Rock Online Pologue 00 : :
Remember that day when I saw you “เสียใจด้วยครับ ทางทีมแพทย์ของเรา ไม่สามารถรักษาชีวิตแฟนของคุณไว้ได้ แผลที่กรีดบนข้อมือมันลึก และส่งตัวมารักษาช้าเกินไป...หมอขอแสดงความเสียใจจริงๆครับ...” ร่างสูงราวๆร้อยเก้าสิบเอ็ดเซนติเมตร ยืนนิ่งงันอยู่บนด่านฟ้าของโรงพยาบาล ดวงตาคมกริบสั่นไหว น้ำตาไหล เจ้าตัวสะอื้นในลำคอ..แม้จะรู้ ผู้ชายไม่ควรร้องไห้ แต่การสูญเสียคนที่รักที่สุดไป ไม่มีใครทำใจได้ ร่างสูงปล่อยให้ไหล่แกร่งสั่นไหวและสะท้านอย่างหน้าอาย สีไม้ยกมือขึ้นลูบสีศีรษะช้าๆ มือหนาทิ้งบุหรี่ลงกับพื้น ขายาวเหยียบมวลบุหรี่ที่ถูกทิ้งอย่างไม่ใยดี มือหนากำแน่น เขาจะไม่รักใครคนไหนอีกแล้ว.... เมื่อผู้หญิงที่รักที่สุดในชีวิต ต้องจบชีวิตลง โดยที่เขาไม่สามารถช่วยอะไรได้ ทั้งๆที่สังเกตมาตั้งนานว่าเธออาการไม่ดี แต่คนสารเลวคนนี้ ก็ดีแต่คิดว่า ยังอยู่ด้วยการอีกตั้งนาน เดี๋ยวนะเดี๋ยวค่อยคุย... พอคิดถึงตอนนี้ ก็ราวกับขาของร่างสูงไม่มีแม้แรงจะพยุงร่างให้ยืนอยู่ต่อไป สีไม้ทรุดนั่งลงราวกับคนหมดแรง “เบล....ไม้ขอโทษ...” สามปีต่อมา... ภาสกร สุริยะการ สอบผ่าน ดวงตาคมกริบนิ่งไป ก่อนที่ผมจะกระตุกยิ้มอย่างพอใจ มี...ที่เรียนแล้วสินะ... หลังจากนั้นไอ้ปันเจย์และไอ้กราฟฟิกเพื่อนสนิทของผม พาผมไปเลี้ยงข้าวที่ร้านอาหารและเบเกอรี่ หรูๆแห่งหนึ่งแถวๆนั้น ฉลองสอบติดครั้งใหญ่ สอบเข้ามหาวิทยาลัย “ไอ้เชี่ยไม้ มึงติดว่ะ!!! เหี้ย!!! เก่งเหี้ย!!! ดีใจวะสัด!!! แม่ง!!! เฮ้ย! ยิ้มหน่อยดิเพื่อน!!!” ปันเจย์โยกไหล่ผมอย่างแรง ผมยิ้มนิดๆ กูจะไม่ติดได้ยังไง วิชาหนึ่งกูมีอาจารย์ติวแม่งตั้งห้าคน ผมภาสกร สุริยะการ ชื่อเล่นสีไม้ ปีนี้อายุสิบแปด สอบติดมหาวิทยาลัยชื่อดังของรัฐบาลในอันดับต้นๆ คณะวิศวกรรมศาสตร์สาขาเครื่องกล ผมมีน้องชายอีกสองคน คนแรกอายุน้อยกว่าผมสามปี สีชอล์ก เรียนที่โรงเรียนมัธยมชายล้วนสุดไฮโซ อยู่ม.สี่ กับน้องชายคนสุดท้องที่ผมหวงสุดๆ เพราะตอนนี้หน้าตากำลังน่ารักน่าหยิก ผิวพรรณดีราวกับเด็กผู้หญิงชื่อ สีน้ำ อยู่ม.สอง โรงเรียนเดียวกัน... ชีวิตผมดูเหมือนจะราบรื่น แต่ไอ้ที่แย่คือ ผมยังจำความรู้สึกที่แสนขมขื่นในวันที่ผมสูญเสียเบล ผู้หญิงคนแรกและคิดว่าจะให้เป็นคนสุดท้ายไป เมื่อสามปีก่อน ตั้งแต่ตอนนั้นมา ผมไม่เคยมีแฟนอีก...ผมไม่รักใคร ไม่เปิดใจให้ใครอีก ด้วยบุคลิก หน้าตาที่ดูโหด แบดบอย เหมือนคนติดยา บวกกับส่วนสูงราวร้อยเก้าสิบของผม ทำเอาผู้หญิงน้อยคนจะกล้าเข้าหาผมตรงๆ ส่วนใหญ่ถ้าพวกเธอไม่แอบชอบ... ก็จะหวาดกลัวผมไปเลย...ผมมันน่ากลัวนี่ ช่วยไม่ได้มันเป็นกรรมพันธุ์ บ้านผมสูงทั้งบ้าน พ่อผมสูงร้อยแปดสิบเจ็ด แม่ผมสูงร้อยเจ็ดสิบเอ็ด น้องชายผมคนรอง ตอนนี้มันอยู่ม.สี่ก็สูงเกินร้อยเจ็ดสิบห้าเซ็นแล้ว แต่ไอ้ที่เครียดคือน้องชายคนเล็กของผมนี่สิ แม่ง!จะเตี้ยไปไหน!!! ให้มันโดฟนมเท่าไหร่แม่งก็ไม่สูงสักที... “ไอ้ไม้ ดูคนนั้นดิ มองมึงใหญ่สงสัยจะชอบมึง...” ผมมองไปทางมือไอ้ปันเจย์ด้วยสายตาเรียบๆ แล้วก็เห็นผู้หญิงท่าทางจะสวยไม่หยอกคนหนึ่งกำลังมองมาทางกลุ่มผมอยู่เหมือนกัน ผมมองเธอกลับไปด้วยสายตาเรียบๆ ก่อนจะหันกลับมาดูดน้ำโค้กอย่างไม่สนใจ ทำเอาไอ้กราฟเอ่ยขึ้น “มึงยังไม่ลืมเบลอีกหรือไงวะ...เลิกเหอะไอ้ไม้ ผ่านมาสามปีแล้วนะเว้ย เรื่องที่เบลฆ่าตัวตายไม่ใช่ความผิดมึงสักหน่อย...” “แต่ถ้าวันนั้นกูไปทัน เบลก็ไม่ตาย!!!” ผมเผลอตวาดออกไป จนไอ้ปันเจย์ต้องตบไหล่ผม “ไม้...เหี้ย! ฟังกูนะเว้ยย... มึงยังปกป้องคนอื่นได้ มึงยังสมารถมีใครสักคน ที่ให้มึงรัก ถนอม ดูแล แล้วก็ปกป้องเขา รักเขาได้ยิ่งกว่าที่มึงรักเบล... ทุกอย่างไม่ใช่ความผิดของมึงนะเว้ยย” “...” ผมนิ่งไปกับประโยคนั้น ทันใดนั้นเอง เสียงกระดิ่งที่หน้าประตูร้านดังขึ้น พวกผมที่นั่งอยู่ใกล้ๆหน้าร้าน หันไปมองตามสันชาติญาณ ผู้มาใหม่สามารถสะกดทุกสายตาให้จ้องไปที่เขาได้อย่างไม่หน้าเชื่อ แม้แต่ผมเอง... “สุดยอดแห่งความน่ารักเลยว่ะ...” ไอ้กราฟพูด ผมมองตาม ร่างบอบบางผิวขาวผ่องสีน้ำนม จมูกโด่ง รับอย่างดีกับใบหน้าเรียวรูปไข่ ริมฝีปากหยักลึกจีบเล็กน่ารักสีสด ดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อน ขนตาแพหนาดำสนิท แก้มแดงระเรื่อง รูปร่างสูงโปร่ง...กะเกณฑ์จากสายตาไม่น่าจะเกิน ร้อยเจ็ดสิบห้า.. “โทษนะฮะ ผมมารับเค้กที่สั่งไว้เมื่อวาน เป็นเค้กวันเกิด..” เสียงหวานพูดขึ้น พนักงานที่ยืนต้อนรับซึ่งเป็นผู้ชาย แสดงท่าทางโง่ๆออกมาหลายครั้ง เพราะเขินคนตรงหน้าจนทำอะไรไม่ถูก นี่สินะที่เรียกว่า น่ารักจนคนที่คุยด้วยถึงกับเก้ๆกังๆไปหมด ไม่รู้จะเอามือไปวางไว้ตรงไหน.. “เสียดายว่ะ แม่งเป็นผู้ชาย...” ไอ้ปันเจย์เอ่ยเสียงอ่อย ไอ้กราฟพยักหน้าเห็นด้วย ผมยังจ้องร่างนั้นตาไม่กระพริบ ไม่รู้อะไรทำให้ผมไม่ละสายตาไปจากเขา... RAVEN PART ผมยืนรอพนักงานที่กำลังไปเอาเค้กวันเกิดของน้องชายตัวแสบที่จิกหัวผมราวกับทาสให้มาเอาเค้กที่ร้านนี้ให้ ไกลก็ไกลจากบ้าน แต่ด้วยความเป็นคนชอบตามใจคนอื่น ผมเลยยอมมาเอาให้ ยังไงก็วันเกิดเจ้าตัวนี่นา “สักครู่นะครับ พอดี เครื่องคิดเงินมันเสีย แหะๆ ^/////^;” พนักงานบอกผมพร้อมกับหัวเราะแห้งๆ “ไม่เป็นไรฮะ รอได้...” ผมเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม ทำเอาพนักงานคนนั้น ปัดแก้วชาเขียวที่กำลังจะเอาไปเสริฟให้ลูกค้ารายอื่น หกนองเต็มเคาเตอร์ =[]= “โทษครับ!!! T////T” เขาเอ่ยแล้วเก็บกวาดอย่างร้อนรน ผมหัวเราะอย่างไม่ถือสาอะไร จนกระทั่งรู้สึกเหมือนมีคนจ้องมาจากด้านหลัง ผมกวาดสายตา จนไปหยุดที่ดวงตาคมกริบ ไม่เคยเห็นใครมีตาที่สวยและคมในเวลาเดียวกันขนาดนี้...ใบหน้าคมสีขาวซีด ตัดกับผมสีดำสนิท จมูกโด่ง และริมฝีปากได้รูปที่ถ้ายิ้มคงจะเสริมให้ใบหน้าที่ดูหล่อแต่โหดนั้นดูดีขึ้นไม่น้อย “...” ผมเห็นเขาจ้องผมอยู่ แทนที่เขาเห็นว่าผมมองกลับเขาควรจะเป็นฝ่ายหลบตาไปเพราะเกรงใจผม แต่ผมเองต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายหลบ เพราะทนดวงตาคมกริบนั่นไม่ไหว แค่มองแค่นี้ยังรู้สึก(กลัวจน)สะท้านไปถึงหัวใจเลย คนอะไรมีอิธิพลแม้กระทั่งคนที่ไม่รู้จัก “ได้แล้วครับ ขอโทษที่ทำให้เสียเวลา ^////^” พนักงานคนนั้นยืนกล่องเค้กให้ผมด้วยมือที่สั่นเทา ผมรับมา ก่อนจะหันไปมองผู้ชายที่กำลังจ้องมองผม ริมฝีปากผมค่อยๆคลี่ยิ้มออก ก่อนจะกลายเป็นยิ้มกว้างให้เขา ดวงตาคมกริบเหมือนเบิกกว้างนิดๆราวกับอึ้งไป ผมเบือนหน้ากลับมาแล้วเดินออกจากร้าน SEE-MAI PART ผมยังจ้องร่างบางนั่นต่อไป ไม่ได้รู้สึกสนใจอะไรเป็นพิเศษ แต่แค่เป็นคนที่มองแล้วรู้สึกเพลินตาดี ให้นั่งมองหมอนี่ทั้งวันก็ยังได้นะ... “มึง ติดใจหรอวะ กูขอเบอร์ให้ป่าว!” ไอ้ปันเจย์เริ่ม มันชอบล่ะครับ อยากจะให้ผมมีแฟนมาก มันไม่อยากให้ผมจมกับอดีต แต่ผมก็ยังปล่อยตัวเองให้จมอยู่กับอดีตที่แสนเจ็บปวดถึงสามปี... “เปล่า...แค่ ช่างแม่งเหอะ” ผมตอบเนือยๆ เอาหลอดคนแก้วโค้กที่เหลือและละลายไปกับน้ำแข็งอย่างเซ็งๆ ก่อนจะเงยหน้ามองขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เหมือนเจ้าตัวจะรู้ตัวแล้วว่ามีโรคจิต(อย่างผม)แอบมองอยู่ ดวงตากลมโตสบตาผมกลับมา ผมก็จ้องกลับ ผิดด้วยหรือไง ก็ผมอยากมอง.. “....” แล้วร่างเพรียวก็หันหน้าไปทางอื่น ไอ้กราฟแซวผมทันที “เขาเขินแล้วไอ้ไม้ เหี้ย จ้องไรขนาดนั้นวะ จะให้เขาละลายไปต่อหน้ามึงเลยไหม...” ผมอยากตอบว่าถ้าได้ก็ดีจัง...และนี่คงเป็นรอบแรกในสามปีที่ผมรู้สึก สนใจใครสักคน นอกจากเบล “...” ผมไม่ตอบ แต่มองเขาต่อไป จนกระทั่งเขาได้รับเค้กอะไรที่ว่านั่น ความรู้สึกเสียดายบางอย่าง ทำให้ผมคิด...เขาจะไปแล้วนะ..เรายังไม่รู้จักกันเลย... แต่อีกใจหนึ่ง คนสารเลวอย่างมึง จะปกป้องใครได้ไอ้ไม้!! มึงไม่มีหัวใจแล้ว หัวใจมึงมันไม่เต้นตั้งแต่เบลจากไปแล้ว!!! จากไปพร้อมหัวใจของมึง... ร่างบอบบางหันมามองผมอีกครั้ง ริมฝีปากสีชมพูคลี่ยิ้มหวานมาให้ ผมรู้สึกตื่นตะลึง ไม่เคยมีใครยิ้มให้ผม มาก่อน..อาจจะดูเวอร์ แต่ใครก็กลัวผมกันทั้งนั้น... แค่ผมเห็นรอยยิ้มของเขา คนที่ผมไม่เคยรู้จัก ความรู้สึกอยากเป็นเจ้าของรอยยิ้มนั่นแม่งก็พรวดขึ้นมา ผมคงบ้าไปแล้วที่รู้สึกใจเต้น กว่าจะรู้ตัว ผมก็ลุกขึ้นจากโต๊ะด้วยท่าทางหงุดหงิดและโมโห จนไอ้ปันเจย์และไอ้กราฟตกใจ เมื่อเห็นผมวิ่งตาม ผู้ชายคนเมื่อกี๊ไป “ไอ้ไม้!!! ทำเหี้ยอะไร อย่าไปต่อยเขานะเว้ยยย!” ไอ้ปันเจย์มันร้องก่อนจะวางแบงค์พันไว้ แล้ววิ่งตามผมออกมา “ไอ้ไม้!!! ยู๊ดดดดดดดดดดดด หยุดก่อน!!!” ไอ้กราฟวิ่งตามผม และขณะที่ร่างเล็กนั่นกำลังจะข้ามถนน กว่าจะรู้ตัว มือผมก็คว้าเข้าที่กลางแขนเรียวจนเขาตกใจ บ้าเอ้ย! กูทำเหี้ยอะไรเนี่ย!!! “ผมหรอฮะ...” เสียงเล็กถามขึ้น “เออ มึงนั่นแหละ...” “เหี้ยไม้!!! พูดกับเขาดีๆสิวะ!!” ไอ้ปันเจย์ว่า หน้ามันเหวอแดกสุดๆ “มึงมีสิทธิ์อะไรมาทำแบบนี้วะ!!!” ผมตะคอกถาม ร่างเล็กสะดุ้งเฮือก “ผมทำอะไร..” “ไอ้เหี้ยไม้ อย่าไปหาเรื่องเขา!” ไอ้กราฟยังรั้งผม แต่ผมไม่ปล่อยมือจากแขนเล็กนั่น ก่อนที่ผมจะตวาดร่างบางตรงหน้า... “กูว่าหัวใจกูมันหยุดเต้นไปตั้งนานแล้วนะ แล้วมึงมีสิทธิ์อะไรมาทำให้มันเต้นได้อีกครั้งวะ!!!” |
ความคิดเห็น