ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ตำแหน่งฮ่องเต้ยัดเยียดให้ผู้หญิงก็ได้หรอ?

    ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ ๔ ถูกจับ

    • อัปเดตล่าสุด 6 มี.ค. 60


    ไม่นานนักทั้งคู่ก็มาถึงหมู่บ้านหนานเอ๋อ ซึ่งเป็นหมู่บ้านเล็กๆมีประชากรไม่ถึงยี่สิบครัวเรือนด้วยซ้ำ พวกเธอเดินไปท้ายหมู่บ้าน สอดส่ายสายตามองหาลำธารและพบว่าต้องเดินไปอีกไกลพอดูจึงจะพบกระท่อมมุงหลังคาเล็กๆหลังหนึ่ง ร่างสูงใหญ่เคลื่อนกายมายืนซ้อนอยู่ด้านหน้าก่อนจะเปิดประตูเดินเข้าไปด้านใน

    ในกระท่อมแห่งนั้นว่างเปล่าเหมือนไม่มีคนอยู่มานานแล้ว แม้แต่คนความรู้สึกช้าอย่างชมเดือนยังสัมผัสได้ว่าสถานการณ์ยามนี้ไม่ปกติ

    คงโดนหลอกเสียแล้ว

    คิดได้เช่นนั้นร่างบางก็ก้าวถอยหลังช้าๆ หางตาพลันเหลือบไปเห็นเงาร่างหนึ่งที่แอบอยู่ด้านหลังบานประตูกำลังเงื้อท่อนไม้ในมือทันเวลาพอดิบพอดี แต่ก่อนจะได้ส่งเสียงร้องเตือนคนตัวโตที่ยืนอยู่ด้านหน้า อีกฝ่ายก็โดนทุบสลบไปแล้ว

    ภาพในครรลองสายตาหญิงสาวดับมืดลงในทันที...

    ไม่ใช่ว่าเธอหมดสติ หากแต่ชมเดือนถูกถุงเนื้อหยาบครอบตั้งแต่หัวจรดเข่า ร่างถูกยกขึ้นร่างเร็วรวดก่อนจะกระเด้งกระดอนอยู่บนหลังใครสักคนไปตลอดทาง จนกระทั่งถูกโยนลงกับพื้น ถุงเนื้อหยาบนั่นถูกกระชากออกพร้อมกับเงาร่างอ้วนๆของชายฉกรรจ์ห้าคนยืนล้อมรอบ เงาจากเพิงพาดผ่านใบหน้าและลำตัวจนหญิงสาวเห็นเพียงเงาดำๆเงาหนึ่ง พื้นที่เธอนั่งอยู่ถูกปูด้วยฟาง มันเสียดสีผิวบอบบางคนรู้สึกคันยิบ

    สถานการณ์ตรงหน้าทำเอาลมหายใจสะดุด...แต่ถึงจะแตกตื่นเพียงไร เธอก็คิดว่าการร้องโวยวายไม่ใช่เรื่องดี และการกลัวหัวหดก็ไม่ใช่เรื่องที่ควรทำเสียด้วย

    ชมเดือนไม่ใช่พวกหน้าหยกที่ตีสีหน้าเรียบเฉยได้ไม่ว่าเจ้าตัวจะตกอยู่ในสถานการณ์ไหน ดีที่ได้หมวกปีกกว้างมีผ้าคลุมหน้าช่วยปกปิดสีหน้าและดวงตาแตกตื่นของเธอไว้ ตอนนี้ที่ต้องทำจึงเพียงแค่แอ่นอกเชิดหน้าทำท่าทางมั่นใจเข้าไว้เป็นพอ ซึ่งก็ช่วยประหยัดแรงใจและกำลังสมองไปได้มากทีเดียว

    โอเค สถานการ์แบบนี้มีความเป็นไปได้สามแบบ

    ถูกรุมโทรม...ขู่เรียกค้าไถ่...และขายแลกเป็นเงิน

    ชมเดือนกลั้นใจรอให้พวกมันพูดบางอย่างออกมาอยู่นาน

    ตอนที่เกือบจะหมดความอดทนอยู่แล้ว หนึ่งในนั้นก็เอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ

    “นังนี่มันลื่นนัก เกือบหลุดไปได้แล้ว”

    “ถ้าอย่างนั้นลูกพี่จะเอาอย่างไร”

    บทสนทนาที่ลอยเข้าหูทำให้ชมเดือนประติดประต่อเรื่องได้ในทันที พวกมันคงจับตามองเธออยู่นานแล้ว เมื่อแน่ใจว่าเธอมีเงินและเป็นเหยื่อที่เอารัดเอาเปรียบได้ง่ายก็ส่งขอทานน้อยคนนั้นมาล่อเธอไปที่กระท่อม แต่คงคิดไม่ถึงว่าเธอจะพานายทหารร่างยักษ์คนนั้นมาด้วย

    คิ้วรูปเสี้ยวพระจันทร์ขมวดมุ่นเป็นปม เป้าหมายคืออะไร...เงิน?...ผู้หญิง?...

    แต่หากทำกันเป็นกระบวนการแบบนี้ต้องใช้คนมากพอควร เธอภาวนาให้เป็นเงิน เพราะหากต้องการเงิน...ก็อาจแค่เรียกค่าไถ่ ขายเป็นทาสหรือไม่ก็จับเธอส่งเข้าหอนางโลม อย่างน้อยๆก็ไม่ถูกพวกกักฬะนี่รุมโทรมจนอยู่ไม่สู้ตาย

    ยังดีหน่อยที่รูปโฉมของคุณหนูเล็กแห่งจวนพิทักษ์แผ่นดินใช่ว่าใครก็มีวาสนาจะได้พบง่ายๆ แต่ถ้าเป็นการเรียกค่าไถ่ เธอคงลำบากไม่น้อยในเมื่อตัวตนของคุณหนูเล็กแห่งจวนพิทักษ์แผ่นดินนี้เป็นตายอย่างไรก็ไม่อาจเปิดเผย ไม่เช่นนั้น...นี่อาจกลายเป็นฉนวนสงครามระหว่างแคว้นไปก็เป็นได้

    แต่หากพวกมันถาม คำโกหกจากเธอที่เพิ่งมาถึงโลกนี้ได้เพียงวันเดียวจะเชื่อถือได้สักแค่ไหนกันเชียว? คงได้แต่ภาวนาแล้ว...ว่าจุดมุ่งหมายของพวกมันจะไม่ใช่การเรียกค่าไถ่

    ส่วนทาสกับหอนางโลม

    พอตรองดูแล้วไม่ว่าอย่างไหนราคาคงตกฮวบฮาบหากพวกมันล่วงเกินเธอ...ดังนั้นตราบใดที่พวกมันห้าคนยังอยู่ที่นี่ครบ อย่างไรก็คงต้องรักษาผลประโยชน์ของตัวเองเอาไว้อย่างเหนียวแน่นไม่ยอมให้เธอราคาตกเป็นแน่!

    คิดได้ดังนั้นก็โล่งใจไปได้นิดหนึ่ง...

    “นี่เป็นทั้งหมดที่ข้ามี” ชมเดือนลองหยั่งเชิงโดยการลวงเอาตั๋วเงินออกมาจากอกเสื้อ วางลงกับพื้น แล้วเอ่ยเสียงเรียบ

    ชายคนหนึ่งหันไปหาหัวโจกของกลุ่ม “เอาอย่างไรดีลูกพี่”

    ดวงตาดำขลับจับจ้องปฏิกิริยาของชายร่างอ้วนที่หน้าตาโหดเหี้ยมที่สุดในบรรดาชายฉกรรจ์ทั้งหมดที่กอดอกมองเธอนิ่งด้วยใจลุ้นระทึก

    “ถอดหมวกนั่นออก” เขาเอ่ยเสียงเรียบ

    ไม่รีรอให้ฝ่ายตรงข้ามเดินเข้ามาหญิงสาวก็รีบสูดหายเข้าลึก ปรับอารมณ์บนสีหน้าตัวเองครั้งหนึ่งแล้วจัดการถอดหมวกตัวเองออกทันที ดวงตาทั้งสองข้างปิดสนิท ถึงจะลือกันเพียงว่าคุณหนูเล็กแห่งจวนพิทักษ์แผ่นดินมีดวงตาสีแปลก ไม่ได้ระบุชัดเจนว่าสีอะไรแต่กันไว้ก่อนเธอย่อมสบายใจกว่า หวังว่าอีกฝ่ายคงจะไม่ฉลาดพอจะจับตามองแล้วจับพิรุธได้ว่าเธอไม่ได้ตาบอดจริงๆ

    ทันใดนั้น ชมเดือนได้ยินเสียงสูดลมหายใจของพวกเขาและเสียงร้องอย่างยินดีของตัวหัวหน้า

    “ของดี!

     “หืม? นางตาบอดหรือ ทำไมถึงไม่ยอมลืมตาเล่า?” ลูกน้องอีกคนเอ่ยทัก เธอได้ยินหัวหน้าของพวกมันเอ่ยเสียงเย็น

    “จะเป็นจริงหรือแกล้งก็ไม่ต่างกันหรอก คิดว่าแกล้งทำตัวพิการแล้วข้าจะเห็นใจรึ? เอาตัวนางไปที่หอวสันต์สราญ!

    ขอบคุณสวรรค์!!!

    ชมเดือนร้องลั่นในใจ แทบจะยกกำปั้นโบกไปมาด้วยความโล่งอก อย่างน้อยๆตอนนี้เธอก็รอดจากการถูกรุมโทรม ส่วนอิ่นก็ยังไม่ลุกเป็นไฟจากภัยสงคราม สถานการณ์เลวร้ายกับสถานการณ์เลวร้ายกว่าที่เธอคาดการณ์ไว้อย่างน้อยตอนนี้ก็เหลือแค่เลวร้ายอย่างเดียว อีกทั้งการถูกขายให้หอนางโลมยังทำให้เธอมีเวลาคิดหาทางหนีทีไล่อีกสักระยะ ขอเพียงไม่ทำตัววุ่นวาย อยู่อย่างสงบเสงียมเจียมตัวยอมรับความจริงเข้าไว้ แม่เล้าย่อมไม่รีบร้อนส่งเด็กใหม่มือเท้าเก้งก้างไปรับแขกอย่างแน่นอน

    ตอนที่ถูกจับใส่กระสอบ กระเด้งกระดอนและโยนลงกับพื้นอีกครั้ง พระอาทิตย์ก็จวนเจียนจะตกดินแล้ว ชมเดือนอยู่ในห้องโถงที่มีบันไดทางขึ้นแยกออกไปสองฝั่ง ด้านในประดับประดาด้วยภาพเขียนและเครื่องกระเบื้องล้ำค่าอย่างมีรสนิยม ที่ยืนเบื้องหน้ายังคงเป็นชายอ้วนหัวโจกคนเดิม แต่ครั้งนี้กลับมีลูกน้องติดตามมาด้วยเพียงคนเดียว ชมเดือนเพียงแต่นั่งนิ่งอย่างว่าง่าย ดวงตาทั้งสองข้างปิดสนิทอย่างเสมอต้นเสมอปลายไม่มีพิรุธให้เห็น

    ขณะที่กำลังเงี่ยหูฟังอยู่ เปลือกตาของเธอก็ร้อนลวกขึ้นมาพร้อมกับกลิ่นเผาใหม่ของเทียนไขที่มีกลิ่นหอมสมุนไพรเย็นสบายจนดวงตาด้านหลังเปลือกตากรอกหลุกหลิกอย่างมึนงงแต่ก็ยังไม่มีท่าทีจะหลงกลเปิดลืมขึ้นแม้แต่น้อย

    แม่เล้าที่อยู่ในเสื้อตัวยาวเปิดเนินอกเผยเนินเนื้ออวบอิ่มลอบแสยะยิ้ม ถุงเงินที่หนักอึ้งถูกโยนไปให้ชายอ้วนที่รออยู่แล้ว

    “ถึงจะงามแต่ไม่สมประกอบเช่นนี้ข้าให้ได้มากที่สุดแค่สองร้อยตำลึง” เจ้าหัวโจกผู้นั้นยกมือขึ้นคว้าถุงเงินหนักอึ้งนั้นกลางอากาศ มันยิ้มยินดีก่อนจะมองชมเดือนด้วยสายตาละโมบจาบจ้วง

    “มาม๊า ไหนๆเจ้ากับข้าก็นับเป็นคนกันเอง ให้ข้าเปิดบริสุทธิ์นางเป็นคนแรกว่าอย่างไร” มืออวบอูมเดาะถุงเงินที่ถืออยู่ไปมา แล้วเอ่ยสำทับเสียงแหบพร่า “ข้าจ่ายไม่อั้น”

    แม่เล้าค้อนมันอย่างมีจริตจะก้าน “ตาบอดทั้งยังไม่บริสุทธิ์ ใจคอเจ้าคิดจะให้ข้าขาดทุนยับเยินหรืออย่างไร ไปไป๊! ถ้าอยากหาความสุขก็ลงไปข้างล่างโน่น ข้าจะให้ส่วนลดก็แล้วกัน”

    นางเอ่ยทิ้งท้ายก่อนมือจะฉุดร่างบอบบางอ้อนแอ้นของนางคณิกาคนใหม่ให้ลุกขึ้น

    “ตามข้ามา” ชมเดือนเดินตามการนำของอีกฝ่ายไปอย่างว่าง่าย แต่ก็สะดุดขันบันไดจวนเจียนจะล้มไปตลอดทาง

    ในที่สุดก็มายังห้องๆหนึ่ง เสื้อผ้าอาภรณ์ถูกมือปริศนาเปลื้องออกจนหมดและรุนหลังให้ก้าวไปนั่งในถังอาบหน้าเพื่อขัดสีฉวีวันจนเนื้อตัวแสบร้อนไปหมด ระหว่างนั้นจึงมีเวลาได้ขบคิด

    ชมเดือนไม่คิดว่าแม่เล้าจะไม่รู้เท่าทันคำโกหกของเธอ หญิงสาวเป็นหญิงพรหมจรรย์ ใบหน้าจัดว่าหมดจดงดงามระดับหนึ่ง ถ้าเธออยากอยู่รอดปลอดภัยให้นานขึ้นอีกหน่อย เธอก็ควรจะสร้างมูลค่าให้ตัวเอง จุดขายหรืออะไรก็ตามแต่ที่สามารถโน้มน้าวให้อีกฝ่ายนึกอยากลงทุนกับตัวเธอ

    ดวงตาสีประหลาดนี่เป็นหนึ่งในนั้น...

    ระหว่างถูกพาไปเปลี่ยนเสื้อผ้าจนมานั่งลงเพื่อแต่งหน้าและทำผม ชมเดือนก็ตัดสินใจได้ เธอปรือดวงตาสีครามใสกระจ่างขึ้น ทำให้มือที่กับรวบผมให้อยู่หยุดชะงัก เช่นเดียวกับแม่เล้าที่เพิ่งเดินเข้ามา นางยกยิ้มบางๆ

    เครื่องหน้าแต่เดิมจิ้มลิ้มจัดว่าน่ามองอยู่เจ็ดส่วน ธรรมดาอยู่สามส่วนนั้นดูเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคนเมื่อดวงตารูปเม็ดอัลมอนด์คมดุคู่นั้นลืมขึ้น การคงอยู่ของมันดึงเสน่ห์บางอย่างที่แฝงเร้นอยู่ในเค้าโครงหน้าที่ไม่ได้มีส่วนใดเด่นสะดุดตาเป็นพิเศษ แต่ยิ่งพินิจมองก็ยิ่งงามจนไม่อาจถอนสายตา

    แม่เล้าสาวใหญ่มองชมเดือนอย่างถูกชะตาและเอ่ยออกมาคำหนึ่ง “ฉลาดนี่” ก่อนจะเดินนวยนาดจากไป

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×