คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ ๑.บุษบาราตรี
บุษบาราตรี
พันแสงสาดส่องสว่างไสวล้อลมหนาวสลายเหมันต์ เปลือกตาหนากระพริบปรือปรับแสงจ้าที่แยงตาก่อนลืมตาจนเต็มตื่นรับอรุณของวันใหม่
กายล่ำสมชาตรีลุกขึ้นนั่งพร้อมเหยียดคร้านไล่ความเหนื่อยและเมื่อยล้า ดวงตาทมิฬต้องกับสิ่งปลอมแปลกบนเตียงยับ
กิ่งเหมยฮวาสีม่วง...
มือกร้านหยิบปลายกิ่งขึ้นมาอย่างถนอมเกรงฮวาจะร่วงโรยออกจากฐาน พลันสมองนึกคิดถึงคืนวานสวาทรักบนเตียงตั่งกับอัปสรแห่งโคมเขียว
เทพธิดาผู้หอบกายและใจรักจากเข้าไปจนสิ้น...
เมื่อคืนเขามีสัมพันธ์สวาทกับชายคณิกาผู้นั้นจริงหรือ พึงนึกคิดอยู่เสียนานว่ามันเป็นเพียงฝันหวานของชายโสดผู้ไร้คู่ขาดภรรยา
เร่งใส่เสื้อแสงก้าวเท้าฉับพลันไปหน้าประตูเสลาลายวิจิตร กวาดมองหาบ่าวไพร่ นายทหาร แต่เจอเพียงน้องชายต่างมารดาที่ฝึกศาสตราอยู่ลานโล่ง
“จื่อเทา เจ้าเห็นคณิกาชายที่อยู่กับพี่เมื่อคืนนี้หรือไม่” กายหนาย่างก้าวเข้าหาน้องชายเอ่ยถามถึงนางมโนรมผู้นั้นหวังไขความกระจ่างจริง
“คณิกา? พวกท่านพานางคณิกาเข้าจวนกันรึท่านพี่ระวังเถิดท่านแม่ใหญ่รู้เข้าแล้วจะยุ่ง” จื่อเทาผู้ไม่ได้อยู่ร่วมสังสรรค์กับพี่ชายถามกลับ ก่อนกล่าวเตือนเรื่องฮูหยินใหญ่แห่งจวนอู๋
ฮูหยินอู๋ผู้รังเกลียดสตรีชู้ชายโลกีย์ ถ้าเกิดรู้เรื่องบุตรชายคนโปรดลอบมีสัมพันธ์รักกับชายงามเมืองแห่งโจวเฉิงจวนแม่ทัพอู๋ได้ลุกเป็นไฟก็คราวนี้
“เพลานี้ท่านแม่เข้าวังไปปรนนิบัติฮองเฮา ถ้าเจ้าไม่บอกก็ไม่มีใครรู้หรอกน้องชาย” อี้ฝานยิ้มให้น้องชายอย่างรู้กันว่าต่างคนต่างมีชนักติดหลังกันทั้งคู่
“แล้วตกลงชายพริ้งพรายผู้นั้นเด็ดดวงรึไม่ท่านพี่ ไว้วันว่างข้าจะลองไปเชยชมฮวางามแห่งโคมเขียวคลายกายาให้ชุ่มปอด” จื่อเทาลวงถามพี่ชายผู้เปิดพรหมจรรย์กับชายงาม
“เด็ดเสียจนอยากเรียกหาทุกราตรี และต้องเป็นเจ้าของเหมยฮวาผู้นี้เท่านั้น” ชูกิ่งก้านเหมยม่วงแสนนวลหอมให้ผู้เป็นน้องได้เชยชม ก่อนเดินกลับเข้าไปในห้องเตรียมผลัดผ้าออกจากจวนเพื่อตามหาชายในคำนึง
“หยิวฮั่น!” แม่ทัพอี้ฝานเรียกขานสหายร่วมงานเลี้ยงทันทีที่ตนมาถึงจวนเสนาคลัง
“มีอะไรรึท่านแม่ทัพใหญ่มาหาข้าแต่เช้าเชียว ข้าคิดว่าเจ้ายังมิตื่นเสียอีก” สหายร่วมรุ่นไถ่ถามพลางยิ้มกริ่มอย่างมีเลิศนัย
“เจ้าคือตัวการเสนอแผนคณิกาล่ารักกับเพื่อนพ้องจริงสินะ” แม่ทัพหนุ่มถามกลับเมื่อรู้เท่าทันสีหน้ายิ้มขำจนมิอาจลอดพ้นสายตาเขา
“แล้วเป็นอย่างไร เรียนกันไปกี่กระบวนท่าเล่าพ่อยอดชาย” หยิวฮั่นลวงถามสหายนักรบไร้ศึกรักในคืนแรกกับนางคณิกาโฉมงาม
“หลายกระบวนท่าจนอยากเจอตัวตนจริงหลังสิ้นฤทธิ์สุรา”
“ตอนนี้?”
“ใช่ ข้ารู้ว่าเจ้ารู้ที่อยู่ของนางบอกข้ามา” แม่ทัพหนุ่มข่มขู่เอาคำตอบ
“ท่าทางแม่เหมยม่วงจะทำเสน่ห์ใส่เจ้าแล้วเพื่อนยาก หึหึ”
ประภากรเจิดจ้า ณ กลางฟ้า
นภาลัยเปิดกว้างไร้เมฆินทร์
หิมะขาวโรยรินทั่วธรณี
เหมยฮวาเด่นชัดกว่าหมู่มวล
อี้ฝานหยุดยืนอยู่หน้าบ้านหลังน้อยท้ายเมืองหลวงหน้าบ้านมีต้นเหมยขาวกิ่งราวหยกอันเลอค่า ตาคมดุจครุฑราชปราดมองรอบอาณาเขตหาร่างงามอรชรแสนถวิล
ไหนเจ้าหยิวฮั่นบอกว่าบ้านนางอยู่ที่นี่ แต่มาถึงกลับไม่เห็นใครเลยสักคน....
มาถึงที่ก็นึกหวั่นใจว่าจะโดนสหายหลอก นางโลมในราตรีคงไม่เปิดเผยที่อยู่จริงของตนให้ใครรู้ ยามอุษาตะวันส่องคือเวลาพักผ่อนของพวกนาง วิกาลจันทราฉายต่างหากที่เป็นเวลาสำหรับปรนเปรอชายสอนสวาท
แต่เขากลับอยากเห็นนางทุกเช้าค่ำ
อยากพูดคุยเกี้ยววาทีดั่งมิตรสหายในช่วงเช้า
โอ้โลมรักเชยชมกายเมื่อยามค่ำ
นี่สินะคือโรคที่เขามักเรียกพวกไร้คู่มัวเมาชายงามว่า หลงเสน่ห์เหมยสวาท...
“คุณชายมาหาใครรึเจ้าคะ” หญิงชราแต่งกายซอมซ่อเดินเข้ามาถามชายร่างสูงที่ยืนนิ่งอยู่หน้าบ้านนางนานสองนาน
“ข้ามาหา...” นั่นสิเขามาหาใคร
ไม่รู้จักชื่อ มีแค่ฉายาที่นางใช้ยามเป็นคณิกา
เหมยจื่อเซ่อ....
“ท่านป้า...ท่าน...” เสียงสะครางหวานเอ่ยเรียกหญิงชรา กลีบอานนหยุดวาจาเมื่อเจอร่างหนายืนข้างกายหญิงสูงวัย
มาได้อย่างไร?...
“ท...ท่านป้าขอรับข้างนอกนี้หนาวมาก หลานว่าท่านป้าเข้าไปคลายหนาวในบ้านก่อนเถิดหลานก่อฟืนไฟให้ท่านแล้ว” ร่างโปร่งบางประคองป้าเข้าไปในบ้านพัก ก่อนกลับมาประจันหน้ากับชายผู้มากยศ
“ท่านแม่ทัพอู๋มาหาใครรึขอรับ” ดวงหน้าหวานเชิดเชยไถ่ถามแขก
แม้ไม่แต่งหน้า แม้นไม่สวมใส่แพรพรรณดุจสตรีบนตรัยตรึงค์แต่เขาก็จำได้ดีว่าชายตรงหน้าคือคณิกาชายที่ร่วมรักกับเขาเมื่อค่ำคืน
เพียงแค่กลิ่นฮวาหอมระรินจากกายบางก็ตอบคำถามในใจอี้ฝานได้หมดสิ้น...
“มาตามหาคณิกาชายผู้หนึ่งที่อยู่กับข้าในจวนเมื่อค่ำวานเจ้ารู้จักเขาหรือไม่” ร่างสูงเล่นต่อบทกับร่างงาม
“ตามหาคณิกา...เหตุใดมิตามหาช่วงค่ำมืด ฟ้าสว่างโล่งแจ้งถึงเพียงนี้ท่านแม่ทัพยังมีใจสวาทกายสาวอยู่อีกหรือขอรับ” คิ้วโก่งงามเลิกรั้นอย่างสงสัย
“เหตุใดต้องรอแค่ราตรีกาล จะทิวาหรือราตรีข้าก็มีใจผสานกับเหมยฮวาเจ้าของกิ่งผกานี้แต่คราแรกเมื่อสบตา” กล่าวตอบพลางหยิบพฤกษามากค่าที่เก็บไว้ในสาบเสื้อออกมาให้อีกฝ่ายเพียงพบ
จะชายยอดนักรบหรือกรรมกรแบกหามต่างแค่หวังเสพสมกายลออของคณิกานงครวญ มิเคยคิดผูกสัมพันธ์ในแบบอื่นกันสักราย...
“บุษบาราตรีนั้นงดงามกว่าผกาในยามรุ่ง ถ้าท่านแม่ทัพอยากเสพดมเหมยฮวาในมือท่านโปรดอดใจรอให้พันแสงพ้นนภาเสียก่อนจะดีกว่านะขอรับ” ระฆังหวานเอ่ยกล่าว กลีบกุหลาบสีระเรื่อวาดยิ้มแสนยั่วเย้า
อรชรโปร่งงามหันกายเตรียมจากเข้าแหล่งพักพิง แต่แขนแกร่งกับพันธนาการกายละมุนนี้ไว้มิให้จากหายไปไกลใจ อรอนงค์ดิ้นขัดขืนเพียงแผ่วอย่างตกใจก่อนยืนนิ่งรอสดับฟังวาจาเกี้ยวดวงเดือน
“จะรีบตีจากกันไปไหนเล่าแม่เหมยม่วง ข้าอยากเห็นหน้าเจ้าอีกเพียงนิดให้หายคะนึงหาเจ้าเมื่อตอนตื่น” เสียงกระซิบอ้อล้อข้างกรรณงามเรียกแก้มปรางขึ้นสีดียิ่งนัก
“ชายทุกรายต่างหวานล้อมกล่อมเสน่ห์ หวังใช้เสียงคารมรักปลุกกายสาว” ร่างละมุนหันเข้าหาชายกายหนาพลางยิ้มพรายต่อบทกร
“ยกเว้นข้าไว้สักรายเถิดคนดี ข้าจริงใจจะผูกมิตรมิหวังเพียงชอบพอในรูปกาย” เอ่ยวอนขอความเห็นใจจากชายงามผู้ใจแข็ง
“คณิกาเช่นข้าน้อยไม่คู่ควรจะเป็นสหายกับชายในวังเช่นท่าน ข้าเป็นได้แค่ฮวางามไว้เชยชมโปรดอย่าเชิดชูตัวข้าให้ทัดเทียม...ท่านแม่ทัพอู๋” กังวานใสแผ่วกระเซ้าดุจฮวาเย้าภมร เนตรกลมใสช้อนมองดวงตาคมก่อนเมินหนีกลบความอายในแววตา
มองดั่งอยากจะครอบครองทุกเช้าค่ำ...
“จะคณิกาในหอนางโลมรึขุนนางในวังหลวงทุกคนต่างเป็นมนุษย์สมควรมีมิตรสหายกันทั้งสิ้น” วาจาทุ้มลึกเอ่ยแก้คำปรามาสตนของชายงาม
“เช่นนั้น...ข้าน้อยขอน้อมรับไมตรีจิตของท่านแม่ทัพขอรับ” สบสายตาแสนร้องแรงเอื้อมมือบางแตะแก้มสากปาดเม็ดเหงื่อที่ไหลรินเพราะใจสะท้านให้อีกฝ่าย
“ใจจริงแค่อยากพบลบเรื่องราวที่ตีรวนในอกว่าเจ้ามีตัวตนหรือข้าเพียงเพ้อฝันเพราะฤทธิ์สุรา แต่พอมาพบเจอแบบชิดใกล้กลิ่นระรวยแสนเสน่หาในตัวเจ้าบีบรัดใจข้ายิ่งนักแม่เหมยม่วง” ปากได้รูปเคลื่อนต่ำหวังเชยชิมกลีบกุหลาบหอมหวานอีกสักครา แต่มือบางนุ่มจากร่างงามขวางกั้นปรารถนานี้เสียก่อน
“อย่าขอรับท่านแม่ทัพ เพลานี้ข้าไม่ใช่คณิกาเหมยฮวาชาวบ้านแถวนี้มาเห็นเข้ามันไม่ดีต่อตัวท่านนะขอรับ” เอ่ยปรามเสียงแผ่วหวานเตือนสติที่หลุดลอยให้กลับมาเข้าตัว
“ข้าขอโทษที่เผลอคิดล่วงเกินเจ้าในเวลาเช่นนี้” แม่ทัพหนุ่มมิห่วงจะเสียชื่อแต่เขาห่วงคนในอ้อมกอดนี้ต่างหากเกรงจะถูกชาวบ้านละแวกนี้ครวญหาติฉินได้
“ไม่เป็นไรขอรับ ข้าน้อยเข้าใจในความต้องการของท่านแม่ทัพ” กลีบกุหลาบยิ้มรับวาจาขอโทษจากร่างสูง
ชายชาตรียามแตะเนื้อต้องกายสาวย่อมเสน่หาหวังครอบครอง
ยิ่งคณิกามากเสน่ห์รักแม้นจะข่มใจให้สงบสักเพียงใด
มารร้ายในกายงามย่อมเกลากล่อมชาตรีระเริงสวาท
“ข้าอยากพบเจ้าอีกราตรีแม่เหมยงาม” กล่าวคารมสวาทรักนิ้วเรียวเกลี่ยเกศาพ้นแก้มใส
“ไปหาข้าที่หอฮวาสิขอรับ แล้วข้าจะทำให้ท่านสุขสมในกายรักท่านแม่ทัพ” ระฆังวานเชิญชวนชายหนุ่มแก้วตาใสประกายระยับดุจดารา
“ได้...คืนนี้ข้าจะไปหาเจ้า” ริมฝีปากอุ่นประทับจูบบนหน้าผากเนียนแทนสัญญา
“ข้าน้อยจะรอท่านนะขอรับ” ฮวาลาวัลย์ตอบรับคำสัญญา
“เหมยฮวา ข้าขอรู้ชื่อจริงของเจ้าจักได้ไหม” อี้ฝานไถ่ถามอย่างนึกหวังว่าบุษบาดอกนี้จะยอมเปิดใจบอกชื่อเสียงที่แท้จริง
ตัวตนจริงคณิกาคือต้องห้าม
อย่าให้ใครรู้ชื่อหรือแซ่สาย
แม้นใจรักอย่าปริปากหลุดพ้นไป
จะเป็นภัยแก่ตัวเจ้าแลครอบครัว
คำสอนสั่งของนายหญิงแห่งหอโคมเขียวพัดหวนราววายุดั่งเตือนนางพริ้งพรายในอาณัติ แต่คณิกาชายเหมยจื่อเซ่อแม้ถ่อมตนแต่มิตัดไมตรี แม้นจงรักและเชื่อฟังใช่ว่าจะมิชอบแหกกฎเกณฑ์
“ข้าน้อยมีนามว่า...จางอี้ชิง ขอรับ” ฮวางามเผยชื่อจริงให้รับรู้
จางอี้ชิง...
ลอออรที่งามพริ้มทั้งรูปร่างและชื่อแซ่...
“เป็นเกียรติที่ได้รู้จักเจ้าจางอี้ชิง” แม่ทัพหนุ่มยิ้มอุ่นกับไมตรีที่นางคณิกาหยิบยื่นให้
“ข้าน้อยเป็นเกียรติยิ่งกว่าที่ท่านลดตัวมาผูกไมตรีกับข้าท่านแม่ทัพ” ดารางามยิ้มพรายแทบละลายใจ
คนสองคนเวียนบรรจบมาพบเจอ
แต่เคราะห์กรรมแต่ชาติก่อนยังมิสิ้น
อีกมินานเจ้ากรรมมาตามทัณฑ์
แล้วใยรักจะสมสงค์ได้เช่นไร
---------------------------
ตอนแรกค่ะตอนแรกหวานป่ะล่ะ คึคึ
เหมือนเรื่องนี้จะแอบทิ้งปมไว้อีกแล้ว
รณรงค์ติดแท็กทวิตเพื่อเป็นกำลังใจให้ไรต์คนนี้อีกทาง-/\- #เหมยสวาท
ขอบคุณทุกคอมเม้นและยอดวิวที่ท่วมท้นนะคะ ปย๊ง!!!
ความคิดเห็น