ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic naruto] Desert & Sky

    ลำดับตอนที่ #5 : บทที่ 5 น้อยใจ

    • อัปเดตล่าสุด 12 เม.ย. 58





    บทที่ 5 น้อยใจ

     

     

                    เสียงสองฝีเท้าดังขึ้นเบาทามกลางทางเดินที่ถูกปูด้วยหินอ่อนสีสวยมันวาว แสงสีสมที่ให้ทุกๆอย่างในเวลานั้นดูล้ำค่ามากนัก ร่างบางถูกพาเดินมายังที่แห่งหนึ่งซึ่งที่นั้นปราศจากผู้คน เป็นเพียงส่วนที่เงียบงันของโรงแรมหรูแห่งนี้ เยียบเย็น อ้างวางและอับสายตาผู้คน เธอถูกเจ้าคนตีหน้าตายพามาโดยที่อีกฝ่ายไม่ยอมปริปากพูดสักคำ แถมเธอยังได้ยินเสียงฝีเท้าเบาหวิวหลายๆคู่ที่เดินตามหลังมาอย่างน่ากลัว.....น่ากลัวเกินไปแล้ว!

                    “...นี้ จะพาฉันไปไหน คุณยังไม่ยอมบอกอะไรฉันสักคำเลยนะ”เธอถามอีกฝ่ายอย่างนึกหวาดระแวง ถึงเธอจะเป็นคนเชื่อคนง่ายแต่ก็ไม่โง่ขนาดจะไม่รู้สึกถึงความผิดปกติและแรงกดดันนี้...นี้คงไม่ใช่ว่าอยู่เขาจะมาฆ่าเธอหรอกนะ!

                    สาวเจ้าแอบฟุ้งซ่านซึ่งสำหรับคนทั่วไปคงไม่น่าแปลก คนข้างตัวเป็นถึงมาเฟียที่เกือบพาเธอลงหลุมไปด้วยกัน ถึงเมื่อช่วงกลางวันเขาจะทำดีกับเธอก็ตามแต่นั้นก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะทำให้เธอควรจะไว้ใจเขาในตอนนี้

                    ร่างสูงยังคงเงียบงันไม่ยอมตอบคำถามของอีกฝ่าย เขาไม่ปริปากใดๆ อีกทั้งสีหน้าที่อ่านยากทำให้ร่างบางกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก

                    “คะ คือฉันอยากเข้าห้องน้ำนะคะ”ร่างบางเริ่มจะทนไม่ไหวเอต้องถอยหาที่ตั้งหลัก ไม่สิอาจจะต้องเรียกว่าที่ซ่อนจากบุคคลที่ยังคงไว้ใจไม่ได้ เธอยืนตัวแข็งฝืนฝ่ามือของอีกฝ่ายก่อนจะพยักแกะมันออก สีหน้าของเธอคิดอะไรมันออกมาจนหมด ท่าทีที่ลนลานแล้วก็น้ำเสียงสั้น...หึ เธอโกหกไม่เก่งเอาซะเลย

                    “หมดทำหน้าที่ของเธอแล้ว”น้ำเสียงทุ้มดังขึ้นในที่สุด สีหน้าเรียบนิ่งไร้อารมณ์หากแต่แฝงความดุดันเอาไว้ในน้ำเสียง ท่าทีของเขาน่ากลัวสำหรับเธอมากดูไม่เหมือนกาอาระที่เธอเห็นเมื่อช่วงกลางวันเลยแม้แต่น้อย น้ำเสียงเย็น ท่าทางและความรู้สึก...มันราวกับว่าเขากำลังตั้งใจจะฆ่าคน

                    “หมดหน้าที่?”คำพูดของเขาราวกับตัดขาดและน่ากลัว น้ำเสียงเยียบเย็นจนสะท้านไปถึงแผ่นหลัง ร่างบางกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่อย่างยากลำบาก ไม่เข้าใจอะไรเลยแม้แต่น้อยความหวาดกลัวบางอย่างกำลังเกาะกุมจิตใจยิ่งคำพูดของเขายิ่งทำให้เธอกลัว

                    “....ฉันจะกลับบ้าน!”ร่างบางไม่รู้ว่าจะเอ่ยอะไรเธอกลัวว่าจะมีเรื่องน่ากลัวเกิดขึ้น ร่างบางปฏิเสธฝ่ามืออุ่นที่ประคองเธอเดินมาตลอดทาง สีหน้าของเธอชัดเจนว่ากำลังหวาดกลัวและไม่ไว้วางใจ ก่อนที่เธอจะเบิกตากว้างอย่างตกตะลึง....กลุ่มคนที่ยืนอยู่ข้างหลังเธอมาจากไหน!?

                    แม้เธอจะรู้ดีว่ามีคนเดินตามมาแต่ก็ไม่คิดว่าจะมีมากขนาดนี้ ครึ่งหนึ่งยืนถือปืนกับอีกครั้งที่ถูกจับคุกเข่าลงกับพื้นโดยที่มีปืนจ่อศรีษะ คนที่ถูกคุมตัวบางคนก็นอนสลบบางคนก็มีรอยช้ำตามใบหน้า สำหรับเธอแล้วว่าถือว่าสุดยอดมากๆเพราะมันคือภาพรวมของกลุ่มคนที่พึ่งซีดกันระนาวโดยที่เธอไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยแม้แต่น้อยโดยชายที่อยู่ข้างหน้ากลุ่มคนพวกนั้นก็คือคนที่ขับรถให้กับกาอาระ รู้สึกว่าคนคนนั้นจะชื่อ...คันคุโร่รึเปล่านะ?

                    ร่างบางมองอย่างสงสัยเธอรีบหันไปมองกาอาระอย่างเป็นเชิงในของคำตอบ ร่างสูงเข้าใจสายตานั้นดีเขาจึงพยักหน้าให้เธอเป็นคำตอบ

                    “นี้คุณ! คุณเอาฉันมาเป็นเหยื่อล่อ!?”อ่า เธอฉลาดกว่าที่เขาคิดไว้เยอะ ร่างบางแค่เพียงสบตาก็เข้าใจแล้วว่าเขาใช้เธอเป็นเหยื่อล่อ เธอก็ดันกลัวจนใจสั่นว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง ร่างบางฉุนกึกปรี้ดแตกย่างก้าวเข้าไปทุบอกอีกฝ่ายอย่างไม่แค่สายตาเหล่าบอดี้การ์ดที่กำลังรอรับฟังคำสั่งต่อไป

                    กาอาระได้แต่ยืมเฝื่อนขอโทษอีกฝ่าย แต่ฝ่ามือคุณเธอก็หนักเอาเรื่องจนเขาต้องรีบจับข้อมือบางเอาไว้ให้เธอหยุดการปะทุษร้ายเขาก่อนที่แผลที่ไหล่ซ้ายของเขาจะฉีกอีกรอบ....ดุจริงเลยแม่คุณ!

                    “ใจร้ายที่สุด จะบอกกันสักคำก็ไม่ได้ ฉันละกลัวแทบตาย!”เธอโวยวายดิ้นพล่านอย่างฉุนเฉียวไม่ต่างจากแมวน้อยตัวเล็กขู่ฟ่อใส่ราชสีห์

                    “ก็ถ้าฉันบอกเธอจะให้ความร่วมมือไหมละ?”ร่างสูงถามสวนกับก่อนจะหันไปมองกลุ่มคนที่ถูกจับตัวไว้ได้

                    “มีทั้งหมดกี่คน”

                    “ทั้งหมด12คน พวกมันคงไม่คิดว่าจะมีใครคุ้มครองเหยื่อ”แน่นอนคำว่าเหยื่อที่ว่านั้นหมายถึงเธอ ร่างบางยิ่งไม่เข้าใจใหญ่ เมื่อคราวก่อนที่เกิดเหตุก็เพราะกาอาระถูกตามล่าไม่ใช่หรือ? แล้วทำไมคราวนี้คนที่ถูกตามล่ากลับเป็นเธอซะละ เธอเป็นแค่ผู้เคราะห์ร้ายนะ!?

                    ร่างโปร่งบางคนตัวเล็กที่กำลังขมวดคิ้วคิดอย่างไม่เข้าใจ สีหน้ามีคำถามโจ่งแจ้งขนาดนั้นทำให้ร่างสูงรู้ทันทีว่าเธอคิดจะถามอะไร.....แต่เรื่องอะไรจะต้องบอกละ

                    “นี้ฉันงงไปหมดแล้ว คุณช่วยตอบคำถามฉันทีเถอะ มันเกิดอะไรขึ้น?”ใช่ เขาควรจะตอบคำถามเธอไม่ใช่งึมงำให้เธอปวดหัวเล่น แค่เรื่องพ่อเธอก็งงจะแย่แล้ว คราวนี้มันจะเรื่องอะไรอีกละ?

                    “เอาเป็นว่า นอกจากฉันแล้วเธอเองก็กลายเป็นเป้าหมายของพวกมันด้วย”ร่างสูงเอ่ยขึ้นอย่างอ้อมค้อมไม่พูดถึงเหตุผลที่แท้จริง ร่างบางยังคงขมวดคิ้วไม่เลิก เธอไม่พอใจกับคำตอบ เธอต้องการความจริง!

                    “พวกมันคิดว่าเธออาจจะเป็นสายให้ฉัน ถึงได้ยอมช่วยฉันซะขนาดนั้น ที่มาคราวนี้ก็เพราะพวกมันคิดตื้นไปว่าจะมีคนค่อยติดตามฉันเพียงแค่หยิบมือ”ร่างสูงเอ่ยอธิบายอย่างตรงไปตรงมาด้วยสีหน้าเรียบเป็นความจริงเพียงครึ่งเดียวที่เขาเอ่ยออกไป ส่วนอีกครึ่ง...ก็จนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะสมนั้นแหละ

                    “ฉันเนี่ยนะ? เป็นสายให้คุณ? ตายๆๆ แบบนี้ฉันจะใช้ชีวิตต่อไปยังไงเนี่ย!?”สาวเจ้าเริ่มสติแตกบ่นพึมพำๆด้วยท่าทีขี้กลัว เธอตบใบหน้าของตัวเองเบาๆเผื่อจะรู้สึกตัวได้ว่านี้ไม่ใช่ความจริง......แต่ตบให้ตายยังไงเธอก็ยังคงเจ็บ มันคือความจริง!

                    “เดี๋ยวนะ ถ้าอย่างนั้นแสดงว่าคุณก็ใช้ตัวเองเป็นเหยื่อด้วยนะสิ? รู้ทั้งรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังหมายหัวทำไมถึงยังออกมาข้างนอกอีกละ?”เธอบ่นได้ไม่นานก็หันมาสงสัยแทน ท่าทีเดี๋ยวดีเดี่ยวร้ายของเธอทำเอากาอาระอดขำเล็กๆไม่ได้สรุปว่าเธอจะกลัวหรือสงสัยดีละ?

                    “เอาเป็นว่าฉันมีวิธีจัดการละกันนะ”ร่างสูงขี้เกียจะตอบคำถามแม่สาวขี้สงสัย เขาหันไปส่งสายให้กับคันคุโร่อย่างมีความนัยน์ เมื่อรับคำสั่งเสร็จคันคุโร่ก็พยักหน้าและพากลุ่มคนออกไปจากพื้นที่ จนในที่สุดที่น่าก็เงียบงันเมื่อครั้งแรกที่เดินมาถึงจะต่างก็เพียงแต่ว่าบรรยากาศที่อ่อนลง

                    “แล้วที่นี้เอาไงต่อ?”

                    “กลับบ้านสิ”

                    “มาเพราะเรื่องแค่เนี่ย?”เธอถามกลับอย่างสงสัย แล้ววันเกิดเพื่อเขาละ จะไม่เข้าไปร่วมฉลองแล้วหรอ?

                    “ใช่”เขาตอบเพียงสั้นๆด้วยสีหน้าเรียบมันออกจากติดรอยยิ้มสบายใจอย่างไรไม่รู้ ร่างบางนึกสงสัยวิธีการของชายคนนี้นซะเหลือเกิน มาร่วมงานเลี้ยงทั้งที่กลับไม่กินอะไรเลยของจากแชมเปน

                    “แล้วทำไมไม่ยอมกินข้าวก่อนกลับละ อาหารอร่อยออก”

                    “ก็เพราะในจานสเต็กพวกมันใส่ยานอนหลับไว้นะสิ”

                    “!!?”พอได้ยินคำกล่าวอย่างอีกฝ่าย ร่างบางเบิกตากว้างอย่างตกใจแต่แล้วน้ำเสียงที่กำลังเปล่งออกมาก็หายไปเสียดื้อๆ เปลือกตารู้สึกหนาหนักขึ้นทันใดก่อนที่ร่างกายจะไร้เรี่ยวแรงยืนไม่อยู่

                    “ไอ้...คน... เจ้าเล่ห์...”เสียงนั้นเบาหวิวจนแทบจะไม่ได้ยินเพราะกับอารมณ์ปะทุครั้งสุดท้ายก่อนที่เธอจะถูกร่างสูงช้อนร่างบางขึ้นอย่างรวดเร็ว ร่างบางไร้เรี่ยวแรงขัดขืนก่อนจะเอนศรีษะสบลงที่แผ่นอกกว้างและหลับไปอย่างรวดเร็ว

                    ร่างสูงได้เพียงแต่มองเธอด้วยสายตาเอ็นดูน้อยๆก่อนจะกระขับอ้อมแขนให้แน่นขึ้นจนรู้สึกได้ถึงกลิ่นกายอ่อนๆจากร่างบางที่หลับใหลอยู่ในอ้อมแขนของเขา....อันที่จริงเขาเดินออกมาข้างนอกเป็นเหยื่อล่อเองนั้นย่อมได้แต่เขาดันเผลอยอมให้เธอกินอาหารใส่ยานอนหลับนี้สิ ถ้าไม่เอามาด้วยเธอคงนอนสลบอยู่ในงานแน่ๆ

     

    +++++++++++++++++

     

                    “ปล่อยคะ! หนูจะกลับบ้าน!

                    “คุณผู้หญิง ใจเย็นเถอะนะครับๆ”

                    “พวกคุณลุงก็ปล่อยหนูเถอะคะ หนูจะไม่ยอมอีตาคนเจ้าเล่ห์นั้นอีกแล้ว!”ท่ามกลางความสงบสุขในคฤหาสน์หลังโต สภาพเหตุการณ์โวยวายน่าเวียนหัวเกิดขึ้นนับตั้งแต่ที่หญิงสาวได้สติจากฤทธิ์ยาสลบ ในช่วงสายเวลาเก้าโมงเศษ ร่างของหญิงสาวในชุดเดิมที่ถูกซักรีดเรียบร้อยแล้วกำลังพยายามอย่างสุดฤทธิ์ที่จะง้างขาเพื่อก้าวเดินออกจากที่นี้ ทว่าสองข้างเท้าร่วมไปถึงเอวกลับถูกร่างโย่งของคุณตาหัวหน้าพ่อบ้าน ร่างท้วมของเมดคนที่หนึ่งและเมดที่แต่งหน้าให้เธออีกสามคน กำลังถ่วงแข้งถ่วงขาเธอสุดชีวิต

                    ร่างบางก้าวขาหน้าเขียวหน้าแดงอย่างสุดแรงแม้ตอนนี้เธอจะเหนื่อยจนแข้งขาอ่อน เธอคิดผิดไปจริงๆหลงคิดว่าอีกฝ่ายจะเป็นมาเฟียที่มีแบบ....เป็นคนดีมากกว่านี้ ไม่น่าใจอ่อนทำแผลให้เลย เขามันคนเจ้าเล่ห์!

                    “คุณผู้หญิงคะ อย่ารีบไปสิคะรอคุณผู้ชายกลับมาก่อนเถอะนะคะ!”เมดร่างท้วมผู้ใช้น้ำหนักตัวถ่วงขาขวาของเธอได้อย่างหนักแน่(?) กำลังพยายามปลอบประโลมหญิงสาวที่กำลังอารมณ์ร้ายอย่างสุดฤทธิ์เพื่อที่จะไม่ให้เธออกไปจากบ้านหลังนี้จนกว่าคุณผู้ชายจะกลับมา....นี้เป็นคำสั่งตายใครก็ห้ามขัด!

                    “หนูไม่รอเจอหน้าเจ้าบ้านั้นหรอกคะ!”โซราเมะไม่สนอะไรทั้งสิ้น แค่คิดถึงใบหน้าของเจ้าเล่ห์นั้นเธอก็แทบจะปรี้ดแตกอีกรอบ เธอไม่อยากคิดไปเองเลยแต่สถานการณ์ก็เห็นๆกันอยู่ เขาไม่ยอมให้เธอกลับบ้าน....มันจะอะไรกันนักกันหน้าของอีตานั้นนะ

     

    โครม!

     

                    แต่แล้วความวุ่นวายที่ยังคงไม่จบก็เงียบลงเมื่อจู่ๆปานประตูไม้ราคาแพงก็ถูกเปิดออก เหล่ากลุ่มคนที่คล้ายฝูงทโมนต่างรีบลุกขืนยืนแสดงกิริยาเรียบร้อยอย่างรวดเร็ว แต่ไม่วายทุกคนยังคงรีบคว้าข้อมือเธอไว้ราวกับเป็นคนสำคัญซึ่งอันที่จริง....ที่คว้าไว้เพราะกลัวเธอจะชิ้งหนีนั้นแหละ

                    ร่างของผู้มาเยือนคนใหม่เป็นสตรีร่างบางทว่าอวบอัดไปด้วยเนื้อนมและไขมันอิ่มตัว ร่างเพียงหุ่นสะบึมเดินนวยนาดอย่างไว้ท่าหยิ่งผยอง ริมฝีปากสีหวานเชิดขึ้นผมสั้นประบ่าหยักโซกสีครีม ดวงตาสีน้ำตาลเข้มชี้ขึ้นอย่างเย่อหยิ่งในชุดเดรสรัดรูปสีชมพูแขนยาวปิดซอก กระโปร่งสั้นสีแดงสดผ่าข้างขึ้นสูงโชว์เรียวขายาวกับร้องเท้าสีชมพูสดคือเก่ง...เอ่อ...เป็นสีชมพูที่ออกจะสดไปนิดนึง

                    “....”เธอไม่พูดอะไรกลับใช้สายตามองหญิงสาวที่เธอไม่รู้จักตรงหน้า ร่างบางหุ่นสะบึมวางกระเป๋าในมือลงก่อนจะไล่สายตาตั้งแต่หัวจรดเท้ามองอีกฝ่าย เธอทำเสียงฟึดฟัดในจมูก

                    “...ยัยนี้เป็นใคร”คำทักทายแรกที่หลุดมาจากใบหน้าจิ้มลิ้มติดหยิ่งผยองนั้นทำเอาคนฟังถึงกับคิ้วกระตุก จากที่อารมณ์ร้ายอยู่แล้วเธอจะยิ่งร้ายกว่าเดิมเสียอีก

                    “อะแฮ่มๆ คุณผู้หญิงท่านนี้เป็นแขกของท่านกาอาระครับ”ทาการะไออ่อมแอ้มเพื่อขัดบรรยากาศชวนทะเลาะเมื่อครู่ก่อนจะเผยมือไปยังอีกฝ่ายอย่างให้เกียรติ

                    “แขกของกาอาระคุงละหรอ?”โซราเมะถึงกับหลุดขำทันทีที่ได้ยินชื่อเรียกของอีกฝ่าย...กาอาระคุง? ไม่เหมาะกับหน้าเอาซะเลย

                    “ขำอะไรของหล่อน!? เป็นแค่แขกอย่ามาทำตัวเสียมารยาทสิยะ! พวกยาจกบ้านนอก”เพราะท่าทีหลุดขำของเธอทำให้ถูกร่างบางกว่าสวนกลับเข้าให้ โซราเมะถึงกับหน้าหงอด้วยความตกใจ

                    “ขะ ขอโทษคะ”เธอเผลอขอโทษอีกฝ่ายออกไปเมื่อสวนถูกสวนในเรื่องของมารยาท ร่างบางจากที่อารมณ์ร้ายก็รู้สึกหดหู่ขึ้นทันใดรู้สึกจุกับคำครหา เธอเกลียดสังคมของพวกไฮโซเพราะมันมีแต่คนที่ชอบว่าเธอว่า เป็นสาวบ้านนอก ไร้มารยาท….มันอาจจะจริงแต่มันก็ไม่ครัวพูดหักหน้ากันแบบนี้

                    “คุณคามิล่ามีธุระอะไรรึเปล่าครับถึงได้มาแต่เช้า?”ทาการะเห็นท่าทางบทสนทาที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เขารีบออกตัวเอ่ยถามถึงธุระของแม่สาวตรงหน้าอย่างนอบน้อม ทั้งเกรงกลัวและเกรงใจ

                    “ฉันจะมาพักที่บ้านหลังนี้ อีกสองเดือนฉันถึงจะไปอเมริกา คงจะไม่ว่าอะไรใช่ไหม ถ้าฉันคนนี้จะมาพักที่บ้านของว่าที่สามีของตัวเองนะ”เธอเอ่ยขึ้นกับคนใช้ภายในบ้านด้วยสีหน้ายิ้มเยาะพอใจก่อนจะเปรยตามองสาวร่างบางดวงหน้าสะสวยที่ยืนอยู่ไม่ไกล ไม่ว่ามันจะเป็นใครเธอก็ควรประกาศศักดาไว้ก่อน

                    “..เอ่อ....คุณคามิล่าได้แจ้งท่านกาอาระไว้รึเปล่าครับ เพราะผมไม่ได้รับคำสั่ง....”ยังไม่ทันที่ตาแก่ร่างโย่งจะพูดจบ คามิล่าเอ่ยเอ่ยขัดอีกฝ่ายด้วยท่าทีไม่พอใจ

                    “หึ! พูดมากน่ารำคาญ ไปเก็บของและเตรียมห้องให้ฉันซะ เดี๋ยวกับกาอาระคุงฉันจะไปคุยกับเขาเอง”ร่างบางอกสะบึมเอ่ยอีกครั้งก่อนจะเชิดหน้าเดินขึ้นบันไดตรงไปยังห้องนอนของกาอาระอย่างมั่นอกมั่นใจ เมื่อร่างนั้นเดินหายไปจนลับตา เหล่าเมดจึงพาก่อนถอนหายใจอย่างโล่งอก

                    แม้พวกเหล่าคนใช้จะไม่ยอมพูดอะไรให้เธอฟังแต่ดูจากสีหน้าแล้วพวกเขาก็คงลำบากใจไม่น้อยกับการรับมือกับผู้หญิงคนเมื่อครู่....อ่า...ใช่จริงๆด้วย เธอควรรีบออกไปจากที่นี้ซะ

                    “พวกคุณลุงไปรับมือกับว่าที่ภรรยาของเจ้านายพวกคุณลุงเถอะคะ ไม่ต้องมาสนใจหนูหรอก”มันก็เห็นอยู่ชัดๆนิเนอะว่าอะไรมันสำคัญกว่ากัน เธอรีบตั้งท่าเตรียมตัวจะจากไปโดยไม่รั้งรอกับท่าทีลำบากใจของเหล่าคนใช้...

     

    กรี้ดด!

     

                     เสียงกรีดร้องแหลมสูงซะจนคนชั้นล่างพากันสะดุ้งเป็นแถวๆ เสียงนั้นแหลมมากพอที่จะทำให้โซราเมะยกนิ้วขึ้นอุดหู เธอแอบเหลือกตามองไปยังต้นเสียงอย่างสงสัยปนตกใจ

                    “กรี้ด! ไอ้ตัวโสโครก ไอ้ตัวน่าเกียจ แกเข้ามาในนี้ได้ยังไง!?”เสียงกรีดร้องแหลมยังคงดังขึ้นพร้อมกับคำสบถด่าที่ดังอย่างไม่แคร์หูคนฟัง โซราเมะที่กำลังก้าวเดินกลับหยุดกึกด้วยความหวาดผวาในใจ....ผู้หญิงคนนั้นคงไม่ได้หมายถึงเจ้าตัวเล็กหรอกนะ!?

                    “หง้าว!!

                    ไม่ทันได้รับรู้คำตอบ แค่ได้ยินเสียงร้องของสิ่งมีชีวิตตัวเล็กที่เธออุตสาห์อุ้มมาดังขึ้น เสียงข้าวของตกแตกดังตามเป็นระยะ ใจดวงน้อยสั่นไหวรีบก้าวขาอย่างไม่คิดชีวิต!

                    “ออกไปนะ ไอ้ตัวโสโครก น่าขยะแขยงที่สุด ใครก็ได้เอามันออกไปที!”เสียงกรีดร้องของคามิล่าดังขึ้นไม่หยุด ข้าวของใกล้มือถูกโยนแตกลงพื้นอย่างไม่เกรงใจเจ้าของบ้าน เธอซัดมันใส่ร่างเล็กของแมวน้อยที่บาดเจ็บสาหัสที่ขาหลัง การถูกโยนสิ่งของใส่นั้นทำให้มันวิ่งหนีตกใจ แต่ที่มันร้องเพราะของพวกนั้นโดนแผลของมัน

                    “หยุดนะ!”โซราเมะไม่เพียงพูดเท่านั้น เธอรีบคว้าเอาเจ้าแมวตัวน้อยมาแนบกาย ตัวมั่นสั่นกลัวและจิกเล็บลงบนแขนของโซราเมะ จังหวะนั้นเองที่รูปปั้นจิ๋วประดับตัวหนึ่งลอยมากระแทกโดนหัวของเธอพอดี

     

    เพล้ง!

     

                    รูปปั้นกระเบื้องขนาดจิ๋วแตกร่วมไปถึงหน้าผากของร่างบางที่ปรากฏเลือดไหลซิบๆ เธอนั่งลงกอดเจ้าตัวเล็กไว้แน่น รู้สึกเจ็บแปร้ดที่หน้าผากจนนึกสงสัย ผู้หญิงคนนี้กะขว้างมาให้แมวมันตายเลยรึไง!?

                    “นี้แก! อ๋อๆแกสินะที่เอามันเข้ามา!? ออกไปเลย ออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้!”อารมณ์โทสะทำให้คามิล่าไม่เกรงใจใคร เหล่าพ่อบ้านต่างแอบกลืนน้ำลายกันอย่างยากลำบาก พวกเขารู้ดีว่าคามิล่าเกลียดตัวแมวมาก ถึงขนาดสั่งให้บอดี้การ์ดหิ้วไปถ่วงน้ำ โชคดีที่ไม่มีใครทำตามคำสั่งเธอนั้นเพราะมีกาอาระอยู่ด้วย

                    “....ไม่บอกฉันก็ไม่อยู่หรอก บ้านที่มีคนใจคับแคบแบบนี้นะ”หญิงสาวไม่รู้ตัวเลยว่าเธอพูดอะไรออกไป รู้แค่ว่าโกรธจัด รู้สึกดวงตาร้อนผ่าวสงสารเจ้าตัวเล็กจับใจ ขาของมันมีเลือดไหลออกมาและมันก็ร้องในลำคออย่างน่าสงสาร เลือดอุ่นที่กำลังไหล่ย้อมตาเธอข้างหนึ่งเธอช้อนตาขึ้นด้วยแววอาฆาต

                    “นี้แกว่าฉันเรอะ?”คนอารมณ์ร้ายเมื่อเจอสายตาโต้ตอบ คามิล่าไม่ยอมให้อีกฝ่ายจ้องมองเธอด้วยสายตาแบบนั้น มือเรียวง้างขึ้นสูงหมายจะตบใบหน้าอาบเลือดนั้นให้แดงร้อนไปครึ่งหน้า

     

    ผลั้ว!

     

                    หมัดเล็กแต่หนักถูกส่งตรงไปถึงแก้มขวาของหญิงสาวที่คิดจะทารุณชีวิตของเจ้าตัวเล็กอย่างไม่ทันตั้งตัว ท่ามกลางความตกตะลึงของผู้คนเหล่าสาวเมดอ้าปากข้างในขณะที่เจ้าของหมัดกลับพยักระงับโทสะไว้ที่หมัดๆเดียว...ขอบอกตามตรงเธออาจจะไม่ชอบการทะเลาะวิวาทแต่ก็พอมีฝีมืออยู่บ้าง ก็พ่อสอนมาดี

                    “กรี้ดดดๆ แกๆ! แก!”เสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดดังขึ้นอีกลั่นบ้าน ดังมากซะจนบ้านหน้าต่างสะเทือน แมวน้อยในอกตกใจสะดุ้งส่วนเจ้าของหมัดกลับทำหน้านิ่งไม่สบอารมณ์สายตาส่อแววเป็นเชิงบอกประมาณว่า...เธอทำฉันโกรธเองนะ

                    คามิล่าลุกขึ้นยืนอย่างทุลักทุเลมือขวากุมแก้มบวมเจ่อเธอรู้สึกได้ถึงรสเค็มประแล่มๆในปาก....เธอเลือดออก!

                    “กะ แกทำฉันเลือดออก!!”หญิงสาวในชุดชมพูปากสั่นร่างสั่นโกรธอย่างถึงที่สุดชี้หน้าสบถคำหยาบคายตามมาอย่างไม่เกรงใจใคร โซราเมะไม่สะดุ้งสะเทือนเลยแม้แต่น้อย อารมณ์โกรธทำให้เธอกลายร่างไปเสียแล้ว เจ้าของเนตรครามชี้นิ้วที่ศรีษะของตัวเองบางก่อนจะเอ่ย

                    “ไม่ต่างกันนิ”เธอกล่าวอย่างยิ้มเยาะพอใจ เธอไม่สนอะไรแล้วทั้งนั้น เธอตั้งใจจะหันหลังเดินกลับไปหยิบของ ตั้งใจจะออกไปจากบ้านหลังนี้โดยเอาเจ้าตัวเล็กไปด้วย....ถ้านายหญิงคนใหม่ของที่นี้เกลียดแมวเธอคงไม่สามารถไว้ใจกาอาระให้เลี้ยงดูมันได้

                    “แก!! อย่าอยู่เลย!!”เพราะถูกหยามและยิ้มเยาะนั้นทำให้คามิล่าปรอทแตกพุ่งตัวเข้าไปกระชากไหล่ของหญิงสาวที่หาญกล้าทำกับเธอถึงเพียงนี้ เหล่าพ่อบ้านมัวแต่ตะลึงไม่เลิกจึงไม่ทันได้ยั้งคามิล่าไว้

     

    เพี้ยะ!

     

                    ฝ่ามือบางแต่หนักจนน่าหัน เจ้าตัวเล็กต้องใจกับการพุ่งเข้ามาทำให้มันรีบกระโดดออกส่งผลให้มันร้องอย่างเจ็บปวดมือขาแตะพื้น เธอมองเจ้าตัวเล็กด้วยความสงสารก่อนจะส่งสายตาอาฆาตให้กับคนที่พึ่งจะตบหน้าเธอไปหมาดๆ

                    “หยุดเถอะครับทั้งสองคน!”พ่อบ้านแก่ตอนนี้เขาไร้ความสามารถเกินกว่าจะห้ามศึกของสองหญิงสาว พูดไปก็เหมือนเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา โซราเมะจ้องเขม็งอีกฝ่ายอย่างเอาเรื่องแต่พอมองกลับไปมองเจ้าตัวเล็กที่กำลังนอนเลียแผลอย่างไม่อาจเคลื่อนไหวได้ เธอคว้ามือของคามิล่าที่กำลังจะง้างตบไว้ก่อนจะผลักให้อีกฝ่ายล้มลงไปกองกับพื้น แล้วหันไปอุ้มตัวเล็กอย่างเบามือ

                    “คุณลุงคะ เรียกแท็กซี่ให้ที่หนูจะพาตัวเล็กไปหาหมอ”เธอไม่สนคามิล่าที่กำลังลุกขึ้นจะถลาเข้ามาหาเธอ ในตอนนั้นเองที่ในที่สุดเหล่าคนใช้ก็เริ่มรู้งานรีบมาขวางมือขวางเท้าของคามิล่าไว้อย่างรวดเร็ว

                    “คุณผู้หญิงก็รักษามันที่นี้ได้นิครับ”ทานากะเอย่อย่างร้อนใจ เหตุการณ์ตอนนี้ฉุกเฉิน เจ้าแมวน้อยและคุณหู้หญิงตรงหน้าบาดเจ็บ เขาเรียกหมอมาดูอาการของเธอ

                    “ไม่ได้หรอกคะ ถ้าเจ้าของบ้านไม่อยากให้อยู่ หนูก็จะไม่อยู่คะ”เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง หันไปชายตามองคามิล่าที่ดิ้นเป็นปลาไหลกำลังแหกโวยวายไม่ยอมเลิกรา

                    “ใครบอกว่าเธออยู่ที่นี้ไม่ได้?”เสียงเอะอะโวยวายเงียบลงบันใด บรรยากาศรอบข้างจากที่ตึงเครียดอยู่แล้วก็ยิ่งมากขึ้นเข้าไปใหญ่ ร่างสูงย่างเท้าตรงมายังร่างบางทั้งสองที่มีสภาพย้ำแย่ไม่ต่างกันและดูเหมือนโซราเมะจะหนักกว่าเล็กน้อย

                    “ทะ ท่านกาอาระ!”เหล่าคนใช้ต่างยืนตัวสั่นด้วยความตกใจรีบยืนตัวตรงทำความเคารพอีกฝ่าย เนตรสีหยกกวาดสายตามองสภาพเละเทะช่วงทางเดินระหว่างทางไปยังห้องนอนของเขา เจ้าแมวน้อยที่บาดเจ็บจนเลือดเปรอะไปทั่วเสื้อของโซราเมะ สลับกับคามิล่าที่มีรอยบวมเจ่อจากการโดนต่อย

                    “เกิดอะไรขึ้น”ร่างสูงเอ่ยถามเสียงเยียบเย็นจนชวนขนลุก ร่างบางรู้สึกตัวหดขึ้นทันใดเมื่ออยู่ต่อหน้าเนตรสีหยกคู่นั้น ทว่าเพราะแรงโทสะทำให้เธอเลือกที่จะไม่กลัวอีกฝ่าย

                    “ครับ คือว่า ท่านคามิล่า....”แต่ยังไม่ทันที่ทานากะจะได้พูดคามิล่าก็รีบเดินตรงไปสบไหล่ขวาของอีกฝ่ายทันใด

                    “คามิล่าถูกยัยผู้หญิงคนนี้ทำร้ายนะคะ กาอาระคุง ฮือๆ มันรังแกคามิล่า”คามิล่าพูดทั้งน้ำตาดูน่าสงสัยและอ่อนแอทว่าทานากะกำลังแย้งว่าเกิดอะไรขึ้นเธอก็ถลึงตาใส่จนพ่อบ้านชราภาพถึงกับต้องยอมเงียบปาก

                    โซราเมะอดไม่ได้ที่จะยิ้มสมเพชตัวเอง เธอจะเอายังไงต่อดีกาอาระคงเข้าข้างของตัวเอง เผลอๆอาจจะหันมาเล่นงานเธอด้วยอีกคน...จะยังไงก็ได้ขอให้เจ้าตัวเล็กไปหาหมอก่อนเถอะ

                    “แล้วเธอละ?”น้ำเสียงทุ้มนั้นดังขึ้นแม้จะรู้สึกเพียงน้อย แต่โซราเมะก็รู้สึกได้ถึงความอ่อนโยนจากน้ำเสียงนั้น เขาจะฟังคำพูดของเธอหรอ มือหนาชอนคางเธอขึ้นให้เงยหน้าสบตา มันทำให้เขาเห็นแอ่งน้ำกำลังล้นออกมานอนด้วงเนตรคู่สวยที่เคยสดใส เธอรู้สึกตื้ตันในอก...เขาจะฟังเธองั้นหรอ?

                    “...ผู้หญิงของคุณทำร้ายตัวเล็กก่อน บอกว่ามันโสโครกแล้วก็ปาข้าวของใส่มันจนแผลมันฉีก ฉัน โมโหก็เลยชกเธอไปหมัดนึง”เธอสารภาพผิดอย่างหมดเปลือกถอนหายใจพยายามเอาอารมณ์ทั้งหมดทั้งสิ้นออกจากความคิด ตอนนี้เธอต้องหาทางไปให้พ้นจากที่นี้แล้วพาตัวเล็กไปหาหมอ

                    “แล้วหน้าผากเธอละ?”

                    “ฉันกลัวตัวเล็กจะเป็นอะไรมากกว่านี้ก็เลยเอาตัวมาขวาง ถูกรูปปั้นจิ๋วของคุณกระแทกใส่หัวเข้านะ”เธอพูดอย่างตรงไปตรงมาด้วยน้ำเสียงอ่อนและเหนื่อยล่า

                    กาอาระไม่แสดงสีหน้าใดๆออกมา เขามองทั้งสองคนก่อนจะเอ่ยคำพูด

                    “ทานากะพาคามิล่าไปทำแผล เตรียมห้องให้กับเธอด้วย ส่วนเธอไปพบฉันที่ห้อง”ร่างสูงหันไปสั่งการกับทานากะ ก่อนที่จะหันไปกล่าวกับโซราเมะด้วยสีหน้าเรียบตึงไม่พูดอะไร พวกเธอทั้งสองคนรู้สึกได้ถึงไอกรุ่นร้อนจากโทสะของร่างสูง คามิล่ายิ้มเยาะอย่างพอใจ มองโซราเมะที่กำลังถูกร่างสูงเพ่งเล็งคาดโทษ แม้จะดูสีหน้าไม่ออกแต่การพูดเรียกไปพบแบบนี้ก็คงกลายๆว่าไปรับโทษซะประมาณนั้น

                    “หึหึ”คามิลายิ้มเยาะอย่างพอใจก่อนจะเดินจากไปพร้อมกับทากานะที่เขาต้องตามไปทำแผลให้

                    “พวกสามคนตามทานากะไปซะ พาตัวเล็กไปทำแผลด้วย”เขายังคงสั่งพวกเมดต่อไป ไม่พูดไม่จากับเธอ หญิงสาวรู้สึกผิดหวังในใจลึกๆ เขาคงเข้าข้างคนของตัวเองจริงๆนั้นแหละ คงไม่แปลกเรื่องออะไรจะต้องเชื่อคำพูดของเธอละ

                    เธอไม่รู้สึกตัวเลยว่ากำลังรู้สึกน้อยใจอีกฝ่าย รู้สึกอุ่นร้อนจุกที่อก อยากร้องไห้กับความไว้เนื้อเชื่อใจที่อุตสาห์มีให้ นึกว่าจะได้มิตรแท้ๆแต่กลับกลายเป็นว่ามิตรกลายเป็นศัตรูอีกแล้ว....เธอคงรักคนอื่นง่ายเกินไปถึงได้ถูกใครต่อใครทอดทิ้ง เพื่อนสนิทสักคนเธอยังไม่มีเลยด้วยซ้ำ

                    เจ้าตัวเล็กถูกอุ้มออกไปจากมือของหญิงสาว เธอใจหายวาบแต่ก็เพียงครู่เดียว เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายคงไม่ทำอันตรายมันแต่ก็ยังน่ากลัวเกินไป หลังจากเหตุการณ์ในวันนี้เธอคงไม่อาจจะให้มันอยู่บ้านหลังนี้ได้อีก

                    ร่างบางยืนนิ่งจมอยู่ในภวังค์และความรู้สึกน้อยใจ เม้นริมฝีปากเน้นจนเป็นเส้นตรงแต่เธอก็ไม่ยอมปล่อย้ำตามันออกมาต่อหน้าอีกฝ่าย เธอรู้สึกได้ถึงแผ่นหลังที่เดินจากไป แต่เธอไม่อยากเดินตามสักเท่าไหร่ หากรู้สึกตัวอีกทีมือหนาก็คว้าเข้าที่ข้อมือเธอเสียแล้ว

                    ร่างบางถูกคนตัวใหญ่กว่าจึงจูงจึงลากให้เดินตาม น้ำหนักของฝีเท้าและความเร็วบ่งบอกได้เลยว่ากาอาระกำลังโมโห....เขาโมโหเธอหรอ

                    ร่างสูงเปิดประตูห้องอย่างรวดเร็ว ก่อนจะจับเธอนั่งลงกับโซฟาตัวเดิมที่เธอเคยทำแผลให้เขา ร่างบางถูกจับใบหน้าและเงยขึ้นสบมองกับเนตรสีหยกที่ตอนนี้มันกำลังหวั่นไหวแปรปรวนอย่างน่าสงสัย

                    “โกรธหรอ? ที่ทำคนของคุณเจ็บ”เธอถามด้วยน้ำเสียงอ่อนที่เจือความน้อยใจ อย่างน้อยนี้ก็คือข้อดีของเธอพูดตอบตรงไปตรงมาไม่เก็บซ่อนให้เขาปวดหัว

                    กาอาระถอนหายใจเฮือกใบกับดวงหน้าหวานที่กำลังห่อเหี่ยวและมีคราบน้ำใสๆปริ่มที่หางตา....เขายอมรับว่าเขาโกรธที่เธอเอาตัวเองไปบังเจ้าตัวเล็กจนเลือดออก แต่ที่น่าโมโหยิ่งกว่าคือ คามิล่า!

                    “ฉันไม่ได้โกรธเธอหรอก คามิล่าไม่ใช่ผู้หญิงของฉันด้วย”ร่างสูงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหนื่อยใจ กลับมาถึงบ้านเขาต้องมาเจอะอะไรแบบนี้ เขาหยิบผ้าขนหนูชุบน้ำก่อนจะเอามาเช็ดดวงหน้าเปรอะคราบเลือดอย่างเบามือ รู้สึกใจหายกับสภาพของคนตรงหน้า ทั้งที่วันแรกที่เจอกันก็สภาพประมาณนี้เหมือนกัน แต่กลับไม่รู้สึกห่วงใยเท่าช่วงเวลาตอนนี้

                    ฝ่ามือใหญ่อบอุ่นแตะสัมผัสไปทั่วใบหน้าอย่างเบามือ เขาเช็ดคราบเลือดและน้ำใสที่หางตาออกจนหมด เหลือเพียงใบหน้าหวานเกลี้ยงเกลาที่ตอนนี้ก้มลงไม่กล้าสมตากับเขา

                    “เรื่องคามิล่าฉันจะจัดการเอง....อยู่ที่นี้เถอะนะ”ร่างสูงเอ่ยอย่างอ่อนโยนและเต็มไปด้วยความเอื้ออาทร เธอรู้สึกได้จนหัวใจเผลอเต้นแรงอย่างไรสาเหตุ แต่มันก็ยังไม่ทำให้เธอไว้ว่างใจอะไรๆที่นี้ได้อยู่ดี

                    “...แต่ถ้าคามิล่าอยู่ที่นี้เจ้าตัวเล็กก็อยู่ไม่ได้ อีกอย่างฉันยังถูกหมายหัวอยู่อีกหรอ?”เธอเอ่ยอย่างไม่ค่อยรู้สึกดีกับความคิดนี้หนัก อีกอย่างหมายเหตุที่เขาอยากให้เธออยู่ที่นี้ก็เพราะเธอถูกหมายหัวและได้ช่วยชีวิตเขาไว้ เขาจึงอยากให้เธออยู่ที่นี้จะได้ตอบแทนบุญคุณ....แน่นอนว่าความคิดนี้เธอคิดเองล้วนๆ

                    “ฉันบอกแล้วเดี๋ยวฉันจัดการคามิล่าเอง เข้าใจไหม?”ร่างสูงเอ่ยย้ำอีกครั้งมองคนตรงเล็กที่ยังคงนั่งกังวลไม่เลิก....มันก็ดีไปอย่างเธอจะได้ลืมๆไปเสียว่าเขาให้เธอกินสเต็กใส่ยาสลบ

                    “อืม”เธอพยักหน้ารับราวกับเด็กน้อยแม้จะรู้สึกไม่มั่นใจนัก แต่เพราะเจ้าของบ้านตัวจริงรับประกันมาจากปากเองว่าจะจัดการให้ ร่างบางจึงยอมตกลง

                    ร่างสูงจัดการแผลของคนตัวเล็กอย่างรวดเร็ว โชคดีที่แผลไม่ใหญ่จึงไม่จำเป็นต้องเรียกหมอมาเย็บแผล แต่ปิดผ้าไว้ก็น่าจะโอเคแล้ว

                    “หิวรึยัง?”

                    “ก็นิดหน่อย”

                    “อยากทานอะไรละ?”

                    “อะไรก็ได้คะ ขอแบบไม่ใส่ยานอนหลับด้วยนะคะ”ร่างบางเอ่ยประชดอีกฝ่าย แน่นอนว่าเธอไม่ลืมเรื่องนั้นหรอกแต่ว่าสถานการณ์ตอนนี้ไม่มีอะไรจะทำให้เธอโกรธเขาได้ลงหรอก กาอาระอดขำไม่ได้กับท่าทีขี้ระแวงของเธอ.....ก็น่ารักดีแฮะ

                    “ได้สิ”เขาเอ่ยทั้งรอยยิ้ม ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วไปหยิบผ้าขนหนูผืนใหม่อีกผืนมามอบให้แก่เธอ

                    “เดี๋ยวฉันจะไปเอาเสื้อผ้าชุดใหม่มาให้”เขาเอ่ยเพียงแค่นั้นก่อนจะเดินออกจากห้องไปเพื่อให้เวลาส่วนตัวกับหญิงสาว โซราเมะมองอีกฝ่ายตาปริบๆ ยิ่งเดินไปไกลเธอยิ่งเห็นเขาไม่ชัด

                    เธอรู้สึกแปลกอยู่ในใจ เขาดูไม่ได้โหดร้ายอะไรนัก อาจจะเจ้าเล่ห์แต่ก็อบอุ่น เธอกลัวใจตัวเองอย่างบอกไม่ถูก คนคนนี้นั้นแสนดีกับเธอมาก....เธอคงดูโรคจิตน่าดูถ้าจะแอบปลื้มหนุ่มสักคนที่พึ่งจะเห็นหน้าได้แค่สองวัน

                    “...ฉันนี้ท่าทางจะโรคจิต”เธอด่าตัวเองเข้าให้ที่หนึ่งพร้อมกับไล่ใบหน้าแดงๆออกไป หญิงสาวรีบตรงหรี่ไปยังตัวห้องน้ำหรูที่เขาอุตสาห์อนุญาตให้เธอได้ใช้งาน ด้วยสีหน้าพอใจก่อนจะเดินหัวชนขอบประตูซะงั้น

    โป๊ก!

     

                    ร่างบางหน้ามึนตึบล้มลงไปกองกับพื้นพลางร้องโอดครวญจับหน้าผากอย่างเจ็บปวด...

     

    แว่นตา....ฉันต้องการแว่นตา!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×