คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Chapter2 นั้นเธอรึเปล่า
Chapter2 นั้นเธอรึเปล่า...
รถตู้คันดำเริ่มลดความเร็วลง สงสัยคงจะถึงโรงเรียนของผมแล้วมั้ง ผมเลื่อนตัวทำท่าจะลง แต่แล้วโทรศัพท์ที่ใช้ติดต่อกับพี่ใบ้ก็ดันดังขึ้นเสียงก่อน พี่เขาโทรมาทำไมว่ะ ผมสงสัย แต่ไอ้ชลก็คว้าหูขึ้นมาแล้วกรอกถามลงไปว่ามีอะไร นี้มันจะโหดกันทั้งตระกูลเลยหรอเนี่ย
“นายน้อยครับ มาถึงแล้วครับ แต่ไม่เห็นมีโรงเรียนเลยนี่ครับ” พี่ใบ้พูดกับนายน้อย นายน้อยของพี่ใบ้เลยถามผม ผมก็ชะโงกหน้าออกไปดูสิครับ ไม่เห็นๆอะไรเลยจริงๆ เห็นแต่ที่ดินว่างๆปักไว้ข้างหน้าว่าขาย โรงเรียนผมหายไปไหนเนี่ย
“ไปจุดนัดพบเลยก็ได้ ไม่รู้โรงเรียนหายไปไหนเหมือนกันหวะ” ผมบอกมัน มันก็บอกพี่ใบ้ต่อ แหม ทำงานกันเป็นระบบดีจังแหะ “ไอ้ชล ขอบใจนะเว้ยที่อุสส่าห์พามาไกลขนาดนี้ ไม่น่ารบกวนบ้านแกเลยหวะ”
“ไม่เป็นไรเว้ยไอ้ดล เพื่อนกันก็ต้องช่วยกันสิว่ะ” ผมละซึ้งน้ำใจพวกมันจังเลย ทั้งไอ้ชล ไอ้เบน มันนี้เพื่อนตายของผมจริงๆแหะ ถึงแม้คนจะว่ากลุ่มพวกเราคบแต่คนรวยก็เหอะ แต่กลุ่มเราไม่ได้คบแต่คนรวยน้า ผมคบทุกคน แต่คนอื่นคบกับผมจะหวังผลกับผมซะมากกว่าน่ะสิ ผมไม่ชอบไอ้พวกนี้ หว่านพืชหวังผลแบบนี้
ผมมองเพื่อผมแต่ละคน กลุ่มของผมหรอ...เพื่อนทุนคนมันก็มีข้อดีข้อเสียเป็นของตัวเอง กลุ่มพวกผมเนี่ยจะเป็นพวกรับข้อเสียของแต่ละคนได้กระมั้ง ถ้าจะว่างั้น กลุ่มผมก็คงกลมเกลียวกันไม่ใช่เล่นเหมือนกันแหะ
ไอ้ชลเนี่ยมันหน้าตาก็ดี ฐานะก็ดีมากๆเลยเป็นที่หมายปองของสาวๆเยอะ ผมไม่รู้นะ แต่มันเป็นพวกแล้วแต่อารมณ์ มีอารมณ์จะพูด จะทำก็พูดก็ทำ ไม่มีใครขัดได้ ภาษาชาวบ้านเขาว่าเอาแต่ใจ แต่มันไม่เคยทำให้ใครเดือดร้อนนะเอ้า มันเป็นคนชอบทำบุญ ทำทานนะ สงสัยนิสัยแบบนี้สาวเลยติดใจมันมั้ง ไม่รู้สิ มันรักเดียวใจเดียวอยู่ที่แพรสาหมด ผมเลยไม่กลัวว่ารัตติกรของผมจะไปแอบชอบมันเท่าไหร่
ไอ้ชลมันหน้าตาออกลูกครึ่งฝรั่งตาน้ำข้าวเล็กๆนะ ผมมันซอยน้ำตาลเข้มเกือบดำเข้ากับตาสีฟ้าใสที่ได้มาจากแม่ ผมเคยคิดว่าตากับผมสีอย่างนั้นมันน่าเกลียด แต่พอเจอไอ้ชลผมเลยต้องเปลี่ยนใจครั้งยิ่งใหญ่ สีผิวของกลุ่มพวกผมจะคล้ายๆกันหมดคือสีคล้ำแดด เพราะพวกเราชอบไปเล่นกีฬาด้วยกันเสมอราวว่า จะดำต้องดำด้วยกันมั้ง
ส่วนไอ้เบน มันก็หน้าตาออกจีนตาโตนิดๆ ฐานะทางบ้านก็พอๆกับผม ไอ้เบนมันกึ่งเจ้าชู้นะ แต่ก็รักเพื่อนมาก ผมเลยไม่ห่วงเหมือนกันว่ามันจะมาแย่งรัตติกรของผม เบนมันควงสาวไม่เลือกหน้าเชิงว่าสนองความต้องการของพวกหล่อน แต่มันก็ไม่เคยหลอกฟันใคร ถือว่าเป็นเพย์บอยนิสัยดีก็แล้วกันนะ
ไอ้เบนมันตาสีน้ำตาเข้มเกือบดำสนิท มันไว้ผม ‘ทรงสุดหล่อ’ ที่เข้ากับมันคนเดียว จริงๆนะ หน้าตาดีแบบผมลองไปตัดคล้ายๆมันแล้วอืดเป็นบ้า ทรงผมมันน่ะ มันก็บอกว่าแบบเนี่ยกำลังฮิต ฮิตมากเลยให้ตายสิ ทั้งโลกมีมันนี้แหละไว้คนเดียว
รินก็เป็นเพื่อนผมตั้งแต่ม.ปลาย เป็นเพื่อนไอ้ชลกับไอ้เบนด้วยน่ะแหละ พวกเราคบกันมาตั้งแต่สมัยผมเข้ากรุงเทพฯได้3-4ปี รินเป็นคนดี หน้าตาสวยแบบไทยๆไม่ใช้แบบฝรั่งเหมือนแพรสาตาของเธอสีน้ำตาลอ่อนกับผมสีเดียวกันซอยประบ่านั้นดูน่ารักดี เธอเป็นเด็กผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มถ้าไม่นับแพรสา ผมไม่เคยนับแพรสาเป็นสมาชิกในกลุ่ม ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน
รินเป็นเด็กสาวที่หมายปองของหนุ่มหลายคนเหมือนกัน แต่รินจะออกแนวทอมๆนิดๆถึงได้กัดกับไอ้เบนที่ชอบผู้หญิงเรียบร้อยเป็นกิจวัตร ผมไม่รู้ว่าทั้งคู่เกิดมาเพื่อกัดกันรึเปล่า แต่ทั้ง2ก็หาเวลากัดกันได้ทุกครั้งที่ว่าง นับถือจริงๆเลย
แพรสา สาวสวยดาวคณะที่ไอ้ชลมันควง แพรสาหน้าตาดีถ้าไปเป็นนางแบบหรือดาราละก็เป็นได้สบายๆ ตาสีนิลเข้มดูเข้มแข็งแต่อ่อนหวานควบคู่กันไป ผมสีเดียวกับตายาวมาถึงกลางหลัง เรือนร่างของเธอก็สมส่วนจนไร้ที่ติติง ภาษาที่ใช้ชมหญิงต้องเรียกประมาณว่า...นางฟ้าลงมาจุติ แพรสาเป็นคนนุ่มนวลอ่อนหวาน แต่ผมก็ไม่เข้าใจนะว่าเธอได้รับความรักจากไอ้ชลน้อยไปรึเปล่าถึงได้เที่ยวทอดสะพานให้ผมเสียเต็มมหาลัย ผมไม่ค่อยชอบผู้หญิงแบบแพรเท่าไหร่ ว่าง่ายๆก็คือไม่ใช่นางในฝันของผมเลย เสียดายที่เธอยังไมรู้เรื่องรัตติกร แต่ถ้ารู้เธอจะทำหน้ายังไงนะ อยากรู้จังเลยแหะ
เฮ้อ...ผมอยากเจอรัตติกรเร็วๆจังเลย...แต่อาจจะไม่มีทางแล้วก็ได้นะ เบาะแสอย่างเดียวหายไปแล้ว โรงเรียนหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน 13ปี ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปเกือบหมด...แล้วใจของเธอละ ยังจะจำผมได้รึเปล่า...เธอคนนั้น...
ตอนนั้นเธอชอบผมอยู่แน่ๆเลย แต่พี่ป.6จอมวางอำนาจนั้นมาแย่งเธอไป ใช่ ต้องเป็นแบบนี้แน่ๆ แต่ตอนนี้เธอยังจะชอบผมอยู่เหมือนเดิมรึเปล่า... ผมหวังให้มันเป็นแบบนั้นจริงๆ รัตติกรจะต้องจำผมได้ เราจะได้แต่งงานกันและอยู่อย่างมีความสุขชั่วนิรันดร เหมือนเทพนิยายปรัมปราทั้งหลายที่ผมเคยอ่าน เจ้าหญิงกับเจ้าชายอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข...
“เฮ้ย ไอ้ดล ทำไมแกชอบเหม่อว่ะพักนี้” ไอ้เบนมันดึงผมหลุดจากภวังค์ ครั้งที่2แล้วนะเว้ย คนกำลังนึกถึงนางในฝันอยู่ดีๆ ไอ้เพื่อนบ้านี่น่าจับกดลงน้ำไม่ก็เอาไปประหารหัวสุนัขซะให้เข็ด “แกจะเหม่อเพ้อฝันถึงแม่โอเลี้ยงนั้นฉันไม่ว่าหรอก แต่ตอนเนี่ยมันถึงแล้วโว้ย เชิญเด็ด อย่ามามองหน้าราวกับจะกินเนื้อกินหนังฉันแบบนั้น”
ไอ้เพื่อนมันอธิบาย “แล้วไม่บอกตั้งแต่แรก เดี๋ยวก็ฆ่าซะจริงๆเลย” โถ...ไอ้เพื่อนทำไมไม่บอกตั้งแต่แรกปล่อยให้ผมนั่งคิดหาวิธีปิดปากมันอยู่ตั้งนาน
ผมก้าวลงจากรถ สงสัยผมจะเหม่อจัดอย่างที่ไอ้เบนมันพูดจริงๆ เพราะไอ้ชล แพรสา แล้วก็รินมันลงไปรอผมอยู่ข้างล่างเรียบร้อยแล้วน่ะสิ....
"สวัสดีครับน้องๆจากทางกรุงเทพฯ พี่เป็นหัวหน้าของค่ายสานสัมพันธ์ฯนะครับ ก่อนอื่นเลยต้องขอขอบคุณน้องๆก่อนที่มีน้ำใจช่วยเหลือเพื่อนร่วมชาติของเรา ขอบคุณน้องๆจริงๆนะครับ” พี่เจ้าของค่ายพูดขึ้น “น้องจะได้รับหมายเลขให้ไปติดนะครับ ให้เขียนชื่อเล่นไว้ข้างใต้ด้วย คนที่เลขเลข.....ให้ไปพักที่หอทางด้าน.....ส่วน......”
ผมและเพื่อนๆทั้งก๊วนได้พักที่บ้านลุงกำนัน เชื่อไหมละว่าแค่พวกผม5คนเท่านั้นเอง ส่วนตัวดีแท้ พวกผมเดินทางต่อไปที่บ้านกำนันซึ่งไม่ไกลจากที่นั้นเท่าไหร่ พอขึ้นรถ ผมก็นั่งจินตนาการรัตติรก นางในฝันของผมต่อ...แหม ช่างมีความสุขจริงๆเลย
รัตติกร...เธอจะต้องผมยาวแล้วผูกเปียหลวมๆเหมือนที่เคยทำในอดีต ดวงตาหวานช่ำยังคงประดับอยู่บนใบหน้ารูปไข่สินะ ริมฝีปากอวบอิ่มที่แย้มรอยยิ้มตลอดเวลาก็คงยังอยู่เช่นกันแหละ ร่างบางของเธอก็ต้องระหงกว่าแพรสาแน่ๆ เฮ้อ...ยิ่งคิดยิ่งอยากเจอเร็วๆเป็นที่สุด
“ดล ดลนั่งคิดอะไรอยู่คนเดียว บอกแพรบ้างสิ เผื่อแพรช่วยคิด” แพรสาถามผม ผมชักอยากให้แพรสาเป็นโรคที่ว่าพอขึ้นรถปับก็หลับปุบ จะได้ไม่ต้องมาเที่ยวถามความในใจของใครอีก มันน่านักเชียว
“ดลมันก็คงคิดเรื่องเรื่อยเปื่อยของมันอยู่ เธอจะไปยุ่งอะไรกับมันล่ะ” ไอ้เบนมันตอกหน้าแพรสาเข้าให้ ผมยิ้ม ไอ้ชลก็ยิ้ม แพรสาเลยกระฟัดกระเฟี้ยวใส่ไอ้ชลแทน แน่ละ จะมาลงกับผมได้ไง ลงกะไอ้เบนก็ไม่ได้ด้วย
“ชลดูเพื่อนชลสิ ว่าแพรว่ายุ่ง ชลจัดการให้แพรหน่อยสิค่ะ” แพรสาออดอ้อน ไอ้ชลยิ้ม ไม่รู้จะยิ้มหาพระแสงอะไรของมัน แต่ก็เอาเถอะ ดีซะอีกที่แพรสากลับไปอ้อนไอ้ชลเหมือนเดิม ความซวยจะได้ไม่ลงที่ผม...
“...ถึงแล้วไง บ้านกำนัน โห ฟู่ฟ่าไม่ใช่เล่นเว้ยเฮ้ย
” ไอ้ชลตัดบทไม่ฟังเสียงอ้อนของแพรสา สงสารก็สงสารแพรสาอยู่หรอกนะ แต่เธอหาเรื่องเองไม่ใช่หรอ ผมเลยไม่สนใจเอแล้วก้าวลงจากรถตามรินไป
“อ้าว นี้เดินทางมาจากกรุงเทพฯกันใช่ไหมเนี่ย...ไปๆเข้าบ้าน” ลุงกำนันพูดตอนรับ หน้าแกคุ้นๆเหมือนติดอยู่ที่ไหนซะแห่งในซอกความทรงจำของผม...ลุงกำนัน...อ่อ...กำนันไพศาลนั้นเอง ผมจำได้แล้วเลยรีบไหว้แกประหงกๆ
“สวัสดีครับลุงไพศาล ผมดนุพลเองครับ จำได้รึเปล่า” ลุงกำนันหรี่ตามองผมอย่างพิจรณาก่อนจะทำหน้าไปถึงบางอ้อ โถ ขนาดลุงกำนันที่ได้ชื่อว่าพ่อกับแม่ของผมชอบเทียวไล้เทียวขื่อไปหาแกบ่อยๆแล้วยังจำผมไม่ได้ แล้วรัตติกรจะจำผมได้หรอเนี่ย...
“ดลเองหรอเรอะ หายหน้าไปตั้ง13ปี ลุงแทบจำเอ็งไม่ได้เลยนะเนี่ย หล่อขึ้นเยอะเชียว ไปๆ เข้าบ้านกันก่อน กินน้ำกินท่าจะได้สบายตัว” ลุงกำนันชวนพวกผมขึ้นเรือนแก แต่ไอ้เบนก็ไม่วายที่จะแซวแกก่อนขึ้นเรือน ไอ้เบนนี้ท่าจะเอาแค่ตะกร้อครอบปากไว้ไม่อยู่แล้วแหะ
“กินแต่น้ำไม่ได้หรอครับ ไม่อยากกินท่า ผมเพิ่งไปทำฟันมา ไม่อยากฟันหักให้เสียตังค์ เดี๋ยวนี้มันแพ๊ง แพง” ลุงกำนันขำ ดีนะเนี่ยที่ลุงแกใจดี ไม่งั้นคงวิ่งไปเอาปืนลูกซองในบ้านมาเป่าหัวไอ้เบนเข้าให้เป็นรูใหญ่ๆที่หัว ถ้าโดนจริงก็คงต้องสมน้ำหน้ามันแหละคร้าบ...
และพวกเราทั้ง5ก็รอดจากการแพ่นกระบาลจนถึงชานรับรองแขกของลุงกำนัน แต่ทำไมอยู่ดีๆเสียงของรัตติกรเกิดดังขึ้นในสมองผมอย่างประหลาด....ฉันมีแฟนแล้ว....ฉันมีแฟนแล้ว....ผมยกมือขึ้นกุมขมับ ไอ้ชลและไอ้เบนรีบปราดเข้ามาหาผม
“เป็นไรไปว่ะไอ้ดล ไอ้ดล” เพื่อนทั้ง2เขย่าตัวผม ผมได้ยินมันทั้ง2คนแหละ แต่เสียงที่ผมจะตอบมันเพื่อคลายความเป็นห่วงกลับแหบพร่า ไม่มีเสียงเปล่งออกไปจากปากของผมเลย สมองของผมเบลออีกครั้ง สมองของผมมีแต่เสียงของรัตติกร เสียงที่ทำให้ปวดใจเป็นที่สุด
“วุฒิค่ะ...รัตน์ว่ารัตน์ไม่อยากไปเที่ยวกรุงเทพฯแล้วค่ะ” เสียงของหญิงสาวดังขึ้นในหัวผมสลับกับเสียงของรัตติกร...บอกอย่างอื่นไม่ได้ รู้แต่ว่าตอนนี้ปวดหัวจนแทบอยากจะตายไปตรงนั้น ผมอยากจะแน่ใจเหลือเกินว่าเธอที่เป็นเจ้าของเสียงนั้นไม่ใช่รัตติกร
“แล้วแต่รัตน์จ๊ะ” ไอ้พี่วุฒินี้พี่วุฒิไหนเนี่ย ที่บังอาจมาเกี้ยวหญิงที่เสียงคล้ายกับรัตติกร โอ๊ย ยิ่งคิดเหมือนสมองจะระเบิด ตาก็พร่าไปหมด มองไม่เห็นเลยบอกไม่ได้ว่าใช่รัตติกรรึเปล่า ถ้าใช่ผมจะรีบรุดขึ้นไปชกปากไอ้พี่วุฒิให้สาแก่ใจผมเลย...
กึก!! เสียงดังก้องในหัวผม ดังมาก มันดังเกิน มันดังจนกลบเสียงของรัตติกรและเสียงของทุกคนเงียบไปเลย เสียงมันดังนัก ดังจนหัวผมแทบระเบิดอยู่แล้ว... ทุกอย่างหยุดนิ่ง มีเสียงกรี๊ดร้องมากระชากสติผมให้หมดไปโดยแรง เสียงสุดท้ายที่ได้ยิน “ไอ้ดลตื่นสิโว้ย!!”
ผมไม่รู้ว่าหมดสติไปนานแค่ไหน รู้แต่ว่าตอนนี้ทุกส่วนของร่างกายผมหนักอึ้ง ยกไม่ขึ้นราวกลับอวัยวะของผมไม่ได้อยู่ใต้บังคับของผมอีกต่อไป แต่ผมก็ฝืน ผมพยายามลืมตาขึ้นมาอย่างยากเย็น แต่คนที่เห็นคนแรกกลับไม่ใช่ใครอื่นที่แอบหวังลึกๆ
“เอ้า เฮ้ยๆ ไอ้ดลฟื้นแล้วเว้ย” ไอ้เบนมันตะโกนเรียกเพื่อนๆคนอื่นของผมให้มาดูผม ผมไม่ใช่สัตว์หายากซะหน่อย ไอ้เพื่อนพวกนี้นิ “ไอ้ดล แกอย่าทำแบบนี้อีกนะเว้ย ไม่อยากไปงานศพเพื่อนก่อนวัยอันควรหวะ”
“เออหน่าไอ้เบน ฉันไม่ตายง่ายๆหรอ ถึงตายก็ไปรอแกอยู่โลกหน้า ยังไงก็จะเป็นเพื่อนแกไปตลอดแบบนี้แหละ เกาะแกกิน สบายไป10ชาติ รู้มั้ย” ผมตอบมันกลับอย่างคล่องแคล่ว แปลกนะ ตะกี้ยังยกแทบไม่ไหว เหมือนร่างกายจะแตกเป็นส่วนๆ
“ขอโทษนะค่ะ เดี๋ยวให้รัตน์เช็ดตัวให้เพื่อนคุณก่อนนะค่ะ” เสียงหญิงสาวคุ้นหูดังลอดโสตประสาทของผมเข้ามา ตาสีดำขลับของหญิงสาวดูสวยน่ารักเข้ากับดวงหน้ารูปไข่ เรือนผมดำขลับชวนให้หลงใหลเหมือนดูคุ้นอย่างประหลาด ผมต้องเคยเจอเธอแน่ๆ ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มให้ผม เธอคนนี้เหมือนรัตติกร นางในฝันของผมจริงๆเลย
“คุณชื่อรัตติกรรึเปล่าครับ” ผมถามเธออย่างถือวิสาสะ เธอยิ้มให้ผมอีกครั้ง ผ้าชุบน้ำในมือยังคงเช็ดไปที่ลำแขนของผมอย่างสม่ำเสมอรู้หน้าที่
“ฉันชื่อลดาค่ะ ทำไมหรอค่ะ” หญิงสาวเลิกหางคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย เป็นๆใครจะไม่สงสัย อยู่ดีๆก็มีคนมาถามชื่อถามแซ่แบบนี้ แต่ผมสิสงสัยมากกว่า ชื่อเล่นของรัตติกรก็รัตน์เหมือนกัน แถมผมจินตนาการเธอไว้แบบนี้อีก แต่จะให้ถามต่อว่าเคยชื่อนี้ไหม มันก็น่าสงสัยไป
“ไม่มีอะไรครับ” ผมพูดตัดบทแบบที่ไอ้ชลชอบใช้ และมันก็ได้ผลมันทุกรอบเสียด้วยสิ เธอเช็ดแขนผมเสร็จเธอก็พลุบหายออกไปทันที เฮ้อ...เธอช่างคล้ายรัตติกรอยากไม่น่าเชื่อ แต่ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะสาวต่อ เพราะเธอเองก็บอกว่าไม่ได้ชื่อรัตติกรนิ
“เฮ้อ...ผู้หญิงบ้าอะไรก็ไม่รู้ ไล่คนอื่นออกไปแล้วอยู่กับผู้ชาย2ต่อ2 นี้นังนั้นทำอะไรดลรึเปล่า แพรจะได้ออกไปตบมัน” แพรสาเดินฉุนเฉียวเข้ามาในห้อง นี้เธอจะไปตบคุณลดาแกทำไม แกไม่ได้ทำอะไรผมซะหน่อย
“เปล่านิแพร คุณลดาไม่ได้ทำอะไรดลหรอก” ผมบอกเธอ นี้ถ้าตะกี้คนมาเช็ดตัวให้ผมเป็นแพรสา เธอจะเช็ดเสร็จเร็วแบบคุณลดานั้นไหมหน่อ... “แล้วนี้ไอ้ชลกับไอ้เบนไปไหนหรอแพร ทำไมแพรเข้ามาคนเดียวละ”
“อ่อ พวกนั้นอยู่ที่เรือนรับรองของลุงกำนันจ๊ะ ดลจะไปมั้ย เดี๋ยวแพรพยุงไปเอง” แพรสาค่อยๆพยุงผมขึ้นมา แต่ก่อนที่ผมจะได้พูดบอกปฏิเสธเธอ พวกเราก็ร่วงไปอยู่บนเตียงซึ่งท่านี้เหมือนผมกำลังจะจูบเธอเลย ประตูเจ้ากรรมเปิดแงมออกมา ไอ้ชลนี่หว่า ไอ้ชลมันจะคิดกับผมผิดๆหรือเปล่า ท่าทางมันฟ้องเสียด้วยสิ
“เฮ้ยไอ้ชล ฉันเปล่านะเว้ย” ผมรีบแก้ตัว ไม่รู้เหมือนกันนะว่ามันจะเชื่อรึเปล่า แต่อย่าลืมสิ ผมเป็นคนป่วยอยู่นะ จะมาโกธรผมไม่ได้ ผมไม่ได้ทำซะหน่อย “แกมาก็ดีแล้ว พยุงฉันไปหาลุงกำนันหน่อยดิ ไม่มีแรงจะลุกแล้ว” ผมพูดกับมัน เพื่อว่ามันจะเชื่อผม
“ไอ้ดล ไอ้เพื่อนทรยศ!” คำสุดท้ายก่อนไอ้ชลจะกระโดดเข้ามาต่อยผม สัญชาตญาณในการป้องกันตัวของผมบอกให้ผลักมันออกไป แต่หากมันยังดื้อดึงเข้ามาอีกก็คงต้องมีการแลกหมัดซักเปรี้ยง2เปรี้ยงแน่ๆ
“เฮ้ย เป็นไรกันไปว่ะ เฮ้ย ไอ้ชล ไอ้ดล” ไอ้เบนมันรีบรุดเข้ามาประคองร่างโซซัดโซเซของผม ขณะเดียวกันกับที่ไอ้ชลจะเข้ามาต่อยผมอีกรอบ ไอ้เบนรีบปรามใหญ่ก่อนที่ผมจะตายเพราะหมัดไอ้ชลมัน ฝีมือฝีหมัดไอ้ชลใช่ย่อยๆซะที่ไหนกันเล่า
“ไอ้ดลมันบังอาจมาลวนลามแฟนฉัน ไอ้เบน แกไม่เกี่ยว แกถอยออกมาเดี๋ยวนี้ นี่เรื่องของฉันกับมัน” ไอ้ชลไม่มีทีท่าว่าจะเชื่อผมเลย ผมหันไปมองแพรสาหวังจะให้เธอมาพูดให้รู้เรื่อง แต่เธอกลับนั่งบีบน้ำตาอยู่... นี้รูปการมันหมายความว่าผมทำ!!
“ไม่ใช่นะเว้ยไอ้ชล แกก็รู้ว่าฉันรักรัตติกรคนเดียว อีกอย่าง เมื่อกี้น่ะ แพรจะเข้ามาพยุงฉัน แล้วพอดีพวกเราเกิดสะดุดเท้ากัน แกก็เข้ามาเห็นผิดเวลา รูปที่แกเห็นเลยเป็นแบบนั้น” ผมชี้แจงให้มันฟัง มันหรี่ตามองผมอย่างไม่เชื่อ ผมไม่ได้โกหกมันซะหน่อย!!
“นี้หมายความว่าฉันเข้ามาผิดเวลา เข้ามาผิดเวลาที่แกจะได้จู๋จี๋กับแฟนฉันใช่ไหม” มันกระชากเสียงใส่ผม ผมรู้ว่ามันรักแพรสามาก แต่มันไม่รู้เรอะว่าแพรสาทอดสะพานให้ผมตั้งเยอะ “ไอ้ดล แกมันเพื่อนทรยศ ฉันจะฆ่าแกให้ได้ซักวัน”
“ไอ้ชล แกก็ได้ฟังเรื่องนั้นแล้วนิ เชื่อไอ้ชลเหอะ ไอ้ดลเหอะ มันไม่ทำเรื่องแบบนี้หรอก มันรักรัตติกรจะตายไป แกก็รู้” ไอ้เบนพูดเพื่อหวังคลี่คลายสถานการณ์ แต่ยังไงไอ้ชลก็ยังมองผมด้วยสายตาเกลียดชังอยู่ดี...สายตามันทำให้ผมรู้สึกผิดพิลึกแหะ นี้ผมผิดจริงๆรึเปล่า
“ไอ้เบน แกเข้าข้างไอ้ดลใช่มั้ย ฉันจะบอกอะไรแกให้ ตอนฉันเข้ามาน่ะหลักฐานที่บอกว่าเพื่อนแกผิดน่ะมีอยู่ทนโธ่ แกจะเข้าข้างใครก็ตามใจแล้วแล้วกัน ฉันไม่สน” ไอ้ชลมันพูดแล้วสะบัดหน้าไปลากแพรสาให้เดินออกไปจากห้องพร้อมมัน ผมเหงื่อแตกพลั่กๆ
“ไอ้เบน แกเชื่อฉันใช่มั้ย...” ผมถามความมั่นใจของไอ้เบน ไอ้เบนส่ายหน้าช้าๆ จริงของมัน หลักฐานมันปรากฏอยู่ทนโธ่ ไอ้เบนมันทำถูกแล้วแหละที่เชื่อไอ้ชลมัน เพราะตอนนี้ผมก็ได้ชื่อว่าผู้ต้องหาทุกคดีอยู่แล้วนิ...
“ไอ้ดล ฉันก็อยากเชื่อแกนะเว้ย แต่ที่ชลมันพูดมาก็ถูก แพรสาเองก็ไม่พูดอะไร ฉันก็เลือกข้างไม่ออกหวะ ขอเป็นกลางให้แทนละกัน ฉันขอโทษนะเว้ย...” ไอ้เบนมันพูดบอกสาเหตุมันกับผม ใช่ ทำไมแพรสาถึงทำอย่างนั้น เธอทำอย่างนั้นมีสาเหตุอะไร นี้สิที่ผมอยากรู้จริงๆ
“ไอ้เบน พยุงฉันหน่อย
”
“ชล ชลปล่อยแพรสิ แพรเจ็บนะ” แพรสาพยายามแกะมือใหญ่ๆของไอ้ชลออก ผมไม่รู้ว่าทำไม แต่ประโยตที่พรั่งพรูดออกจากปากแพรสานั้นทำให้ผมแทบจะลมไปเสียตรงนั้น “ชล แพรไม่ได้ทำอะไรนะ อยู่ดีๆดลเข้าก็จับแพรเหวี่ยงขึ้นไปบนเตียงเอง แพรไม่ได้จะนอกใจชลนะ”
“อืม” ชลมันตอบเรียบๆ มันเห็นแฟนมันดีกว่าเพื่อนจริงๆหรอเนี่ย!! ผมแทบกระอัก ไอ้ชลหรี่ตามองแพรสาอย่างพินิจอย่างที่แพรสาไม่รู้ตัว ผมไม่รู้หรอกว่าแพรสามีอะไรถึงต้องทำแบบนั้น แต่ผมเสียใจเหลือเกินที่ไอ้ชลมันไม่ยอมเชื่อผม มันเห็นแฟนดีกว่าเพื่อนไปแล้วแน่ๆ....
...ไอ้ชลมันเห็นแฟนดีกว่าเพื่อน...
“ไอ้ดล...” เบนเรียกผมแผ่วเบาหวังปลอบประโลม ทำไมเรื่องแบบนี้ถึงเกิดขึ้นกับผม ทำไมไอ้ชลมันถึงไม่เชื่อผม... “ไอ้ดล ฉันว่าเรื่องแบบนี้เราต้องพิสูจน์หาความจริงแล้วแก ว่าแต่แกเห็นยัยบ้างรินรึเปล่าละ”
ผมส่ายหน้าให้มันแทนคำตอบ ใช่...รินละ รินหายไปไหน!! ในเวลาแบบนี้รินอาจจะเข้าใจผมก็ได้ “เบน ตอนนี้แกเชื่อฉันหรือแพรสามากกว่ากัน”
“แก” มันตอบเรียบๆทำให้ใจของผมชื้นขึ้นมาอีกนิด “ฉันไม่ได้ตาบอดนะเว้ย แพรสาทอดสะพานให้แกตั้งเยอะ ป่านนี้ยาวกว่าสะพานมิตรภาพไทยลาวแล้วมั้ง จากประโยคที่แพรสาพูด ฉันว่าแพรสาต้องมีแผนอะไรแน่ๆเลยหวะ”
“ไอ้เบน....” น้ำอุ่นๆไหลพรากจากดวงตาของผม ไอ้เบนมันเป็นเพื่อนที่ดีจริงๆเลยในเวลาแบบนี้ น้ำตาของผมไหลพรากๆ หน้าอายก็จริง แต่ซึ้งน้ำใจมันมากกว่าแหะ
“เฮ้ย ไอ้ดล ออกไป ไม่ต้องมาร้องกับฉัน ฉันไม่ใช่เกย์นะเว้ย หรือว่าแกเป็นว่ะ เฮ้ย ออกไป๊” ไอ้เบนผลักร่างผมเบาๆเชิงหยอกล้อกันเล่น มันคงไม่อยากให้ผมเครียดจริงๆ แต่เรื่องนี้มันต้องได้รับการพิสูจน์อย่างที่ไอ้เบนพูด!!
ความคิดเห็น