คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 3 ทำไมผมต้องซวยทุกที
Chapter3 ทำไมผมต้องซวยทุกทีเลย...
“แพรสา มาคุยกับฉันให้รู้เรื่องเดียวนี้เลยนะ” ผมชะโงกหน้าไปดูที่มาของเสียงอันคุ้นหู มันเล็ดลอดออกมาหลังบานพับที่อยู่ข้างหน้าผมนี้สินะ เสียงนั้นมันคุ้นหูผมพิลึก คุ้นมากๆ “เธอกล้าปราดเข้าไปหาดลแล้วใส่ความดลแบบนั้นได้ยังไง”
อ้อ...เสียงของรินน่ะเอง ผมนึกออกแล้ว เฮ้ย!!...รินรู้ว่าผมไม่ได้ผิด รินรู้ ผมหาคนมาบอกความจริงให้ไอ้ชลรู้ได้แล้ว ไม่ใช่การแก้ตัว แต่นี้เรียกว่า...ความจริง!! “ฉันไม่ได้ปราดเข้าไปหาดล ดลตะหากที่เข้ามาจะทำมิดีมิร้ายฉัน เธอจะบ้าหรอ”
เท้าของผมที่ค่อยๆสืบไปที่ประตูชะงักกึก...นี้แพรกล้าโกหกหน้าด้านๆแบบนี้เลยหรอ ผมไม่นึกเลยว่าเธอจะมีสมบัติความเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสมากขนาดนี้ ด้านคูณด้านแล้วกำลัง10เท่ากับแพรสาแค่คนเดียว
นี้ผมอุสส่าห์ไม่คิดเอาผิดเธอ แต่ที่เธอพูด เธอทำอยู่นี้แปลว่าเธอจงใจให้อุบัติเหตุวันนั้นเกิดขึ้น เธอทำเพื่ออะไร ตอนแรกก็นึกอยู่หรอกว่าเธอคงไม่อยากให้ไอ้ชลเลิกคบ แต่แบบนี้ ทำไมเธอต้องโกหกแบบนี้กับขจารินเพื่อนเธอด้วยละ ผมก้มหน้าลง เงา!! เงามี3เงา!!
ผ่าง!!! ผมเปิดประตูออกให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย แพรสาเบิกตากว้าง รินมองหน้าผมอย่างไม่เชื่อสายตา แล้วอีกคน ไอ้เบน!! “ทำไมแพรสา ทำไมเธอถึงกล้าโกหกเรื่องแบบนั้น เธอก็รู้ว่าเธอกับฉันไม่มีอะไรกัน ไม่มี เข้าใจมั้ยว่าไม่มี!!” ผมตะเบ็งเสียงออกไป รินและไอ้เบนแทบอ้าปากค้าง
“ดล ดลไปทำอะไรในห้องของแพร หรือว่าดล หรือว่าที่แพรพูดเป็นความจริง” คำพูดเสียดแทงใจผมพรั่งพรูดออกมาจากปากของริน ผมอยู่ในห้องของแพรสาจริงๆ “ดล ตอนแรกรินก็ไม่เชื่อแพรหรอนะ แต่ตอนนี้รินเห็นกับตา รักกันมากสินะ รักกันขนาดที่ว่ากล้าหักหลังเพื่อนสนิทตัวเอง ดลมันทุเรศที่สุด” รินสบถด่าผม ไม่จริง...ก็แพรสาเป็นคนนัดผมมาเคลีย์เรื่องที่เกิดขึ้นเอง...
“ริน...ดลไม่ได้ คือแพรสานัดดลมา บอกให้ดลนั่งรอในห้อง มีเรื่องจะพูดด้วย” ผมรีบอธิบายให้รินฟังก่อนที่จะเกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอยกับเรื่องของไอ้ชล แต่แทนที่รินจะเข้าใจผม รินกลับส่ายหน้าและวิ่งหายออกไป...
“ไอ้ดล คราวนี้ฉันก็เชื่อแพรหวะ หลักฐานมันฟ้อง ฟ้องจริงๆ” ไอ้เบนพึมพำคำก่อนรีบวิ่งตามรินไป ร่างกายผมกลับมาหนักอึ้งอีกครั้ง อยากจะก้าวเท้าตามพวกมันไปอธิบายให้รู้เรื่อง แต่ผมชักเท้าไม่ออก ร่างกายผมปฏิเสธผมอีกครั้ง ทำไมเรื่องซวยๆต้องเกิดกับผมแบบนี้...
“ดล...แพรไม่ได้ แพรขอโทษนะดล คือแพรเอง คือแพร...” แพรสา ผู้ที่สร้างความเข้าใจผิดให้กับเพื่อนของผมถึง3คนพูดขึ้น ผมส่ายหน้าช้าๆ... นี้เธอโกหกทุกคนทำไม นี้เธอจะทำลายชีวิตผมไปทำไม เธอทำเพื่ออะไรของเธอ
“แพรสา เธอทำเรื่องแบบนี้ทำไม เธอต้องการออะไรกันแน่” ผมถามแพรสา เวลานี้ผมอยากจะตรงเข้าไปบีบคอแพรสานัก เธอทำให้มิตรภาพระหว่างผมกับเพื่อนที่สร้างสมด้วยกันมาพังทลายไป นี้เธอจะทำอะไรของเธอ นี้เธอต้องการอะไรของเธอ...
ไม่น่าเชื่อเลยนะ ไม่น่าเชื่อเลย มีหลายคนนักอยากจะทำลายมิตรภาพของผมกับเพื่อน แต่ไม่มีใครเคยทำสำเร็จ แต่เชื่อไหมละ ผู้หญิงคนเดียว ผู้หญิงที่เพิ่งมาคบกับไอ้ชลกลับทำลายมันลงได้อย่างง่ายดาย...เพราะอย่างงี้ มันสมควรแล้วที่ผมจะไม่นับเธอเป็นหนึ่งคนในกลุ่มของผม เช่นเดียวกับเพื่อนผม พวกเขาก็คงไม่อยากนับผมเป็นเพื่อนต่อไปอีกเช่นกัน...
“เพราะ...เพราะแพรชอบเบนยังไงล่ะ
” แพรสาตอบกุกกัก...เพราะแพรสาชอบผม เพราะเธอชอบผมงั้นหรอ ถ้าเธอชอบผมจริง ทำไมเธอต้องทำให้ผมแตกหักกับทุกคนด้วยละ อะไรคือความต้องการที่แท้จริงของผู้หญิงตรงหน้าผมกันแน่
“แพรสา...ถ้าเธอชอบฉันจริงๆ แล้วทำไมต้องบอกเพื่อนฉันแบบนั้น” ผมถาม น้ำตาใสๆไหลรินออกจาก2ข้างตาของเธอ...ผมแค่อยากรู้ว่าเธอต้องการอะไรจากผมกันแน่...เธอต้องการอะไร ผู้หญิงที่มีมารยาร้อยเล่มเกวียนคนนี้ต้องการอะไรกัน เธอต้องการอะไรจากผม
“.....”
แพรสาเงียบไป...เธอไม่ตอบคำถามที่ค้างคาอยู่ในใจของผม น้ำตาที่ไหลรินของเธออาจจะแทนคำตอบนั้นได้เป็นอย่างดีก็จริง แต่ผมต้องการฟังมันจากผู้หญิงที่ใช้เพื่อนผมเป็นสะพานทอดมาหาผมมากกว่า เรื่องนี้มันไม่ควรจะจบแบบนี้ เรื่องนี้ผมไม่ควรจะต้องทะเลาะกับเบน ชลและริน เรื่องนี้ตั้งแต่แรกไม่ควรจะมีผู้หญิงนามแพรสาเข้ามายุ่งเกี่ยวกับกลุ่มของผม!!
“ฉันแค่อยากจะรู้จากปากของเธอ บอกให้คนที่เธอชอบรู้ได้มั้ย ว่าเธอทำไปเพื่ออะไร” ผมคาดคั้นความจริงจากเธอ...นี้ผมทำรุนแรงกับเธอมากไปรึเปล่านะ... “แพรสา เธอบอกฉันมาเถอะ เธออย่าทำลายชีวิตฉันให้มันมากไปกว่านี้ได้มั้ย แค่นี้เธอก็ทำให้เพื่อนทั้งกลุ่มเข้าใจฉันผิดไปแล้ว อย่านี้น่ะหรอที่เขาเรียกว่าทำให้คนที่ตัวเองรัก อย่างงี้แปลว่าเธอไม่ได้รักฉันเลยตะหาก”
“ดล...แพรไม่ได้...แพร...แพรชอบดลจริงๆ” แพรสาพึมพำคำเบา...คำที่หลุดออกจากปากแพรสาอาจจะพูดว่าชอบผมก็จริง แต่ผมจะแน่ได้หรือ ว่าเธอชอบผมจริงๆ นี้ผมไม่ได้แคร์แพรสานะ แต่ผมออกจะโกธรมากกว่า เธอไม่มีสิทธิมาทำแบบนี้กับผม
“แพรสา ไอ้ดล แกจะทำอะไรแพรน่ะ” ไอ้ชลวิ่งเข้ามา ช่างเหมาะเจาะจริงๆ แพรสากำลังร้องไห้โดยมีผมเป็นผู้ประทุษร้าย จัดฉากได้เยี่ยมยอด รางวัลสาขาการแสดงยอดเยี่ยมเป็นของ แพรสา...นี้แพรสาคงเซ็ทฉากพวกนี้เองละสิ ทุกอย่างเลย
“ชล...” แพรสาพึมพำก่อนจะปล่อยน้ำตาออกมาราวเขื่อนพัง แหม ซบอกไอ้ชลเสียด้วยสิ แพรสา เธอนี้มันอัจฉริยะในด้านมายาจริงๆแหะ... “ชล ดลเขา ดลเขา...” แพรสาพยายามพูดอะไรสักอย่างที่ผมเองก็จับใจความไม่ถูก
“แพร ดลมันทำอะไรเธอ” ไอ้ชลถามแพรสา แพรสาก้มหน้าร้องไห้อย่างเดียวไม่สนอะไรอีกต่อไป มารยาหญิงของแพรสาช่างเยอะนัก เยอะจนผมเองยังงง นึกไม่ถึงเลยนะเนี่ย...แต่ที่เสียใจมากกว่าเห็นจะเป็นไอ้ชล ไอ้ชลมันเชื่อแฟนมากกว่าเพื่อนที่คบกันมาจะ10ปี...ผมละเชื่อมันเลย
“ฉันไม่ได้ทำอะไรแพรสา แพรสาเองตะหากที่มาสารภาพว่าชอบฉัน” ผมพูดออกไป ไอ้ชลหน้าขึ้นสี มันปราดเข้ามาหมายจะต่อยผมให้ได้ซักเปรี้ยง แต่รินกับไอ้เบนก็เดินเข้ามาเห็นก่อน รินตะโกนบอกให้ชลหยุด ชลมันง้างมือขึ้น ไอ้เบนรีบไปดึงผมออกมาก่อนจะตายคามือไอ้ชล ไอ้ชลชกหมัดลงพื้นอย่างเหลืออด
“แกเขามาห้ามฉันทำไม” ไอ้ชลถามขึ้นเสียงเย็น ผมมองหน้าไอ้เบนและก็ริน ทั้ง2หน้าซีดเชิงว่าไม่รู้เหมือนกันว่าไปช่วยมันทำไม แต่แค่ไม่อยากเห็นเพื่อนตายละมั้ง ผมยิ้มบางๆก่อนพูดกับไอ้ชลช้าๆชัดๆ
“ชล แกจะเชื่อแพรสาก็ได้ ฉันไม่ว่าหรอก แต่ฉันจะเล่าความจริงตรงนี้แหละ ขอให้แกฟังฉันก่อน แค่ฟังก็พอ แล้วจากนั้นขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแก.....” ผมเล่าเรื่องราวในห้องระหว่างที่เริ่มตั้งแต่รัตน์เช็ดตัวให้ผมจนถึงตอนที่แพรสาสารภาพรักกับผม...
“นี้ไม่จริงใช่ไหมแพรสา...” ไอ้ชลถามขึ้น แพรสาก้มหน้า น้ำตายังคงไม่หยุดไหล บ้านเธอมีหุ้นส่วนในกรมประปานครหลวงรึเปล่าเนี่ย “แพรสา เธอชอบไอ้ดลแล้วใช้ฉันเป็นสะพานทอดมาหรอ นี้เธอใช้ฉันทอดมาหาไอ้ดลหรอ”
“ชล แกรู้ไหมว่าแพรสาทอดสะพานให้ไอ้ชลยาวกว่าสะพานข้ามโกเด้นเกตที่ยาวที่สุดในโลกอีกนะ” ไอ้เบนเสริมถึงแม้สีหน้ามันจะยังดูไม่ค่อยเชื่อกับสิ่งที่ผมพูดมาก็เหอะ “ฉันเองก็ไม่อยากจะเชื่อว่าอย่างแพรสาจะทำกับไอ้ดลแบบนั้น แต่...ฉันว่าดลไม่ได้โกหก”
“อืม” ชลตอบเรียบๆแล้วผละจากไปห้องของมัน ไอ้เบนยิ้มให้ผม รินก็ด้วย แล้วแพรสา จำเลยทุกข้อหาจะเป็นยังไงต่อคงต้องแล้วแต่ไอ้ชลมันจริงๆแหะ
“เบน ริน แกว่าชลจะเชื่อฉันรึป่ะ” ผมถามขณะกำลังเดินไปหาลุงกำนัน เฮ้อ...ทำไมชีวิตผมต้องเจอแต่โชคร้ายอย่างนี้ด้วยเนี่ย ดีนะที่ไอ้ชลมันเหมือนค่อนข้างจะเชื่อผม แต่แพรสาก็แฟนมัน มันทั้งรกทั้งหลง ให้ปักใจเชื่อผมเลยก็คงเป็นไปไม่ได้
“ไม่เชื่อเราก็มีหลักฐาน” รินพูด ผมมองหน้าไอ้คู่หู คู่กัด ไอ้เยนชูกล้องวีดีโอขึ้นมาพร้อมกับโชว์หลักฐานชิ้นโบว์แดงออกมา “ตอนแรกเบนเล่าให้รินฟังแล้วแหละ พวกเราเลยถามแพรสาไง ที่จริงเบนเขาเปิดเครื่องบันทึกเสียงอยู่ แล้วดลก็เข้ามา เสียแผนหมดเลยจริงๆ”
“อ้าว หรอ” ผมลากเสียงยาว “โธ่ ไอ้เราก็นึกว่าเชื่อแพรสาจริงๆ” เชื่อเขาเลย ผมโดนไอ้เพื่อนรักของผมหลอกซะสนิทใจ ไอ้เพื่อนบ้า เล่นเอาผมเครียด...
“ไอ้ดล แกรู้รึเปล่าว่าจะหลอกใครต้องหลอกเพื่อนตัวเองให้ได้ก่อนน่ะ” ไอ้เบนพูด “ยัยทอมไร้สมองกับฉันเนี่ยคิดแผนช่วยแกไว้ก็จริง แต่ไม่นึกว่าแกจะเชื่อจริงๆ เห็นหน้าแกแล้วขำหวะ” ผมว่าไอ้คนที่จะขำไม่ออกควรจะเป็นไอ้เบนมากกว่า เพราะยัยทอมไร้สมองที่มันว่าเนี่ยกำลังจะปลิดชีพมันอยู่มะรอมมะร่อแล้ว
“นั้นใช้ปากหรือใช้อะไรพูดห่ะ” เสียงรินตะโกนถามมัน ไอ้เบนรีบเผ่นสิ ไม่นึกเลยว่าไอ้2คนนี้นี่มันจะสามารถหาเรื่องกัดกันได้อีก “นายเบน เดียวนายไม่ตายดีแน่ ฉันจะฆ่านายให้ได้เล๊ย คอยดู สักวันนายจะต้องมาสยบแทบเท้าช้านนน”
“ไปเร็วริน ดลเห็นไอ้เบนมันวิ่งหลังไวๆอยู่โน่นน่ะ” รินรีบสาวเท้าตามสวบๆ แต่อย่างไอ้เบนนักหนีระดับแชมป์โลกแล้ว ให้รินตามง่ายๆคงจะไม่ได้ “รินจับไอ้เบนมาใส่ตะกร้อครอบปากไห้ได้น้า...เดี๋ยวดลไปซื้อตะกร้อให้.....” ผมตะโกนไล่หลังรินไป ไอ้เบนมันคงหูทิพย์ สบถด่าผมใหญ่
“เพื่อนเรานี้มันเฮฮาดีนะดล” เสียงลุงกำนันพูดขึ้น ผมหันหลังกลับไปยิ้มให้แก ข้างหลังแกมีชายหนุ่มร่างกายกำยำและหญิงสาวนามลดาอยู่ด้วย “ดล จำได้รึเปล่า นี้ทรงวุฒิ รุ่นพี่เอ็ง2ปี แล้วนั้นก็แม่ลดา คู่หมั้นทรงวุฒิเขา คนที่เข้าไปเช็ดตัวให้แกน่ะ”
“ดีครับ” ผมเอยคำเบา “แหม คู่หมั้นคุณสวยสวยจังเลยนะครับ” ผมพูดล้อแกไป ว่าแต่หน้าตาทรงวุฒินี้มันคุ้นน่าดู ชื่อก็ด้วย ผมเคยเจอเขามาก่อนรึเปล่าหว่า...
“เรียกพี่ก็ได้ครับ” คุณทรงวุฒิยิ้ม “หน้าตาดลนี้คุ้นจังเลยแหะ เหมือนพี่เคยเห็น” นั้นแหละ แสดงว่าพี่วุฒิกับผมเคยรู้จักกันมาก่อน แต่ผมรู้จักรุ่นพี่คนไหนบ้างน้า แก่กว่าผม2ปี เอ๋ มีใครบ้างน่อ... 2ปี...
“โอ๊ย...ปวดขาจะตายอยู่แล้ว คราวหน้าฉันไม่ไปให้พ่อแล้วนะ นี้ถ้าไม่ติดว่าพี่วุฒิเป็นพี่ชายที่แสนดีฉันไม่ไปให้พ่อจริงๆด้วย” เสียบ่นงึมงำดังแทรกความคิดของผม เสียงนี้คุ้นๆนะ “คราวหน้าต้องเอาไอ้โต้งไปด้วยแล้วนะเนี่ย ไม่งั้นตายแน่ๆ”
“เอ้า บ่นเข้า ไอ้สินนี้ไม่ได้ดังใจเลย ใช้ไปทำแค่นี้ทำมาเป็นบ่น เดี๋ยวข้าก็เหนี่ยวด้วยลูกตะกั่วหร๊อก” ลุงกำนันพูดเหย้าผู้มาเยือนรายใหม่ ชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกับผมนั้นแหละ ไอ้สินหรอ สิน...อ้อ ไอ้สินปากฟาร์มหมานั้นเอง โถ ปล่อยให้นึกตั้งนาน
“แล้วนั้นใครอะพ่อ” สินถามขึ้นพลางมองหน้าผมอย่างไม่ไว้ใจ “หน้าคุ้นๆนะ แต่จำไม่ได้อะ” ไอ้คุณปากฟาร์มหมามันเดินเข้ามาดูผมใกล้ๆ
“เอ็งจำเพื่อนเอ็งไม่ได้เรอะ ดลไง ลูกแม่พกาวรรณ” ลุงกำนันบอกลูกชายแก ก็ไอ้สินนั้นแหละ ไอ้สินทำหน้างงแล้วจึงเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ไอ้ปากฟาร์มหมาอ้าปากค้างจนแมลงวันบินหวือเข้าปาก สมน้ำหน้ามัน
“ไอ้ก้างเรอะ ไม่ได้เจอตั้งนาน หล่อขึ้นเยอะเชียวนะเอ็ง” ไอ้สินเจ้าของฟาร์มหมายุคใหม่ ‘เพาะในปาก’ มันพูดขึ้น ผมว่านะ ถ้าเอาไอ้สินกับไอ้เบนมาปะทะกันคงมันส์น่าดู ผมพนันว่าเสมอ เพราะสงสัยมันจะต้องเถียงกันจนตาย หมาท่วมโลกแหงๆ
“อือ แกเองก็ดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นเยอะนะไอ้สิน” ความสูงระหว่างไอ้สินกับผมห่างกันคืบกว่า ไอ้สินมันเคนสูงกว่าผมนิ กาลเวลาผ่านไปผมสูงกว่ามันเป็นคืบเลยแหะ มันเตี้ยลงหรือมันไม่สูงขึ้นเลยหว่า เพราะดูมันตัวเท่าเดิมยังไงพิกล “แกเตี้ยลงหรอว่ะไอ้สิน”
“อ้าว ไอ้เวร ไหงพูดงั้นละ ตัวข้าก็เท่าเดิมงี้แหละ ว่าแต่แกสูงขึ้นตั้งแยะนี้หว่า” ไอ้สินยิ้มแหย่ๆกับคำชมของผม “แถมไม่เป็นไอ้ก้างแบบเดิมด้วย หล่อขึ้นมาเชียวนะเว้ย เกินหน้าเกินตาแล้วแก เฮ้ย วันนี้อยู่กินข้าวกับข้าก่อนนะเว้ย ว่าแต่ มานี้ได้ไง”
“เหาะมามั้ง ถามได้ มากับค่ายโว้ย ค่ายช่วยเหลือสิ่งแวดล้อมน่ะ” ผมอธิบายให้มันฟัง มันทำหน้างงๆนิดหน่อย สงสัยมันคงไม่เชื่อว่าคนอย่างผมมากับค่ายอาสาช่วยพัฒนาชุมชนละมั้ง ผมกับมันเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กเลยรู้เช่นเห็นชาติกันมาหมดแล้ว
“อย่างแก ค่ายสิ่งแวดล้อม เชื่อตายแหละ” สินมันส่ายหัวพร้อมก้าวเข้ามาประชิดผม “แกคิดถึงฉันละสิเลยมา” มันหัวเราะ ผมขนลุกซู่ “เฮ้อ...แกหล่อจริงๆพับผ่าสิ ไม่น่าเชื่อเลยว่าแกกับฉันเกิดห่างกันไม่กี่นาที”
เชื่อไหมละว่าผมกับมันเกิดวันเดียวกัน แต่คนละท้องน้า... “ไอ้สิน แกรู้รึเปล่าว่า.....” ก่อนที่ผมจะทันถามอะไร ไอ้สินก็ปราดไปหาคุณลดาพลางแซวพี่วุฒิว่ามีคู่หมั้นสวย ทำไมไม่สอนมันหาคู่หมั้นสวยๆแบบนี้บ้าง
“ไอ้ดล ไอ้ดลแกอยู่หนายยย” ไอ้เบนส่งเสียงเรียกผม เล่นลากเสียงซะยาว ถ้าผมตอบกลับไปว่า ‘ฉันอยู่นี้....’ ก็คงเป็นเพลงไอ้ทุยอยู่ไหนแหงๆ มันยิ่งหาโอกาสจ้องจะงับผมอยู่เรื่อย ว่าแล้วไอ้ตัวก่อเหตุให้ผมเกือบเป็นไอ้ทุยก็โผล่หัวมา หน้าตาช้ำนิดหน่อยแสดงว่าไม่รอดจากมือรินแน่ๆ เจ้าแม่ยากูซานิ ขานั้นน่ะ
“มีอะไรว่ะไอ้เบน” ผมถามมัน ไอ้เบนยิ้มให้คุณลดา กำนันและก็พี่วุฒิ ผมเลยถือโอกาสแนะนำเพื่อนผมให้รู้จัก “เออไอ้เบน นี้เพื่อนฉัน ไอ้สิน” ผมบอกมัน มันทำท่าทางมองไม่เห็นไอ้สิน เอาเถอะ ว่ามันไม่ได้เพราะผมเองก็แทบไม่เห็นแล้วนับประสาอะไรกับไอ้เบนที่สูงกว่าผมซะอีก
“ไหนว่ะ ไอ้สินเพื่อนแก” ไอ้เบนถาม มันตีหน้าซื่อหรือว่าผมคิดมากเองหว่า มันแกล้งแหย่ปมด้อมของไอ้สินรึเปล่าหว่า....แหะๆ เดี๋ยวจะได้เกิดการปล่อยหมาไปทั่วแหงๆ ไอ้สินเหยียบเท้าไอ้เบนเต็มแรง ไอ้เบนร้องจ๊าก ดี สมน้ำหน้ามัน หาเรื่องใส่ตัว
“อยู่นี้โว้ย ไม่ทราบว่าตาบอกหรือไม่มีตาว่ะ” ไอ้สินเอาไปเลย10คะแนน บวกลีลาการเหยียบเท้าไอ้เบนไปอีกห้า เอาไปเลย15คะแนน
“อ้อ นี้หรอครับ ผมขอโทษครับพอดีคุณ ’เตี้ย’ กว่าระดับสายตาผมน่ะครับเลยไม่เห็น ต้องขอโทษจริงๆนะครับ” โห เอาไปเลยไอ้เบน20คะแนน หน้าของไอ้สินถึงกับขึ้นสี แต่อย่างว่า มีหรือคนอย่างไอ้สินจะยอมแพ้ หมามันเพาะพันธุ์เร็วกันจะตาย จริงมั้ย
“อ่อครับ เข้าใจแล้วครับที่คุณเป-รต แสดงว่าแก่แล้วใช่มั้ยครับถึงไม่เห็นผม เดี๋ยวผมให้ยืมแว่นพ่อเอาม่ะๆ พ่อๆ ขอแว่นหน่อยดิ” ไอ้สินร้องหากำลังเสริม จะว่าไปไอ้การปะทะคราวนี้กับไม่มันส์เท่าที่ผมคิดเอาไว้ แย่จัง
“ไอ้สิน เดี๋ยวพ่อเป่าดับเลยนิ เขาเป็นแขกนะโว้ย ไปพูดกับเขาอย่างงั้นได้ไง” ไอ้สินหน้างอ ส่วนไอ้เบน อย่าถามหน้าบานเป็นจานดาวเทียมเลยมันน่ะ พี่วุฒิก็กระพริบตาปริบๆเชิงว่านี้มันคนหรือหมากัดกันว่ะ คุณลดาแกก็ขำท้องขัดท้องแข็ง
“ไอ้เบน ไอ้สิน ไปหาที่พวกที่เหลือกันเหอะ” ผมเอ่ยชวนพวกมันก่อนที่ไอ้สินมันจะโดนพ่อมันเอาลูกปืนจ่อหัว พวกมันพยักหน้าและเดินตามผมมา ผมถามเรื่องที่โรงเรียนมันตั้งหลายเรื่องแน่ะ ทำให้ผมได้รู้ว่าโรงเรียนผมโดยนายทุนหน้าเลือดบีบให้ขาย นายทุนจะเอาไปทำโรงแรม พวกนายทุนพวกนี้นิ มันทำลายโอกาสเด็กไม่ให้เรียนหนังสือเลยนะเนี่ย
“ริน รินเห็นไอ้ชลมั้ย อ่อนี้เพื่อนดลนะชื่อสิน” ผมแนะนำรินให้ไอ้สินรู้จัก รินกล่าวทักทาย ไอ้สินมันทำตาแพรวพราวใส่ริน สงสัยมันจะชอบรินแหะคราวนี้ รินจะเป็นฝังเป็นฝาแล้ว รินตอบผมว่าชลอยู่ที่ชานหลังบ้าน ผมเลยรุดไปหามันทันที หลังบ้านน่ะมันมีคลองนะ เดี๋ยวไอ้ชลคิดฆ่าตัวตายผมผิดนะเออ
“ไอ้ชล แกอยู่ไหน” ผมตะโกนเรียกชลแข่งกับไอ้เบน ส่วนไอ้สินอย่าไปถามมันเลย ตัวมันอยู่นี้ แต่ใจมันคงอยู่ที่คุณรินคนสวยของมันน่ะแหละ จะว่าไปคราวนี้ผมก็แปลกใจนะ ปกติรินจะเป็นคนแข็งโป๊ก แต่กลับเล่นละครร้องไห้ได้ขนาดนั้น ถึงแม้ยังไม่เข้าใจว่าจะร้องทำไมก็เหอะ
ผมเดินตามหาไอ้ชลต่อ ต้องเข้าใจนะ สวนหลังบ้านลุงกำนันไม่ใช่เล็กๆ กว้างจะตาย แถมรกจนใจจะขาด แทบไม่มีอากาศหายใจเลยนะนั้น อึดอัดนะจะบอกให้... ผมตัดทะลุไปที่อีกด้านหนึ่งของใต้ถุนบ้าน ทำไมต้องเป็นบ้านทรงใต้ถุนสูงด้วยนะ
“ไอ้ชล...ไอ้ชลโว้ย” ผมเดินหาต่อไป นั้นหลังใครว่ะ ผมเห็นใครหลังไวๆ “เฮ้ยนั้นใครอะ มาทำอะไรลับๆล่อๆแถวนี้ ออกมานี้เดี๋ยวนี้นะ เฮ้ย ไอ้เบนมานี้เร็ว... มาช่วยกับจับขโมยหน่อยโว้ย” ผมตะโกนต้องใช้คำขยายนามว่า อย่างดัง!!
“อะไรนะ ขโมยงั้นหรอ ไหนๆ ขโมยขึ้นบ้าน พ่อๆ ขโมยพ่อ เล้าไก่ชนพ่ออะ ขโมย!” ไอ้สินแหกปากดังๆพอกับผม มันเรียกพ่อมันพร้อมปืนคู่ใจให้มาปกป้องเล้าไก่ชนเนี่ยนะ เชื่อมันเล๊ย เอาเถอะ พ่อมันชอบไก่ชนเป็นชีวิตจิตใจนี้หว่า
“ขโมย!!” คนในบ้านกระชับข้อความที่ได้รับจากไอ้สิน โดยสั้นได้ใจความ ผมรีบดอดออกจากพุ่มไม้ เอี่ยวตัววิ่งไปหมายจะจับ ‘ขโมย’ ผมโผตัวออกไปโดยแรง มือผมโดนตัวมันแล้วแต่เสียงที่ไม่คาดฝันก็ดังขึ้นจากปากไอ้ผู้ร้ายในชุดดำ
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด” ยาวนานแสบแก้วหูคนฟัง
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด” ไม่มีทีท่าว่าจะจบลงเสีย แถมยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดง่ายๆจบผมต้องแหกปากบอกให้หยุดเสียที
“หยุดโว้ย” 3วินาทีหลังสมองสั่งงานให้แหบปากออกไป ผมพบว่าขโมยคนนี้เป็นผู้หญิง!! โจร ขโมยสมัยนี้ไม่เว้นเพศด้วยแหะ ผมรัดตัวขโมยเอาไว้ “เธอคือใครกันแน่ มาทำอะไรที่นี้ มาทำอะไรลับๆล่อๆอย่างนี้ห่ะ”
“ฉันเปล่า...ฉัน...ฉันมาให้อาหารไก่” เธอตอบ ใส่หมวกไอ้โม่งเนี่ยนะมาให้อาหารไก่ ใส่ชุดสีดำเนี่ยนะ โหย...ผมละโค-ตรงง นี้มันเรื่องอะไรกันเนี่ย “แล้วนายมาจับฉันทำไม ปล่อยเซ่...ฉันบอกให้ปล๊อย!!”
“แล้วคุณมาทำอะไรที่นี้ มาให้อาหารไก่ชุดนี้เนี่ยนะ”
“เออ”
“ไหนว่ะโจรขโมยไก่ ไหนๆ” เสียลุงกำนันพ่อไอ้สินแบกปืนคู่ชีพเดินมาทางเล้าไก่ของแก หญิงสาวในอ้อมแขนของผมถือโอกาสเหยียบเท้าผมโดยแรง ถ้าขยายความหน่อยก็จะกลายเป็น ‘กระทืบ’ ผมร้องจ๊ากออกมาเร่งให้คณะผู้ˆเดินทางรีบเร่งรุดมาทางผมโดยไว
“เฮ้ย ไอ้ดล เป็นไร แหกปากซะดัง ไหนว่ะโจร” ไอ้เบนที่เพิ่งแทรกหญ้าคากองสุดท้ายที่สูงพ้นหัวมาหาผมมันถาม ผมกระพริบตาถี่ๆไม่ให้น้ำตาจากความเจ็บหยดลงมา ก็มันเจ็บนี่นะ “ไอ้ดล แกร้องไห้ทำไมว่ะ โดนโจรขืนใจรึไง”
น่าน!! ไอ้เบนปล่อยหมามากัดผมเข้าจังๆ ขืนพูดกับมันนานกว่านี้อีกหน่อย กวนกว่านี้อีกนิดมีได้แลกมวยกันแหงๆ “โดนโจรกระทืบเท้าโว้ย มันหนีไปหนีทางโน่นแล้ว ไปเด่ ไปตามจับ ไม่ต้องมายืนทำตาปริบๆ ไป๊”
“เออ” มันตะโกนใส่หน้าผมก่อนจะถลาวิ่งหน้าตาตื่นไปจับโจร มันวิ่งไปสมทบทางลุงกำนันที่คิดว่าคงจะจับโจรได้แล้ว ผมค่อยๆสั่งการฝ่าพระบาทของผมให้ตามไอ้เบนไปโดยแรงที่ไม่เอื้ออำนวยในขณะนั้น แต่ยังไงก็ต้องแก้แค้นละว่ะ ผมเจ็บนะจะบอกให้
“ไอ้สิน เอ็งถอดหมวกโม่งมันให้พ่อทีสิ พ่อจะเล็งปืนให้” ลุงกำนันแกบอกไอ้สินขณะที่ผมก็ยังค่อยๆกระดืบไปเรื่อยๆตามยถากรรม ไอ้สินเอือมมีไปจับที่หมวกโม่งเตรียมจะกระชากออกมา แต่เหมือนมันเพิ่งจะนึกอะไรขึ้นได้ ลุงกำนันเลยปรามให้มันกระชากหมวกออกมาอีกที
“ได้ๆ แต่พ่ออย่ามาเล็งที่หัวฉันละกัน คนอะไรก็ไม่รู้ รักไก่ชนมากกว่าลูก” ไอ้สินงึมงำเชิงให้คนอื่นรู้ว่าพูดอะไร กำนันหัวเราะก๊ากใหญ่ พี่วุฒิ ไอ้เบนกับคุณลดายืนมองหน้ากำนันงงๆ เชิงว่าหัวเราะอะไรของเขา และคำถามทั้งหมดก็ได้รับคำตอบ
“บ๊ะ ไอ้ลูกบ้าหัดทำนิสัยดีๆแบบไก่สิว่ะ เลิกขี้เกียจ เลิกบ่นให้ได้ยิน” กำนันอธิบาย
“บ๊ะ พ่อก็ หัดเอาใจใส่ลูกบ้างดิ เลิกด่าลูก แล้วก็ไปเรียนภาษาไก่จะได้รู้ว่ามันบ่นไม่บ่น” ไอ้สินเถียง แต่คำเถียงมันฟังดูทะแม่งๆไงก็ไม่รู้แหะ เรียนภาษาไก่ คิดมาได้นะแก
“บ๊ะ ไอ้ลูกเวร ใครว่าข้าไม่เอาใจใส่เอ็ง ใครว่าข้าด่าเอ็ง เอ็งเคยได้ยินมั้ย รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี ยิ่งลูกทรพี ต้องตีให้ตาย” ลุงกำนันกระชับปืนในมือให้หมั้นขึ้นอีก พี่วุฒิและพรรคพวกหลายคนที่ยืนตรงนั้นขำก๊ากใหญ่ ไอ้สินเลยหน้ามุ่ยเห็นๆ
“พ่อว่าฉันทรพีหรอ” ไอ้สินพูดเสียงน้อยใจ ผมงงเป็นไก่ต้อกระจกเสื่อมเลย ไอ้สินมันยอมง่ายขนาดนี้เลยเรอะ ปกติเห็นเถียงพ่อเป็นเกลียวหัวเป็นตะปู แต่ก็นะ เสือย่อมไม่ทิ้งลาก หมาย่อมไม่ทิ้งทีอยู่อาศัยดีๆ ....ปากไอ้สิน!! “พ่อ...เดี๋ยวฉันจะไปฟ้องแม่ดีกว่า ได้ข่าวว่าเลี้ยงสวยๆเอ๊าะๆไว้ไม่ใช่หรอ โถ อย่างพ่อก็แค่ตาแก่ตัณหากลับละว้า”
ลุงกำนันที่อ้าปากหวังจะปลอบประโลมลูกชายหัวน๊อตหัวตะปูให้หายเสียใจกับคำพูดของพ่อ คำที่กำลังจะออกมาจากปากกลืนหายกลับไปหมด “บ๊ะ ไอ้สิน ไอ้ลูกเวร ว่าพ่องี้ได้ไง เดี๋ยวพ่อสอยให้ร่วงเลยนิ ปากดีนักนะเอ็ง”
ไอ้สินที่กำลังจะต่อกลับโดนพี่วุฒิที่เริ่มน้ำในหูไม่เท่ากันขัดจังหวะ “แล้วเราจะเปิดหน้ากากไอ้โม่งได้รึยังครับ” ทุกคนลืมนึกถึงไอ้โม่งไปเสียสนิท ดีไม่ดีไอ้โม่งเองยังลืมเลยว่าโดนจับในข้อหา ‘ขโมย’ อยู่ ก็ไอ้2พ่อลูกเล่นมาเล่นตลกโป๊กฮาอะไรกันตอนนี้ก็ไม่รู้
ผมทุลักทุเลเดินเข้ามาเกาะไอ้เบน ไอ้สินกระชากหมวกไอ้โม่งออก พี่วุฒิ ลุงกำนัน คุณลดา ไอ้สิน ทุกคนมีสีหน้าตกตื่นใจ ส่วนผมกับไอ้เบนก็คงตกอยู่ในสภาวะไก่เป็นต้อกระจกอีกครั้ง และแน่นอนว่าผมกับไอเบนตกอยู่ในสภาพนั้นได้ไม่นานก็ต้องแหกปากออกมาเสียงเดียวกัน “ใครอะ”
“ไอ้หมวยดารารัตน์” ลุงกำนันร้อง ไอ้สินเอาหัวคิ้วมาผูกกันเล่นไม่แพ้พี่วุฒิกับคุณลดา ผมกับไอ้เบนมีคำถามเดียวกันในหัว ‘ใครว่ะ หมวยดารารัตน์’ ผมมองหน้าไอ้เบน ไอ้เบนก็มองหน้าผม ตอนนี้สภาวะตกอยู่ในความเงียบอีกแล้วครับ
หญิงสาวที่ชื่อดารารัตน์ คนนี้หรอที่กระทืบเท้าผมได้เต็มแรงจนแทบอยากจะกรี๊ดเป็นผู้หญิง เด็กสาวหน้าตาน่ารักๆนี้เนี่ยนะ จะบ้าตาย ไม่เชื่อก็ไม่ได้ เชื่อก็ไม่น่าเชื่อ แต่ที่รู้ๆก็คือยังไม่หายเจ็บเท้าเลย ให้ตายสิ ตอนนี้ไม่อยากทำอะไรแล้วแหละ อยากหาอะไรมาประคบเท้าแทบบ้า เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับผมให้ได้ทุกทีเลยสินะ....ซวยฉิบ...
ความคิดเห็น