คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทที่ ๑ หวนคืน
ในห้างสรรพสินค้าในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผู้คนพลุ่งพล่าน
เจ้าของร่างบางระหงส์เดินเอื่อยเฉื่อยอย่างไม่รีบไม่ร้อนไปตามโถงทางเดินที่เรียงรายไปด้วยร้านรวงต่างๆ
มือถือถุงพลาสติกที่มีขนมและน้ำอัดแน่นเดินขณะมุ่งหน้าไปยังรถเก๋งสี่ประตูเก่าๆ
เปิดประโปรงหลังรถเพื่อเก็บของและสอดตัวเข้าไปนั่งประจำที่คนขับ
มือบางบิดกุญแจสตาร์ทรถ
แอร์เย็นฉ่ำทำให้ชมเดือนหลับตาทอดถอนใจออกมาเบาๆ
ขณะที่จะสับเกียร์เพื่อออกรถเสียงโทรศัพท์พลันดังขึ้นเสียก่อน
หญิงสาวเอี่ยวตัวหยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดรับจากกระเป๋าถือ
กรอกเสียงทักทายปลายสายหวานใส
“ฮัลโหล”
“เดือน...”
“ปอง...” เสียงของเธอเจือนลงไปเมื่อรับรู้ว่าปลายสายเป็นใคร
“เป็นไงบ้าง”
“สบายดี ปองคิดถึงเดือนมากนะ”
พอได้ยินอีกฝ่ายตอบกลับมาเช่นนี้ชมเดือนก็อึกอัก ใบหน้าแดงระเรื่อ
แต่ครู่เดียวหญิงสาวก็ข่มอกข่มใจ
เสียงที่ตอบกลับไปจึงสุภาพอ่อนหวานไม่มีร่องรอยความหวั่นไหว
“เดือนก็คิดถึงปองกับทุกคน เอาไว้เราหาเวลานัดทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันสักครั้งเนอะ”
“เดือน..” ปลายสายเอ่ยด้วยเสียงเว้าวอน
ชมเดือนที่เริ่มนั่งไม่สุขจึงรีบเอ่ยตัดบท
“แค่นี้ก่อนนะปอง เดือนขับรถอยู่”
หญิงสาวมองหน้าจอโทรศัพท์ที่โชว์เบอร์ไม่คุ้นตา
พยายามข่มอกข่มใจตนเองอีกครั้งและเลื่อนนิ้วมือขาวผ่องไปยังปุ่มวางสาย
ชั่วขณะนั้นเองที่เสียงหวีดร้องดังขึ้นเรียกความสนใจจากเธอ
ชมเดือนหันไปมองเห็นคนกลุ่มหนึ่งมองมาทางเธอด้วยสีหน้าหวาดหวั่นระคนตกใจ
ก่อนที่ภาพเบื้องหน้าจะดับมืดไปพร้อมเสียงโครมครามสนั่นหวั่นไหว...
ภาพเบื้องหน้าของชมเดือนมืดสลัวไร้แสงไฟ สมองที่มึนงงเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวได้ทีละเล็กละน้อย
ถ้าจำไม่ผิดตอนที่เดินลัดผ่านลานจอดมาที่รถของตัวเอง
หางตาเธอเหมือนเห็นรถเครนกำลังขนย้ายคานเหล็กจำนวนไม่น้อยอยู่ข้างๆ
ถ้าเดาไม่ผิดเกรงว่าเธอคงโดนลูกหลงจากอุบัติเหตุไม่คาดฝันคานเหล็กหล่นทับหัวพอดิบพอดี
“เฮ้อ”
หญิงสาวถอนหายใจแผ่วเบา
ต้องดวงซวยขนาดไหนถึงบุญหล่นทับจนตายได้น่าอเนจอนาถถึงเพียงนี้
เศร้าสลดได้ไม่นานชมเดือนก็เค้นยิ้มออกมา
ก็ดีเหมือนกัน ลองดื่มน้ำแกงลืมอดีตแล้วเกิดใหม่เป็นคนอื่นดูบ้าง
ชั่วชีวิตนี้จะได้ไม่ต้องผูกติดกับผู้ชายคนหนึ่งที่มีวาสนาแต่ไร้บุพเพต่อกันอย่างปองอีก...
ชมเดือนทอดถอนใจออกมาอีกครั้ง
นึกถึงช่วงเวลาตั้งแต่เด็กจนโตที่ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็พบเจอกันอยู่เรื่อย
ทุกคราถ้าไม่ใช่เธอชอบเขา เขาก็ชอบเธอ สลับไปมาอยู่เช่นนี้ แคล้วคลาดอยู่เช่นนี้
ไม่มีครั้งใดที่ใจตรงกัน
“นังหนู”
เสียงที่ดังขึ้นข้างหู พร้อมกันการปรากฏตัวอย่างปุบปับของร่างปริศนาในชุดคลุมสีดำทำเอาหญิงสาวที่กำลังจดจ่ออยู่กับการใช้ความคิดสะดุ้งสุดตัว
กระวีกระวาดล้มลุกคลุกคลานถอยห่างออกมาจากอีกฝ่ายด้วยท่าทางไม่น่าดู
ปากเธออ้าแล้วปิดอยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่มีเสียงใดเล็ดรอดออกมา
ได้แต่ใช้ดวงตากลมโตจ้องมองอีกฝ่ายอย่างโง่งม
ชมเดือนเห็นร่างในชุดคลุมสีดำที่สวมฮู้ดปิดบังใบหน้าเสียจนมิดขยับศีรษะขึ้นลงมองสำรวจตัวเองตั้งแต่หัวจรดเท้า
เท้าจรดหัวอยู่หลายรอบก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างเซ็งๆ
“ไอ้แก่เทพบรรพกาลพวกนั้นอาละวาดทำเอาปรโลกวุ่นวายกันไปหมด
สามภพเสียสมดุลจนแม้แต่คนที่ยังไม่ถึงที่ตายก็ต้องตายอย่างอเนจอนาถขนาดนี้”
ชมเดือนแปลกใจไม่น้อยที่ได้ยินอีกฝ่ายบ่นเช่นนั้น แต่เอาเถิด
อย่างไรเสียเธอก็ไม่มีห่วงอะไรในโลกฝั่งนี้ให้ยึดติด
จะเกิดใหม่เป็นหมาเป็นแมวอย่างไรชมเดือนก็จะไม่บ่น บุญกุศลในชาตินี้ของเธอสั่งสมมาน้อยนัก
ดังนั้นจึงได้แต่หวังว่าชีวิตชาติหน้าของตนจะไม่ลำบากมากเท่าไร
คนตรงหน้าไล่สายตามองชมเดือนตั้งแต่หัวจรดเท้าอีกหน
ส่ายหน้าแล้วส่งเสียงจิ๊ๆๆในลำคอ
“ให้ตายสิไอ้พวกนั้น
ส่งดวงวิญญาณไปเกิดผิดฝาผิดตัวยังไม่พอ ยังสลับภพสลับชาติเสียจนมั่ว มิน่าเล่า สมดุลถึงเสีย
ร่างกายพันธุ์นี้จะไปรองรับดวงวิญญาณของยอดวีรชนแห่งยุคสมัยได้อย่างไร
ถูกทับหัวแบะไปแบบนั้นก็นับเป็นเรื่องสมควรแล้ว”
ยิ่งฟังอีกฝ่ายบ่นอยู่คนเดียวชมเดือนก็ยิ่งงุนงง ยอดวีรชนอะไร ผิดฝาผิดตัวอะไร??
พอเงยหน้าขึ้นมาเห็นใบหน้าโง่งมของเธอ
ชายในชุดคลุมก็เดาะลิ้นส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอขึ้นมาอีกครั้ง
ช่วยขยายความให้เธอฟังด้วยน้ำเสียงติดจะรำคาญน้อยๆ
“เอาเป็นว่าไม่ต้องร้องห่มร้องไห้ไป
ภพชาตินี้ของเจ้าที่มีวาสนาแต่ไร้บุพเพเป็นเพราะดวงวิญญาณและกายหยาบของเจ้าขัดแย้ง
เนื้อคู่ของกายเนื้อนี้หาใช่เนื้อคู่ตามชะตาของเจ้าจึงพานพบอยู่เรื่อยแต่ไม่อาจครองคู่
การสั่งสมบุญกุศลก็เช่นกัน
เจ้าไม่มีโอกาสทำกุศลใหญ่เพราะเนื้อชะตากำหนดให้เจ้าสั่งสมบุญในรูปแบบที่แตกต่างออกไป
อธิบายง่ายๆ
ข้าจะส่งเจ้ากลับไปยังที่ๆสมควรอยู่
สร้างบุญทำกุศลให้มากเข้าตายมาจะได้มีกินมีใช้ไม่ต้องถูกเอารัดเอาเปรียบส่งไปเกิดเป็นคนธรรมดาอีก!”
พอฟังอีกฝ่ายพูดจบภาพตรงหน้าก็พร่าเลือนไม่ชัดเจน
เงาร่างในชุดคลุมสีดำหายวับไปพร้อมกับความรู้สึกราวกับถูกกระชากดึงอย่างรุนแรงก่อนที่ชมเดือนจะหมดสติไปอีกครั้ง
หญิงสาวปรือเปลือกตาเปิดขึ้นน้อยๆ ก่อนจะปิดลงอย่างรวดเร็วเมื่อสายตาไม่อาจปรับตัวกับแสงจ้าหลังเพ่งจ้องอยู่ในความมืดมาช่วงเวลาหนึ่ง
“คุณหนู” เสียงที่ดังข้างหูพร้อมกับสัมผัสนุ่มนิ่มของมือน้อยๆที่เขย่าแขนทำชมเดือนแทบผงะ
เธอยังคงหลับตานอนนิ่งๆ ไม่กระโตกกระตากจนกว่าจะแน่ใจจริงๆ
“คุณหนูตื่นเถอะ อย่าแกล้งบ่าวอีกเลย”
คราวนี้ไม่ใช่แค่แขน แต่ร่างนุ่มนิ่มนั้นโผเข้ามาหาเธอทั้งตัว
ร่างกายของหญิงสาวถูกทับจนชักจะเริ่มหายใจไม่ออก ไม่อาจใจเย็นแสร้งนอนเฉยได้อีกจึงกระเด้งตัวผุดลุกขึ้นจากเตียงด้วยก่อนจะดันร่างบอบบางนุ่มนิ่มของคนที่กอดก่ายอยู่บนตัวเธอออกอย่างสุภาพ
นี่มันเรื่องอะไรกันนี่?
“คุณหนู...” เห็นชมเดือนนั่งตัวเกร็ง กวาดสายตาสำรวจรอบตัวด้วยสีหน้าตื่นๆ
สาวน้อยข้างๆจึงเอ่ยเรียกสติ มือเอื้อมมาจะแตะวัดอุณภูมิที่หน้าผาก
แต่ยังไม่ทันได้แตะ คนที่นั่งนิ่งอยู่พลันสะดุ้งโหยง! กระถดตัวถอยห่างออกไปสุดขอบเตียง
“ข้าสบายดี เอ่อ...ออกไปก่อนเถอะ ขอข้าอยู่คนเดียวสักครู่”
ชมเดือนนึกประหลาดใจที่ตนสามารถเอ่ยสรรพนามแทนตัวสุดลิเกออกมาได้อย่างคล่องปาก
ไม่รู้สึกกระดากเลยสักเพียงนิดก็เดาไปว่าคงเป็นความเคยชินของร่างนี้ ส่วนสาวน้อยใบหน้าหมดจดตรงหน้าได้ยินเสียงแข็งๆของเธอก็เบ้ปากน้ำตาคลอท่าทางตัดพ้อน้อยเนื้อต่ำใจจนชมเดือนต้องปรับลดโทนเสียงแข็งกระด้างของตนลง
เอ่ยเสียงนุ่มอย่างพยายามรักษาน้ำใจเต็มที่
ทั้งยังไม่ลืมยิ้มบางๆอย่างมีนัยปลอบประโลมส่งไปด้วย สาวน้อยคนนั้นถึงได้สงบลง
ย่อตัวน้อยๆก่อนจะหันหลังเดินออกไป
ชมเดือนมองชุดกระโปรงรุ่ยร่ายที่อีกฝ่ายใส่
มองมวยผมและปิ่นหยก
จากนั้นก็มองเลยผ่านไปยังเครื่องเรือนและการจัดสรรปันพื้นที่ภายในห้อง
พอร่างในชุดกระโปรงลับไปจากสายตาชมเดือนก็กระวีกระวาดลุกขึ้นจากเตียงไปที่หน้าต่าง
ปากอ้าค้างเมื่อพบว่าสวนด้านนอกรวมถึงอาคารบ้านเรือนและรั้วกำแพงที่เห็นอยู่ลิบๆล้วนถอดแบบมาจากภาพที่เคยเห็นในละครจีนย้อนยุคสมัยยังมีชีวิตอยู่ไม่มีผิด
เธอเกือบจะหัวเราะออกมาอย่างยินดีเสียแล้วด้วยคิดว่าชีวิตใหม่ที่เพิ่งได้รับมานี้มีเรื่องน่าสนุกรอคอยให้ไปค้นพบเต็มไปหมด
หากไม่ติดว่าตัวเธอไม่มีความทรงจำใดๆเกี่ยวกับเจ้าของร่างนี้เลย ชื่ออะไร
อายุเท่าไหร่ เป็นลูกเต้าเหล่าใคร แต่อย่างแรกที่ต้องสำรวจคือ...
ชมเดือนพลันก้มลงชุดกระโปรงเรียบๆสีทึมๆที่ตนสวมอยู่
แม้แบบจะธรรมดาแต่แค่มองก็รู้ว่าว่าผ้าที่ใช้เป็นของชั้นยอดทั้งตัดเย็บอย่างประณีตงดงาม
คล้ำไปที่หน้าอก แม้จะไม่ได้อวบอิ่มนักแต่ก็มีเนื้อมีหนังพอเหมาะมือ ช่วงล่างก็ไม่มีอะไรห้อยต่องแต้งให้ตกอกตกใจหรืออกแตกตาย
โอเค เธอยังคงเป็นผู้หญิง...โล่งไปเปราะหนึ่งล่ะ
หญิงสาวเริ่มกวาดสายตามองหาสิ่งของหรืออะไรก็ตามที่ใกล้เคียงกับกระจกที่สุดก่อนสายตาจะไปหยุดที่แผ่นโลหะขัดเงาทรงกลมที่วางอยู่บนโต๊ะ
เงาที่สะท้อนออกมาคือใบหน้าเกลี้ยงเกลารูปหัวใจ
จมูกโด่งเรียวพองาม คิ้วไม่หนาไม่บางโค้งเป็นรูปเสี้ยวพระจันทร์
ดวงตารูปเม็ดอัลมอนด์สีฟ้าอมเทาแปลกตาที่หางเชิดน้อยๆทำให้ใบหน้าที่ควรจะจิ้มลิ้มพริ้มเพราดูดุอยู่ในที
แต่กลับมีเสน่ห์เปี่ยมบารมีชวนมอง
ผิวกายขาวซีดอย่างคนร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงตัดกับเส้นผมดกดำสนิททิ้งตัวระสะโพกผอมบางราวม่านน้ำตก
ถึงกระนั้น สิ่งที่กระแทกใจที่สุดเห็นจะเป็นเค้าความอ่อนเยาว์ที่ปรากฏเด่นชัดบนใบหน้าที่ดูอย่างไรอายุอานามก็ไม่น่าจะเกินสิบห้าสิบหกปี
ชมเดือนเลิกคิ้วขึ้นน้อยๆ
เมื่อพบว่าร่างใหม่นี้เธอเด็กลงไปเกือบสิบปี
“ฮะแอ่มๆ ฮัลโหลๆ”
เสียงแม้จะต่ำไปนิดไม่อาจบอกได้ว่าเป็นชายหรือหญิงแต่ก็มีเสน่ห์ระรื่นหูนัก
ทีนี้ก็เหลือเรื่องที่ว่าเธอเป็นใคร
มีฐานะอย่างไร เธอสมควรเรียกสาวน้อยคนนั้นหรือใครสักคนมาช่วยอธิบายให้กระจ่างดีหรือไม่...อย่าดีกว่า
สถานการณ์ตอนนี้ร้ายหรือดีก็สุดรู้ นอกจากตัวเองแล้วอย่าเพิ่งเชื่อใจใครจะเป็นการฉลาดกว่า
แต่จะอยู่อโดยหูตามืดบอดไม่รู้อะไรเช่นนี้ก็ไม่ได้ เธอมิสู้ออกไปด้านนอก
สืบสาวเรื่องราวของตัวเองดูก่อนท่าจะดี
คิดได้เช่นนั้นแล้วชมเดือนก็กวาดมองไปรอบตัว
หาของมีค่าที่พอจะเอาไปได้บ้าง เดินพล่านเปิดลิ้นซักรื้อของไปทั่ว
ผ่านไปพักหนึ่งชมเดือนก็ยิ้มกว้างเมื่อพบถุงเงินหนักอึ้งซุกอยู่มุมหนึ่งของลิ้นซักถัดจากหัวเตียงมาไม่มาก
ชมเดือนเทออกมาดูก็พบว่ามันเป็นก้อนทองเล็กใหญ่คละกันไปกับกระดาษเนื้อบางที่มีตัวหนังสือยึกยือตวัดไปมาเขียนประทับเอาไว้
หญิงสาวขมวดคิ้วแปลกใจเมื่อพบว่าตัวเองสามารถอ่านภาษาพวกนั้นได้จึงรู้ว่าแผ่นกระดาษพวกนั้นคือตั๋วแลกเงินที่มีจำนวนไม่น้อยเลย
ด้วยความรอบคอบชมเดือนแยกตั๋วและทองส่วนหนึ่งออกมาเก็บไว้ในเสื้อและรองเท้า
เทเงินครึ่งหนึ่งทิ้งไว้ในลิ้นชักแล้วผูกถุงเงินไว้กับตัว
หยิบแถบผ้าเนื้อหยาบเส้นหนึ่งมาเกล้าผมเป็นหางม้าง่ายๆ
แล้วจึงเดินทอดน่องออกมาจากห้องอย่างไม่รีบไม่ร้อน
สายตาสอดส่องชื่นชมความประณีตของสวนและอาคารบ้านเรือนอย่างตื่นตาตื่นใจ
ปกติชมเดือนเป็นคนที่มีเซ้นส์ด้านทิศทางอยู่แล้ว
วกไปวนมาอยู่ในรั้วกำแพงไม่นานก็พาตัวมาถึงประตูใหญ่จนได้ หญิงสาวเอามือไพล่หลัง
จ้องใบหน้าดุดันของทหารยามร่างกายสูงใหญ่สองนายที่ยืนเฝ้าประตูบ้านแล้วจึงเดินเอื่อยๆออกไปด้วยใบหน้าท่าทางที่ไม่ส่อพิรุธแม้แต่น้อย
“คุณหนูเล็ก”
พวกเขาค้อมตัวลงทักทายเธออย่างอ่อนน้อม ชมเดือนไม่ตอบอะไร
เก็บงำสีหน้าและท่าทางจนพ้นประตูใหญ่ออกมา
เงยหน้าอ่านแผ่นป้ายอันโตที่ติดเหนือประตูใหญ่
‘จวนแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดิน’
ความคิดเห็น