คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ ๔.ยากจะหยั่งรู้
ยากจะหยั่งรู้
สิ้นค่ำคืนแสนหวานราวสรรสร้าง
ต้องตื่นตาพบความจริงยากหยั่งรู้
“เมื่อคืนพวกเจ้าเล่นตลกอะไรกัน” เสียงฮูหยินแห่งจวนอู๋เอ่ยตวาดสองทายาทนักเล่นแผลงแต่หัววัน
“ไม่ได้ทำอะไรนี่ขอรับ” อี้ฝานตอบกลับสีหน้าเรียบเฉยไร้พิรุธ
“อย่ามาโป้ปดแม่นะอี้ฝาน” ฝ่ายฮูหยินก็แข็งข้อไม่เชื่อคำ
“หลักฐานล่ะขอรับมีรึไม่” พอพูดไม่ฟังก็ร้องหาหลักฐานมายืนยัน
“จะไปมีได้อย่างไร กว่าพวกข้าจะฟื้นตื่น เจ้าสองคนก็ทำลายมันหมดสิ้น” ฮูหยินอู๋ตอบตามตรงไร้หลักฐานมามัดตัวสองบุรุษตัวดี
“ไม่มีหลักฐานก็มิควรปรักปรำนะขอรับฮูหยิน” คุณชายใหญ่ของจวนเอ่ยก่อนลุกเดินออกจากห้องมารดาโดยไม่ลืมเรียกน้องชายร่วมแผนการให้ออกมาด้วย
“เวลาแม่ใหญ่โกรธนี่น่ากลัวพิลึก” จื่อเทารำพึงพันพลางลูบแขนไล่ความหวาดกลัวให้ลดหาย
“หึหึ ข้าน่ากลัวกว่าท่านแม่เยอะจื่อเทา” คนเป็นลูกชายเอ่ยกับน้องร่วมบิดาเสียงสบายไม่ทุกข์ร้อน
“ท่านพี่อี้ฝานคะ” เสียงเรียกของสาวงามบุตรีผู้ว่าหยุดสองคุณชายให้หันมองก่อนเป็นจื่อเทาที่ขอตัวจากไปให้สองชายหญิงได้พูดคุย
“มีอะไรกับข้ารึคุณหนูซูจี” ชายหนุ่มไถ่ถามถึงธุระของหญิงสาว
“บ่ายนี้ท่านว่างหรือไม่คะ” ดวงหน้าสวยก้มต่ำซ่อนความอายเมื่อต้องพูดเรื่องสำคัญกับบุรุษตรงหน้านาง
“ทำไมรึ” อี้ฝานยังไม่ตอบแต่ถามกลับใจนึกหวั่นอย่างประหลาด
“ท่านแม่ให้ข้ามาเอ่ยชวนท่านไปซื้อผ้าตัดชุดแต่งงานด้วยกัน” ยิ่งต้องพูดเข้าเรื่องสาวเจ้าก็ยิ่งก้มหน้าต่ำแทบชิดอก
แต่งงาน?
นี่ท่านแม่ของเขากับหญิงผู้นี้แอบไปตกลงเรื่องนี้กันตั้งแต่เมื่อใด คิดมัดมือชกไม่ไถ่ถามความพร้อมของเขาสักคำหรือแล้วคิดว่าเขาจะยอมเล่นตามเกมอย่างง่ายดายนักรึไง
“ต้องขออภัยคุณหนู วันนี้ข้ามีธุระจะต้องทำ” เอ่ยตัดไมตรีไร้การไว้หน้า
“ถ..ถ้าเช่นนั้นไว้วันหลังก็ได้ค่ะ” หญิงงามว่าที่ฮูหยินแห่งจวนอู๋รู้สึกสะอึกจนพูดแทบไม่ออกก้อนหยาดงามเอ่อล้นรอบแก้วตา
“คุณหนูซูจีอย่ารอข้าเลย เจ้ายังมีโอกาสได้เจอบุรุษที่ดีพร้อมทั้งกายใจบุรุษที่พร้อมจะรักเจ้าเพียงผู้เดียว ซึ่งคนนั้นไม่ใช่ข้า” แม่ทัพหนุ่มเอ่ยตัดบัวไม่เหลือใยหวังให้หญิงพริ้มพรายยอมรับในความจริง
“แต่...แต่ข้ารัก...ข้ารักท่านค่ะ” ดวงหน้าเปื้อนน้ำตาช้อนมองชายใจร้ายที่ตัดสัมพันธ์ได้หน้าตาเฉย
“รักกับลุ่มหลงนั้นใกล้กันจนแยกยาก ท่านกับข้าเราเจอกันเพียงชั่ววันแน่ใจหรือว่าคือรักที่แท้จริง” บุรุษชาตรีย้อนถามหญิงตรงหน้าเสียงเรียบนิ่งไร้วี่แววจะอ่อนไหว
“แล้วท่านกับคณิกานางนั้นก็พึ่งเจอกันเพียงค่ำคืนมิใช่หรือ เหตุใดท่านถึงรักนางกัน” ความรั้นเอาแต่ใจของบุตรสาวท่านผู้ว่ายอกย้อนชายหนุ่มที่นางรัก พอได้ฟังคำจากกลีบผกาก็รู้ซึ้งถึงเหตุที่มารดารวบรัดตน
แต่นั่นสิทำไมกับเหมยงามเขาถึงรัก....
“ข้าก็ไม่รู้จะตอบเจ้าว่าอย่างไร” อี้ฝานยอมรับไปตามตรง
แค่ครั้งแรกที่พานพบก็กระชากใจไร้รักแทบหยุดเต้น เหมยฮวาแห่งโคมเขียวไม่ได้สวยเพียงรูปกายแต่งดงามถึงจิตใจและน่าค้นหาชวนลุ่มหลง นางมีอะไรหลายอย่างที่เขารักและวาดหมาย
รักแรกพบที่บอกไม่ได้ว่าทำไมถึงเป็นนาง...
“นางเป็นคณิกาที่มากชาย ท่านรักร่างงามที่เน่าเปื่อยงั้นหรือคะ” ซูจีเอ่ยวาจาแสนชังไร้คราบสตรีผู้เรียบร้อยครั้งวันวานเมื่อถูกเฉือนไมตรีรักที่โหดร้าย
“แม้กายนางจะมากชาย แต่ใจนางกับบริสุทธิ์ไร้มารยายิ่งกว่าสาวพรหมจรรย์แต่ปากร้าย” เหยียดยิ้มมุมปากนึกระอากับสาวหน้าสวยก่อนเดินหนีเลิกโต้เถียง
“ข้าไม่ยอมหรอกท่านอี้ฝาน...ข้าไม่ยอมให้ท่านเป็นของใคร” สตรีพริ้มมาดมั่นจะเหนี่ยวรั้งกายชายหนุ่มแม้ไร้หนทางจะได้ใจ
เดือนหนาวใกล้สิ้นหายเหมยฮวาช่อสวยใกล้ล่วงโรยหมดวาระ เนตรหวานใสทอดมองกิ่งก้านเหมยแดงสดที่เริ่มผลัดกลีบฮวาให้โรยลาบ่งบอกถึงฤดูจำศีลของต้นหยก
“รอข้านานรึไม่เหมยงาม” เสียงทุ้มแสนคุ้นหูเรียกแก้วเลอค่าให้หันมองพร้อมวาดยิ้ม
“ไม่ขอรับข้าน้อยก็พึ่งมา” ระฆังหวานเอ่ยตอบไกลความจริง
เรื่องแน่แท้คืออี้ชิงมาถึงนี่เมื่อหลายชั่วยามแล้ว...
“ไปกันเถิดอี้ชิง” มือหนาเอื้อมจับมือนุ่มชวนถนอมพร้อมเอ่ยนามแท้จริงเมื่ออยู่กันเพียงเราสอง
ยามไร้เขตแดนหอฮวาเหมยช่องามคืออี้ชิงของอี้ฝาน...
“ไปไหนหรือขอรับ ท่านยังไม่บอกข้าเลยว่าจะพาข้าเที่ยวที่ใด” ร่างงามรั้งยืนไม่ขยับจนกว่าบุรุษแกร่งจะยอมบอกที่พาไป
“ไปเมืองทางใต้ เขาจัดงานประจำปีอำลาเหมันต์กัน” อี้ฝานตอบไปไม่ทันคิดอะไรให้ละเอียด
อำลาเหมันต์สิ้นสุดกำเนิดเหมยฮวามันน่าตื่นเต้นตรงไหนกัน แต่อี้ชิงก็ไม่อยากขัดหรือโต้แย่งอันใดให้อีกฝ่ายต้องย้อนนึกถึงเหตุให้เศร้าหมอง
อยากใช้เวลาทุกนาทีให้มีค่าก่อนจากกันชั่วชีวัน...
งานอำลาฤดูหนาวของแดนใต้ช่างครึกครื้นและอบอวลไปด้วยความสุขที่จะได้เข้าสู่วสันต์แสนสดใส พอมองภาพเช่นนั้นซ้ำๆก็นึกปลงช่วงเหมันต์คงทำให้พวกเขาห่อเหี่ยวและยากลำบากจะหากิน
แม้จะหลงใหลในฮวาประจำฤดูแต่ก็มิพิสมัยเหมันต์ที่แสนหนาว...
การเดินเที่ยวชมงานเปิดหูตาให้รับรู้โลกภายนอกของฮวาในกรงสวาทเป็นอะไรที่รู้สึกแปลก แต่ไม่นึกห่วงจะปล่อยไก่เพราะมีแม่ทัพหนุ่มคอยสอนและดูแลไม่ห่างกาย
“มาเที่ยวกับข้าไม่สนุกรึอี้ชิง” คนข้างกายเอ่ยถามชายงามที่สีหน้าดูเหม่อลอยไม่สดใสดั่งตั้งใจ
“สนุกสิขอรับ ข้าน้อยแค่ทำตัวไม่ค่อยถูก” ตอบพร้อมวาดยิ้มให้คนข้างๆคลายห่วง
“มีอะไรเป็นกังวนในใจเจ้า” มือหนาเชยคางอีกฝ่ายให้สบมอง
“เปล่าขอรับท่านอี้ฝาน” อี้ชิงยืนยันความรู้สึก
“เจ้าอย่ามุสากับข้าอี้ชิง เราควรบอกกล่าวความจริงต่อกันนะเหมยงามของข้า” เว้าวอนให้ฮวาสวยนั้นเปิดใจยอมให้เขาเข้าไปในใจนาง
“ข้าน้อยสบายดี” กลีบปากอิ่มยิ้มแย้มปิดประตูยากก้าวผ่าน
จะรู้สึกดีต่อกันมากเพียงใดแต่อี้ชิงยังถ่อมตนเว้นความห่างของสัมพันธ์...
“คืนนี้เราค้างคืนที่เมืองนี้กันดีไหม” เมื่อไร้หนทางจะเข้าหาก็คิดกักตัวโฉมงามไว้ใกล้ตัว
“แต่ข้าต้องทำงาน” ผกาพริ้มขัดแย้งคำร่างสูง
คืนนี้ยากจะขาดลาเสียด้วยสิ...
“ข้าจะจ่ายค่าเสียเวลาให้เจ้าเอง” แม่ทัพหนุ่มยังยืนยันจะรั้งนาง
“แต่ท่านจะหมดตัวถ้ากันข้าจากแขกผู้นั้น” อี้ชิงกล่อมให้อีกฝ่ายพาตนกลับ ไม่อยากให้แม่ทัพต้องสิ้นเนื้อประดาตัวเพราะค่าตัวที่แสนแพงในคืนนี้
“ทำไม ใครซื้อตัวใจในคืนนี้กัน” ดวงตาที่เคยอ่อนแข็งกร้าวอย่างหึงหวง
“องค์ชายเซฮุนขอรับ” คณิกาคนสำคัญบอกพระนามแขกสูงศักดิ์ที่ยากยิ่งจะต่อกร
“ถึงจะต้องขายจวน ข้าก็ไม่ให้เจ้าเป็นของใครแม้แต่องค์ชายห้า” อี้ฝานประกาศกร้าวก่อนดึงร่างงามเข้าสวมกอดดั่งกลัวจะเหือดหาย
“ท่านช่างเป็นชายที่ทำให้ข้าลำบากใจเสียจริง” บ่นชายหนุ่มแต่ก็กอดตอบร่างหนาหวังพักใจที่เหน็ดเหนื่อย
“แล้วใครบอกให้เจ้ายั่วยวนเสียจนได้ตัวข้าทั้งกายใจ” คำพูดน่าอายเรียกฝ่ามือบางให้ตบตีแขนแกร่งไล่ความเขิน
“ดื้อรั้นหน้าไม่อาย ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าท่านจะเป็นแม่ทัพอู๋อี้ฝานผู้เฉยชาและร้ายกาจเหมือนดั่งที่คนทั้งเมืองเขาโจษจัน” ก้มหน้าซ่อนความเขินแต่ปากก็มิวายต่อว่าเขา
“ตัวตนอีกด้านของข้ามีเพียงเจ้าที่ได้รู้จางอี้ชิง” อี้ฝานบอกกล่าวกับเหมยงามจากใจจริง
“ข้าน้อยต้อยต่ำไม่คู่ควร” เสียงหวานเอ่ยวาจาแสนถ่อมตัวนั้นอีกครา
“ถ้าตัดหน้าที่คณิกาและแม่ทัพเราทั้งสองก็เป็นคนมีแต่ตัวเหมือนๆกัน ไม่มีใครด้อยกว่าหรือสูงกว่าหรอกนะอี้ชิง” เกลี่ยแก้มปลั่งไล่ความหมองออกจากใจของร่างงาม
วันข้างหน้าจะเป็นอย่างไรมิอาจรู้
จะสุขทุกข์ยากแท้จะหยั่งเห็น
แต่วันนี้มีใจที่เชื่อมกัน
ขอสุขนั้นให้เอ่อล้นก่อนจากลา
กว่าจะตีจากแม่ทัพได้ก็จวนจะบ่ายของอีกวัน กลับมาถึงเมืองโจวเฉิงคณิกาแห่งหองามก็รีบก้าวเข้าเขตแดนของกรงใหญ่เพื่อรับทัณฑ์จากนายหญิงเจ้านายตน
“หายไปไหนมาแม่เหมยงาม” เสียงเรียบเย็นไร้โทสะดูน่ากลัวเกินคาดฝัน
“ข้าน้อยไปเมืองใต้มาขอรับ” คณิกาผู้ทำผิดเอ่ยตอบไร้ปกปิด
“ก็รู้ว่าต้องรับแขกคนสำคัญแต่ยังคิดเที่ยวเล่นไร้ความรับผิดชอบสัญญาที่เคยให้คงโมฆะ” หญิงงามเจ้าชีวิตกล่าววาจาแทบปลิดชีพ
“ข...ข้า..ข้าขอโทษ นายหญิงโปรดเมตตา” กลั้นก้อนสะอื้นแทบจุกอกร้องขอความเห็นใจจากหญิงสาวผู้คุมตน
“คิดว่าเป็นคณิกาคนสำคัญของหอนี้อยากจะทำอะไรก็ได้เช่นนั้นรึเหมยม่วง เจ้าอย่าลืมว่าเจ้าต้องรักษาสัญญาที่เราทำร่วมกันมิเช่นนั้นคนรอบตัวจะเดือดร้อนแต่เจ้าก็เมินเฉย” หญิงสาวพร่ำวาจาสั่งสอนคนในพันธะ แม้ใจนึกสะใจที่มีหวังฉีกสัญญาได้กอบโกยเงินตราจากผกางาม
ไม่มีเงินทองใดซื้อนางได้
นอกจากจะช่วยปลดปล่อยมารดาที่ถูกขัง
แม้จะเป็นคณิกาชั้นหนึ่งเลือกงานได้ตามสัญญาของทั้งสองแต่ถ้าแขกนั้นสูงศักดิ์เกินหลีกเลี่ยงแม้จำใจก็ต้องยอม เพื่อความปลอดภัยของนางผู้เป็นแม่และป้าชราในบ้านเล็ก
ทาสไร้อิสระต้องจำทนไปอีกนาน...
ความคิดเห็น