ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ตำแหน่งฮ่องเต้ยัดเยียดให้ผู้หญิงก็ได้หรอ?

    ลำดับตอนที่ #5 : บทที่ ๕ นางโลมจำเป็น

    • อัปเดตล่าสุด 7 มี.ค. 60


    ชมเดือนแต่งตัวเสร็จก็ถูกสั่งให้นั่งรออยู่แต่ในห้องไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปไหน และเพราะไม่ได้ขัดขืนเสื้อผ้าและรองเท้าของเธอจึงยังอยู่ดีและถูกพับวางอย่างเรียบร้อยไว้ในลิ้นชักภายในห้อง เช่นเดียวกับตั๋วแลกเงินที่เธอซุกแอบไว้ในพื้นรองเท้า ไม่นานประตูก็ถูกผลักเปิด เด็กหญิงอายุไม่เกินสิบสามปีเดินเข้ามาแจ้งหญิงสาวว่าเธอถูกเรียกตัวไปรับแขก

    ชมเดือนถึงกับตกตะลึงไปครู่หนึ่ง แต่ไม่นานก็ตั้งสติได้ เธอยิ้มรับแกนๆแล้วลุกขึ้นเดินตามอีกฝ่ายไปโดยไม่มีท่าทีกระวนกระวายให้เห็น แม้ในใจยามนี้จะสบถสาบานสาปส่งไอ้ผ้าคลุมปริศนาที่ตนพบในโลกหลังความตายเสียงขรม!

    สร้างบุญทำกุศลมารดาเจ้าสิ!!! ทำดีแล้วตอบแทนกันแบบนี้เรอะ!!!!

    สาวใช้ตัวน้อยพาเธอเดินลัดเลาะผ่านระเบียงไปยังห้องส่วนตัวห้องนึง ระหว่างทางก็พูดคุยกระซิบเสียงเบาว่าอยู่ที่นี่ชมเดือนจะใช้ชื่อเจียวมี่ แล้วจึงหมุนตัวเดินหายไปอีกทาง

    ชมเดือนยืนนิ่งไว้อาลัยให้ตัวเองอยู่หน้าประตูครู่หนึ่ง ถึงโลกที่เธอจากมา การมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งไม่นับเป็นเรื่องใหญ่โต แต่เธอก็พอจะคาดเดาได้ว่าสำหรับผู้หญิงคนหนึ่งแล้วคงเป็นเรื่องคอขาดบาดตายไม่ใช่น้อยที่นี่ แต่จะให้มานั่งตีโพยตีพายเอาป่านนี้ก็ใช่ว่าจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้ มีแต่ต้องปรับเปลี่ยนแผนการใหม่เท่านั้น 

    อย่างน้อย...ถ้าต้องรับแขกจริงๆก็ขอให้เป็นคนเดียวไปจนกว่าเธอจะคิดหาทางออกจากที่นี่ได้ ดังนั้นชมเดือนจึงหมายมาดว่าจะทำตัวให้ดี อย่างไรมีคนชอบก็ย่อมดีกว่ามีคนชัง

    คิดได้ดังนั้น มือบางก็จับบานประตูเลื่อนเปิดออก ร่างระหงส์ก้าวเข้าไปในห้องก่อนจะหันกลับมาเลื่อนประตูปิดอย่างเบามือ ท่วงท่าสง่างามนุ่มนวล

    ที่ทำเป็นอย่างแรกคือการกวาดตาสำรวจห้อง นอกจากหน้าต่างทรงแปดเหลี่ยมบานใหญ่ โต๊ะเตี้ยที่อัดแน่นไปด้วยสุราอาหาร เบาะรองนั่งและของประดับล้ำค่าไม่กี่ชิ้น ดูๆไปก็คล้ายห้องรับรองธรรมดา ไม่ใช่คล้ายจะเป็นห้องหอที่เธอจะถูกบังคับให้ขายเนื้อหนังมังสาแต่อย่างใด ในใจจึงโล่งไปเปราะหนึ่ง 

    เจียวมี่คารวะคุณชายชมเดือนย่อตัวลง มือสองข้างแตะกันน้อยๆเหมือนที่เคยเห็นดารานักแสดงทำในชาติก่อน สีหน้าราบเรียบไม่บอกอารมณ์แต่ก็ไม่ได้แข็งกระด้างขัดตา

    แม่นาง...เชิญนั่งชายหนุ่มที่นั่งร่ำสุราอยู่ริมหน้าต่างมีอายุประมาณยี่สิบปลายๆ รูปร่างผอมบาง คิ้วกระบี่ นัยตาหงส์คมกริบ แลดูฉลาดล้ำลึกหากแต่ก็เจ้าเล่ห์อยู่ในที...โหนกแก้มชัด ผิวพรรณขาวกระจ่าง รวมๆแล้วถือว่าเป็นบุรุษที่หล่อเหลาเป็นอย่างมาก เขาผายมือไปอีกฝั่งหนึ่งของโต๊ะ

    ขอบพระคุณ คุณชายร่างบอบบางค่อยๆลากอาภรณ์รุ่มร่ามที่สวมอยู่ไปทรุดตัวนั่งลงฝั่งตรงข้าม ช้อนสายตาขึ้นสบดวงตาเจ้าเล่ห์ล้ำลึกสีดำสนิทดังผืนรัตติกาลครู่หนึ่งแล้วเบนหลบอย่างช้าๆไปที่กาสุราบนโต๊ะ มือขาวนวลเนียนราวสลักขึ้นมาจากหยกบรรจงหยิบมันขึ้นมารินใส่จอก ก่อนจะยกมันให้อีกฝ่าย

    ชายหนุ่มผู้นั้นเอื้อมมือมารับจอกสุราไปถือเงียบๆ 

    ....ครู่หนึ่งจึงยกขึ้นจิบ สีตาของเจ้าแปลกดีนะ

    พอได้ยินอีกฝ่ายพูดขึ้นมาเช่นนั้น คนที่กำลังครุ่นคิดหาทางส่งข่าวไปให้พ่อกับพี่ชายที่ไม่เคยพบหน้าอยู่ในภวังค์ของตัวเองจึงมีอันต้องดึงสติกลับมาสนใจอีกฝ่ายอย่างเสียไม่ได้ เธอช้อนสายตาขึ้นมองสบเขา

    เจ้าค่ะร่างเล็กรับคำเสียงละมุ่น แล้วก้มหน้าหลบสายตาอีกครั้ง

    เจ้าค่ะ?” เขาแสร้งหยอกถามเสียงสูง

    ดวงตาสีฟ้าอมเทาจึงช้อนขึ้นสบชายหนุ่มอีกครั้งตอบอ้อมแอ้มเสียงเบา ข้าชวนคุยไม่เก่ง

    ริมฝีปากหนากระตุกน้อยๆคล้ายเด็กได้ของเล่นถูกใจ ความขัดแย้งระหว่างดวงตาคมดุและท่าทางอายม้วนของโฉมสะคราญตรงหน้ากระทำออกมาได้น่าเอ็นดูนัก

    เจิ้งหาวระบายยิ้มเจ้าเล่ห์ ร่างสูงโน้มลงมาจนชิดแล้วเอ่ยกระซิบเอาน่าพยายามหน่อย มันจะแย่แค่ไหนกันเชียว

    เป็นช่วงเวลาสั้นๆที่ชมเดือนนิ่งอึ้งไป...เธอจ้องมองรอยยิ้มเหมือนอ่านออกเหมือนรู้ทันของอีกฝ่ายอย่างไม่ไว้ใจ 

    เรื่องวุ่นวายที่พบเจอตั้งแต่ฟื้นขึ้นมาทำเอาเธอผวาไม่กล้าไว้ใจใครง่ายๆ ยิ่งคนท่าทางเจ้าเล่ห์น้ำนิ่งไหลลึกเช่นนี้เธอยิ่งระแวง แม้ตอนนี้ทางที่ง่ายที่สุดคือหาใครสักคนไปแจ้งจวนแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดินเรื่องสถานการณ์ของเธอ แต่ให้ตายอย่างไรก็เอ่ยขอความช่วยเหลือจากคนจรงหน้าไม่ออก

    พลันหญิงสาวหวนนึกถึงนายทหารตัวโตคนนั้น ถ้าเขารอดชีวิต ตอนนี้พ่อกับพี่ชายก็น่าจะรู้เรื่องแล้ว แต่หากไม่...

    ทันใดนั้นริ้วความรู้สึกผิดบาปแล่นขึ้นมาจุกอยู่ภายในอก เพราะความซื่อจนโง่ของเธอแท้ๆเขาถึงต้องเดือดร้อน เป็นตายร้ายดีอย่างไรก็สุดรู้ เธอยังจะโง่งี่เง่าไปยิ่งกว่านี้ได้อีกไหม

    คุณชาย ข้าควรเรียกท่านว่าอะไรชมเดือนถามเสียงอ่อน ตัดสินใจรอดูท่าทีอีกฝ่ายไปก่อนแล้วค่อยตัดสินใจอีกครั้ง 

    แซ่เจิ้ง ชื่อคำเดียวว่าหาวเขาตอบ

    ชมเดือนพยักหน้ารับเรียบๆ ไม่โปรยยิ้มเรี่ยราดแต่ก็ไม่ได้เย็นชา บรรยากาศเจือความอ่อนละมุนขุมหนึ่งที่ทำให้ไม่ดูห่างเหินเกินไปจนเป็นการเสียมารยาทกับคู่สนทนา

    คุณชายเจิ้ง ท่านมาที่นี่เป็นครั้งแรกหรือเจ้าคะ

    ถูกต้องแล้ว” 

    ท่านจองห้องส่วนตัวที่แพงที่สุดในหอ ทั้งยังสวมใส่อาภรณ์ชั้นเลิศ เกรงว่าจะร่ำรวยมากกระมัง ไม่ทราบว่าคุณชายเจิ้งทำกิจการอะไรหรือเจ้าคะชมเดือนเดาส่งจากข้าวของและการตกแต่งภายในห้อง 

    เจิ้งหาวเลิกคิ้วน้อยๆ เอ่ยเสียงเย็น หอสราญรมย์อบรมเจ้าให้รู้จักสอดรู้เรื่องส่วนตัวของแขกเช่นนี้รึ?” มุมปากเขากระตุกเป็นรอยยิ้มข่มขวัญ "เจ้าว่าข้าควรรายงานเรื่องนี้ให้เจ้าหอทราบดีหรือไม่?" 

    ประโยคที่เพิ่งได้ยินผ่านหูทำเอาชมเดือนนั่งตัวเกร็ง ความเย็นเฉียบไล่ขึ้นมาจากปลายนิ้ว 

    ถึงอีกฝ่ายจะไม่ได้พูดออกมาตรงๆแต่ก็มีนัยข่มขู่ชัดเจน เขารู้ว่าเธอหวาดกลัวที่สุดคือการถูกโยนออกไปกลางวงผู้ชายทั้งฝูง ถ้าทำให้ลูกค้ากระเป๋าหนักอย่างเขาไม่พอใจ เจ้าหอที่ซื้อเธอมาก็จะพลอยไม่พอใจไปด้วย หากเป็นเช่นนั้นแล้ว ชีวิตในหอสราญรมย์ของชมเดือนยังจะสงบสุขอยู่ได้หรือ? เธอมีดีแล้วอย่างไร กำไรไม่มียังพออภัยให้ได้ แต่ทำนางขาดทุนแบบนี้คงยากจะปล่อยเธอไว้ น่าแค้นเหลือเกินที่บุรุษผู้นี้จับจุดเธอได้ชะงัดนัก 

    ชมเดือนเผยอริมฝีปากน้อยๆ แทบไม่คล้ายกิริยาของคนที่หัวใจเพิ่งหล่นไปกองอยู่ที่ตาตุ่มแม้แต่น้อย ศีรษะเล็กก้มลงพองามจนเส้นผมที่คลอเคลียหัวไหล่บางทิ้งตัวลงเคลียผิวแก้มขาวซีด เอ่ยเสียงเย็นใส ข้าเสียมารยาทกับคุณชายแล้ว

    กล่าวจบก็แอบปาดเหงื่อร้องฮู่วในใจ เส้นขนในกายลุกชันไปหมด ตอนนี้ตีให้ตายเธอก็ไม่ยอมติดหนี้บุญคุณอะไรเขาเด็ดขาด คนแบบนี้เกรงว่าจะเรียกเก็บหนี้แบบทบต้นทบดอกกับเธอจนเกินคุ้มแหงๆ!

    ชมเดือนระบายลมหายใจออกมาอย่างอ่อนระโหย ตัดสินใจจะอยู่ต่ออีกสักวัน

    เรื่องที่เกิดขึ้นทำเอาชมเดือนขยาดไม่นึกอยากประจบแขกร้ายกาจผู้นี้อีก เมื่อเธอไม่ชวนคุยเขาก็นิ่งเงียบ ต่างคนต่างก็ทอดมองท้องฟ้ายามราตรีซึ่งพร่างพราวไปด้วยประกายแสงระยิบระยับของดวงดารา 

    สายลมที่พัดเอื่อยหอบเอากลิ่นอายอันสะอาดบริสุทธิ์ของสายน้ำและผืนป่ามากระทบนาสิกประสาท 

    ร่างเล็กบางในอาภรณ์งดงามกำลังรินสุราใส่จอกของบุรุษหนุ่มผู้คาดเดาความคิดได้ยาก 

    บรรยากาศเหมาะเจาะแก่การนั่งจิบสุราชมจันทร์ยิ่ง...

    !” ดวงตากลมโตกระพริบปริบๆเมื่อจู่ๆก็รู้สึกปวดแสบปวดร้อนในอกขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ แต่เพียงชั่วขณะเดียวก็สลายหายไปราวกับไม่เคยมีอยู่

     

                 คืนต่อมา

                 "...."

    ทั้งที่คิดไว้แล้วว่าจะขอให้แขกคนต่อไปของตนช่วยเหลือ แต่ทำไมคนที่นั่งเอกขเนกจิบสุราพิงกรอบหน้าต่างอยู่ตรงหน้ากลับเป็นเจิ้งหาวอีกแล้วล่ะ!

    ชมเดือนพยายามกดข่มอารมณ์เดือดาล มือขาวผ่องเลื่อนบานประตูปิดสนิทแล้วก้าวเข้าไปนั่งตำแหน่งเดิม หญิงสาวกัดฟันตีสีหน้าเรียบเฉยจนแก้มกระตุกขณะที่มือรินสุราเติมให้อีกฝ่ายไปด้วย

    ผ่านไปอีกครู่ใหญ่ๆ นัยตาหงส์ก็หันมาจดจ้องเธอด้วยประกายรู้ทัน ฉีกยิ้มยะเยือกที่ทำเอาขนสันหลังหญิงสาวลุกชัน 

    หลงคิดมาเสียนานว่าคุณหนูเล็กแห่งจวนแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดินผู้มีอนุนับสิบจะรูปงามเป็นหญิงเหนือชาย...คำพูดที่กล่าวออกมาลอยๆคล้ายไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไรของอีกฝ่ายทำเอาผู้ถูกพาดพิงถึงกับผงะนั่งไม่ติดพื้น

    จะข่มขู่อะไรเธออีกล่ะไอ้คนร้ายกาจนี่!

    นัยน์ตาคมกริบของคนที่ถูกสัพยอกว่าร้ายกาจในใจแสร้งทำมองสำรวจเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วเอ่ยแหย่เสียงกรุ่มกริ่ม “..ไม่คิดว่าที่แท้แล้วกลับเป็นโฉมสะคราญผู้หนึ่งเลยทีเดียว

    สีหน้าที่เพียรระงับอยู่เป็นนานของหญิงสาวซีดลงเรื่อยๆ

    ท...ทำไม...เธอเผยอปากพยายามจะพูดแต่ก็พูดไม่ออก ได้แต่เบิกตามองอีกฝ่ายอย่างโง่งม นั่งเป็นบื้อใบ้ให้ตัวเองขายหน้าอยู่เป็นนาน กระทั่งประตูถูกพังเละ เกิดเสียงโครมดังสนั่นพื้นสะเทือนก็ยังไม่หายช็อค

    อวี๋เอ๋อ!!!” เสียงๆหนึ่งตะโกนขึ้นก่อนเงาร่างสูงใหญ่กำยำของชายหนุ่มวัยฉกรรจ์คนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นเบื้องหลังเศษซากที่เคยเป็นประตูมาก่อน เขามีใบหน้าคมกร้าน ดวงตารูปเม็ดอัลมอนด์คมกริบดุดัน เหลี่ยมกรามแข็งแกร่ง อาภรณ์สีดำสนิทโบกสะบัดยามเจ้าตัวสาวเท้ายาวๆเข้ามาประชิดชมเดือนที่ร่างเล็กบางกว่าหลายเท่า

    ร่างใหญ่โตคุกเข่าลงตรงหน้า มือหยาบเป็นตุมไตของอีกฝ่ายประคองจับฝ่ามือบอบบาง ดวงตาสีดำสนิทมองสบมาเต็มไปด้วยความห่วงใยกระทั่งน้ำเสียงที่หลุดออกมาจากลำคอก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความอ่อนโยนละมุนละม่อม อวี้เอ๋อ พี่ชายมารับ

    ฝ่ายชมเดือนพอได้สติก็ช้อนสายตาขึ้นมองชายตัวโตที่เรียกตนเองว่าพี่ชายเบื้องหน้า ตระกูลหานลู่ดูท่าจะมีกรรรมพันธุ์ตาดุกันทั้งบ้าน 

    ร่างกายเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง รู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือไม่?”เขาเอ่ยถามร้อนรน

    ข้าไม่เป็นไรชมเดือนยิ้มบางๆตอบ

    แต่กระนั้นดวงตาคมดุของคนตัวโตก็ยังมองมาอย่างห่วงกังวล ร่องรอยความไม่สบายใจฉายชัดบนใบหน้าคมกร้านจนชมเดือนนึกตื้นตันอยู่ในใจ

    กลับไปให้ท่านหมอตรวจอาการก่อน พี่ถึงจะวางใจหานลู่ถังเอ่ยรวบรัด เขาปล่อยมือเล็กแล้วขยับเข้ามาอุ้มหญิงสาวขึ้นกิริยาทะนุทนอมยิ่ง

    นี่ๆๆ พวกเจ้าลืมข้าที่นั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้ไปแล้วรึน้ำเสียงยียวนเอ่ยที่ขัดขึ้นมากลางปล้อง ทำให้หานลู่ถังที่หมุนตัวเดินไปถึงประตูแล้วชะงักเท้าเขาหันกลับมามอง เขาค้อมศีรษะอย่างขอไปที เอ่ยทักทายอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงเฉยชาหมางเมินเป็นอย่างยิ่ง

    ท่านอาจารย์เหิง..พูดจบก็จ้ำเท้าหายลับไปจากครรลองสายตาแทบจะในทันที ปล่อยให้ชมเดือนชะเงอคอมองชายผู้ร้ายกาจผู้นั้นด้วยกิริยาปากอ้าตาถล่น

    อาจารย์!? ให้คนบุคลิกแบบนั้นเป็นเป็นอาจารย์ อนาคตของชาติจะไม่น่าเป็นห่วงเรอะ?!

    ________________________________

    คนเม้นเยอะเลยรีบปั่นส่งให้ก่อนตอนหนึ่ง ขอบคุณที่ติดตามนะค้าาา

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×