ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO Period] เหมยสวาท [KrisLay]

    ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ ๑.บุษบาราตรี

    • อัปเดตล่าสุด 13 ก.พ. 57


    บุษบาราตรี


    พันแสงสาดส่องสว่างไสวล้อลมหนาวสลายเหมันต์ เปลือกตาหนากระพริบปรือปรับแสงจ้าที่แยงตาก่อนลืมตาจนเต็มตื่นรับอรุณของวันใหม่

     

    กายล่ำสมชาตรีลุกขึ้นนั่งพร้อมเหยียดคร้านไล่ความเหนื่อยและเมื่อยล้า ดวงตาทมิฬต้องกับสิ่งปลอมแปลกบนเตียงยับ

     

     

    กิ่งเหมยฮวาสีม่วง...



     

    มือกร้านหยิบปลายกิ่งขึ้นมาอย่างถนอมเกรงฮวาจะร่วงโรยออกจากฐาน พลันสมองนึกคิดถึงคืนวานสวาทรักบนเตียงตั่งกับอัปสรแห่งโคมเขียว



     

    เทพธิดาผู้หอบกายและใจรักจากเข้าไปจนสิ้น...



     

    เมื่อคืนเขามีสัมพันธ์สวาทกับชายคณิกาผู้นั้นจริงหรือ พึงนึกคิดอยู่เสียนานว่ามันเป็นเพียงฝันหวานของชายโสดผู้ไร้คู่ขาดภรรยา

     

    เร่งใส่เสื้อแสงก้าวเท้าฉับพลันไปหน้าประตูเสลาลายวิจิตร กวาดมองหาบ่าวไพร่ นายทหาร แต่เจอเพียงน้องชายต่างมารดาที่ฝึกศาสตราอยู่ลานโล่ง

     

    “จื่อเทา เจ้าเห็นคณิกาชายที่อยู่กับพี่เมื่อคืนนี้หรือไม่” กายหนาย่างก้าวเข้าหาน้องชายเอ่ยถามถึงนางมโนรมผู้นั้นหวังไขความกระจ่างจริง

     

    “คณิกา? พวกท่านพานางคณิกาเข้าจวนกันรึท่านพี่ระวังเถิดท่านแม่ใหญ่รู้เข้าแล้วจะยุ่ง” จื่อเทาผู้ไม่ได้อยู่ร่วมสังสรรค์กับพี่ชายถามกลับ ก่อนกล่าวเตือนเรื่องฮูหยินใหญ่แห่งจวนอู๋

     

    ฮูหยินอู๋ผู้รังเกลียดสตรีชู้ชายโลกีย์ ถ้าเกิดรู้เรื่องบุตรชายคนโปรดลอบมีสัมพันธ์รักกับชายงามเมืองแห่งโจวเฉิงจวนแม่ทัพอู๋ได้ลุกเป็นไฟก็คราวนี้

     

    “เพลานี้ท่านแม่เข้าวังไปปรนนิบัติฮองเฮา ถ้าเจ้าไม่บอกก็ไม่มีใครรู้หรอกน้องชาย” อี้ฝานยิ้มให้น้องชายอย่างรู้กันว่าต่างคนต่างมีชนักติดหลังกันทั้งคู่

     

    “แล้วตกลงชายพริ้งพรายผู้นั้นเด็ดดวงรึไม่ท่านพี่ ไว้วันว่างข้าจะลองไปเชยชมฮวางามแห่งโคมเขียวคลายกายาให้ชุ่มปอด” จื่อเทาลวงถามพี่ชายผู้เปิดพรหมจรรย์กับชายงาม

     

    “เด็ดเสียจนอยากเรียกหาทุกราตรี และต้องเป็นเจ้าของเหมยฮวาผู้นี้เท่านั้น” ชูกิ่งก้านเหมยม่วงแสนนวลหอมให้ผู้เป็นน้องได้เชยชม ก่อนเดินกลับเข้าไปในห้องเตรียมผลัดผ้าออกจากจวนเพื่อตามหาชายในคำนึง















     

    “หยิวฮั่น!” แม่ทัพอี้ฝานเรียกขานสหายร่วมงานเลี้ยงทันทีที่ตนมาถึงจวนเสนาคลัง

     

    “มีอะไรรึท่านแม่ทัพใหญ่มาหาข้าแต่เช้าเชียว ข้าคิดว่าเจ้ายังมิตื่นเสียอีก” สหายร่วมรุ่นไถ่ถามพลางยิ้มกริ่มอย่างมีเลิศนัย

     

    “เจ้าคือตัวการเสนอแผนคณิกาล่ารักกับเพื่อนพ้องจริงสินะ” แม่ทัพหนุ่มถามกลับเมื่อรู้เท่าทันสีหน้ายิ้มขำจนมิอาจลอดพ้นสายตาเขา

     

    “แล้วเป็นอย่างไร เรียนกันไปกี่กระบวนท่าเล่าพ่อยอดชาย” หยิวฮั่นลวงถามสหายนักรบไร้ศึกรักในคืนแรกกับนางคณิกาโฉมงาม

     

    “หลายกระบวนท่าจนอยากเจอตัวตนจริงหลังสิ้นฤทธิ์สุรา”

     

    “ตอนนี้?”

     

    “ใช่ ข้ารู้ว่าเจ้ารู้ที่อยู่ของนางบอกข้ามา” แม่ทัพหนุ่มข่มขู่เอาคำตอบ

     

    “ท่าทางแม่เหมยม่วงจะทำเสน่ห์ใส่เจ้าแล้วเพื่อนยาก หึหึ”















     

     

    ประภากรเจิดจ้า ณ กลางฟ้า

    นภาลัยเปิดกว้างไร้เมฆินทร์

    หิมะขาวโรยรินทั่วธรณี

    เหมยฮวาเด่นชัดกว่าหมู่มวล



     

    อี้ฝานหยุดยืนอยู่หน้าบ้านหลังน้อยท้ายเมืองหลวงหน้าบ้านมีต้นเหมยขาวกิ่งราวหยกอันเลอค่า ตาคมดุจครุฑราชปราดมองรอบอาณาเขตหาร่างงามอรชรแสนถวิล



     

    ไหนเจ้าหยิวฮั่นบอกว่าบ้านนางอยู่ที่นี่ แต่มาถึงกลับไม่เห็นใครเลยสักคน....



     

    มาถึงที่ก็นึกหวั่นใจว่าจะโดนสหายหลอก นางโลมในราตรีคงไม่เปิดเผยที่อยู่จริงของตนให้ใครรู้ ยามอุษาตะวันส่องคือเวลาพักผ่อนของพวกนาง วิกาลจันทราฉายต่างหากที่เป็นเวลาสำหรับปรนเปรอชายสอนสวาท



     

    แต่เขากลับอยากเห็นนางทุกเช้าค่ำ

    อยากพูดคุยเกี้ยววาทีดั่งมิตรสหายในช่วงเช้า

    โอ้โลมรักเชยชมกายเมื่อยามค่ำ




     

    นี่สินะคือโรคที่เขามักเรียกพวกไร้คู่มัวเมาชายงามว่า หลงเสน่ห์เหมยสวาท...



     

    “คุณชายมาหาใครรึเจ้าคะ” หญิงชราแต่งกายซอมซ่อเดินเข้ามาถามชายร่างสูงที่ยืนนิ่งอยู่หน้าบ้านนางนานสองนาน

     

    “ข้ามาหา...” นั่นสิเขามาหาใคร

     

    ไม่รู้จักชื่อ มีแค่ฉายาที่นางใช้ยามเป็นคณิกา



     

    เหมยจื่อเซ่อ....



     

    “ท่านป้า...ท่าน...” เสียงสะครางหวานเอ่ยเรียกหญิงชรา กลีบอานนหยุดวาจาเมื่อเจอร่างหนายืนข้างกายหญิงสูงวัย



     

    มาได้อย่างไร?...



     

    “ท...ท่านป้าขอรับข้างนอกนี้หนาวมาก หลานว่าท่านป้าเข้าไปคลายหนาวในบ้านก่อนเถิดหลานก่อฟืนไฟให้ท่านแล้ว” ร่างโปร่งบางประคองป้าเข้าไปในบ้านพัก ก่อนกลับมาประจันหน้ากับชายผู้มากยศ

     

    “ท่านแม่ทัพอู๋มาหาใครรึขอรับ” ดวงหน้าหวานเชิดเชยไถ่ถามแขก

     

    แม้ไม่แต่งหน้า แม้นไม่สวมใส่แพรพรรณดุจสตรีบนตรัยตรึงค์แต่เขาก็จำได้ดีว่าชายตรงหน้าคือคณิกาชายที่ร่วมรักกับเขาเมื่อค่ำคืน



     

    เพียงแค่กลิ่นฮวาหอมระรินจากกายบางก็ตอบคำถามในใจอี้ฝานได้หมดสิ้น...



     

    “มาตามหาคณิกาชายผู้หนึ่งที่อยู่กับข้าในจวนเมื่อค่ำวานเจ้ารู้จักเขาหรือไม่” ร่างสูงเล่นต่อบทกับร่างงาม

     

    “ตามหาคณิกา...เหตุใดมิตามหาช่วงค่ำมืด ฟ้าสว่างโล่งแจ้งถึงเพียงนี้ท่านแม่ทัพยังมีใจสวาทกายสาวอยู่อีกหรือขอรับ” คิ้วโก่งงามเลิกรั้นอย่างสงสัย

     

    “เหตุใดต้องรอแค่ราตรีกาล จะทิวาหรือราตรีข้าก็มีใจผสานกับเหมยฮวาเจ้าของกิ่งผกานี้แต่คราแรกเมื่อสบตา” กล่าวตอบพลางหยิบพฤกษามากค่าที่เก็บไว้ในสาบเสื้อออกมาให้อีกฝ่ายเพียงพบ



     

    จะชายยอดนักรบหรือกรรมกรแบกหามต่างแค่หวังเสพสมกายลออของคณิกานงครวญ มิเคยคิดผูกสัมพันธ์ในแบบอื่นกันสักราย...



     

    “บุษบาราตรีนั้นงดงามกว่าผกาในยามรุ่ง ถ้าท่านแม่ทัพอยากเสพดมเหมยฮวาในมือท่านโปรดอดใจรอให้พันแสงพ้นนภาเสียก่อนจะดีกว่านะขอรับ” ระฆังหวานเอ่ยกล่าว กลีบกุหลาบสีระเรื่อวาดยิ้มแสนยั่วเย้า

     

    อรชรโปร่งงามหันกายเตรียมจากเข้าแหล่งพักพิง แต่แขนแกร่งกับพันธนาการกายละมุนนี้ไว้มิให้จากหายไปไกลใจ อรอนงค์ดิ้นขัดขืนเพียงแผ่วอย่างตกใจก่อนยืนนิ่งรอสดับฟังวาจาเกี้ยวดวงเดือน

     

    “จะรีบตีจากกันไปไหนเล่าแม่เหมยม่วง ข้าอยากเห็นหน้าเจ้าอีกเพียงนิดให้หายคะนึงหาเจ้าเมื่อตอนตื่น” เสียงกระซิบอ้อล้อข้างกรรณงามเรียกแก้มปรางขึ้นสีดียิ่งนัก

     

    “ชายทุกรายต่างหวานล้อมกล่อมเสน่ห์ หวังใช้เสียงคารมรักปลุกกายสาว” ร่างละมุนหันเข้าหาชายกายหนาพลางยิ้มพรายต่อบทกร

     

    “ยกเว้นข้าไว้สักรายเถิดคนดี ข้าจริงใจจะผูกมิตรมิหวังเพียงชอบพอในรูปกาย” เอ่ยวอนขอความเห็นใจจากชายงามผู้ใจแข็ง

     

    “คณิกาเช่นข้าน้อยไม่คู่ควรจะเป็นสหายกับชายในวังเช่นท่าน ข้าเป็นได้แค่ฮวางามไว้เชยชมโปรดอย่าเชิดชูตัวข้าให้ทัดเทียม...ท่านแม่ทัพอู๋” กังวานใสแผ่วกระเซ้าดุจฮวาเย้าภมร เนตรกลมใสช้อนมองดวงตาคมก่อนเมินหนีกลบความอายในแววตา



     

    มองดั่งอยากจะครอบครองทุกเช้าค่ำ...



     

    “จะคณิกาในหอนางโลมรึขุนนางในวังหลวงทุกคนต่างเป็นมนุษย์สมควรมีมิตรสหายกันทั้งสิ้น” วาจาทุ้มลึกเอ่ยแก้คำปรามาสตนของชายงาม

     

    “เช่นนั้น...ข้าน้อยขอน้อมรับไมตรีจิตของท่านแม่ทัพขอรับ” สบสายตาแสนร้องแรงเอื้อมมือบางแตะแก้มสากปาดเม็ดเหงื่อที่ไหลรินเพราะใจสะท้านให้อีกฝ่าย

     

    “ใจจริงแค่อยากพบลบเรื่องราวที่ตีรวนในอกว่าเจ้ามีตัวตนหรือข้าเพียงเพ้อฝันเพราะฤทธิ์สุรา แต่พอมาพบเจอแบบชิดใกล้กลิ่นระรวยแสนเสน่หาในตัวเจ้าบีบรัดใจข้ายิ่งนักแม่เหมยม่วง” ปากได้รูปเคลื่อนต่ำหวังเชยชิมกลีบกุหลาบหอมหวานอีกสักครา แต่มือบางนุ่มจากร่างงามขวางกั้นปรารถนานี้เสียก่อน

     

    “อย่าขอรับท่านแม่ทัพ เพลานี้ข้าไม่ใช่คณิกาเหมยฮวาชาวบ้านแถวนี้มาเห็นเข้ามันไม่ดีต่อตัวท่านนะขอรับ” เอ่ยปรามเสียงแผ่วหวานเตือนสติที่หลุดลอยให้กลับมาเข้าตัว

     

    “ข้าขอโทษที่เผลอคิดล่วงเกินเจ้าในเวลาเช่นนี้” แม่ทัพหนุ่มมิห่วงจะเสียชื่อแต่เขาห่วงคนในอ้อมกอดนี้ต่างหากเกรงจะถูกชาวบ้านละแวกนี้ครวญหาติฉินได้

     

    “ไม่เป็นไรขอรับ ข้าน้อยเข้าใจในความต้องการของท่านแม่ทัพ” กลีบกุหลาบยิ้มรับวาจาขอโทษจากร่างสูง



     

    ชายชาตรียามแตะเนื้อต้องกายสาวย่อมเสน่หาหวังครอบครอง

    ยิ่งคณิกามากเสน่ห์รักแม้นจะข่มใจให้สงบสักเพียงใด

    มารร้ายในกายงามย่อมเกลากล่อมชาตรีระเริงสวาท



     

    “ข้าอยากพบเจ้าอีกราตรีแม่เหมยงาม” กล่าวคารมสวาทรักนิ้วเรียวเกลี่ยเกศาพ้นแก้มใส

     

    “ไปหาข้าที่หอฮวาสิขอรับ แล้วข้าจะทำให้ท่านสุขสมในกายรักท่านแม่ทัพ” ระฆังวานเชิญชวนชายหนุ่มแก้วตาใสประกายระยับดุจดารา

     

    “ได้...คืนนี้ข้าจะไปหาเจ้า” ริมฝีปากอุ่นประทับจูบบนหน้าผากเนียนแทนสัญญา

     

    “ข้าน้อยจะรอท่านนะขอรับ” ฮวาลาวัลย์ตอบรับคำสัญญา

     

    “เหมยฮวา ข้าขอรู้ชื่อจริงของเจ้าจักได้ไหม” อี้ฝานไถ่ถามอย่างนึกหวังว่าบุษบาดอกนี้จะยอมเปิดใจบอกชื่อเสียงที่แท้จริง



     

    ตัวตนจริงคณิกาคือต้องห้าม

    อย่าให้ใครรู้ชื่อหรือแซ่สาย

    แม้นใจรักอย่าปริปากหลุดพ้นไป

    จะเป็นภัยแก่ตัวเจ้าแลครอบครัว



     

    คำสอนสั่งของนายหญิงแห่งหอโคมเขียวพัดหวนราววายุดั่งเตือนนางพริ้งพรายในอาณัติ แต่คณิกาชายเหมยจื่อเซ่อแม้ถ่อมตนแต่มิตัดไมตรี แม้นจงรักและเชื่อฟังใช่ว่าจะมิชอบแหกกฎเกณฑ์

     

    “ข้าน้อยมีนามว่า...จางอี้ชิง ขอรับ” ฮวางามเผยชื่อจริงให้รับรู้



     

    จางอี้ชิง...



     

    ลอออรที่งามพริ้มทั้งรูปร่างและชื่อแซ่...



     

    “เป็นเกียรติที่ได้รู้จักเจ้าจางอี้ชิง” แม่ทัพหนุ่มยิ้มอุ่นกับไมตรีที่นางคณิกาหยิบยื่นให้

     

    “ข้าน้อยเป็นเกียรติยิ่งกว่าที่ท่านลดตัวมาผูกไมตรีกับข้าท่านแม่ทัพ” ดารางามยิ้มพรายแทบละลายใจ



     

    คนสองคนเวียนบรรจบมาพบเจอ

    แต่เคราะห์กรรมแต่ชาติก่อนยังมิสิ้น

    อีกมินานเจ้ากรรมมาตามทัณฑ์

    แล้วใยรักจะสมสงค์ได้เช่นไร

     








    ---------------------------
    ตอนแรกค่ะตอนแรกหวานป่ะล่ะ คึคึ 
    เหมือนเรื่องนี้จะแอบทิ้งปมไว้อีกแล้ว

    รณรงค์ติดแท็กทวิตเพื่อเป็นกำลังใจให้ไรต์คนนี้อีกทาง-/\-  #เหมยสวาท

    ขอบคุณทุกคอมเม้นและยอดวิวที่ท่วมท้นนะคะ ปย๊ง!!!






     

     

     

     

     

    :-Daisy ✿
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×