คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chapter1 ยังรักเธออยู่นะ
Chapter1 ยังรักเธออยู่นะ
ผ่านมา13ปีแล้วสินะ ตั้งแต่วันที่ผมย้ายบ้านมา...คุณเชื่อไหมว่า ผมยังไม่ลืมรอยยิ้มของเด็กผู้หญิงคนนั้นเลย ตอนนี้ผมกลายเป็นหนุ่ม สาวๆที่กรุงเทพฯรุมจีบผมกันแยะ ถ้ามีเธออยู่ในพวกนี้ก็ดีสิ ผมจะรับรักคนแรกเลย
ตั้งแต่มาถึงกรุงเทพ ผมได้เข้าเรียนโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง โรงเรียนที่ผมเรียนชื่อดังไม่ใช่เล่นน้า...เชื่อไหมล่ะ...มันเป็นระบบเรียนทั้งชายและหญิง ที่นี้มีเด็กผู้หญิงน่ารักตั้งแยะ แต่ผมก็ไม่ลืมเธอจริงๆ รอยยิ้มที่พาลเอาหัวใจละลาย ยังตรึงอยู่ในใจผมอยู่เลย
ช่วงม.ปลาย...ผมไม่ใช่ไอ้ก้างอีกต่อไป ผมเป็นนักกีฬาโรงเรียน สาวๆกรี๊ดผมใหญ่ ผมดังมาก ใครต่อใครก็หวังจะเป็นแฟนกับผม เพราะผมทั้งหล่อ ฐานะดี แถมฉลาดอีกด้วยนะ เป็นเจ้าชายในฝันของเด็กผู้หญิงตั้งหลายคนแน่ะ...แต่ผมก็ไม่ลืมเธอ
ลืมบอกไป...พ่อกับแม่ลาออกจากการเป็นข้าราชการแล้ว ทั้ง2คนมาเปิดธุรกิจแทน ทั้ง2เปิดห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพ ผมก็ไม่รู้หรอกนะว่าไปเอาเงินลงทุนมาจากไหน รู้แต่ว่าตอนนี้ท่านรวยมากกว่าเก่าแถมต้องออกไปติดต่อธุรกิจเยอะกว่าเดิม ขนาดเป็นข้าราชการก็ไม่มีเวลากระดิกไปไหนแล้ว ไม่นึกว่าพอเปลี่ยนอาชีพแล้วหนักกว่าเก่าอีก ฉะนั้นการกลับไปบ้านไร่ของผมคงได้แต่ฝันว่าจะได้ไปจริงๆนั้นแหละ
ตอนนี้ผมเรียนอยู่ปี3ของมหาลัยชื่อดัง มหาลัยมีการจัดกิจกรรมออกค่ายช่วยเหลือสิ่งแวดล้อม เรื่องแบบนั้นผมไม่สนใจหรอก แต่เดียวก่อน...นั้นมันไปจังหวัดเดียวกับบ้านไร่ของผมนี้หว่า...นี้ผมจะได้กลับไปบ้านไร่จริงๆใช่ไหม ผมรีบกรอกชื่อลงไปเป็นอาสาสมัครโดยทันที อ่า...บ้านไร่ของผม
“ไอ้ดล แกลงชื่อเข้าเป็นอาสาสมัครทำไมว่ะ” ไอ้เบน เพื่อนผมมันเอยถามขึ้น มันคงไม่เข้าใจความรู้สึกของผมสินะ เพราะผมไม่เคยบอกใครเรื่องบ้านไร่และเด็กหญิงยิ้มสวยเลย ว่าแต่ เธอคนนั้นชื่ออะไรนะ โอ้...รอยยิ้มของเธอคงทำให้สมองผมเบลอไปหมดแล้วแน่ๆเลย
“ก็อยากไป ไปด้วยกันป่ะล่ะ” ผมตอบคำถามพวกมันและเอยชวนพวกมันให้ไปกับผมด้วย ผมยังนึกภาพไว้ไม่ออกเลยว่าหากผมเจอเธอจริงๆ ผมควรจะทำยังไง...ผมควรจะแนะนำเธอให้เพื่อนๆรู้จักเลยไหม แต่ถ้าเธอจำผมไม่ได้ล่ะ...
“ไม่เอาหน่าดล ไม่เห็นมีอะไรหนุกๆให้ทำ” แพรสา สาวสวยที่เพื่อนผมคาบไปกินแล้วเอ่ยถาม ท่าทางเธอจะรักแต่ความสะดวกสบายกับความสนุกจริงๆแหะ “จริงไหมเล่า ดลอย่าไปเลย เราไปปาร์ตีกันดีกว่า ไม่ก็ไปเที่ยวทะเลกันก็ได้นะ”
แน่ะ เธอยังไม่วายทอดสะพานมาให้ผมอีกแน่ะ แต่ทำไมเพื่อนผมมันไม่หึงแฟนมันเลยละเนี่ย ผมละงงจริงๆแต่ที่งงกว่านั้นก็คือคำพูดของไอ้ชลที่ไม่แสดงท่าทีหึงแฟนตัวเอง “เอาเถอะ ไอ้ดลมันจะไปก็ปล่อยมันไป หรือว่ารินกับเบนจะไปด้วยละ เอาไงจะได้ยกกันไปทั้งก๊วนเลย”
“เอาสิ” ขจารินหรือรินตกลง คราวนี้ทุกคนก็ไปกับผมแล้ว สงสัยจะยกเว้นแพรสาไว้คนนะ เพราะแพรสาเขาคุณหนูจ๋าเลยน่ะ สงสัยจะมาร่วมขบวนกับผมไม่ง่ายซะแล้ว “แล้วลงชื่อกันที่ไหนหรอ พาพวกเราไปลงกันหน่อยสิ”
รินหรอ ริน อ่อ...ผมจำได้แล้ว...เธอคนนั้นชื่อ...รัตติกรไง...
รัตติกร...ท้องฟ้ายามราตรี ดวงตาหวานของเธอก็คงเปรียบเป็นหมู่ดาวแสนสวย ริมฝีปากอวบอิ่มที่คอยคลี่ยิ้มสวยไม่เจือจาง...ผมรักเธอเข้าเต็มเปา แน่ละ คราวนี้ที่ไปบ้านไร่ ผมจะต้องชำระแค้นและลงโทษคนที่ขโมยหัวใจผม โอ้...ผมนี้ช่างลิเกกินสมองเสียจริงๆ
“เอาสิ...เดี๋ยวฉันพาพวกแกไปเอง” ผมตอบพลางคลี่ยิ้มที่ละลายใจสาวมานักต่อนัก “แล้วไอ้ชล แกจะไปรึเปล่าว่ะ” ผมถามไอ้ชล เพื่อนที่ผมสนิทด้วยมากที่สุด ไอ้คนเนี่ยแหละที่เป็นแฟนกับแพรสา สาวสวยประจำคณะเรา
“ไปดิว่ะ” มันตอบผม เห็นไหมเล่า ผมไม่เคยเดาอะไรพลาด ไปทั้งก๊วนจริงๆด้วย ผมมองหน้าแพรสา แพรสาหน้าหงิกเป็นตัวม้าในหมากรุกเลยแหะ แต่ไม่น่าเชื่อ สักพักเธอก็สามารถตบหน้าตัวเองให้คือสภาพสาวน้อยบานเช้าได้อีก โห...มนตราบทไหนของเธอว่ะนั้น!!
“งั้นไปลงชื่อกันนะ” แพรสากระดี๊กระด๊ามาเกาะแขนผม นี้เธอไม่ธรรมดาเลยแหะ นี้เธอจะทำอะไรของเธอเนี่ย แพรสาฉุดกระฉากลากถูผมให้พาไปลงชื่อเข้าร่วมโครงการ ผมยื่นรอพวกเพื่อนๆลงชื่อจนเสร็จแล้วต่างคนก็แยกย้ายกันไป
ในที่สุดก็ถึงวันเดินทาง เขาเดินทางไปเองแล้วไปเจอกันที่จุดนัดพบ ตอนแรกผมก็ไปขอพ่อกับแม่ กลัวแม่ไม่อนุญาตเหมือนกัน แต่แม่ไปต่างประเทศ ส่วนพ่อน่ะผมไม่กลัวหรอ พ่อให้ไปอยู่แล้วแถมให้กุญแจบ้านไร่ให้อีกตะหาก พ่อผมใจดีที่สุดในโลกเลยแหะ
ในรถตู้ของบ้านไอ้ชล คนขับรถของมัน ว่าง่ายๆก็คนดูแลมันตามคำสั่งพ่อมันที่ไม่ให้มันคาดสายตานั้นแหละ พ่อมันเป็นคนมีอำนาจเยอะ แถมรวยสุดยอด แม่มันเป็นเจ้าของโรงงานทำไวน์ที่สเปน แม่เลี้ยงมันก็เป็นถึงเจ้าของเหมืองถลุงแร่ที่เยอะที่สุดของประเทศไทยเชียว สงสัยเพราะไอ้ชลมันมีพร้อมทั้งหน้าตาและฐานะมั้ง ถึงมีสาวมาจีบมันทุกวี่ทุกวันไม่ได้หยุดหย่อน
...คงรู้สึกแบบเดียวกับรัตติกรตอนที่มีคนไปสารภาพรักกับเธอ เธอจึงต้องตัดไฟเสียแต่ต้นลมคือไปเป็นแฟนกับพี่ป.6 ไอ้ชลเลยเอาแพรสามาเป็นแฟนบ้าง แต่ไอ้ชลเองก็ชอบแพรสาอยู่ไม่น้อยนะ มันไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับแพรสา ไม่รู้เพราะอะไรเหมือนกัน หรือว่าเพื่อนผมมันเป็นพวก ‘รักนะแต่ไม่แสดงออก’ ท่าทางผมจะลิเกทั้งกลุ่มแล้วครับ...
คนขับรถของไอ้ชลนั่งขับรถไม่พูดคุยกับใคร ก็หน้าที่เขานี่เนอะ รถมันก็ดีอย่าง ตอบสนองพี่เขาดีโดยกันที่เป็นส่วนตัวเป็นกรงขังพี่คนขับไปเลยแหะ ผมเลยถือโอกาสนี้เล่าเรื่องพี่ป.6ที่มันรุมซ้อมผมอย่างกับกระสอบทรายผมและก็เรื่องรัตติกรสาวที่ผมชอบซะเลย....
“เวร เล่นกันแบบหมาหมู่” ไอ้เบนออกความคิดเห็น “อย่าให้เจอนะเว้ย เดี๋ยวจะเอาคือให้ไอ้ดลอย่างสาสมแกใจเลย” นี้ผมคิดผิดหรือถูกเนี่ยที่ลากพวกมันมาด้วย เอาเถอะ ยังไงพวกมันก็เป็นเพื่อนผม ตอนนี้พวกมันวางแผนกันแล้วว่าจะทำยังไงถ้าเจอกับอริของผม ซึ้งน้ำใจพวกมันจังแหะ
ไอ้เบนเป็นคนเสนอแผนหลัก มันเล่นกันซะน่ากลัว บ้างว่าจะเอาไม้หน้า3ดักตี เดี๋ยวก็อย่างโน่น เดี๋ยวก็อย่างงี้ จนรินทนไม่ไหวต้องแย้งออกมาแบบไม่รู้ตัว “แต่ที่พวกเธอพูดมานี้เล่นกันแบบหมาลอบกัดนะ มันจะดีหรอ”
“ทีพวกมันยังหมาหมู่ก่อนเลย แถมทำเป็นหมาลอบกัดอีกนะ ลอบกัดหมาบ้างจะเป็นไรไป เนอะไอ้ชล” ไอ้คุณเบนมันตอบ ท่าทางมันจะตกวิชาภาษาไทยหน่วยกิจภาษิตไทยจริงๆแหะ เล่นเอาสุภาษิตมาปนกันมั่วเลย แถมมั่วไม่มั่วคนเดียวอีก ยังชวนไอ้ชลให้ร่วมตกเหวไปอีกคน
“แกเอาภาษิตบทบัญญัติไหนมาใช้ว่ะ” ผมถามเพราะไม่เข้าใจภาษิตมันจริงๆ รู้ก็รู้หรอกว่ามันล้อเล่นๆ แต่ก็ถามเล่นหยอกมันกลับไง ภาษิตบ้าอะไรของมันว่ะ แล้วยิ่งฟังคำตอบมันแล้วยิ่งอยากกระโดดไปบีบคอว่าที่ผู้บัญญัติภาษิตแห่งประเทศไทย
“บัญญัติเองดิ ไม่รู้รึไงว่าฉันเนี่ยแหละว่าที่ผู้บัญญัติภาษิตแห่งประเทศไทย” ไอ้มหาบัณฑิตผู้เชี่ยวชาญทางด้านโดดเรียนมันบอก เอาเถอะ เชื่อมันหน่อยเร็วพ่อแม่พี่น้อง เชื่อมันหน่อย สงสารมัน...จริงไหม
“เอาเหอะ แล้วสรุปเรื่องแผนจะว่าไง” ไอ้ชลผู้มีคามซาดิสต์เป็นเลิศถามขึ้น นึกว่ามันจะลืมเอาปากมาจากบ้านซะแล้วนะนั้น “แกจะเอายังไงว่ะไอ้ดล จะรุมทีเดียวตายหรือจะเอาแบบทรมานทีละหน่อยว่ะ”
“ยกเรื่องแกแก้แค้นให้พวกแกแล้วกัน ฉันขอไปหารัตติกรดีกว่า Oh my love Oh my angle~” ผมฮัมเพลงเลยโดนไอ้พวกเพื่อนมันล้อซะ แต่ก็ดีแล้วล่ะ พวกที่มาติดพันผมจะได้รู้ซะบ้างว่าผมไม่มีหัวใจให้ใครแย่งแล้ว
“แหม เรื่องชั่วนี้ยกให้เพื่อนเชียวนะไอ้ดล เพี้ยง!! ขอให้เจอยัยโอเลี้ยงอ้วนเป็นโอ่งมังกรสระบุรีเลยเอ็ง” ไอ้ฯพณฯเบนที่น่าตบมันว่ารัตติกรแสนสวยเป็นยัยโอเลี้ยงและยังอ้วนเป็นโอ่งมังกรอีก มันไม่รู้ซะแล้วว่ารัตติกรน่ะขาวกว่าน้องเมย์แฟนมันเสียอีก
“ทำไมแกมาพูดหมาๆเยี่ยงนี้เล่า รัตติกรออกจะสวย แถมขาวกว่าน้องเมย์แกอีก” ผมเกทับมัน น้องเมย์ก็สวยอยู่หรอก แถมน้องเขาเพิ่งอยู่ปี1 แล้วมันไปจีบกันอีท่าไหนเนี่ย หรือว่าตอนนี้เพื่อนผมมันชอบหลอดเด็กแล้วหว่า คิดแล้วก็สงสารน้องเขาจริงๆ
“โอ้ หม่อมฉันประท่านอภัยท่านเจ้าชาย ขอบพระทัยที่ทรงทำให้หม่อมฉันแน่ใจว่าพระองค์ท่าน...” ไอ้เบนทำท่ารำลิเกไปมา ผมเลิกคิ้วเชิงถามว่ามันแน่ใจอะไรของมัน มันเลยตอบซะน่าถีบลงรถไปบัดเดี๋ยวนั้นเลยนิ “...ว่าพระองค์โคตรลิเกเลยหวะไอ้ดล ฮ่าๆๆ” มันขำ ช่างมัน ปล่อยมันขำไปก่อนที่ผมจะตัดสินใจปลิดลมหายใจมัน
“เบนอย่าไปว่าดลแบบนั้นสิ ฉันว่าพวกเรามาหาอะไรกินกันเหอะ” เธอเริ่มค้นเป้ของตนพร้อมหยิบขนมถุงใหญ่ออกมา
“แน่ะ บังอาจนัก หมิ่นเจ้าชายรัชทายาทเยี่ยงนี้ได้อย่างไร เอามันไปประหาร ใช้เครื่องประหารหัวสุนัข...” น่าน มันบังอาจเอานิยายที่ผมชอบอ่านมาล้อเลียนอีก เดี๋ยวผมก็เอาไปประหารใช้เครื่องประหารหัวสุนัขจริงๆเลย
“
จะประหารจริงๆเลยมั้ยดล เดี๋ยวรินไปเช่าให้ เอาหัวสุนัขใช่มั้ย” อ่า คุณรินแกเห็นด้วยกับผมแล้วไง ถ้าไม่รีบหนีออกจากเรื่องนี้มีหวังไอ้เบนต้องตายจริงๆแหงๆเลย ก็สายตารินไม่ธรรมดานิหว่า คงมีความแค้นกับไอ้เบนมากโขแหะ
“เฮ้ยไอ้ชล แล้วน้องสาวแกให้มาหรอว่ะ” ผมเลี่ยงตอบคำถามรินโดยไปถามไอ้ชลแทน “ได้ข่าวว่าน้องสาวดุไม่ใช่หรอ”
“อือ แอมก็ไม่ได้ว่าอะไรบอกแค่ว่าฝากดูแลพี่แพรของมันให้ดีๆ ขืนพี่สาวมันมีแม้แต่รอยมดกัด มันจะไม่ไว้ชีวิตพี่ชายมันเลย” น้องสาวไอ้ชลหรือแอมนั้นแหละ น่ากลัวหรอ...ผมไม่เคยนึกมาก่อนว่าแอมน่ากลัว จำไม่ได้แหะ ต้องลองนึกย้อนไปดู
น้องสาวไอ้ชลอยู่ปีเดียวกับน้องเมย์ ตอนที่ผมไปค้างบ้านมันก็ทรหดพอดูเพราะน้องมันนั้นแหละ ขืนไปแหย่เจอปมของน้องเข้า น้องแกข่วนไม่เลิก ไม่รู้คนหรือแมวกันแน่
“น้องแอมสูงเท่าไหร่แล้วจ๊ะ” ผมถามขณะที่นั่งกินข้าวอยู่ แอมสำลักข้าวคำโตออกมาทันที ไม่รู้เพราะคำถามหรือเพราะอะไรแหะ แต่ที่รู้ก็คือไอ้ชลมันแสยะยิ้มน่ากลัวมาทางผม แสยะแบบนี้ไม่ต้องถามเลย มันจะต้องมีลางร้ายเกินขึ้นกับผมแน่ๆ
และมันก็เป็นจริง น้องสาวมันก้มหน้าลง น่ากลัวชะมัด ผมไม่น่าไปเชื่อไอ้ชลเลย ไอ้ชลมันให้ผมลองถามคำถามนี้กับแอมดูถ้าหากอยากรู้ว่าแอมน่ากลัวไหม รู้ซึ้งเลยคร้าบคราวนี้ “พี่สูงเท่าไหร่ละค่ะ บอกมาก่อนแล้วเดี๋ยวแอมบอกบ้าง”
“พี่สูง178ได้มั้ง คิดว่านะ” ผมพาลซื่อตอบ ใครจะไปรู้ว่าน้องสาวมันน่ากลัวขนาดนั้น ก้มลงไปเหมือนเป็นอะไร แล้วอยู่ดีก็เงยหน้ามาถามผมกลับเสียงร่าเริง ผมหันหน้าไปมองไอ้ชล มันกลั่นหัวเราะทำไมว่ะ ผมไม่เข้าใจมันหรอก สงสัยผมซื่อเกินไปจริงๆ
“สูงกันจังเลยนะค่ะ” แอมยังยิ้ม ถึงไม่น่ากลัวแต่ก็เย็นยะเยือกพิลึกแหะ “ความสูงแอม แอมไม่ค่อยสนใจหรอค่ะ...” ขนาดไม่สนใจนะนั้น ยังน่าช็อกได้ขนาดนี้เลย “แอมขอแค่สูงเกินเขตที่แอมตั้งไว้แล้วค่ะ สูงกว่าโดเรมอนได้ก็พอแล้ว” เออแหะ น้องสาวไอ้ชลมันหวังน้อย ตอน
นั้นผมยังไม่รับรู้ถึงลางร้ายที่เริ่มปรากฏ แต่พอรู้แล้วนี้แทบสลบเหมือด...
“น้องแอมหวังน้อยจังเลย” ผมยังคงพูดเรื่องความสูงต่อ...ไอ้ชลมันคงสวดมนต์ให้ผมในใจอยู่แน่ๆเลย เฮ้อ...แต่วันนั้นผมก็เกือบตายจริงๆนั้นแหละ ก็ความผิดใครเล่า ไอ้คุณชลธารานั้นแหละ มันเป็นคนให้ผมถามนี่หว่า...
“แอมไม่ได้หวังน้อยค่ะ แต่พวกพี่น่ะโลภตะหาก ถ้าไม่มีอาชีพให้ทำ แอมเสนออาชีพเสาไฟฟ้านะค่ะ เดี๋ยวแอมไปเก็บเงินให้เอง อย่าเดินไปไหนเลย เดี๋ยวเขาหาว่าลักของหลวงแล้วจะ.....” น้องสาวไอ้ชลมันพูดพลางใช้มีดจิ้มฉึกลงไปที่ไส้กรอก นั้นผมหรอ น้องเขานึกภาพผมรึเปล่า...
แต่ก่อนที่น้องเขาจะจบประโยค ไอ้ชลซึ่งไม่อยากไปงานศพเพื่อนมันเลยขัดจังหวะขึ้นก่อนเชิงว่าให้ผมไปทำงานต่อได้แล้ว เดี๋ยวไม่เสร็จ “ไปทำงานได้แล้วไอ้ดล อย่าอู้” ตอนแรกผมก่นด่ามันในใจว่ามันหวงน้องมันหรอ ไม่อยากให้ผมพูดด้วย มันก็รูนิว่าผมไม่จีบหรอ แต่มันทำเพื่ออะไรหว่า แต่พอผมรู้เหตุผลมัน ผมแทบกระโดดกอดคอมัน อยากหอมแก้มมันเลยจริงๆสิ
“เฮ้ย ไอ้ดล เหม่อไปถึงไหนแล้วนั้น” ไอ้เบนเรียกผมตื่นจากภวังค์ ผมคลี่ยิ้มบางที่ปากคล้ายแสยะให้มัน มันเลยแซวซะงั้น “เหม่อลอยนึกถึงน้องโอเลี้ยงหรอแก แหม ถ้าข้าเป็นน้องโอเลี้ยงนะ ข้าจะวิ่งมากอดแกเลย หวานซะคลองแสนแสบยังใส”
“นั้นแกใช้ปากแกพูดหรอ ได้ข่าวว่าเดี๋ยวนี้เพาะได้เป็นฟาร์มเลยใช่มั้ยเนี่ย ฟาร์มหมาเนี่ย ฉันขอแบ่งชิสุกับพุดเดิ้ลมาซักตัว 2ตัวนะ” ผมแซวมันกลับ ว่าง่ายๆภาษาชาวบ้านก็ด่ามันกลับ มันทำหน้าอยากฆ่าผมขึ้นมาตะหงิดๆ แต่อย่างผมหรอจะอยู่ให้มันฆ่า ฝันไปเหอะ “อีกไม่นานก็คงเข้าเขตบ้านไร่ฉันแล้วว่ะ ไอ้ชล บอกพี่ใบ้คนขับทีว่าให้เลี้ยวต้องทางไปกระท่อมบ้านไร่ตรงสวนทุเรียน”
ไอ้ชลขำกับชื่อที่ผมตั้งให้คนขับรถ มันยกหูโทรศัพท์ขึ้นแล้วกรอกข้อความที่ผมพูดไปเมื่อครู่ใส่ลงไป รวมถึงชื่อพี่ใบ้เขาด้วย พี่ใบ้...เขาจะฆ่าผมไหมเนี่ย กล้ามเขาเป็นมัดๆน่ากลัวราวกับเป็นนักมวยมาก่อน...พี่แกจะอัดผมเหมือนที่ทำกับกระสอบทรายรึเปล่าหว่า...
แต่สัญญาณอันดีก็ดังขึ้นเสียก่อน พี่ใบ้แกขำกับฉายาที่ผมตั้งให้ นี้ผมรอดจากการตายแล้วใช่ไหมเนี่ย...เฮ้อ...คุณพระคุณเจ้าช่วยจริงๆนะเนี่ย...ขอบพระคุณรุนช่องพระเจ้าค่ะ...เอ๋ นี้ผมลิเกอย่างที่ผมคิดจริงๆรึเปล่าเนี่ย สรุป...
“บ้านนั้นรึเปล่าว่ะ” ไอ้เบนเกาะที่เกาะกระจกเป็นปลาโปกเกอร์ถามผม ผมจึงมองบ้านหลังที่พี่ใบ้เพิ่งขับรถผ่านพลางส่ายหัวเชิงว่าไม่ใช่บ้านผมหรอก ไอ้เบนจึงมองทัศนียภาพข้างทางต่อไป มันคงคิดนะว่าเมื่อไหร่ถึงจะถึงจุดหมาย ผมเลยตอบสนองความอยากรู้ของมันให้
“โน่นไง บ้านหลังนั้น” ผมชี้ไปที่บ้านสีซีด ไม่ซีดได้ยังไงเล่า ผมไม่ได้กลับมานานถึง13ปี บ้านของผมไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย อาจจะดูเก่าตามกาลเวลาที่หมุนผ่าน ใช่ กาลเวลาที่หมุนผ่าน ที่นี้แทบไม่มีอะไรเหมือนเดิมเลยสินะ ร้านขายของชำกลับกลายเป็นมินิมารต์ นี้มันอะไรกันนี้ แล้วเธอคนนั้นจะยังอยู่ไหมเนี่ย...
รถตู้สีดำจอดนิ่งสนิทที่หน้าบ้าน ผมเดินลงไปดูบ้านของผม ผมไขประตูเข้าไปในบ้าน ฝุ่นละอองคละคลุ้งไปทั่วเมื่อเจอแรงลมผมวิ่งขึ้นไปดูที่ห้องของผมโดยมีไอ้เบนกับรินวิ่งตามมา ส่วนไอ้ชลมันก็คงนั่งเฝ้าแพรสาอยู่ในรถนั้นแหละ
ผมมองดูห้องของผม เสื้อนักเรียนตัวเก่ายังวางอยู่บนเตียง ขนาดของมันบอกถึงไซด์ของผมตอนนั้นได้เป็นอย่างดี ผมมองกระเป๋านักเรียนอ้วนตุงเนื่องจากผมไม่เคยจัดตารางสอนไปโรงเรียน ยัดไปในกระเป๋านั้นแหละ ง่ายดี
“ทำไมดลซกมกจังเลย” รินพึมพำขณะสำรวจห้องเก่าผม เอาหน่า ผมรู้ว่ามันรกแถมขี้ฝุ่นจับอีก มันไม่น่าศรีวิไล ผมรู้ แต่เธอวิจารณ์ห้องผมทำไม... ผมอายน้า...
“เอาเถอะหน่า ริน ห้องผู้ชายก็เงี้ยแหละ ห้องไอ้เบนยังรกกว่าดลเลย เชื่อดลสิ” ผมกระทำการ ‘โบ๊ย’ ไปที่ไอ้เบน มันก็โดนรินมองแบบหยามๆไปตามระเบียบ โถ...อโหสิให้เพื่อนเถอะนะไอ้เบน ไปดีมาดี ไปที่ชอบๆนะ สาธุ อย่ามีเวรต่อกันเลยนะ...
“ไปจุดนัดพบกันเหอะ...อยู่บ้านไอ้ดลไปก็มีแต่กินฝุ่นไปเปล่าๆ” ไอ้เบนบ่น ช่วยไม่ได้ ก็มันเป็นโรคแพ้ฝุ่นนิ ผมก็ลืมไปเสียสนิทเลย
“แล้วใครให้นายโง่ไปกินฝุ่นล่ะ”
“ไม่ได้โง่กินฝุ่นโว้ย มันเข้าปากเอง ไปเหอะไอ้ดล เหม็นหน้ายัยทอมไร้สมองนี้” ไอ้เบนพูดประชดประชันรินมันก็น่าอยู่หรอกเพราะรินเขาจะออกทอมๆหน่อยๆจนน่าสงสัยว่าเป็นจริงรึเปล่า ก็เล่นมีหญิงมารุมตอมยิ่งกว่าหนุ่มๆในกลุ่มเสียอีกนิ
“ไอ้เบนปากหมา ระวังเหอะแก ฉันจะฆ่าแกให้ได้ซักวัน” คุณทอมไร้สมองหมายหัวไอ้เบนเอาไว้ราวว่าพูดอีกถึงฆาตแน่แก ไอ้เบนถึงได้สงบปากสงบคำกับเขาได้บ้าง
“งั้นไปจุดนัดพบกันเหอะ” ผมตัดสินใจพูดตัดบท ที่จริงก็อยากอยู่บ้านต่ออีกหน่อยหรอก แต่พอดีมีภารกิจกู้ชาติแล่นเข้ามาในหัวซะก่อน ภารกิจตามหาตัวแม่สาวรัตติกร...พอคิดแบบนั้นแล้วใจผมก็เต้นรัวไร้จังหวะ...ผมอยากเห็นรอยยิ้มของเธอจังเลย...
ผม เบนและรินก็เดินลงมาข้างล่าง ผมมองบ้านของผมพลางสูดหายใจลึกๆหวังจะเก็บกลิ่นของบ้านไว้ในใจ ฮัชชิ่ว!! นี้ผมลืมไปแล้วหรอนี้ว่าทั้งบ้านมีแต่ฝุ่น ผมนี้ท่าทางโง่จัดแหะ โง่หลงงมงายเพราะรักรัตติกร...โอ้...เมื่อนึกชื่อนี้ทีไรหน้าผมมีต้องแดงเป็นลูกตำลึงสุกทุกทีเลยแหะ...
“ไงไอ้ดล ได้อะไรกลับมาบ้างหลังจากไปเยี่ยมบ้านเก่า” ไอ้ชลถามหลังจากรถออกตัวมาได้ไม่นาน เฮ้อ...ถามมาได้ ผมยังเอาฝุ่นออกจากโพรงจมูกไม่หมดเลย อยากจะจามแต่จามไม่ออกซะนั้น ทรมานสุดๆเลยให้ตายสิ
“ก็...มีแต่ฝุ่น” ผมตอบมันเสียงอู้อี้ ทำไงได้เล่า ตอนนี้ทั้ง2ข้างจมูกของผมมันอุดตันไปด้วยชิทชู่นิหน่า ขนาดหายใจยังหายใจทางปากเลยคิดดูสิ....แล้วมันจะมาเค้นอะไร้ จากคนทางเดินหายใจขัดข้องแบบนี้...
“ไม่ใช่ ฉันหมายถึงว่าแกได้ความทรงจำอะไรกลับมาบ้างมั้ยตะหากเล่า” ไอ้ชลยังถามต่อ เอ๋ ไอ้นี้ไม่เห็นอุปสรรค์ในการพูดของเพื่อนบ้างเลยหรอว่ะเนี่ย...
“ไม่ได้เป็นความจำเสื่อมโว้ย...แต่ถ้าหมายถึงความทรงจำเกี่ยวกับรัตติกรละก็ ไม่เคยลืมโว้ย ไม่ต้องถาม” ผมตอบไปอย่างกล้าหาญชาญชัย...นี้ขนาดจมูกผมมีสิ่งกีดขวางอยู่นะเนี่ยยังสามารถพูดได้ขนาดนั้น ผมนี้ไม่วอนตายก็คงกล้ามากเลยแหะ...นี้ผมเป็นอะไรไปเนี่ย...
“ช่างแก ขี้เกียจต่อความยาว สาวความยืด แล้วสรุปจะไปหาแม่สาวปริศนาค้างคาในใจแกได้ที่ไหนว่ะ” ไอ้คุณเพื่อนที่แสนน่ารักถาม นั้นสิ ผมยังไม่รู้จักบ้านเธอเลยนิหว่า...แล้วผมจะไปหาเธอที่ไหนละเนี่ย...ความฝันของผม...นางในฝัน...แต่มันก็มีที่ๆหาได้นิ...ที่นั้นที่เดียว
“ไปโรงเรียนฉันไง....”
ความคิดเห็น