ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic naruto] Desert & Sky

    ลำดับตอนที่ #6 : บทที่ 6 หัวขโมย

    • อัปเดตล่าสุด 16 เม.ย. 58


     

    บทที่ 6 หัวขโมย

     

                    ร่างสูงองอาจกำลังย่างเท้าอย่างสุขุมเหนือพื้นหินสีดำสนิทที่ปูราดเป็นทางยาวไปตลอดเส้นทาง แสงสีขาวสาดลงกระทบกับผิวกายขาวกระจ่างเหมือนผิวของชาวยุโรปที่มักเจอกับไอเย็นหนาวมากกว่าไอร้อนของแสงแดด เนตรสีหยกคมเฉียบรอบดวงตาคล้ำทว่าดูน่าเกรงขามกำลังจับจ้องไปยังเส้นทางตรงหน้าด้วยความเคร่งขรึม

                    ร่างสูงเปิดปานประตูที่สีขาวสลับกับเพดานที่สีดำเหมือนกับพื้น ภายในห้องหรูเรียบสีขาวดำที่ขัดกับเส้นผมสีเลือดของเขา ร่างสูงดูโดดเด่นในสายตาของเหล่าผู้ติดตามกำลังนั่งลงประจำบนเก้าอี้สำนักงานสีดำหนาและราคาแพง

                    เมื่อผู้เป็นนายได้นั่งลงประจำที่แล้วคันคุโรจึงยื่นเอกสารและหลักฐานคำพูดของเหล่ากลุ่มผู้ร้ายที่ถูกลูกน้องของเขาจัดการอย่างสิ้นท่าและเงียบเชียบ

                    “พวกมันโวยวาย? ร้องไห้?”กาอาระเอ่ยด้วยความแปลกใจปนตะลึงนิดๆเมื่ออ่านเอกสารรายงานตรงหน้า เพราะนับตั้งแต่เขาขึ้นตำแหน่งนี้มายังไม่เคยได้ยินเลยว่าเชลยที่จับมานั้นร้องไห้โวยวาย โดยเฉพาะกับคนที่ถูกว่าจ้างให้เล่นงานเขา

                    “ใช่ ร้องห่มร้องไห้ซะดัง ฉันละโคตรรำคาญ หลอนลูกตา นี้เจ้างูพิษมันคิดอะไรของมัน”คันคุโร่เอ่ยอย่างนึกหงุดหงิด พลางกอดอกมองสีหน้าของลูกพี่ลูกน้องตัวเองที่กำลังอ่านเอกสารอย่างตั้งใจจนเขาวางเอกสรลง

                    “มันคงโยนหินถามทาง เฝ้าจับตาดูมันไว้ให้ดีๆแล้วมารายงานฉัน”เขากล่าวด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้างการรับมือกับโอโรจิมารุในคราวนี้ไม่ใช่ปัญหาที่ต้องรีบจัดการ มันต้องมีแผนการอย่างอื่นรองรับอย่างแน่นอนกับเจ้างูพิษที่คิดจะสังหารเขาครั้งแล้วครั้งเล่า เขาจะไม่ยอมมันเด็ดขาด

                    “อืม”

                    “แล้วเรื่องของโซราเมะไปถึงไหนแล้ว?”

                    “เรื่องอะไรละ? บ้านหรือเรื่องเมื่อคืน?”ร่างสูงไม่พูดมากแค่เพียงพยักหน้าให้คันคุโร่ ร่างสูงหนาบึกบึนรู้ว่าการพยักหน้าหมายถึงอะไรจึงตอบอย่างตรงไปตรงมา

                    “บ้านของผู้หญิงคนนั้นตอนนี้คงยังทำอะไรได้ไม่มากนัก พวกตำรวจกำลังตามหาตัวเธอ พวกเขาตั้งข้อสันนิฐานโยงเกี่ยวกับคดีค้ามนุษย์ว่าเธออาจจะถูกลักพาตัวเพื่อบังคับค่าประเวณีเพราะมีคนให้การว่าเห็นเธอแถวท่าเรือด้วย ส่วนเรื่องที่ว่าโซราเมะของนายถูกหมายหัวตอนนี้ยังไม่ข้อมูลแน่ชัดว่าเพราอะไร ไม่น่าจะเพียงแค่เพราะเธอเป็นลูกสาวของอาโองาวะ โชจิแน่ๆ พวกมันอาจจะรู้อะไรบางอย่างที่เราไม่รู้ก็ได้”คันคุโร่เอ่ยพลางถอนหายใจ จะเรียกว่าเป็นความซวยของผู้หญิงคนนั้นก็ว่าได้ที่บังเอิญมาเจอกับกาอาระ ไม่อย่างนั้นพวกมันก็คงไม่รู้ว่ายังมีคนนามสกุลเดียวกันกับชายที่พวกมันหวาดกลัวที่สุดหลงเหลืออยู่ แถมดูเหมือนจะมีข้อมูลสำคัญที่พวกมันต้องการเสียด้วย

                    ดูเหมือนกาอาระก็คิดแบบเดียวกับคันคุโร่ เขาชันคางอย่างใช้ความคิด เหตุผลที่หญิงสาวตัวเล็กถูกตามล่าตอนแรกเพราะถูกเขาใจผิดว่าเป็นสายของเขา เขาจึงรั้งให้เธออยู่ใกล้ตัวไวเพราะเธอจะต้องถูกตามล่าแน่นอน แต่ตอนนี้มันมีเหตุผลมากว่านั้นเมื่อเธอเป็นอาโองาวะ โรคุโจ บุตรสาวที่โชจิไม่เคยเอ่ยให้ใครฟัง

                    “แล้วตรวจสอบที่บ้านของเธอเป็นยังไงบ้าง?”

                    “ตำรวจเข้าไปถึงพื้นที่ก่อนก็เลยโดนเก็บหลักฐานไปหมดแล้ว แต่ยังเหลือแร็ปท็อป ฉันแบ็กอัพข้อมูลทั้งหมดไว้แล้วกำลังตรวจสอบอยู่”เขาเอ่ยพลางส่งยืนแฟรชไดร์สีดำสนิทให้กับหัวหน้าแก็งมาเฟียตรงหน้า กาอาระมองอย่างสงสัยเล็กน้อยเพราะปากของเจ้าตัวก็พูดอยู่ว่ากำลังตรวจสอบ

                    “ฉันสำรองไว้อีกชุดเผื่อนายอยากจะตรวจสอบเอง”ร่างสูงหนาพลางพลางกระตุกยิ้มอย่างมั่นใจว่ากาอาระนั้นจะต้องตรวจสอบเองแน่ๆ นับตั้งแต่โตด้วยกันมานอกจากยัยคามิล่าเสียงปรอทแตกนั้น นี้เป็นผู้หญิงคนแรกที่กาอาระยอมให้พักในบ้านใหญ่ เรียกได้เลยว่าอเมซิ่งสุดๆ

                    “ขอบใจมาก อ๋อ ฉันฝากอีกอย่างสิ คันคุโร่”กาอาระที่เหมือนจะลืมเรื่องหนึ่งไปซะสนิท เขาส่งเสียงเรียกคันคุโร่ที่ทำท่าจะเดินกลับไปประจำที่ เขาหันมาก่อนจะนับแผ่นโน้ตสีขาวที่เขียนค่าตัวเล็กเอาไว้

                    “ฝากตัดแว่นที่สิ”ร่างสูงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบรื่นอารมณ์ดี คันคุโร่ขมวดคิ้วอย่างสงสัยมองตัวเลขสามหลักที่แอบสูงจนเขาขนลุก

                    “นี้คงไม่ใช่ว่านายจะใส่แว่นหรอกนะ”ร่างหนาเอ่ยถามเจ้าน้องชายต่างแม้อย่างสงสัย เขาทำงานเป็นทั้งพี่เลี้ยงและบอดี้การ์ดมานานจึงรู้ดีว่ากาอาระนั้นไม่ใช่คนสายตาแย่ แต่ทำไมอยู่ๆถึงได้สั่งละ?

                    “ไม่ใช่ของฉัน”....อ๋อ ของสาวสินะ งั้นเขาคงต้องเลือกอันที่มันสวยๆดีๆซะแล้วสิ

                    “ได้”คันคุโร่เพียงพยักหน้ารับคำก่อนจะหันหลังให้กับร่างสูงและเดินออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว ถึงเขาจะไม่พอใจสักหน่อยเกี่ยวกับเรื่องคำมั่นสัญญาลมๆแล้งๆนั้นแต่ถ้ามันทำให้กาอาระพอใจเขาก็โอเค

                    เมื่อร่างสูงของคันคุโร่จากไป กาอาระจึงได้พ่นลมหายจนตึงเครียดออกมา เขามองดูเอกสารอีกกองที่ถูกวางไว้ใกล้ๆก่อนจะหยิบมันขึ้นมาอ่านอย่างไม่ใส่ใจนัก...ซาบาคุโนะเป็นตระกูลมาเฟียเก่าแก่ที่กำลังพยายามออกจากวงการมืดด้วยกันหันมาจับธุรกิจสะอาด เช่นเรื่องเกี่ยวกับการส่งออกและออกแบบดีไซน์เครื่องประดับและหินรัตนชาติกับการโรงแรมที่กำลังไปได้สวย แน่นอนว่าธุรกิจเถื่อนดิบก็ยังพอมีอยู่บาง จากที่ตระกูลเขาเคยทำทุกอย่างมาตั้งแต่ ค้ายา ค้ามนุษย์ อาวุธและสัตว์หายาก ตอนนี้เหลือเพียงแค่การค้าอาวุธและสัตว์หายากเท่านั้นที่ยังมีอยู่จนตกมาถึงมือของเขา ผู้นำรุ่นที่ห้า

                    เขาควรจะเลิกขายมันเสียซะที ไม่เช่นนั้นตระกูลของเขาจะไม่สามารถออกจากธุรกิจมืดได้เลยแต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้นที่จู่จะตัดธุรกิจลงกันไปง่ายๆ ไม่เช่นนั้นคนที่อาจจะแย่ก็คงจะเป็นเขา

    ร่างสูงดันเก้าอี้ออกจากโต๊ะก่อนจะลุกขึ้นยืนและเดินไปหยุดอยู่หน้าหน้าต่างปานใหญ่ มองผู้คนที่กำลังเดินขวักไขว่ไปมาอยู่หน้าลานตึกสูงของห้างสรรพสิค้าหรูในย่านดังที่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับโรงแรมของเขา เนตรสีหยกกำลังกวาดสายไปมาอย่างเหม่อลอยพลางนึกถึงใบหน้าของใครบางคนที่เลือดตกยางออกตั้งแต่เมื่อวาน แถมเช้านี้ก็ยังไม่ได้เจอหน้าเพราะเขาต้องรีบออกมาทำธุระแต่เช้าตรู่ รู้สึกเป็นห่วงอย่างบอกไม่ถูกและเขาอาจจะคิดมากเกินไปจนทำให้เห็นเงาตระคุมๆที่คล้ายๆเธอกำลังเดินเข้าไปในห้างสรรสินค้า!

    กาอาระหันควับมองตามร่างนั้นทันใดอย่างตกตะลึงก่อนจะค่อยๆขมวดคิ้วอย่างช้าๆ สายตาของเขาไม่ได้พล่ามัวและเบลอเจอจนจำใครไม่ได้ เขามีความทรงจำเป็นเลิศจัดจนสามารถจำทุกสิ่งทุกอย่างโดยที่มองเห็นไปเพียงครั้งเดียวได้ เงาที่เขาเห็นเมื่อครู่ไม่ใช่ว่าเขาตาฟาดไปเอง แต่เป็นเธอจริงๆ

     

    นี้เธอกล้าขัดคำสั่งเขาออกมานอก?

     

                    ร่างสูงรู้สึกหงุดหงิดใจอย่างบอกไม่พูด เขาเคยยำเธอนักหนาแล้วว่าห้ามออกมาข้างนอกเด็ดขาดขาดเหลืออะไรก็เรียกทานากะ หากเป็นปกติเขาคงโมโหที่ถูกขัดใจหรือใครทำอะไรไม่ได้เรื่อง แต่นี้เขากลับโมโหเรื่องที่เธอออกมาข้างนอกโดยยอมไม่บอกเขาสักคำ จากที่กำลังเป็นห่วงเขารู้สึกหัวเสียคล้ายกับจับได้ว่าภรรยาของตัวเองกำลังแอบไปพบชู้ เขาหรี่ตาลงมองอย่างหงุดหงิดคาดโทษไว้ในใจก่อนที่เขาจะโทรหาเลขาของตัวเองเพื่อขอยกเลิกนัดประชุมและการจัดการเอกสารในวันนี้

     


     

    ++++++++++++++++++

     

    หลังจากที่ได้รับโทรศัพท์จากญาติของตัวเอง โซราเมะมัวแต่ตกใจจึงไม่ได้โทรบอกเจ้าของบ้าน อันที่จริงเขาไม่ได้ให้เบอร์โทรเธอไว้ต่างหาก แถมเพราะมัวแต่รีบร้อนดีใจก็เลยทิ้งข้อความสั้นๆไว้กับพ่อบ้านทานากะ ว่าจะออกมาพบญาติเท่านั้น

    ไม่บ่อยนักที่จะมีใครมาหายิ่งกับญาติที่ไม่ค่อยได้ติดต่อกันแล้วยิ่งแล้วใหญ่ นับตั้งแต่ที่คุณพ่อของเธอย้ายมาอยู่โอซาก้าก็ไม่มีใครติดต่อมาเลยแถมคุณพ่อของเธอก็ยังชอบโมโหเวลาที่เธอพูดถึงเหล่าญาติพวกนั้น อาจจะยังเพราะเด็กเธอจึงไม่เข้าใจโตขึ้นก็เลยลืมเรื่องพวกนั้นไป

    หญิงสาวในชุดเดรชสีน้ำตาลน่ารักรับกับเส้นผมสีขี้เถ้าประบ่า เธอแต่งหน้าอ่อนๆด้วยเครื่องสำอางที่เธอ(แอบ)ขอยืมใช้ โทรศัพท์เครื่องขาวที่เธอได้รับคือจากกาอาระตั้งแต่เมื่อวันก่อนถูกยกขึ้นเพื่อเปิดอ่านข้อความ เธอมองหาคนในเมลก่อนจะพบกับหญิงสาวร่างบางในชุดสุดเปรี้ยวสายเดี่ยวสีเหลือ กางเกงขายาวเอวลอย เครื่องประดับมากมายตามตัวและแต่งหน้าจัดมาก

    “กินะจัง”เธอเรียกอีกฝ่ายด้วยสีหน้าไม่แน่ใจนักเพราะเด็กหญิงในความทรงจำเธออกจะเป็นเด็กน่ารักซุกซนไม่ใช่แม่สาวเปรี้ยวจี้ดไฟแรงสูงแต่งหน้าจัดแบบนี้ เส้นผมสีน้ำตาลสว่างเป็นลอนใหญ่เข้ากับนัยน์ตาสีเทาเจอฟ้าของเธอ

    “หือ? คุณเป็นใคร?”พอถูกคนคุ้นหน้าถามสวนกลับ โซราเมะแอบหน้าชาเล็กๆ แต่เธอก็เลือกที่จะส่งยิ้มให้อีกฝ่าย พยายามไม่คิดมากว่ากินะคงจำเธอไม่ได้เพราะเมื่อก่อนเธออ้วนแบบว่า...อ้วนฉุเลยละ

    “นี้ฉันเอง โซราเมะไง”เธอเอ่ยแนะนำตัวอีกครั้ง สีหน้าของกินะแสดงออกมาถึงความตกตะลึงชัดเจนมองหญิงสาวร่างบางตั้งแต่หัวจรดเท้า

    “นี้ใช่ยัยช้างน้ำ เอ้ย! ฉันหมายถึงใช่เธอจริงๆหรอ? เธอดูเปลี่ยนไปมากเลย”โซราเมะยิ้มแห้งแล้งให้อีกฝ่ายไม่รู้ว่าอีกฝ่ายนั้นพูดถึงเธอในทางที่ดีหรือร้ายกันแน่ แต่เอาเถอะนานๆที่จะได้เจอกัน

    “ไม่ได้เจอกันนานเลยสบายดีไหม? อายุเท่าไหร่แล้วเนี่ย”เธอเอ่ยด้วยท่าทีเป็นมิตรผิดกับกินะที่ไม่ได้กระตือรือร้นอะไรนักแต่ยักไหล่ให้เธออย่างไม่ใสใจ

    “ก็สบายดี ปีนี้ก็22แล้ว”แม้จะอายุน้อยกว่ากินะก็ไม่เลือกที่จะเรียกอีกฝ่ายว่าพี่คงเพราะไม่ได้เจอกันนานเลยรู้สึกห่างเหิน

    “หรอ เรียนต่อรึเปล่าหรือว่าทำงานอยู่ละ? ”เธอเอ่ยถามสารทุกข์สุขดิบด้วยรอยยิ้ม กินะส่งยิ้มให้เธอน้อยๆ

    “ฉันกำลังมาหางานทำในโอซาก้านะ ฉันจำได้ว่าฉันพ่อมีเบอร์เธออยู่ ก็เลยขอเบอร์โทรโทรศัพท์แล้วก็เมลหาเธอดู”กินะกล่าวพลางยกโทรศัพท์ฝาพับสีชมพูของตัวเองขึ้นโชว์เบอร์ของโซราเมะ

    “แล้วโซราเมะทำงานอะไรอยู่ เห็นว่าจบสัตว์แพทย์แล้วนิน่า”

    “ก็นิดหน่อยตอนนี้ฉันทำงานอยู่ที่คลินิกใกล้สถานีนะ”อันที่จริงยังไม่ได้เริ่มทำงานเลยด้วยซ้ำ ทั้งคู่ชวนกันเดินในห้างตากแอร์เย็นฉ่ำพูดคุยหัวเราะอย่างสนุกสนาน ทั้งคู่เดินช็อปปิ้งเลือกดูเสื้อผ้าน่ารักๆหลังจากที่พูดคุยกันได้สักพักเธอจึงรู้ว่านอกจากกินะจะว่างงานแล้วเธอยังมีปัญหาเรื่องเงินอีกด้วย ตอนนี้ทางบ้านไม่มีเงินส่งให้พอ ทำให้กินะเรียนไม่จบและต้องเริ่มหางานทำ

     เพราะถูกเอาใจมาตั้งแต่เด็กกินะจึงไม่อยากทำงานเมื่อมีคนมาค่อยตามเอาใจเหมือนแต่ก่อนเธอจึงอ้อนให้โซราเมะซื้อเสื้อพาราคาแพงให้ซึ่งโซราเมะไม่มีปัญหา จากที่คิดว่าจะตั้งใจซื้อให้แค่ตัวสองตัวแต่กินะกลับหยิบมาถึงห้าตัว เธอพอจะทำท่าหยิบมันออกกินะก็บ่นเป็นหมีกินรังผึ้งและหลุดคำด่าหยาบคายออกมา ตอนแรกโซราเมะก็ใจหายวาบแต่พอมาคิดๆดูกินะเขาก็เป็นแบบนี้มาตลอด อีกฝ่ายคงไม่ได้ตั้งใจด่าเธอจริงๆจังๆจนสุดท้ายเธอก็ต้องยอมอีกฝ่าย กว่าจะออกมาจากร้านเสื้อผ้าแบรนด์แนมนั้นได้ โซราเมะแทบจะตัวเบาหวิว ก่อนที่เธอจะเผลอลากกินะมาหน้าร้านอาหารหรูแห่งหนึ่ง

    “นี้ฉันหิวแล้ว หาอะไรกินกันเถอะ”กินะเอ่ยพลางพยายามจูงมือโซราเมะไปยังหน้าร้านอาหารหรูที่ว่า โซราเมะแอบกลืนน้ำลายลงอย่างอย่างยากเย็น...ร้านนี่แพงหูฉีกเลยนะ!

    “กินะจังมีเงินหรอ?”ร่างบางเอ่ยถามญาติผู้น้องแม้จะรู้ว่าคำตอบมันคืออะไรแต่ก็อดถามไม่ได้เพราะปากบอกว่าขัดสนแต่กินะก็ใช้เงินเก่งยังกับเป็นเงินตัวเอง  กินะมองอีกฝ่ายก่อนจะทำสีหน้าไม่พอใจ

    “ทำไม ฉันไม่มีเงินแล้วก็ไม่คิดจะแย่แสสินะ”อยู่ๆเจ้าหล่อนก็ประชดประชันจนโซราเมะใจหาย

    “ปะ เปล่าไม่ใช่อย่างนั้น”

    “เธอมันก็เหมือนคนอื่นๆพอฉันลำบากแล้วก็ไม่มีใครมาสนใจ ขนาดพ่อกับแม่ยังไม่สนใจเลย!”กินะยืนโอดครวญอยู่หน้าร้านมองโซราเมะที่กำลังทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกจนสุดท้ายเธอก็ยอมเข้าไปในร้านหรูนั้น กินะสั่งอาหารที่อยากทานไม่ยั้งในขณะที่โซราเมะกลับเลือกที่จะไม่ทาน เธอเพียงจิบน้ำเปล่าเท่านั้น

    “ไม่กินหรอ อร่อยนะ”กินะเอ่ยอย่างร่าเริงก่อนจะซัดอาหารหรูอย่างไร้มารยาทจนทำให้โต๊ะอื่นๆมองเธอด้วยสายตาดูแคลง หญิงสาวรู้สึกหน้าชาจนต้องก้มหน้างุบงิบหลบสายตาผู้อื่น

    กว่าจะได้เรียกเช็คบิลกินะก็กินอาหารชุดใหญ่ไปจนหมด พนักงานยื่นบิลคิดเงินให้ เมื่อเห็นตัวเลขโซราเมะถึงกับหน้ามืด...สะ สามหมื่นเยน!?

    “อ๋อ ขอสั่งไอนี้เอากลับบ้านด้วยนะคะ”กินะไม่สนสีหน้าของเจ้าของเงินในกระเป๋าและสั่งอาหารเพิ่มเอากลับบ้านก่อนจะหันมายิ้มขอบคุณอีกฝ่าย

    “ขอบคุณที่เลี้ยวข้าวนะ โซราเมะ”กินะยิ้มร่าอย่างพอใจก่อนจะลุกขึ้นยืนเดินทอดน่องออกไปรอข้างนอกร้าน

    “ฉันรออยู่แถวร้านขายเครื่องประดับฝั่งนู้นนะ”หญิงสาวในชุดสายเดี่ยวสุดเปรี้ยวเอ่ยทิ้งท้ายไว้ก่อนจะเดินหายไปจนสุดสายตา โซราเมะมองแผ่นหลังเล็กที่เอาแต่ใจนั้นด้วยความรู้สึกกัดกลุ้มรู้สึกได้ทันทีเลยว่าเธอจะต้องเสียเงินให้กับค่าเครื่องประดับของกินะต่อไปแน่ เธอควรจะปฏิเสธแบบไหนดีอีกฝ่ายถึงจะไม่เสียน้ำใจกันนะ

    โซราเมะค้นหาบัตรเอทีเอ็มแบบรูดจ่ายเงินต่างบัตรเคดิตออกมา เธอถอนหายใจเถือกใหญ่อีกรอบอย่างนึกเสียได้มูลค่าข้างในที่หายไป นี้มันเงินเก็บเธอเลยนะ

     

    แปะ

     

                    ในตอนนั้นเองที่เจ้าของเนตรครามกำลังนั่งอำลาอาลัยกับมูลค่าเงินในบัตรของตัวเอง เธอก็ได้ยินเสียงแผ่นพับสำหรับว่าเงินสดปิดลง เธอหันไปมองต้นเสียงทันทีด้วยความสนใจก่อนที่ดวงหน้าหวานจะค่อยๆเงยขึ้นไล่มองจากช่วงเอวของอีกฝ่ายไปจนถึงใบหน้า....เสื้อเชิ้ตสีแดงเข้มทับด้วยสูทสีดำสนิทก็มีอยู่คนคนเดียวนั้นแหละที่เธอรู้จัก

                    “คุณ?”ร่างสูงที่ไม่ควรจะอยู่ตรงหน้ากลับปรากฏตัวขึ้น ในมือเขากำลังส่งคืนแผ่นพับก่อนจะทิ้งตัวลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับร่างบาง

                    “ขอเมนูด้วย”เขาสั่งบริกรด้วยสีหน้าเรียบและน้ำเสียงทุ้มเย็น เบื้องหลังของเขาปรากฏร่างของบอดี้การ์ดร่างบึกบึนสองคนที่กำลังถอนห่างทิ้งระยะไว้และหันไปเฝ้าหน้าร้านแทน ร่างบางมองพวกเขาอย่างงุนงงสงสัย

                    กาอาระสั่งปาวๆไม่สนสีหน้าสงสัยของโซราเมะ เขาชี้นิ้วสั่งก่อนจะส่งคืนให้กับบริกรหนุ่มที่กำลังจดรายกายอาหารอย่างรวดเร็ว

                    “คุณมาที่นี้ได้ยังไง?”ในที่สุดเธอก็ได้เอ่ยถามอีกฝ่าย ไม่ได้รู้เลยว่าอีกฝ่ายกำลังอยู่ในอารมณ์ไหน แม้กาอาระจะนั่งกอดอกด้วยสีหน้าเรียบแต่มันก็กำลังแผ่รังสีไม่สบอารมณ์อยู่ออกมาน้อยๆ

                    “แล้วเธอละมาทำอะไรที่นี้?”ทานุกิร่างสูงถามย้อนกลับด้วยน้ำเสียงติดหงุดหงิด มันมากพอที่จะทำให้โซราเมะรู้สึกตัวว่าเธอออกมาข้างนอกโดยไม่ได้บอกเขา แต่มันเป็นเรื่องที่ทำให้เขาโกรธรึเปล่านั้นเธอไม่ค่อยแน่ใจ

                    “ฉันมาหาญาติ เราแค่เที่ยวเล่นกันเฉยๆ”เธอเอ่ยพลางก้มหน้าลงน้อยๆ ยิ่งถูกเนตรสีหยกนั้นจ้องมองนานๆเธอยิ่งรู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังจับผิดเธออยู่ ยัยตัวแสบในสายตาของร่างสูงกำลังนั่งก้มหน้างุบงิบเหมือนไม่ค่อยอยากสู้หนาเขาเท่าไหร่ เธอมองเขาอย่างหวาดระแวงไม่แน่ใจ

                    “อะไรเล่า คุณมองยังกับฉันเป็นคนผิด”

                    “ใช่ เธออกมาข้างนอกโดยไม่บอกฉันถ้าเกิดมีอะไรขึ้นมาเธอจะว่ายังไง?”ร่างสูงเอ่ยด้วยน้ำเสียงดังกึ่งตะคอก รู้สึกหงุดหงิดใจเป็นอย่างมากนั่งกอดออกเคาะนิ้วอย่างหัวเสียมองร่างบางที่กำลังสะดุ้งทำหน้าเอ๋อเมื่อถูกเขาต่อว่า สภาพร่างกายก็พึ่งไปตบตีกับชาวบ้านมายังคิดจะซ่าออกมาเที่ยว

                    “ฉันก็บอกพ่อบ้านแล้วนิน่า ว่าจะออกมาข้างนอก”

                    “นั้นทานากะ ไม่ใช่ฉัน”

                    “ก็คุณไม่ให้เบอร์ไว้แล้วฉันจะโทรหาคุณยังไงละ?”เธอเถียงกลับ แม้มันจะเบาจนเหมือนบ่นงึมงำแต่มันก็เข้าหูของกาอาระอย่างรวดเร็ว เจ้าตัวแอบตบหน้าผากตัวเองเบาๆ....เขาพลาดอีกแล้ว ทำไมพอเป็นเรื่องของยัยนี้แล้วเขากลับพลาดได้ง่ายๆกันนะ

                    ร่างสูงจัดหยิบโทรศัพท์เครื่องใหม่ของตัวเองขึ้นมาหลังจากที่ต้องทิ้งของเก่าตั้งแต่อยู่บ้านของโซราเมะเพราะมันมีเครื่องดักฟัง เขากดเบอร์บนมือถืออย่างรวดเร็วก่อนจะกดโทรออก

     

    ติ้ดๆๆ~ ติ้ดๆๆ~

     

                    เหมือนอีกฝ่ายจะรู้ตัวว่าเขากำลังทำอะไรโซราเมะรีบหยิบมือถือเครื่องขาวขึ้นมาก่อนจะกดตัดสายและบันทึกเบอร์อย่างรวดเร็ว คิดอยู่ในใจว่าทำไมตัวเธอเองต้องยอมอีกฝ่ายด้วยแถมเขายังทำหน้าดุใส่....ทำตัวเป็นคุณพ่อหวงลูกสาวไปได้

                    “คราวนี้มีแล้วนะ”

                    “อ่า..คะ ว่าแต่ทำไมคุณถึงรู้เบอร์ฉันละ?”ไม่ใช่แค่เบอร์โทรศัพท์แต่เขาเหมือนรู้ทุกอย่างที่เกี่ยวกับเธอเลยด้วยซ้ำจนเธอแอบคิดว่าอีกฝ่ายอาจจะเป็นสโตกเกอร์รึเปล่านะ

                    “เอาเป็นว่าฉันรู้ละกัน”เหมือนเขาจะรู้ว่าเธอจะถามอะไรแบบนี้ ร่างสูงเลือกที่จะตัดบทนั่งพิงเบาะด้วยสีหน้าที่ดีขึ้น เขากำลังพยายามใจเย็นลง...เขาคงบ้าไปแล้วแน่ๆที่จะมาหงุดหงิดใจกับเรื่องแค่นี้

                    ไม่นานนักอาหารชุดใหม่ก็เสิร์ฟมาถึงโต๊ะ แถมยังมีถึงสองเซ็ต สาวเจ้ามองจานสเต็กชิ้นใหญ่ตรงหน้าของตัวเองด้วยความสงสัยมองสลับกับใบหน้าของกาอาระที่ไม่ยอมพูดอะไรแต่ลงมือทานเลย....สงสัยคงเป็นของเขาละมั้ง ตอนอยู่บ้านเธอเขาก็เล่นซัดของไปเกลี้ยงตู้เย็นเลย

                    “งั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ เดี๋ยวกินะจังเขาจะรอนาน”ร่างบางรู้สึกเกรงใจสายตาของคนรอบข้างแม้จะรู้สึกตัวช้าไปหน่อยแต่ก็รู้สึกได้ว่าทุกคนกำลังจับจ้องมองเธอและกาอาระอยู่ เธอตั้งใจจะเดินไปจ่ายบิลในส่วนของกินะก่อนจะเดินออกไปทว่ายังไม่ทันได้ลุกขึ้นยืนเธอก็พบกับสายตาดุๆที่กำลังมองมาทางเธอ

                    “ยังไม่ได้กินข้าวเลยไม่ใช่รึไง? หิวก็กินซะ”เจ้าของเนตรสีหยกเอ่ยด้วยเสียบเงียบตีหน้านิ่ง ผิดกับโซราเมะที่เริ่มขมวดคิ้วด้วยความสงสัย...เขารู้?

                    “นี้อย่าบอกนะว่าคุณแอบตามฉันมา?”เสียงหวานเอ่ยพลางหรี่ตาจ้องจับผิดอีกฝ่าย เขาเลือกที่จะไม่ตอบแต่กลับหยักไหล่ให้แทน...จะให้บอกไหมละว่าเขาตามเธอมาตั้งแต่เห็นเธออยู่หน้าห้างแล้ว แน่นอนว่าเขาไม่บอก บอกไปเดี๋ยวก๋หาว่าเขาเป้นคนโรคจิตซะเปล่าๆทานุกิจองสโตกเกอร์จึงชวนเปลี่ยนเรื่องคุยเสียแทน

                    “มื้อนี้ฉันเลี้ยง ถ้าไม่รีบกินเดี๋ยวญาติเธอจะรอนานนะ”พูดขาดคำ จานเปล่ากับช้อนมีดก็ถูกส่งมาวางตรงหน้าเธอจากพนักงานราวกับเป็นการบีบบังคับให้เธอรีบทานมันซะ

                    “แต่ว่ามันแพงมากเลยนะ”เธอเถียงกลับพลางมองเจ้าสเต็กชิ้นโตอย่างห้ามใจ ไอ้หิวมันก็หิวอยู่หรอกแต่ไอเกรงใจรึมันก็ใช่ เธอชักจะพึ่งพาเขาเยอะเกินไปแล้ว

                    “กินซะ”ในที่สุดคนความอดทนต่ำก็เริ่มออกเสียงทุ้มคล้ายขู่เธอ โซราเมะย่นจมูกกับท่าทีเอาแต่ใจของอีกฝ่าย ให้ตายยังไงดีแค่ไหนก็ยังเป็นอีตาทานุกิเอาแต่ใจอยู่วันยังค่ำ....ในเมื่อบอกจะเลี้ยงฉันก็ขอซัดเกลี้ยงเลยก็แล้วกัน!

                    ร่างบางรีบลงมือทานอาหารออย่างรวดเร็วทว่าในตอนคำแรกที่เนื้อชั้นดีเข้าปากเธอก็เผลอยิ้มเคลิบเคลิ้มอย่างพอใจแต่พอคิดว่าต้องรีบไปเจอกินะจังเธอก็รับอัดสปีดทานอย่างรวดเร็ว คาดว่าเร็วที่สุดในชีวิตแล้วด้วยซ้ำ...แต่ก็ยังไม่เร็วเท่าคนตรงหน้า

                    เขากินเสร็จก่อนเธอราวๆห้านาที เจ้าของเนตรครามของร่างสูงอย่างไม่ค่อยอยากเชื่อนัก คนที่มีร่างกายและกล้ามเนื้อสวยงามแบบนั้นกลับกินจุและทานเร็วมากจนน่าตกใจ เห็นกี่ทีๆก็ไม่ชิน

                    หลังจากจ่ายเงินเสร็จทั้งคู่ก็เดินออกจากร้าน โซราเมะรีบขอบคุณอีกฝ่ายและขอแยกตัวเพราะเธอทิ้งกินะจังไว้นานแล้ว เธอควรรีบวิ่งไปหาอีกฝ่าย

                    โซราเมะกึ่งเดินกึ่งวิ่งตรงไปยังร้านเครื่องประดับหรูที่อยู่ฝั่งตรงข้ามด้วยสีหน้ารีบร้อน เธอหันซ้ายหันขวามองหาร่างเล็กของญาติผู้น้องอยู่สักพักก็เห็นเธอยืนเท้าเอวทำหน้าหงุดหงิดอยู่ใกล้เคาท์เตอร์คิดเงิน

                    “อะ! นั้นไง มาแล้วๆ”กินะจังรีบกระโดดเต้นเล้าๆด้วยความดีใจ เธอรีบบอกโบกมือให้อีกฝ่ายก่อนที่กะจะค่อยๆหมุนหัวคิ้วลงมองมือที่ว่างเปล่าของโซราเมะ

                    “แล้วของของฉันละ?”เธอถามอย่างขุ่นเคืองใจ สายตาแสดงถึงความเอาแต่ใจงอแงมองโซราเมะที่กำลังทำหน้าตกใจ เธอพึ่งนึกได้ว่าลืมขอเพราะมัวแต่รีบนั้นแหละ

                    “เอ่อ ฉันคงลืมมันไว้ที่ร้าน”เธอเอ่ยด้วยสีหน้ารู้สึกนึกผิด อันที่จริงเธอก็คิดอยู่เหมือนกันว่าทำไมอีกฝ่ายถึงไม่ยอมหิ้วมา ....ของของตัวเองทั้งนั้น

                    “ยัยเซ่อซ่า!”ร่างบางของญาติผู้น้องเปล่งคำด่าใส่อีกฝ่ายอย่างไม่รู้สึกนับถืออีกฝ่ายว่าเป็นพี่ เธอกอดอกเคาะแขนอย่างไม่พอใจไม่สนท่าทีของโซราเมะที่กำลังหน้าชา เธอยิ้มค้างราวกับถูกกดปุ่มหยุดไว้ ก่อนที่คำสั่งต่อไปจากหลุดออกมาจากปากของกินะ

                    “ไปเอามาให้ฉันเลยนะยัยช้างน้ำ!”เสียงตะคอกแหลมหูที่บาดลึกเข้าไปในจิตใจ ร่างบางรู้สึกชาวูบเหมือนกับโดนไฟฟ้าช็อค ภาพในอดีตกำลังค่อยๆย้อนขึ้นมา ภาพของยัยเด็กขี้เหร่อ้วนกลมถูกเด็กหญิงที่สะสวยและผอมกว่ารังเกเอารัดเอาเปรียบ ชักชวนให้เพื่อนทุกคนต่างพากันล้อเลียนและเกลียดเธอ ยัยช้างน้ำ

                    ลำคอยาวระหงรู้สึกตีบตันจนใบหน้าเริ่มซีดขาวด้วยความตกใจ ร่างบางยืนแน่นิ่งสนิท เด็กสาวสะสวยผู้ชอบกลั่นแกล้งในความทรงจำของเธอกำลังยืนมองเธอที่ตัวแข็งนิ่งอย่างสมเพช....เหอะ ต่อให้สวยแค่ไหนแต่สุดท้ายยัยช้างน้ำก็ยังคงเป็นยัยช้างน้ำ ไม่กล้าที่จะสู้เธอ

                    ในที่สุดกินะก้ตัดสินใจที่จะทำตัวเหมือนเมื่อก่อน เอาแต่ใจชอบชัยชยะและชอบการอยู่เหนือกว่าคนอื่นโดยเฉพาะกับคนที่ไม่เคยสู้เธอได้เลยอย่างโซราเมะ เธอลองเชิงกับร้านเสื้อผ้ามาแล้วจึงรู้ว่าอีกฝ่ายก็ยังคงเป็นเหมือนเดิมยอมเธออยู่อย่างนั้นแม้จะถูกเธอด่าอยู่ก๋ตาม

                    “ยืนนิ่งอยู่ได้ ไปเอามาสิ”กินะรู้สึกเหมือนตัวเองอยู่เหนือกว่าในที่สุด มือบางผลักไหล่ของโซราเมะจนร่างของญาติผู้พี่ถลาไปข้างหลังก่อนที่จะชนเขากับแผ่นอกกว้างของใครบางคนเข้า

                    “ขะ ขอโทษคะ”โซราเมะหลุดจากภวังค์เมื่อรู้สึกได้ถึงฝ่ามือใหญ่ที่กำลังประคองเธอให้ยืนทรงตัว เธอเงยหน้าขึ้นมองคนที่ถูกเธอเซไปชนก่อนจะเบิกตาความด้วยความตกใจอีกครั้ง     

                    “กาอาระ”เสียงหวานเปล่งชื่อของคนตรงหน้าด้วยน้ำเสียงเบาหวิว น้ำเสียงนั้นบ่งบอกอารมณ์ทั้งหมดของเจ้าของดวงหน้าหวานโดยสิ้น ทั้งอ่อนแอและปวดร้าว ยิ่งใบหน้าที่เคยนวลขาวชมพูที่กำลังซีดลงเรื่อยๆ มันทำให้เขารู้สึกสงสารจับใจ

                    “อุ้ย ขอโทษด้วยนะคะ ญาติฉันเดินเซไปชนคุณเข้า”ดูเหมือนกินะจะไม่รู้ว่าทั้งสองคนรู้จักกัน เธอมองเพียงบุรุษตรงหน้าทั้งเสื้อผ้าหน้าผมทุกอย่างดูเรียบหรูอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่เนี้ยบเปะแต่ก็ทรงอำนาจ

                    กินะรู้สึกได้ถึงเสน่ห์อันแปลกประหลาของคนตรงหน้า ลายสักที่หน้าผากที่เขียนคำว่า ความรัก ปกติมันก็ควรจะดูตลกทว่าพออยู่บนใบหน้าของคนคนนี้แล้วมันกลับทำให้ดูอ่อนโยนและแข็งกระด้างในคราวเดียวกัน ใบหน้าคมคายหล่อเหลาจนเตะตาเธอนัก สาวไฟแรงสูงอย่างเธอเจอหนุ่มหล่อแล้วก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มหวานให้อีกฝ่าย

                    “รีบขอโทษสิ”กินะหันไปสั่งโซราเมะหลังจากที่ฝ่ามือใหญ่ปล่อยให้เธอเป็นอิสระ เจ้าของเนตรครามตกใจกับพูดของอีกฝ่าย มือเล็กของกินะถูกวางเหนือศรีษะของเธอก่อนจะออกแรงกดหัวให้ศรีษะที่ปกคลุมไปด้วยเกศาสี้ขี้เถ้าก้มหัวลงแรงๆ สิ่งที่กินะทำมันราวกับไปกดโดนสวิชท์อะไรบางอย่างเข้า

                    จากที่ยอมอ่อนข้อโซราเมะกลับฝืนยืนนิ่งไม่ยอมก้มหัวลงตามแรงผลักของกินะจนคนที่กำลังพยายามฝืนบังคับเธอหัวเสีย ก่อนที่มือบางจะถูกบัดออกอย่างไม่มีใยดี

                    “เอ้ะนี่!”สาวเจ้าสุดเปรี้ยวอุทานด้วยความขัดใจ มองร่างโปร่งของญาติผู้พี่ที่กำลังทำสีหน้าขึงขังไม่พอใจ แต่โซราเมะก็ไม่พูดอะไร กินะยังคงหงุดหงิดขัดใจแต่ก็ไม่ได้แสดงออกมามากนักเมื่ออยู่ต่อหน้าคนแปลกหน้า

                    “ขอโทษคะที่เดินชน”โซราเมะเลือกที่จะขอโทษเองโดยไม่ยอมให้อีกฝ่ายบังคับให้กับหัว เธอเพียงก้มลงน้อยๆพองาม ทว่าแม้จะขอโทษเสร็จเธอก็ยังไม่ยอมเงยหน้าขึ้น เธอมองปรายเท้าของตัวเองด้วยสีหน้าเรียบไม่บ่งบอกอารมณ์

                    “เฮ้”เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นเบาๆคล้ายกับดึงสติของอีกฝ่าย เธอเงยหน้าขึ้นมองเขาก่อนจะได้ยินเสียงของถุงกระดาษที่ถูกยื่นมาให้เธอ

                    “เธอลืมของ”ร่างบางยืนมือไปรับถุงช็อปปิ้งด้วยสีหน้าลำบากใจเล็กๆ พอเข้าใจแล้วว่าเขาโผล่มาข้างหลังเธอได้ยังไง และรู้สึกอึดอัดที่เขาได้เห็นญาติของเธอกำลังทำสีหน้าท่าทีดูถูกเธอ

                    “อ๋อ ของฉันเองคะ ขอบคุณมากนะคะ”กินะฉวยโอกาสเมื่อเห็นว่าโซราเมะทำท่าเหมือนเกรงใจหรือขะเขินก็ไม่ทราบ เธอคิดเพียงว่าคงเป็นหนุ่มหล่อจากร้านหรูที่เธอพึ่งจะไปทานมาแน่ๆถึงได้เห็นว่าเธอลืมของ กินะเรียกแทรกตัวระหว่างทั้งสองรีบคว้าถุงในมือของโซราเมะมาถือไว้เองก่อนจะหัวเราะเสียงใสน่ารักหวังทำแต้ม

                    “แม้อุตสาห์ลำบากเอามาให้ ขอบคุณมากนะคะ”

                    “หรอ งั้นคราวหน้าคราวหลังก็หัดระวังหน่อยก็แล้วกัน”จากท่าทีที่เรียบเฉย เมื่ออยู่ต่อหน้ากินะแล้วเขากลับเปล่งเสียงทุ้มต่ำน่ากลัว คำตักเตือนที่ลบรอยยิ้มออกไปจากใบหน้าของกินะได้ทันใด

                    “ขะ ขอโทษคะ”เธอเอ่ยขอโทษเสียงอ่อน รู้สึกเสียวสันหลังวูบ ก้มหน้าลงอย่างหวาดผวา รู้สึกทั้งโกรธทั้งหน้าชาที่ถูกตักเตือน รู้งี้เธอไม่น่ารับหน้าแทนโซราเมะเลย

                    “เอ่อ ว่าแต่เป็นคนรู้จักของโซราเมะหรอคะ?”เพื่อที่จะคลายบรรยากาศอึดอัด ร่างบางของญาติผู้น้องจึงเปลี่ยนประเด็นในการพูดคุย เธอถามเช่นนั้นเพราะรู้สึกได้ว่าสายตาที่ทั้งคู่มองกันนั้นไม่ค่อยเหมือนคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนสักเท่าไหร่

                    “อ๋อ เอ่อ...นี้คุณซาบาคุโนะ กาอาระ เขาเป็นเจ้าของแมวป่วยที่ฉันดูแลอยู่นะ”เพราะไม่อยากปิดบังอะไรให้เสียความรู้สึก โซราเมะรีบแนะนำตัวอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว กินะทำหน้าร้องอ๋อก่อนจะยิ้มเยาะตามนิสัยเบาๆ

                    “อ๋อ ที่แท้ก็ลูกค้าสินะ”ปกติก็คงจะเรียกอย่างนั้น แต่ตอนนี้โซราเมะเรียกอีกฝ่ายว่าลูกค้าไม่ออก ก็เขาอุตสาห์ช่วยเธอซะขนาดนี้ คำว่าลูกค้าดูจะห่างเหินกันไปหน่อยแต่จะให้บอกว่าอยู่บ้านเดี๋ยวกันมันก็แปลกๆ เธอแค่ถูกบังคับให้อยู่เพราะเธอเป็นผู้มีพระคุณของกาอาระ

                    “ฉันกินะคะ ยินดีที่ได้รู้จัก”แม่สาวจอมแกล้งเอ่ยทักทายอย่างร่าเริง ผิดกับโซราเมะที่กำลังรู้สึกว่ามีลางสังหรณ์แปลกๆ....คล้ายๆกับตอนของคามิล่าเลย

                    “ถ้าไม่รังเกียจจะมาเดินเที่ยวกับพวกเราไหมคะ”คำพูดเชื้อเชิญจากกินะทำให้กาอาระกระตุกยิ้มที่มุมปาก ช่างเป็นรอยยิ้มที่ยากจะเข้าใจ โซราเมะได้ยินคำชวนเช่นนั้นเธอก็รู้สึกหวาดผวาที่ญาติผู้น้องอาจจะหลอกให้ร่างสูงจ่ายเงินซื้อของให้ก็เป็นได้ เธอจ้องเขม็งใส่กาอาระรีบส่ายหน้ารัวๆเป็นเชิงขอร้องให้เขาปฏิเสธ

                    “ได้สิ ก็เบื่อๆอยู่เหมือนกัน”แต่แทนที่เขาจะปฏิเสธกลับตอบรับคำเชิญนั้น โซราเมะทำหน้าตะลึงค้างก่อนทำหน้าครุ่นคิดอย่างใคร่สงสัย....นี้เขาคิดอะไรอยู่กันแน่

                    “เย้! ดีจังเลย”สำหรับกินะแล้วก็เหมือนเหยื่อติดเบ็ด คิดเอาเองสารพัดอย่างก่อนจะกระโจนไปเกาะแขนของร่างสูงอย่างรวดเร็ว โซราเมะอดไม่ได้ที่จะทำตาดุใส่ญาติผู้น้องทว่าเธอก็เก็บความคิดที่จะตักเตือนอีกฝ่าย เธอเองก็เล่นเกาะแขนเขาตั้งแต่วันแรก(ก็มันมองไม่เห็นนิ) ถึงจะมีเหตุผลว่าเพราะอะไรแต่มันก็ไม่ควรอยู่ดี สงสัยเธอคงต้องรีบหาแว่นตาแล้วสิ

                    กาอาระสะดุ้งเล็กๆเมื่อถูกสาวร่างเล็กกระโจนเกาะแขน มันรู้สึกมันช่างแตกต่างราวฟ้ากับเหวเมื่อเทียบกับมือของโซราเมะ กินะเล่นเกาะไว้แน่นจนแขนแกร่งของเขาแนบกับหน้าอกขนาดกลาง เธอส่งสายตาหยาดเยิ้มเต็มที่....เธอนะชอบผู้ชายง่ายๆ คนแบบนี้เธอมักจะกอบโกยอะไรหลายๆอย่างมาได้เยอะ

                    โซราเมะเดินตามหลังคนทั้งคู่ด้วยสายตาสงสัย เธอจ้องแผ่นหลังกว้างอย่างไม่วางตา แม้จะแอบขัดใจที่กินะไร้มารยาทใส่อีกฝ่ายแต่เธอจะทำอะไรได้ในเมื่อกาอาระไม่ยอมปฏิเสธ เธอถอนหายใจเฮือกใหญ่ เธอควรวางเรื่องของกาอาระไว้ก่อน เธอควรจะแยกตัวไปตัดแว่น

                    “คือว่าฉัน....”

                    “ฉันอยากได้พวกของสำหรับสัตว์เลี้ยง เธอมาช่วยฉันเลือกหน่อยสิ”เหมือนกาอาระจะรู้ทันเธอ เขาสะบัดแขนออกจากการเกาะกุมของกินะก่อนจะทิ้งเธอไว้ข้างหลังแล้วหันมาเดินติดกับโซราเมะแทน

                    “นี้คุณคิดจะทำอะไรของคุณ?”เธอถามอย่างสุดจะสงสัยด้วยน้ำเสียงกระซิบ แน่นอนว่ามันก็เข้าอีกรอบเดิม เขาไม่ยอมตอบเธอ เจ้าผู้ชายจอมเจ้าเล่ห์มากแผนการทำให้เธอหรี่ตาลงมองอย่างเคลือบแคลงใจ...คราวที่แล้วก็สเก็ตใส่ยานอนหลับ คราวนี้จะอะไรอีก?

                    “นี้ทั้งสองคนรู้จักกันมานานแค่ไหนแล้วหรอ?”กินะเหมือนจะไม่ชอบที่ถูกทิ้งไว้คนเดียวเธอเลยพยายามแทรกกลางทั้งสองอีกครั้งพลางเอ่ยเรื่องคุย

                    “อ่า....”นั้นสิจะบอกยังไงดีว่าพึ่งรู้จักกันแค่สามวันเอง หญิงสาวยิ้มแห้งๆกรายๆว่าไม่อยากตอบคำถาม

                    “ก็ไม่นานเท่าไหร่”กาอาระตอบแบบขอไปทีพลางกอดอกตีสีหน้าเรียบตามถนัด กินะเองก็เหมือนโซราเมะช่างจ้อช่างถาม จะผิดกันก็แค่โซราเมะไม่ได้คุยกับเขาด้วยท่าที่พยายามตีสนิทเหมือนกับกินะ เขาพยายามฟังและพิจารณ์อีกฝ่ายจากท่าที่ของเธอ

    “น่าแปลกจังเลยน่าที่ทั้งสองคนรู้จักกันได้ ทั้งๆที่เมื่อก่อนโซราเมะไม่เคยมีเพื่อนเลนแท้ ขนาดเพื่อนผู้หญิงยังไม่ชอบเธอเลย”เธอเปรยขึ้นพลางเปรยตามองญาติผู้พี่ที่อยู่ๆก็หยุดเดินตัวแข็งเมื่อถูกจี้ใจดำ เธอเงยหน้าขึ้นมองกินะที่กำลังหัวเราะคิกคักถูกใจ

                    “เมื่อก่อนอะนะ โซราเมะนะทั้งอ้วนทั้งน่าเกลียด แล้วก็ยังใส่แว่นอันเบ้อเริ่ม เฉิ่มมากเลยละคะ”กินะพ่นพิษร้ายแม้จะยิ้มหวานหยาดเยิ้มมองกาอาระอย่างมีความใน คำพูดนั้นแม้จะเหมือนไม่มีอะไรแต่สำหรับโซราเมะแล้วเธอไม่ชอบเอามากๆ

                    “งั้นหรอ?”เหมือนร่างสูงจะยอมฟังคำพูดของอีกฝ่าย กินะยิ้มเยาะได้ใจดูเหมือนเธอจะเดาไม่ผิดชายคนนี้คงเป็นพวกชอบของมีราคาหรือพวกสมบูรณ์แบบ

                    “ใช่คะ เมื่อก่อนนะกินะถูกเลี้ยงดูมาพร้อมกับโซราเมะ เธอนะตะกละมากชอบแย่งของกินของกินะประจำเลย คุณลุงก็ไม่เคยโทษเธอเลยเอาแต่บอกว่ากินะรังแกโซราเมะด้วย”น้ำเสียงเธอออดอ้อนเรียกร้องความเห็นใจ ทำหน้าทาท่าน่ารักน่าเห็นใจมองใบหน้าเรียบที่ไม่แสดงอารมณ์ของอีกฝ่ายโดยที่เธอเลือกที่จะไม่มองโซราเมะ

                    ร่างบางรู้สึกจุกในอดเมื่อถูกอีกฝ่ายเอาปมด้อยในอดีตมาล้อแต่การที่พูดให้ร้ายเธอยังไม่ทำให้เธอรู้สึกโมโหเอากับที่อีกฝ่ายเอาพ่อเธอมาอ้าง ร่างบางกำชายกระโปร่งแน่น รู้สึกจุกในอก หากเป็นไปได้เธออยากจะระบายออกมาเสียตรงนั้นด้วยซ้ำแต่แล้ว...

                    “อ๋อ มิน่าละเสื้อลายคิตตี้ตัวนั้นของเธอที่ให้ฉันใส่มันถึงได้ใหญ่นัก ฉันก็แปลกใจอยู่ว่าแฟนเก่าเธอเป็นคนตัวอ้วนรึยังไง?”เสียงทุ้มเอ่ยดังขึ้นอย่างพอใจก่อนจะเบนสายตามองโซราเมะที่จากตอนแรกกำลังเงียบซึมบัดนี้แก้มขาวกำลังแดงเถือกด้วยความอาย เธอเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายอย่างตกตะลึง

                    “คะ คุณ!”เธอเปล่งเสียงตะกุตะกัก สีหน้าขะเขินทำอะไรไม่ถูกทำให้ร่างสูงอดไม่ได้ที่ยิ้มชอบใจ ผิดกับกินะที่กำลังหน้าซีดเผือกอย่างตกใจ คนที่พูดเรื่องส่วนตัวแบบนี้แถมยังหยิบยืมเสื้อใส่ แถมยังพูดเรื่องแฟนเก่าอีกสีหน้าของโซราเมะก็แดงซะขนาด เป็นใคร ใครก็คิดลึก

    กินะมองโซราเมะที่กำลังส่งสายตาคาดโทษที่ไม่ยอมบอกความจริงว่าคนตรงหน้าเป็นใคร ผิดกับสีหน้าอารมณ์ดีของกาอาระสลับไปมา หญิงสาวในชุดสายเดี่ยวเม้นปากอย่างไม่พอใจ เธอตีค่าของอีกฝ่ายลงทันใด โซราเมะเธอคงใช้มายาทอดกายขายเรือนร่างแน่ๆ ใช่สิ เดี๋ยวนี้สวยแล้วนิ

    “คบกันอยู่หรอ”กินะหันไปถามโซราเมะด้วยน้ำเสียงกระซิบ ญาติผู้พี่รีบสะบัดหน้าอย่างรวดเร็ว

    “เปล่านะ!”เธอเถียงทั้งๆที่ใบหน้ายังแดง ทำท่าเหมือนจะโมโหกาอาระที่หยิบเรื่องเสื้อเธอขึ้นมาพูด แล้วที่นี้เธอจะอธิบายกินะยังว่าที่ต้องให้เขาใส่เสื้อเธอเพราะเขาบาดเจ็บแล้วก็บังคับขมขู่ให้เธอทำแผลให้.....พอนึกถึงเรื่องนี้แล้วเธอก็ถอนหายใจ ไม่เข้าใจตัวเองเลยว่าเจอหน้ากันตอนแรกเธอก็แค้นเขาแทบตายแต่ตอนนี้กลับเฉยๆไปเสียแล้ว หรือเพราะคิดว่าที่เขาทำตาเศร้าใส่เธอตอนพูดเรื่องของพ่อ ทำให้เธอเผลอสมัครใจเชื่อว่าเขาไม่ใช่คนฆ่าพ่อเธอ ตอนนี้เรื่องอะไรๆมันก็เลยดูไม่น่าแค้นแล้วกันแน่

     

    จะบอกว่าเขาเป็นมาเฟียรึ...หึ กินะคงแผ่นป่าราบแน่

     

                    “นี้ๆเราดูร้านนั้นกันไหม? ชุดสวยดีนะ”เพื่อให้ทุกอย่างดูสนุกสนานราบรื่น โซราเมะรีบเปลี่ยนเรื่องคุยก่อนจะรีบเดินเข้าไปในร้านเสื้อผ้าแห่งหนึ่ง แน่นอนว่าเพราะเป็นของในห้างจึงเป็นแบลนด์แนมแต่เพราะติดป้ายลดราคา 70% ปุ๊บโซราเมะก็รีบวิ่งเข้าไปปั้บเลย

                    “ก็ได้ วันนี้ฉันมีเวลาทั้งวัน”ร่างสูงผู้อยู่ในคราบทานุกิมากแผนการเอ่ยพลางพยักไหล่อย่างไม่ยี่ระ พวกของสัตว์เลี้ยงค่อยซื้อที่หลังก็ได้ไม่ใช่เรื่องรีบร้อน

                    กินะเองก็ไม่ขัดคอในเมื่ออีกฝ่ายอยากช็อปมันก็เป็นเรื่องดี เธอจะได้เสื้อผ้าสวยๆใส่เพิ่มด้วย ทั้งสามคนเดินเข้าไปในร้านแห่งนั้นก่อนที่สองสาวจะพากันหยิบจับเสื้อผ้าในขณะที่กาอาระกลับยืนนิ่ง เขาแอบหาวเบาๆอีกด้วย ประสบการณ์นัครั้งไม่ถ้วนที่ต้องรองพวกผู้หญิงซื้อเสื้อผ้าเขาเจอมาบ่อยตอนของเทมาริกับคามิล่า เนตรคมทางตามร่างบางอย่างสนอกสนใจเมื่อเห็นเธอกำลังหยิบเดรสสีฟ้าพาสเทลตัวหนึ่งขึ้นมาจากราว

                    เธอเอามายืนเทียบตัวเองหน้ากระจกอย่างพอใจก่อนจะก้มลงมองราคาที่คอเสื้อแล้วก็แอบสะดุ้ง เธอรีบวางมันคืนที่ราวทันที ทำหน้าเสียดายที่หนึ่งก่อนจะเดินไปยังเสื้อโซนอื่น ไม่นานนักเพียงสิบนาทีโซราเมะก็เลือกที่จะเลิกสนใจเสื้อผ้าในขณะที่กินะกลับทำตาวาวดูไม่เบื่อหน่ายเหมือนเธอ

                    “ไม่มีตัวที่ถูกใจหรอ?”เขาถามเธอพลางกอดออกตามนิสัย ร่างบางที่ยืนรออยู่ข้างเขาพยักหน้าให้เบาๆ

                    “มันแพงนะ ฉันไม่กล้าซื้อ”

                    “แล้วของกินะละ?”

                    “....ก็คงต้องซื้อให้นะ กินะตอนนี้เขาไม่มีเงินเท่าไหร่”เหตุผลที่เธอให้กับเขาทำให้กาอาระเริ่มเข้าใจสีหน้าทั้งหมดของโซราเมะแล้ว เขายอมรับว่าแอบตามเธอมาตั้งแต่ที่เห็นเธอเดินเข้ามาในห้าง เห็นทุกอย่างตั้งแต่ต้นเห็นสีหน้าทำนองนี้ของเธอมาตลอดทาง เขาเข้าใจแล้วว่าแมวน้อยของเขากำลังถูกแม่สาวไฟแรงสูงคนนั้นหลอกใช้อยู่

                    “ฉันไม่คิดว่าเธอจะยอมเด็กคนนั้น”สำหรับเขาแล้วโซราเมะแข็งแกร่งกว่าที่เห็นมากนักแต่ทำไมกับเด็กที่ชื่อกินะคนนั้น เธอถึงยอมอ่อนข้อให้อีกฝ่ายมากขนาดนี้ หรือเพราะเป็นญาติ? เขาไม่เข้าใจ เขาไม่เคยอ่อนข้อให้ใครแม้จะกับเทมาริหรือคันคุโร่....ยกเว้นแค่เธอ

    ทว่าแววตาที่โซราเมะมองกินะนั้นไม่เหมือนที่เขามองเธอ มันเป็นความรู้สึกจำใจยอมเสียมากกว่า

    “....หลังจากแม่ฉันเสียพ่อก็เข้ากับครอบครัวของแม่ไม่ได้ พ่อนะไม่มีญาติเหลือแล้วก็เลยย้ายมาอยู่โอซาก้า ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่เคยมีใครมาเยี่ยมพวกเราอีกเลย ขนาดงานศพของพ่อพวกเขายังไม่มาเลย ฉันแค่อยากให้พวกเขายอมรับว่าฉันมีตัวตนบาง....ฉันอยากให้พวกเขารักฉันบ้าง”กว่าจะพูดออกมาเธอก็กลั่นกรองความคิดอยู่นาน เธอพูดในสิ่งที่อยากจะให้กาอาระเข้าใจ เธอแค่เหงาหงอยและเดียวดายมาโดยตลอด

    ตอนที่พ่อของเธอยังอยู่เธอใช้จ่ายอย่างสุขสบาย มีเสื้อผ้าสวยๆไว้ใส่มีของกินดีๆ ทุกๆคนต่างรายล้อมเธอ แต่พอเขาจากไปเธอเหมือนสูญเสียทุกสิ่ง ทุคนคนห่างเหินงจากเธอเมื่อรู้ว่าเธอกำลังกลายเป็นขัดสน ยังดีที่ยังพอมีเงินจากประกันชีวิตของพ่ออยู่บ้าง แต่มันก็มากพอแค่ให้เธอเรียนจบ เพราะงั้นหากให้พูดแล้วตอนนี้เธอก็เหลือเพียงตัวเปล่า เงินติดตัวใกล้หมดลงทุกทีแล้วยังต้องมาเอาใจญาติผู้น้องที่ไม่จริงใจอีก ไม่ว่าใครจะว่าเธอโง่หรือยังไงแต่ที่ทำเพราะอยากได้รับความรักคืนบ้างก็เท่านั้น

    “....ถ้าทำแล้วสุดท้ายคนพวกนั้นก็ไม่รักเธออยู่ดีเธอจะทำไง?”นี้คือสิ่งที่น่ากลัวที่สุดสำหรับโซราเมะในตอนนี้ และมันเป็นคำถามของเขาที่ทำให้เธอรู้สึกเหมือนจำยอมรับสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต

    “ไม่ว่าพวกเขาจะรักฉันหรือไม่ แต่ฉันก็ยังรักพวกเขาเพราะครั้งหนึ่งพวกเขาก็เคยรักฉัน ฉันจะจำไว้ในใจแบบนี้ แล้วก็ถอนห่างจากพวกเขา อย่างน้อยๆก็ยังคงมีความทรงจำดีๆเหลืออยู่”น้ำเสียงหวานนั้นเอ่ยด้วยความอ่อนโยน แม้แววตาจะเจือความเศร้าสร้อยแต่มันก็เพียงน้อย เธอรู้อยู่แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้นแค่เพียงแค่ไม่อยากยอมรับว่าที่จริงแล้วเธอ กลัวที่จะถูกทอดทิ้ง

    “ความคิดเด็กน้อยจริงนะ”กาอาระเอ่ยอย่างเห็นใจอีกฝ่าย ก็ยังดีที่โซราเมะรู้ว่าควรจัดการเรื่องนี้ต่อไปยังไง กลัวก็แค่ว่าความคิดนั้นจะเปลี่ยนไปหรือไม่

    “ฉันยังไม่25เลย เพราะงั้นนับว่าเด็กก็คงไม่แปลก”เธอเอ่ยด้วยรอยยิ้มพอใจ พูดสิ่งที่อยู่ในความคิดจออกไปบางก็ทำให้รู้สึกสบายตัว สายตาของเธอจับจ้องกินะอย่างอ่อนโยน กินะคงสนุกกับการดูเสื้อผ้ามากถึงได้วางถุงผ้าก่อนหน้านี้ไว้ไกลตัว โซราเมะเลยอาสาเข้าไปเก็บมันขึ้นมาก่อนจะเดินกลับไปยังที่เดิมของตัวเอง

    กินะเดินดูอยู่นานสุดท้ายเธอก็ไม่หยิบเสื้อผ้าตัวไหนมาให้โซราเมะจ่ายเงินให้ แม้จะรู้สึกแปลกใจแต่ก็นับว่าดีไม่น้อยที่เธอไม่ต้องเสียเงินเพิ่ม

    “นี้ไปกินไอติมกันเถอะ”หญิงสาวอ่อนวัยกว่ายังคงร่าเริงสนุกสนานทว่าแววตาของเธอชั่ววูบกลับดูมีเล่ห์เหลี่ยมอย่างน่ากลัวทว่าไม่มีใครสังเกตเห็น กาอาระสะอึกเล็กๆเขามองแผ่นหลังของกินะที่เดินออกไปเป็นคนแรก เขาไม่เห็นแววตาน่าสงสัยเมื่อครู่แต่สัญชาตญาณของเขากำลังบอกว่ามีบางอย่างผิดปกติ

     

    ติ้ดๆๆ!!!!

     

                    แต่มันช้าเกินไปแผ่นหลังของโซราเมะก้าวนำเขาไป เธอเดินผ่านเครื่องตรวจจับสินค้า เสียงของมันดังขึ้นสั่นสะเทือนจนทำให้ทุกคนในร้านหันไปมองเธอเสียงที่ยังคงดังขึ้นไม่หยุดทำให้เหล่าพนักงานรีบวิ่งกรูมาที่เธอมีรายหนึ่งรีบวิ่งไปปิดสัญญานกันขโมย

                    โซราเมะทำหน้าเหล๋อหลาตกใจ เสียงดังทำให้เธอหูอื้อตาลายไปชั่วขณะ ร่างของพนักงานสามคนวิ่งกรูเข้ามาหาเธอ

                    “ขอโทษคะ ขอเช็คของในถุงด้วยคะ”น้ำเสียงพนักงานร้านนั้นแข็งกร้าวขึงขัง โซราเมะถูกอีกฝ่ายจู่โจมอย่างรวดเร็ว ถุงในมือถูกพนักงานเอาไปจนได้ พนักงานเปิดถุงออกก่อนจะสำรวจถุงด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

                    “4ตัว....คงต้องรบกวนขอให้คุณอยู่พบรปภ.ก่อนนะคะ”กว่าโซราเมะจะรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น เธอก็ถูกพนักงานพาตัวไปพบกับ รปภ.เสียแล้ว กาอาระมองหญิงสาวที่ถูกประกบซ้ายประกบขวาด้วยเจ้าหน้าที่ก่อนจะพาตัวเข้าไปพูดคุยภายกันอยู่หลังร้าน

                    “เธอขโมยของหรอ? ไม่นะ!”กินะเอ่ยเสียงสั่นหวาดกลัว เธอเผลอยกมือขึ้นโอบแขนแกร่งของคนข้างตัวไว้แน่น กาอาระมองแผ่นหลังเล็กของโซราเมะอย่างห่วงใย ร่างบางพยายามก้าวตามโซราเมะไปหมายจะเขาเป็นพยานยืนยันและทำการไกล่เกลี่ยเพื่อให้เรื่องจบเร็วที่สุด

                    “โอ้ยเจ็บ!”อยู่ๆกะก็ร้องลั่น ร่างบางที่ยืนเกาะแขนเขาไว้อยู่ๆก็เซถลาทิ้งน้ำหนักตัวให้มากขึ้นจนกาอาระเผลอยืนนิ่งรับร่างเธอไว้

                    “จะ เจ็บขาจัง สงสัยจะเป็นตระคริว”ร่างบางพูดเสียงอ่อย ทำราวกับว่าอาการเจ็บปวดของตัวเองนั้นร้ายแรงมากปานจะเป็นลม กาอาระที่ร้อนรนอยู่แล้วยิ่งรู้สึกหงุดหงิดเข้าไปใหญ่ ผู้หญิงมากท่ามากมารยากำลังอ่อยเขา!

                    “ปล่อย”ร่างสูงเอ่ยเสียงทุ้มเย็นยะเยือก เนตรคมของเขาตวัดมองเธออย่างเชือดเฉือนเหตุการณ์ครั้งนี้เขาดูปราดเดียวก็รู้ว่ามันเป็นฝืมือของกินะแน่ๆ เขาไม่เชื่อว่าหญิงสาวที่เขาสามารถมองขาดได้รับตั้งแรกพบจะทำการขโมยสิ่งของไปได้

                    ถุงกระดาษนั้นเป็นของกินะที่โซราเมะอาสาเดินเข้าไปถือให้เพราะเห็นว่าเจ้าตัววางทิ้งไว้เรี่ยราด มันเป็นกำดักที่กินะจงใจสร้างขึ้นเพื่อให้โซราเมะอับอายต่อหน้าเขา

                    “ตะ แต่กินะเจ็บขานิคะ”แม่สาวไฟแรงสูงยังคงเกาะไม่เลิก แม้จะแอบกลัวสายตาเชือดเฉือนนั้นแต่เธอก็ยังใจกล้าไม่ยอมเลิกรา เธอรู้สึกอยากเอาชนะโซราเมะ อยากจะแย่งของๆเธอมาเป็นของตัวเอง!

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×