คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ ๓ อดีต (แก้คำผิดค่า)
ชมเดือนที่เดินเล่นจนท้องหิวเลี้ยวเข้าไปในโรงเตี๊ยมที่ตกแต่งอย่างมีรสนิยมแห่งหนึ่ง
พอทรุดตัวลงนั่งก็สั่งให้เสี่ยวเอ้อร์จัดอาหารขึ้นชื่อของที่นี่มาให้สามอย่างกับหมั่นโถอีกหนึ่งชุด
พอเสิร์ฟชาให้เธอเสร็จเสี่ยวเอ้อร์ก็ค้อมปลกๆแล้ววิ่งไปบริการโต๊ะอื่นต่อ
ระหว่างเติมท้องที่เปล่าว่างเธอก็ถือโอกาสนั่งพักขาไปด้วย
ในใจคิดหาทางสืบสาวข่าวคราวความเป็นมาของตัวเองอยู่เงียบๆ ตอนนี้ชมเดือนรู้แค่ว่าตัวเองเป็นคุณหนูคนเล็กของจวนแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดินเท่านั้น
แต่สถานการณ์ในบ้านเป็นอย่างไร มีพี่น้องร่วมบิดาคนอื่นอีกไหม
หรือแม้แต่เป็นที่โปรดปรานหรือเปล่า เธอล้วนมืดแปดด้าน
ในเมื่อถูกส่งมาแล้ว จะสวมรอยเล่นเป็นคนอื่นทั้งทีเธอก็ต้องเอาให้เนียนกริ๊บไม่ส่อพิรุธให้ใครจับผิดได้
แน่นอน...เพราะเธอยังไม่อยากถูกจับมัดกับเสาแล้วเผาทั้งเป็นน่ะสิ!
คิดไปคิดมา
ในหนังแนวจอมยุทธ์ที่เคยดูเมื่อชาติก่อน
ถ้าพูดถึงเรื่องข่าวสารก็ต้องยกให้พรรคกระยาจกของขอทานน้อยใหญ่ที่กระจายตัวกันอยู่ทุกหัวมุมถนนหรือไม่ก็พวกโจรวิ่งราวลักเล็กขโมยน้อยที่พอมีเส้นสายกับพวกคนในวงการใต้ดินอยู่บ้าง
แค่เอารูปเหมือนของเธอส่งให้ ให้เงินอีกนิดหน่อยก็น่าจะพอกระมัง
ตอนที่เข้าโรงเตี๊ยมมา ชมเดือนเหมือนเห็นเด็กชายใบหน้ามอมแมมคนหนึ่งเข้าพอดี
ลองไปหยั่งเชิงดูสักหน่อยก็คงไม่มีอะไรเสียหาย
ตัดสินใจได้ดังนั้นหญิงสาวก็ยกมือเรียกเก็บเงิน
ก่อนจะสวมหมวกปีกกว้างที่มีผ้าโปร่งบางปักลวดลายงดงามขึ้นสวมคลุมใบหน้า เธอซื้อมาระหว่างทางเพื่อตัดรำคาญยามบรรดาพ่อค้าแม่ค้าร้านตลาดเอาแต่เบิกตาจ้องดวงตาสีประหลาดของเธอกันตาไม่กระพริบ
ผู้ใหญ่พวกนี้ไม่รู้จักเก็บอาการกันเสียเลย
สู้เด็กหนุ่มอายุน้อยอย่างซือเป่าก็ไม่ได้
มือบางหยิบหมั่นโถวอีกสามลูกที่กินเหลือสอดเก็บไว้ในแขนเสื้อก่อนจะเดินอ้อยอิ่งออกมากวาดสายตามองหาร่างของขอทานน้อย
เธอพบเด็กชายนั่งสงบเสงียมอยู่อีกฝั่งของถนน ดวงตากลมโตฉ่ำน้ำชวนให้คนสงสารคู่นั้นปลุกสัญชาตญาณความเป็นแม่ที่หลับใหลอยู่ในตัวชมเดือนขึ้นมา
ร่างบางจึงสาวเท้าตรงไปหาพร้อมรอยยิ้มละมุน
“ขอทานน้อย...อายุเท่าไหร่แล้ว
กินอะไรมาหรือยัง?” ดวงตากลมโตเบนมาสบเธอ มีแววเศร้าสร้อยแฝงอยู่เต็มเปี่ยม
“พี่สาว แม่ของข้าป่วยหนักอยู่ที่บ้าน
ข้าคุกเข่าอ้อนวอนหน้าร้านขอร้องให้เถ้าแก่จัดยาให้แม่ข้าสักชุดอยู่ครึ่งวัน พวกเขาก็ตีข้า
บอกว่าของซื้อของขายจะเอามาให้เปล่าๆได้อย่างไร ทั้งขู่จะตีให้ตายถ้าไปขวางหน้าร้านอีก...ฮึก...”
เสียงเล็กๆสั่นสะท้านอย่างสิ้นหวัง ร่างน้อยๆสะอื้นฮั่กอย่างน่าสงสาร เด็กชายยื่นมือมาจะคว้าชายเสื้อเธอแต่ก็ชะงักหดมือกลับด้วยกลัวว่าจะทำให้เสื้อผ้าราคาแพงของพี่สาวแสนดีสกปรก
“พี่สาวอุตส่าห์เป็นห่วง...ช่างแสนดียิ่งนัก“
พูดจบก็ยกยิ้มอ่อนแรงส่งให้ทำเอาชมเดือนใจสั่นไปหมด
“ค่ายาจะสักเท่าไหร่กัน เดี๋ยวพี่สาวออกให้เอง”
ดวงตาสีครามแปลกตาฉายแววอ่อนหวานปลอบปละโลมขณะหยิบหมั่นโถวจากแขนเสื้อออกมายัดใส่มือของเด็กชาย
“เจ้าบอกคุกเข่ามาครึ่งวันคงยังไม่มีอะไรตกถึงท้อง นี่พี่สาวให้”
ขอทานน้อยเงยหน้าจ้องมองหญิงสาวอย่างซาบซึ้ง กัดหมั่นโถวทั้งน้ำตา
รีบเคี้ยวแล้วยัดที่เหลือเข้าปากกลืนอย่างรวดเร็วแล้วราวกับกลัวจะมีใครมาแย่งไปจากมือก่อนจะเงยหน้ามองเธอ
“พี่สาว...แม่ข้านอนป่วยลุกไปไหนไม่ได้
ถ้าข้าไม่รีบกลับมื้อนี้คงต้องอดแน่ๆ” พูดจบก็ชะงักไปเหมือนนึกอะไรได้
สีหน้าจะปรากฏแววร้อนรนขึ้นมา “แต่ข้าต้องไปร้านยา...”
ชมเดือนเห็นแล้วก็นึกเห็นใจอีกฝ่ายนัก
มือบางลูบศีรษะมอมแมมของเด็กชายอย่างไม่มีท่าทีรังเกียจเลยแม้แต่น้อย
น้ำเสียงที่เอ่ยอ่อนโยนระรื่นหูยิ่ง
“บ้านเจ้าอยู่ที่ไหน
ข้าจะไปร้านยาแล้วให้คนเอาไปส่งให้”
“แต่พี่สาว...สมุนไพรที่เป็นตัวยาซับซ้อนยิ่งนัก
มีเกือบยี่สิบชนิด จำนวนก็แตกต่าง ข้าเขียนอ่านไม่เป็นจึงได้แต่ท่องจำเอาไว้
พี่สาวจะลำบากหรือเปล่า?” ขอทานน้อยมองเธออย่างหวาดๆ ก้มหน้างุดอย่างเกรงอกเกรงใจ
นิ่งคิดครู่หนึ่งชมเดือนก็ตอบ “เช่นนั้นบอกชื่อโรคมาก็แล้วกัน
ข้าจะให้เถ้าแก่จัดให้ตามสมควร”
เด็กชายส่ายหน้า ช้อนสายตาร้อนรนมองสบเธอ
แล้วตอบอย่างกล้าๆกลัวๆ มือที่กุมกันบิดไปมา บ่งบอกว่าเขาไม่ใคร่สบายใจนัก
“สมุนไพรบางตัวหากแม่ข้ากินเข้าไปแล้วจะป่วยหนักกว่าเดิม
ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องใช้เทียบข้าที่ข้ามีเท่านั้น...” ชมเดือนถอนหายใจเบาๆ
คำพูดขู่ของคุณลุงชุดคลุมที่เตือนให้ทำดีแล่นซ้ำในหัวอีกครั้ง
“เอาเถิดๆ บ้านเจ้าอยู่ที่ไหนข้าจะซื้อของกินมุ่งหน้าไปก่อน
ถ้าอดมื้อกินมื้อในยามที่ร่างกายอ่อนแอแบบนี้ข้าเกรงว่าอาการของแม่เจ้าจะทรุดหนักลงกว่าเดิม”
พูดจบก็ปลดถุงเงินที่ห้อยอยู่ข้างเอวส่งให้เด็กชาย “เท่านี้คงพอค่ายากระมัง”
มือเล็กๆยื่นมารับถุงเงินไปกอดไว้
ดวงตากลมโตมองเธออย่างเทิดทูนและซาบซึ้งใจ ร่างน้อยๆคุกเข่าโขกศีรษะขอบคุณเธอ
“พี่สาว ขอบคุณท่านมาก บุณคุณครั้งนี้ต่อให้ต้องเป็นวัวเป็นม้าข้าก็จะตอบแทนท่านแน่”
ชมเดือนส่ายหน้าน้อยๆ
มือหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดใบหน้าสกปรกมอมแมมของเด็กชายจนสะอาด
ถอยออกมาก้าวหนึ่งก่อนจะยกยิ้มหวาน
“เอาล่ะ บ้านเจ้าอยู่ที่ใด”
“หมู่บ้านหนานเอ๋อเลยประตูเมืองทิศตะวันออกไปหน่อยขอรับ
บ้านของข้าอยู่ติดลำธารท้ายหมู่บ้าน” ชมเดือนพยักหน้ารับคำ
ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในโรงเตี๊ยมเพื่อสั่งอาหารอีกชุด
ชมเดือนก้าวเร็วๆแล้วคลำทางไปยังประตูเมืองทิศตะวันตามคำบอกของเด็กชาย
ทหารเฝ้าประตูเมืองเห็นเธอที่ถอดหมวกปีกกว้างออกมาพัดคลายร้อนก็รีบทำความเคารพ แล้วก้าวเท้าเข้ามาเธออย่างรวดเร็ว
เอ่ยถามอย่างนอบน้อม
“คุณหนูหานลู่...แม่นางน้อยตัวคนเดียวเดินทางออกนอกเมืองเช่นนี้อันตรายนัก
องครักษ์ของท่านล่ะขอรับ” หญิงสาวส่ายหน้าแทนคำตอบ
หานลู่...คือชื่อของเธออย่างนั้นสินะ
“ไม่ได้เอามา”
“คุณหนูเล็ก...” นายทหารคนนั้นครางออกมา
น้ำเสียงเกือบจะอ้อนวอน “ใครๆก็รู้ว่าท่านเป็นแก้วตาดวงใจของท่านแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดิน...ความปลอดภัยของท่านเป็นเรื่องสำคัญมาก”
พูดจบก็ยืนขวางเธอไว้ เจตนาชัดเจนที่ว่าอย่างไรก็ไม่ยอมให้เธอผ่านไปได้
แต่แน่นอนว่าเธอย่อมไม่ยอมปล่อยผ่านรายละเอียดเล็กๆน้อยๆอย่างเรื่องที่ตนเป็นลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของท่านแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดินไปแน่
แต่หญิงสาวก็รีบดึงตัวเองกลับเข้าประเด็นอย่างรวดเร็วเช่นกัน
ชมเดือนถอนหายใจออกมา ช้อนสายตาคมดุมองนายทหารร่างยักษ์
แต่ก็ยังใช้โทนเสียงนุ่มละมุนเอ่ยโน้มน้าวอีกฝ่ายอย่างใจเย็น “ข้ากำลังจะไปทำความดีช่วยเหลือคน
เจ้าก็อย่าขวางข้าเลย ทำเช่นนี้มันบาปนะ”
“คุณหนูเล็ก คราก่อนก็ทีหนึ่งแล้ว
อย่าทำเช่นนี้เลย” ชมเดือนนึกสะดุดใจกับคำพูดของอีกฝ่ายไม่น้อย แต่ก็ตัดสินใจจะไม่ขุดคุ้ยเพราะเธอมีเรื่องสำคัญกว่าต้องทำ
จึงเชิดหน้าขึ้น
“ข้ารับปากคนๆหนึ่งไว้แล้ว
ลูกสาวท่านแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดินควรเป็นคนตระบัดสัตย์เช่นนั้นหรือ”
ยามได้จ้องมองดวงตาคมดุงดงามที่ฉายแววดื้อรั้นยอมหักไม่ยอมงอเด่นชัดนั่นแล้ว
นายทหารร่างโตก็ได้แต่ทอดถอนใจ
“เช่นนั้นท่านรอข้าสักเดี๋ยว”
คิ้วพระจันทร์เสี้ยวโค้งขึ้นน้อยๆ ขณะมองตามร่างสูงใหญ่ของทหารเฝ้าประตูผู้นั้นวิ่งออกไปอีกทางแล้วกลับเข้ามา
เขาฉีกยิ้มอ่อนน้อม คว้าห่อผ้าที่ห่ออาหารกลางวันไปถือไว้เสียเอง “ข้าออกเวรพอดี
คุณหนูคงไม่รังเกียจหากมีข้าร่วมทางไปด้วย”
มองใบหน้าดึงดันของอีกฝ่ายหญิงสาวก็รู้ว่าไม่มีประโยชน์ที่จะออกปากปฏิเสธ
จึงพยักหน้ารับคำแล้วบอกจุดหมายปลายทางของตนให้อีกฝ่ายทราบ
เขาขมวดคิ้วแต่ก็พยักหน้ารับเบาๆแล้วนำทาง
ระหว่างนั้นชมเดือนก็ชวนอีกฝ่ายคุยแก้เบื่อ
“นี่...ข้าดังมากเลยหรือ
ทำไมแม้แต่ทหารรักษาประตูอย่างเจ้าก็รู้จักข้าล่ะ”
นายทหารร่างยักษ์เบนสายตามาสบเธอครู่หนึ่งก็เบนกลับไปยังถนนเบื้องหน้า
เอ่ยตอบอย่างสุภาพ
“อันที่จริงตอนท่านยังเด็กข้าเคยพบท่านหนหนึ่ง
ที่จำได้มีเพียงสีดวงตาของท่านเท่านั้น ร่ำลือกันว่าดวงตาของลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของท่านแม่ทัพพิทักษ์ดินแดนงดงามแปลกตานัก
วันนี้นับว่าได้เปิดหูเปิดตาแล้ว”
“เช่นนั้นหรือ” ชมเดือนรับคำ
พลันความคิดหนึ่งก็ผุดวาบขึ้นมาในสมอง
งั้นถือโอกาสนี้
สืบข่าวเรื่องราวของตัวเองไปเลยแล้วกัน
เธอลอบยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วถามขึ้น
“งั้นข้างนอกนี่คนพูดถึงข้ากันว่าอย่างไรบ้างเล่า” หญิงสาวเห็นชายหนุ่มตัวโตกรอกตาคิดก่อนตอบ
“นอกจากเรื่องที่ว่าเพราะท่านสูญเสียมารดาไปตั้งแต่ยังเล็กนักจึงมีพ่อและพี่ชายที่ทั้งรักทั้งตามใจเสียยิ่งกว่าอะไร...ก็เกรงจะเป็นเรื่องที่ท่านมีอนุอยู่ข้างกายนับสิบทั้งที่ร่างกายก็ใช่ว่าจะแข็งแรงนักกระมังขอรับ”
ชมเดือนคิ้วกระตุก เดี๋ยวๆ ไม่ใช่ว่ามันแม่งๆเรอะ?
“อนุ? เจ้าหมายถึงภรรยา?” ชมเดือนเอ่ยถามออกไปเสียงสั่น
“ถูกต้องแล้วขอรับ”
“แต่ข้าเป็นสตรี” เธอยังคงไม่ยอมแพ้ นายทหารหนุ่มมีสีหน้าลำบากใจ เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวตอบอย่างไม่ค่อยเต็มเสียงนัก
“ร่ำลือกันว่า...ความชอบของคุณหนูค่อนข้างจะ...แปลกแยก...กว่าหญิงสาวในห้องหอคนอื่นๆเล็กน้อยขอรับ”
ชมเดือนรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงขาดผึงของอะไรในหัว หวนนึกถึงท่าทางกระเง้ากระงอดของสาวน้อยที่เข้ามาปลุกเธอยามลืมตาตื่นขึ้นในโลกนี้เป็นครั้งแรกผู้นั้น
พลัน!ในหัวแว่วเสียงมโหรีที่มีเสียงฉิ่งฉับให้จังหวะชัดเจนเป็นพิเศษขึ้นมา
ก่อนจะเพิ่มจากหนึ่งคู่เป็นสองคู่
มากขึ้นเรื่อยๆจนสมองเธออื้ออึงมีแต่เสียงฉิ่งฉับเต็มไปหมด!
คนเดียวยังพอว่า...แต่นี่เล่นทั้งวงเลยรึคุณหนูเล็ก!!
ทหารหนุ่มเหล่มองคุณหนูผู้สูงศักดิ์ที่เดินเยื้องอยู่ด้านหน้าด้วยด้วยท่าทางหวั่นๆ
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเพียงรับฟังนิ่งๆ
ไม่มีทีท่าจะกรีดเสียงโวยวายก็นึกชื่นชมความเยือกเย็นสุขุมของเธอในใจแล้วเอ่ยสำทับด้วยน้ำเสียงจริงจังยิ่ง
“แต่คุณหนูขอรับ คนที่เป็นทหารมานานอย่างพวกข้ารู้ดี...ว่าสาเหตุที่ท่านร่างกายอ่อนแอและรังเกียจบุรุษเป็นเพราะตอนอายุเพียงห้าขวบปีถูกพวกกบฏลักพาตัวไปเพื่อใช้เป็นข้อต่อรองบีบบังคับให้ท่านแม่ทัพรามือจากพรรคพวก เป็นพวกเราที่พบท่านช้าไป แม้จะรอดออกมาได้แต่ก็ถูกหมาจนตรอกพวกนั้นรุมทำร้ายปางตายมาก่อนแล้ว อีกทั้งเส้นลมปราณยังถูกทำลายจนเกือบจะไม่อาจฝึกฝนวรยุทธ์ได้อีก” ชมเดือนที่ช็อคจนใบหน้าซีดขาวอยู่นั้น พอได้รับฟังเรื่องราวเบื้องลึกเบื้องหลังของอดีตเจ้าของร่างนี้ก็ถึงกับนึกเวทนาอยู่ในใจและพอจะเดาออกว่าหญิงสาวผู้นี้ต้องเติบโตขึ้นมาในสภาพแวดล้อมโหดร้ายแบบใด
ฝั่งผู้อารักขาตัวโตเมื่อเห็นหญิงสาวเงียบอยู่เป็นนานก็นึกประหลาดใจจึงเอ่ยถามออกไป
“ท่านดูแปลกใจนะขอรับ”
นานทีเดียวกว่าเสียงไม่สูงไม่ต่ำนั้นจะเอ่ยตอบ
“อืม...สงสัยเรื่องมันคงจะนานมากจนข้าเองก็เกือบลืมไปแล้ว”
นายทหารตัวโตเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็นึกอยากตบปากตัวเองนัก เขาเป็นใคร...จะไปรื้อฟื้นฝันร้ายของเด็กสาวน่าสงสารให้มันได้อะไรขึ้นมา!
ชายหนุ่มเหลือบสายตามองคุณหนูผู้สูงศักดิ์ท่าทางหวาดๆ แต่ก็ไม่อาจหยั่งอารมณ์ความรู้สึกของอีกฝ่ายได้เมื่อเธอสวมหมวกปีกกว้างปิดคลุมใบหน้าเอาไว้
หลังจากนั้นทั้งคู่ก็เดินทางกันต่อเงียบๆไม่ได้สนทนาอะไรอีก
ฝั่งชมเดือนกำลังพยายามวิเคราะห์ลักษณะนิสัยของเจ้าของร่างกายนี้
ส่วนชายหนุ่มร่างยักษ์ก็ก้มหน้าสำนึกความผิดของตัวเอง
ชมเดือนขบคิดหลายตลบก็ยังไม่แน่ใจ ว่าตัวเองสมควรจะตามน้ำสวมบทบาทของหญิงสาวแห่งจวนแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดินดีหรือไม่
ทำเช่นนั้นก็เท่ากับโยนอิสระของตัวเองทิ้งไปโดยแท้ จากที่ฟังดูชีวิตของคุณหนูหานลู่คงไม่พ้นนกน้อยในกรงทอง
ไม่อาจไปไหนมาไหนตามใจชอบเพราะมีคนจ้องจะเอาชีวิตทุกฝีก้าว ไม่มีการผจญภัย
ไม่มีการออกไปเห็นโลกกว้างหรือได้พบเจอกับผู้คนใหม่ๆ
มีเพียงกำแพงจวนแม่ทัพที่ทั้งสูงทั้งหนาปิดล้อมรอบ ช่างเป็นชีวิตที่น่าเบื่อโดยแท้
ความคิดเห็น