คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ ๔ ถูกจับ
ไม่นานนักทั้งคู่ก็มาถึงหมู่บ้านหนานเอ๋อ
ซึ่งเป็นหมู่บ้านเล็กๆมีประชากรไม่ถึงยี่สิบครัวเรือนด้วยซ้ำ
พวกเธอเดินไปท้ายหมู่บ้าน
สอดส่ายสายตามองหาลำธารและพบว่าต้องเดินไปอีกไกลพอดูจึงจะพบกระท่อมมุงหลังคาเล็กๆหลังหนึ่ง
ร่างสูงใหญ่เคลื่อนกายมายืนซ้อนอยู่ด้านหน้าก่อนจะเปิดประตูเดินเข้าไปด้านใน
ในกระท่อมแห่งนั้นว่างเปล่าเหมือนไม่มีคนอยู่มานานแล้ว
แม้แต่คนความรู้สึกช้าอย่างชมเดือนยังสัมผัสได้ว่าสถานการณ์ยามนี้ไม่ปกติ
คงโดนหลอกเสียแล้ว
คิดได้เช่นนั้นร่างบางก็ก้าวถอยหลังช้าๆ
หางตาพลันเหลือบไปเห็นเงาร่างหนึ่งที่แอบอยู่ด้านหลังบานประตูกำลังเงื้อท่อนไม้ในมือทันเวลาพอดิบพอดี
แต่ก่อนจะได้ส่งเสียงร้องเตือนคนตัวโตที่ยืนอยู่ด้านหน้า อีกฝ่ายก็โดนทุบสลบไปแล้ว
ภาพในครรลองสายตาหญิงสาวดับมืดลงในทันที...
ไม่ใช่ว่าเธอหมดสติ
หากแต่ชมเดือนถูกถุงเนื้อหยาบครอบตั้งแต่หัวจรดเข่า
ร่างถูกยกขึ้นร่างเร็วรวดก่อนจะกระเด้งกระดอนอยู่บนหลังใครสักคนไปตลอดทาง
จนกระทั่งถูกโยนลงกับพื้น
ถุงเนื้อหยาบนั่นถูกกระชากออกพร้อมกับเงาร่างอ้วนๆของชายฉกรรจ์ห้าคนยืนล้อมรอบ เงาจากเพิงพาดผ่านใบหน้าและลำตัวจนหญิงสาวเห็นเพียงเงาดำๆเงาหนึ่ง
พื้นที่เธอนั่งอยู่ถูกปูด้วยฟาง มันเสียดสีผิวบอบบางคนรู้สึกคันยิบ
สถานการณ์ตรงหน้าทำเอาลมหายใจสะดุด...แต่ถึงจะแตกตื่นเพียงไร
เธอก็คิดว่าการร้องโวยวายไม่ใช่เรื่องดี และการกลัวหัวหดก็ไม่ใช่เรื่องที่ควรทำเสียด้วย
ชมเดือนไม่ใช่พวกหน้าหยกที่ตีสีหน้าเรียบเฉยได้ไม่ว่าเจ้าตัวจะตกอยู่ในสถานการณ์ไหน
ดีที่ได้หมวกปีกกว้างมีผ้าคลุมหน้าช่วยปกปิดสีหน้าและดวงตาแตกตื่นของเธอไว้
ตอนนี้ที่ต้องทำจึงเพียงแค่แอ่นอกเชิดหน้าทำท่าทางมั่นใจเข้าไว้เป็นพอ
ซึ่งก็ช่วยประหยัดแรงใจและกำลังสมองไปได้มากทีเดียว
โอเค สถานการ์แบบนี้มีความเป็นไปได้สามแบบ
ถูกรุมโทรม...ขู่เรียกค้าไถ่...และขายแลกเป็นเงิน
ชมเดือนกลั้นใจรอให้พวกมันพูดบางอย่างออกมาอยู่นาน
ตอนที่เกือบจะหมดความอดทนอยู่แล้ว หนึ่งในนั้นก็เอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ
“นังนี่มันลื่นนัก เกือบหลุดไปได้แล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นลูกพี่จะเอาอย่างไร”
บทสนทนาที่ลอยเข้าหูทำให้ชมเดือนประติดประต่อเรื่องได้ในทันที
พวกมันคงจับตามองเธออยู่นานแล้ว เมื่อแน่ใจว่าเธอมีเงินและเป็นเหยื่อที่เอารัดเอาเปรียบได้ง่ายก็ส่งขอทานน้อยคนนั้นมาล่อเธอไปที่กระท่อม
แต่คงคิดไม่ถึงว่าเธอจะพานายทหารร่างยักษ์คนนั้นมาด้วย
คิ้วรูปเสี้ยวพระจันทร์ขมวดมุ่นเป็นปม เป้าหมายคืออะไร...เงิน?...ผู้หญิง?...
แต่หากทำกันเป็นกระบวนการแบบนี้ต้องใช้คนมากพอควร
เธอภาวนาให้เป็นเงิน เพราะหากต้องการเงิน...ก็อาจแค่เรียกค่าไถ่
ขายเป็นทาสหรือไม่ก็จับเธอส่งเข้าหอนางโลม
อย่างน้อยๆก็ไม่ถูกพวกกักฬะนี่รุมโทรมจนอยู่ไม่สู้ตาย
ยังดีหน่อยที่รูปโฉมของคุณหนูเล็กแห่งจวนพิทักษ์แผ่นดินใช่ว่าใครก็มีวาสนาจะได้พบง่ายๆ
แต่ถ้าเป็นการเรียกค่าไถ่
เธอคงลำบากไม่น้อยในเมื่อตัวตนของคุณหนูเล็กแห่งจวนพิทักษ์แผ่นดินนี้เป็นตายอย่างไรก็ไม่อาจเปิดเผย
ไม่เช่นนั้น...นี่อาจกลายเป็นฉนวนสงครามระหว่างแคว้นไปก็เป็นได้
แต่หากพวกมันถาม
คำโกหกจากเธอที่เพิ่งมาถึงโลกนี้ได้เพียงวันเดียวจะเชื่อถือได้สักแค่ไหนกันเชียว?
คงได้แต่ภาวนาแล้ว...ว่าจุดมุ่งหมายของพวกมันจะไม่ใช่การเรียกค่าไถ่
ส่วนทาสกับหอนางโลม
พอตรองดูแล้วไม่ว่าอย่างไหนราคาคงตกฮวบฮาบหากพวกมันล่วงเกินเธอ...ดังนั้นตราบใดที่พวกมันห้าคนยังอยู่ที่นี่ครบ
อย่างไรก็คงต้องรักษาผลประโยชน์ของตัวเองเอาไว้อย่างเหนียวแน่นไม่ยอมให้เธอราคาตกเป็นแน่!
คิดได้ดังนั้นก็โล่งใจไปได้นิดหนึ่ง...
“นี่เป็นทั้งหมดที่ข้ามี”
ชมเดือนลองหยั่งเชิงโดยการลวงเอาตั๋วเงินออกมาจากอกเสื้อ วางลงกับพื้น แล้วเอ่ยเสียงเรียบ
ชายคนหนึ่งหันไปหาหัวโจกของกลุ่ม “เอาอย่างไรดีลูกพี่”
ดวงตาดำขลับจับจ้องปฏิกิริยาของชายร่างอ้วนที่หน้าตาโหดเหี้ยมที่สุดในบรรดาชายฉกรรจ์ทั้งหมดที่กอดอกมองเธอนิ่งด้วยใจลุ้นระทึก
“ถอดหมวกนั่นออก” เขาเอ่ยเสียงเรียบ
ไม่รีรอให้ฝ่ายตรงข้ามเดินเข้ามาหญิงสาวก็รีบสูดหายเข้าลึก
ปรับอารมณ์บนสีหน้าตัวเองครั้งหนึ่งแล้วจัดการถอดหมวกตัวเองออกทันที
ดวงตาทั้งสองข้างปิดสนิท ถึงจะลือกันเพียงว่าคุณหนูเล็กแห่งจวนพิทักษ์แผ่นดินมีดวงตาสีแปลก
ไม่ได้ระบุชัดเจนว่าสีอะไรแต่กันไว้ก่อนเธอย่อมสบายใจกว่า หวังว่าอีกฝ่ายคงจะไม่ฉลาดพอจะจับตามองแล้วจับพิรุธได้ว่าเธอไม่ได้ตาบอดจริงๆ
ทันใดนั้น ชมเดือนได้ยินเสียงสูดลมหายใจของพวกเขาและเสียงร้องอย่างยินดีของตัวหัวหน้า
“ของดี!”
“หืม? นางตาบอดหรือ ทำไมถึงไม่ยอมลืมตาเล่า?” ลูกน้องอีกคนเอ่ยทัก
เธอได้ยินหัวหน้าของพวกมันเอ่ยเสียงเย็น
“จะเป็นจริงหรือแกล้งก็ไม่ต่างกันหรอก
คิดว่าแกล้งทำตัวพิการแล้วข้าจะเห็นใจรึ? เอาตัวนางไปที่หอวสันต์สราญ!”
ขอบคุณสวรรค์!!!
ชมเดือนร้องลั่นในใจ แทบจะยกกำปั้นโบกไปมาด้วยความโล่งอก
อย่างน้อยๆตอนนี้เธอก็รอดจากการถูกรุมโทรม ส่วนอิ่นก็ยังไม่ลุกเป็นไฟจากภัยสงคราม
สถานการณ์เลวร้ายกับสถานการณ์เลวร้ายกว่าที่เธอคาดการณ์ไว้อย่างน้อยตอนนี้ก็เหลือแค่เลวร้ายอย่างเดียว
อีกทั้งการถูกขายให้หอนางโลมยังทำให้เธอมีเวลาคิดหาทางหนีทีไล่อีกสักระยะ
ขอเพียงไม่ทำตัววุ่นวาย อยู่อย่างสงบเสงียมเจียมตัวยอมรับความจริงเข้าไว้
แม่เล้าย่อมไม่รีบร้อนส่งเด็กใหม่มือเท้าเก้งก้างไปรับแขกอย่างแน่นอน
ตอนที่ถูกจับใส่กระสอบ
กระเด้งกระดอนและโยนลงกับพื้นอีกครั้ง พระอาทิตย์ก็จวนเจียนจะตกดินแล้ว
ชมเดือนอยู่ในห้องโถงที่มีบันไดทางขึ้นแยกออกไปสองฝั่ง
ด้านในประดับประดาด้วยภาพเขียนและเครื่องกระเบื้องล้ำค่าอย่างมีรสนิยม
ที่ยืนเบื้องหน้ายังคงเป็นชายอ้วนหัวโจกคนเดิม
แต่ครั้งนี้กลับมีลูกน้องติดตามมาด้วยเพียงคนเดียว
ชมเดือนเพียงแต่นั่งนิ่งอย่างว่าง่าย ดวงตาทั้งสองข้างปิดสนิทอย่างเสมอต้นเสมอปลายไม่มีพิรุธให้เห็น
ขณะที่กำลังเงี่ยหูฟังอยู่ เปลือกตาของเธอก็ร้อนลวกขึ้นมาพร้อมกับกลิ่นเผาใหม่ของเทียนไขที่มีกลิ่นหอมสมุนไพรเย็นสบายจนดวงตาด้านหลังเปลือกตากรอกหลุกหลิกอย่างมึนงงแต่ก็ยังไม่มีท่าทีจะหลงกลเปิดลืมขึ้นแม้แต่น้อย
แม่เล้าที่อยู่ในเสื้อตัวยาวเปิดเนินอกเผยเนินเนื้ออวบอิ่มลอบแสยะยิ้ม
ถุงเงินที่หนักอึ้งถูกโยนไปให้ชายอ้วนที่รออยู่แล้ว
“ถึงจะงามแต่ไม่สมประกอบเช่นนี้ข้าให้ได้มากที่สุดแค่สองร้อยตำลึง”
เจ้าหัวโจกผู้นั้นยกมือขึ้นคว้าถุงเงินหนักอึ้งนั้นกลางอากาศ มันยิ้มยินดีก่อนจะมองชมเดือนด้วยสายตาละโมบจาบจ้วง
“มาม๊า ไหนๆเจ้ากับข้าก็นับเป็นคนกันเอง
ให้ข้าเปิดบริสุทธิ์นางเป็นคนแรกว่าอย่างไร” มืออวบอูมเดาะถุงเงินที่ถืออยู่ไปมา
แล้วเอ่ยสำทับเสียงแหบพร่า “ข้าจ่ายไม่อั้น”
แม่เล้าค้อนมันอย่างมีจริตจะก้าน “ตาบอดทั้งยังไม่บริสุทธิ์
ใจคอเจ้าคิดจะให้ข้าขาดทุนยับเยินหรืออย่างไร ไปไป๊!
ถ้าอยากหาความสุขก็ลงไปข้างล่างโน่น ข้าจะให้ส่วนลดก็แล้วกัน”
นางเอ่ยทิ้งท้ายก่อนมือจะฉุดร่างบอบบางอ้อนแอ้นของนางคณิกาคนใหม่ให้ลุกขึ้น
“ตามข้ามา”
ชมเดือนเดินตามการนำของอีกฝ่ายไปอย่างว่าง่าย แต่ก็สะดุดขันบันไดจวนเจียนจะล้มไปตลอดทาง
ในที่สุดก็มายังห้องๆหนึ่ง
เสื้อผ้าอาภรณ์ถูกมือปริศนาเปลื้องออกจนหมดและรุนหลังให้ก้าวไปนั่งในถังอาบหน้าเพื่อขัดสีฉวีวันจนเนื้อตัวแสบร้อนไปหมด
ระหว่างนั้นจึงมีเวลาได้ขบคิด
ชมเดือนไม่คิดว่าแม่เล้าจะไม่รู้เท่าทันคำโกหกของเธอ
หญิงสาวเป็นหญิงพรหมจรรย์ ใบหน้าจัดว่าหมดจดงดงามระดับหนึ่ง ถ้าเธออยากอยู่รอดปลอดภัยให้นานขึ้นอีกหน่อย
เธอก็ควรจะสร้างมูลค่าให้ตัวเอง
จุดขายหรืออะไรก็ตามแต่ที่สามารถโน้มน้าวให้อีกฝ่ายนึกอยากลงทุนกับตัวเธอ
ดวงตาสีประหลาดนี่เป็นหนึ่งในนั้น...
ระหว่างถูกพาไปเปลี่ยนเสื้อผ้าจนมานั่งลงเพื่อแต่งหน้าและทำผม
ชมเดือนก็ตัดสินใจได้ เธอปรือดวงตาสีครามใสกระจ่างขึ้น ทำให้มือที่กับรวบผมให้อยู่หยุดชะงัก
เช่นเดียวกับแม่เล้าที่เพิ่งเดินเข้ามา นางยกยิ้มบางๆ
เครื่องหน้าแต่เดิมจิ้มลิ้มจัดว่าน่ามองอยู่เจ็ดส่วน
ธรรมดาอยู่สามส่วนนั้นดูเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคนเมื่อดวงตารูปเม็ดอัลมอนด์คมดุคู่นั้นลืมขึ้น
การคงอยู่ของมันดึงเสน่ห์บางอย่างที่แฝงเร้นอยู่ในเค้าโครงหน้าที่ไม่ได้มีส่วนใดเด่นสะดุดตาเป็นพิเศษ
แต่ยิ่งพินิจมองก็ยิ่งงามจนไม่อาจถอนสายตา
แม่เล้าสาวใหญ่มองชมเดือนอย่างถูกชะตาและเอ่ยออกมาคำหนึ่ง
“ฉลาดนี่” ก่อนจะเดินนวยนาดจากไป
ความคิดเห็น