ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic naruto] Desert & Sky

    ลำดับตอนที่ #9 : บทที่ 9 ถ้าเธอแพ้...

    • อัปเดตล่าสุด 29 พ.ค. 58



    บทที่ 9 ถ้าเธอแพ้.....

     



                    บรรยากาศรอบข้างสำหลับบ้านหลังนี้ทุกวันมันมีแต่ความเรียบง่ายและเงียบเหงา อาหารเช้าที่ได้ทานพร้อมหน้าพร้อมตากันในครั้งแรกของสัปดาห์  ยามเช้าทำให้ทุกอย่างดูเบิกบานสดชื่น ใช่ทุกๆอย่างเลยยกเว้น....โซราเมะ

                    ร่างบางแต่งกายด้วยชุดเรียบง่ายของตัวเอง เสื้อแขนยาวสีขาวและกางเกงยีนส์สีซีด นี้เป็นครั้งแรกในรอบหลายวันที่เธอได้นั่งร่วมโต๊ะทานอาหารเช้ากับเจ้าของบ้าน  ปกติเท่าที่ผ่านมากเธอมักจะได้นั่งทานอาหารคนเดียวเพราะกาอาระมักมีงานตั้งแต่เช้า แปดโมงที่เธอลงมาทานอาหารนั้นคือเวลาที่เขาออกจากบ้านไปแล้ว ส่วนคามิล่ายิ่งไม่ต้องพูดถึง ผู้หญิงคนนั้นไม่ยอมลงมาทานอาหารร่วมกับเธอซึ่งก็ทำให้หญิงสาวสบายหูไปได้มาก

                    วันนี้เรียกได้ว่านับเป็นวันพิเศษ วันหยุดอันมีค่าของผู้บริหารหนุ่มไฟแรงเจ้าของกิจการโรงแรมและการขนส่งออกแบบเครื่องประดับและหินรัตนชาติ โต๊ะยาวขนาดใหญ่หรูหราขลิบทองลวดลายงดงาม หัวโต๊ะประกอบด้วยร่างสูงเจ้าของเส้นผมสีเลือดในชุดสบายๆ สองข้างขนาบด้วยหญิงสาวสองคน

                    คนหนึ่งคือคามิล่า เธอยิ้มหวานสดใสส่งให้อีกฝ่ายแต่เช้าในชุดสีชมพูอ่อนฟูฟ่องคล้ายตุ๊กตา ผิดกับโซราเมะดวงหน้าหวานดูคล้ำลงจากการอดหลับอดนอน เนตรสีครามถูกรอบกรอบด้วยรอยคล้ำเล็กๆ เรื่องเมื่อคืนทำให้เธอนอนไม่หลับ เพ้อเจอและคิดมากไปต่างๆนานา หลายครั้งที่เธอพยายามสะบัดเอาภาพตอนที่เขาจูบเธอออกแต่ทำยังไงมันก็ไม่ออกและทุกครั้งที่เผลอคิดถึงเธอก็หน้าแดงทุกครั้ง

                    ไม่ใช่แค่สองสาว ยังมีคนอีกหนึ่งคนและหมาอีกหนึ่งตัวนั้นก็คือ คิบะ ร่างสูงมาดเข้มของผู้พิทักษ์สันติราษฏกำลังร่วมลงมือรับประทานอาหารในขณะที่อากามารุนอนขดตัวอยู่ใกล้ๆโดยที่เขานั่งอยู่ข้างๆโซราเมะ

                    “ในที่สุดกาอาระคุงก็มีวันหยุดเสียที ที่นี้ก็พาคามิล่าเที่ยวได้แล้วใช่ไหมคะ?”คามิล่าเปิดประเด็นการสนทนา เธอที่นั่งอยู่ใกล้กาอาระ มากี่สุด มือเรียวเอื้อมไปคว้ามือหน้าขึ้นมาจับอย่างโจ้งแจ้งไม่แคร์ผู้ร่วมโต๊ะอาหารคนอื่น

                    “ฉันบอกไปแล้วนิว่าวันนี้ฉันมีธุระต้องคุยกับคิบะ”เขาเอ่ยเสียงเรียบไม่แสดงสีหน้าใดๆ เนตรสีหยกคมแม้จะเหมือนไม่สนใจอะไรแต่เขาก็ค่อยแอบลอบมองหญิงสาวอีกคนอยู่ตลอด เธอมีสีหน้าอิดโรยคล้ายคนอดหลับอดนอนและเธอไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาสบตาเขาแม้แต่ครั้งเดียว เขารู้สึกได้ว่าบรรยากาศของเขากับเธอมันดูอึดอัดและคงทำให้โซราเมะไม่สบายใจ....หรือเขาจะรีบร้อนเกินไปนะ

                    “คุยเสร็จแล้วก็ว่างไม่ใช่หรอคะ? คามิล่าอยากไปทะเล คิคิ”เสียงแหลมหวานเอ่ยอย่างอารมณ์ดีท่วาจู่ๆกาอาระจะสะดุ้งเฮือกรีบสะบัดมืออกจากการกอบกุมของคามิล่าพร้อมเสียงซี้ดผ่านไรฟัน เป็นเสียทงี่บ่งบอกว่าเขากำลังเจ็บแผลที่มือ

                    “ว้าย! ขะขอโทษคะ!”คามิล่าร้องเสียงหลง เธอจับมือออีกฝ่ายเบาๆแต่ไม่คิดว่าจะสะเทือนแผลของเขาเลย

                    “ไม่เป็นไร”เขาเอ่ย สีหน้าเจ็บปวดเพราะความแสบร้อนเมื่อครู่หายไป เมื่อครู่เล็บของคามิล่ากดโดนแผลของเขาพอดี ทำให้เขารีบสะบัดมือออกด้วยความตกใจ เป็นอีกครั้งที่กาอาระเหลือบมองโซราเมะ

                    เนตรสีครามเองก็ดูตกใจและห่วงใยเขาออกมาชัดเจนทว่าเธอกลับไม่ลุกขึ้นมาดูเขาเหมือนทุกที หญิงสาวเลือกที่จะนั่งนิ่งและเมื่อเนตรสีหยกสบมองเธอก็หลบหน้าหนีเขา

                    กาอาระเผลอกำหมัดแน่น หงุดหงิดตัวเองที่รีบร้อนเกินไปจนทำให้หญิงสาวกลัวไม่กล้าสบตาเขา

                    คิบะมองเห็นความผิดแปลกที่เกิดขึ้นกับคนั้งสองคน เจ้าหนุ่มหรี่ตาลงอย่างสงสัย สัญชาตญาณอะไรบางอย่างบอกว่าสองคนนี้กำลังทะเลาะกันอยู่ เขาควรทำตัวเช่นไรดี?

     

    เข้าไปเสียบแทนได้ดีไหม?....อันนี้ชั่วไป เขาก็เพื่อนกาอาระนะ

    ช่วยปลอบ?......ยังไม่รุ้เลยว่าเขาทะเลาะเรื่องอะไรกัน

    ตะลอมถามดูก่อน.....อันนี้ดีสุด

     

                    “ว่าแต่โซราเมะจังเมื่อคืนไม่ได้นอนหรอครับ? ดูสิตาเป็นแพนด้าเลยนะครับ”คิบะหันมาคุยกับโซราเมะที่อยู่ใกล้ที่สุด เขาเรียกชื่อเธอตามที่กาอาระเรียกเพราะมีความรู้สึกว่ามันเป็นชื่อที่พิเศษ หญิงสาวหันมาตามเสียงเรียกเธอส่ายหัวให้น้อยๆก่อนจะส่งยิ้มให้อีกฝ่าย

                    “ก็นิดหน่อยนะคะ....ดูหนังดึกไปหน่อยนะคะ”เฮ่ยพลางไปพลางนึกหาข้ออ้างไปพลาง เธอดูหนังก็จริงแต่ดูไม่จบเรื่องหรอกนะ เพราะคิดถึงเรื่องนี้แล้วเธอก้รู้สึกเหมือนหน้าร้อนหูแดง หญิงสาวรีบเปลี่ยนเรื่องคุย

                    “ว่าแต่เราจะคุยเรื่องรายละเอียดกันเลยไหมคะ? คือฉันอยากให้เสร็จไวๆนะคะ”เธอเอ่ยด้วยรอยยิ้มตามนิสัยคิบะเลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้นคล้ายมีคำถามในใจ

                    “มีนัดหรอครับ?”คิบะเอ่ยถามอีกครั้งพลางลูบหัวอากามารุที่ลุกขึ้นนั่งพลางทานอาหารของตัวเองไปด้วย หญิงสาวส่ายหน้าเป็นคำตอบให้อีกฝ่าย

                    “เปล่าคะ ฉันแค่อยากออกไปข้างนอกนะคะ”โซราเมะยอมรับว่าเธอไม่อาจจะทำตัวให้เป็นปกติได้หากยังอยู่ที่นี้ เธอตั้งใจจะหาที่ระบายอารมณ์และความรู้สึกของเธอในตอนนี้ ที่แน่ๆเธอไปห้างใหญ่ไม่ได้แล้วต้องหาที่อื่น

                    “อยากไปไหนละ เสร็จจากนี้ผมพาคุณไปส่งได้นะครับ”ผู้กองหนุ่มเท้าคางกับโต๊ะเตรียมขายขนมจีบ โซราเมะนั่งนิ่งคิดสักพักก่อนจะพยักหน้า

                    “คะ มีคนไปส่งก็ดี”เธอส่งยิ้มหวานให้อีกฝ่ายอีกครั้งตามประสาโดยหารู้ไหมว่าตัวเองได้จุดเชื้อไฟบางอย่างให้มันลุกพรึบขึ้นมา

    เคร้ง!

                    “ฉันจะขึ้นไปรอที่ห้อง เชิญพวกนายคุยกันตามสบาย ฉันไม่อยากอยู่เป็น กขค.”เจ้าของเสียงทุ้มเอ่ยด้วยใบหน้าทว่าทุกอย่างที่เขาเอ่ยมันช่างเย็นยะเยือกประชดประชันไปถึงกระดูกสันหลังแสดงถึงความไม่พอใจอย่างชัดเจน เนตรสีหยกที่มั้งจะมองเธออย่างอ่อนโยนส่งสายตากระด้างและเย็นชามาให้

                    คิบะขนหัวลุกแทบจะตั้งในทันที เขาแพ้สายตาเหี้ยมแบบนั้น....ใช่ สายตาที่กาอาระส่งมาให้เขานั้นเป็นสายตาเหี้ยมแน่ๆแต่กับโซราเมะนี้สิ เขาเห็นความน้อยใจปนหึงหวงในแววตาของเพื่อนตัวเองก่อนที่กาอาระจะสะบัดหน้าหนีเดินขึ้นไปรอที่ชั้นสองห้องทำงานของตัวเองโดยที่คามิล่าเดินตามไม่ห่าง

                    โซราเมะใจหายวาบเมื่อถูกสายตาแบบนั้นมอง เธอจำได้ว่าเขาเคยมองเธอแบบนี้ตอนครั้งแรกที่เราได้รู้จักกัน น่ากลัวและเหี้ยมเกรียม เธอไม่เข้าใจว่าเธอทำอะไรผิดทำไมเขาถึงมองเธอแบบนั้น รู้สึกน้อยใจและสับสน เธอเผลกำมือแน่นอย่างหวาดกลัว มันเหมือนเป็นคำขู่ที่ไม่ต้องใช้คำพูด เธอกลัว...ว่าเขาจะมองเธอด้วยสายตาแบบนั้นอีกครั้ง

                    “เดี๋ยวผมคุยกับกาอาระเอง คุณไม่ต้องกลัวนะ”คิบะเริ่มเข้าใจอะไรหลายๆอย่างมากขึ้นเกี่ยวกับคนทั้งสอง แค่แหย่นิดเดียวเขาไม่คิดว่ามันจะทำให้กาอาระเป็นมากขนาดนี้และมันกำลังทำให้คนใกล้ตัวเขากลัว

                    “...คะ”

     

     

    ++++++++++++++++++++++++

     

                    ไม่นานนักทั้งสองคนก็ปรากฏตัวขึ้นนห้องทำงานของกาอาระ มันเป็นห้องที่โซราเมะพึ่งจะได้เข้ามาเป็นครั้งแรก ที่นี้มีหนังสือมากมายเป็นภูเขา พื้นไม้บาเก้ปูพรมสีแดงก่ำขัดกับเสื้อสีครีมที่เจ้าของห้องสวมใส่สบายตัว บนโต๊ะทำงานที่ทำจากไม้เนื้อดีปรากฏร่างของเจ้าตัวเล็ก มันนอนคดคู้อย่างสบายใจโดยที่ขาหลังมันมีบาดแผลใหญ่ทว่ามันก็ดีมากขึ้นจนไม่จำเป็นต้องติดปาสเตอร์แล้ว

                    กาอาระลูบหัวมันอย่างเบามือก่อนจะชายตาขึ้นมองผู้มาเยือนทั้งสอง พวกเขานั่งลงที่โซฟาสีดำสนิทที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ คิบะเริ่มทำการสอบสวนจากคนทั้งสองเพื่อปะติปะต่อเรื่องราวทั้งหมด โซราเมะเล่าก่อน เธอยังคงเล่าเหมือนเดิมและไม่มีอะไรให้สงสัยก่อนจะตามด้วยกาอาระ

                    เขาเล่าให้ฟังถึงวันที่เกิดเหตุถึงเหตุผลว่าทำไมเขาถึงไปอยู่ที่นั้น

                    เขาไปที่ท่าเรือเพื่อเป็นเหยื่อล่อพวกผู้ซื้ออาวุธรายใหญ่ ทางเดียวที่พวกเขาจะหลีกหนีพ้นจากธุรกิจค้าอาวุธเถื่อนและบทลงโทษทางกฏหมายคือการเสนอตัวที่จะช่วยพวกตำรวจกวาดล้างวงการค้าอาวุธเถื่อนในน่านน้ำเอเชียตะวันออกแลกกับการที่พวกเขาจะต้องช่วยลบข้อหาให้กับซาบาคุโนะ โชคดีว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นมานับตั้งแต่รุ่นพ่อของกาอาระ ทำให้ได้รับความไว้วางใจและดำเนินการนับแต่ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

                    คิบะเองก็ล่วงรู้ความลับในจุดนี้ของตระกูลซาบาคุโนะทำให้เขาไม่แปลกใจนัก ผิดกับโซราเมะที่กำลังอ้าปากค้างตื่นเต้นกับเรื่องที่ได้ยิน กาอาระอธิบายถึงเรื่องที่เกิดขึ้นต่อซึ่งซ้ำกับที่โซราเมะเล่าไปแล้วอย่างถูกต้องจะผิดก็แต่มันมีความคิดเห็นของกาอาระเพิ่มเติม

                    “ฉันคิดว่าโซราเมะกำลังถูกพวกนั้นตามล่า”เขากล่าวก่อนจะเหลือบไปมองโซราเมะ เธอหูผึ่งตั้งท่ารอรับฟังสิ่งที่กาอาระจะพูดแต่ก็ต้องผิดหวัง กาอาระรู้ว่าโซราเมะจะไม่ยอมไปไหนแน่จนกว่าจะได้ฟังในสิ่งที่เขาพูด กาอาระจึงยืนเอกสารให้คิบะอ่านแทน

                    “ฉันคิดว่าเรื่องนี้มีรายละเอียดค่อนข้างเยอะให้นายอ่านน่าจะดีกว่า”กาอาระเอ่ยพลางมองคิบะ เนตรสีหยกมีความนัย ร่างสูงผู้ชื่นชอบการใส่เจ็คเก็ตติดฮู้ดขนสัตว์มองอย่างเข้าใจว่ากาอาระคงไม่อยากให้โซราเมะรับรู้ เขายืนอ่านเอกสารที่หน้าโต๊ะทำงาน

                    “...!!”เขาอ่านเอกสารได้เพียงไม่นานก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไป เขาเข้าใจในทันทีถึงเรื่องราวทั้งหมด เหงื่อชื้นผุดขึ้นตามใบหน้ากรานคมเข้มของผู้กองหนุ่มก่อนที่เขาจะค่อยกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น

                    “ฉันเองก็พึ่งรู้มาไม่นานนี้”กาอาระกล่าวเสริมพลางมองปฏิกิริยาของตำรวจหนุ่มตรงหน้า คิบะพยักหน้าให้เขาอย่างเข้าใจก่อนจะเก็บเอกสารชุดนั้นใส่ซองและสอดเก็บไว้ในสาบเสื้อ

                    บรรยายการเคร่งเครียดของคนทั้งสองทำให้โซราเมะสงสัยไม่เข้าใจ เธอรู้สึกหงุดหงิดเมื่อเรื่องที่เกิดขึ้นนี่ควรมีเธออยู่ด้วยสิ ไม่ใช่ให้เธอกลายมาเป็นส่วนเกินในตอนสำคัญแบบนี้ เธอควรได้รับรู้ด้วยสิ!

                    “พวกคุณจะไม่บอกฉันจริงๆหรอว่ามันเกิดอะไรขึ้น?”เธอลองเอ่ยถามชายหนุ่มทั้งสองดูอย่างสงสัย

                    คิบะมองสีหน้าโซราเมะอย่างลำบากใจก่อนจะหันไปมองกาอาระอย่างขออนุญาตและสิ่งที่เขาได้กลับมาคือการส่ายหน้า

                    “โทษนะโซราเมะจัง ไว้จบเรื่องแล้วผมจะบอกคุณนะ”หญิงสาวก้มหน้าลงอย่างผิดหวังเมื่อได้รับคำตอบเช่นเดิม กาอาระก็พูดกับเธอประมาณนี้ ทำไมพวกเขาถึงไม่ยอมบอกว่าเกิดอะไรขึ้นทั้งที่เธอมีสิทธิ์ที่จะรู้ ความน้อยใจความผิดหวังที่มีเรื่อยมามันกำลังแปลเปลี่ยนเป็นความโกรธ ความหงุดหงิด

                    “....เข้าใจแล้วคะ”หญิงสาวเอ่ยเสียงเย็นจนน่ากลัว บรรยากาศรอบตัวเธออึมครึมยากจะคาดเดาความคิด ก่อนที่เธอจะเงยหน้าขึ้นมองทั้งสองดวงหน้าหวานแสดงความผิดหวังและไม่พอใจอย่างชัดเจน

                    “ถ้าคุยกันเสร็จแล้ว ฉันขอตัวคะ”ร่างบางลุกขึ้นก่อนจะเดินออกไปจากห้องแห่งนั้น ความเงียบงันเข้าครอบคลุมบรรยากาศโดยรอบ คิบะถอนหายใจอย่างความรู้สึกไม่สบายใจส่วนกาอาระนั้นเขาขมวดคิ้วลงอย่างหงุดหงิด มือที่ประสานวางไว้เหนือโต๊ะบีบแน่นก่อนที่เขาจะพ่นลมหายใจออกมา

                    “แกควรตามเธอไปนะ”กาอาระกล่าว นี้เป็นครั้งแรกที่เขาอยากให้มีใครสักคนค่อยตามโซราเมะไปโดยที่คนคนนั้นไม่ใช่ตัวเอง

                    เป็นห่วง ห่วงมากซะจนเขาเกือบที่จะก้าวไปกอดเธอเอาไว้ทั้งๆอย่างนั้น รู้สึกแย่ที่เขาไม่สามารถบอกอะไรเธอได้ทั้งที่มันเกี่ยวข้องกับเธอและพ่อของเธอโดยตรงและที่มันแย่ยิ่งกว่าคือเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องอาหาร เขาเผลอมองเธอด้วยสายตาแบบนั้น รู้ตัวว่าเพราะอะไรทำไมเธอถึงตอบตกลงที่จะให้คิบะไปส่งไม่มาขอร้องเขาแทนแต่มันก็อดไม่ได้ ทั้งห่วงทั้งหวง เขาหึงมากแค่คำพูดของเพื่อนสนิทก็ทำให้เขาบ้าได้ขนาดนี้ เขาจะทำยังไงดีเขากลัวว่าตัวเขาในตอนนี้อาจจะทำให้เธอทั้งเกลียดทั้งหวาดกลัว กลัวว่าเธอจะไม่ยอมคุยกับเขา

     

    ผลัว!

     

                    “นี้แกอย่ามาทำตัวเป็นพระเอกหนังดราม่านะ! คนที่ต้องตามเธอไปนะแกไม่ใช่ฉันนะโว้ย!”ฝ่ามือหนังของสหายตบเข้าเต็มแรงที่หลังของกาอาระ แน่นอนว่ามันไม่ทำให้เขาสะดุ้งสะเทือนคำพูดต่างหากที่ทำให้กาอาระหันไปมองคิบะ

                    “พูดตามตรงนะว่าฉันยังชอบโซราเมะเหมือนเดิม แต่ตอนนี้คนที่เขาต้องการมันไม่ใช่ฉัน แกต่างหาก! ทะเลาะอะไรกันมาฉันก็ไม่รู้หรอกนะแต่ถ้าแกเป็นคนผูกแกก็ต้องเป็นคนแก้เอง เข้าใจ๋!?”นานครั้งที่คิบะจะพูดอะไรเข้าท่า แต่กาอาระกลับดูไม่มีความมั่นใจเลยสักนิด ร่างสูงถอนหายใจอีกครั้ง

                    “ฉันไม่คิดว่าเธออยากจะคุยกับฉัน”เนตรสีหยกหรี่ลงอย่างเจ็บปวด เผลอคิดไปจริงๆว่าเธอจะไม่ยอมคุยกับเขาอีก  มันรู้สึกปวดหนึบที่อกซ้ายจนเขาต้องหลบตาลงขมความเจ็บปวดที่ไร้บาดแผลนี้

     

    ผลัว!

     

                    คราวนี้คิบะไม่ได้ตบหลับเหมือนคราวแรก คราวนี้ผู้กองหนุ่มจัดการตบหัวซะแทบกาอาระเกือบหน้าคว่ำไปจูบโต๊ะ เจ้าตัวหันควับมาพร้อมสายตาเอาเรื่องก่อนจะเปลี่ยนไปเมื่อเจอคำพูดของคิบะอีกครั้ง

                    “งั้นบอกไปสิเรื่องที่นายปิดเธอ บอกไปเลยว่าเธอกับพ่อของเธอเกี่ยวข้องกับพวกเรายังไง บอกไปให้หมด!รวมทั้งความรู้สึกของนายด้วย”คิบะไม่ปล่อยให้กาอาระได้เถียง นี้เป็นครั้งแรกที่เขาได้สั่งสอนไอ้เพื่อนตัวดีที่มักจะชนะเขาในทุกๆเรื่อง คู่แข่งของเขาที่กำลังจะแพ้ให้กับใจตัวเอง

                    “ฉันไม่อยากให้เธอเสียใจ...”

                    “งั้นนายก็ปลอบเธอสิ ไม่ว่าครั้งไหนถ้าเธอเสียใจก็ไปปลอบเธอซะ รับปากกับอาจารย์แล้วไม่ใช่รึไงว่าจะรับโซราเมะจังเป็นเจ้าสาวนะ”คำพูดและกำลังใจของคิบะมันกำลังส่งถึงกาอาระ เนตรสีหยกเงยหน้าขึ้นมองคิบะอย่างไม่เข้าใจ

                    “นายช่วยฉันไว้ทำไม ในเมื่อนายเองก็ชอบเธอ”

                    “เออ! ฉันรู้ว่ามันอาจจะดูโง่ที่ให้คู่แข่งด้านความรักตัวเองไปหาสาวที่ตัวเองชอบในช่วงเวลาเหมาะเม๋งแบบนี้ แต่ว่าฉันแค่ชอบ ส่วนนายนะ รักความแตกต่างในข้อนี้ฉันรู้ตัวมาตั้งนานแล้ว ฉันถึงได้ยอมถอยให้ได้”คู่แข่งของกาอาระเอ่ยอย่างหมาดมั่น เขารู้ตัวมาได้สักระยะแล้วละว่าสายตาของกาอาระที่มองโซราเมะนั้นเป็นอย่างไรเพราะงั้นเขาที่มาที่หลังจึงเลือกที่จะไม่ทำอะไรมากกว่านี้นอกจากการช่วยให้สายสัมพันธ์นั้นงอกงาม....อาจจะเจ็บไปบ้างแต่มันก็คุ้มค่า

                    “...ขอบใจ”ในที่สุดกาอาระก็มีแรงฮึดสู้ เขาลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินออกไปจากห้องด้วยความหวังที่เต็มเปี่ยม คิบะมองแผ่นหลังของเพื่อนตัวเองพลางถอนหายใจด้วยรอยยิ้ม คู่แข่งเขามันต้องแบบนี้สิ!

                    กาอาระสาวเท้ายาวพุ่งตรงไปยังห้องนอนของหญิงสาว กาอาระยืนอยู่หน้าห้องนอนสักพักสุดหายใจเข้าเต็มปอดเพื่อเผชิญหน้ากับเธอ มันทั้งตื่นเต้นทั้งวิตกกังวลยิ่งกว่าตอนเขาฆ่าคนครั้งแรกเสียอีก เขากำลังนึกถึงเรื่องที่พูดและแผนการในหัวที่จะทำให้เขากับเธอคืนดีกัน.....นี้แหละการง้อสาวของแท้!

     

    ก็อกๆ!!

     

                    กาอาระตัดสินใจเคาะประตูห้องนอน ใจดวงน้อยเต้นแรงและมันยิ่งแรงขึ้นเรื่อยๆเมื่อเขาได้ยินเสียงฝีเท้าที่กำลังเดินเข้ามาใกล้ประตูเสียงลูกบิดประตูดังขึ้นบานประตูแง้มออก

                    “โซราเมะ คือฉัน!....

                    “ครับ? คุณผู้ชาย?”ใจดวงน้อยที่กำลังพองโตเหี่ยวแฟบลงทันใดเหมือนลูกโป่งที่ถูกปล่อยลม คนนี่เปิดประตูห้องโซราเมะนั้นคือทานากะ ร่างสูงโย่งของพ่อบ้านมองร่างโปร่งของนายเหนือหัวอย่างสงสัย สีหน้าของกาอาระแม้นิ่งเรียบแต่ก็พอเห็นเคล้าความผิดหวังออกมาบ้าง

                    “คุณผู้หญิงพึ่งจะออกไปเมื่อครู่นี้เองแหละครับ แล้วก็ฝากผมให้บอกคุณผู้ชายว่าจะกลับดึกหรืออาจจะเป็นพรุ่งนี้เช้านะครับ ไม่ต้องให้คุณคิบะไปส่งงแล้ว..?”ยังไม่ทันจะรายงานเสร็จคุณผู้ชายก็หายไปจากสายตาของเขาแล้ว กาอาระที่ได้รับข้อความของโซราเมะเขารีบวิ่งตามเธอไปยังส่วนของหน้าบ้านเผื่อว่าจะรั้งเธอไว้ทัน

                    แต่ไม่ว่าจะกวาดสายตาไปทางไหนก็ไม่พบหญิงสาวเลย คามิล่าพึ่งเดินออกมาจากครัวหลังจกาที่พึ่งจะคันน้ำส้มสดใหม่หมายจะเอาไปให้กาอาระดื่มระหว่างประชุม เธอหันไปส่งยิ้มให้เขาที่กำลังเดินมาหาเธอ

                    “กาอาระคุง!

                    “คามิล่าเธอเห็นโซราเมะบ้างไหม?”คามิล่าเบ้ปากทันทีที่ชายหนุ่มถามหาคนอื่น เธอจึงเชิดหน้าเง้างอนใส่หมายจะให้กาอาระง้อ

                    “จะไปเห็นได้ยังไงคะ...คนชั้นต่ำแบบนั้น”คามิล่าเอ่ยกับกาอาระเสียดังทว่าประโยคหลังเธอกลับเอ่ยเสียงค่อยแต่กาอาระไม่สนใจเธอ เมื่อไม่เห็นเขาจึงเดินตรงไปยังหน้าบ้านกวาดสายตาไปยังรั้วสูงข้างนอก

                    แผ่นหลังเล็กที่แบกกระเป่าเป้ขนาดเล็กในชุดเดิม เธอกำลังเดินไปยังป้ายรถเมล์ใกล้ๆ กาอาระรีบเดินไปที่โรงรถก่อนจะหยิบกุญแจรถมอเตอร์ไซค์คันโปรดขึ้นมาสตาร์ท เขาหยิบแจ็กเก็ตใกล้ๆมาสวมใส่พร้อมหมวกกันน็อกก่อนจะบิดคันเร่งเพื่อตามเธอไปโดยไม่สนเสียเรียกของคามิล่าหรือใครเลย

                    ประตูรั้วถูกเปิดกาอาระบิดมอเตอร์ไซต์ตรงไปยังป้ายรถเมย์ เธอกำลังขึ้นรถเม ล์ร่างสูงคิดเพียงครู่ก่อนจะตัดสินใจขับตามรถเมล์ไป ด้วยแจ็กเก็ตและหมวกกันน็อตทำให้เธอดูไม่ออกว่าคนที่ขับมอเตอร์ไซต์ตามหลังรถเมล์นั้นคือเขา

                    หญิงสาวใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงในการเดินทาง ยิ่งขับเข้าสู่พื้นที่ร่างสูงก็ยิ่งคุ้นสถานที่แห่งนี้มากจนในที่สุดป้ายรถเมล์ก็จอดลงใกล้ๆประตูทางเข้ามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง โซราเมะลงจากรถเมล์ก่อนจะเดินเข้าไปในรั้วมหาวิทยาลัย

                    “มหาวิทยาลัยโอซาก้า?”เอ่ยเปรยขึ้นเบาๆ ที่นี้มันมหาลัยเก่าเขา เขาจำได้ว่าโซราเมะเคยบอกกับเขาว่าจบจากมหาวิทยาลัยที่อยู่ใกล้ๆที่ทำงานของเธอนิ

                    เนตรสีหยกนั้นเต็มไปด้วยความสงสัย เขาหาที่จอดรถก่อนจะถอดหมวกและดึงฮู้ดจากแจ็คเก็ตมาสวมศรีษะแทนแล้วแอบสะกดรอยตามเธอไปอย่างเงียบๆจนกระทั้งเธอเดินเข้าไปยังตัวอาคารแห่งหนึ่ง

     

    ชมรมยิงธนู

     

                    กาอาระร้องอ้อทันที เธอฝึกซ้อมยิ่งธนูที่นี้สินะ กาอาระกระตุกยิ้มเบาๆไม่คิดเลยว่าบนโลกจะมีความบังเอิญมากขนาดนี้มากก่อน....เขาเองก็เคยเป็นสมาชิกของชมรมยิงธนูมาก่อน น่าเสียดายที่เขาออกจากชมรมไปตอนปี3เธอคงจะมาที่นี้หลังจากที่เขาออกไปแล้วแน่ๆ ครั้งสุดท้ายที่เขามาที่นี้ก็เหมือนปีก่อน

                    กาอาระได้ยินเสียงกรี้ดกร้าดจากภายในอาคารให้เดาก็คงเพราะโซราเมะแน่ๆ กาอาระตัดสินใจเดินเข้าไปภายในอาคาร เขาคิดว่าตอนนั้นโซราเมะน่าจะกำลังเปลี่ยนชุดอยู่ ร่างสูงเปิดประตูเข้าไปเรียกความสนใจของทุกคน ที่ชมรมส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิงเหมือนเคย คนที่จะจำเขาได้ก็คงจะมีแต่อาจารย์ที่ปรึกษาของชมรม

                    “อ้าว ซาบาคุโนะคุง!”เสียงของคุเรไนดังขึ้นแทบจะในทันที แม้กาอาระจะอยู่ในที่แสงน้อยแต่คุเรไนก็ยังจำได้ กาอาระยกนิ้วชี้ขึ้นพลางห่อปากน้อยๆให้เป็นเชิงรู้ว่าอย่าเอะไป

                    คุเรไนทำหน้าสงสัย เธอเห็นเขากระชับฮู้ดลงก่อนเธอจะหันไปมองโซราเมะจังที่ออกมาจากห้องแต่งตัวแล้ว เธอดูมั่นคงและงดงามในชุดฮากามะ หญิงสาวตระเตรียมอุปกรณ์ก่อนจะเริ่มลงมือยิง

                    “แฟนเธอหรอ?”คุเรไนกระซิบถามอย่างสงสัย กาอาระถูกใครต่อใครถามคำถามนี้บ่อย เขายืนนิ่งก่อนจะตัดสินใจพยักหน้าโดยไม่พูดอะไร

                    “โซราเมะมาที่นี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”เขาถามเสียงเบาพลางยืนพิงเสาใกล้ๆ

                    “ก็พอเธอออกปุ๊บเด็กคนนั้นก็เข้ามาทันทีเลยจ๊ะ เธอตั้งใจจะสอบเข้าที่นี้แต่เห็นว่าไม่ติดก็เลยไปสมัครเรียนที่อื่นแต่ว่าเธอก็มาที่นี้ทุกคนวันเลยนะจ๊ะ เด็กคนนั้นเข้ารอบแข่งขันประดับประเทศเชียวน่า ตอนนั้นโซราเมะจังตัวกลมน่ารักเลยเชียว”อาจารย์ที่ปรึกษากล่าวอย่างเอ็นดู เธอยังจำได้ดีว่าครั้งที่เธอเห็นโซราเมะจังครั้งแรก ตัวอ้วนน่ารักทว่าก็ถูกกลั้นแกล้งอยู่บ่อยๆ

                    “ไปเจอกันได้ยังไงละจ๊ะ?”เพราะเห็นว่าเป็นแฟนกันคุเรไนอดไม่ได้ที่จะถามอย่างสนุก กาอาระกลับส่งยิ้มและไม่ตอบคำถามเธอ อดีตหัวหน้าชมรมผู้เยือกเย็นจนเป็นที่หมายปองของหญิงสาวไปทั่วมหาลัยหันไปมองโซราเมะอีกครั้ง เธอแนวแน่ที่จะฝึกซ่อมจนไม่สนใจอะไรเลย

                    “ผมของยืมชุดหน่อยนะครับ”เหมือนกาอาระจะมีแผนการในใจ เขาจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดสำหรับซ้อมยิง สาวๆรุ่นน้องมองกันอย่างสงสัยสลับความหลงใหลไปในตัว

                    เสียงฝีเท้าดังขึ้นใกล้ๆโซราเมะหันไปมองด้วยวความสงสัยก่อนจะผงะตกใจ

                    “คะ คุณ!?”

                    “มาแข่งกัน ถ้าเธอชนะฉันจะยอมบอกทุกอย่าง”อยู่ๆเธอก็ถูกอีกฝ่ายท้ารบ การประกาศคำท้านั้นทำให้ทุกคนหันไปให้ความสนใจ อดีตรุ่นพี่ในชมรมกับสมาชิกชมรมที่มาจากนอกมหาลัยกำลังเปิดศึกกัน

                    “คุณมาที่นี้ได้ยังไง?”เธอเอ่ยถามอย่างสงสัยขณะที่ร่างสูงกลับยกธนูขึ้นและง้างเล็งไปยังเป้าหมาย

     

    เฟี้ยว! ปัก!

     

                    เข้าเป้าอย่างรวดเร็ว โซราเมะมองฝีไม้ลายมือร่างสูงอย่างตกใจ ไม่คิดเลยว่าเขาจะยิงธนูเป็น กาอาระหันมาส่งสายตาท้าทายพร้อมกับรอยยิ้ม เธอขมวดคิ้วลงอย่างไม่พอใจเมื่อเจอสายตาท้าทายยิ่งเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อชั่วโมงที่แล้วยิ่งทำให้เธอนึกหงุดหงิด

                    “เร็วสิ ตาเธอแล้ว”เขากล่าวพลางหันไปมองโซราเมะ เธอสะบัดหน้าใส่ก่อนเธอจะเล็งเป้าแล้วยิ่งออกไป

     

    เฟี้ยว! ปัก!

     

                    โซราเมะเข้าเป้าเช่นกัน เสียงตบมือดังขึ้นจากรอบๆ การแข่งขันที่อยู่ๆก็เปิดขึ้นอย่างฉุละหุ โซราเมะมองอีกฝ่ายไม่ไม่เข้าใจถึงเป้าหมายของเขา

                    “คุณคิดจะทำอะไรกันแน่?”เธอเอ่ยถามพลางมองเขาง้างธนูในนัดต่อไป เขายิงมันออกไปและยังคงเข้าเป้าเหมือนเดิม

                    “ฉันแค่จะบอกความจริงกับเธอ...ถ้าเธอชนะฉันละก็นะ”เหมือนกับคำพูดนั้นเป็นเชื้อไฟให้โซราเมะมุ่งมั่นและตั้งใจยิ่งกว่าเดิม หญิงสาวตั้งหน้าตั้งตายิ่งกว่าครั้งไหนๆ ผ่านไปสามรอบทั้งคู่ก็ยังยิงเข้าเป้าจนกระทั้ง

     

    เฟี้ยว! ปัก!

     

                    กาอาระยิงพลาดเป้า มันเหลื่อมออกไปจากเป้าสีแดงอย่างชัดเจน ร่างสูงขมวดคิ้วลงอย่างไม่พอใจน้อยๆผิดกับคู่แข่งตัวเล็กของเขา

    “หึ คุณต้องทำตามที่พูดด้วยนะ”เธอยิ้มอย่างพอใจสายตามุ่งมั่นและตั้งใจ เป็นรอบตัดสินก็ว่าได้ถ้าเธอยิ่งเข้าเป้า เธอจะชนะแต่ถ้าไม่ก็ต้องดูระยะห่างว่าใครใกล้เป้าที่สุด สำหรับเธอแล้วนี้ไม่ใช่เลือกยากเย็นอะไร เธอชนะได้แน่

                    “ฉันลืมบอกไปอย่างถ้าเธอแพ้ เธอต้องคบกับฉัน”สาวเจ้าผงะด้วยความตื่นตะตึงกับคำพูด วินาทีนั้นเองที่เธอปล่อยลูกธนูออกไปแล้ว ลูกธนูมันแหวกอากาศถลาลงไปปักเข้าที่ขอบริมสุดของตัวเป้ายิง ผลแพ้ชนะออกมาแล้ว

                    “เธอแพ้แล้วนะ โซราเมะ”ร่างสูงเอ่ยด้วยรอยยิ้มของผู้ชนะ โซราเมะไม่เคยรู้สึกหมั่นไส้อะไรอีกฝ่ายเท่าวันนี้มาก่อน เธอกำมือที่ถือคันธนูไว้แน่นก่อนจะหันสายตาค้อนมาทางเขา

                    “อะ อีตาทานุกิจอมเจ้าเล่ห์! คนขี้โกง! คุณแกล้งฉัน!”โซราเมะทั้งโกรธทั้งอายชี้หน้าด่าอีกฝ่าย สายตาของรุ่นน้องในชมรมมองทั้งคู่อย่างหลงใหลพลางเขินอายแทนโซราเมะที่ถูกขอเป็นแฟนกันโต้งๆ

                    โซราเมะทนสายตาของคนรอบข้างไม่ไหวรีบวิ่งเข้าไปหลบในห้องเปลี่ยนชุด กาอาระเองก็ไปเปลี่ยนที่ห้องอีกห้องก่อนจะมาดักรอไม่ให้เธอหนีเขาไปอีก

                   

                    โซราเมะนึกโมโหและหมั่นไส้อีกฝ่ายไม่เลิก เธอจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าและเก็บข้าวของของตัวเองและเผลอนึกทวนไปถึงข้อต่อรองของอีกฝ่าย

                    ถ้าเธอแพ้ เธอต้องคบกับฉัน

                    ร่างบางหน้าแดงปลั่งทันทีด้วยความเขินอาย ยิ่งคิดยิ่งเขินยิ่งเขินยิ่งโมโห......ที่เขาพูดแบบนี้ก็เพราะต้องการให้เธอเขวใช่ไหม!? เขาจะรู้ไหมว่าคำพูดแบบนี้มันไม่ควรจะเอามาเล่นนะ

                    โซราเมะเดินออกมาจากห้องแต่งตัวเตรียมที่จะกลับทว่าเธอก็ชะงักค้างเท้าไว้เมื่อคิดว่าอีกฝ่ายต้องบังคับให้เธอกลับบ้านพร้อมเขาแน่ๆ....เรื่องสิ!

                    พอคิดว่าจะไม่กลับ สาวเจ้าผู้ไปกลับมหาลัยโอซากาแห่งนี้มาตลอด6ปีก็เริ่มย่องเท้าเบาไปยังอีกเส้นทางออกของชมรม เธอคิดว่ากาอาระคงเปลี่ยนเสื้อเสร็จก่อนเธอแน่นๆและปานนี้คงกำลังรอเธออยู่ข้างนอก

                    คุเนไรมองท่าทางของโซราเมะแล้วก็อดจะขำไม่ได้ เธอจัดการเอาตัวเองมาบังให้โซราเมะเพื่อไม่ให้กาอาระที่เปิดประตูรออยู่ข้างนอกเห็นก่อนคุเรไนจะยกนิ้วชี้ขึ้นทำแบบเดียวกับที่กาอาระทำ ก่อนจะยกนิ้วโป้งให้กับหญิงสาวแทน

                    กลายเป็นว่าคุเรไนช่วยโซราเมะหลบหนีเสียซะอย่างนั้น โซราเมะยกมือข้าวเดียวขึ้นไหว้คล้ายขอบคุณพร้อมกับพยักหน้าก่อนจะย่องเท้าเบาไปยังทางออกอีกด้านของโรงฝึก

                    หญิงสาวนึกดีใจที่หลบหนีอีกฝ่ายพ้น เธอหันไปแลบลิ้นใส่อากาศทางที่กาอาระรออยู่ก่อนที่เธอจะเดินหน้าตรงทว่า...

                    “ว๊ากก!”เธอร้องเสียงหลงราวกับเห็นผี ร่างสูงที่ควรอยู่อีกฟากของโรงฝึกกลับมาดักรอเธออยู่ที่ทางออกฉุกเฉิน เธอตกใจเกือบหงายหลัง ดวงหน้าหวานที่กำลังแสดงอาการแตกตื่นเธอมองเขาสลับกับเส้นทางที่เธอคิดไปเองว่าเขารออยู่

                    เธอถูกคุเรไนต้มซะเปื่อย คุเรไนไม่ได้ช่วยเธอแต่ช่วยกาอาระต่างหาก คุเรไนเอาตัวมาปังประตูเพื่อไม่ให้โซราเมะรู้ว่ากาอาระไม่ได้รออยู่ข้างนอกอย่างที่เธอเข้าใจ.....อาจารย์แกล้งอะ!

                    “เธอนี้ทำตัวเหมือนเด็กไม่มีผิด”ร่างสูงเอ่ยด้วยใบหน้าเรียบทั้งที่ในใจเขานึกขำ ถึงภายนอกเธอจะดูหัวอ่อนเชื่อฟังคนอื่นแต่ที่จริงเธอก็ซนและหัวดื้อพอตัวเลย

                    “คุณรู้ได้ไง?”เธอถามเขากลับด้วยความสงสัยก่อนที่กาอาระจะยักไหล่ให้เธอ

                    “ก็นี้มันมหาลัยฉัน อีกอย่างฉันอยู่ชมรมนี้มาตั้ง3ปีทำไมจะไม่รู้ละ”เขาเอ่ยกับเธอพลางเดินมาดึงข้อมือเล็กให้เดินตามเขาไปยังที่จอดรถ โซราเมะเหมือนจะติดสถานะตะลึงจนเบลอไปชั่วขณะทำให้เธอเดินตามเขาไปทั้งๆที่ยังสงสัยอยู่

                    “อะไรนะ!?”โซราเมะพึ่งได้รับรู้ความจริงอีกอย่างที่ทำให้เธอตกใจ เขาจบจากที่นี้และเคยเป็นคนของชมรมยิงธนู ทำไมเธอไม่เห็นจะเคยได้ยินเรื่องนี้เลยละ?

                    “ดะ เดี๋ยวๆคุณจะพาฉันไหน?”กว่าจะรู้ตัวว่าถูกลากออกมาจากมหาวิทยาลัยแล้ว เธอทำหน้างงมองมอเตอร์ไซต์คันหรูสีแดงก่ำสมกับที่เป็นเขา เธอพึ่งรู้ว่าเขามีมอเตอร์ไซต์ด้วย

                    “กลับบ้าน”

                    “ไม่เอาคะ ฉันไม่อยากกลับกับคุณ”หญิงสาวเถียงก่อนจะพยายามแกะมือเหนียวหนึบของเขาออกจากข้อมือของตัวเอง เธอยังโมโหเขาอยู่จนทำให้กาอาระถอนหายใจออกมา

                    “ทำไมละ”กาอาระถามอย่างอ่อนใจ จนจะยอมปล่อยมือออกจากข้อมือของคนตัวเล็ก

                    “เพราะคุณขี้โกง”คำตอบของเธอทำให้เขาแปลกใจเล็กๆ ริมฝีปากบางเฉียบเอ่ยถามเธออีกครั้ง“แค่นั้นจริงๆนะหรอ?”ร่างบางที่แสดงสีหน้าไม่พอใจอยู่แล้วเธอยิ่งไม่พอใจเข้าไปใหญ่

                    “แค่นั้นที่ไหนกัน คุณทำให้ฉันเสียสมาธิจนฉันแพ้นิน่า”แม่สาวช่างเถียงผู้มีส่วนลึกเกลียดความพ่ายแพ้ในศึกที่ตัวเองมั่นใจมากที่สุด เธอกอดอกมองเขาอย่างหมั่นไส้

                    “ไม่ใช่ ฉันไม่ได้หมายถึงแค่เรื่องนั้น ฉันหมายถึงเธอไม่โกรธหรอตอนที่ฉันบอกความจริงกับเธอไม่ได้”และนั้นคือเหตุผลที่ทำให้เขาขับรถตามเธอมาจนถึงที่นี้ โซราเมะชะงักเล็กๆก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นเหมือนเดิม หญิงสาวหรี่ตาลงเหลือบมองไปทางอื่น

                    “ก็เปล่านิ”เสียงเธอเรียบนิ่งแลสงบ กาอาระรู้ว่าเธอโกหก มันเป็นการบอกอ้อมๆว่า....เธอโกรธมาก

                    “ขอโทษ”เสียงนั้นทุ้มต่ำเบาบางทว่ามันก็อ่อนโยนและรู้สึกผิดไปในตัว ร่างบางมองดวงหน้าคมคายตรงหน้าด้วยความแปลกใจก่อนที่มือหนาจะค่อยๆสัมผัสที่มือเล็กบางของเธอ แรงบีบจากฝ่ามือของเขาทำให้เธอนึกย้อนไปเมื่อวาน

                    “...คุณบอกให้ฉันรอ ฉันก็จะรอ ฉันแค่หงุดหงิดตัวเองที่ทำตามคำขอของคุณไม่ได้ ไม่จำเป็นต้องขอโทษหรอก”โซราเมะเอ่ยอย่างอ่อนใจ เห็นอีกฝ่ายพูดขอโทษด้วยความรู้สึกผิดแบบนี้เธอก็อดไม่ได้ที่จะใจอ่อน

                    เธอยอมรับว่าเธอโกรธเขาแต่เมื่อมองตามลำดับเหตุผลแล้ว กาอาระให้สัญญาแล้วว่าจะบอกเธอ เธอไม่เคยเห็นเขาผิดคำพูดตัวเองมาก่อน เพราะฉะนั้นเธอก็จะเชื่อและรอให้เขาตอบคำถาม บางที่เรื่องราวทั้งหมดอาจจะจบลงเร็วๆนี้ก็เป็นได้

                    โซราเมะทำในสิ่งที่เหนือความคาดหมายจากที่เขาคิดไว้ เธอไม่งอแงให้เขาพูดอะไรออกมาเธอรอให้เขาพูดเองโดยที่เธอไม่ต้องบังคับเขา....เขาตัดสินใจแล้วว่าเขาจะบอกเธอ

                    “สัญญาได้ไหมว่าถ้าฉันบอกไปแล้ว...เธอจะไม่โกรธ”กาอาระเอ่ยเสียงเรียบก่อนจะปล่อยมือหญิงสาวลง บรรยากาศรอบข้างค่อยๆตึงเครียด แววตาของกาอาระดูมั่นคงไม่ลังเล เธอรู้สึกได้ว่าเหมือนเขาจะยอมบอกความจริงทั้งหมดให้เธอได้รับรู้แล้ว

                    “คะ สัญญาคะ”เมื่อหญิงสาวรับปาก ก็ถึงเวลาที่เขาต้องพูดความจริง กาอาระสูดลมหายใจทั้งหมดเขาปอดก่อนจะเอ่ยออกมา

                    “โชจิ...พ่อของเธอเขาไม่ได้เป็นตำรวจแต่เขาเป็นมาเฟีย เป็นคนของฉัน”กาอาระวรรคคำพูดพลางมองสีหน้าของโซราเมะมันกำลังค่อยๆเปลี่ยนจากความสงสัยเป็นความรู้สึกตกตะลึงเขาจึงเริ่มพูดต่อ

                    “โชจิเคยเป็นตำรวจแต่ก็ถูกปลดเพราะทำผิดร้ายแรงเพราะขายข่าวให้มาเฟียอย่างเรา สุดท้ายเขาก็เลยกลายเป็นมาเฟียและลูกน้องคนสนิทของพ่อ เป็นทั้งอาจารย์และพ่อบุญธรรมของฉัน....แต่สุดท้ายเขาก็ตายเพราะฉัน”กาอาระเงียบก่อนจะมองสีหน้าของเธอ มันยังคงดูตกตะลึงและแปลกใจอยู่ไม่หาย

                    “วันนั้นฉันพลาดท่าถูกพวกมันจับได้ โชจิเลยเอาตัวเข้าแลก พวกมันยิงเขาจนบาดเจ็บสาหัส ฉันรอดมาได้แต่โชจินั้นถูกตามล่าอยู่3วันติด พวกเราไม่รู้ข่าวเลยจนกระทั้งงานศพของเขาถูกจัดขึ้นอย่างเงียบๆ”เขาเงียบอีกครั้งพลางมองดวงหน้าหวาน เธอก้มหน้าลงโดยที่มีน้ำใสค่อยๆไหลรินออกมาดวงตาข้างหนึ่งของเธอ แค่คิดถึงพ่อน้ำตามันก็ไหลออกมาแล้ว นึกถึงภาพที่พ่อพาร่างโซซัดโซเซของตัวเองมาหาเธอ เธอรีบส่งเขาไปที่โรงพยาบาลแต่มันก็สายเกินไปเขาสิ้นใจต่อหน้าเธอ ชื่อทีเธอได้ยินมาจากปากของเขามีเพียงชื่อกาอาระเท่านั้น

                    เพราะงั้นตลอดมาเธอถึงได้เชื่อว่าคนที่ฆ่าพ่อคือกาอาระ ตอนนั้นเธอจำได้ว่าเธอพยายามหาข้อมูลของคนที่ชื่อกาอาระแล้ว แต่มันมีมากเกินไป แม้ชื่อของเขาจะแปลกแต่ก็ไม่ได้มีเพียงแค่คนเดียว สุดท้ายเธอก็ฟันธงไม่ได้ว่าใครคือกาอาระคนที่ว่า

                    “คุณได้ไปงานศพของเขาไหม?”เธอเอ่ยถามเสียงสั่น เธอจำไม่ได้เลยว่าในงานศพของพ่อมีใครมาหรือไหม ภาพที่เธอจำได้มีเพียงความว่างเปล่า งานศพที่มีเพียงเธอกับพ่อไม่มีใครอื่นแล้ว

                    “....ฉันไม่ได้ไป”นี้เป็นครั้งแรกในหลายรอบปี ไม่มีคำพูดไหนที่ทำให้เธอโกรธได้มากเท่าคำนี้ ตอนที่เธอต้องการใครสักคนมาตอบคำถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับพ่อ ตอนที่ทุกอย่างมันเดียวดายทำไมเขาถึงไม่โผล่ไปหาเธอ ไฟโทสะในใจลุกพรึบจนเธอไม่อาจจะยั้งคำพูดใดๆได้แล้ว

                    “...ไหนว่าพ่อเป็นอาจารย์ของคุณไง ไหนว่าเขาเป็นพ่อบุญธรรมไง!แล้วทำไมคุณถึงไม่ไปหาเขา! ไปกราบไหว้โรงศพของคนที่ช่วยชีวิตคุณ! ทำไม! กาอาระ ทำไม!?”ความโกรธของเธอถูกระเบิดออก มือบางกระชากคอเสื้อของอีกฝ่ายอย่างเอาเรื่อง ตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอพยายามสงบเยือกเย็นแล้วแต่นี้คือเรื่องเดียวที่เธอยอมรับไม่ได้

                    “ฉันไม่สนเหตุผลว่าแท้จริงแล้วพ่อจะเป็นใครและทำอะไร เขาจะเป็นผู้ร้ายฆ่าคนตายมามันก็ช่าง!...ยังไงเขาก็เป็นพ่อของฉัน เขาเป็นพ่อของฉันนะ....คุณพรากพ่อไปจากฉันได้ยังไง...”มือบางหากแต่หนักแน่นขย้ำคอเสื้อของเขาอย่างแรง ความเศร้าเสียใจมันล้นทะลักออกมาพร้อมกับเขื่อนน้ำตาที่พังทลาย ความโกรธทำให้เธอไม่สนใจสิ่งใดมีเพียงใจดวงน้อยของเธอที่แหลกสลาย สุดท้ายทุกอย่างก็วนกลับมาที่เดิม....กาอาระเป็นคนที่ทำให้พ่อของเธอต้องตาย

                    ยอมรับไม่ได้ว่าสุดท้ายความพยายามที่พ่อจะปกป้องกาอาระมันสุญเปล่า ถึงขนาดที่กาอาระเมินเฉยมัน พ่อเธอตายฟรีในขณะที่กาอาระรอด เธออุตสาห์ไว้ใจเขา เชื่อใจและรอคอยอย่างใจเย็นทำไมสุดท้ายแล้วทุกอย่างมันถึงได้เจ็บปวดนัก

                    “ขอโทษ...”เขาไม่สามารถบอกอะไรได้มากกว่าคำๆนี้ มันเป็นคำพูดสั้นๆแต่มันก็เอ่อล้นด้วยความเศร้าความเสียใจและความรู้สึกผิด มันมากล้นไม่ต่างจากน้ำตาของคนตรงหน้า โซราเมะยืนนิ่งพร้อมเสียงสะอื้น มันทั้งน่าเอ็นดูและน่าสงสารจนกาอาระไม่อาจจะทนยืนดูเธอร้องไห้อีกต่อไป

                    ร่างสูงคว้าคนตรงหน้ามากอดไว้อย่างแนบแน่นพลางกอดศีรษะของเธอให้แนบติดกับไหล่กว้างของตัวเอง อ้อมแขนแกร่งโอบกอดเธอไว้ด้วยความรู้สึกที่อยากปลอบประโลมทว่า ณ เวลานั้นโซราเมะกลับไม่รู้สึกถึงมัน เธอออกแรงดิ้นทั้งน้ำตาแต่เขาก็ยังฝืนกอดเธอไว้จนเธอเหนื่อยที่จะดิ้นรน เธอร้องไห้อย่างหนักปล่อยน้ำตาให้มันไหลออกมา

                    กาอาระไม่กล้าบอกความจริงกับเธอเพราะกลัวว่าเรื่องทุกๆอย่างมันจะเลวร้ายลง เธออาจจะหมดศรัทราในตัวพ่อของตัวเองและอาจจะเกลียดตัวเขา ที่สุดท้ายแล้วก็คือคนที่พรากพ่อไปจากเธอ ทุกอย่างมันอาจจะไม่เลวร้ายถ้าเขาบอกเธอเร็วกว่านี้ หรือก่อนที่เขาจะรู้สึกรักเธอไปแล้ว

                    ไหล่บางสั่นสะเทือนจากแรงสะอื้นค่อยๆเบาลง เขาค่อยๆลูบศีรษะเธออย่างเบามือคล้ายกับเธอเป็นดังแก้วใสที่อาจจะแตกได้ทุกเมื่อ

                    ในที่สุดโซราเมะก็เงยหน้าขึ้น รอบตัวเนตรสีครามบวมช้ำแดง ปลายจมูกเธอก็ขึ้นสีระเรื่อไม่ต่างกัน เธอถอดแว่นที่เคอะคราบน้ำตาก่อนจะเช็ดหน้ากับไหล่เสื้อของตัวเอง

                    “สัญญาแล้วนะ ว่าจะไม่โกรธ”เสียงทุ้มเอ่ยกับเธอ มันอ่อนโยนมากราวกับมีไออุ่นมาพร้อมกับคำพูดของเขา หญิงสาวร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดเพราะคนตรงหน้า แต่ก็รู้สึกปลอดภัยและอยากพึ่งผิงเขาไม่ต่างกัน เธอมองเขาด้วยความรู้สึกมากมาย

                    ผิดหวังเพราะสุดท้ายเขาก็เป็นคนพรากพ่อไปจากเธอ

                    ผิดหวังที่เขาให้เกียรติพ่อของเธอมากมายแต่เขากลับไม่ยอมโผล่มาเคารพศพของพ่อ

                    ผิดหวัง....ที่สุดท้ายแล้วเธอกลับโกรธเขาไม่ลง

     

    โกรธไม่ลงจริงๆ...

     

                    โซราเมะเพียงพยักหน้าให้คำตอบแกอีกฝ่าย เธอพูดไม่ออก ความรู้สึกในอกมันตีกันระรวนไปหมด อยากด่าอยากต่อว่าแต่อีกใจก็อยากให้อภัย เธอยังมีคำถามมากมายที่ยังค้างคาในใจ เธออยากรู้เหตุผล

                    “...ทำไม คุณถึงไม่ไปหาพ่อ”โซราเมะถามทั้งน้ำตา ใจเธอยังปวดร้าวแต่ก็ไม่มากมายเท่าเมื่อครู่ เธออยากรู้ว่าเพราะอะไร เธอยังคงจำได้ไม่ลืมเขาอาจจะไม่รู้ตัวแต่ทุกครั้งที่เธอพูดถึงเรื่องของพ่อ เธอจะเห็นภายในเนตรสีหยกคู่นั้นมักจะมีภาพของพ่ออยู่เสมอ

                    “...วันนั้น งานศพของโชจิ คือวันที่พ่อของฉันตาย”คำตอบที่ถึงกับทำให้โซราเมะรู้สึกจุกแน่นในลำคอ เธอมองเขาค้างด้วยความตื่นตะลึงตกใจ กาอาระตอบคำถามเธอด้วยน้ำเสียงนิ่งแต่ก็ไม่อาจจะซ่อนความปวดร้าวพ้นจากคนตรงหน้า

                    เหตุผลเพียงแค่ข้อเดียวก็มากพอจะทำให้เธอไม่หลงเหลือโทสะใดๆ

     

    เขาเองก็เหมือนกับเธอ....พวกเรานั้นเหมือนกัน

     

                    “ไม่เป็นไรนะ?”เสียงหวานเคล้าคลอความห่วงใยเอาไว้อย่างชัดเจน มือบางเอื้อมสัมผัสดวงหน้าคมคายที่แสร้งมองไปทางอื่นหลบสายตาของเธอก่อนที่กาอาระหันมาตามสัมผัสที่อ่อนโยน เธอมองเขาอย่างห่วงใย ความเจ็บปวดค่อยๆเลือนหายไป มือหนายกขึ้นสัมผัสมือบางที่แนบกับใบหน้าของตัวเอง มันทั้งอุ่นและนุ่มนิ่ม เขารู้สึกว่าช่วงเวลาสั้นๆนี้กลับยืดยาว ยากเหลือเกินที่จะทำให้ความรู้สึกนี้คงอยู่ตลอดไป

                    “ขอบคุณ”แม้เธอจะไม่ได้พูดอะไรแต่แค่นี้มันก็มากพอแล้ว มือเล็กที่กำลังปลอบประโลมเขาด้วยสัมผัส กอบกุมใจที่กำลังร้าวแตกให้กับเป็นเหมือนเดิม

                    ในที่สุดกาอาระก็ปล่อยมือของเธอ ร่างสูงส่งยิ้มให้คนตรงหน้า รอยยิ้มสดใสที่นานครั้งจะได้เห็น เธอยิ้มให้เขาตอบกลับ

                    “แล้วทำไมคุณถึงยอมบอกฉันละ ให้เมื่อฉันแข่งแพ้”เมื่อทุกอย่างเริ่มกลับเป็นปกติ โซราเมะใช้ผ้าสำหรับห่อแว่นตาเช็ดแว่นก่อนจะใช้ไหล่เสื้อเช็ดหน้าเหมือนเดิม เธอเป็นเด็กผู้หญิงที่ไม่ชอบพกผ้าเช็ดหน้า เธอคิดว่าการพบมันไว้คือเผื่อช่วงเวลาแบบนี้ซึ่งเธอไม่ชอบ เธอคิดเพียงว่าถ้าไม่พกมันซะเธอก็จะไม่ต้องเจอเรื่องที่ทำให้ร้องไห้และใช้มันซับน้ำตา

                    “เฮ้ย”กาอาระถอนหายใจมองเธออีกครั้งก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้าของตัวเองออกมาและจัดการเช็ดหน้าเช็ดตาให้หญิงสาว เธอก็ยืนนิ่งให้เขาเช็ดหน้าไม่ปฏิเสธ

                    “แล้วเธอคิดว่าอะไรทำให้ฉันยอมบอกละ”กาอาระถามย้อนกลับพลางมองหน้าแดงๆของโซราเมะจากการร้องไห้ เขาชอบตอนเธอไม่ใส่แว่นมากกว่า บางที่การใช้คอนแทคเลนส์อาจจะเป็นความคิดที่ไม่เลวนัก

                    โซราเมะเอียงคอมองเขาอย่างสงสัย คิ้วน้อยๆหมุนลงครุ่นคิดอยู่สักพักแต่ก็ไม่ได้คำตอบ

                    “หึหึ”กาอาระผู้มีลับลมคมในหัวเราะในลำคออย่างชอบใจ โซราเมะมองเขาอย่างหมั่นไส้ ทำไมเขาชอบเก็บงำความลับนักนะ ทำไงเธอถึงจะง้างปากให้เขาพูดได้ละเนี่ย

                    “คุณไม่บอกฉันก็ไม่รู้สิ”

                    “แน่ใจ?”ร่างสูงถามย้ำพลางยืนหน้าเขามาใกล้เธอ โซราเมะรู้สึกร้อนๆหนาวๆมองรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา เธอยื่นคอหนีใบหน้าหล่อเหลาที่เข้ามาใกล้อย่างไม่เข้าใจ

                    “อะไร?”เธอถามเขาอย่างไม่แน่ใจนัก ใบหน้าของเขายิ่งเข้ามาใกล้ก็ยิ่งทำให้ใจดวงน้อยเธอเต้นแรงขึ้นพลันดวงหน้าขาวอมชมพูก็ซับสีเลือดระเรื่อขึ้นมาเสียซะเฉยๆ โซราเมะยกมือทั้งสองข้างขึ้นปิดปากอีกฝ่ายที่เข้ามาใกล้อย่างหวาดระแวงระคนเขินอาย ภาพตอนที่อยู่ๆเขาก็ดึงตัวเธอเข้าไปหาก่อนจะประกบจูบหวนขึ้นมาในหัวจนทำให้เธอคิดได้เองว่าเขาจะทำแบบนั้นอีกรึเปล่า

                    มือบางของร่างเล็กกลายเป็นตัวปิดกั้นริมฝีปากของเขา ร่างสูงมองดวงหน้าหวานที่ทำหน้าเขินอายหวาดระแวง เนตรสีหยกที่ยากจะอ่านความคิด ตอนนี้กลับฉายประกายกรุ่มกริ่มอย่างไม่ปิดบังจนคนร่างเล็กแอบขนลูกซุ่ ก่อนจะสะดุ้งโหยงรีบเผลอปล่อยมือของตัวเองออก

     

    ขะ เขาจูบมือเธอ!

     

                    โซราเมะราวกับต้องของร้อนมือซ่อนมือตัวเองอย่างรวดเร็ว สัมผัสชื้นที่ฝ่ามือยังคงอยู่จากรอยจุมพิตที่เขาตั้งใจจะกลั่นแกล้งเธอ ใบหน้าหวานซับซีเลือดอีกครั้งก่อนที่ทุกๆอย่างมันจะขาวโพลนมือริมฝีปากบางเฉียบได้ฉวยโอกาสนั้นก้มลงจุมพิตเธอ

                    มือหนาช้อนคางของเธอขึ้นก่อนจะก้มลมจุมพิตอย่างสายฟ้าแลบ เป็นจูบที่ไร้รสชาติเพราะมันเร็วมากทว่ามันก็ทำให้โซราเมะตกตะลึงตั้งตัวไม่ทัน

                    “เพราะเธอคบกับฉันแล้ว ไม่มีเรื่องอะไรที่ฉันต้องปิดบังแฟนของตัวเองหรอกนะ”ร่างสูงตอบคำถามของเธอทั้งรอยยิ้มเจ้าเล่ห์มองโซราเมะที่ถูกขโมยจูบไปอีกครั้งอย่างไม่ตั้งตัว ใบหน้าของเธอค่อยๆแดงขึ้นจนถึงใบหู ดวงหน้าหวานทว่าแดงแปร๊ดไม่ต่างจากมะเขือเทศ นี้คงเป็นเรื่องที่เรียกว่าอเมซิ่งที่สุดในชีวิตของเธอ ร่างกายแข็งทื่อไม่ยอมขยับหัวสมองคิดถึงแค่ตอนที่เธอแข่งแพ้แล้วบอกว่าเธอต้องคบกับเขา คิดถึงคำพูดของเขา คิดถึงจูบเมื่อครู่ โซราเมะรู้สึกเขินอายเกินกว่าจะจ้องหน้าอีกฝ่าย เธอไม่เข้าใจความคิดของกาอาระเลย

                    “คะ คุณ...”เสียงของเธอติดอ่าง อ้ำๆอึ้งๆ โซราเมะก้มหน้าไม่ยอมสบตากับกาอาระ หัวชา ใจเต้นแรงและพูดติดอ่าง โซราเมะไม่เคยเผชิญหน้ากับอาการแบบนี้ ทำไมเธอรู้สึกเหมือนอยากจะเป็นลมให้ได้เสียซะเดียวนั้นเลย

                    หญิงสาวร่างบางนั้นยืนนิ่งอยู่นาน ทำอะไรไม่ถูก เธอหารู้ไหมว่าคนที่มีอาการคล้ายๆกับเธอนั้นก็มีอยู่เหมือนกัน ร่างสูงแม้จะยืนนิ่งทำสีหน้าเข้มเงียบเก็กหน้าตายเหมือนทุกครั้ง ข้างในของเขากลับร้อนระอุเพราะหัวใจที่เต้นแรงมากๆของตัวเอง เหตุการณ์เมื่อครู่มันคล้ายว่าเขาได้สารภาพรักเธอไปแล้ว แม้จะไม่พูดแต่การกระทำของเขาก็น่าจะมากพอแล้ว เขาเป็นคนให้ความสำคัญที่การกระทำมากว่าคำพูด ครั้งนี้เองก็เช่นกัน

                    “คะ คนบ้า!”คำต่อว่าของเธอก็ยังคงเป็นคำเดิม กว่าโซราเมะจะนึกขึ้นได้ว่าควรต่อว่าอีกฝ่ายก็กินเวลาไปอยู่หลายวินาที เธอควรจะโกรธเขาที่กระทำหยาบคายกับเธออีกทั้งยังเงื่อนไขบ้าบอนั้นอีก เธอรู้สึกหัวเสียแต่อีกใจก็ระทึกยินดีเป็นอย่างมาก

                    “เธอไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ เพราะเธอแพ้ฉันเอง”กาอาระรู้สึกได้ว่าโซราเมะกำลังโกธะแต่ถึงจะอย่างนั้นเขากลับพูดเสียงระรื่นยินดีน่าหมั่นไส้ก่อนที่เขาจะเดินมาจูงมือให้เธอเดินกลับไปรถ

                    “ตะ แต่คุณเล่นขี้โกงนะ!”หากให้พูดสำหรับโซราเมะแล้วนั้นเป็นการแข่งที่ไม่แฟร์เลยด้วยซ้ำถึงสุดท้ายความหมายของมันจะหมายความว่าไม่ว่าเขาจะแพ้หรือชนะเขาก็จะบอกความจริงกับเธอแต่มันก็อดที่จะแย้งไม่ได้ เธอเขินตัวเองและยังไม่แน่ใจนักว่าเขาให้เธอคบกับเขาเพราอะไร...เพราะเป็นลูกของโชจิหรือเพราะอยากไถ่โทษเรื่องราวต่างๆด้วยการดูแลเธอ

     

    ถ้าเพราะเหตุผลพวกนี้ เธอก็ไม่อยากให้เขามาดูแลหรอกนะ

     

                    “แล้วคิดหรือว่าคนที่เป็นแค่อดีตกัปตันชมรมจะเอาชนะผู้เข้ารอบการแข่งขันระดับประเทศได้นะ”กาอาระกล่าวทั้งหน้าตาทว่าก็แอบระบายรอยยิ้มน้อยไว้บนใบหน้า เขาไม่ได้เก่งการแบบเธอไม่มีทางชนะโซราเมะได้อย่างแน่นอนถ้าเขาไม่ทำอะไรสักอย่าง

                    “ยังไงต่อให้แพ้หรือชนะคุณก็จะบอกความจริงกับฉันนิ ไม่ให้ต้องเล่นโกงเลย”โซราเมะยังคงถามอยู่อย่างนั้น ดวงหน้าหวานที่เคยซับสีเลือดค่อยๆกลับมาเป็นปกติแม้จะมีริ้วแดงน้อยๆอยู่บนแก้มบ้างก็ตามที

                    “แล้วเรื่องอะไรที่ฉันต้องแพ้ด้วยละ”ร่างสูงกล่าวก่อนจะจัดการสวมหมวกกันน็อกให้กับหญิงสาว เธอรับมาอย่างจำใจแต่ก็ยังไม่ยอมหยุดถาม

                    “แล้วทำไมฉันต้องคบกันคุณด้วยละ?”เธอถามอย่างอย่างสุดจะสงสัย กาอาระหยุดนิ่งทุกการกระทำ เขาที่ขึ้นควบมอเตอร์ไซต์อยู่แล้วเหลียงหลังไปมองหญิงสาวที่พึ่งจะขึ้นควบมอเตอร์ไซต์ตามเขาด้วยสีหน้างุนงงละคนหงุดหงิด แววตาของเขาฉายชัดเจนถึงคำถามที่ว่า....นี้เธอไม่รู้จริงๆนะหรือ

                    เมื่อถูกมองเช่นนั้นสาวเจ้าจึงส่งไปกลับด้วยแววตาไร้เดียงสาจนทำให้กาอาระต้องถอนหายใจอย่างเหนื่อยอกเหนื่อยใจ

                    “ยัยซื่อบื้อเอ้ย...”เขาเปรยขึ้นเบาๆกลอกตาขึ้นฟ้าก่อนจะขับมอเตอร์ไซต์ออกไป

     

                    ....นี้เธอไม่รู้จริงๆนะหรอว่าฉันคิดกับเธอยังไง...

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×