ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เสน่หาสามชาติ

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ ๑ พานพบคนงาม

    • อัปเดตล่าสุด 17 ก.ย. 60


    ลืมตาขึ้นมาอีกทีก็พบว่าตัวเองกลายเป็นทารกน้อยช่วยเหลืออะไรตัวเองไม่ได้เสียแล้วทั้งยังถูกลอยคลออยู่กลางน้ำจนหนาวสั่นไปหมดอีกต่างหาก

    โธ่เอ๋ย...ความอับโชคของนาง ขนาดเปลี่ยนภพเปลี่ยนชาติมาเกิดใหม่แล้วก็ยังตามติดไม่เลิกราหรือนี่

    หลังจากนิ่งคิดอยู่นานว่าสภาพปวกเปียกเป็นราวกับก้อนแป้งเช่นนี้จะสามารถทำอะไรเพื่อช่วยเหลือตัวเองได้บ้าง ความเป็นไปได้ทั้งหมดก็ถูกตัดทอนจนเหลือเพียงหนึ่งเดียวคือ...ร้องไห้

     

    พักหนึ่งเลยทีเดียวกว่าจะมีคนได้ยินเสียงร้องและช่วยก้อนแป้งไร้ประโยชน์เช่นนางขึ้นไปจากน้ำ

    ชั่วขณะนั้นคงเป็นเวลาเที่ยงวัน เพราะพระอาทิตย์เหนือหัวที่สว่างจ้านำพาให้เงาของผู้มีคุณทาบทับลงบนร่างก้อนแป้งน้อยจนไม่อาจเห็นหน้าค่าตาอีกฝ่ายได้ นางรู้สึกเพียงตนถูกอุ้มขึ้นอย่างไม่ค่อยจะทนุถนอมนัก พอมองโดยรอบอีกทีก็ถูกวางลงบนเตียงในบ้านกลางป่าแล้ว

    ตอนนั้นเองก้อนแป้งน้อยถึงได้เห็นผู้มีพระคุณของตัวเองอย่างชัดเจนถนัดตาเป็นครั้งแรก...

    อุต๊ะ!

    หล่อมากกกกกก...หล่อวัวตายควายล้ม คนผู้นี้เป็นบุรุษ ดูจากหน้าตาอายุอย่างไรก็ไม่เกินยี่สิบห้า ผิวพรรณขาวกระจ่างมีออร่าราวกับเทพเซียน จมูกโด่ง ดวงตาหงส์ล้อมกรอบด้วยคิ้วคมคายไม่หนาไม่บางเกินไปรับกับริมฝีปากบางเฉียบแดงระเรือ

    ยิ่งพิจยิ่งชวนให้หลงใหล...ช่างเป็นชายที่รูปงามล่มบ้านล่มเมืองอะไรขนาดนี้

    ก้อนแป้งน้อยพิจมองอีกที...ดวงตาของเขาเป็นสีเทาประกายฟ้าดูโดดเด่น เส้นผมสีดำสนิทเป็นเงางามเรียบลื่นราวกับธารน้ำตก ยาวมันระสะโพกสอบเพรียว...มองแล้วตัดกันอย่างยิ่งกับชุดขาวสะอาดที่เขาสวมใส่

                    ขณะนั้นก้อนแป้งน้อยคิดกับตัวเอง...บางทีนางอาจไม่ได้อัปโชคอย่างที่เข้าใจมาโดยตลอด

    @#^@%&#@^%” ได้ยินน้ำเสียงทุ้มต่ำชวนให้อ่อนระทวยนั้นพูดอะไรอยู่ข้างตัว แต่เงียหูฟังอย่างไรก็ฟังไม่ออก

    จังหวะนั้นเองก้อนแป้งน้อยถึงเริ่มสะกิดใจ...

    ดวงตาดำขลับกลมโตกรอกมองสำรวจผู้มีพระคุณขึ้นลงอีกครั้ง...

    ชุดนั่นเป็นชุดจีนที่เคยเห็นนักแสดงชายในละครแนวอภินิหารเทพเซียนสวมใส่กันเมื่อชาติก่อน....

    เหลือกตาพยายามมองไปยังหน้าต่างที่อยู่ไม่ไกล...

    ทัศนียภาพภายนอกคือขุนเขาสายน้ำที่เรียงตัวลดหลั่นจนเกิดเป็นความงดงามยากจะบรรยาย...

    ภูมิทัศน์ที่มองอย่างไรก็คอนเฟิร์มได้เพียงอย่างเดียวว่าไม่ใช่ประเทศไทยแน่แล้ว....

    อุ้แววววววววววววววววว!

    ยามที่ตระหนักเช่นนั้นได้...เจ้าก้อนแป้งน้อยก็น้ำตาคลอก่อนจะแหกปากร้องไห้ตีอกชกลมราวกับจะขาดใจ...

    อัปโชค....นางช่างอัปโชคจริงๆ!

     “อุ๊บส์” อยู่ๆเสียงร้องก็ขาดหายเนื่องจากในปากเล็กถูกมือของผู้มีพระคุณยัดเศษผ้าใส่เต็มจนไม่อาจหุบปากได้ สันหลังก้อนแป้งน้อยพลันคันยิบ รู้สึกราวกับเส้นขนทั้งร่างที่อุปมาว่ามีลุกชันขณะผินสายตากลับมาจับจ้องชายหนุ่มผู้งดงามอีกครั้ง

    @#%$#%” เขายังคงพูดจาด้วยภาษาที่นางไม่เข้าใจ แต่พอจะเดาได้ว่าคนงามคงอยากให้นางเงียบ

    “...” ริมฝีปากเล็กจึงหุบฉับลงในทันทีอย่างรู้งานยิ่ง

    คนงามหรี่ตามองก้อนแป้งน้อยพริบตาหนึ่งก็หมุนตัวหันหลังเดินออกไปนั่งบนตั่งที่อยู่อีกห้องหนึ่ง ท่าทางราวกับกำลังนั่งสมาธิ

    ก้อนแป้งน้อยมองแล้วก็วิเคราะห์ตาม เกรงว่าคนงามคงจะเป็นพวกนักพรตที่หลบเรื่องวุ่นวายทางโลกมาบำเพ็ญตบะหวังกลายเป็นเซียน เพราะเห็นนั่งนิ่งอยู่ท่าเดิมไม่ขยับเขยื่อนมาเป็นครึ่งค่อนวันแล้ว

    โครกกกกก!!

    ...และตอนนี้นางก็หิวเอามากๆ

    แต่จะร้องเรียกอีกฝ่ายก็ไม่ได้อีกเพราะผู้มีพระคุณไม่รู้ว่าลืมหรือจงใจทิ้งเศษผ้าคาปากนางอยู่อย่างนี้

    ก้อนแป้งน้อยหิวจนท้องไส้บิดมวน ถ้ายังไม่ให้นางกินอะไรไม่เกินพรุ่งนี้คงได้ตายเป็นแน่ ทารกน้อยจึงกำลังชั่งใจว่าการขยับตัวให้กลิ้งตกลงไปจนเกิดเสียงดึงความสนใจเขาจะได้คุ้มเสียหรือไม่

    แต่ตอนที่ก้อนแป้งน้อยคิดจนปวดหัวจู่ๆนัยตาหงส์ก็ปรือเปิดขึ้นพอดี ฉุกละหุกจนหูเล็กๆคล้ายได้ยินเสียงดังพรึบ!

    กำลังจะขยับตัวโบกแขนขยับขา แต่หางตานางดันเหลือบไปเห็นคนงามแหวกสาบเสื้อจนร่างกายอันสมบูรณ์แบบเปิดเผยอล่างฉ่างจึงชะงักกึก ดวงตากลมโตจับจ้องไปที่อีกฝ่ายนิ่งงันอย่างฉงนสงสัยว่าเขาถอดเสื้อถอดผ้าทำไมและคำตอบก็มาอย่างไม่เร็วไม่ช้าเมื่อมือเรียวยาวขาวสะอาดของผู้มีพระคุณเลื่อนเข้าไปกอบกุมบางอย่าง ขยับข้อมือขึ้นลง ลำคองดงามของเขาเกร็งเขม่งจนเส้นเลือดปูดโปนขณะร้องคำรามต่ำๆออกมาหลายคำ

    โอ๊ยคุณพร๊ะ!

    ก้อนแป้งน้อยเบิกตามองฉากตรงหน้าอย่างโง่งม....แม้รู้ว่าหญิงสาวที่ดีงามไม่ควรมองกิจกรรมนั้นอย่างยิ่งแต่นางกลับคิดไม่ทันจริงๆ

    ...ว่าต้องปิดตา

     

    รอจนคนงามเสร็จกิจกรรมของวัยหนุ่ม ก้อนแป้งน้อยจึงเริ่มขยับแขนขาพยายามเปล่งเสียงร้องครางอือๆอาๆเรียกความสนใจจากเขาที่เข้ามาผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้อง ร่างสูงโปร่งแต่ไม่ผอมบางเดินเข้ามาข้างเตียง เอียงคอมองก้อนแป้งน้อยที่พยายามเปล่งเสียงร้องผ่านเศษผ้าที่อุดปากอยู่จนหน้าดำหน้าแดงท่าทางทรมานจึงช่วยดึงออกให้อย่างเสียมิได้แล้วยื่นมือมาบีบคางเล็กๆไว้ เอ่ยออกมาหลายคำ

    ก้อนแป้งน้อยเจ็บจนหน้ายู่ แต่ก็เดาได้ว่าคนงามคงอยากให้นางหยุดร้อง ปากเล็กๆจึงไม่ร้องส่งเสียงอีกแต่กลับหันไปงับนิ้วหัวแม่มืออีกฝ่ายมาดูดจ๊วบๆแทน ต้องการสื่อทางอ้อมว่านางหิว!

    @$#@$#$#@$#@$#@$#@$#@

    ดวงตาเปี่ยมเสน่ห์ของคนงามหรี่มองก้อนแป้งน้อยอย่างขบคิดก่อนนิ้วที่เหลือของเขาจะลูบไล้ใบหน้าใสแผ่วเบา แสงที่วาบขึ้นมาพริบตาหนึ่งในดวงตาเขาพาลให้นางหวนคิดไปถึงสายตาของพญายมราชยามบอกจะพาขึ้นสวรรค์อย่างประหลาด ขนลุกขนชันจนต้องอ้าปากปล่อยนิ้วมือแล้วหันหน้าหนีไปอีกทาง แต่เพราะความหิว....สุดท้ายนางจึงต้องหันหน้ากลับไปมองเขาน้ำตาคลออยู่ดี ปากก็ดูดนิ้วตัวเองจ็วบๆอย่างน่าสงสารทว่าไม่กล้าร้องอีก

    ทั้งสองปลุกปล้ำกันอยู่นาน แต่คนงามก็ยังไม่เข้าใจแป้งน้อย สุดท้ายรำคาญมากเข้า...ทำท่าจะเอาเศษผ้าอุดปากนางอีก...นางจึงได้แต่แกล้งทำเป็นหลับตานอนนิ่งไม่รู้เรื่อง ผู้มีพระคุณถึงยอมรามือกลับไปนั่งสมาธิอีกแล้ว

    คราวนี้เขานั่งยาวไปอีกหนึ่งวันหนึ่งคืน ทารกอย่างแป้งน้อยจึงอาการร่อแร่...

    พอออกจากสมาธิและทำกิจกรรมวัยหนุ่มอีกหนึ่งยกคมงามก็เพิ่งจะสังเกตุว่าทารกที่เก็บมาทั้งไม่ขยับและส่งเสียงมากเหมือนวันแรกแล้ว

    คราแรกเขานึกว่าอีกฝ่ายแค่หลับ แต่ที่ไหนได้เมื่อลองพิจดูดีๆกลับจะเห็นว่าริมฝีปากเล็กๆนั้นแห้งแตก ใบหน้าขาวซีดราวกับศพ

    ชั่วขณะนั้นเขามุ่นคิ้วอย่างสงสัย มือเอื้อมแตะชีพจรที่เต้นแผ่วจนแทบไม่ยินจึงเข้าใจ ก้อนแป้งน้อยอดข้าวอดน้ำจนป่วยนี่เอง

    คิ้วไม่หนาไม่บางขมวดมุ่น เหตุใดเขาจะไม่รู้...ว่าก้อนแป้งเป็นนางปิศาจจิ้งจอกน้อยแต่นางอ่อนแรงถึงเพียงนี้ก็น่าจะกลับคืนร่างจริงได้แล้ว ไม่ควรคงรูปมนุษย์ไว้

    แต่ไรมาอาหารของปิศาจจิ้งจอกเพศเมียคือพลังหยิน หากไม่สูบเอาจากคนตายก็ต้องเป็นบุรุษเท่านั้น

    มองซ้ายมองขวาแล้วก็เกรงว่าอาหารของนางคงจะมีเพียงแต่ตัวเขาเองแล้ว...ลังเลครู่หนึ่งก็ลองยื่นมือออกไป แตะทาบลงบนพวงแก้มนิ่มเดงเปล่งปลั่งอย่างแผ่วเบา

    จ๊วบบบบบ!

    พริบตาที่มือเขาแตะก้อนแป้งน้อย นางก็เอี้ยวคออ้าปากหันมางับนิ้วชี้เรียวงามราวกับหยกเข้าไปทั้งดุน ดูดจ๊วบๆราวกับเห็นมันต่างทรวงอกมารดาอย่างไรอย่างนั้น

    ขณะนี้เองที่ขุมพลังหยินในร่างชายหนุ่มที่ไม่ค่อยจะเสถียรอยู่แล้วพลันเกิดการปั่นป่วนขึ้นมาระลอกใหญ่ ร่างสูงโปร่งสง่างามถึงกับทรุดเข่าอ่อนลงไปกองกับพื้น กายท่อนล่างปวดร้าวราวกับถูกบีบด้วยคีมเหล็ก

    อันว่าความเจ็บปวดเช่นนี้....คนธรรมดาคงได้กรีดร้องลงไปดิ้นทุรายๆแล้ว ยังจะหาใครที่การควบคุมตัวเองเป็นเลิศชนิดที่แม้แต่ใบหน้าก็ยังเรียบนิ่งไม่เปลี่ยนสีได้เช่นเขาอีก

    ดวงตาหงส์หรี่ลงน้อยๆเมื่อเลือดในกายเดือดพล่าน ปราณไหลย้อนกลับก่อนจะถูกสิ่งมีชีวิตเล็กๆตรงหน้าสูบกินอย่างเอาเป็นเอาตาย

    มือเรียวอีกข้างที่ยังว่างอยู่ค่อยๆเลื่อนขึ้นไปสัมผัสชีพจรของทารกน้อย ใบหน้าราบเรียบคิดคำนวณปริมาณที่พอเหมาะพอดีอยู่เงียบๆ จนกระทั่งเอ่ยปากขึ้น

    “พอก่อน”

    จ๊วบๆๆๆๆๆๆ

    “อาหลิว...”

    หืม?

    ก้อนแป้งน้อยที่กำลังตะกละตะกลามหยุดชะงัก ดวงตากลมโตสีดำสนิทใสกระจ่างกรอกไปมาจนสบเข้ากับสีครามในดวงตาของคนงามอย่างงงๆ

    หมายถึงนางหรือ?

    “หากเจ้าสูบพลังหยินของข้าต่อจนธาตุไฟเข้าแทรก...ต่อไปก็จะไม่มีให้กินแล้ว” ถ้อยชี้แจ้งของเขานุ่มทุ้ม ฟังดูนุ่มนวลอ่อนโยนเอามากๆจนนางถึงกับเคลิบเคลิ้มไปพักหนึ่ง

    “เด็กดี...” รอยยิ้มกระจ่างดุจจันทราและสัมผัสแผ่วเบาที่ประทับลงบนพวงแก้มทำเอาก้อนแป้งน้อยแทบลืมหายใจ อ้าปากปล่อยนิ้วของคนงามออกจากปากในทันใด

    คนงาม...

    ท่านเป็นเทพสวรรค์องค์ใดจำแลงกายลงมา...ความงามเช่นนี้สมควรเป็นของมนุษย์หรือ หากใช่...เพื่อครอบครองท่าน...เลือดจะต้องไหลนองแผ่นดินมากมายเท่าไรกัน...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×