ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO Period] เหมยสวาท [KrisLay]

    ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ ๓.คู่ตุนาหงัน

    • อัปเดตล่าสุด 18 ก.พ. 57


    คู่ตุนาหงัน



    หิมะขาวโปรยปรายลงจากฟ้าพร้อมหอบลมหนาวพัดพาความเหน็บหนาวสู่โลกา ร่างสูงในชุดอุ่นเหยียบย่ำเกล็ดบริสุทธิ์หวังก้าวออกจากบ้านเรือน

     

    “จะไปไหนรึอี้ฝาน” เสียงไถ่ถามจากฮูหยินใหญ่ตระกูลอู๋ดังขัดจังหวะฝีเท้าของบุตรชายให้หยุดยืนแล้วหันมอง

     

    “ข้าจะออกไปทำธุระนอกจวนขอรับท่านแม่” อี้ฝานตอบคำถามมารดาด้วยใจระส่ำอย่างประหลาด

     

    “ตั้งแต่ลูกแม่โตเป็นหนุ่มไม่เคยอยู่ติดบ้านเลยสักครา แล้วนี่จะออกไปไหนกันเล่า” ฮูหยินอู๋ซักต่อ

     

    “เอ่อ...ข้า”

     

    “ปกติเจ้าเป็นคนพูดจาฉะฉานนะอี้ฝาน ไฉนไหนวันนี้ถึงอ้ำอึ้งมีความนัยปิดบังแม่อยู่หรือไม่ท่านแม่ทัพ” นางจ้องมองบุตรชายหวังจับผิดเค้นความจริงจากร่างสูง

     

    “ข้าจะออกไปคุยเรื่องส่งสินค้ากับเถ้าแก่จวี้” ปดวาจากลบความจริงพลางสบตามองมารดาให้เชื่อมั่นในคำตน

     

    “เลื่อนวันได้รึไม่อี้ฝาน วันนี้แม่มีแขกมาที่บ้านอยากให้เจ้าร่วมอาหารเย็นกับเราด้วย” ลองถามไถ่แกมบังคับให้อีกฝ่ายยอมทำตาม

     

    “ใครมาหรือขอรับ”

     

    “ฮูหยินผู้ว่าเมืองหนานกับบุตรสาว หวังว่าเจ้าจะไม่ปฏิเสธคำขอของแม่” เรียวปากงามยิ้มข่มให้บุตรชายยอมตกลงแม้ไม่เต็มใจ

     

    “ขอรับ ข้าจะอยู่”

     

    วันนี้เขาต้องอยู่ดูหน้าเด็กสาวที่มารดาปั้นแต่งทาบทางนางให้เป็นคู่หมายของเขาตั้งแต่ยังไม่รับราชการจริงหรือนี่ แต่ไหนแต่ไรฮูหยินอู๋ไม่เคยเร่งรัดเรื่องคู่ครองแต่เหตุใดวันนี้กลับจับคนทั้งสองให้มาเจอะเจอกัน

     


     

    หรือว่านางจะล่วงรู้เรื่องที่เขาติดพันคณิกาฮวางาม...




     

    “ไม่ต้องสงสัยหรอกขอรับ มาไม้นี้แม่ใหญ่คงรู้จริงว่าท่านแอบไปติดชายงามหอโคมเขียวเป็นเดือนๆ” จื่อเทาสรุปบทความหลังฟังคำบอกเล่าจากพี่ชายที่เข้ามาปรึกษาตนถึงห้อง

     

    แม่ทัพอู๋อี้ฝานเล่นแวะเวียนหอนางโลมเป็นแรมเดือนไม่ค้างคืนก็อยู่เฝ้าแม่เหมยงามจนดึกดื่น คิดหรือว่าชาวเมืองที่ล่วงรู้จะไม่โพทะนาใส่สีกันจนถึงหูฮูหยินอู๋

     

    “ข้าจะทำอย่างไรดีเจื่อเทา” อี้ฝานผู้จนปัญญาจะเลี่ยงหลีกขอความเห็นจากน้องชาย

     

    “ทำใจขอรับเพลานี้แม่ใหญ่ไม่ปล่อยท่านพี่ออกไปแน่ เรื่องที่ท่านนัดพบเหมยฮวาคืนนี้ข้าคงต้องไปยกเลิกแทนท่านเพื่อไม่ให้นางรอเก้อ” ผู้น้องบอกหนทางที่ทำได้ในตอนนี้ให้อีกฝ่ายยอมรับมัน

     

    “แต่พี่อยากเจอนาง...” เสียงทุ้มรำพึงแผ่วข่มใจตนให้หยุดคะนึงหาอัปสรผกา

     

    “อยากให้ข้าช่วยไหมขอรับ” จื่อเทายิ้มกริ่มอย่างมีแผนอยู่ในหัว

     

    ขึ้นชื่อว่าแผนการจากแม่ทัพอู๋จื่อเทาผู้เก่งเรื่องแผนรบและอาวุธย่อมลุล่วงเกินคาดหมาย แล้วเหตุใดเขาถึงจะไม่อยากได้แผนเด็ดจากน้องชายผู้นี้กัน















     

    เวลาค่ำที่ต้องมานั่งรอเด็กรับใช้จัดโต๊ะอาหารดูน่าเบื่อสำหรับบุรุษหนึ่งเดียวในโต๊ะตาคมกรอกไปมาระบายความอึดอัด หูฟังเสียงสามสตรีพูดคุยกันสนุกอย่างจำทน ใจเร่งเร้าให้จื่อเทาเริ่มแผนการเสียทีก่อนที่เขาจะอึดอัดตายในวงสนทนาของนารี

     

    “ท่านแม่ทัพอี้ฝานไม่สบายหรือคะ” หญิงสาววัยสะพรั่งเอ่ยวาจาถามชายข้างกาย

     

    “ข้าสบายดีแม่นางซูจี” ตอบพลางแย้มยิ้มบางเบาให้อีกฝ่ายคลายห่วง

     

    “ซูจี เรียกพี่ว่าพี่อี้ฝานสิลูกคนกันเองไม่ต้องถือยศศักดิ์อันใดหรอก” ฮูหยินอู๋ปรับเปลี่ยนวาจาหญิงสาวหวังให้ทั้งสองชิดใกล้กันมากขึ้น

     

    “ค่ะท่านป้า” ดวงหน้างามระเรื่อแดงโน้มรับคำมารดาฝ่ายชายอย่างขวยเขิน

     

    อี้ฝานลอบถอนใจมองการกระทำของมารดาที่หวังคลุมถุงชนตนกับสาวละอ่อนย่างสิบหก จะหาเมียให้บุตรชายเหตุใดจึงเป็นเด็กนักพึ่งแตกเนื้อสาวไร้ความคิดเรื่องความรักมาตบแต่งกับชายที่ไม่เคยเอื้อนเอ่ยวาจากัน




     

    เพลานี้เขาจะสงสารสาวน้อยหรือตัวเขาดีที่ต้องมานั่งเป็นหุ่นเชิดของตระกูล...




     

    คำว่ารักเป็นเช่นไร้มิอาจรู้

    รักหรือใคร่ใกล้กันเกินยากแยก

    โตเป็นสาวไร้รักดุจแร่งาม

    ต้องแต่งงานโดยหารู้ความในใจ




     

    “อาหารเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะฮูหยิน” สาวใช้ในจวนเข้ามาบอกกล่าวกับนายหญิง แล้วเดินนำพาไปโต๊ะอาหารที่จัดเตรียมไว้รับแขกคนสำคัญ

     

    คุณชายใหญ่ลอบมองน้องชายที่นั่งทำภาษามืออยู่ฝั่งตรงข้าม แล้วคิดทบทวนวิชาส่งสัญญาณยามบุกศึกมาปรับใช้กับความหมายที่น้องชายกำลังสื่อสารกับตน




     

    อย่าทานเป็ดตุ๋น...




     

    พยักหน้าตอบรับอย่างเข้าใจ แสร้งทานอาหารตามปกติเลี่ยงการทานเป็ดตุ๋นและตักให้หญิงลออข้างกายไม่ให้เป็นที่ผิดสังเกต

     

    “ข้าเห็นพี่อี้ฝานทานทุกอย่างแต่มิเห็นตักเป็ดตุ๋นชามนี้ท่านพี่ไม่ชอบหรือคะ”

     

    “ใช่ ข้าไม่ชอบทานมันเท่าไหร่” ชายหนุ่มรับคำ

     

    “ข้าจะจำไว้” กลีบผกาวาดยิ้มแล้วสนใจกับข้าวตรงหน้าต่อ

     

    ล่วงเลยผ่านไปได้ไม่นานสตรีสาวและกลางคนก็หลับใหลสู่นิทราตามแผนของจื่อเทา สองพี่น้องจัดแจงพาหญิงทั้งสามเข้านอนให้เรียบร้อยก่อนออกมาเจอกันที่หน้าจวน

     

    “ท่านพี่รีบกลับมาก่อนฟ้าสางนะขอรับ ถึงห้องก็แกล้งหลับเหมือนโดนยาสลบไม่เช่นนั้นจะโดนสงสัยกันหมด” แม่ทัพคนน้องสั่งการแผนหลังจากนี้

     

    “ขอบใจเจ้ามากจื่อเทา” อี้ฝานตบบ่าผู้เป็นน้องอย่างซึ้งใจแล้วรีบล่วงลัดไปยังที่นัดหมายของเขาและเหมยงาม

















     

    ร่างโปร่งบางยืนต้านลมหนาวทอดมองเกล็ดหิมะที่ร่วงโรยปกคลุมกิ่งก้านต้นเหมยงามอย่างเหม่อลอยอยู่หน้าบ้านพัก เรื่องมากมายรันรวนในความคิดการขอหยุดงานวันนี้ช่างเป็นการตัดสินใจที่ผิดมหันต์เสียจริง

     

    “อี้ชิง ไม่สบายไม่ใช่หรือมายืนตากลมเช่นนี้เจ้าได้ไข้กลับขึ้นมาอีกหรอกเข้ามาในบ้านได้แล้วลูก” หญิงสูงวัยญาติเพียงคนเดียวที่เขาเหลืออยู่ในตอนนี้เดินออกมาตามร่างงามอย่างห่วงใย

     

    “ขอรับท่านป้า” ขานรับคำแล้วเดินตามผู้เป็นป้าเข้าไปในบ้านแสนอุ่น

     

    “อี้ชิง!” เสียงเอ่ยเรียกจากด้านนอกเรียกแก้วตาใสให้หันมองร่างสูงที่เดินฝ่าพายุหนาวมาหาตนถึงบ้าน

     

    “ท่านอี้ฝาน ท่านมาได้อย่างไรขอรับ” รู้สึกตกใจไม่น้อยกับการปรากฏตัวของอีกฝ่าย ร่างบางรีบประคองชายหนุ่มให้เข้ามาข้างในก่อนจะแข็งตายเพราะลมหนาวและเกล็ดหิมะหนา

     

    “ข้าไปหาเจ้าที่หอฮวาคนที่นั่นบอกว่าเจ้าป่วยไม่ไปทำงาน ข้าเลยมาหาเจ้าที่บ้านเป็นอย่างไรบ้างอี้ชิง” แม่ทัพหนุ่มไม่ได้สนใจเสื้อแสงของตนที่เปียกปอนเพราะหิมะ มือหนาเย็นจับหน้าผากอุ่นหวังวัดไข้อย่างห่วงใย

     

    “ท่านอี้ฝานข้าไม่เป็นไรขอรับวันนี้ข้าแค่คร้านจะร่ายรำจึงหาขออ้างไม่ไปทำงาน แต่ตัวท่านเปียกโชกไปหมดแล้วเข้าไปในห้องข้าก่อนเถิดเดี๋ยวข้าหาเสื้ออุ่นให้ท่านใส่” อี้ชิงแกล้งกล่าวปดแล้วพาอีกคนเข้าห้องตน ก่อนเดินออกมาหาเสื้อตัวหนาพร้อมยกถาดอาหารที่ผู้เป็นป้าจัดแจงให้เข้าไปให้แขกยามวิกาลที่ดีเดือดมาหาเขาถึงที่พัก

     

    ห้องนอนเล็กๆแต่น่าอยู่ การตกแต่งห้องที่เรียบง่ายแต่หอมหวนสมเป็นห้องของคณิกาเหมยงามแห่งโจวเฉิง แม่ทัพหนุ่มผู้คุ้นเคยกับห้องใหญ่โตปานวังหลวงรู้สึกแปลกตาและอบอุ่นกับความคับแคบแต่มากด้วยไอรัก

     

    “ท่านไม่น่ามาหาข้าที่นี่เลยท่านอี้ฝาน” เสียงหวานเอื้อนระอากับความกล้าของแม่ทัพหนุ่ม

     

    “ก็ข้าคิดถึงเจ้านี่เหมยงาม ไม่เจอหน้าเจ้าสักวันคงลงแดง” แขนแกร่งสอดประสานโอบกอดเอวบางให้แนบชิด

     

    “แต่ถ้ามีใครรู้ว่าท่านมาหาคณิกาเช่นข้าอีก คู่หมั้นของท่านจะน้อยใจเอานะขอรับ” มือขาวผ่องพร่ำแกะแขนอีกฝ่ายออกจากกายแม้จะยากเย็นเพราะแรงรัดแน่นไม่ยอมปล่อย

     

    “คู่หมั้น? ใครคู่หมั้นข้ากันอี้ชิง” ชายนักรบถามกลับอย่างงุนงงกับวาจาของชายในอ้อมกอด

     

    “คนทั้งโจวเฉิงเขารู้กันทั่วว่าท่านกำลังจะหมั้นกับบุตรสาวท่านผู้ว่าหนาน” ร่างสะครางดิ้นรนออกจากพันธนาการนี้มากยิ่งขึ้นเมื่อต้องพูดถึงข่าวคราวที่ถึงหูตนเมื่อช่วงเย็น




     

    อยากหนีให้ไกลสุดขอบฟ้า

    แต่ใจรักกับถวิลรั้งกายาให้คงอยู่

    แม้ห้ามใจสักไหร่ก็มิอาจปิดกั้นตนจากความจริง




     

    “ไม่...ข้าไม่คิดหมั้นหรือแต่งงกับใครจางอี้ชิง เพราะข้าระ...” คำในใจถูกห้ามด้วยมือบางที่ทาบทับกลีบปากอุ่น

     

    “อย่าขอรับ...อย่าพูดคำนั้นในตอนนี้” แววตาเศร้าร้องขอให้คนตรงหน้าหยุดเอื้อนเอ่ยวาจาที่เป็นดั่งพิษร้ายทำลายเขาทั้งสอง

     

    อี้ฝานพยักหน้าดั่งเข้าใจก่อนจับฝ่ามือบางแล้วเขียนคำในใจลงบนฝ่ามือนั้น




     

    ข้ารักเจ้าจางอี้ชิง...




     

    “ขอบคุณขอรับ” กลีบกุหลาบยิ้มรับคำๆ ไม่แสดงอาการใดออกมาให้เขาเห็น

     

    “คืนนี้ข้าขอนอนกอดเจ้านะอี้ชิง” กระซิบขอเสียงแผ่วหวิวหวั่นอีกคนจะใจแข็งไล่เขากลับจวนอีก

     

    “ขอรับ...พายุสงบแล้วท่านค่อยกลับก็ได้” เหมยงามอนุญาตพร้อมรอยยิ้ม

     

    “พรุ่งนี้เจ้าออกไปเที่ยวเล่นกับข้าได้รึไม่ฮวาพริ้ม” อี้ฝานเอ่ยชวนหลังทั้งคู่ทิ้งตัวนอนบนเตียงนุ่ม

     

    “ไปไหนหรือขอรับ” ดวงหน้างามเงยขึ้นมองเสี้ยวหน้าคม

     

    “ไปที่ๆ มีแค่สองเรา” ก้มหน้ามายิ้มพรายให้คนในอาณัติก่อนจุมพิตหน้าผากงาม

     

    “ท่านไม่ต้องอยู่ดูแลบุตรสาวท่านผู้ว่าหรอกหรือ” แม้ดีใจที่อีกฝ่ายชวนเที่ยวเล่น แต่อีกใจกลับรู้สึกเหี่ยวห่อเมื่อนึกถึงหญิงอีกคนที่แม่ทัพผู้นี้ต้องดูแล

     

    “ใครจะสน คนของท่านแม่ก็ให้ท่านแม่ดูแลเองสิ” แม่ทัพใหญ่ตอบกลับอย่างไม่นึกใส่ใจ

     

    “ว่ากันว่า สิ่งที่มารดาเลือกคือสิ่งที่ดีพร้อมสำหรับลูกท่านอย่าขัดใจมารดา แล้วทำตามอำเภอใจเช่นนี้เลยท่านอี้ฝานมันไม่สมควร” ระฆังวานเอ่ยขับเกลาคนดื้อดึงให้เคารพมารดาตน

     

    “ข้าตามใจท่านแม่ได้ทุกอย่างแต่ยกไว้เรื่องหัวใจ นอนกันเถิดคนดีเวลาข้าอยู่กับเจ้าคือเวลาของเราอย่าคิดถึงใครอีกเลยข้าขอร้อง” พลิกกายหนากระชับกอดร่างนวลระหงแสร้งหลับตาหลีกเลี่ยงวาจาผลักไสของเหมยฮวาผู้ถ่อมตน

     

    “คณิกาให้ได้เพียงกายา เพราะใจรักคือต้องห้ามยากเข้าถึง” กลีบกุหลาบเอื้อนเอ่ยบทภาษิตก่อนประทับจูบบนคางสากส่งร่างแกร่งให้เข้านอน




     

    จะยากเย็นหนักหนาสักเพียงใด

    เขาต้องได้กายงามและใจหวานในครอบครอง...









    ----------------------------------------------------------
    แต่งด้วยห้วงอารมณ์ที่มึนงง เนื้อเรื่องตอนนี้ดูมึนๆไปนิดนะคะ555
    ช่วงนี้ไรต์สอบอาจห่างหายไปพักนึง แต่จะกลับมาแต่งต่อแน่นอนค่ะ

    ใครยังรักและสนใจเรื่องนี้อยู่ ขอแท็กทวิต #เหมยสวาท สัก3 แท็ก
    แล้วจะมาต่อให้ภายในอาทิตย์นี้
    ถ้าไม่มีก็รอต่อไปจนกว่าไรต์จะอยากลง คึคึ




    แล้วเจอกันเมื่อรีดเดอร์นั้นต้องการ ปย๊ง!!!!





     

    :-Daisy ✿
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×