ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เสน่หาสามชาติ

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ

    • อัปเดตล่าสุด 11 ก.ย. 60


    มาจะกล่าวบทไป....

    หากจะให้พรรณนาบรรยายถึงความอภิมหึมามหาซวยของรามิยาเกรงว่าคงต้องเริ่มตั้งแต่ชาติก่อนนู่น...

    จากข้อสอบฟิสิกข์ที่มั่วสิบข้อผิดสิบข้อ ถึงการลื่นหัวฟาดกระไดตายเพราะเผลอเหยียบคางคกตัวหนึ่งเข้า...

    เท่านั้นไม่พอ...หลังเดินคอตกตามหลังยมบาลร่างยักษ์สองคนลงไปยมโลก ยืนเข้าแถวต่อคิวรองการพิพากษาอยู่เป็นนานสองนานสามนานจนแทบจะหลงลืมไปแล้วว่ามาทำอะไรที่นี่ ในที่สุดก็ได้เข้าเฝ้าพญายมราชผู้หล่อเหลาคมเข้มน่าเกรงขาม ใครจะไปรู้...ว่าแค่เผลอจ้องมองจนน้ำลายไหลย้อยไปเพียงหน่อยเดียวเท่านั้นเขาจะถึงกับต้องตบโต๊ะลุกขึ้นตวาดด่าอย่างกราดเกรี้ยวถึงเพียงนั้น

    กองเอกสารบนโต๊ะปลิวกระจาย กระดาษปึกหนึ่งร่วงแผล่วลงไปในแนวกระถางเพลิงใหญ่โตด้านหลังเข้าอย่างพอดิบพอดี

    ....ด้วยความสัตย์จริง มันไม่ใช่ความผิดของนังรามิยาคนนี้เลยจริงๆ

    ชั่ววินาทีนั้นห้องโถงเพดานสูงที่เสียงดังเซ็งแซ่พลันเงียบกริบราวกับป่าช้า ดวงตาทุกคู่เสมองมายังหญิงสาววัยสะพรั่งงดงามที่นั่งคุกเข่าอย่างเรียบร้อยสงบเงียบว่าง่ายอยู่บนพรมเบื้องหน้าพื้นยกสูงที่มีโต๊ะตัวโตและร่างกายกำยำล่ำสันราวกับหลุดออกมาจากนิตยสาร GQ นั่งหลังตรงผ่าเผยอยู่ด้านหลัง แสงไฟจากแนวกระถางลุกโชติช่วงราวกับเอฟแฟคประกอบฉากให้เขาดูน่ากริ่นเกรงหวาดผวามากยิ่งขึ้น

    ยามนี้...พญายมราชแผ่บารมีปกคลุมไปทั่วห้อง ผีสางวิญญาณร้ายที่ไหนก็ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจส่งเดช

    “หนอยแน่นังจิ้งจอก ถึงกับกล้าออกอุบายโยนบันทึกชะตาของตัวเองเข้าไปในกองเพลิง!!!” น้ำเสียงฉุนเฉียวทรงอำนาจตวาดกร้าวจนเธอสะดุ้ง ใบหน้าที่ก้มต่ำมีสีหน้าราวกับไม่ได้รับความเป็นธรรมอย่างยิ่ง แต่ก็ไม่ได้โง่พอจะสาดน้ำมันเข้ากองไฟจึงเงียบเสีย

    “ขออภัย...หม่อมฉันเป็นมนุษย์เพคะท่านพญายมราช”

    เสียงตบโต๊ะดังสนั่นตามมาอีกครั้งจนเธอสะดุ้ง นิ้วเรียวยาวยกขึ้นชี้ด่าราวกับหมดความอดทนเป็นอย่างยิ่งแล้ว

    “ชิชะ! เนื้อตัวแผ่กลิ่นอายอัปมงคลถึงเพียงนี้ยังกล้าเรียกตัวเองว่ามนุษย์!

    น้ำเสียงยั่วโมโหของอีกฝ่ายทำเอารามิยาคิ้วขมวดมุ่น แต่ก็ยังเอ่ยตอบกลับไปอย่างสุภาพยิ่ง

    “ชั่วชีวิตนี้ของหม่อมฉันอาจอับโชค แต่ผู้น้อยเป็นเพียงมนุษย์ปุถุชนคนหนึ่งจริงๆเพคะ”

    “หืม?” พญายมราชที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ยกสูงเค้นเสียงออกมาอย่างยากจะเชื่อทั้งแฝงแววประชดประชันอยู่หลายส่วนก่อนจะเอ่ยสำทับด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น “เช่นนั้นกล้าพนันกับข้าหรือไม่?”

    เป็นครั้งแรกตั้งแต่ก้าวเข้ามาที่หญิงสาวผู้ถูกยัดเยียดข้อหาตัวต้นเหตุเงยหน้าขึ้น

    ....

    ห้องโถงทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบอีกชั่วขณะหนึ่งก่อนจะตามมาด้วยเสียงอืออากระซิบกระซาบ หูเธอได้ยินพวกเขาพูดแว่วๆว่า “นางปิศาจจิ้งจอกจริงๆด้วย ท่านรักษาการพญายมราชช่างสายตาแหลมคมนัก”

    “เช่นนี้ดีหรือไม่นางจิ้งจอก ข้าจะส่งเจ้าไปเกิดเป็นปิศาจจิ้งจอกน้อย หากเป็นมนุษย์จริงผิดถูกล้วนสมควรแยกแยะได้” พริบตานั้นใบหน้าคมเข้มของยมบาลปรากฏรอยยิ้มชั่วร้ายสายหนึ่ง “ถ้าเจ้าสามารถรักษาความดีงาม ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต เป็นสาวพรหมจรรย์จนอายุครบยี่สิบปีได้...ข้าจะให้เจ้าขึ้นสวรรค์ดีหรือไม่?”

    รามิยานิ่งคิดครู่หนึ่งก่อนจะตอบเสียงหนักแน่น

    “หม่อมฉันต้องการหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษร”ดวงตาของพญายมราชวาบเป็นประกายที่มองไม่ออกแวบหนึ่ง ก่อนริมฝีปากปากเฉียบจะยกยิ้ม

    “ย่อมได้” กล่าวจบเขาก็โบกมือให้ผู้ช่วยที่นั่งอยู่ทางขวาส่งกระดาษกับปากกามาให้ เห็นเขาเขียนยึกยักอยู่ครู่หนึ่งจึงส่งให้คนนำลงมาให้รามิยาประทับตราเลือด

    ดวงตาคู่งามกวาดสายตามองทีหนึ่งก็เอ่ยขึ้น “หม่อมฉันอ่านไม่ออก”

    พญายมราชยิ้มราวกับรอคอยคำถามนี้อยู่แล้ว “ข้าย่อมต้องให้คนแปลให้เจ้าฟังแน่นอนนางจิ้งจอกไม่ต้องรีบร้อนไป”

    ถึงจะคิดว่ายมโลกทางฝั่งไทยใช้ตัวหนังสือฉวัดเฉวียนเหมือนภาษาจีนเป็นเรื่องแปลกประหลาดแต่กลับไม่ได้พูดออกไปหากแต่นิ่งฟังอย่างสงบนิ่งแทน

    “นางสาวเรมิยา การะเกดมีเวลาพิสูจน์ความเป็นมนุษย์ของตัวเองเป็นเวลายี่สิบปี หากครบกำหนดแล้วยังสามารถรักษาความดี ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต คงไว้ซึ่งพรหมจรรย์ท่านจ้าวรับรองว่าจะได้ขึ้นสวรรค์” เห็นอีกฝ่ายเอ่ยถึงเพียงท่านจ้าวก็นึกระแวง เรมิยาปรายตามองเลขาคนหนึ่งของพญายมราชแล้วเอ่ยปากถามอย่าระแวดระวัง

    “ไม่ใช่ว่าท่านพยายมราชก็สมควรประทับตราเลือดหรอกหรือ”

    คำถามของเธอเรียกเสียงฮือฮาจากทุกคน ยกเว้นเพียงแต่พญายมราชเท่านั้นกระมังที่ส่งเสียงหัวเราะในลำคอ ทั้งยังยิ้มร่าราวลิงโลด

    “ได้สิ” เขายอมตกลงอย่างง่ายดาย...ง่ายดายจนรามิยาหวาดระแวง

    “หม...หม่อมฉันคิดว่ายังคงสมควรให้ผู้มีความเป็นกลางตรวจสอบอีกทีจะดีกว่า” เธอกล่าวอย่างไม่ไว้ใจ แต่พญายมราชเพียงยิ้มเหี้ยม

    “ในสามภพหกภูมินี้ยังจะมีใครเป็นกลางไปยิ่งกว่าข้าอีก เรมิยา เจ้าอย่าเป็นกังวลไป ข้ารับปากแล้วย่อมต้องพาเจ้าขึ้นสวรรค์อย่างไม่มีบิดพริ้วแน่นอน” กล่าวจบชายหนุ่มก็ลงมือกัดนิ้วตัวเองคำหนึ่ง ก่อนเลือดจะลอยเป็นสายเข้าไปประทับเป็นรอยนิ้วโชกเลือดนิ้วหนึ่งบนกระดาษสัญญาในมือผู้ช่วยที่ยืนข้างหญิงสาว

    “...” 

    คิ้วเรียวยังคงขมวดมุ่น บ่งบอกว่าคำพูดเกลี้ยกล่อมของพญายมราชไม่ได้มีผลใดๆต่อเธอเลยแม้แต่นิดเดียวทั้งยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าคำว่า ขึ้นสวรรค์ของเขานั้นมันประหลาดชอบกลอยู่

    “...”

    เห็นเธอยืนลังเลไม่ยอมลงมือเสียที พญายมราชก็แสดงสีหน้ารำคาญออกมา กวาดสายตาคมกริบไปทั่วโถงพิพากษาขณะเอ่ยเสียงเย็น

    “หรือที่นี่มีใครอยากช่วยนางปิศาจจิ้งจอกทบทวนสัญญากับพญายมราชเช่นข้า?”

    สิ้นเสียงไม่ว่าจะภูตผีปิศาจตนไหนก็พาจะก้มหน้าหลบสายอย่างพร้อมเพรียง ชายหนุ่มรูปงามจึงกระตุกยิ้มมุมปากแล้วหันมาเลิกคิ้วใส่เธอราวกับผู้ชนะ

    รามิยาได้แต่กัดปากและประทับตราเลือดลงไปในสัญญาอย่างไม่มีทางเลือก

    ถิ่นก็ถิ่นเชา! คนก็คนของเขา! คิดจะแหกปากร้องตะโกนถามหาความยุติธรรม?

    คงทำได้แต่ในฝันแล้ว...

    เฮ้อออออ!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×