” นางกำนันข้างกายเอ่ยชวนนายหญิงตนกลับห้อง

     

    “เจ้าง่วงก็ไปพักก่อนเถิดเรายังนอนไม่หลับ” ปฏิเสธคำชวนแล้วเดินตรงไปยังห้องครัวหลวง ไม่รีรอนางกำนันที่ไม่รู้จะตามไปหรือตามใครมาช่วยห้ามพระชายาให้เสด็จเข้าครัว

     

    “พระชายาลู่หานเสด็จ!!!” เสียงสัญญาณบอกการปรากฏตัวของหญิงงามทำเอาเหล่านางครัวแทบอยู่กันไม่สุกกับอาหารและเครื่องชูกำลังมากมายที่องค์ชายห้าทรงรับสั่งให้ปรุงแต่ง

     

    “ทำงานของพวกเจ้าต่อไปเถอะ เราแค่เข้ามาดูความเรียบร้อยแทนองค์ชาย” บอกเหล่านางในครัวให้หันกลับไปทำหน้าที่เลิกกระโตกตกใจกับการมาของนาง

     

    มือบางเปิดปิดฝาเครื่องเคลือบที่ใช้ครอบเครื่องเสวยหลากหลายชนิดจวบจนไปถึงถ้วยลายวิจิตรที่ดูแปลกตากว่าชิ้นอื่น ครั้นจะเปิดดูขุนนางคนสนิทของสวามีนางกลับรีบยกเครื่องถ้วยชุดนั้นห่างจากชายาของนายหนุ่ม

     

    “อย่าทรงเปิดเลยจะดีกว่าพะย่ะค่ะพระชายา” กล่าววอนขอนายหญิงละความสนใจจากสิ่งที่บรรจุในถ้วยนี้

     

    “ทำไมรึ ในนั้นมีอันใดกันเจ้าถึงให้เราเห็นมันไม่ได้”

     

    “เอ่อ...คือ”

     

    รออีกฝ่ายได้พลั้งเผลอลู่หานก็ใช้จังหวะนี้เข้าฉวยถ้วยครามใบนั้นมาครอบครอง มือขาวนิ่มเปิดฝาถ้วยโถออกเนตรกวางวาวแน่นิ่งกับโอสถในถ้วยงาม






     

    ยากำเนิดบุตร...







     

    นี่รักหลงกันถึงขั้นอยากมีลูกด้วยกันเลยรึไง แล้วนางกับลูกเล่าคือใครมีฐานันดรอันใดนอกจากพระชายาและบุตรในองค์ชายโอเซฮุน มีเพียงเท่านี้ใช่รึไม่ที่เป็นตัวกำหนดตัวตนนางและลูกในวังหลวง

     

    “พระชายา...”

     

    “เอาคืนไปเถิด เราขอโทษที่ขัดคำขอของเจ้า” ยอมยื่นถ้วยยาคืนอย่างระวังกลัวตกแตกเพราะมือที่เริ่มจะอ่อนแรงเกินรับน้ำหนักของถ้วยหนัก

     

    “ข้าน้อยมิบังอาจพะย่ะค่ะพระชายา” รับถ้วยโอสถคืนจากสตรีสาวพลางวางถ้วยลงบนถาดถวายดังเดิม

     

    “เรา...เราออกไปคงดีกว่า” ผละตัวเดินออกจากคนในห้องเครื่องอย่างอดทนกับเรี่ยวแรงที่เริ่มน้อยเกินทนไหว

     

    “พระชายา...เหตุใดต้องวุ่นวายกับเรื่องเรา” วาจาไม่พอใจจากชายผู้เป็นสามีหยุดร่างนวลให้นิ่งงันยอมรับผิดที่มุทะลุก้าวก่ายเรื่องอีกฝ่าย

     

    “หม่อนฉันขอประทานอภัย หม่อมฉัน...”

     

    “หยุดคำแก้ตัวแล้วกลับตำหนักไปบรรทมซะเถิดพระชายาลู่หาน” ออกโอษฐ์ไล่ไม่สนใจวาจาใดๆของร่างระหง

     

    “เพคะองค์ชาย”






     

    ไร้ซึ่งความเห็นใจตั้งแต่คราแรกจวบจวนวันนี้....

     




















     

    ----------------------------
                 ตอนส่งท้ายคู่คริสเลย์TT
                  ต่อไปเป็นดราม่าขั้นสูงนะรีดเดอร์

                      อ่านแล้วเม้นจะเป็นพระคุณไรต์อย่างสูง
                      บทแรกเม้น20 หลังๆเหลือแค่11
                     เห็นแล้วปวดจิต 

         

      




    :-Daisy ✿
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×