คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 4 งานเลี้ยง
บทที่ 4 งานเลี้ยง
ภายในรถหรูที่กำลังขับเคลื่อนตัวออกไปจากคฤหาสน์หลังงาม บรรยากาศของท้องฟ้าเริ่มเป็นสีเข้มขึ้น เสียงน้องร้องบินกลับรังและละอองดาวที่กำลังฉายแววระยิบระยับ ทุกอย่างมันกำลังบ่งบอกที่ช่วงเวลาที่กำลังใกล้มืด ร่างบางในชุดเดรสสีขาวตัดนำเงินสะดุดตา ขัดกับร่างสูงข้างกายในชุดสีทะมึนตัดสีแดงเข้มของสีผมและเสื้อ เธอมองไปข้างนองหน้าต่างอย่างสงสัย
แน่นอนว่าเธอถามอีกฝ่ายไปหลายสิบรอบ เขาก็ไม่ตอบเธอกลับมาเลย นอกจากไม่ยอมให้เธอกลับบ้านแล้วยังพาออกไปไหนอีกก็ไม่รู้ มันทำให้เธอไม่ค่อยสบายใจนัก เธอจึงเลิกที่จะถามหันไปมองแสงสีของตัวเมืองตระกานตาแทน มันทำให้เธอรู้สึกตัวว่าคฤหาสน์ของกาอาระอยู่ไกลจากตัวเมืองอยู่นิดหน่อย หรือเพราะพื้นที่ทั้งหมดเป็นของตระกูลซาบาคุโนะ ก็ไม่รู้เหมือนกัน
ร่างบางขยับตัวมองดูทิวทัศน์รอบข้างอย่างเหมอลอย แสงสีของเมืองหลวงที่สิ่งที่ยังไม่ชินตามากนักเพราะเธอไม่ค่อยได้ออกมาชมเมืองในช่วงเลานี้เท่าไหร่ กลับบ้านจากโรงพยาบาลก็เที่ยงคืนแล้ว ช่วงเวลานั้นร้างค้าต่างๆจึงปิดไฟกันไปหมดแล้ว
หากแต่แล้วเนตรสีครามก็ต้องขมวดคิ้วอย่างนึกฉงนทำไมอยู่พวกเขาก็ขับเข้าโรงแรมหรูแห่งหนึ่ง ที่นั้นกำลังละลานตาเป็นไปด้วยผู้คนใส่ชุดราตรีที่กำลังเดินเข้าไปในตัวอาคาร คุณหญิงคุณชายทั้งหลายต่างแต่งตัวกันอย่างครบเครื่องจนเธอรู้สึกใจหาย นี้เขาพาเธอมาออกงานหรือ?
ร่างบางคิดไม่ตก ไม่เข้าใจอย่างรุนแรงกับการกระทำของอีกฝ่าย เขาเองก็เถอะพึ่งจะถูกยิงมาเมื่อวานวันนี้กล้าออกงานเสียแล้ว ไม่สิๆ เรื่องสำคัญมันอยู่ที่ตัวเธอต่างหาก...เขาหิ้วเธอติดมาด้วยทำไม??
"พอลงจากรถแล้วอย่าดื้อละ ทำตามที่ฉันบอก"ร่างสูงกล่าวเสียงเรียบก่อนที่คันคุโร่จะเปิดประตูให้ผู้เป็นหัวหน้าแก็งลงจากรถ รถคันงามราคาหลายสิบร้านจอดลงหน้าประตูทางเข้า มันกลายเป็นจุดนำสายตาให้ผู้คนต่างจับจ้องว่าผู้ที่ก้าวลงจากรถจะใครคนที่พวกเขาคิดหรือไหม?
"นั้นไงมาแล้ว! กาอาระแห่งชูคาชุ!"ฉับพลันการปรากฏตัวขึ้นของเขาก็ทำให้เหล่าแสงจากชัตเตอร์และเทปบันทึกเสียงถูกยืนจ่อไปให้ รอบข้างของกาอาระเต็มไปด้วยเหล่านักข่าวและบอดี้การ์ดที่กำลังกันไม่ให้สื่อมวลชนเข้ามารุมเล่าเจ้านายของเขา
ร่างบางนั่งมองสิ่งที่เปิดขึ้นตัวเกรงอยู่ในรถอย่างไม่เข้าใจสถานการณ์ มือหนาส่งยืนมาให้เธอแววตาของเขาว่างเปล่าแต่ก็มีไอกระแสดุดันบังคับให้เธอเดินลงจากรถ โซราเมะได้แต่พยักหน้าทำตามอย่างว่าง่าย เธอคิดได้เพียงอย่างเดียวว่าคนที่อยู่ข้างกายเธอจะต้องมีชื่อเสียงมากแน่ๆ
ร่างบางค่อยปรากฏตัวขึ้นอย่างประหม่าท่ามกลางฝูงสื่อมวลชน เธอรีบเกาะแขนอีกฝ่ายไว้แน่นเพราะอาการประหม่าทำให้ขาเข้งเธออ่อนแรง กาอาระอดรู้สึกเอ็นดูกับท่าทีตื่นกลัวของเธอไม่ได้ เขาค่อยๆโอบเอวเธออย่างนวมนุ่นแม้จะตีหน้าขรึมและเหล่าผู้พบเห็นก็ต่างรู้สึกได้ถึงความอ่อนโยน....จากปีศาจทะเลทรายคนนั้น
โซราเมะตราพร่ากับแสงสีจากชัตเตอร์จนแทบจะเบลอลาย นั้นยิ่งทำให้เธอเกาะแขนกาอาระแน่นขึ้นกว่าเดิมในขณะที่เดินในทางเข้าสู่ตัวอาคารหรูที่มียามร่างยักษ์เฝ้ากันไม่ให้เหล่าผู้สื่อข่าวได้เข้าไปในตัวโรงแรม เธอก็ตวัดมองอีกฝ่ายอย่างคาดโทษบนสงสัย....เอาเธอมาด้วยทำไหมเนี่ย!?
"หึหึ"ร่างสูงหัวเราะในลำคออย่างชอบใจกับท่าทีของแมวน้อยตัวนี้ สายตาของเธอไม่เป็นพิษเป็นภัยกับเขาแม้แต่หน่อยเดียวแต่กลับทำให้เขาอารมณ์ดีอย่างผิดแปลก เขาพาเธอเข้าไปในงานก่อนที่เธอจะจะอดทำสีหน้าตื่นเต้นไม่ได้.....เธอได้มาเหยียบที่หรูๆอีกแล้ว
โรงแรมหรูตระการตาและเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย คอมไฟระยะประดับประตาเสียจนแสบตา ไฟสีเหลืองอ่อนช่วยทำให้สถานทีที่แห่งราวกับแดนสวรรค์ชวนต้องมนสะกด เสียงของน้ำตกขนาดใหญ่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่กลางห้องกว้าง ซ้ายขวาประกอบไปด้วยกลุ่มโซฟากระจ่ายไปตามพื้นที่หน้าล็อบบี้
โซราเมะยืนตะลึงอ่าปากค้าง กาอาระจึงยืนมือขึ้นไปแตะค้างเธอเบาๆราวกับจะช่วยเก็บปากที่เปิดอ้าค้างของเธอ
“!!”พอมือใหญ่สัมผัสโดน สาวเจ้าถึงกับสะดุ้งตกใจ รู้สึกตัวได้ทันทีว่าอีกฝ่ายยืนมาเพื่อให้เธองับปากลง เล่นทำให้คนตัวเองหน้าแดงแปร้ดด้วยความอับอายจนกาอาระอดจะหัวเราะในลำคออีกครั้งไม่ได้
“หยุดหัวเราะเลยนะ!”หยุดขำเธอเดี๋ยวนี้เลย!
“ใครขำ? ฉันเปล่าซะหน่อย”กาอาระเฉไฉไปเรื่อยไม่เปิดโอกาสให้สาวเจ้าได้โวยวายต่อ เขาออกเดินอีกครั้งโดยไม่ลืมที่จะดันหลังให้ร่างบางเดินตามเขา
โซราเมะทำหน้ากระฟัดกระเฟียดขัดใจอย่างนึกโมโหอีกฝ่าย ก็เห็นอยู่ว่าหัวเราะเธอยังจะเฉไฉ เจ้าของเนตรครามจึงได้แต่แอบคาดโทษไว้ในใจ....ถ้าเธอได้รู้ความลับของเขาเมื่อไหร่ เธอเอาคืนแน่!
โซราเมะจ้องเขม็งอีกฝ่ายอย่างคาดโทษโดยที่คนโดนจ้องก็ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้จน่าหมั้นไส้ โซราเมะจึงหันไปให้ความสนใจกับพื้นที่ล็อบบี้ใหญ่โตอลังกาลแทนจนเธอไปสะดุดเข้ากับสายตาของเหล่าพนักงานและแขกที่มาร่วมงาน
ทำไมสายตาของพวกเขาถึงได้มองมาทางเดี๋ยวกันหมดเลยละ?
เธอตั้งคำถามในใจ ยิ่งเดินลึกเข้าไปผู้คนก็ยิ่งมากและยิ่งมองกันเข้าไปใหญ่ ร่างบางไม่ค่อยเข้าใจถึงสายตาพวกนั้นมากนักแต่ก็พอเดาออกว่าที่จ้องมานะจ้องใคร....กาอาระไง
“คุณคงเป็นคนดังน่าดู”เธอเอ่ยชวนคุยให้ขณะที่กาอาระเลือกที่จะใช้สายตาหันไปมองเธอเท่านั้น
“หรอ”เขาเหมือนตอบเพียงแค่คานรับตามประสาคนพูดน้อย ซึ่งหญิงสาวก็ไม่ได้คิดอะไรเธอเลือกที่จะพูดต่อตามนิสัยช่างจ้อของตัวเอง
“ใช่ ก็ตั้งแต่หน้างานจนถึงตอนนี้พวกเขาก็ยังจ้องคุณกันเป็นตาเดียว ฉันนึกว่าคุณจะเป็นแค่มาเฟียธรรมดาซะอีก หรือคุณจะเป็นดารา?”ริมฝีปากบางเอ่ยด้วยน้ำเสียงสนอกสนใจ กาอาระหันไปมองเธออีกครั้งก่อนจะใช้สายตาแสดงความสงสัย
“เธอรู้ว่าฉันเป็นมาเฟีย?”เขาถามทั้งๆที่ในใจก็พอเดาว่าเธออาจจะรู้เพราะพ่อของเธออาจจะเล่าให้ฟัง
“อ้าว ไม่ใช่หรอ? ก็เห็นมีคู่อริสาดกระสุนกันซะขนาดนั้น พ่อฉันไม่ได้บอกอะไรไว้ซะด้วย”เนตรสีหยกหันไปมองเธออีกครั้งก่อนจะหรี่ลงราวกับรู้สึกขอบคุณในการกระทำนี้....ชายคนนั้นคงไม่ยอมเล่าอะไรให้เธอฟังเลยสินะ เขาทำดีแล้วละ
“เธอเดาเก่ง”โซราเมะยิ้มร่าอย่างพอใจเมื่อได้รับคำชม เธอก็เหมือนกับเด็กโกรธก็คือโกรธ ยิ้มก็คือยิ้ม ร่างสูงอดแปลกใจกับบุคลิกของเธอไม่ได้ เพราะขาไม่เคยเจอคนแบบนี้มาก่อน คนที่มีสีขาวและดำแยกอย่างชัดเจน...รอบตัวของเขามีแค่สีเทาและดำเท่านั้น
“อิอิ”หญิงสาวหัวเราะเล็กๆ รอยยิ้มสดใสกระจ่าง เธอมักจะสนิทกับใครๆง่ายๆนั้นทำให้เธอสามารถยิ้มให้อีกฝ่ายได้แม้จะรู้จักกันไม่นาน
“โห่! อะไรมันจะหรูปานนั้น!”เมื่อสองเท้าหยุดลงหน้าห้องจัดเลี้ยงที่มีชายร่างใหญ่เฝ้าประตูทางเข้าสายขวาเหมือนตอนที่อยู่หน้าประตูใหญ่ ผู้คนในชุดหรูหราที่เห็นอย่างเด่นชัดโดยเฉพาะเครื่องเพชรที่พวกหล่อนใส่ แสบตาวิ้งว้ำจนโซราเมะเผลอคิดอะไรเพ้อเจ้อ....ถ้าเอาไปขายคงรวยเละแน่ๆ!
พอคิดถึงเครื่องเพรชเธอก็พึ่งคิดได้ว่าตัวเองก็ถูกจับใส่อยู่ ทั้งสร้อยคอและต่างหู เธอเผลอยกมือขึ้นลูบมันเบาๆ....ของแพงเธอก็มี มั่นใจหน่อยสิ!
เพราะไม่รู้ว่าเจ้าร่างสูงข้างตัวลากเธอมาด้วยเพราะเหตุผลใดแต่เธอรู้สึกได้ถึงสายตานับร้อยกำลังจับจ้องมายังร่างสูงและเธอมันทำให้เธอเผลอตีหน้าเข้มตามอีกฝ่าย ปากขมุบขมิบบ่นไปเรื่อยๆ
“ทำไมฉันต้องมาเก็กเข้มกับคุณด้วย คุณยังไม่บอกเหตุผลเลยว่าพาฉันมาที่นี้ทำไม”ทั้งบ่นทั้งถามแม้เธอจะตีหน้าเข้มสุดฤทธิ์....เธอชอบที่จะยิ้มมากกว่าทำหน้าเรียบไม่กระดิกแบบนี้ เธอละสงสัยจริงว่ากาอาระทำไปได้ยังไง
“เดี๋ยวก็รู้”กาอาระไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่ายืนยันว่าเธอจะได้รู้เหตุผลของเขา นึกเขาที่เธอพยายามทำสีหน้าเรียบแบบเขา ปากก็บ่นเขาไปเรื่อยๆใขณะที่เธอพยายามไม่สบตาเขากับคนกลุ่มใหญ่ที่ยืนมองพวกเขาและซุบซิบกันอย่างเมามันส์
“โย่! กาอาระ”ทว่าก็มีเสียงทุ้มหนึ่งดังขึ้นขัดสายตาของผู้คน ร่างสุงในชุดสูทสีครีมกำลังเดินจ้ำอ้าวมาหากาอาระด้วยรอยยิ้มร่า
ร่างสูงโปร่งในเจ้าของเส้นผมสีสีทองกระจ่างสั้นระต้นคอ ใบหน้าขี้เล่นแต่ก็ดูหล่อเหล่าน่ามอง ยิ่งรอยยิ้มหวานนั้นด้วยยิ่งทำให้แม่สาวเล็กสาวใหญ่ต่างพากันทำหน้าเคลิ้ม ผิดกับกาอาระที่เธอพวกนั้นเลือกที่จะทำสีหน้าเดายากแต่ก็รู้สึกได้ถึงความหลงใหลในตัวเขา
“มาจนได้นะ!”ร่างโปร่งสีทองเดินเข้ามาหากาอาระพร้อมกับจับมือทักทายอีกฝ่าย เจ้าเนตรสีหยกส่งยิ้มให้อีกฝ่ายจนโซราเมะอดแปลกใจไม่ได้ เพราะรอยยิ้มนั้นเป็นรอยยิ้มที่จริงใจ เธอละสงสัยนึกใครกันทำให้อีกตาหน้าดุถึงยอมส่งยิ้มแบบนี้ให้ ต้องเป็นคนที่สุดยอดมากแน่ๆ
“ฉันไม่พลาดงานของนายหรอก”กาอาระกล่าวอีกครั้งก่อนจะปล่อยมืออีก่าย เจ้าของเนตรสีท้องฟ้ายิ้มอย่างถูกใจก่อนจะเบนสายตาไปยังสาวน้อยร่างบางที่ยืนเกาะแขนกาอาระอยู่ใกล้ๆ
“ฉันค่อนข้างจะแปลกใจที่เห็นนายควงสาวน้อยน่ารักมากออกงาน”เจ้าของน้ำเสียงขี้เล่นยังคงยิ้มอย่างอารมณ์ดีพลางชันคางมองสาวร่างบางอย่างชื่นชม
ร่างบางสูงเพียงไหล่กาอาระเท่านั้น ดวงหน้าหวานจิ้มลิ้มแล้วก็ชุดเดรสสั้นที่เผยเรียวขากระชับสวยอย่างคนสุขภาพดี ผิวขาวสวยดูน่าจับแล้วก็ยังเรือนผมสีขี้เถ้ากับเนตรสีคราม....เขานึกถึงชายคนหนึ่งที่มีสีตาและผมแบบนี้
“...เหมือนมาก”ร่างสูงเผลออุทานเบาๆ จากสีหน้าที่ชื่นชมค่อยแปลเปลี่ยนเป้นความตื่นตะลึก เขามองอย่างนั้นโดยไม่คิดจะปกปิดก่อนจะหันไปมองกาอาระด้วยสีหน้าเลิกลักราวกับมีคำถามอยู่ในสายตานั้นซึ่งร่างสูงข้างกายเธอได้แต่เพียงพยักหน้าเป็นคำตอบให้
“จริงเดะ!”ร่างสูงผู้ที่ยังคงไม่แนะนำตัวให้กับเธอฟังร้องเสียงหลงจนร่างบางขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ แน่นอนว่าเธอไม่ถามเขาหรอกเธอหันไปถามเจ้าคนที่เป็นเสาให้เธอเกาะอย่างสงสัย
“มีอะไรหรอ?”เธอถามอย่างไร้เดียงสา ทำไมเธอรู้สึกว่าเรื่องที่พวกเขารู้กันแค่สองคนนั้นมันน่าจะเกี่ยวข้องกับเธอนะกาอาระนั้นไม่ยอมตอบกลับเป็นอันคันตุกะตรงหน้าที่ตอบแทน
“อ่านั้นสินะ ขอโทษที่เสียมารยาท แต่เธอนะเหมือนพ่อของเธอมากเลย ฉันอุสึมากินา นารูโตะ เธอละ?”ในที่สุดก็ได้ทราบชื่อของอีกฝ่าย ร่างบางจับมือทักทายกับคนตรงหน้าก่อนจะส่งยิ้มทักทาย
“อาโองาวะ โซราเมะคะ”
“โซราเมะจัง ชื่อน่ารักนะเรา”เขากล่าวกับเธอเป็นเด็กหน่อยก่อนจะลูบหัวอย่างถูกใจไม่แคร์สายตาคนข้างตัวเธอ โซราเมะก็ยอมให้อีกฝ่ายลูบหัวไปด้วยสีหน้าไร้เดียงสา อันที่จริงเธอไม่รู้จะปฏิเสธมือใหญ่นี้ยังไง
“ฉันว่าเราไปหาที่นั่งกันเถอะ”ในที่สุดกาอาระก็เอ่ย เขาบ่ายเบี่ยงให้ดึงโซเรเมะเข้าหาตัว สีหน้าแม้จะเรียบเฉยไม่แสดงอารมณ์แต่ปฏิกิริยาเมื่อครู่ก็พอทำจะให้นารูโตะนึกสนุกขึ้นมา
“แหมๆ หวงจังนะ”เจ้านารูโตะฉีกยิ้มสนุกเดินอ้อมไปที่ด้านซ้ายของอีกฝ่ายก่อนจะวางแขนลงบนไหล่อีกฝ่ายอย่างสนิทสนมด้วยสีหน้าทะเล้น
หมับ!
ทว่านารุโตะยังไม่ทันจะได้วางแขนทับไหล่ของร่างเพื่อนสนิทก็ถูกมือเล็กของใครบางคนคว้าไว้ มือเล็กๆนั้นยกขึ้นสูงราวกับจ้ำค้ำแขนใหญ่นั้นไว้แทนไหล่กว้าง....ที่บาดเจ็บ
“คือคุณซาบาคุโนะเขาได้จับบาดเจ็บที่ไหล่ซ้ายนะคะ”เธอกล่าวเพียงเท่านั้นก็พอจะทำให้นารูโตะรีบยกแขนออกก่อนจะขมวดคิ้วเครียดขึ้นมาทันที
“บาดเจ็บ!?”เสียงทุ้มดังขึ้นอย่างกังวลเขารีบหันไปมองกาอาระเพื่อขอคำยืนยันซึ่งอีกฝ่ายนั้นเพียงแต่พยักหน้าให้เป็นคำตอบ กาอาระอดแปลกใจกับกากระทำของเธอไม่ได้เธอรู้ว่าเขายังเจ็บไหล่อยู่จึงได้ทำเช่นนั้น ถ้าเป็นลูกน้องของเขาคงเชื่องช้าจนไม่ทันพูดแน่นๆ
“ไหล่ซ้ายกับมือขวา”ร่างสูงกล่าวเสียงเบาราวกับไม่ต้องการให้ใครได้ยินไม่มากกว่านี้ ร่างบางรู้สึกได้ถึงแรงกดดันจากชายที่ชื่อนารูโตะที่ไร้สาตามองใหล่กับมือขวาที่ใส่ถุงมือหนัง พอรู้ว่าเพื่อนของตนเองได้รับบาดเจ็บก็รู้สึกโมโหขึ้นมาทันใด
“พวกนั้นสินะ”พวกเขาสองคนรู้กันอยู่เพียงแค่นั้น มีเพียงโซราเมะที่ไม่ทราบอะไรเลยนั้นยิ่งทำให้เธออดจะหงุดหงิดไม่ได้ นอกจากกาอาระจากลากเธอมาโดยไม่บอกเหตุผลแล้ว ยังจะมาทำให้เธอสงสัยในเรื่องราวของพวกเขาอีก
หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาได้ถูกเชิญไปนั่งโต๊ะของเจ้าภาพงาน....วันเกิด ใช่นี้คือวันเกิดของอุสึมากิ นารูโตะ เจ้าพ่อพันร้านเจ้าของโรงแรม อุสึมากิ ที่มีสาขาอยู่ทั่วประเทศ งานเลี้ยงใหญ่โตมาจะมาพร้อมกับนักข่าว อาหารชั้นดีและเหล้ารสเริด
หลังจากนั่งลงสองหนุ่มยังคงสนทนากันต่อโดยแน่นอนว่าพวกเขาไม่ยอมพูดอธิบายอะไรให้เธอฟัง ได้ยินแค่ชื่อ ชูคาคุหรือคุรามะเท่านั้น แล้วก็ยังมีอะไรอีกก็ไม่รู้ที่เธอไม่อาจจะเข้าใจ สาวเจ้าจึงเลือกที่จะจัดการกับอาหารตรงหน้า เธอเฉือนเนื้อเสต็กเข้าปากก่อนจะทำตาวาวเมื่อรับรู้ถึงรสชาติของของแพง
เธอซัดเอาๆอย่างหิวโหย เธอตื่นมาหลังจากรับศึกหนักกระสุนสาดถล่มบ้านกว่าจะได้ทานข้าวก็เล่นทำเอาท้องร้องจนเกร้องไปหลายรอบ เธอหยิบแก้วแชมเปนขึ้นมาชิมยิ้มน่าระรื่น ไม่นานชายที่ชื่อนารูโตะก็ขอตัวลุกจากโต๊ะก่อน
“นี้จะบอกได้รึยังว่าคุณพาฉันมาที่นี้ทำไม?”เธอยังคงถามคำถามเดิมในขณะที่กำลังจ้วงเนื้อเสต็กคำสุดท้ายในจาน ก่อนจะหันไปเหลือบมองจานของกาอาระ มันไม่พร่องลงไปเลยแม้แต่น้อย
“ไม่จบงานแล้วฉันจะบอก”เธอขมวดคิ้วอีกรอบ...ต้องรอจนจบงานเลยหรอ
“แล้วทำไมคุณไม่กิน?”ในเมื่อไม่ได้คำตอบ เธอก็ไม่เซ้าซี้ที่จะเอาคำตอบแต่กลับไปถามเรื่องอย่างอื่นแทน ที่จริงเธอถามนะก็เพราะอยากกินส่วนของเขาแทนต่างหาก
“ไม่หิวฉันขอนะ?”เธอเปรยขึ้นเป็นเชิงถามแอบแหลตามองอีกฝ่ายอย่างคาดหวังว่าสเต็กชิ้นต่อของเขาจะตกลงสู่ท้องของเธอ
กาอาระเพียงพยักหน้าให้คำตอบมองสาวร่างเล็กที่กำลังลงมือสวาปามอาหารจานหลังอย่างอร่อยลิ้น อาชีพแบบเธอก็ใช้ว่าจะใช้ฟุ่มเฟือยได้ซะเมื่อไหร่ เนื้อชั้นดีแบบนี้นะให้ตายยังไงก็ต้องกินให้คุ้ม!
“กาอาระ”แต่แล้วเสียงหวานทุ้มหนึ่งก็ดังขึ้น เสียงที่ทั้งทรงอำนาจและพลัง โซราเมะแปลกใจเล็กน้อยกับน้ำเสียงนี้ มีไม่ค่อยบ่อยนักที่เธอจะได้ยินเสียงของผู้หญิงที่เต็มไปด้วยอำนาจแบบนี้
เนตรสีครามจึงค่อยช้อนตาขึ้นมาอย่างสงสัยก่อนจะเจอกับร่างโปร่งในชุดราตรีสีม่วงลาเวนเดอร์ เส้นผมสีอ่อนเหมือนสีข้าวโพดที่ถูกรวบมันไว้เป็นมวยอยู่กลางศรีษะ ดวงตาสีขี้เท้าเข้มแข็งแต่ก็ดูอ่อนโยนในคราวเดียวกำลังจดจ่อมองร่างหนาที่นั่งอยู่ข้างกายเธอ
“มาแล้วเรอะ เทมาริ”เสียงทุ้มเอ่ยอย่างไม่ยินดียินร้ายเขาเชิญให้อีกฝ่ายนั่งลงที่เก้าอี้ข้างตัวโดยที่ข้างๆของเธอปรากฏร่างโปร่งอีกร่างที่กำลังทำหน้าเซ็งกะตายขัดกับบรรยากาศงานเลี้ยง เส้นผมสีดำถูกรวบอย่างหลวมๆ อีกทั้งยังเจาะหูอีกเสียเดียวมองผ่านคงนึกไปว่าเป็นศิลปินสุดอินดี้จากที่ไหนสักแห่ง
“ทำไมถึงไม่ยอมนอนพักอยู่ที่ห้อง จะออกมาข้างนอกทำไมกันไม่ทราบยะ”มาถึงคำแรกสาวเจ้าปริศนาก็บ่นให้ร่างหนาเข้าให้ สีหน้าของคุณเธอบ่งบองถึงความไม่สบอารมณ์เต็มที เธอจ้องเขม็งไปยังญาติลูกพี่ลูกน้อยอย่างไม่พอใจก่อนจะแอบชำเหลืองตามองร่างบางใกล้ตัวกาอาระก่อนที่จะหันมาให้ความสนใจกับเจ้าของเนตรหยกตามเคย
“ข่าวไวดีนิ”ร่างสูงดูจะไม่สนใจกับคำบ่นของอีกฝ่ายเสียเท่าไหร่ ญาติผู้น้องยกแก้วแชมเปนขึ้นดื่มน้อยๆอย่างไม่ยี่ระ
“ต่อให้ฉันไม่อยู่ในแก็งแล้วตามแต่ความปลอดภัยของนายยังไงสำหรับฉันก็สำคัญที่สุด”เธอบ่นอีกรอบอย่างไม่พอใจ แต่ก็ตามเคยที่กาอาระจะไม่สนใจเสียงบ่นเขาเลือกที่จะหันไปคุยกับชายหนุ่มที่มีภาพลักษณะเหมือนศิลปินอินดี้แทน
“ว่าแต่นายละเป็นยังไงบ้าง ชิกามารุ”
“ก็ดี กิจการไปได้สวย แต่น่าเสียดายที่ยัยนี้แพ้ขนหมา คิบะมันเลยโวยวายเพราะเอาหมาของมันเข้าร้านไม่ได้”ชิกามารุพูดไปพลางยกนิ้วขึ้นชี้ไปทางเทมาริที่ยังคงนั่งกอดอกบ่นกระฟัดกระเฟียดไม่หายก่อนจะหันมาเถียงชิกามารุ
“เรื่องอะไรที่ฉันจะยอมให้เอาหมาเข้ามาในภัตรคารของฉันกันละ”ชิกามารุแทบจะยกนิ้วขึ้นอุดหูทันใด ทำเป็นว่าแคะหูแต่ที่จริงก็นึกรำคาญในใจ.....ไม่ไหวๆคบกันมาจะแปดปีแล้วเขายังไม่ชินกับความขี้บ่นของยัยนี้เลย
“แล้วนายละกาอาระ?”ชิกามารุรีบเปลี่ยนเรื่องคุยอย่างฉับไว รับรู้วิธีการรับมือกับสาวขี้บ่นอย่างรวดเร็วว่าเขาต้องเปลี่ยนเรื่องคุย
“ก็สบายดี”เขาตอบเพียงสั้นๆไม่มากมายอะไร ไม่สนใจสายตาขี้สงสัยของเทมาริแม้แต่น้อย ทว่าเธอก็เป็นเพียงขี้สงสัยแต่ไม่สอดรู้ เมื่อกาอาระไม่ยากแนะนำสาวน้อยข้างตัวให้พวกเขารู้จักก็ไม่เป็นไร....ถึงมันจะน่าสงสัยมากๆก็ตามที
ท้ามกลางบทสนทนาที่เธอไร้ตัวตนและสายตาสงสัยจากบุคคลมาใหม่ของโต๊ะตัวใหญ่แห่งนี้ ร่างบางรู้สึกอึดอัดและเกอเขินยังไงชอบกล อาจจะเป็นเพราะถูกจ้องและโดนเมินโดยคนข้างทำให้เธออยากจะล่องหนไปให้ได้เสียซะเดียวนี้
“โซราเมะ”เสียงทุ้มของคนที่เมินดังขึ้น ร่างบางสะดุ้งตอบเสียงดังด้วยความตกใจ
“คะ?!”
“มากับฉัน”ร่างสูงใช้คำพูดที่สั้นและชวนสงสัย ดวงหน้าเรียบเฉยมองเธออย่างจะคาดเดาความคิด เมื่อเขาลุกขึ้นยืนพร้อมกับเผยมือให้ ร่างบางเอี้ยงคอมองอย่างสงสัยแต่ก็ยอมจับมือและลุกขึ้นเดินตาม
“เดี๋ยวฉันมา”เขาทิ้งทายให้กับกลุ่มคู่สนทนาก่อนจะประคองเอวบางก่อนจะผลักเบาๆให้เธอเดินไปข้างหน้า ทั้งคู่เดินจากไปพร้อมสีหน้าขี้สงสัยของเทมาริก่อนที่เธอจะถูกชิกามารุดีดหน้าผากเบาๆ
“ขี้สงสัยเป็นยัยแก่ไปได้”
“ชิ! ฉันแค่สงสัยเฉยๆ”
ความคิดเห็น