คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ ๒.หอฮวา
หอฮวา
แต่ไหนแต่ไรมิเคยคิดมาเหยียบย่ำแหล่งโลกีย์คาวกามาให้เสียชื่อขุนพลชาตินักรบ ไฉนวันนี้ท่านแม่ทัพอู๋กลับปีกกล้าแหกกฎตน มายืนแน่นิ่งอยู่หน้าประตูไม้สีแดงสดสลักลายรุกขชาตินับสิบพันธุ์
“ท่านพี่มาถึงหอโคมเขียวแต่ยืนจ้องประตูอยู่เช่นนี้ แม่เหมยม่วงของท่านคงออกมาให้พานพบหรอกขอรับ” น้องชายผู้ขอร่วมเที่ยวแดนสรวงเอ่ยเตือนผู้เป็นพี่ที่ยืนตัวแข็งไม่กล้าเปิดประตูเข้าไปในอาณาเขตของหอฮวาเริงรมย์
ประตูไม้สีสดถูกเปิดออกโดยคนของหอนางโลมเพื่อส่งแขกเก่า และรับแขกใหม่ที่มาตั้งแต่เมื่อใดก็มิอาจล่วงรู้
สองพี่น้องตระกูลอู๋เดินผ่านแดนสวรรค์ที่เต็มไปด้วยนารีและชายงามสวมอาภรณ์เผยเนื้อหนังดึงดูดบุรุษเพศ สายตาคมมองหาร่างคณิกาชายในดวงใจจวบจนมาถึงหอสง่าหรูที่กักเก็บพฤกษานานาพันธุ์
“สองแม่ทัพตระกูลอู๋มีอะไรให้ข้าช่วยรึไม่เจ้าคะ” นายหญิงเจ้าของหอฮวาปรี่ตัวเข้ามาถามไถ่ลูกค้าขุนนางใหญ่
“ข้าอยากพบเหมยจื่อเซ่อ” อี้ฝานบอกความประสงค์ของตนกับหญิงสาว
“อ้อ...แม่เหมยฮวาเพลานี้รอท่านแม่ทัพอยู่บนห้องของนางข้าจะให้เด็กรับใช้นำทางท่าน แล้วท่านแม่ทัพจื่อเทาเล่าประสงค์สิ่งใดเป็นพิเศษหรือไม่เจ้าคะ” หญิงพริ้งพรายกล่าวตอบชายผู้พี่ ก่อนเอ่ยถามชายผู้น้องที่มาด้วยกัน
“ข้าอย่างไรก็ได้แล้วแต่แม่นางจะเห็นสมควร” จื่อเทายิ้มให้นายหญิงของหองามพลางกวาดสายตามองบรรยากาศรื่นรมย์ในหอนี้อย่างสนใจ
“เช่นนั้นข้าจะให้เสาเย่าคณิกางามอันดับสองปรนนิบัติท่านในคืนนี้” หญิงสาวแนะนำคณิกางามพริ้มอีกคนให้คนน้องก่อนเรียกเด็กรับใช้นำบุรุษทั้งสองไปยังห้องหอของชายงาม
ประตูไม้สักลายเหมยฮวาถูกปิดด้วยมือบ่าวรับใช้หลังส่งร่างสูงถึงที่หมาย นัยน์ตาคมสำรวจห้องสีม่วงอ่อนระรินหอมกลิ่นดอกเหมยดุจกลิ่นกายจากร่างงาม สองเท้าย่างก้าวเข้ามาเรื่อยๆจนเห็นร่างอนงค์ยืนยิ้มให้ตนอยู่ข้างเตียง
“ข้าน้อยมีฉายาว่าเหมยจื่อเซ่อ คืนนี้ข้าคือนางคณิกาของท่าน...ท่านแม่ทัพอู๋อี้ฝาน” คณิกาคนงามกล่าววาจาเช่นเดียวกับเมื่อคืนวาน
“เป็นของข้าได้เพียงแค่คืนนี้หรือแม่เหมยงาม” อ้อล้อชายงามพลางยิ้มขำ
“ถ้าท่านมาหาข้าทุกวันข้าก็จะเป็นของท่านทุกวันคืนขอรับ” เหมยงามตอบพร้อมรินสุราให้ชายหนุ่มลิ้มรสหวาน
“ถ้าเช่นนั้นข้าซื้อขาดเจ้าจากหอฮวาแล้วไปรับใช้ข้าที่จวนไม่ดีกว่ารึเหมยม่วง” มือหน้ารับน้ำเมาที่ร่างลออส่งยื่นให้ ก่อนไปนั่งบนเตียงตั่งตามแรงชักจูงจากอีกคน
“ไม่มีใครซื้อข้าน้อยออกไปได้หรอกขอรับ” ตอบเสียงแผ่ว เพียรก้มหน้าถอดรองเท้าให้แม่ทัพหนุ่มกลบเกลื่อนความเศร้าหมองในแววตา
“เหตุใดเจ้าถึงออกไปจากหอโคมเขียนนี่มิได้?” ถามอย่างคาใจในเรื่องราวที่รับรู้
“เพราะชีวิตข้าน้อยถูกผูกขาดกับที่นี่ เงินทองจะกี่ร้อยกี่พันชั่งก็มิสามารถไถ่ตัวข้าไปได้” เอื้อนตอบเสียงเศร้าหมอง
อยากออกไปอยู่เช่นคนปกติมิมีสิทธิ์
เป็นได้แค่สกุณาในกรงขัง
จวบจนลมสุดท้ายในชีวัน
ก็มิพ้นโซ่ตรวนแห่งจอมมาร
“ข้ารู้มาว่าหอฮวาคือหอนางโลมถูกกฎหมายได้รับการยินยอมจากฮ่องเต้ให้เปิดกิจการ แล้วเหตุใดคณิกาเช่นเจ้าจึงไม่มีสิทธิ์ซื้ออิสระให้กับตน” ประคองกายบางที่ก้มหน้าขึ้นนั่งข้างกายตน
“มันเป็นเรื่องสัญญาระหว่างข้ากับนายหญิงท่านแม่ทัพอย่ารู้เลยจะดีกว่า ข้ามิอยากทำให้ท่านต้องเดือดร้อน” กลีบกุหลาบแย้มยิ้มให้อีกฝ่ายเชื่อว่าตนไม่เป็นไร
“ข้าจะไปคุยกับนายของเจ้าให้” อี้ฝานยืนยันจะช่วยเหลือแต่ดวงหน้างามกลับส่ายหน้าปฏิเสธ
“อย่าขอรับ ถ้าท่านหวังดีกับข้าอย่าพูดเรื่องนี้กับนาง ข้าขอร้อง” แก้วตาหวานช้อนมองอย่างวอนขอ
“เช่นนั้นข้าจะอยู่กับเจ้าทุกวันคืน เจ้าจะได้มิต่อรับแขกอื่น” บุรุษหวงไม้งามยื่นข้อเสนออีกทางหนึ่ง
“ค่าตัวข้านั้นแพงนักกว่าจะหมดพ้นหน้าเหมันต์ท่านแม่ทัพได้ถังแตกกันพอดี ข้าไม่รับงานทุกวันหรอกขอรับบางวันก็ลงไปเป็นนักร้องนักดนตรีนานๆทีถึงจะรับงานคณิกา” คณิกาชายเอ่ยห้ามความคิดชายนักรบที่จะมานั่งเสียเงินทองกับการซื้อเวลาอยู่กับตน
ตามธรรมเนียมหอฮวา นางคณิกาแต่ละคนจะได้รับงานต่อเมื่อถึงเวลาตามฤดูกาลที่พฤกษาฉายานั้นผลิดอกผล
ฤดูนี้คือฤดูเหมันต์เหมยฮวาหลากสีสันดอกไม้งามประจำฤดูแสนหนาวเหน็บต้องรับงานสอนรักปรนเปรอชาย แต่ก็มีสิทธิ์เลือกว่าจะทำหรือบอกปัด
เหมยฮวาสีม่วงงามคือคณิกาหนึ่งเดียวที่ยากจะไขว่คว้าและถูกจับจองคะนึงหามากที่สุดในแคว้นนี้...
“เจ้าช่างน่าค้นหายิ่งนักแม่เหมยม่วง” อี้ฝานมองดวงเนตรซ่อนความลับพยายามแหวกม่านหนาเพื่อเข้าหาความแท้จริงในใจนาง
“ข้าน้อยมีความลับที่ท่านไม่เคยรู้และไม่ควรรู้อีกเยอะขอรับนายท่าน” กุหลาบงามวาดยิ้มโปรยมนตรา
“ถึงอย่างไร ราตรีนี้ขอข้าอยู่กับชายงามผู้ลึกลับทั้งคืนจะได้ไหม” เอ่ยเย้าหลงมัวเมาเสน่หามนตร์มายา
“จนรุ่งเช้าข้าน้อยก็ยินดี” มือบางเบาดุจใบไม้หยิบแก้วสุราตั้งบนโต๊ะข้างเตียงอุ่น
สองหัตถ์งามปลดสายคาดเอวสอบตามด้วยเสื้อสาราคาแพงและเสื้อขาวคลุมกายหนา สะโพกมนนั่งคร่อมทับหน้าตักแกร่งเชยคางสากเข้าหาแล้วจูบหวานเปิดปราการให้ชิวหาเข้าหาตน
.................................................................................................................
ตัดฉากมิเหมาะสมเจอกัน ณ เพจน้องชิงพี่ฝาน
.............................................................................................................
บทสวาทสิ้นสุดลงในเวลาฟ้าเกือบสางสองกายเกี่ยวกอดกันยังไม่นิทราถึงหมดแรง นิ้วเรียวงามดุจปลายกิ่งไล้วนอกล่ำสมชาตรีหยอกเย้ายอดปทุมดั่งกลั่นแกล้งปลุกกายชาย
“ว่าแต่ข้าชอบแกล้งเจ้า เจ้าก็ซนใช่เล่นนะฮวางาม” จับมือบางมาสูดดมกลิ่นหอมคลายความล้า
“ท่านอี้ฝาน” ร่างสะองขึ้นทาบทับร่างล่ำสันช้อนตามองคนใต้ร่างอย่างมีคำที่อยากถาม
“มีอะไรรึคนดี” ลูบเกศาสีดำขลับพลางถามไถ่
“ท่านมิได้บริสุทธิ์ดั่งที่สหายท่านพร่ำพรรณนาใช่ไหม” คณิกางามเอื้อนเอ่ยปุจฉาแคลงใจ
ทั้งขุนนางในวังใหญ่ต่างวอนขอให้นางเป็นบรมครูสอนบทรักกับยอดขุนศึกขลาดภูมิรู้เรื่องเตียงสา แต่คืนแรกจนตอนนี้ทำให้รู้ว่าเหล่าขุนนางนั้นโป้ปดหรือแม่ทัพใหญ่นี่มุสาเอง
“หึ เหตุใดมาถามข้าเช่นนั้น” คนถูกจับได้ยิ้มขำกลบความนัย
“ข้าน้อยเป็นคณิกานะขอรับ ชายช่ำชองรึอ่อนรักทำไมจะมองไม่ออก ออกศึกหลายหมื่นลี้มิมีสาวงามหรือชายลาวัณย์ตามแถบเมืองมาให้ท่านเชยชมเลยหรือไง” เนตรกลมแววสบมองดวงตาคมจ้องจับผิด
“ไม่ใช่ว่าไม่มีแต่แทบจะต่อแถวรอกันเลยเสียมากกว่า” แม่ทัพผู้ซ่อนคมยอมรับในที่สุด
เหนือฟ้ายังมีฟ้า
เหนือยอดนักรบยังมียอดเหมยงาม
เหมยฮวาช่อนี้เก่งกาจจนน่ากลัว...น่ากลัวว่าจะทนห้ามใจมิให้เผลอรักจนหมดแรง
“เหอะ สหายท่านนี่ไม่ทันเกมท่านเลยสินะขอรับ ท่าทางท่านอี้ฝานคงมีความนัยเยอะพอกัน” กลีบพฤกษาแย้มยิ้มหวานก่อนลงจากกายหนาแล้วนอนหนุนแขนแกร่งตามเดิม
“แต่ใช่ว่าความลับนั้นจะปิดมิดได้ตลอด สักวันมันต้องเผยเฉกเช่นวันนี้ใช่รึไม่แม่เหมยม่วง” พูดคุยกับร่างอนงค์พลางจูบซับหน้าผากผ่อง
“เพราะข้าน้อยเก่งต่างหากถึงไขความลับของท่านได้” ดวงหน้าพริ้มเงยขึ้นตอบอวดตน
“เก่งกาจเช่นนี้น่าจับตีให้หายพยศ” ข่มขู่ให้นึกขำแล้วช่วงชิมกลีบผกาแสนนุ่มลิ้นรับอรุณในวันใหม่
กว่าจะออกจากห้องเหมยฮวาก็จวบจนเวลาบ่ายโดยมิลืมรับดอกเหมยม่วงจากเจ้าของห้องติดตัวมา อี้ฝานเดินลงไปหาน้องชายที่นั่งรออยู่ด้านล่าง สองพี่น้องจับจ่ายค่าเวลาแล้วเดินออกจากสรวงสรรค์ยามราตรี
“จื่อเทา เจ้าพอทราบประวัติหอโคมเขียวนี่รึไม่” พอเดินออกมาห่างไกลจากวิมานโลกีย์ อี้ฝานก็เอ่ยถามถึงประวัติหอนางโลมแห่งนี้กับน้องชายที่ดูมากรู้กว่าตน
“เท่าที่เคยได้ยินหอฮวาแห่งนี้เปิดกิจการมาหลายสิบปีแล้วขอรับ เจ้าของหอเขามีความเชื่อว่าบุรุษนั้นออกศึกรบแสนเหนื่อยหนักหนา เขาจึงปั้นแต่งนางคณิกาเลอโฉมมาปรนนิบัติตอบแทนคุณบุรุษผู้ป้องแคว้น สมัยก่อนมีแค่สตรีที่เป็นคณิกาแต่พอมีปัญหาเรื่องตั้งครรภ์จึงเริ่มมีชายงามมาทดแทน” จื่อเทาบอกเล่าตามที่ได้รู้
“แล้วเขารับคณิกากันอย่างไร”
“ท่านสงสัยเช่นเดียวกับข้าเลยท่านพี่ เมื่อคืนข้าก็ถามคณิกาชายที่อยู่กับข้า นางบอกว่าคณิกาที่นี่สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นดั่งสัญญาพันธะจากบรรพบุรุษตกสู่ลูกหลาน แล้วการรับแขกของที่นี่ก็มีกฎเกณฑ์และธรรมเนียมเริ่มจากการเสียงทายพฤกษา รับมอบฉายาบุษบา จนถึงการทำงานของคณิกาตามฤดูของผกา”
ทำงานตามฤดู?
เหมันต์...เหมยฮวา
“แล้วเมื่อถึงเพลาผลัดเปลี่ยนฤดูกาล นางในฤดูนั้นอยู่เช่นไร” แม่ทัพผู้มิเคยคิดว่าจะได้มารับรู้เรื่องแปลกใหม่เหล่านี้ซักไซ้ต่อ
“อืม...ก็หยุดงานรอถึงฤดูตน หรือเมื่อถึงวัยสะพรั่งก็อยู่บำรุงตนพร้อมผสมเกสรผลิผลผลิตทายาท”
หอนั่นเห็นมนุษย์เป็นสัตย์เลี้ยงไว้เพาะพันธุ์แล้วส่งขายเช่นนั้นหรือ...
“นี่มันจองจำพันธนาการคณิกาให้เป็นทาสรับใช้เกินไปรึเปล่า เหตุใดฮ่องเต้ยังทรงนิ่งเฉยได้” ยิ่งได้รู้ยิ่งรู้สึกโกรธและห่วงใยคณิกาตัวน้อยที่ถูกคุมขังในหอกามา
“จะให้ทำอย่างไรได้ขอรับ ขุนนางยศสูงในวังบางคนยังติดสินบนเสนาใหญ่ คิดรึว่าหอฮวาจะไม่มีเครื่องบรรณาการชิ้นเยี่ยมมาทูลถวายประมุข คณิกาพวกนี้ถูกสอนสั่งให้ตอบแทนคุณบุรุษและไร้รักมีเพียงกายกับมนต์มายาล่อลวงชาย”
“ถ้าไม่อยากทำให้พวกนางต้องเดือดร้อน ชายอย่างเราควรผูกพันแค่รูปกายอย่างผูกใจไปตามอารมณ์และศาสตรารักที่คณิกางามพร่ำสอนให้ลิ้มรส” จื่อเทาเตือนผู้พี่อย่างล่วงรู้ว่าพี่ชายเริ่มมีใจรักให้แม่คณิกาเหมยม่วง
ไม่สิ ต้องบอกว่าแค่ครั้งแรกก็ต้องใจกันเสียแล้ว...
รักที่มิอาจรัก
อยากจะทานทนแรงใจเสน่หา
-----------------------------------------------------
จะดราม่ารึหวานต่อไปเริ่มไม่แน่ใจแล้วค่ะ555
กิจกรรมชิงรางวัลขอเลื่อนกำหนดนะคะ
เนื่องจากติดสอบกันไม่ยากรบกวนเวลาอ่านหนังสือสอบ
ตอนต่อไปแล้วแต่เม้นและความสนใจจากรีดเดอร์(ทำตาแป๋วขอเม้น)
ความคิดเห็น