ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ตำแหน่งฮ่องเต้ยัดเยียดให้ผู้หญิงก็ได้หรอ?

    ลำดับตอนที่ #1 : บทที่ ๑ หวนคืน

    • อัปเดตล่าสุด 5 มี.ค. 60


    ในห้างสรรพสินค้าในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผู้คนพลุ่งพล่าน เจ้าของร่างบางระหงส์เดินเอื่อยเฉื่อยอย่างไม่รีบไม่ร้อนไปตามโถงทางเดินที่เรียงรายไปด้วยร้านรวงต่างๆ มือถือถุงพลาสติกที่มีขนมและน้ำอัดแน่นเดินขณะมุ่งหน้าไปยังรถเก๋งสี่ประตูเก่าๆ เปิดประโปรงหลังรถเพื่อเก็บของและสอดตัวเข้าไปนั่งประจำที่คนขับ มือบางบิดกุญแจสตาร์ทรถ

    แอร์เย็นฉ่ำทำให้ชมเดือนหลับตาทอดถอนใจออกมาเบาๆ ขณะที่จะสับเกียร์เพื่อออกรถเสียงโทรศัพท์พลันดังขึ้นเสียก่อน  หญิงสาวเอี่ยวตัวหยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดรับจากกระเป๋าถือ กรอกเสียงทักทายปลายสายหวานใส

    “ฮัลโหล”

    “เดือน...”

    “ปอง...” เสียงของเธอเจือนลงไปเมื่อรับรู้ว่าปลายสายเป็นใคร “เป็นไงบ้าง”

    “สบายดี ปองคิดถึงเดือนมากนะ” พอได้ยินอีกฝ่ายตอบกลับมาเช่นนี้ชมเดือนก็อึกอัก ใบหน้าแดงระเรื่อ แต่ครู่เดียวหญิงสาวก็ข่มอกข่มใจ เสียงที่ตอบกลับไปจึงสุภาพอ่อนหวานไม่มีร่องรอยความหวั่นไหว

    “เดือนก็คิดถึงปองกับทุกคน เอาไว้เราหาเวลานัดทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันสักครั้งเนอะ”

    “เดือน..” ปลายสายเอ่ยด้วยเสียงเว้าวอน ชมเดือนที่เริ่มนั่งไม่สุขจึงรีบเอ่ยตัดบท

    “แค่นี้ก่อนนะปอง เดือนขับรถอยู่” หญิงสาวมองหน้าจอโทรศัพท์ที่โชว์เบอร์ไม่คุ้นตา พยายามข่มอกข่มใจตนเองอีกครั้งและเลื่อนนิ้วมือขาวผ่องไปยังปุ่มวางสาย ชั่วขณะนั้นเองที่เสียงหวีดร้องดังขึ้นเรียกความสนใจจากเธอ ชมเดือนหันไปมองเห็นคนกลุ่มหนึ่งมองมาทางเธอด้วยสีหน้าหวาดหวั่นระคนตกใจ ก่อนที่ภาพเบื้องหน้าจะดับมืดไปพร้อมเสียงโครมครามสนั่นหวั่นไหว...

    ภาพเบื้องหน้าของชมเดือนมืดสลัวไร้แสงไฟ สมองที่มึนงงเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวได้ทีละเล็กละน้อย ถ้าจำไม่ผิดตอนที่เดินลัดผ่านลานจอดมาที่รถของตัวเอง หางตาเธอเหมือนเห็นรถเครนกำลังขนย้ายคานเหล็กจำนวนไม่น้อยอยู่ข้างๆ ถ้าเดาไม่ผิดเกรงว่าเธอคงโดนลูกหลงจากอุบัติเหตุไม่คาดฝันคานเหล็กหล่นทับหัวพอดิบพอดี

    “เฮ้อ”

    หญิงสาวถอนหายใจแผ่วเบา ต้องดวงซวยขนาดไหนถึงบุญหล่นทับจนตายได้น่าอเนจอนาถถึงเพียงนี้

    เศร้าสลดได้ไม่นานชมเดือนก็เค้นยิ้มออกมา ก็ดีเหมือนกัน ลองดื่มน้ำแกงลืมอดีตแล้วเกิดใหม่เป็นคนอื่นดูบ้าง ชั่วชีวิตนี้จะได้ไม่ต้องผูกติดกับผู้ชายคนหนึ่งที่มีวาสนาแต่ไร้บุพเพต่อกันอย่างปองอีก...

    ชมเดือนทอดถอนใจออกมาอีกครั้ง นึกถึงช่วงเวลาตั้งแต่เด็กจนโตที่ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็พบเจอกันอยู่เรื่อย ทุกคราถ้าไม่ใช่เธอชอบเขา เขาก็ชอบเธอ สลับไปมาอยู่เช่นนี้ แคล้วคลาดอยู่เช่นนี้ ไม่มีครั้งใดที่ใจตรงกัน

    “นังหนู”  เสียงที่ดังขึ้นข้างหู พร้อมกันการปรากฏตัวอย่างปุบปับของร่างปริศนาในชุดคลุมสีดำทำเอาหญิงสาวที่กำลังจดจ่ออยู่กับการใช้ความคิดสะดุ้งสุดตัว กระวีกระวาดล้มลุกคลุกคลานถอยห่างออกมาจากอีกฝ่ายด้วยท่าทางไม่น่าดู ปากเธออ้าแล้วปิดอยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่มีเสียงใดเล็ดรอดออกมา ได้แต่ใช้ดวงตากลมโตจ้องมองอีกฝ่ายอย่างโง่งม

    ชมเดือนเห็นร่างในชุดคลุมสีดำที่สวมฮู้ดปิดบังใบหน้าเสียจนมิดขยับศีรษะขึ้นลงมองสำรวจตัวเองตั้งแต่หัวจรดเท้า เท้าจรดหัวอยู่หลายรอบก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างเซ็งๆ

    “ไอ้แก่เทพบรรพกาลพวกนั้นอาละวาดทำเอาปรโลกวุ่นวายกันไปหมด สามภพเสียสมดุลจนแม้แต่คนที่ยังไม่ถึงที่ตายก็ต้องตายอย่างอเนจอนาถขนาดนี้” ชมเดือนแปลกใจไม่น้อยที่ได้ยินอีกฝ่ายบ่นเช่นนั้น แต่เอาเถิด อย่างไรเสียเธอก็ไม่มีห่วงอะไรในโลกฝั่งนี้ให้ยึดติด จะเกิดใหม่เป็นหมาเป็นแมวอย่างไรชมเดือนก็จะไม่บ่น บุญกุศลในชาตินี้ของเธอสั่งสมมาน้อยนัก ดังนั้นจึงได้แต่หวังว่าชีวิตชาติหน้าของตนจะไม่ลำบากมากเท่าไร

    คนตรงหน้าไล่สายตามองชมเดือนตั้งแต่หัวจรดเท้าอีกหน ส่ายหน้าแล้วส่งเสียงจิ๊ๆๆในลำคอ

    “ให้ตายสิไอ้พวกนั้น ส่งดวงวิญญาณไปเกิดผิดฝาผิดตัวยังไม่พอ ยังสลับภพสลับชาติเสียจนมั่ว มิน่าเล่า สมดุลถึงเสีย ร่างกายพันธุ์นี้จะไปรองรับดวงวิญญาณของยอดวีรชนแห่งยุคสมัยได้อย่างไร ถูกทับหัวแบะไปแบบนั้นก็นับเป็นเรื่องสมควรแล้ว” ยิ่งฟังอีกฝ่ายบ่นอยู่คนเดียวชมเดือนก็ยิ่งงุนงง ยอดวีรชนอะไร ผิดฝาผิดตัวอะไร??

    พอเงยหน้าขึ้นมาเห็นใบหน้าโง่งมของเธอ ชายในชุดคลุมก็เดาะลิ้นส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอขึ้นมาอีกครั้ง ช่วยขยายความให้เธอฟังด้วยน้ำเสียงติดจะรำคาญน้อยๆ

    “เอาเป็นว่าไม่ต้องร้องห่มร้องไห้ไป ภพชาตินี้ของเจ้าที่มีวาสนาแต่ไร้บุพเพเป็นเพราะดวงวิญญาณและกายหยาบของเจ้าขัดแย้ง เนื้อคู่ของกายเนื้อนี้หาใช่เนื้อคู่ตามชะตาของเจ้าจึงพานพบอยู่เรื่อยแต่ไม่อาจครองคู่ การสั่งสมบุญกุศลก็เช่นกัน เจ้าไม่มีโอกาสทำกุศลใหญ่เพราะเนื้อชะตากำหนดให้เจ้าสั่งสมบุญในรูปแบบที่แตกต่างออกไป อธิบายง่ายๆ ข้าจะส่งเจ้ากลับไปยังที่ๆสมควรอยู่ สร้างบุญทำกุศลให้มากเข้าตายมาจะได้มีกินมีใช้ไม่ต้องถูกเอารัดเอาเปรียบส่งไปเกิดเป็นคนธรรมดาอีก!

    พอฟังอีกฝ่ายพูดจบภาพตรงหน้าก็พร่าเลือนไม่ชัดเจน เงาร่างในชุดคลุมสีดำหายวับไปพร้อมกับความรู้สึกราวกับถูกกระชากดึงอย่างรุนแรงก่อนที่ชมเดือนจะหมดสติไปอีกครั้ง

    หญิงสาวปรือเปลือกตาเปิดขึ้นน้อยๆ ก่อนจะปิดลงอย่างรวดเร็วเมื่อสายตาไม่อาจปรับตัวกับแสงจ้าหลังเพ่งจ้องอยู่ในความมืดมาช่วงเวลาหนึ่ง

    “คุณหนู” เสียงที่ดังข้างหูพร้อมกับสัมผัสนุ่มนิ่มของมือน้อยๆที่เขย่าแขนทำชมเดือนแทบผงะ เธอยังคงหลับตานอนนิ่งๆ ไม่กระโตกกระตากจนกว่าจะแน่ใจจริงๆ

    “คุณหนูตื่นเถอะ อย่าแกล้งบ่าวอีกเลย” คราวนี้ไม่ใช่แค่แขน แต่ร่างนุ่มนิ่มนั้นโผเข้ามาหาเธอทั้งตัว ร่างกายของหญิงสาวถูกทับจนชักจะเริ่มหายใจไม่ออก ไม่อาจใจเย็นแสร้งนอนเฉยได้อีกจึงกระเด้งตัวผุดลุกขึ้นจากเตียงด้วยก่อนจะดันร่างบอบบางนุ่มนิ่มของคนที่กอดก่ายอยู่บนตัวเธอออกอย่างสุภาพ

    นี่มันเรื่องอะไรกันนี่?

    “คุณหนู...” เห็นชมเดือนนั่งตัวเกร็ง กวาดสายตาสำรวจรอบตัวด้วยสีหน้าตื่นๆ สาวน้อยข้างๆจึงเอ่ยเรียกสติ มือเอื้อมมาจะแตะวัดอุณภูมิที่หน้าผาก

    แต่ยังไม่ทันได้แตะ คนที่นั่งนิ่งอยู่พลันสะดุ้งโหยง! กระถดตัวถอยห่างออกไปสุดขอบเตียง

    “ข้าสบายดี เอ่อ...ออกไปก่อนเถอะ ขอข้าอยู่คนเดียวสักครู่” ชมเดือนนึกประหลาดใจที่ตนสามารถเอ่ยสรรพนามแทนตัวสุดลิเกออกมาได้อย่างคล่องปาก ไม่รู้สึกกระดากเลยสักเพียงนิดก็เดาไปว่าคงเป็นความเคยชินของร่างนี้ ส่วนสาวน้อยใบหน้าหมดจดตรงหน้าได้ยินเสียงแข็งๆของเธอก็เบ้ปากน้ำตาคลอท่าทางตัดพ้อน้อยเนื้อต่ำใจจนชมเดือนต้องปรับลดโทนเสียงแข็งกระด้างของตนลง เอ่ยเสียงนุ่มอย่างพยายามรักษาน้ำใจเต็มที่ ทั้งยังไม่ลืมยิ้มบางๆอย่างมีนัยปลอบประโลมส่งไปด้วย สาวน้อยคนนั้นถึงได้สงบลง ย่อตัวน้อยๆก่อนจะหันหลังเดินออกไป

    ชมเดือนมองชุดกระโปรงรุ่ยร่ายที่อีกฝ่ายใส่ มองมวยผมและปิ่นหยก จากนั้นก็มองเลยผ่านไปยังเครื่องเรือนและการจัดสรรปันพื้นที่ภายในห้อง พอร่างในชุดกระโปรงลับไปจากสายตาชมเดือนก็กระวีกระวาดลุกขึ้นจากเตียงไปที่หน้าต่าง ปากอ้าค้างเมื่อพบว่าสวนด้านนอกรวมถึงอาคารบ้านเรือนและรั้วกำแพงที่เห็นอยู่ลิบๆล้วนถอดแบบมาจากภาพที่เคยเห็นในละครจีนย้อนยุคสมัยยังมีชีวิตอยู่ไม่มีผิด

    เธอเกือบจะหัวเราะออกมาอย่างยินดีเสียแล้วด้วยคิดว่าชีวิตใหม่ที่เพิ่งได้รับมานี้มีเรื่องน่าสนุกรอคอยให้ไปค้นพบเต็มไปหมด หากไม่ติดว่าตัวเธอไม่มีความทรงจำใดๆเกี่ยวกับเจ้าของร่างนี้เลย ชื่ออะไร อายุเท่าไหร่ เป็นลูกเต้าเหล่าใคร แต่อย่างแรกที่ต้องสำรวจคือ...

    ชมเดือนพลันก้มลงชุดกระโปรงเรียบๆสีทึมๆที่ตนสวมอยู่ แม้แบบจะธรรมดาแต่แค่มองก็รู้ว่าว่าผ้าที่ใช้เป็นของชั้นยอดทั้งตัดเย็บอย่างประณีตงดงาม คล้ำไปที่หน้าอก แม้จะไม่ได้อวบอิ่มนักแต่ก็มีเนื้อมีหนังพอเหมาะมือ ช่วงล่างก็ไม่มีอะไรห้อยต่องแต้งให้ตกอกตกใจหรืออกแตกตาย

    โอเค เธอยังคงเป็นผู้หญิง...โล่งไปเปราะหนึ่งล่ะ

    หญิงสาวเริ่มกวาดสายตามองหาสิ่งของหรืออะไรก็ตามที่ใกล้เคียงกับกระจกที่สุดก่อนสายตาจะไปหยุดที่แผ่นโลหะขัดเงาทรงกลมที่วางอยู่บนโต๊ะ

    เงาที่สะท้อนออกมาคือใบหน้าเกลี้ยงเกลารูปหัวใจ จมูกโด่งเรียวพองาม คิ้วไม่หนาไม่บางโค้งเป็นรูปเสี้ยวพระจันทร์ ดวงตารูปเม็ดอัลมอนด์สีฟ้าอมเทาแปลกตาที่หางเชิดน้อยๆทำให้ใบหน้าที่ควรจะจิ้มลิ้มพริ้มเพราดูดุอยู่ในที แต่กลับมีเสน่ห์เปี่ยมบารมีชวนมอง ผิวกายขาวซีดอย่างคนร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงตัดกับเส้นผมดกดำสนิททิ้งตัวระสะโพกผอมบางราวม่านน้ำตก ถึงกระนั้น สิ่งที่กระแทกใจที่สุดเห็นจะเป็นเค้าความอ่อนเยาว์ที่ปรากฏเด่นชัดบนใบหน้าที่ดูอย่างไรอายุอานามก็ไม่น่าจะเกินสิบห้าสิบหกปี

    ชมเดือนเลิกคิ้วขึ้นน้อยๆ เมื่อพบว่าร่างใหม่นี้เธอเด็กลงไปเกือบสิบปี

    “ฮะแอ่มๆ ฮัลโหลๆ” เสียงแม้จะต่ำไปนิดไม่อาจบอกได้ว่าเป็นชายหรือหญิงแต่ก็มีเสน่ห์ระรื่นหูนัก  

    ทีนี้ก็เหลือเรื่องที่ว่าเธอเป็นใคร มีฐานะอย่างไร เธอสมควรเรียกสาวน้อยคนนั้นหรือใครสักคนมาช่วยอธิบายให้กระจ่างดีหรือไม่...อย่าดีกว่า สถานการณ์ตอนนี้ร้ายหรือดีก็สุดรู้ นอกจากตัวเองแล้วอย่าเพิ่งเชื่อใจใครจะเป็นการฉลาดกว่า แต่จะอยู่อโดยหูตามืดบอดไม่รู้อะไรเช่นนี้ก็ไม่ได้ เธอมิสู้ออกไปด้านนอก สืบสาวเรื่องราวของตัวเองดูก่อนท่าจะดี

    คิดได้เช่นนั้นแล้วชมเดือนก็กวาดมองไปรอบตัว หาของมีค่าที่พอจะเอาไปได้บ้าง เดินพล่านเปิดลิ้นซักรื้อของไปทั่ว

    ผ่านไปพักหนึ่งชมเดือนก็ยิ้มกว้างเมื่อพบถุงเงินหนักอึ้งซุกอยู่มุมหนึ่งของลิ้นซักถัดจากหัวเตียงมาไม่มาก ชมเดือนเทออกมาดูก็พบว่ามันเป็นก้อนทองเล็กใหญ่คละกันไปกับกระดาษเนื้อบางที่มีตัวหนังสือยึกยือตวัดไปมาเขียนประทับเอาไว้ หญิงสาวขมวดคิ้วแปลกใจเมื่อพบว่าตัวเองสามารถอ่านภาษาพวกนั้นได้จึงรู้ว่าแผ่นกระดาษพวกนั้นคือตั๋วแลกเงินที่มีจำนวนไม่น้อยเลย ด้วยความรอบคอบชมเดือนแยกตั๋วและทองส่วนหนึ่งออกมาเก็บไว้ในเสื้อและรองเท้า เทเงินครึ่งหนึ่งทิ้งไว้ในลิ้นชักแล้วผูกถุงเงินไว้กับตัว หยิบแถบผ้าเนื้อหยาบเส้นหนึ่งมาเกล้าผมเป็นหางม้าง่ายๆ แล้วจึงเดินทอดน่องออกมาจากห้องอย่างไม่รีบไม่ร้อน สายตาสอดส่องชื่นชมความประณีตของสวนและอาคารบ้านเรือนอย่างตื่นตาตื่นใจ

    ปกติชมเดือนเป็นคนที่มีเซ้นส์ด้านทิศทางอยู่แล้ว วกไปวนมาอยู่ในรั้วกำแพงไม่นานก็พาตัวมาถึงประตูใหญ่จนได้ หญิงสาวเอามือไพล่หลัง จ้องใบหน้าดุดันของทหารยามร่างกายสูงใหญ่สองนายที่ยืนเฝ้าประตูบ้านแล้วจึงเดินเอื่อยๆออกไปด้วยใบหน้าท่าทางที่ไม่ส่อพิรุธแม้แต่น้อย

    “คุณหนูเล็ก” พวกเขาค้อมตัวลงทักทายเธออย่างอ่อนน้อม ชมเดือนไม่ตอบอะไร เก็บงำสีหน้าและท่าทางจนพ้นประตูใหญ่ออกมา เงยหน้าอ่านแผ่นป้ายอันโตที่ติดเหนือประตูใหญ่

    จวนแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดิน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×