ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Yaoi]The Sixth Senseสัมผัสรัก สื่อวิญญาณKyuMin,KiHae,YeRyeo

    ลำดับตอนที่ #5 : Part 4 คำเตือน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.88K
      5
      10 พ.ย. 54

     Part 4 คำเตือน

     

                ร่างสูงโปร่งก้าวไปตามทางเดินเพื่อกลับไปยังห้องพักแพทย์ สายตาคมเหลือบมองข้างหลังเพื่อคอยดูว่าคนป่วยหน้าตาน่ารักที่ตามติดเขาระยะประชิดตลอดทั้งวันนั้นยังอยู่หรือไม่ แล้วก็คิดไม่ผิดเมื่อเห็นเงาดำวูบหลบซ่อนอยู่หลังเสาที่อยู่ข้างหลัง

     

                ชายหนุ่มผุดยิ้มมุมปากน้อยๆ ก่อนจะเลี้ยวหายเข้าไปในมุมตึกอย่างรวดเร็ว แล้วมีหรือที่ขนาดขาสั้นๆ อย่างซองมินจะตามได้ทัน

     

                อันที่จริงส่วนหนึ่งเป็นเพราะอีซองมินเสียสมาธิเพราะต้องคอยมองหาเจ้าเด็กแสบสองตัวที่เมื่อครู่ยังลอยวนอยู่แถวนี้เพื่อหาโอกาสทำร้ายจิตแพทย์หนุ่มนามโจวคยูฮยอนอยู่ จึงทำให้คลาดสายตาจนปล่อยให้ชายหนุ่มหลุดรอดไปได้

     

                และเมื่อไม่เห็นวิญญาณจอมซนทั้งสองตนซองมินก็รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีเลย ใครจะไปรู้ว่าหัวโจกสุดแสบอย่างบารอมคิดจะทำอะไรอีก แต่ที่แน่ๆ เจ้าเด็กนั่นคงไม่ยอมรามือง่ายๆ

     

                “อ้าวเฮ้ย! หายไปไหนแล้วเนี่ย” ซองมินสบถออกมาแผ่วเบาเมื่อเป้าหมายของตนเองอยู่ๆ ก็หายไปตอนที่เขาแหงนหน้าขึ้นมองหาบารอมกับอึนจูแต่ก็ยังเห็นหลังแข็งแรงนั้นไวๆ ว่าเดินเข้าไปในซอกตึกผู้ป่วยใน ไม่รอช้าร่างเล็กจึงรีบจ้ำอ้าวไปยังทิศทางนั้นทันที

     

                ใบหน้าหวานหันซ้ายแลขวาเพื่อมองหา แต่ก็ไม่พบคนที่กำลังตามหาเลย คิ้วหนาขมวดเข้าหากัน ริมฝีปากรูปกระจับเม้มแน่น มือเลื่อนมาเท้าสะเอว แสดงถึงความขัดใจของเจ้าตัว โดยที่ไม่รู้เลยว่าคนที่กำลังแอบมองอยู่ไม่ไกลนั้นอดอมยิ้มให้กับท่าทางน่ารักน่าชังเหมือนเด็กน้อยๆ ของซองมินไม่ได้

     

                “อ๊ะ!” อุทานออกมาได้เพียงเท่านั้น ซองมินก็ไม่อาจส่งเสียงอะไรออกมาได้ต่อ เพราะมีมือใหญ่มาปิดที่ปากก่อนจะโดนฉุดดึงด้วยพละกำลังที่มีมหาศาลมากกว่า ไม่ว่าจะดิ้นรนมากแค่ไหนก็ไม่อาจสู้แรงของคนที่กำลังบังคับข่มเหงตัวเองได้

     

                รู้ตัวอีกทีก็โดนลากเข้ามาอยู่ในห้องน้ำชายที่อยู่ใกล้ๆ แถวนั้นแล้ว

     

                “อื้อ….อ่อยอ๊ะ” ซองมินทั้งดิ้นทั้งร้องเท่าที่เรี่ยวแรงของตนเองพอจะมี แต่ก็ต้องหยุดนิ่งพร้อมกับทำตาโตด้วยความตกใจ เมื่อเห็นผ่านกระจกว่าใครหรืออะไรที่กำลังจับกุมตัวเขาไว้จากทางด้านหลัง

     

                เงาดำของหญิงสาวหน้าตาเละเทะเต็มไปด้วยบาดแผล ผมยาวปรกอยู่ข้างแก้ม ตาถลนโกรธเคืองแค้นกำลังจ้องตอบกลับแววตาตระหนกของเขาอยู่

     

                ซองมินดิ้นจนหลุด ครั้นพอหันกลับไปกลับกลายเป็นชายหนุ่มที่เขากำลังติดตามอยู่ทั้งวันส่งยิ้มล้อเลียนมาให้

     

                “ตกใจเหรอ” คยูฮยอนถามเสียงนุ่ม แต่ซองมินไม่ตลกด้วย ชายหนุ่มกระชากคอเสื้อคุณหมอเข้ามาใกล้ เล่นเอาคยูฮยอนร้องออกมาด้วยความไม่ตั้งตัว คิดว่าซองมินโมโหที่ตนแกล้ง

     

                ซองมินกำลังโมโหจริง แต่ไม่ใช่เพราะเหตุผลนั้น

     

                “นี่คุณถอดสร้อยออกเหรอ!” เสียงหวานร้องออกมาดังลั่นเมื่อไม่เห็นสายสร้อยคล้องอยู่ที่ลำคอของคนตรงหน้าแล้ว

     

                “ก็ผมไม่ชอบใส่นี่นา เกะกะ ไม่สบายตัวด้วย” คยูฮยอนโต้กลับ พร้อมกับมองคนไข้ตรงหน้าด้วยสายตาสงสัย คิดในใจว่าคนๆ นี้แปลก ทำไมซองมินถึงได้เอาแต่พะวงเรื่องสร้อยไม้กางเขนเงินนั่นนัก

     

                “ผมบอกแล้วใช่ไหมว่าห้ามถอดมันออก! ถ้าไม่เชื่อกันก็ตามใจ ผมคงช่วยอะไรคุณไม่ได้แล้ว” ซองมินพูดเสียงห้วน ใบหน้าหวานขึ้นสีก่ำด้วยความเดือดดาล ทั้งที่เขาอุตส่าห์พยายามคอยตามช่วยเหลือเพราะกลัวคยูฮยอนจะถูกวิญญาณเด็กน้อยทำร้าย แต่ชายหนุ่มกลับไม่ฟังกันเลย ถ้าเป็นผีสาวตนนั้นเขาคงช่วยอะไรไม่ได้แล้ว

     

                “แล้วทำไมผมต้องใส่สร้อยเส้นนั้นด้วยล่ะ” คยูฮยอนย้อนถาม

     

                ซองมินเม้มปากแน่นเพราะพูดลำบาก จะให้เขาบอกว่าชายหนุ่มมีผีตาม อีกฝ่ายต้องไม่เชื่อแน่ ซ้ำเขายังอยู่ในสถานะคนไข้ที่มีอาการทางจิตเสียอีกต่างหาก แต่ถ้าไม่ทำ หมอหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าต้องลำบากและอาจจะเกิดอันตรายเลวร้ายยิ่งกว่าที่บารอมกับอึนจูเคยทำ

     

                “ผมไม่รู้ว่าคุณไปทำอะไรมา แต่คุณกำลังถูกวิญญาณผู้หญิงที่มีความอาฆาตแรงตามอยู่ บางทีเธออาจจ้องจะเอาชีวิตคุณ” ซองมินตอบด้วยสีหน้าลำบากใจ แต่แทนที่คยูฮยอนจะกลัว ชายหนุ่มกลับหัวเราะเสียลั่น

     

                “ฮ่าๆๆๆ วิญญาณตามงั้นเหรอ คุณเอาอะไรมาพูด ผีมีจริงที่ไหนกันล่ะ!

     

                เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเห็นคำเตือนของเขาเป็นเรื่องตลก ซองมินก็ชักสีหน้าด้วยความไม่พอใจ อารมณ์ที่เริ่มจะเย็นลงแล้วกลับคุระอุขึ้นมาอีกรอบ

     

                “ผมพูดความจริง! แต่ถ้าคุณไม่ฟังกันแบบนี้ผมก็คงจะช่วยอะไรไม่ได้” ซองมินกระแทกเสียง กำลังจะเดินหนีไปให้พ้นๆ หน้าผู้ชายคนนี้ แต่มือแข็งแรงนั้นกลับคว้าหมับเข้าที่ข้อมือของเขาแน่น “เอ๊ะ! นี่คุณ ปล่อยผมนะ” ซองมินร้องโวยวาย แต่คุณหมอหนุ่มกลับทำลอยหน้าลอยตาพลางยิ้มยียวนใส่

     

                “เดี๋ยวสิคุณ ผมมีผีตามงั้นเหรอ คนที่ตามผมมาทั้งวันคือคุณเองไม่ใช่รึไง หืม คุณตามผมทำไม”

     

                “มันเป็นเรื่องของผม ปล่อย! ต่อไปนี้ผมจะไม่ยุ่งกับคุณแล้ว เดี๋ยวจะติดความซวยมาด้วย” ซองมินพยายามสะบัดแขนให้หลุดจากการเกาะกุมแต่ก็สู้แรงคยูฮยอนไม่ได้ ยิ่งดิ้นก็ยิ่งเจ็บจนใบหน้าหวานบิดเบ้เหยเก คยูฮยอนร่ำๆ จะใจอ่อนอยู่มะรอมมะร่อ แต่เห็นหน้ารั้นๆ บวกับคำพูดปรามาสว่าเขาเป็นตัวซวยแล้วก็ยิ่งหมั่นไส้ แขนแกร่งจึงวาดเข้าโอบรอบเอวอวบก่อนจะดึงให้ร่างนุ่มนิ่มนั้นขยับเข้ามาแนบชิด

     

                ซองมินเผลอหยุดดิ้นด้วยความตกใจระคนเขินอายที่อยู่ๆ ก็โดนสัมผัสจาบจ้วงโดยไม่ทันตั้งตัว พอได้สติชายหนุ่มจึงยิ่งดิ้นพล่านอยู่ในอ้อมกอด

     

                “ปล่อยผมเดี๋ยวนี้นะคุณหมอ ไม่อย่างนั้นผมจะตะโกนเรียกให้คนมาช่วย” ซองมินขู่ฟ่อ แต่มีหรือที่คยูฮยอนจะกลัว

     

                “ก็เอาสิ ดูซิว่าคนจะเชื่อใครมากกว่ากันระหว่างหมอกับคนไข้อย่างคุณ แค่ผมบอกว่าพยายามจับคนไข้ที่อาละวาด ขี้คร้านคนจะแห่กันเข้ามาช่วยผมเสียด้วยซ้ำ เผลอๆ คุณอาจถูกจับฉีดยาระงับประสาทด้วย จะลองดูมั้ยล่ะ” คำโต้กลับของคยูฮยอนทำซองมินปิดปากฉับ ได้แต่ดิ้นเร่าๆ อย่างขัดอกขัดใจ สภาพการณ์ตอนนี้เขาเป็นรองอยู่เห็นๆ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ต้องปล่อยให้หมอโรคจิตคนนี้ลวนลามต่อไปอย่างนี้น่ะหรือ

     

                “นี่คุณ ขอร้องล่ะ ปล่อยผมเถอะ แล้วผมจะเลิกยุ่ง เลิกตามคุณ จะไม่มาให้เห็นหน้าด้วย ผมสัญญา” ซองมินลองเจรจาต่อรอง แต่เจ้าตัวกลับไม่รู้เลยว่าข้อแลกเปลี่ยนที่เสนอมานั้นมันช่างขัดใจคยูฮยอนเสียเหลือเกิน

     

                คนในอ้อมกอดเขาคงไม่รู้ว่าอันที่จริงแล้วเขาอยากให้ซองมินตามมายุ่งวุ่นวายแบบนี้ต่างหาก สนุกดี

     

                “ผมจะแน่ใจได้ยังไงว่าคุณจะเลิกยุ่งกับผมจริงๆ คำพูดของคนไข้อย่างคุณน่ะมันเชื่อถือได้ที่ไหนกันล่ะ”

     

                โธ่เว้ย! แล้วจะให้ทำยังไงล่ะ ไอ้หมอโรคจิต!

     

                “เอางี้ ถ้าผมตามยุ่งวุ่นวายกับคุณอีก คุณก็บอกคุณหมอชินบยองชอลได้เลย เขาเป็นแพทย์เจ้าของไข้ผม ผมยอมโดนจับฉีดยาถ้าคุณเห็นผมอยู่ใกล้ในระยะ 1 เมตร”

     

                ใครจะไปอยากอยู่ใกล้คนที่มีผีร้ายตามอย่างนายกัน เกิดถูกจับหักคอตายไปด้วยไม่ยิ่งซวยเหรอ

     

                “ก็ได้ แต่ผมไม่ทำแบบนั้นหรอก ผมอยากเจอคุณอีกมากกว่า” ประโยคท้าย คุณหมอหนุ่มก้มลงมากระซิบที่ข้างหูจนซองมินตัวแข็งทื่อ หน้าร้อนผะผ่าว แก้มขึ้นสีระเรื่อ และนั่นก็ทำให้คยูฮยอนห้ามใจไม่ไหวอีกต่อไป

     

                จมูกโด่งกดลงไปบนพวงแก้มนุ่ม สูดดมเอาความหอมที่อยากลิ้มลองมานาน เล่นเอาซองมินตาเบิกกว้าง อ้าปากค้าง จะพูดก็พูดไม่ออก จะร้องก็ร้องไม่ได้

     

                “ขอลงโทษด้วยวิธีการนี้แทนก็แล้วกัน” คยูฮยอนพูดหลังจากที่ผละใบหน้าออกมาจากแก้มขาวๆ นั้น มือบางของซองมินยกขึ้นมาลูบที่รอยที่โดนประทับเมื่อครู่ ดวงตาลอย สติขาดหายไปชั่วขณะ ครั้นพอรู้ตัว มือเล็กๆ ทั้งคู่ก็ออกแรงผลักอกชายหนุ่มที่ขโมยหอมแก้มตัวเองเต็มแรงจนเซแล้วรีบวิ่งจ้ำอ้าวออกไปทันที

     

                คำพูดด่าทิ้งท้ายลอยลมที่คยูฮยอนได้ยินว่าตนเองกลายเป็น ไอ้หมอโรคจิต ในสายตาซองมินทำให้ชายหนุ่มเผลอยกยิ้มเอ็นดูมองตามแผ่นหลังบางนั้นด้วยสายตาระยับแบบที่ซองมินเกลียดตั้งแต่สบตากันจังๆ ครั้งแรก

     

                เราต้องเจอกันอีกแน่คุณอีซองมิน คุณหนีผมไปไหนไม่พ้นหรอก

     

     

     

     

     

                หญิงสาวในชุดเครื่องแบบสีขาวยกมือขึ้นปาดเหงื่อที่ผุดขึ้นมาตามไรผม ใบหน้าสะสวยแสดงออกถึงความกังวลร้อนใจอย่างเห็นได้ชัดขณะที่เปิดลิ้นชักหาของบางอย่าง ข้าวของบนโต๊ะกระจัดกระจายด้วยฝีมือของเจ้าตัวเพราะการค้นหาครั้งก่อนหน้าเมื่อครู่ กองเอกสารวางซ้อนกันอย่างหมิ่นเหม่ไม่เป็นระเบียบถูกมือบางเปิดพลิกลวกๆ เป็นครั้งที่สาม เผื่อว่าของที่ตนตามหาจะซุกซ่อนอยู่ในซอกนั้น พอกลับไปหาในตู้เก็บของส่วนตัวที่ทางโรงพยาบาลจัดไว้ให้พนักงานทุกคนอีกครั้งก็ไม่พบ ทั้งที่ตนเองจำได้ขึ้นใจว่าเก็บมันไว้ในนั้น

     

                แล้วมันหายไปไหนกันเนี่ย

     

                ใบหน้าหวานทำหน้าจะร้องไห้มิร้องไห้แหล่ ถ้าแฟนหนุ่มของเธอรู้ว่าเธอทำแหวนหมั้นหายต้องถูกโกรธแน่ๆ

     

    ยิ่งคิดก็ยิ่งกังวลใจ จะทำอย่างไรดี

     

    “คุณอิม ทำอะไรอยู่เหรอคะ” พยาบาลสาวที่กำลังจะมาเข้าเวรต่อจากอิมยุนอาถาม เมื่อเห็นหญิงสาวยังยืนทำหน้ายุ่งอยู่แถวนี้ทั้งที่ถึงเวลาออกเวรแล้ว

     

    “หาของอยู่น่ะค่ะ คุณปาร์คพอจะเห็นแหวนตกอยู่แถวนี้บ้างมั้ยคะ” หญิงสาวถามอย่างหมดหวัง เธอมองหาตามพื้นแล้วแต่ก็ไม่พบแหวนวงที่ว่า แต่ลองถามดูเผื่อว่าจะมีคนเห็นแล้วเก็บไว้ให้

     

    “ไม่เห็นนะคะ” และคำตอบก็เป็นอย่างที่ยุนอาคิด หญิงสาวเบ้หน้าจะร้องไห้ทำเอาพยาบาลอีกคนเห็นแล้วใจไม่ดี “คุณอิมหาดูจนทั่วแล้วเหรอคะ บางทีอาจจะอยู่ในตู้ก็ได้”

     

    “หาดูหมดแล้วค่ะ แต่ไม่มีเลย ฉันจำได้ว่าถอดเก็บเอาไว้ในตู้ แต่อยู่ๆ ก็หายไปไหนก็ไม่รู้” ยุนอาพูดเสียงเครียด เพื่อความสะดวกในการทำงาน หญิงสาวจึงจำเป็นต้องถอดแหวนหมั้นที่สวมไว้ติดตัวออก ก่อนหน้านี้เธอเองก็เคยทำแหวนตกหายมาก่อน แต่โชคดีที่คุณหมอหนุ่มลูกชายผู้อำนวยการโรงพยาบาลเก็บได้และนำมาคืนให้ เธอจึงรีบนำแหวนไปเก็บไว้ในตู้เก็บของ จึงจำได้ว่าตัวเองเก็บแหวนไว้ตรงนั้นไม่ผิดแน่ แต่ปัญหาคือตอนนี้มันไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้ว ไม่ว่าจะหากี่รอบต่อกี่รอบก็ไม่เจอ

     

    “ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวฉันช่วยหานะคะ” พยาบาลอีกคนพูด ก่อนจะช่วยยุนอาตามหาแหวนวงสำคัญที่หายไป

     

     

     

     

     

     

    ร่างเล็กของวิญญาณเด็กชายชื่อบารอมยืนอยู่ที่ช่องบนเพดานส่วนบนในห้องน้ำที่ทำยื่นออกมาเป็นมุมเพื่อความสวยงาม บนส่วนที่ยื่นออกมามีซอกขนาดพอให้เท้าเล็กๆ ของบารอมยืนอยู่ได้พอดี ใต้มุมนั้นตรงกับบริเวณที่เป็นอ่างล้างมือซึ่งวิญญาณเด็กหญิงคู่หูอย่างอึนจูกำลังนั่งห้อยขาแหงนหน้ามองการกระทำของเด็กชายอยู่

     

    “พี่บารอม ทำแบบนี้จะได้ผลจริงๆ เหรอ” เด็กหญิงเอ่ยถาม

     

    “ต้องได้ผลสิ คิดดูสิว่าเวลาที่คนเป็นแฟนกันเขาทำแหวนหาย เป็นใครก็ต้องโกรธใช่มั้ย อาจจะโกรธจนไม่อยากเจอหน้ากันอีกแล้วออกจากโรงพยาบาลไปเลยก็ได้” บารอมตอบโดยไม่มองหน้าเด็กสาวเพราะกำลังมองหามุมเหมาะๆ เพื่อที่จะวางแหวนเพชรเม็ดเล็กๆ ซ่อนไว้

     

    “แล้วเราจะแน่ใจได้ยังไงล่ะว่าพี่สาวคนนั้นจะเป็นแฟนกับพี่ผู้ชายคนนั้นจริง” อึนจูยังคงถามด้วยความสงสัย

     

    “ก็พี่เห็นเขาเอาแหวนมาให้พี่พยาบาลคนนั้นนี่นา” บารอมตอบพร้อมกับวางแหวนซ่อนไว้ในหลืบลึกสุดของส่วนผนังที่ยื่นออกมา

     

    ก็อย่างที่เขาตอบอึนจูไป ตอนที่กำลังตามคยูฮยอนอยู่ เขาเห็นชายหนุ่มส่งแหวนวงนี้ให้กับพยาบาลที่ชื่ออิมยุนอา คงจะเป็นเพราะทั้งสองคนเป็นคนรักกันไม่ผิดแน่ ความคิดแบบเด็กๆ ทำให้บารอมเข้าใจว่าหากคยูฮยอนรู้ว่าแฟนสาวของตนเองทำแหวนหายคงต้องโมโหจนขอเลิกแล้วไม่กลับมาที่นี่อีกเพราะไม่อยากเห็นหน้าหญิงสาวที่ทำให้ตนเสียใจ เขาจึงแอบขโมยแหวนจากตู้เก็บของของยุนอามาซ่อนไว้ที่นี่

     

    แต่บารอมลืมคิดไปเสียสนิทว่าคยูฮยอนอาจจะไม่ได้ให้แหวนกับยุนอาเพราะเธอเป็นคนรัก

     

    “เสร็จแล้วล่ะ” บารอมพูดพลางยิ้มเผล่ แต่สาวน้อยที่อยู่ด้วยกันกลับมีสีหน้ากังวลใจ

     

    “ถ้าพี่ซองมินรู้ต้องโกรธมากแน่ๆ”

     

    “ก็อย่าให้เขารู้สิ เราทำเพื่อพี่ซองมินอยู่นะ เธอเองก็รู้ไม่ใช่เหรอ พี่เหลือเวลาไม่มากแล้ว ต้องรีบๆ ทำให้ผู้ชายคนนี้ออกจากชีวิตพี่ซองมินก่อนจะสายเกินไป” บารอมพูดหน้าสลด และนั่นทำให้อึนจูพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ เด็กสาวเองก็เศร้าใจไม่แพ้กัน

     

    เวลาของเด็กชายที่ชื่อบารอมใกล้จะหมดเต็มทีแล้ว

     

     

     

    กลางดึก ในห้องพักของผู้ป่วยที่ชื่ออีซองมิน ผู้เป็นเจ้าของห้องกำลังหลับสนิท เปลือกตาหนาล้อมปิดผลึกตากลมโต ใบหน้ายามหลับใหลดูสงบนิ่ง ไร้ซึ่งความกังวลใดๆ

     

    แต่แล้วชายหนุ่มกลับนิ่วหน้า ร่างที่กำลังนอนหงายอยู่สั่นไหวน้อยๆ เสียงครางอู้อี้ดังรอดออกมาจากลำคอแต่ไม่สามารถเปล่งออกมาได้เต็มเสียงสลับกับเสียงหอบหายใจติดขัดบ่งบอกให้รู้ว่าซองมินกำลังอึดอัดทรมาน

     

    เขากำลังฝันร้ายหรือ

     

    ซองมินค่อยๆ ปรือตาขึ้นทีละน้อย ทั้งที่ตื่นแล้วแต่ความอึดอัดจนหายใจแทบไม่ออก ขยับตัวแทบไม่ได้นี้ก็ยังไม่หายไป

     

    มันไม่ใช่ความฝัน

     

    ภาพพร่าเลือนเริ่มกระจ่างชัดเมื่อสายตาเริ่มปรับให้คุ้นชิน แสงในห้องอันน้อยนิดทำให้ชายหนุ่มยังคงเห็นอะไรไม่ชัดเจน แต่เมื่อตาเริ่มชินกับความมืดเขาก็เห็นว่าอะไรทำให้เขารู้สึกทรมานเจียนตายแบบนี้

     

    เงาดำทะมึนที่กำลังนั่งทับอยู่บนอกค่อยๆ ปรากฏให้เห็นเป็นภาพของหญิงสาวที่ซองมินไม่รู้จักแต่คุ้นหน้าดี

     

    ผีผู้หญิงที่ติดตามคยูฮยอนอยู่!

     

    ร่างเล็กพยายามดิ้นรนให้ตนเองเป็นอิสระ พยายามเปล่งเสียงร้องออกมาแต่ก็มีเพียงเสียงครางในลำคอแผ่วเบาเท่านั้น

     

    ตากลมโตเบิกกว้างขึ้นเรื่อยๆ จนแทบถลนเมื่อผีสาวตนนั้นค่อยๆ โน้มใบหน้าลงมาใกล้จนเห็นเส้นเลือดกระจายอยู่ในดวงตาวาวโรจน์เบิกโพลง ผมยาวสีดำขลับที่ล้อมกรอบหน้าอยู่ลู่ตกลงมาตามมุมก้มจนเคลียอยู่ที่แก้มของซองมิน กลิ่นเหม็นเน่าน่าสะอิดเอียนลอยมากระทบจมูกจนอยากจะอาเจียน

     

    ซองมินน้ำตาไหลอาบแก้มด้วยความหวาดกลัวแต่ก็หลีกหนีไปไม่ได้ รับรู้ได้ถึงแรงกดที่ไหล่เพิ่มจากที่หน้าอกเพราะมือหยาบกำลังกดตรึงไหล่ของตนเองลงกับที่นอนจนเล็บยาวๆ แหลมคมจิกบาดเนื้อจนเจ็บไปหมด

     

    “ถ้าไม่อยากตายก็อย่ายุ่งกับผู้ชายของฉัน!

     

    เสียงยานคางเย็นยะเยือกฟังแล้วขนลุกดังก้องอยู่ในหู ทั้งที่ริมฝีปากของผีสาวที่ยื่นหน้ามาใกล้จนแทบชิดไม่ได้ขยับเลยแม้แต่น้อย

     

    มือหยาบกระด้างข้างหนึ่งปล่อยจากไหล่ขยับมาจับที่คอของซองมิน  ร่างบางกระตุกวูบ หายใจหอบขัดมากกว่าเดิมเมื่อมือแข็งแรงราวกับคีมเหล็กนั้นเพิ่มแรงบีบ

     

    แต่ฉับพลันความอึดอัดทรมานนั้นก็หายวับไป ซองมินรีบผุดลุกนั่ง เหงื่อกาฬไหลโซมกายราวกับเพิ่งผ่านการวิ่งมาหลายร้อยเมตร ที่ปลายเตียงมีร่างเล็กๆ ของบารอมยืนอยู่ และนั่นคงเป็นเหตุผลที่ทำให้เขากลับมาหายใจหายคอได้อย่างปกติ

     

    “บารอม!!” ซองมินร้องออกมาเสียงดังอย่างโล่งใจ เด็กชายเจ้าของชื่อโผเข้ากอดปลอบชายหนุ่มรุ่นพี่ที่กำลังขวัญเสีย แม้จะสัมผัสได้เพียงลมเย็นๆ จากวิญญาณเด็กน้อย แต่ซองมินกลับรู้สึกอบอุ่นเหลือเกิน “ขอบใจมากนะบารอม ขอบใจจริงๆ” ซองมินพูดพลางสะอื้นฮักเบาๆ เกือบไปแล้ว ถ้าบารอมไม่โผล่มาก่อน เขาต้องแย่แน่ๆ

     

    “พี่ซองมินไม่เป็นอะไรมากใช่มั้ย” เด็กชายถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงพลางลูบหลังซองมินที่ไหวขึ้นลงแผ่วเบา

     

    “ไม่เป็นไร ผู้หญิงคนนั้นคงแค่มาเตือน เขาคงยังไม่คิดจะฆ่า” เมื่อตั้งสติได้แล้วซองมินก็เริ่มนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์น่าสะพรึงเมื่อครู่

     

    “แต่ในอนาคตก็ไม่แน่ใช่มั้ยล่ะ ผู้หญิงคนนั้นคิดจะทำร้ายพี่ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ผมจับความรู้สึกโกรธแค้นในตัวมันได้” บารอมพูดเสียงเครียด ตั้งแต่คราวแรกที่เห็นผีสาวตนนี้มองซองมินด้วยสายตาโกรธแค้นและจากคำยืนยันของอึนจูด้วย เขาก็แน่ใจว่าปล่อยเอาไว้แบบนี้ซองมินต้องเป็นอันตรายอย่างแน่นอน

     

    “แต่พี่ไม่เคยมีความแค้นอะไรกับเขานะ”

     

    “ไม่มีแน่เหรอ แล้วกับคุณหมอคนนั้นล่ะ” บารอมย้อนถาม ซองมินถึงกับหยุดชะงัก หมดคำจะตอบ คำขู่ของหญิงสาวคนนั้นดังขึ้นมาในหัวอีกครั้ง

     

    “ถ้าไม่อยากตายก็อย่ายุ่งกับผู้ชายของฉัน!

     

    “เข้าใจแล้วใช่มั้ยว่าทำไมผมกับอึนจูต้องทำแบบนี้ ถ้าคุณหมอคนนั้นยังอยู่ที่นี่ คนที่จะเดือดร้อนคือพี่”

     

    “แต่ถ้าพี่กับเขาต่างคนต่างอยู่ ผู้หญิงคนนั้นคงจะ….

     

    “จะแน่ใจได้ยังไง ถ้าคุณหมอคนนั้นเขามายุ่งกับพี่ล่ะ” บารอมย้อนถาม

     

    “ไม่หรอก ที่พี่ตามเขาก็เพราะพี่ไม่อยากให้นายกับอึนจูทำเรื่องผิดๆ ถ้าพวกนายเลิกยุ่งกับเขาพี่ก็จะไม่ไปข้องแวะกับผู้ชายคนนั้น แล้วพี่กับเขาก็คงจะไม่เกี่ยวข้องกันอีก” ซองมินพูดเพื่อต้องการให้บารอมกับอึนจูยอมวางมือเรื่องทำให้คยูฮยอนออกจากโรงพยาบาล ทั้งที่รู้ดีว่าตัวเองโกหกคำโตแต่ก็เพื่อความสบายใจของทุกๆ ฝ่าย ถึงแม้ว่าเขาจะต้องหนีหน้าผู้ชายคนนั้นก็ตาม

     

    เขายังจำประโยคที่คยูฮยอนพูดตอนพบกันครั้งสุดท้ายได้

     

    ผมอยากเจอคุณอีก

     

     

     

     Writer Talks: กล่าวทักทายกันอย่างเป็นทางการอีกครั้งนะคะ สวัสดีค่ะรีดเดอร์ผู้น่ารักทุกคน พักหลังๆ ไรท์เตอร์อาจจะมาอัพเรื่องนี้ห่างหน่อยนะคะเพราะต้องเคลียร์เรื่องเก่าที่ใกล้จะจบแล้วให้จบแล้วก็เริ่มเรียนหนักแล้ว สัญญานะคะว่าจะติดตามเรื่องนี้ต่อจนจบ ^ ^
    ตอนนี้ตั้งใจจะแต่งให้มันออกแนวสยองหน่อย แต่ทำไม่ได้ ฮ่าๆๆ ส่วนหนึ่งคือไม่ใช่แนวถนัด อีกอย่างคือนั่งพิมพ์ตอนตี 1 กว่า ภาพมา อารมณ์มีแต่จิ้นเป็นคำพูดไม่ออก (แอบกลัว) ถ้าขัดๆ ยังไงก็ต้องขออภัยจริงๆ ค่ะ
    สุดท้ายนี้ ขอเม้นเป็นกำลังใจ ติชมกันซักเล็กน้อยพอให้ไรท์เตอร์ชื่นใจหน่อยนะคะ ขอบคุณค่ะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×