คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : บทที่ ๖ ล้มหมอนนอนเสื่อ
หลังออกจากหอสราญรมย์ชมเดือนก็ถูกพี่ชายอุ้มพาตัวกลับมาที่จวนแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดินโดยมีบรรดาบ่าวรับใช้พากันมายืนออรออยู่ก่อนแล้ว
แม้จะมีสีหน้าอิดโรยแต่เมื่อเห็นเธอ พวกเขาก็ฉีกยิ้มกว้างเอ่ยต้อนรับอย่างยินดี
คนทั้งกลุ่มมุงเข้ามาถามไถ่สารทุกข์สุขดิบเธอกันเสียงดังเซ็งแซ่
หญิงสาวรู้สึกประหลาดใจไม่น้อย
เธอไม่คิดว่าคุณหนูหานลู่จะเป็นที่รักของบรรดาบ่าวไพร่ในบ้านถึงเพียงนี้
คนที่มีทั้งพ่อและพี่ชายที่รักและตามใจยิ่งกว่าอะไรควรจะโตมาเป็นคุณหนูขี้วีนเอาแต่ใจตัวเองจนคนรอบข้างเอือมระอาเหมือนที่เธอเคยเห็นในละครสิ
ทว่านี่กลับไม่ใช่ สีหน้าและแววตาพวกเขาเป็นของจริง
ไม่ได้เสแสร้งเสริมแต่งขึ้นมาแม้แต่น้อย ไม่เชื่อก็ดูเอาเถิด
ขนาดถูกหานลู่ถังกราดมองตาเขียวปั๊ด พวกเขายังไม่หนีหายไปไหน
เพียงแต่เก็บปากเก็บคำแล้วเดินตามสองพี่น้องมาเงียบๆ แต่ก็ยังไม่วาย แอบลอบมองคุณหนูหานลู่อย่างเป็นห่วงเป็นใยอยู่เป็นระยะ
แม้จะนึกฉงนแกมทึ่งอยู่มาก
แต่เธอก็ไม่หมกมุ่นกับมันนานนัก ชมเดือนยังไม่ลืมสถานการณ์ของตัวเอง
เธอรู้ดีว่าตนไม่ใช่คุณหนูเล็กแห่งจวนแม่ทัพอันแสนเกรียงไกร
ไม่ใช่หานลู่อวี้คนที่พ่อและพี่ชายรักดั่งแก้วตาดวงใจ และในเมื่อเป็นคนละคน
จะท่วงท่าการเดินหรือน้ำเสียงยามเอื้อนเอ่ยจำนรรจา สำหรับคนใกล้ชิดที่เฝ้ามองร่างนี้มาตั้งแต่เล็กจนโต
ไม่ใช่เรื่องแปลกหากจะสังเกตุเห็นความแตกต่างได้จากการมองเพียงปราดเดียว แล้วนี่ยังเคราะห์ซ้ำกรรมซัดเกิดเป็นลูกใครไม่เป็น
ดันมาเกิดเป็นบุตรีคนเล็กของท่านแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดินเข้าเสียอีก ชายแดนเวลานี้ก็ไม่สงบ
หากถูกเข้าใจผิดว่าเป็นสปายสวมรอยเข้ามาสอดเนมความลับทางการทหาร..ต่อให้มีสักสิบชีวิตก็คงไม่พอ
ตายน่ะเธอไม่กลัวเท่าไหร่ แต่ทัณฑ์ทรมานก่อนตายนี่สิที่น่าหวาดผวา
ฟันขาวสะอาดของหญิงสาวขบแน่นเพื่อระงับอาการอกสั่นขวัญแขวนที่ทำให้มือเท้าชาหนึบ
ไม่พบเด็ดขาด...หัวเด็ดตีนขาดอย่างไร...สำหรับสองพ่อลูกตระกูลหานลู่คู่นี้
เลี่ยงได้เป็นเลี่ยง!
“ท่านพี่ข้ารู้สึกไม่สบาย...” ชมเดือนรีบออดอ้อนเสียงอ่อนระโหยอยู่ในอ้อมกอดพี่ชาย
ทั้งยังเพิ่มความสมจริงเข้าไปด้วยการแกล้งคอพับคออ่อนซุกศีรษะกับอกแน่นๆของอีกฝ่ายไปด้วย
ร่างใหญ่โตราวๆสองเมตรกว่าของพี่ชายชะลอฝีเท้าลง
ก้มลงมาใช้สายตากึ่งปลอบกึ่งขอร้องกล่าวกับเธอ
"ทนสักเดี๋ยวได้หรือไม่? ไปพบท่านพ่อก่อน"
"แต่ท่านพี่...ข้าเจ็บหน้าอก"
ชมเดือนกระซิบบอกเสียงเบาหวิว ฟังคล้ายเจือเสียงหอบหายใจอยู่ในที เพียงแต่ว่าหนนี้เธอไม่ได้เสแสร้ง
แต่เจ็บที่หน้าอกจริงๆ อาการเดียวกันกับครั้งก่อนคล้ายโรคประจำตัวกำเริบ
แต่หนนี้ยาวนานและเจ็บปวดกว่าชนิดเทียบกันไม่ได้
มือน้อยยกขึ้นกุมอก
เริ่มหอบหายใจหนักและมีสีหน้าทุกข์ทรมานจนหานลู่ถังหน้าเสีย
เขาเร่งฝีเท้าไปที่เรือนนอนของน้องสาวขณะที่ปากก็ร้อนรนตะโกนสั่งให้บ่าวไพร่ที่เดินตามมาไปเรียกหมอและแจ้งหานลู่เจวี่ยผู้เป็นบิดาให้รับทราบ
ชมเดือนพยายามคงสติตัวเองเอาไว้อย่างสุดความสามารถแต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้สลบเมือดไปตอนหานลู่ถังวางร่างเธอลงนอนบนเตียงพอดี
จัดถัดจากนั้นประมาณครึ่งเค่อ
หานลู่เจวี่ยก็รีบร้อนมาถึง เขาสาวเท้าเข้าไปในห้อง
ดวงตาสีดำสนิทเหลือบมองร่างเจ้าของห้องที่นอนไม่ได้สติอยู่บนเตียง
ใบหน้าพริ้มเพราขาวซีดไร้สีเลือด
ยิ่งเมื่อประกอบเข้ากับรูปร่างผอมบางเจ้าตัวก็ยิ่งดูเปราะบางราวกับจะแตกสลายหายไปต่อหน้าต่อตาเขาได้ทุกเมื่อ
แม้นตัวหานลู่เจวี่ยรู้ดีที่สุดว่าบุตรสาวไม่ได้อ่อนแอ
นางมีเลือดของตระกูลหานลู่ไหลเวียนอยู่ในกายเข้มข้นยิ่งกว่าผู้ใด แต่กระนั้นภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้าก็ยังทำให้คนเป็นพ่อ..ทำให้ท่านแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดินผู้ห้าวหาญรู้จักความกลัวเป็นครั้งแรก
เขาหวาดกลัวสิ่งที่ตัวเองพร้อมจะแลกเพื่อให้นางรอดและหวาดกลัวสิ่งที่พร้อมจะทำลายหากเสียนางไป
ประมาณสองเค่อถัดมาหมอชราในชุดคลุมยาวสีเขียวอ่อนก็เร่งรุดเดินทางมาถึง
ไม่ต้องรอให้ใครสั่งท่านหมอก็พุ่งไปที่ข้างเตียงคนป่วยแล้วจับชีพจรตรวจอาการเจ้าของลำแขนผอมบางทันทีคล้ายคุ้นเคยอยู่แล้ว
ท่านหมอทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่สักพักก่อนสีหน้าจะดำทะมึนลง
สายตาเหลือบมองสองพ่อลูกหานลู่ที่ยอมมองอยู่อีกมุมหนึ่งของห้องด้วยความหนักใจ
พอเหลือบมองบ่อยเข้าหานลู่ถังจึงนึกเอะใจ
ร่างสูงใหญ่สาวเท้าก้าวฉับๆเข้าไปหาหมอชราในทันใด เอ่ยถามอย่างไม่สบายใจแกมร้อนรน
“ท่านหมอ
น้องสาวข้าเป็นอย่างไรบ้าง”
“คือ...”
หมอชราอึกอัก ท่าทางลำบากใจไม่น้อย
ลำพังการแจ้งข่าวร้ายกับครอบครัวผู้ป่วยก็ยากจะเอ่ยปากยิ่งแล้ว
ยิ่งมีบุรุษร่างกายสูงใหญ่ราวยักษ์ปักหลั่นสองคนมายืนส่งสายตากดดันลิ้นเขาก็ยิ่งแข็งทื่อ
พอผู้สูงวัยนิ่งเงียบกรอกตาล่อแล่กคล้ายนกหวาดกลัวเกาทัณฑ์
หานลู่ถังก็ยิ่งคิดจินตนาการไปไกล เขาจึงคว้าไหล่ผอมบางขกๆๆองท่านหมอแล้วเขย่าเร่งเร้าเอาความจริงจนชายชราหัวสั่นหัวคลอน
หานลู่เจวี่ยที่ยืนสังเกตุการณ์อยู่เงียบๆมานานแล้วมองลูกชายตัวโตของตนอย่างอ่อนใจ
นี่ถ้าปล่อยให้มันเขย่าท่านหมอชรารูปร่างผอมบางเช่นนั้นไปเรื่อยๆเกรงกว่าคงคอหักก่อนจะได้รู้เรื่อง
“พอได้แล้ว
คิดว่าหมอเก่งๆหาง่ายนักหรือไง” ท่านแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดินเอ่ยปรามเสียงเรียบ
เจ้าลูกชายจึงหยุดชะงักแล้วค่อยๆวางร่างท่านหมอชราลงอย่างเบามือ ทั้งไม่ลืมช่วยจัดคอเสื้อที่ยับย่นของอีกฝ่ายให้เข้าที่
หมอชราไอโขลกอย่างน่าสงสาร
แต่ก็ไม่กล้าอึกอักอีกรีรออีก เขารีบเอ่ยชี้แจ้งด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
“พวกท่านรู้ว่าตั้งแต่ถูกช่วยกลับมาจากพวกกบฏ
ร่างกายคุณหนูเล็กก็อ่อนแอลงมาก แต่ที่ยังสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุขเช่นทุกวันนี้ก็เพราะได้พลังลมปราณช่วยพยุงเอาไว้”
ดวงตาที่เต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งกาลเวลาของท่านหมอจ้องสองพ่อลูกนิ่งงัน “นางอยู่มาได้นานขนาดนี้คือปาฏิหารย์...เรื่องนี้พวกท่านเองย่อมรู้แก่ใจดี”
“แล้วอย่างไร”
หานลู่เจวี่ยถามเสียงขรึม หมอชราก้มหลบสายตาคมกล้าจากยอดคนทั้งสอง มือสองข้างที่กุมกันไว้เริ่มบิดไปมาอย่างอึดอัด
ก่อนกระซิบชี้แจงเสียงแหบแห้ง
“...พลังลมปราณของคุณหนู...หายไป”
“อะไรนะ!!!” หานลู่ถังอุทานเสียงดังลั่น
ถลาเข้ามาจะจับท่านหมอเขย่าอีกครั้ง แต่ได้หานลู่เจวี่ยยกมือห้ามไว้เสียก่อน
ชายหนุ่มตัวโตจึงต้องล่าถอยออกไปอย่างเสียมิได้
“เป็นไปได้อย่างไร”
ท่านแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดินกอดอกขมวดคิ้วถาม
หมอชราได้แต่ช้อนสายตามองชายผู้มีรูปร่างสูงใหญ่กว่าตนหลายเท่าด้วยแววตาหวาดหวั่น
ตุบบ!!
เข่าสองข้างของท่านหมอกระแทกคุกเข่าลงกับพื้น
ร่างผอมบางหมอบกราบคนตรงหน้าด้วยสำนึกในความผิดพลาดของตนอย่างสุดซึ้ง ชายชราไม่หวาดกลัวความตายเท่าใดนัก
แต่ทัณฑ์ทรมานอันเป็นที่เลื่องลือของท่านแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดินนี่สิ
ว่ากันว่าเชลยเพียงได้ยินชื่อเขา
เก้าในสิบล้วนเปิดปากบอกเล่าความจริงโดยผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาไม่ต้องออกแรงเลยแม้แต่น้อย
“คราที่คุณหนูเล็กถูกช่วยกลับมาจากกบฏ
ข้าน้อยหลงคิดว่าพิษที่ติดตัวคุณหนูกลับมาถูกถอนออกหมดแล้ว
ไม่มีหลงเหลืออยู่ในร่างนางอีก
ความไม่รอบคอบในอดีตทำให้วันนี้วรยุทธ์และพลังลมปราณของคุณหนูหานลู่ถูกพิษที่แฝงอยู่ในกายทำลายสิ้น
ขอท่านแม่ทัพโปรดลงโทษด้วย”
“พิษที่แฝงอยู่ในกายเช่นนั้นหรือ?
อธิบายมาให้ละเอียดซิ” หานลู่เจวี่ยสั่ง
“ข้าคาดว่ายาที่ได้มาจากพวกกบฏไม่ใช่ยาถอนพิษ
พวกมันเพียงแต่ทำให้พิษในร่างกายคุณหนูหลับใหลเป็นการชั่วคราว
และจะถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาอาละวาดอีกเมื่อถูกกระตุ้น”
“ท่านจะบอกว่ามีผู้ไม่หวังดีใช้ตัวยาบางอย่างกระตุ้นพิษในกายนางอย่างนั้นหรือ?”
ท่านแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดินถามเสียงเย็น
แววราวโรจน์กระพริบวาบผ่านดวงตาซึ่งสุขุมเยือกเย็นอยู่เป็นนิจ
ชายชราพยักหน้า
“โชคดีที่ร่างกายของคุณหนูเริ่มปรับตัวให้คุ้นชินกับพิษชนิดนี้บ้างแล้ว
ความร้ายกาจของมันจึงถูกภูมิในตัวนางกดเอาไว้ส่วนนึงและไม่เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตอีก
ทว่า...”
หมอชราเหลือบสายตามองร่างบอบบางที่นอนไม่ได้สติอยู่บนเตียงด้วยสายตาเวทนาแกมเสียใจ
“ร่างกายของนางจะอ่อนแอมาก...จนอาจไม่สามารถลุกจากเตียง...ไปชั่วชีวิต”
สองพ่อลูกหานลู่เมื่อรับฟังก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง
รู้สึกราวฟ้าผ่าลงมากลางใจ
“ต้องมีวิธี..ท่านต้องมีวิธีรักษานางสิท่านหมอ”
เป็นหานลู่ถังอีกเช่นเคยที่ขาดสติพุ่งเข้าไปกล่าวกับหมอชราด้วยสีหน้าแววตาอ้อนวอนก่อน
หานลู่อวี้ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงก็จริงอยู่
แต่นางก็ยังสามารถผึกฝนวรยุทธ์ ออกท่องโลกกว้าง
กินเหล้าเคล้านารีและเล่นสนุกกับบรรดาอนุทั้งฝูงของนางตลอดคืนได้อย่างไม่เคยติดขัดแม้แต่น้อย
จู่ๆจะมาบอกว่าทั้งหมดทั้งมวลนั้นจะไม่มีอีกแล้วและต้องใช้ทั้งชีวิตที่เหลือนอนป่วยอยู่บนเตียงน่ะหรอ?
จะให้เขาบอกน้องสาวตัวเองได้อย่างไร!!!
_______________________________________________
หายหัวไปเลยไรท์ขอโทษจริงๆ ใกล้สอบแล้ว การบ้านเยอะมากกก สต็อกที่เขียนตุนไว้ก็หมดอีก ฮรืออออออ
รักคนอ่านนะคะ ขอบคุณที่ติดตาม
ป.ล. เดี๋ยวไรท์จะกลับไปรีไรท์ตอนที่ 5 เนอะ รู้สึกภาษาห่วยมาก ถ้ามันแจ้งเตือนไม่ต้องเข้ามาดูก็ได้
ป.ล2 ไรท์อ่านทุกคอมเมนต์น้า รอว่างกว่านี้หน่อยแล้วจะมาตอบน้าาาาา
จรลีล่ะจ้า อาทิตย์หน้าสอบมิดเทอมแว้วววว T^T
ความคิดเห็น