ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic naruto] Desert & Sky

    ลำดับตอนที่ #8 : บทที่ 8 เชอร์รี่(100%)

    • อัปเดตล่าสุด 11 พ.ค. 58



    บทที่ 8 เชอร์รี่

     

                    เสียงมอเตอร์ไซต์แรงสูงกำลังพุ่งทะยานไปข้างหน้า มือบางจัดเอวเขาไว้มั่น เจ้าของคันรถเองก็มีสีหน้าที่อ่านไม่ออกเพราะสวมหมวกอยู่  รถจอดลงหน้าสถานีตำรวจขนาดกลาง เธอเดินลงจากมอเตอร์ไซต์ของเขาทั้งๆทรงผมที่ตั้งขึ้นเป็นกระบังลม เธอรีบสะบัดหัวให้ผมคืนทรงก่อนจะเดินตามอีกฝ่ายไป

                    ที่นี้เหลือเจ้าหน้าทีน้อยคน นับคิบะแล้วก็เหลือแค่3คน ทุกคนคงจะกลับบ้านกันหมดแล้ว พวกที่เหลืออยู่มองเธอด้วยแววตาสงสัย บางคนก็ร้องอ๋อเข้าใจ เธอเดินเข้าไปในห้องรับแขกเพื่อทำการพูดคุยเกี่ยวกับคดีที่พวกเขากำลังมืดแปดด้าน

                    “เฮ้ย”คิบะถอนหายใจ สีหน้าเขาเหมือนหนักใจกับการพูดคุยครั้งนี้มาก.....แน่สิ อุตสาห์ปิ้งสาวแต่เธอกลับเป็นเหยื่อในคดีซะได้ แถมเธอยังหลบหนีไม่พบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกด้วย ความมีลับลมคมในมากเกินไปทำให้เขาต้องปั้นหน้าเหี้ยมคุยกับเธอ อยากจิบกาแฟแล้วคุยกันดีๆมากกว่า เขาขอบัตรประชาชนเธอถ่ายเอกสารเพื่อจะคุยเข้าเรื่อง

                    “เอาละคุณต้องตอบคำถามผมทีละข้อ เมื่อจบการสืบสวนผมจะปล่อยคุณไป ตกลงไหม?”ท่าทีเหมือนกับนักเลงข้างถนนบัดนี้เขากำลังแสดงอำนาจของความเป็นผู้พิทักษ์สันติราชออกมาอย่างเต็มหน่วย เขาถอดเสื้อเจ็ตเก็ตออกเผยให้เห็นมัดกล้ามที่ฝึกมาอย่างดีภายในเสื้อแขนสั้นรัดรูปกับการเกงยืนสีน้ำเงินซีด โดยที่เจ้าอากามารุนอนอยู่ใกล้ๆที่พื้น

                    “อ่า..คะ”เธอพยักหน้าให้อย่างไม่แน่ใจนัก เขาช่างแตกต่างจากเมื่อครู่ราวฟ้ากับเหว เขาดูจริงจังกับงานมาก....บางทีเธอควรจะบอกความจริงกับเขา

                    “ก่อนอื่น ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน?”

                    “....บ้านเพื่อนคะ”อันนี้เธอไม่ได้โกหะนะ....บ้านเพื่อนจริงๆนะ!

                    “ตอนเกิดเหตุคุณอยู่ที่ไหน?”

                    “...ท่าเรือคะ”เธอแค่ไปรับเจ้าตัวเล็กนะ ทำไมเขาต้องทำสีหน้าจ้องจับผิดเธอด้วย หญิงสาวก้มหน้างุบงิบรีบกอดหมอนบนโซฟาไว้แน่ราวกับหาที่พึ่ง คิบะพยักหน้าเมื่อเธอให้ข้อมูลตรงกับที่พวกเขาหามาได้ มีคนพบเห็นเธอที่ท่าเรือจริงๆนั้นแหละ แต่ไม่สามารถคาดเดาเวลาได้

                    “แล้วคุณรู้ใช่ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นที่บ้านของคุณ?”

                    “รู้คะ”

                    “แล้วทำไมคุณถึงไม่ไปแจ้งตำรวจ หรือทั้งหมดที่เกิดขึ้นเพราะเป็นการข่มขู่?”ร่างสูงเอ่ยน้ำเสียงทุ้มจริงจัง เขาลองโยนหินถามทางเพื่อดูสีหน้าของเธอ

                    “...เพื่อนฉันบอกว่าไม่ควรแจ้งคะ เขาบอกคนที่มาถล่มบ้านของฉันเป็นมาเฟีย ถ้าแจ้งความฉันอาจจะเป็นอันตรายมากกว่าเดิม”เธอให้การต่างๆโดยหลีกเลี่ยงการเอ่ยชื่อของกาอาระให้มากที่สุด ส่วนเหตุผล....เธอไม่อยากให้เขาเดือดร้อน

                    “เขารู้ว่าใครเป็นคนถล่มบ้านของคุณ?”เหมือนจะเจอเบาะแสสำคัญเข้าให้ เรื่องนี้เขาจะพลาดไม่ได้

                    “เขาบอกไหมว่าอีกฝ่ายเป็นใคร?”

                    “ไม่ได้บอกคะ ฉันคิดว่าเขาคงมองว่าฉันซื่อบื้อเกินไป บอกไปฉันอาจจะเผลอพูดชื่ออีกฝ่ายให้คนใกล้ตัวฟัง ถึงตอนนั้นคนใกล้ตัวฉันอาจจะเดือดร้อนก็ได้คะ”อันนี้เธอคิดของเธอเอง หลายครั้งที่ถามอีกฝ่ายก็ไม่ยอมพูดจนเธอขี้เกียจจะถาม เธอควรให้การตามความคิดของตัวเอง

                    “หรอ”จริงดังที่หญิงสาวว่า เขาเริ่มสงสัยขึ้นเรื่อยๆ เพื่อนของเธอคือใคร แล้วเจ้าของรอยเลือดละไม่ใช่ของเธอจริงๆนะหรอ? เขาเห็นรอยแผลที่หางคิ้ว กับรอยแตกที่หน้าผากที่ถูกผมหน้าปดปิดอย่างมิดชิดจนดูไม่ออก

                    “งั้นผมของสอบถามชื่อเพื่อคุณหน่อยได้ไหมครับ?”ตอนนั้นเองบรรยากาศรอบข้างของโซราเมะตึงเครียดขึ้นทันใด น้ำเสียงของคิบะดูเรียบเย็นจนน่าขนลุก เขาคงพอคาดเดาได้แล้วว่าเพื่อนของเธอ ต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่ๆ

                    “ชื่อหรอคะ”

                    “ครับ”หลังจากที่หลีกเลี่ยงมานานเธอกัดปากล่างอย่างลืมตัว เธอต้องพูดชื่อเขาออกไปเสียแล้ว ทันใดนั้นเองที่สีหน้าของคิบะค่อยๆเปลี่ยนไป เขามองร่างเหงาหนึ่งที่เกิดเข้าเข้ามาเปิดประตูกระจกในห้องทำงานของเขา

                    “กาอาระ!?”คิบะอุทานชื่อของคนคนนั้นขึ้นมา โซราเมะรีบหันควับไปมองตามทันใดด้วยสีหน้าตกตะลึงไม่แพ้กัน....เขามาอยู่ที่นี้ได้ยังไง!? เจ้าของร่างสูงเคาะประตูกระจกพอเป็นมารยาทก่อนจะเปิดเข้ามา

                    “วันนี้ฉันไปเจอเทมาริกับชิกามารุมา เขาบอกให้ฉันให้เอานี้มาให้นาย”พูดจบข้าวกล่องใบโตก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าคิบะ เจ้าตัวทำสีหน้าพอใจทันใด....ก็เขาถูกห้ามไม่ให้เข้าภัตรคารของเพื่อนตัวเองเพราะมีหมาตามติดมานี้แหละเลยไม่ได้กินซักที

                    “ขอบใจมาก ไม่ได้เจอกันนานเลยแหะ”ทั้งสองคนทักทายกันอย่างสนิทสนมจนโซราเมะแอบขมวดคิ้ว.....เป็นเพื่อนกันหรอ? มาเฟียกับตำรวจเนี่ยนะ?

                    ร่างสูงปรายตาตามายังร่างบาง เธอมองตอบด้วยแววตามีคำถามอีกเช่นเคย

                    “สอบสวนอยู่หรอ?”

                    “ก็อย่างที่เห็นเพราะงั้นรออีกแปบนึงนะ เดียวก็เสร็จแล้ว”เจ้าหนุ่มมาดนักเลงพูดพลางเดินกลับไปเข้าที่ เขาหยิบกระดาษขึ้นมาเตรียมจดชื่อกับเบอร์โทรศัพท์ของอีกฝ่าย

                    “รบกวนคุณเขียนชื่อกับเบอร์โทรศัพท์ของเพื่อนคุณด้วยครับ ผมจะได้โทรไปสอบถามเขาเกี่ยวกับแก็งที่ถล่มบ้านของคุณ จะได้รีบๆปิดคดีสักที”เจ้าตัวพูดไปพลางบ่นไปพลาง โซราเมะรับปากกากับกระดาษมา เธอหันไปมองกาอาระด้วยสายตาขอความช่วยเหลือ

                    เขาเองก็พอเดาออกแล้วละว่าเธอยกเขาขึ้นมาอ้างในฐานะอะไรและไม่ได้เปิดเผยชื่อเขา.....ก็นับว่าเป็นความคิดที่ฉลาด แต่น่าเสียดายที่เขาไม่จำเป็นต้องปกปิดเรื่องนี้กับคิบะ

                    ระหว่างที่คิบะกำลังรอให้โซราเมะเขียนชื่อนั้น ร่างสูงที่อยู่ข้างหลังก็คว้าปากกาและกระดาษไปก่อนจะเขียนชื่อและเบอร์โทรศัพท์ของตัวเองแทน

                    “ไว้ว่างๆก็ติดต่อมานะ”เจ้าตัวยิ้มที่มุมปากก่อนจะส่งยืนเบอร์โทรศัพท์ให้อีกฝ่าย คิบะงงตึบเขามองกระดาษที่เขียนชื่อกาอาระกับเบอร์โทรไว้ก่อนจะมองสลับไปยังโซราเมะ เท่านั้นเองเรื่องก็กระจ่าย

                    “ธะ เธออยู่บ้านนาย!?”คิบะเอ่ยเสียงตะกุกตะกักถามอย่างตกใจ เขารู้สึกคล้ายจะเป็นลมยังไงชอบกล....สาวที่เขาปิ้งอยู่บ้านเพื่อนตัวเอง แถมเป็นเพื่อนกิตติมาศักดิ์ไม่ธรรมดาเสียด้วย!

                    คิบะวางทุกอย่างลงในมือก่อนจะรีบเดินไปกอดคออีกฝ่ายซุบซิบกันอยู่สองคน

                    “เธอคงไม่ใช่แฟนนายหรอกนะ?”

                    “ก็แล้วแต่จะคิด”

                    “เฮ้ยอย่าพูดอย่างนั้นเซ่ ฉันปิ้งเธอตั้งแต่แรกเห็นเชียวนะ”

                    “งั้นก็เสียใจเดียวก็แล้วกัน”คิบะสะอึกกับสายตาคมกริบของคุณเพื่อนที่มองมาทางเขาอย่างห่วงหวงของ คิบะคอตกด้วยอาการอกหักตั้งแต่ยังไม่ทันจีบ แต่เขากับกาอาระนับว่าเป็นทั้งเพื่อนและคู่แข่งกันมาตั้งแต่เด็ก ไม่ต่างจากเจ้านารูโตะที่ชอบแข่งกับเจ้าซาสึเกะ ร่างสูงยืดแผ่นหลังเหยียดตรงอย่างไม่ยอมแพ้

                    “นายพูดว่าแล้วแต่จะคิด....พูดอย่างนี้แสดงว่าสาวน้อยคนนั้นก็ยังไม่รู้ตัวละสินะ งั้นฉันก็มีสิทธิ์”คิบะพูดอย่างได้ใจก่อนจะจ้องตาถลึงใส่กัน จนโซราเมะที่นั่งอยู่ไกลๆมองทั้งคู่ยังไม่เข้าใจ....ซุบซิบอะไรกันอยู่?

                    “เอาไว้ฉันจะเข้าไปถามรายละเอียดเพิ่มอีกที ดูเหมือนนายจะไม่ได้บอกอะไรเธอเลยสินะ”อย่างที่คิบะเข้าใจ ทั้งคู่พยักหน้าให้แก่กันก่อนที่พวกเขาจะเดินมาหาโซราเมะ

                    “พวกคุณสองคนเป็นเพื่อนกันหรอคะ?”

                    “ใช่ เป็นเพื่อนสมัยเรียนมัธยมนะ”คิบะเอ่ยอย่างอารมณ์ดี ไม่มีท่าทีเย็นชาและน้ำเสียงเหี้ยมอีกต่อไปทำให้เธอคลายความอึดอัดลงไปได้เยอะ

                    “เธอรู้จักกาอาระตั้งแต่เมื่อไหร่? ฉันไม่เคยเห็นเธอเลย”

                    “รู้จักกันก็เพราะบ้านถูกถล่มนั้นแหละคะ”เธอเอ่ยด้วยสีหน้าใสซื่อ แบบนี้แสดงว่าเธอไม่ต้องลำบากใจในการให้การแล้วสินะ

                    หลังจากนั้นโซราเมะก็เล่าทุกอย่างให้ฟัง สาเหตุที่ไปที่ท่าเรือแล้วก็เรื่องที่ถูกข่มขู่สารพัดต่างๆนานาร่วมไปถึงเรื่องของพ่อ ร่างสูงเองก็ไม่ขัดที่จะให้เธอเล่า คิบะฟังเธออย่างตั้งใจ

                    “เข้าใจละ มิน่าละ”.....ถึงได้ไปอยู่บ้านเจ้ากาอาระ เขาหรี่ตาจิกใส่กาอาระอย่างหมั่นไส้ก่อนจะหันมายิ้มร่าให้สาวน้อยแทน

                    “เอาเป็นวันนี้พอแค่นี้ก่อน เธอคงเหนื่อยมากแล้ว อยากชิมข้าวกล่องฉันไหม? จากภัตตาคารดังเลยเชียวน่า”อยู่ๆก็เปลี่ยนเรื่องคุยซะงั้น คิบะนั่งลงที่โซฟาข้างเดียวกับหญิงสาวก่อนจะแกะข้าวก่องฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี ไม่สนคนที่กำลังยืนกอดอกและมีเส้นเลือดตรงขมับเต็นตุบๆ

                    “นี้ไงๆดูสิ หรูชะมัดเลย”คิบะพูดไปพลางน้ำลายสอไปพลาง มองเช็ตข้าวสุดหรูที่ยังมีไอร้อนอยู่หน่อยๆ นี้เป็นช่วงเวลาที่น่ากินที่สุด ไข่ม้วน กุ้งอิเสะตัวใหญ่ ซาชิมิชั้นดี ปลาแซลมอนย่าเกลือหน้าหม่ำและข้าวประดับสาหร่ายและเม็ดบ๊วยน่ารัก มีทั้งคาระเกะ สลัดมันฝรั่งแล้วก็เนื้อสเต็กหันเต๋า มีแต่ของที่เธอชอบทั้งนั้น

                    “อยากชิมไหมละ?”หญิงสาวผู้หลงใหลได้ปลื้มกับของกิน เธอตาวาวพยักหน้ารั่วๆ คิบะแอบเหล่ตามองใส่กาอาะเมื่อเขารู้สึกว่าตัวเองกำลังทำคะแนนได้ คิบะรีบคีบกุ้งอิเสะตัวโตก่อนส่งให้เธอ

                    “อ้าม~”เขาจงใจทำเสียงยั่วโมโหกาอาระ ก่อนจะป้อนกุ้งเข้าปากร่างบาง เธอไม่ได้สนใจอะไรเลย เธอสนแค่กุ้งอิเสะตัวโตที่กำลังเคี้ยวอยู่ในปาก มันอร่อยมากจนเธออยากร้องขออีก แต่ก็รู้สึกว่าจะเสียมารยาทเกินไป

                    “อยากกินอะไรอีกไหม?”คิบะเอ่ยเสียงทุ้มอ่อนโยน เขาถามเธอเพื่อจะได้หยิบชิ้นต่อไปให้ ทว่าเธอปฏิเสธ

                    “พอแล้วคะ คำเดียวก็พอ นี้อาหารเย็นคุณอินุซึกะนิคะ”การปฏิเสธของเธอทำให้กาอาระกระตุกยิ้มใส่คิบะที่กำลังทำหน้าย่นใส่กาอาระกลับ

                    “ไม่เห็นเป็นไรเลยนี้ อีกอย่างคุณเรียกผมว่า คิบะเฉยๆก็ได้น่า”เขาเอ่ยอย่างเป็นกันเอง ฉีกยิ้มร่าตีตื้นคะแนนอย่างรวดเร็ว ไฟหึงหวงกำลังสุมอยู่ในองของกาอาระ เขาไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครและกำลังหงุดหงิดมากๆเมื่อเธอกลับตอบไปตามน้ำซะอย่างนั้น

                    “เอ่อ....คุณคิบะ?”เธอลองเรียกชื่อจริงอีกฝ่ายอย่างเก้อเขินเล็กๆ กับคนตรงหน้าที่พึ่งรู้จักกันเธอเลยออกจะเขินไปสักหน่อยกับการเรียกชื่อ

     

    ท่าทางน่ารักน่าหยอก...อ่า เมื่อไหร่เธอจะเป็นแฟนฉันสักทีน่า~

                    “โซราเมะ!”อยู่ๆคนที่ถูกลืมก็โพล่งชื่อเธอขึ้นมา คิบะหมุนคิ้วน้อยๆลง ตอนที่เขาขอบัตรประชาชนถ่ายเอกสารเธอไม่ได้ชื่อโซราเมะสักหน่อย เธอชื่อ อาโองาวะ โรคุโจนิ?

                    “คะ?”เธอหันควับไปตามชื่อเรียก มองร่างสูงที่กอดหน้านิ่งแต่กลับมีไฟมรสุมเป็นฉากหลังของเขา เธองุนงงไม่เข้าใจว่าเขากำลังโกรธอะไรเธอ?

                    “ฉันจะกลับแล้ว เธอจะกลับพร้อมฉันไหม?”เจ้าทานุกิหนุ่มเอ่ยพลางปรายตามองเจ้าสุนัขตำรวจอย่างคาดโทษก่อนจะหันมามองโซราเมะ

                    “อ๋อ งั้นก็ได้คะ ฉันหิวข้าวแล้ว”ถ้าไม่ใช่เพราะคนข้างตัวเธอยกข้าวกล่องออกมา เธอก็คงไม่หิวขนาดนี้ เลิกงานแล้วยังไม่ได้กินข้าวเย็นเลย นี้จะสองทุ่มแล้วนะ

                    “เธอกินของฉันก็ได้นะ”คิบะรู้สึกเหมือนตนกำลังจะพ่ายแพ้ยังไงชอบกล ถ้าเธอกลับบ้านก็ต้องไปอยู่กับกาอาระ แบบนั้นหมอนั้นต้องทำคะแนนตีตื้นขึ้นมาแน่ๆ!

                    “ไม่ดีกว่าคะ เดี๋ยวคุณจะทานไม่อิ่ม”เธอปฏิเสธอีกครั้งก่อนจะเดินออกไปจาห้องทำงานของเขาพร้อมกับกาอาระ เนตรคมสีหยกมองเขาพลางกระตุกยิ้มอย่างผู้มีชัย อย่างน้อยก็มีเรื่องนี้เรื่องนึงละที่เขาชนะคิบะแน่ๆ

                    “หน่อยย เจ็บจ๊ายยย!”คิบะโวยวายอยู่ในห้อง รู้สึกเจ็บใจกับสาตาของผู้ชนะเมื่อครู่ของกาอาระ เขาจึงโกยข้าวกล่องอย่างโมโห กินให้หายแค้น ไม่ยอมหรอก พรุ่งนี้เขาจะไปหาเธอที่คลินิกอีกตามสำนวนที่ว่า

     

    ตื้อเท่านั้นที่ครองโลก!

     
     

    ++++++++++++++

     

    ++++++++++++++

     

     

                    บรรยากาศยามคำคืนที่เต็มไปด้วยแสงสีที่อยู่เบื้องหน้าร่างบางหลังกระจกหนา ร้านค้าครึกครื้นไปด้วยผู้คนเธอเท้าคางมองกระจกในรถหรู เธอมองตามร้านข้างทางอย่างสนอกสนใจ เธอแอบไม่พอใจอาหารที่บ้านของกาอาระที่นั้นมักจะเสิร์ฟอาหารรสชาติแปลกๆ ทั้งแกงเอ่ย นมแพะ แล้วก็บางที่เธอยังแอบผวาเมื่อรู้ว่าของที่เธอกำลังกินอยู่ไม่ใช่เนื้อวัว หมูหรือไก่แต่เป็นงู! เพราะงั้นเธอจึงไม่ค่อยเจริญอาหารนักเวลาอยู่ที่บ้านของเขายิ่งเจอกับคามิล่าแล้วยิ่งแล้วใหญ่

                    “อยากกินหรอ?”ระหว่างที่รถจอดพระติดไฟแดงกาอาระหันมาถามร่างบางด้วยสีหน้าเรียบ วันนี้เขาขับรถมาเองแม้จะมีรถของบอดีการ์ดตามอยู่ห่างๆก็ตาม เขามองเธอที่นั่งอยู่ที่เบาะข้างคนขับกำลังนั่งจ้องร้านซูชิไม่วางตา

                    “เอ่อ....เปล่าคะ”เธอโกหกใส่เขาและมันก็จับได้ง่ายมาก กาอาระไม่เข้าใจว่าทำไมเธอต้องโกหกเขา ร่างสูงผ่อนลมหายใจเบาๆ

                    “เธอเกรงใจฉันหรอ?”เขาควรถามเธอแบบนี้นานแล้ว นับตั้งแต่อยู่บ้าน เท่าที่ทานากะเล่าให้ โซราเมะค่อนเกรงใจเหล่าคนใช้ของเขา เธอจัดการทำความสะอาดห้องเอง ซักผ้าเธอก็ยังทำเองส่วนอาหารถ้าไม่ใช่อาหารเย็นเธอก็แถบจะทำเองตลอด เธอบอกกับพวกเมดว่าเธอไม่ใช่เจ้านายของที่นี้เธอเป็นแขก เธอไม่ควรทำให้ให้คนภายในบ้านมาดูแลเธอ

                    เธอเป็นผู้หญิงที่ทำงานบ้านเก่งและมีมารยาทพอตัวแต่ก็ซุ่มซ่ามซื่อบื้อและอาจจะไม่ทันคนแต่ก็เก่งกาจมีไหวพริบเมตตาทว่าเธอก็ยังนอบน้อมต่อทุกคนภายในบ้าน

                    “ก็คุณอุตสาห์ช่วยฉันไว้ตั้งเยอะ บางที่ฉันก็สงสัยว่าทำไมคุณถึงทำดีกับฉันนัก”เธอเอ่ยถามอย่างไม่ใส่ใจแต่มันก็เป็นคำถามที่ต้องการคำตอบ

                    “บางครั้งฉันเห็นในแววตาของคุณ...มีพ่อของฉันอยู่”เธอเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนิ่งเบา เป็นคำถามที่ไม่ว่าจะได้คำตอบหรือไม่เธอก็ไม่ใส่ใจ หรือบางทีอาจจะไม่ได้คำตอบเลยก็ได้

                    กาอาระนิ่งเงียบไม่ตอบ เธอมองเห็นความจริงในแววตาของเขาตอนที่เขามองเธอมักจะมีอยู่เสมอ ผู้ชายคนนั้น คนที่เขารักมาก....เหมือนกับเป็นพ่ออีกคน

                    “คุณจะไม่บอกฉันจริงๆหรอ ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับพ่อ”เธอถามอย่างคาดหวัง เธออยากรู้ว่าทำไมพ่อถึงตาย ทำไมเขาถึงไม่พูดละว่าเขาเป็นคนฆ่า ทำไมเขาถึงยอมให้เธอเข้าใจผิดแต่แรก....ทำไมเขาถึงปิดบังเธอ

                    โซราเมะรู้สึกเจ็บปวดเมื่ออีกฝ่ายยังคงไม่ยอมตอบคำถาม เธอเปิดใจให้เขามากกว่าใครแต่เขากลับไม่ยอมบอกอะไรเธอเลย เธอรู้สึกเหมือนแค่ถูกดึงมาในวังวนของเขาแต่กลับไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรเลย

                    ร่างสูงเงียบงันเขากลืนคำพูดทุกอย่าลงคอ หลายครั้งโลเลที่จะบอกแต่ก็ไม่ เขากลัวว่าคำพูดของเขาอาจจะทำร้ายเธอ เขากลัวว่าสิ่งที่โชจิพยายามปกปิดลูกสาวตัวเองมาตลอดจะพังทลายลงที่เขา....จะให้เขาพูดได้อย่างไรว่าแท้จริงแล้วโชจิ พ่อของโซราเมะนั้นไม่ได้เป็นตำรวจมา เขาโกหกลูกสาวตัวเองมาค่อนชีวิต โชจิถูกปลดออกจากหน้าที่ในกรมและถูกตามล่าข้อหาที่เป็นหนอนบ่อนไส้....ชายคนนั้นทำงานให้กับแก็งซูชาคุ เป็นทั้งอาจารย์และคนที่เลี้ยงเขา!

     

                    “....ช่างเถอะ ไม่ต้องตอบก็ได้”สุดท้ายกาอาระก็เลือกที่จะเงียบจริงๆ เนตรสีครามที่เคยสดใสบัดนี้กลับฉาบไปด้วยความรู้สึกผิดหวัง ร่างบางเม้มปากแน่นก่อนจะหันไปมองหน้าต่างรถอีกครั้ง เธอจับจ้องไปยังภาพตรงหน้าอย่างเหม่อลอยไม่ใส่ใจก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ

                    เธอหวังมากเกินไปและไกลชิดเขามากเกินไปถึงได้รู้สึกผิดหวังแบบนี้ เธอต้องจัดการความรู้สึกของตัวเองให้ดีกว่านี้ แปลกใจตัวเองที่ไว้ใจคนที่เพิ่งจะรู้จักกันเพียงไม่กี่วัน ไว้ใจมากจนลืมไปว่าเหตุผลที่เธอมาเจอเขานั้นเพราะอะไร และเพราอะไรทำให้เธอเลือกที่จะอยู่ไม่ดึงดัดจากไป เธอคงต้องรีบหาคำตอบแล้วจากไปซะ จะได้ไม่ต้องรู้สึกผิดหวังแบบนี้อีก

                    โซราเมะเงียบอยู่นานไม่หันมามองหน้ากาอาระและไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่านั้น ทว่าท่าทีหมางเมินน้อยใจนั้นได้กระตุกใจเขาอย่างแรง แรงมากพอที่ทำให้มาเฟียหนุ่มเกิดความรู้สึกบีบคั้นในอกและรู้สึกผิด รู้สึกโลเลที่จะเลือกบอกความจริงหรือไม่ มือหนาข้างที่ว่างอยู่ยืนค้างไปข้างหน้าก่อนที่เขาจะหุบมือลงก่อนที่เขาจะเลือนไปจับมือของคนตัวเล็กอย่างบางเบา

                    เนตรครามหันไปมองสัมผัสอุ่นจัดที่ฝ่ามือด้วยความแปลกใจ มือหนาหยาบออกแรงบีบเบาๆคล้ายปลอบประโลม แรงบีบที่ชวนให้ใจดวงน้อยของหญิงสาวเต้นโครมๆ เสียงของมันดังก้องไปในหูของเธอจนเธอเกรงหรือเกินว่าเขาจะได้ยินมัน เธอไม่ค่อยเข้าใจการกระทำนักแต่มันก็มากพอจะทำให้เธอหน้าขึ้นสีระเรื่อ

                    “....รอฉันหน่อยนะ”คำพูดที่แสนสั้นและสมกับเป็นเขา โซราเมะรู้สึกได้ถึงแรงบีบอีกครั้งมันคล้ายกับคำสัญญาและความมุ่งมั่นของเขา เธอไม่เข้าใจหรอกว่าเขาอยากให้เธอรออะไร ถ้ามันหมายถึงเรื่องพ่อมันคือคำสัญญาใช่ไหมว่าสักวันเขาจะบอกเธอ แล้วถ้ามันหมายถึงอย่างอื่น มันจะหมายถึงอะไร

                    “คุณจะบอกฉันจริงๆใช่ไหม?”เธอถามย้ำอีกครั้งก่อนที่ร่างสูงผู้ไม่ยอมหันมาสบตาเธอจะพยักหน้าให้เป็นคำตอบ มันมากพอที่จะทำให้เธอคลายความน้อยใจและความผิดหวังจนริมฝีปากสีหวานเผยรอยยิ้มออกมาอีกครั้ง

                    “ขอบคุณคะ”คำขอบคุณที่มากจากเธอ มันเรียบง่ายแต่ก็ตรึงใจ กาอาระรู้สึกได้ถึงปลายนิ้วเล็กที่กอบกุมมือใหญ่ตอบ มันรู้สึกอุ่นไปถึงใจของเขา

                    บรรยากาศในรถที่ถูกความเงียบงันปกคลุมแต่ก็เต็มไปด้วยไออุ่นจากความรู้สึกของทั้งสองฝ่าย ก็แค่จับมือเท่านั้นแต่กลับตราตรึงใจจนไม่อยากปล่อยมือเลยแม้แต่น้อย

                   

    ปิ้ดๆๆ~ ปิ้ดๆๆ~

     

                    เสียงเรียกเขาจากมือถือของคนร่างสูงได้ทำลายบรรยากาศแสนเรียบง่ายแต่อบอุ่นนี่ลง ร่างบางที่เหมือนค่อยตามบรรยากาศเธอได้สติและปล่อยมืออีกฝ่ายอย่างเก้อเขินเล็กๆ รู้สึกคล้ายเหมือนตัวเองเป็นเด็กขี้แยที่ต้องการคำปลอบโยน

                    หากแต่คนเสียดายกลับเป็นร่างสูงเขาถอนหายใจอย่างนึกเสียดายมือเล็กบางนั้นก่อนจะจำใจยกโทรศัพท์ขึ้นด้วยความหงุดหงิดเล็กๆ

                    “มีอะไร?”เขาถามเสียงห้วน คนปลายสายเช่นพ่อบ้านทานากะก็รู้ตัวทันใดว่าได้เผลอขัดจังหวะอะไรเข้าแต่ก็จำต้องรายงานสิ่งที่เกิดขึ้น

                    “คุณผู้ชายครับ วันนี้จะกลับมาทานอาหารเย็นไหมครับ..เอ่อ คือ คุณคามิล่าถามมานะครับ”ทานากะเอ่ยเสียงเรียบติดจะขัดช่วงไปบางคล้ายกับถูกใครจ้องถลึงอยู่เบื้องหลังเพื่อบังคับให้พูด ทานากะเคยรายงานคุณคามิล่าไปแล้วว่าคุณผู้ชายจะไม่กลับมาทานอาหารเย็นแต่คุณเธอก็ยังดื้อดึงจนทำให้ทานากะต้องรายงายถามในสิ่งที่เขารู้อยู่แล้ว

                    “เฮ้ย...”กาอาระถอยหายใจอีกครั้ง วันนี้มันวันอะไรเขาถอนหายใจแล้วถอนหายใจอีก ร่างสูงรู้สึกหงุดหงิดขัดใจก่อนจะเอ่ยถามคนในสายกลับ

                    “ไม่กลับ ฉันจะทานข้างนอก”ร่างสูงกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเย็นยะเยือก เขาตั้งใจให้มันดังมากพอให้คนปลายสายที่กำลังแอบดักฟังทานากะคุยโทรศัพท์ได้ยิน เสียงกุกกักๆในโทรศัพท์ก็ดังตามมาติดๆมันใจได้เลยว่าทานากะกำลังถูกคามิล่าแย่งสายไปจากมือแน่ๆ

                    “กาอาระคุงไปทานข้างนอกก็ไม่บอก ทำไมไม่พาคามิล่าไปด้วยละคะ”เสียงแหลมหวานที่คุ้นหูดังขึ้นจากปลายสาย ร่างสูงมองโทรศัพท์ตัวเองอย่างไม่พอใจเมื่อมีคนเสียมารยาทแย่งโทรศัพท์ไปจากคนของเขาแต่พอฉุดคิดถึงเรื่องในอนาคต กาอาระก็ต้องทำใจปล่อยผ่าน ยังมีเรื่องราวที่เขาจำต้องผู้มิตรกับตระกูลของหญิงสาวคนนี้

                    “ฉันมีธุระ”เขาเอ่ยอีกครั้งพลางใช้หางตามองคนใกล้ตัวที่กำลังทำหน้าเหมือนจะเคลิ้มหลับ ร่างสูงขยับมือเบาแอร์รถลงก่อนจะตัดสินใจตัดสายทิ้งเพื่อกลับเลี้ยวรถไปยังอีกเส้นทางหนึ่ง

                    “ไม่กลับบ้านหรอ?”ดูเหมือนโซราเมะยังพอจะจำเส้นทางกลับคฤหาสน์ได้อยู่ เมื่อกาอาระเลี้ยวรถไปคนละทางกลับทางกลับ ร่างบางที่กำลังเริ่มงัวเงียก็ค่อยๆได้สติและหันไปจับจ้องข้างทาง

                    “ร้านนี้น่ากินจัง”เธอเปรยขึ้นเบาๆมองร้านอาหารญี่ปุ่นหรูเรียบตรงหน้า ไม่ใหญ่โตมากนักแต่อบอุ่นสบายตา ร่างสูงขับรถไปจอดในโซนของร้าน

                    “มาสิ”เขากล่าวพลางเปิดประตูให้เธอ เขายืนมือให้เธอจับก่อนจะเดินออกจากรถ มือหนาโอบรอบเอวหญิงสาวไว้ทว่ามือเล็กกลับห้ามเขาเอาไว้

                    “..เอ่อ...ฉันไม่เป็นไรแล้วคะ ไม่ต้องประคองแล้วก็ได้”เธอกล่าวอย่างสุภาพ ร่างสูงก็นึกขึ้นได้ทันใด สองสามวันมานี้เขามักจะโอบเอวเธอตลอดเพื่อประคองไม่ให้สาวเจ้าสะดุดอะไรล้มไปเสียก่อน พอคราวนี้ไม่ได้กระทำตามเดิมกลับรู้สึกนึกเสียดายอีกครั้งทว่าเขาก็เลือกจะตีหน้ามึนเสียแทน

                    “ไม่ละ ฉันไม่อยากเห็นใครบางคนสะดุดเท้าตัวเองล้มหรอกนะ”พูดจบร่างสูงก็ดึงมือเล็กออกก่อนจะโอบเอวบางไว้ตามเดิม ร่างบางมองร่างสูงด้วยสีหน้างุนงงเล็กๆ ใบหน้าเขาเรียบเฉยจนยากจะอ่านออก เธอไม่อยากจะทำตัวเหมือนเด็กเล็กที่ต้องมีคนมาดูแลตลอด ระหว่างเดินเข้าร้านเธอพยายามแกะมือของเขาอยู่หลายต่อหลายครั้งสุดท้ายเธอก็เลกที่จะเป็นฝ่ายยอมแพ้

                    “เราจะทานร้านนี้กันหรอ?”เธอถามย้ำอีกฝ่าย เธอรู้สึกได้กลิ่นไอของอาหารราคาแพงระยับ พนักงานบริการในชุดยูกาตะเรียบร้อยมารยาทงามเดินเข้ามาบริการก่อนจะพาทั้งคู่มายังห้องทานอาหารแบบส่วนตัวรับรายการอาหารที่ฝ่ายชายเป็นคนสั่งอยู่ฝ่ายเดียวก่อนจะเดินนำใบรายการให้ห้องครัว

                    “ฉันนึกว่าคุณจะไม่ชอบอาหารญี่ปุ่นเสียอีก”

                    “ทำไมถึงคิดอย่างั้นละ?”ร่างสูงเอ่ยตามพลางจิบน้ำชาอย่างผ่อนคลาย มองร่างบางที่กำลังสำรวจมองห้องวีไอพีอย่างตื่นเต้นโดยไม่มองหน้าเขา

                    “ที่บ้านคุณชอบเสิร์ฟแต่พวกอาหารแปลกๆ พวกน้ำแกงหรือเนื้อสัตว์แปลกๆนะ ฉันก็เลยคิดว่าคุณคงไม่ชอบอาหารญี่ปุ่น”เธอถามอย่างตรงไปตรงหน้าก่อนจะเสริมคำพูดของตัวเองไม่วายยังทำตาวาวเวลาได้จิบชารสเลิศต่อ

                    “หรือไม่งั้นคุณก็ต้องเป็นลูกครึ่งพวกอาหรับอะไรทำนองนั้น”นั้นคือสิ่งที่ร่างบางวิเคราะห์ได้จากการอาศัยอยู่ในบ้านและอาหารการกินหลังนั้นรวมไปถึงการสำรวจใบหน้าของคนตัวสูงกว่า เธอสังเกตมานานแล้วว่าอีกฝ่ายดูไม่เหมือนคนญี่ปุ่นแท้ๆเหมือนจะมีเชื้อสายอีกครึ่งของชนชาติอื่นอยู่ด้วย

                    “เธอก็เดาถูกนิ”เขากล่าวอย่างพอใจ สมกับเป็นเธอที่ช่างถามคนถามมากมักมีคนสองประเภทไม่ช่างสังเกตก็เป็นพวกไร้ความรู้ สำหรับหญิงสาวเขาให้เป็นประเภทแรก เธอช่างสังเกตจึงช่างจ้อตามสิ่งที่เห็น

                    “แม่ของฉันเป็นลูกครึ่งอียิปต์”เขาตอบให้ในสิ่งที่เธอสงสัย หญิงสาวยิ่งขมวดคิ้วเข้าไปใหญ่พลางเพ่งมองหลังฝ่ามือหนาที่ขาวนวล เผลอจะข้าวกว่าเธอเสียซะด้วยซ้ำ

                    “คุณไม่เห็นดำเลย”คำถามที่ชวนให้ร่างสูงกระตุกยิ้มอย่างเอ็นดู เขาก็ไม่ได้แปลกใจนักเมื่อเจอคำถามนี้

                    “คนอียิปต์ไม่จำเป็นต้องดำเสมอไปหรอกนะ”เขาตอบ ดวงหน้าหวานทำตาโตอย่างตื่นเต้นเมื่อได้รับความรู้ใหม่ๆ เธอเท้าค้างบนโต๊ะอาหารอย่างใคร่รู้ใส่ใจ

                    “พูดอีกสิ เรื่องของคุณนะ ฉันอยากรู้”เธอกล่าวด้วยรอยยิ้มสดใส ไร้เดียงสาและเจิดจ้าจนกาอาระไม่อาจจะละสายตาไปจากเธอได้

                    “แล้วเธออยากจะรู้ไปทำไมละ?”กาอาระยิ้มเจ้าเล่ห์ถามหญิงสาวอย่างลองใจทว่าเธอกลับทำหน้าซื่อตอบกลับอย่างไม่คิดอะไรมาก

                    “ก็เราเป็นเพื่อนกันนิ ไม่แปลกถ้าฉันจะรู้เรื่องของคุณบ้าง”ทั้งใบหน้าและน้ำเสียงไร้จริตจนกาอาระรู้สึกเหมือกำลังแห้วรับประทานยังไงพิกล คำพูดที่แสนเรียบง่ายกลับชวนให้หงุดหงิด ร่างสูงถอนหายใจอย่างปล่อยวางอีกครั้ง....ก็คงไม่แปลกถ้าจะไม่รู้สึกตัวแม้ว่าเขาก็แสดงออกค่อนข้างชัดนะว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่...หรือมันยังไม่ชัดพอ

                    ไม่นานนักอาหารจานหรูก็มาถึง ทำให้โซราเมะเลิกที่จะสนใจคุยกับอีกฝ่ายก่อนจะหันมาทานอาหารอย่างพอใจ ตลอดมื้อดินเนอร์ทั้งสองไม่ได้คุยอะไรกันเพิ่มเติม พวกเขาทานอาหารกันอย่างเอร็ดอร่อยมีหยอกเย้ากันบางแต่ก็ทำให้อาหารมื้อนี้อร่อยขึ้น มันเป็นครั้งแรกสำหรับกาอาระที่ทานอาหารโดยไม่ต้องรักษาหน้าตามารยาทและที่สำคัญ เขากำลังทานอยู่กับคนคนหนึ่งที่เขาเคยให้สัญญากับพ่อของเธอว่าจะแต่งงานด้วย

                    หากในพูดตามความรู้สึกเขายอมรับว่าครั้งแรกที่ได้รู้จักเธอ เขาพยายามเหนี่ยวรั้งเธอไว้เพราะคำสัญญาและเพราะว่าเป็นลูกสาวของโชจิ แต่เดิมตัวเองช่างเป็นคนหน้านิ่งด้านชาไม่เคยเสพสมลิ้มรสเรื่องของความรักมาก่อน พอเขารู้สึกตัวอีกทีภายในเนตรสีหยกคมคู่นี้ก็มีแต่ภาพของเธอเต็มไปหมด มากมายจนเขาไม่รู้สึกตัวเลยว่าเหตุผลในการเหนี่ยมรั้งเธอมันได้ต่างออกไปจากครั้งแรกเสียแล้ว

                    “อาหารที่นี้อร่อนเนอะ คุณมาทานบ่อยไหม?”หญิงสาวเอ่ยเสียงร่าเริงพลางคีบเทมปุระเข้าปากอย่างอารมณ์ดี

                    “บ่อยสิ มันเป็นร้านที่คุณแม่มักจะมากินเสมอๆสมัยชั้นยังเด็กๆ”เนตรสีหยกเอ่ยทั้งใบหน้าเรียบทว่าแววตาก็สั่นวูบไหวราวกับมีเรื่องในใจ โซราเมะที่แม้จะไม่เห็นแววตานั้นแต่ก็รู้สึกได้ด้วยใจว่าอีกฝ่ายกำลังคิดถึงอะไรบางอย่าง

                    “....ท่านเสียแล้วหรอคะ?”เพราะแววตาแบบนั้นเธอเองก็มีเช่นกัน กาอาระพยักหน้าให้อีกฝ่ายเป็นคำตอบ บรรยากาศอบอุ่นค่อยซึมหายไปและแทนทีด้วยความห่อเหี่ยวเล็กๆ ร่างบางรู้สึกผิดที่พูดเรื่องเก่าแบบนี้

                    “ขอโทษคะ”เธอเอ่ยเรียบด้วยสีหน้ารู้สึกผิดพลางหันไปสบมองกาอาระที่ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากมาย

                    “เรื่องมันนานมาแล้ว ช่างเถอะ”เขากล่าวอีกครั้งเนตรสีหยกสบมองกับดวงหน้าหวาน เขากำลังคิดถึงพ่อแม่ของเธอ เขารู้ดีกว่าแม่ของเธอเสียชีวิตไปนานแล้วเช่นเดียวกับเขา ไม่ต่างกันพวกเขาทั้งคู่ไม่เหลือบุพการีแล้วเหมือนกัน

                    หลังจากทานอาหารเสร็จกาอาระจ่ายเงินเสร็จสรรพก่อนจะขับรถตรงกลับไปที่คฤหาสน์ เครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำในรถหรูและแสงสีจากภายนอกที่กำลังค่อยๆบางตาลง เสียงเพลงเคล้าคลอให้เคลิบเคลิ้ม เมื่อหน้าท้องตึงหนังตาหย่อน โซราเมะที่เพลียจากการทำงานอยู่แล้วเธอเผลอหลับทั้งๆอย่างนั้น เสียงลมหายใจดังขึ้นสม่ำเสมอบ่งบอกว่าหญิงสาวคงหลับลึกแน่ๆ

                    กาอาระไม่คิดจะปลุกเธอ เขาเบาเสียงเพลงคลาสสิกในรถในเบาลงเพื่อไม่ให้มันรบกวนเธอก่อนจะรถความเร็วลง ขับรถไปอย่างเอื้อยเฉื่อยสบายใจโดยมีรถคันดำอีกสองคนค่อยวิ่งตามติดคุ้มครองความปลอดภัย

                    กว่าจะกลับถึงคฤหาสน์ก็กินเวลาไปถึง5ทุ่มครึ่ง ร่างบางเองก็เหมือนมีสวิทซ์อยู่ในตัว เธอลืมตาตื่นขึ้นทันทีที่รถจอดสนิท เจ้าของเนตรครามนั้นแสนจะงัวเงีย บิดขี้เกียจห้าวปากกว้างพลางยกมือปิดปาก เธอขยี้ตาเบาๆ

                    “ถึงแล้วหรอ”เธอกล่าวพลางหาวอีกครั้ง ทัศนียภาพเบื้องหน้าที่แสนคุ้นเคย ทำให้แม้ไม่ได้คำตอบเธอก็พอรู้ว่าถึงแล้ว หญิงสาวเดินลงจากรถทั้งๆที่หาวก่อนทั้งคู่จะเดินเข้าไปในคฤหาสน์

                    “กาอาระคุง!”ความสงบก็แทบจะจบลงทันใดเมื่อร่างสูงย่างเท้ากลับคฤหาสน์ เสียงแหลมหวานที่ชวนปวดหัว โซราเมะหายงัวนอนเป็นปลิดทิ้งตื่นเต็มตาพร้อมกับแววตาเกรี้ยวกราดที่อยู่ๆถูกส่งมาให้เธอ

                    “เธอ!? อย่าบอกนะว่าคุณไปดินเนอร์กับมันมา!?”ผู้หญิงเกรี้ยวกราดชี้หน้าโซราเมะก่อนจะหันไปถามกาอาระด้วยความไม่พอใจ ทั้งแววตาทั้งน้ำเสียงนั้นคล้ายลาวาเหลวที่ไหลทะลักไม่แคร์ผู้ใด คามิล่าผู้ยืนกรานว่าตนนั้นคือนายหญิงคนใหม่ของบ้านหลังนี้

                    “กาอาระคุงทำกับคามิล่าแบบนี้ได้ยังไง คามิล่าเป็นคู่หมั้นของกาอาระคุงนะ!”เสียงแหลมหวานของสตรีที่น่ากลัวที่สุดในบ้าน เธอเดินไปตีอกร่างสูงเบาๆอย่างเง้างอน โซราเมะฉุดคิดถึงแผลของอีกฝ่ายได้ เธอรีบจับมือของคามิล่าไว้

                    “ถอยไป ยัยคนชั้นต่ำ!”เพราะถูกร่างบางที่เกลียดชังขวางไว้ ความหึงหวงที่มีอยู่เท่าตัวก็ยิ่งเพิ่มพูนจนคามิล่าหน้าแดงโกรธจัด

                    “คุณซาบาคุโนะยังอยู่ในช่วงฟักฟื้นจากการถูกยิงที่หัวไหล่ คุณไม่ควรเข้าไปทำร้ายเขา...ถ้าคุณเป็นว่าที่ภรรยาของเขาจริงๆละก็นะ”ไม่รู้อะไรมาดลใจหรือเพราะแค้นฝังหุ่นเรื่องตัวเล็ก โซราเมะหมั่นไส้การกระทำของอีกฝ่ายจนเผลอแหย่กระตุกหนวดเสื้อเข้าให้

                    “นี้แก!”คามิล่าหน้าแดงก่ำด้วยความอับอาย อยู่ๆก็โดนร่างบางสวนกลับเธอถึงกับตะลึงงง จากที่ตั้งใจจะเข้ามาตัดพ้อกาอาระ คามิล่าเบนเป้าหมายมาที่โซราเมะแทน

                    “ตายจริง คุณเจ็บแผลหรอ? งั้นเราขึ้นห้องกันดีกว่านะคะ”กาอาระกลายเป็นเครื่องมือในการเมินเฉยคามิล่าไปเสียซะดื้อๆ สาวเจ้าตีหน้าตกใจมองกาอาระที่ยังไม่ได้พูดอะไรสักคำก่อนร่างบางจะเดินจูงมืออีกฝ่ายจากไปปล่อยให้คามิล่ายืนกรี้ดกร้าดทำเสียงน่าหนวกหูอยู่คนเดียว

                    เมื่อเดินขึ้นบันใดพ้นสายตาของคามิล่าแล้ว โซราเมะเหลียวหลังแลบลิ้นใสอีกฝ่ายทีนึง กาอาระไม่เคยเห็นโซราเมะเป็นแบบนี้มาก่อน มองการกระทำของเด็กแย่งของเล่นที่พึ่งจะเอาคืนเด็กเกเรได้หมาดๆ ไม่เหมือนกับตอนของกินะที่เธอยอมให้ทุกอย่าง เขารู้สึกพอใจที่เธอไม่ได้เอาแต่ก้มหน้าให้คนอื่นรังแกและแอบหวังไว้ลึกๆว่าเธอจะทำเพราะหึงหวงไม่ต่างจากคามิล่า

                    อีกทั้งมือบาง คงเพราะแรงโทสะและอยากเอาคืนบ้างทำให้เธอจงใจจับมือเขาเดินให้คามิล่าเห็น ฝ่ามือเล็กที่จับจูงให้เขาเดินตาม เขาไม่เคยถูกใครทำอะไรแบบนี้มาก่อน กับคามิล่าเขาก็ไม่เคยยอมให้อีกฝ่ายเข้าใกล้เสียด้วยซ้ำ แต่กลับเธอมันทำให้หัวใจเขาเบ่งบาน

                    “เฮ้ย ถึงจะสะใจก็เถอะแต่ฉันว่าฉันไม่ควรอยู่ที่นี้ มันจะทำให้พวกคุณมีปัญหา”เธอถอนหายใจก่อนจะพูดกับเขา ร่างบางปล่อยมือหนาลง สีหน้าเธอคล้ายคนสำนึกผิดก่อนเธอจะกอดอกอย่างใช้ความคิด

                    “ปัญหาอะไร?”ร่างสูงถามทวนคล้ายไม่ยอมรับว่ามันจะมีปัญหาใดๆเกิดขึ้น โซรเมะหมุนหัวคิ้วลงก่อนจะตอบคำถามของอีกฝ่าย

                    “ก็นี้ไง คุณคามิล่าเขาหึงคุณเพราะคุณเป็นคู่หมั่นเขา ส่วนฉันแค่บังเอิญเป็นแขก เมื่อกี้นะถ้าเป็นฉันเองยืนเห็นคู่หมั่นตัวเองเดินเข้าบ้านมากับผู้หญิงคนอื่นก็อาจจะปรี้ดแตกไม่ต่างจากเธอหรอก”สาวเจ้าตอมคำถามไปพลางบ่นไปพลาง ไม่ทันสังเกตสีหน้าที่กำลังขมวดคิ้วลงของกาอาระแม้แต่น้อย

                    “คามิล่าไม่ได้หมั้นหมายกับฉัน พวกผู้ใหญ่เป็นคนพูดเองเออเองทั้งนั้น เขากลัวว่าฉันจะเป็นพวกสนใจป่าไม้เดียวกัน”พอร่างสูงพูดจบ โซราเมะก็หลุดหัวเราะออกมาทันที เสียงหวานหัวเราะเบาๆอย่างเกรงใจ กลัวจะเสียมารยาท

                    “พวกเขาเอาอะไรคิด? คุณก็ออกจะมาดแมนดีออก”เธอกล่าวอย่างอารมณ์ดีก่อนที่เธอจะมาหยุดอยู่หน้าประตูห้องนอนของเขา

                    “ฉันส่งคุณแค่นี้แหละ ฉันไปละ”หญิงสาวกล่าวด้วยน้ำเสียงร่าเริงพลางโบกมือลาอีกฝ่าย เตรียมตั้งท่าจะหันหลังกลับห้องนอนของตัวเอง เธอรู้สึกง่วงนอนมาก ขืนอยู่ต่อเธอได้หลับทั้งแน่ๆ

                    “ไหนบอกจะดูแผลให้ฉันไง?”

                    “อ้าว แต่คุณก็รู้นิว่าฉันแค่อ้างไปอย่างนั้น”ร่างบางหารู้ไม่ว่ากาอาระได้กระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาอย่างน่าหมั่นไส้ ร่างสูงที่กำลังเปิดประตูและหันหลังให้กับอยู่ๆก็ชักงักก่อนที่เขาจะยกมือขวาที่บาดเจ็บแตะที่ไหล่ซ้ายเบาๆ สีหน้าแสดงความเจ็บปวดออกมาอย่างชัดเจน

                    “เจ็บแผลหรอ?”เธอถามด้วยความห่วงใย เห็นสีหน้าของคนไม่ช่างพูดแล้วก็อดห่วงไม่ได้ “ไม่เป็นไร เธอไปพักเถอะ”ร่างสูงกล่าวราวกับไม่ใส่ใจบาดแผลทั้งๆที่เนตรคมสีหยกกลับแอบชำเหลือกมองร่างบางที่กำลังตั้งท่าจะเถียงเขา

                    “ฉันทิ้งคุณแบบนี้ไม่ลงหรอก ถึงฉันจะเป็นสัตวแพทย์ก็ตามที”โซราเมะกล่าวอย่างดื้อดึงก่อนจะจัดการเดินจูงแขนร่างสูงเข้าไปให้ห้อง เธอจัดการช่วยเขาถอดสูทตัวนอกและเนคไท ทั้งคู่นั่งลงที่โซฟาสีเบสตัวเดิมก่อนที่ร่างบางจะจัดการแกะกระดุมเสื้อเชิตสีแดงด่ำอย่างขะมักขะเมน

                    โซราเมะใกล้ชิดกับกาอาระมา ครั้งนี้มากว่าครั้งไหนเพราะต้องจัดการกับกระดุมเสื้อเชิตที่แสนจะแกะยากแกะเย็นอย่างน่าแปลก เนตรสีหยกมองตัวเล็กกว่าก่อนจะยิ้มออกมาอย่างบางเบา กดจมูกโด่งรั้นของตัวเองบนศรีษะของเธออย่างหมั่นเคี้ยว สูดดมกลิ่นหอมหวานจากคนตัวเล็ก

                    “หือ?”ทว่าคนถูกฉวยเอากลิ่นหอมกลับไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอรู้สึกแค่แรงกดหนักๆที่หัวจนต้องเงยหน้าขึ้นและสิ่งที่พบก็มีเพียงใบหน้าของร่างสูงที่ยังคงตีหน้านิ่งราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอทำหน้างุนงงอยู่เพียงครู่แต่ไม่นานเธอก็เลิกที่จะสนใจและหันไปจัดการกับบาดแผลที่ไหล่ซ้ายของอีกฝ่าย

                    “จริงสิ ฉันลืมเลย คุณควรไปอาบน้ำก่อนแล้วค่อยมาทำแผลน่าจะดีกว่า”กระดุมเม็ดสุดท้ายถูกแกะออกไปแล้ว หญิงสาวพึ่งจะนึกได้ว่าควรทำแผลหลังอาบน้ำ  ร่างสูงแอบหัวเราะในลำคอเบามองท่าทีตกใจของเธอที่เผลอลืมเรื่องนี้ไป ร่างสูงจึงลุกขึ้นยืนตรงไปยังห้องน้ำหรูพร้อมกับผ้าขนหนูพื้นใหญ่

                    หญิงสาวมองแผ่นหลังของคนตัวเธอที่เดินเข้าไปในห้องน้ำพลางถอนหายใจเบาๆ ความง่วงงุนยังคงรุมเล้าเธอไม่เลิก ไม่ใช่เพราะต้องทำแผลให้อีกฝ่ายปานนี้เธอหลับยาวไม่ตื่นหรอก พลันสายตาก็เห็นหมอนพิงหลังใบใหญ่ หญิงสาวเธอคว้าเอามากอดไว้เพื่อให้สบายตัว ทว่าไม่รู้ทำอีท่าไหนจากที่กำลังนั่งรอกลับกลายเป็นเธอที่หลับรอเขาเสียซะอย่างนั้น

                    กาอาระใช้เวลาสั้นๆในการชำระกายเพราะเขารู้ดีว่าหญิงสาวคงเพลียมาทั้งวันแล้วทว่าพอเขาออกมาจากห้องน้ำกลับเห็นร่างบางล้มตัวลงนอนบนโซฟาเสียแล้ว

                    ร่างสูงในสภาพที่มีเพียงผ้าขนหนูตัวเดียวย่างเท้าเบามาหาหญิงสาว เสียงลมหายใจเข้าออกลึกยาวทำให้รู้ว่าเธอคงหลับลึกแน่ๆ เขาหันไปสวมกางเกงนอนและเสื้อยืดขาวก่อนจะเดินกลับมาที่โซฟาสีเบสตัวเดิมที่มีร่างของหมอสาวที่กำลังหลับไม่รู้เรื่อง

                    มันน่านัก....ร่างสูงรู้สึกหมั้นเคี้ยวที่หญิงสาวก็ชิงหลับไปก่อนเขา ยิ่งมองแก้มขาวเนียนอมสีชมพูระเรือสุขภาพดีนั้นยิ่งทำให้เขาอยากจะบ้า ยามนี้เขาได้มองเธออย่างไม่มีใครค่อยจับตา กลิ่นหอมอ่อนๆจากร่างบางกำลังทำให้สติของเขาเลื่อนลอย ไม่ว่าจะส่วนใดก็ล้วนดึงดูดให้เขาเข้าหาเธอ มือหนาหยาบกร้านค่อยๆลูบศรีษะของเธออย่างเบามือ นิ้วเรียวลากผ่านแก้มนวลนิ้มและริมฝีปาก ริมฝีปากสีสวยเหมือนผลเชอร์รี่มันเผยออกน้อยราวกับชวนเชิญ

                    ร่างสูงไม่ปล่อยให้การเชื้อเชิญนั้นเสียเปล่า เขาค่อยๆโน้มใบหน้าลง เนตรสีหยกปรือปิดลงก่อนที่ริมฝีปากบางเฉียบจะประทับลงบนริมฝีปากหวานที่เชิญชวนอย่างแผ่วเบา รสหวานที่ไม่เคยสัมผัสมาจากไหน มันทั้งแปลกใจและน่าตื่นตาและที่ยิ่งกว่าเมื่อร่างบางกลับจูบเขาตอบอย่างอ้อยอิ่ง มันแทบจะกระชากให้สติและความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของเขาหายไป อารมณ์ครุกกรุ่นในกายมันร้อนรุมดังไฟสุมจนเขาต้องรีบระริมฝีปากออกจากเธอ

                    หญิงสาวยังคงไม่ได้สติ เธอเพียงขยับริมฝีปากเพราะถูกแย่งลมหายใจเท่านั้น ไม่ได้โต้ตอบเขาอย่างที่เขาคิด ร่างสูงเอามือทาบอกที่เต้นแรงของตัวเองก่อนจะสูดลมหายใจลึกๆเพื่อระงับอารมณ์เถื่อนดิบของตัวเอง ไม่น่าเชื่อว่าเพียงแค่จูบและยิ่งเป็นจูบที่เขาขโมยมาเองมันกลับทำให้เขาแทบจะลืมทุกสิ่งทุกอย่าง

                    สัมผัสที่ริมฝีปากยังคงอุ่นอยู่ มันอุ่นและตราตึงในความทรงจำของเขา นี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาได้สัมผัสผู้หญิงและแน่นอนว่าเขาไม่ใช่หนุ่มซิงไร้ประสบการณ์ เขาเพียงแค่ไม่ค่อยรู้ว่าก่อนว่าจะมีคนทำให้เขาเป็นได้มาถึงขนาดนี้

                    อยากได้อีก....อยากสัมผัสเธอให้มากกว่านี้

     

    เพล้ง!

     

                    เสียงตกแตกของวัตถุใสดังขึ้นลั่น มันมากพอจะดึงสติของกาอาระให้กลับคืนมาและทำให้หญิงสาวที่หลับใหลอยู่สะดุ้งตื่นทันใด โซราเมะที่เผลอหลับตื่นเต็มตาหันไปมองต้นเสียงด้วยความตกใจ

                    “คุณซาบาคุโนะเป็นอะไรไหม?”เธอถามพลางค่อยลุกขึ้นยืน เดินเข้าไปดูซากของเครื่องแก้วใสรูปนกอินทรีที่หมดสภาพอยู่บนพื้นก่อนจะหันไปมองกาอาระที่ยืนเหม่อมองเธอ

                    “ไม่”เขาตอบกลับเสียงเบาพลางเดินออกจากกองเศษแก้วพวกนั้นและตรงไปกดปุ่มโทรศัพท์เรียกทานากะมาจัดการให้เรียบร้อย

                    “เธอไปพักเถอะ ไม่มีอะไรแล้ว”

                    “แล้วแผลคุณละ?”เธอกล่าวถามอีกครั้งพลางมองปาสเตอร์กันน้ำที่มือของเขา มันมีรอยเลือดออก กาอาระมองตามสายตาเธอก่อนจะพึ่งรู้สึกตัวว่า เมื่อครู่เขาเผลอกำหมัดแน่นเพื่อระงับอารมณ์ตัวเองจนทำให้แผลเปิด

                    “มะ เดี๋ยวฉันทำแผลให้”โซราเมะรีบลากร่างสูงมานั่งที่โซฟาตัวเดิมที่เธอเผลอหลับก่อนจะจัดการทำแผลให้เขาใหม่ เนตรสีหยกจับจ้องเธออยู่นานกว่ากับมีคำพูด จนในที่สุดเขาก็เอ่ย

                    “...กาอาระ”

                    “คะ?”

                    “ฉันอยากให้เธอเรียกฉันว่า กาอาระ”โซราเมะไม่แน่ใจนักว่าอีกฝ่ายกำลังอยู่ในอารมณ์ไหนแต่เนตรสีหยกนั้นมันกรุ้มกริ่มและมีความนัยอยู่ลึกๆ เธอมองพลางเอียงศรีษะสงสัยเท่านั้น

                    “คุณกาอาระ?”เธอลองเรียกตามอีกฝ่าย เธอพบว่ามันเรียกง่ายกว่านามสกุลเขาเยอะ ไม่มีท่าทีเก้อเขินเหมือนกับของคิบะด้วย คงเพราะรู้สึกสนิทใจที่จะเรียกแล้วมากกว่า

                    “กาอาระเฉยๆก็พอ”ร่างสูงเอ่ยกับเธอด้วยน้ำเสียงทุ้มอ่อนโยน หญิงสาวรู้สึกเหมือนหน้าตัวเองจะร้อนขึ้น เสียงทุ้มดูคล้ายเสียงกระซิบและจักจี้หูจนพานให้ร่างบางรู้สึกร้อนๆหนาวๆตาม จากที่ตอนแรกไม่ขัดเขินแต่ตอนนี้ธอรู้สึกเหมือนถูกอีกฝ่ายคาดหวังให้เรียกชื่อเขาอย่างมีความนัย

                    “...กาอาระ”เธอไม่รู้ตัวว่าเธอเอ่ยด้วยสีหน้าแบบไหน แดงหวานและน่ารักคล้ายกับผลเชอร์รี่เหมือนริมฝีปากของเธอ.....น่าหม่ำ

     

    เขาอยากกินเชอร์ชี่ผลนี้จัง

     

                    “เรียกอีกสิ”ร่างสูงคล้ายเว้าวอนออดอ้อน เขาไม่เคยได้ยินใครเรียกชื่อเขาเองได้ระรื่นหูเท่าคนตรงหน้า ใบหน้าที่มักเรียบนิ่งระบายความยินดีออกมาอย่างไม่ปิดบัง ดวงหน้าคมคายทว่ากลับพูดจาออดอ้อน มันทำให้เธออดไม่ได้ที่จะเขินจริงๆ

                    “อะไรของคุณ บ้า”รู้สึกเขินทั้งที่อีกฝ่ายก็ไม่ได้ขายขนมจีบแต่คำพูมันชวนให้เธอใจเต้นแรก น่าแปลก ทั้งๆที่โดนคนตัวเล็กด่าว่าบ้าแต่กาอาระกลับหัวเราะชอบใจเสียแทน....นี้เธอกำลังเขินเขาใช่ไหม?

                    ไม่นานทานากะก็เข้ามาจัดการเก็บกวาดซากเครื่องแก้วในห้อง มองหญิงสาวร่างเล็กที่กำลังทำแผลให้กับผู้เป็นนาย ใบหน้าเธอแดงน้อยๆแถมเจ้านายของเขาก็กำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างผิดวิสัย เขาคิดไปเองรึเปล่านะว่าบรรยากาศรอบตัวของคนทั้งสองเป็นสีชมพู

     

    เอาเถอะสีชมพูๆสีชมพู ดีเหมือนกัน

     

                    ทานากะและเมดใช้เวลาไม่นานในการเก็บกวดก่อนจะหันสลับไปมองร่างสูงที่ได้รับการดูแลบาดแผลอย่างดีจากคนร่างเล็ก

                    “ดูหนังกันไหม?”อยู่ร่างสูงก็ถามคนตัวเล็ก ดวงหน้าคมคายเอ่ยพร้อมรอยยิ้มอารมณ์ดีมองหญิงสาวที่กำลังติดปาสเตอร์ให้เขาเป็นอันจบการทำแผล

                    “ไม่เอาคะ มันดึกแล้ว ฉันยังไม่ได้อาบน้ำด้วย”เธอยกข้ออ้างขึ้นมา เธอรู้ตัวว่าถ้าขืนอยู่ต่อเธอได้หลับคาห้องเขาอีกแน่ๆ

                    “ก็ไปอาบสิ พรุ่งนี้วันหยุดฉัน”

                    “แต่ฉันไม่หยุดนิน่า”ร่างบางเถียงกลับพลางเก็บข้าวของลงกล่อง เธอเดินยกมันไปเก็บไว้ที่เดิมก่อนที่ข้อมือบางจะถูกอีกฝ่ายคว้าเอาไว้ เหล่าเมดและทานากะแม้จะทำหน้าเมินเฉยแต่ก็แอบชำเหลือกตามองการกระทำของกาอาระอย่างนึกสนใจ

                    “ฉันคงลืมบอกเธอไป พรุ่งนี้คิบะจะมาที่นี้ เขาจะเข้ามาสอบปากคำเกี่ยวกับเรื่องคดีของเธอ ฉันคิดว่าเธอควรจะลาหยุดนะ”โซราเมะทำหน้าตาหลอหลาทันทีที่กาอาระพูดจบ เธอค่อนข้างสงสัยว่าคิบะบอกกับเขาไปเมื่อตอนไหนในเมื่อเธอก็อยู่ด้วยตอนที่พวกเขาพูดคุยกัน

                    “คุณคิบะเขาน่าจะมาหาคุณนิ? ไม่ใช่ฉันสักหน่อย”ร่างบางยังคงตีหน้างงสงสัยไม่ค่อยเข้าใจว่าคนตรงหน้าตั้งใจจะทำอะไร เธอมีลางสังหรณ์ว่าเขาต้องหาเรื่องชวนเธอหยุดงานแน่ๆ

                    “มันก็จริงแต่น่าเสียดายเนอะ ทั้งที่ถ้าเธออยู่ให้การเพิ่มเธออาจจะได้กลับบ้านของเธอไวขึ้นก็ได้”เนตรสีหยกมองร่างบางที่กำลังหูผึ่งเมื่อได้ยินชื่อบ้าน เจ้าแมวน้อยของเขาติดกับเข้าเต็มเปา

                    “จริงหรอ!?”

                    “ก็ถ้าช่วยเจ้าคิบะไขคดีได้ไวๆเธอก็จะปล่อยภัยแล้วก็ได้กลับบ้านเร็วขึ้น มันก็แค่นั้น”ร่างสูงสรุปถึงภาพรวมคำพูอของเขา กาอาระแอบเหยียดยิ้มมองแมวน้อยที่กำลังตกหลุมพรางของเขา

                    “คะ งั้นฉันจะลางานอีกสักวันก็แล้วกัน”เนตรสีครามเอ่ยพลางหยิบมือถือขึ้นมาเพื่อพิมพ์เมซเสสทิ้งเอาไว้ให้ซึนาเดะ เธอใช้วันหยุดของปีนี้ไปครบถ้วน หากคราวหน้าเธอลางานอีกอันนี้เธออาจจะได้ลาพักยาวแบบไม่กลับด้วยแน่ๆ

                    “ถ้าลาเสร็จแล้วเราก็มาดูหนังกันเถอะ”โซราเมะที่พึ่งจะตกหลุมกับดักไปหมดถูกมือหนาลากกลับไปนั่งที่โซฟาตัวเดิม มันตั้งอยู่ปลายเตียงโดยที่มีทีวีจอ 50นิ้วอยู่ตรงหน้าบนตู้ไม้หรูเข้ากับพื้นลายบาเก้สุดๆ

                    “เดี๋ยวสิ! ฉันยังไม่ได้อาบน้ำเลย”เหมือนเธอจะหยิบข้ออ้างครั้งแรกขึ้นมาเกี่ยงไม่ยอมดูหนังกับเขา ข้อมือของคนตัวเล็กพยายามแกะมือหนาที่ยึดแขนเธอไว้แน่นยังกับปลาหมึก....เหนียวหนึบไม่ว่าจะรอบไหนๆเธอก็แกะไม่ออก

                    “งั้นก็รีบเข้าละ”กว่าจะยอมปล่อยมือคนตัวเล็กก็แอบหอบ เธอที่ยังไม่ทันตั้งตัวก็ถูกกองผ้าขนหนูโยนใส่จนเกือบรับไม่ทัน เธอมองกองผ้าขนหนูในมืออย่างงงๆ

                    “อาบห้องฉันนี่แหละ ฉันเหนื่อยจะเถียงกับเธอแล้วด้วยรีบเข้าละ ฉัอยากดูหนัง”เพราะรู้ว่าถ้าขืนยืนพูดดีๆกันต่อไปแม้สาวช่างจ้อช่างเถียงคนนี้จะต้องนั่งเถียงไม่ยอมลุกไปอาบน้ำห้องเขาแน่ๆ สั่งเลยน่าจะดีกว่า

                    และเพื่อเป็นการรับประกัน เขาถึงกับดันร่างเธอให้เดินตรงเข้าไปในห้องน้ำโดยไม่สนสีหน้างึนงงของสาวน้อยสักนิด ทานากะผู้อยู่กับกาอาระมานับตั้งแต่เด็กเห็นพฤติกรรมกึ่งบังคับคล้ายเด็กของกาอาระแล้วเขาอดที่จะทั้งแปลกใจและอมยิ้มไม่ได้ก่อนที่เขาและเมดจะเดินออกไปจากห้อง

                    โซราเมะที่พึ่งจะได้สติ เธอทำหน้าเหวอเมื่อรู้ตัวว่าอยู่ในห้องน้ำของเขาเสียแล้ว เธอเกาหัวอย่างงุนงง เขาช่างเปลี่ยนอารมณ์ได้ไวมากจนเธองง ก่อนหน้านี้บรรยากาศยังชวนอึดอัดอยู่เลยด้วยซ้ำ ตอนนี้เขากำลังชวนเธอดูหนัง....ผู้ชายนี้เขาใจอยากจริงๆ

                    ไม่นานเกินรอ โซราเมะพูดคร้านจะเถียงกับเจ้าผู้ชายหน้านิ่ง เธออาบน้ำอย่างรวดเร็วเพราะความล้า แน่นอนว่าเธอไม่กล้าถอดเครื่องในชิ้นใดๆออก ถ้าตัวเธอยังไม่กลับไปนอนห้องตัวเอง เสื้อที่เขาหยิบมาหาเธอใส่เป็นเสื้อของเขาเองกับกางเกงขาสั้น.....ที่ตัวใหญ่ไปนิดนึงจนเธอใส่ไม่ได้

                    โซราเมะปรากฏขึ้นออกจากห้องน้ำในชุดเสื้อยืดตัวเดียว มันตัวใหญ่พอที่จะยาวจนเลยสะโพกของเธอ ชายหนุ่มที่นั่งรออยู่เตียงกว้างแอบชำเหลือกมองขาเรียวขาวสวยคู่นั้น นี้เป็นครั้งสองที่เขาได้เห็นเรียวขาคู่สวยนี้ แม้เขาจะให้คนไปขนเอาเสื้อผ้าของโซราเมะมาให้แท้เธอก็ไม่เคยใส่ขาสั้นหรือกระโปรงให้เขเห็นเลลยสักครั้ง ถ้าไม่ใช่เพราะหน้าหวานๆกับผมสั้นประบ่านั้นเธอาจจะดูเหมือนสาวทอมบอยก็เป็นได้

                    “จะดูเรื่องอะไรหรอ?”ท้ายที่สุดเธอก็หันมาให้ความสนใจกับหนังเรื่องที่กำลังจะดูพลางหย่อนก้นลงโซฟาสีเบสตัวเดิมที่แสนจะคุ้นเคย เธอหันไปมองคนบนเตียงที่กำลังรื้อตลับดีวีดีออกมาดู ทั้งหมดล้วนยังไม่ได้แกะกล่องและมีอยู่จำนวนมาก โซราเมะอดไม่ได้ที่จะกระโดดขึ้นมาบนเตียงก่อนจะมารื้อตลับดีวีดีอีกกองที่เอาหยิบเอาขึ้นมาดู

                    “หนังเมื่อปีที่แล้วนิ?”

                    “ฉันไม่ค่อยมีเวลาว่างนะ”เขากล่าวก่อนจะมองโซราเมะที่พยักหน้ารับรู้และกำลังลงมือช่วยเขารื้อดีวิดีกล่องใหม่เอี่ยมอย่างตื่นตา

                    “ฉันอยากดูการ์ตูน คุณดูไหม?”คราวนี้สาวเจ้าก็หยิบเอากล่องดีวิดีภาพยนตร์แอนิเมชั่น3D เรื่องหนึ่งขึ้นมา สาวน้อยผมยาวเหยียดบนหอคอยสูงลิ่วกับพระเอกที่เป็นเพียงแค่โจรหนุ่มไม่ใช่เจ้าชาย โซราเมะชอบอะไรแบบนี้เธอแม้จะชอบเพ้อฝันแต่ก็ไม่เคยพูดออกไปเพราะกลัวถูกหัวเราะเยาะ

                    “เด็กน้อยชะมัด”

                    “อ้าว แล้วคุณจะซื้อมาทำไมละ?”กาอาระยักไหล่ให้เธอครั้งหนึ่งอย่างไม่ยีระก่อนจะตอบคำถามด้วยสีหน้าเรียบ ”เทมาริซื้อมาให้เผื่อฉันจะสนใจ”คราวนี้สาวน้อยร้องอ๋อเบาๆ ทำหน้าเหมือนจะเข้าใจ

                    “ฉันอยากดูเรื่องนี้”พูดจบกาอาระก็ลุกขึ้นไปแกะแผ่นดีวีดีใส่เครื่องเล่นก่อนจะกลับมานั่งบนเตียงอีกครั้ง โซราเมะเหมือนเห็นเจ้าของแผ่นหนังเริ่มมีเรื่องที่จะสนใจดูแล้วเธอเลยไม่ขัดนั่งดูหนังที่โซฟาตัวเดิม

                    แต่ทว่ายังไม่ทันเปิดหนังดูได้ครบ10นาที เธอก็รู้สึกได้ถึงบรรยากาศวังเวงน่าขนหัวลุกจากภาพยนตร์ที่กำลังดู เธอไม่รู้ว่าเขาหยิบหนังเรื่องอะไรขึ้นมาดูแต่ก็ขอภาวนาให้ไม่ใช่หนังผีก็พอ

     

    ....เธอไร้เดียงสาซื่อบื้อขนาดนี้มีหรือจะไม่กลัวผีนะ

     

                    กาอาระรอบมองสังเกตอาการของคนที่นั่งอยู่ที่โซฟาโดยตลอด เขามันคนหน้านิ่งขวัญแข็งเกินกว่าจะมาตกใจกับภาพยนตร์เกรดBแบบนี้ เขาแค่อยากรู้ว่าเธอจะทำยังไงถ้าสิ่งที่เธอกำลังดูอยู่คือหนังผีจริงๆนะ

                    “ขะ หมอนหน่อยได้ไหม?”เสียงหวานเริ่มออกอาการสั่นเล็กๆ แขนเธอเกร็งเพราะหวาดระแวงว่าจะมีตัวอะไรออกมาหรือไม่ แต่หนังก็คือหนังถึงจะน่ากลัวแต่มันก็น่าดู เธอจึงไม่ยอมละสายตาไปจากจอทีวีขนาดใหญ่เสียซะสักเท่าไหร่

                    “มานั่งตรงนี้ก็ได้ น่ากลัว”เขาเอ่ยชวนพลางตบที่ที่ว่าข้างตัวเองเบาๆ ครั้งนี้โซราเมะไม่ปฏิเสธ เธอรีบวิ่งมานั่งกองอยู่ข้างเขาก่อนจะคว้าหมอนมากอดไว้แน่น เธอเอาใบหน้าแนบหมอนจนเหลือแต่ลูกตาจ้องทีวีและไม่น่าเกินรอผีมันก็โผล่มา!

     

    แฮ!

     

                    โซราเมะสะดุ้งเฮือกเผลอกรีดร้องใส่หมอนหนานุ่มใบโต เธอยกหมอนปิดหน้าจนตัวเกรงไหล่สั่น กาอาระแอบหัวเราะในลำคอน้อยๆมองแมวน้อยของเขา ขนาดกลัวเธอก็ยังเหลือกตามองทีวีไม่เลิก

                    “ไม่ยักรู้ว่าเธอชอบดูหนังผี?”เขาลองถามเธอดู โซราเมะตอบเขาโดยไม่มองหน้า ใบหน้าหวานที่เคยซับสีเลือดเล็กน้อยตอนนี้มันกำลังซีดขาวเพราะความตกใจแต่เธอก็ยังไม่ยอมเลิกดู

                    “ฉันชอบดูหนัง แต่ไม่ชอบผีหรอก”เธอปฏิเสธก่อนจะมุดหน้าลงหมอนอีกรอบพร้อมกับเสียงกรีดร้องตกใจ กาอาระนึกอยากแกล้งคนตัวเล็กเสียดื้อๆ เขาจัดการเอาผ้าห่มมาห่อตัวเองก่อนจะรอจังหวะช่วงที่เสียงประกอบภาพยนตร์น่ากลัวๆ ยืนหน้าเข้าไปใกล้ๆเธอหมายจะแกล้งให้ตกใจเล่น

                    แต่ดูเหมือนคนตัวเล็กกว่าจะรู้สึกตัวก่อน เธอหันหน้าไปมองเขาเพราะรู้สึกได้ถึงสายตาที่จับจ้อง ทันใดนั้นเองริมฝีปากของทั้งคู่ก็แตะชนกน จมูกโด่งรั้นชนเข้ากับปลายจมูกเล็กๆของเธอ โซราเมะผงะตกใจก่อนจะถอยห่างทั้งใบหน้าแดงระเรื่อ

                    “ขะ ขอโทษ! “สาวเจ้าหน้าแดงปรั่งตกใจ ไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะยืนหน้าเข้ามาใกล้ขนาดที่แค่เธอหันหน้าปากก็ชนกันได้เสียแล้ว ท่าทีของโซราเมะช่างแตกต่างจากกาอาระ เนตรสีหยกเองก็ดูจะตกตะลึงไม่ต่างกันแต่จะต่างก็ตรงที่เขาไม่ได้ขัดเขินเหมือนเธอแต่กลับยกปลายนิ้วขึ้นแนบริมฝีปาก รู้สึกอกข้างซ้ายของตัวเองเต้นระทึกรุนแรงก่อนเขาจะเผยรอยยิ้มออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ

                    น่าเสียดายที่โซราเมะไม่ได้เห็นรอยยิ้มนั้น  เธอที่ตกใจหลังจากขอโทษไปหนึ่งรอบเธอก็เลือกที่จะหันมาแก้เขินด้วยการหันไปสนใจหนังตรงหน้าต่อ ใบหน้าหวานยังคงแดงระเรื่อ ขนาดผียังไม่ทันจะออกเธอก็หมุดหน้าใส่หมอนใบใหญ่เสียแล้ว

                    จะผิดไหมที่เธอจะเขินในเมื่อนั้นเป็นจูบแรกของเธอ ถึงมันจะแค่แตะๆและเป็นอุบัติเหตุก็ตาม แต่เธอก็ยังเขิน รู้สึกได้ถึงเลือดที่สูบฉีดแรง ใบหน้าร้อนผ่าวอย่างช่วยไม่ได้ เธอจ้องเขม็งใส่ทีวีตั้งใจจะดูเผื่อเธอจะหายเขินไปบ้าง ดูกาอาระสิขนาดโดนเธอขโมยจูบไปเขาก็ยังตีหน้านิ่งราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอก็ควรทำแบบนั้นด้วยสินะ

                    “แบบนี้มันไม่ยุติธรรมนี้?”เสียงทุ้มของคนข้างกายดังขึ้นใกล้ริมใบหู โซราเมะแอบขนลุกตื่นตกใจ คำถามของเขาชวนสับสนและน่าสงสัย เธอเตรียมหันควับจะไปถามเขาทว่ามือหนากลับท้ายทอยเธอขึ้น ริมฝีปากบางหยักได้รูปแนบสนิทกับริมฝีปากสีเชอร์รี่ โซราเมะลืมตาโพล่งด้วยความตกใจ หัวเธอขาวโพลนไปหมดจนกระทั้งริมฝีปากของผู้ที่แนบลงมานั้นขยับอย่างอ้อยอิง

    จูบแท้จริงนั้นมีรสชาติอยู่ด้วย มันอ่อนหวานและยั่วยวนให้หลงใหล จูบนั้นไม่ได้รุกรานแต่มันอ่อนโยนและนุ่มนวล ร่างสูงค่อยๆถอนริมฝีปากออกอย่างแช่มช้า เนตรสีหยกสั่นไหวระริกคล้ายเสียดายมองดวงหน้าหวานที่ตอนนี้ราวกับขวดเปล่าที่ถูกเติมน้ำแดงลงไป มันค่อยๆลงแดงขึ้นมา เธอยังคงลืมตาขึ้นมองอย่างตกใจคล้ายวิญญาณหลุดออกจากร่าง

    “ที่นี้ก็หายกันแล้ว”เขากล่าวอีกครั้งพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าคมคลาย รอยยิ้มที่ไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนัก หญิงสาวรู้สึกเหมือนตัวจะระเบิดให้ได้ หัวขาวโพลนสับสนคิดอะไรไม่ออก  เธอตัวสั่นน้อยๆด้วยความอับอายก่อนจะตัดสินใจคว้างหมอนใส่หน้ากาอาระ

    “คนบ้า!”ขว้างใส่หน้าไม่พอเธอลุกขึ้นเดินหนีไปเลยทันที

    “เดี๋ยว!”สายไปแล้ว สาวเจ้าก้าวเท้าหนีเขาออกจากห้องไปเสียแล้ว เขาไม่แน่ใจนักว่าเขากำลังยิ้มอยู่หรือไม่ แต่ที่แน่ใจมากเลยก็คือ ความรู้สึกในอกมันกำลังล้นออกมาท่วมท้วนอย่างที่ไม่เคยเจอ เขาฉีกยิ้มแก้มแทบปริ จูบครั้งแรกกับครั้งที่สองมันต่างกัน แต่ไม่ว่าจะครั้งที่เท่าไหร่มันก็กำลังทำเขาอยากจะบ้าตาย

     

    สงสัยต้องทำจริงๆจังเสียแล้ว ไอ้เรื่องจีบหญิงนะ


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×