คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : พายุเข้ามา
ฉันไม่เคยคิดเลยจริงๆว่าฉันต้องมาติดแหง่กอยู่บนเกาะร้างแห่งนี้ นี่ก็วันที่สามแล้วยังไม่มีวี่แววหนทางที่จะรอดไปจากเกาะนี้ได้เลย แถมท้องฉันก็ร้องโครมครามราวกับฟ้าถล่ม ฉันหิวข้าวววว ฉันอยากกินเสต็ก อยากกินคุกกี้ ไม่ใช่กินหอยทะเลดิบๆเป็นๆแบบนี้ โฮT^T (ฉันจะท้องเสียไหมเนี่ย) ที่แย่ไปกว่านั้นก็คือ ฉันต้องมาติดเกาะอยู่กับนาย “ดิว” คู่กัดของฉัน ซึ่งฉันไม่ชอบหน้ามันเอาซะเลย
ว่าแล้วฉันก็ใช้ท่อนไม้ขนาดใหญ่ลากไปบนพื้นทรายเป็นคำว่า Help ท่ามกลางแสงไฟริบหรี่กับบรรยากาศรอบตัวที่มืดสนิท เห็นเพียงแสงจันทร์ที่กระทบกับพื้นน้ำกับไฟที่ปักพื้นให้แสงสลัวๆ ไม่มีวี่แววเรือผ่านมาให้เห็นแม้แต่ลำเดียว ไม่มีแม้แต่เศษขยะสักชิ้นที่ลอยมาเกยฝั่ง จนฉันเริ่มรู้สึกว่าตัวเองต้องติดอยู่ที่นี่ไปตลอดชีวิตก็เป็นแน่ ฉันคิดถึงทั้งพ่อแม่ เพื่อนๆ ฉันก็คงไม่ได้เจอพวกเขาอีกแล้วสินะ .. ฮือๆ ทำไมฉันถึงต้องมาซวยอะไรขนาดนี้
เรื่องแย่ๆทั้งหมดนี้ มันเกิดขึ้นแบบที่ฉันยังไม่ทันตั้งตัว ทุกอย่างมันเริ่มตั้งแต่วันนั้น….
วันที่ฉันทะเลาะกันกับนายดิว
เย็นวันหนึ่งหลังเลิกเรียน ณ โรงเรียนธารีสาร
“ไอ้ดิว ฉันเกลียดแก แกทำให้ชีวิตฉันมีแต่เรื่องซวยๆเต็มไปหมด!” ฉันชี้หน้านายดิวอย่างหมั่นเขี้ยว
ฉัน ‘ช้องนาง’ เป็นเด็กสาวอายุ17 ปี มีนิสัยที่ไม่เคยยอมใคร โดยเฉพาะกับนาย ‘ดิว’ เด็กหนุ่มหน้าตาคมเข้มที่ทำท่าเลิกคิ้วหาเรื่องอยู่ตอนนี้ - - (มันน่านัก) ฉันกับมันเป็นอริกันมาตั้งแต่ชั้น ม.1 ด้วยนิสัยของฉันกับมันที่เข้ากันไม่ได้(เลยสักนิด) เพราะนายดิวเป็นพวกปากเสีย ขวานผ่าซาก กวนบาทา แถมยังชอบแกล้งฉันอยู่เป็นประจำ ทำให้ฉันแสนจะเกลียด เกลียดมันเข้ากระดูกดำ แต่กับผู้หญิงคนอื่นๆมันกับกลายเป็นคน สุภาพ พูดจาดี ให้เกียรติ อย่างกับคนละคน (ไอ้คนสองมาตราฐาน) และที่แย่ไปกว่านั้นคือ บ้านฉันกับบ้านมันดันอยู่ติดกันเลยด้วย มันจะบังเอิญมากไปป่ะ ทุกเช้าก่อนไปเรียนกับทุกเย็นก่อนกลับบ้าน ฉันจะต้องมายืนเถียงกับมันหน้าบ้านจนหมาในบ้านต้องมาคอยเห่าเป็นกรรมการห้ามให้ฉันสองคนทะเลาะกันอยู่เป็นประจำ
“อ้าว อ้าว อ้าว ใครกันแน่ยัยช้อง” นายดิวถกแขนเสื้อขึ้น “เธอต่างหากล่ะที่เริ่มก่อน”
“อย่ามาใส่ร้ายฉันนะ!” ฉันสวนกลับอย่างร้อนรน
“ไม่ได้ใส่ร้ายว้อย เธอนั่นแหละที่แกล้งฉันก่อน ไม่งั้นฉันก็ไม่เอาคืนเธอแบบนี้หรอกยัยฮิปโปโปเตมัส!” นายดิวทำหน้าตายียวนกวนประสาทใส่
“หยุดเรียกฉันว่ายัยฮิปโปโปเตมัสสักที!”
“ก็เธอเหมือนฮิปโปโปเตมัสจริงๆนี่นา ฮ่าๆๆ ^0^” เขาหัวเราะเสียงดัง ท่ามกลางฝูงชนที่มุงดูฉันกับมันทะเลาะกันอย่างสนุกสนาน (นี่มันน่าสนุกสนานตรงไหนเรอะ!) แล้วไอ้ตั้งแฟนเพจ’ FC ช้องนาง’ กับ ‘FC พี่ดิว 6/6’ นี่มันหมายความว่ายังไงกัน
ชักจะไปกันใหญ่แล้ว
ตั้งแต่ฉันย้ายเริ่มทะเลาะกันกับนายดิวที่โรงเรียน เพื่อนๆและรุ่นน้องทั้งหลายก็ให้ความสนใจกับเรื่องนี้มากขึ้น แม้ตอนแรกเหมือนพวกเขาจะหวังดีเข้ามาห้ามปรามฉันกับนายดีก็เถอะ แต่นานวันไปก็กลับกลายเป็นว่า ฉันกับไอดิวดันมีม็อบกองเชียร์ มีแฟนคลับ มีแฟนเพจเป็นของตัวเองจนกลายเป็นคนดังซะอย่างนั้น
“ฮิปโปๆๆๆ” นายดิวทำจมูกหมูล้อเลียนฉัน
“ไม่ไหวแล้วว้อย!!”
พลั่ค!! ฉันพุ่งเข้าไปตีเข่าใส่นายดิวอย่างจัง
“อุ่ก..” มันล้มลงคุกเข่ากับพื้น ท่ามกลางเสียงเชียร์ของพวกเพื่อนและ.. FC ฉันเอง - -
เฮ้ พี่ช้องนางสู้ๆ!! สู้ๆ สู้ตาย!!( พี่ก็สู้อยู่นี่ไงจ๊ะน้อง.. ^^)
ฉันยิ้มอย่างภาคภูมิใจ ฮ่าๆ ในที่สุดฉันก็ล้มหมอนั่นได้ในวันนี้ ถึงตาฉันบ้างล่ะเป็นไง จุกเลยใช่มั้ยล่า ฉันยืนเท้าใส่เอวยิ้มเชิดอย่างภูมิใจ โดยหารู้ไม่ว่าความตายกำลังคบคลานเข้ามา..
“หนอย ยัยช้อง!!”
“O_O”
“วันนี้เธอตายแน่!!” นายดิวรีบลุกขึ้นมาด้วยความโมโห
เฮ้ย เอาจริงเดะ- - น่ากลัวอ่ะ ขอเผ่นก่อนล่ะ > <
พรึบ! นายดิวคว้าหางเปียฉันไว้
“โอ้ยเจ็บนะ ปล่อย! T^T” ฉันพยายามแกะมือนายดิวออก
“ฮ่าๆ หนีไม่พ้นหรอก!” เขาหัวเราะชั่วร้าย - - เอ่อ นี่นายรู้ไหมว่าหน้านายโคตรโรคจิตได้ใจเลย นี่ฉันกลัวจริงนะ อย่าฆ่าฉันเลยได้โปรดT^T
“ไอ้ดิว ปล่อย!” ฉันพูดด้วยความเหลืออด “ถ้าแกทำร้ายฉันแสดงว่าแกเป็นหน้าตัวเมีย!!”
“อะไรกันน่ะ ขี้โกงนี่หว่า!!” นายดิวถึงกับผงะ
“หน้าตัวเมีย หน้าตัวเมีย!!” ฉันหลับหูหลับตาตะโกนลั่น เอาสิ ให้มันรู้กันไปเลย ถ้านายกล้าทำฉัน นายจะถูกคนทั้งโรงเรียน ตราหน้าว่าเป็นหน้าตัวเมียทำร้ายผู้หญิง (นี่ฉันไม่ได้ขี้โกงใช่ไหมค่ะ หึหึ)
หน้าตัวเมีย! หน้าตัวเมีย! เหล่าบรรดาแฟนคลับของฉันพากันตะโกนใส่นายดิวเพื่อทำให้เขามีความกดดัน ฉันเองก็แอบแสยะยิ้มด้วยความภาคภูมิใจเหมือนกำลังจะชนะอีกครั้ง!
“เชียร์กันนักใช่มั้ย ยัยช้องนางของพวกเธอเนี่ย!!” นายดิวตะโกนใส่แฟนคลับของฉัน “งั้นคอยจับตาดูช้องนางของพวกเธอให้ดีแล้วกัน!!”
พรึ่บ!! เขาดึงฉันเข้าไปจุ๊บแก้ม
“อ้ากก !! พี่ช้อง!!” รุ่นน้องคนนึงร้องลั่น
………………….. คนอื่นรอบๆตาโตเท่าไข่ห่าน รวมทั้งฉัน O_O!!
หมอนี่ค่อยๆเอาปากออกห่างจากแก้มฉัน ก่อนจะยิ้มให้บรรดานักเรียนคนอื่นอย่างภาคภูมิใจ
ไม่… นะ
ม่ายยยยยยย!!!!!!!!!!!!!!!!!!! ขนาดคนที่ฉันแอบชอบฉันยังไม่เคยให้จุ๊บแก้มแบบนี้เลย นี่นายกำลังฆ่าฉันทางอ้อม แก..ไอ้ดิว ฉันจะฆาตกรรมนาย
“เป็นไง ถึงกับพูดไม่ออกเลยล่ะสิ! “ เขาจุ๊บเสร็จก็มายักคิ้วใส่ “รู้สึกเจ็บใจใช่มั้ยล่ะ”
ใช่ ฉันเจ็บใจ แต่สิ่งที่ทำให้ฉันเจ็บใจมากขึ้นไปอีกก็คือ ‘อาร์ม’ คนที่ฉันแอบชอบ ดันมาเห็นฉันตอนถูกไอ้บ้าดิวจุ๊บแก้มนี่สิ นี่มันบ้าชัดๆ ฉันอยากจะแทรกแผ่นดินหนี ไม่ก็กลบหลุมฝังตัวเองตายซะตรงนี้เลย T^T
“ทำอะไรกันน่ะ!!” อาจารย์ใหญ่เดินมาพอดี
“….”
“ทะเลาะกันอีกแล้วหรอ!!”
และในที่สุดฉันกับมันก็โดนพาตัวไปห้องปกครองเหมือนเคย จะว่าไป ฉันก็ชินกับบรรยากาศห้องปกครองไปแล้วนิ เพราะโดนเรียกตัวมาซ้ำๆซากๆจนฉันไม่รู้สึกตื่นเต้นหรือกดดันอะไร แม้แต่หน้าของอาจารย์ใหญ่หรืออาจารย์ฝ่ายปกครองเองฉันก็เห็นบ่อยจนชินตา แต่ก็อย่างว่า ก็ไม่ค่อยอยากมานั่งในนี้สักเท่าไหร่นักหรอกนะ - -
ฉันกับมันถูกจับแยกให้นั่งกันคนละมุม อีตาดิวก็เบือนหน้าหนีไปคนละฝั่งกับฉัน ฉันเลยเบือนหน้าหนีมันไปอีกฝั่ง ชิ ฉันก็เบื่อขี้หน้าแกเหมือนกันแหละนายดิว แม้แต่หน้าฉันก็ยังไม่อยากจะมองเลย
“เฮ้อ.. ทะเลาะกันเรื่องอะไรอีกล่ะทีนี้” อาจารย์ใหญ่เดินมานั่งเก้าอี้ พลางกุมหัวแล้วถอนหายใจ
“ก็ไอ้ดิว.. เอ๊ย! นายดิวน่ะสิค่ะ มันแกล้งเอาเปลือกกล้วยมาโยนใส่แล้วทำให้หนูล้มต่อหน้าคนที่หนูชอบค่ะอาจารย์!” ฉันฟ้อง พลางหันไปยิ้มเยาะใส่นายดิวที่นั่งอ้าปากหวอมองอยู่
“แต่ยัยช้องมันแกล้งผมก่อนครับ มันเอาน้ำปลามาใส่ในน้ำโค้กให้ผมกินก่อน” มันรีบชี้มาทางฉัน
“ก็นายแกล้…”
“หยุด!!!” อาจารย์ขึ้นเสียง “พอได้แล้ว เมื่อไหร่จะเลิกทะเลาะกันซักที นี่พวกเธอก็อยู่ชั้นม.6แล้วนะ เป็นรุ่นพี่โตสุดก็หัดทำตัวให้เป็นตัวอย่างที่ดีให้น้องดูบ้าง ไม่ใช่มากัดกันทุกวันแบบนี้!!”
เราสองคนถูกอาจารย์ด่าจนหูชาเกือบชั่วโมง จากนั้นอาจารย์ก็โทรแจ้งให้ผู้ปกครองทราบ พอเสร็จแล้วก็ให้ฉันกับดิวเขียนใบรายงานความประพฤติ - -(อีกแล้ว) กว่าจะเสร็จก็เย็นมาก คนในโรงเรียนก็กลับบ้านกันเกือบหมด เหลือแต่พวกนักกีฬากับพวกวงโยธวาทิศที่ต้องอยู่ซ้อมจนดึก ฉันพอฉันออกมาได้ก็รีบใส่รองเท้าแล้วเดินกลับบ้านอย่างเร็ว
ระหว่างที่ฉันเดินออกจากซอยโรงเรียนได้ไม่ไกลนัก นายดิวที่ออกมาทีหลัง ก็ขี่รถมอร์เตอร์ไซต์ตามหลังฉันมา (อันที่จริงมันก็ทางกลับบ้านของหมอนี่อยู่แล้วนี่นา)
“เฮ้ ยัยช้อง!” ดิวตะโกนเรียกชื่อ แต่ฉันทำเป็นไม่ได้ยิน
“….”
“ช้อง ช้องนาง!” เขายังคงตะโกนเรียกฉันไม่หยุด จนเขาตัดสินใจบิดคันเร่งแซงหน้าฉันแล้วจอดรถขวางหน้าฉันซะเลย (นี่กล้าดียังไง)
“อะไรอีก!!” ฉันทำเสียงจิ๊จ๊ะไม่พอใจ
“ขึ้นรถ ฝนจะตกแล้ว เดี๋ยวไปส่ง”
“ไม่เอาย่ะ” ฉันกอดอกเชิดหน้า แหม จะให้ฉันไปกับนายง่ายๆได้ยังไงล่ะ ของอย่างนี้ต้องมีเล่นตัวกันหน่อยสิ อิอิ
หมับ! ยังไม่ทันได้พูดพร่ำทำเพลง นายดิวก็คว้าแขนฉัน แล้วบังคับให้ฉันขึ้นรถ (เห้ย นี่มันฉุดกันนี่หว่า!)
“นี่ จะขึ้นไม่ขึ้นเนี่ย มาเร็วๆ” นายดิวดึงแขนฉัน โอ้ย อะไรนักหนาเนี่ยT^T
“ฉันไม่ไป!” ฉันพยายามดึงแขนกลับ
ไม่นานนักฉันก็รู้สึกได้ถึงลมที่พัดแรงมาก เศษใบไม้ เศษขยะปลิวไปตามลม ฟ้าเริ่มครึ้มดำมาแต่ไกล ดูเผินๆเหมือนฝนกำลังจะตก แต่พอฉันได้มองไกลออกไป ฉันก็เห็นเป็นกลุ่มลมพายุที่กำลังก่อตัว กำลังตรงดิ่งมาที่ฉัน
“เมืองไทยมีพายุแบบนี้ด้วยหรอ?” ฉันถามนายดิวทั้งที่ตากำลังจดจ้องกับพายุลูกมหึมาลูกนั้นอยู่
“ฉันว่ามันแปลกๆนะ รีบขึ้นรถเร็ว”
คราวนี้ฉันรีบกระโดดไปซ้อนมอร์เตอร์ไซต์นายดิวอย่างไม่ลังเล เขารีบบิดเพื่อหนีพายุลูกใหญ่ที่กำลังตรงเข้ามาเรื่อยๆ แต่ทว่าแรงลมนั้นแรงเสียจนทำให้มอร์เตอร์ไซต์ของเขาสั่นไปมาจนเกือบเสียหลัก นี่มันบ้าไปแล้ว เราสองคนกำลังขี่มอเตอร์ไซต์หนีพายุลูกยักษ์!! นี่โลกถึงกาลอวสารแล้วหรอเนี่ย ถ้าฉันรอดไปได้นะ ฉันจะเอาไปเล่าให้ลูกให้หลานให้บรรพบุรุษฟังเลยคอยดูสิ
“ไม่ไหวแล้วช้อง มอเตอร์ไซต์จะลอยแล้ว!” นายดิวตะโกนบอกฉันสู้กับเสียงลมแรงที่ตีหน้าเราสองคน
“ไม่นะ!!”
พรึ่บ!!! ในทันทีที่ตัวฉันลอยเข้าไปในพายุ ทุกอย่างก็เริ่มจะเลือนราง เสียงรอบข้างเงียบสนิท จนสุดท้ายทุกสิ่งทุกอย่างก็กลายเป็นความมืดมิด ไม่มี ไม่มีโอกาสรอดแน่ๆ นี่ฉันกำลังจะตายสินะ นี่มันจะเร็วเกินไปไหม ฉันพึ่งจะสาว จะสวย และที่สำคัญ ยังโสดสนิทอีกด้วย!
หลังจากนั้นฉันก็หมดสติแล้ววูบหลับไป …
…………...
………………….ซูม…
ซูมมมมมมม
ซูมมมมม!!!! เสียงเหมือนคลื่นกระทบฝั่ง ฉันเริ่มรู้สึกตัวเมื่อเท้าของฉันได้สัมผัสกับคลื่นน้ำทะเล นิ้วของฉันค่อยๆขยับ ก่อนที่ฉันจะค่อยๆลืมตาขึ้น
“สวรรค์หรอ?” แสงสว่างแรงจ้าแยงตาฉันจนแทบลืมตาไม่ขึ้น ฉันเห็นภาพรางๆเหมือนฝูงนกกำลังบินผ่านไป
ฉันค่อยๆขยับร่างกายทีละนิดแล้วมองไปบริเวณรอบตัว ภาพที่ฉันเห็นก็คือ ฉันได้นอนอยู่บนหาดทรายสีขาวสะอาด ด้านหน้าฉันเป็นน้ำทะเลสีฟ้าใสจนเห็นพื้นทราย ที่นี่ก็คือทะเลนั่นเอง มันเป็นทะเลที่สวยงามมาก แสงอาทิตย์ส่องผืนน้ำจนเห็นเป็นแสงระยิบระยับ ทั้งๆที่ทะเลทั้งสวยและงดงามเช่นนี้ แต่ก็เงียบสงบ และก็ไม่มีนักท่องเที่ยวมาให้เห็นแม้แต่คนเดียว
แล้ว… ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงล่ะเนี่ย!! O_O
ฉันรีบลุกพรวดแล้วพยายามตั้งสติ แล้วพยายามคิดทบทวนเหตุการณ์ที่ผ่านมา
“เมื่อกี้ ฉันยังทะเลาะกับนายดิวอยู่นี่นา” ฉันพึมพำ “แล้วก็มีพายุเข้ามา….”
ฉันขนลุกซู่ไปทั้งตัว นี่มันเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อมาก ไม่รู้ว่าฉันกำลังเจอกับอะไรอยู่ พยายามคิดหาเหตุผลหรือคำตอบก็ไม่สามารถหาคำตอบได้ หรือจะเป็นแบบปรากฏการณ์แบบสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า (ในซอยทางเข้าบ้านฉันเนี่ยนะ เป็นไปไม่ได้=_=)
“เห้ย ตื่นแล้วใช่มั้ย มาช่วยทางนี้หน่อยสิ!”
เสียงคุ้นๆนี่มัน….
“นาย!!O_O” ฉันหันไปมองต้นเสียง และก็อย่างที่ฉันคิดไว้จริงๆ ‘นายดิว’ นี่เอง - _ - เขาเดินแบกไม้ไผ่ไว้บนบ่า แล้วเดินเอามาวางไว้เป็นกองขนาดใหญ่ ใกล้ๆกันมีใบตาลใบมะพร้าวแห้งวางซ้อนกัน เขาถอดเสื้อที่เปียกมัดกับไม้ แล้วเสียบตากแดดไว้เพื่อให้มันแห้ง ก่อนที่เขาจะนั่งลงแล้วใช้มีดเหลาไม้ (ฉันพึ่งรู้ว่านายพกมีดด้วยนะเนี่ย!!)
“มัวทำอะไรอยู่ บอกให้มาช่วยฉันหน่อย” เขามองฉันแบบเหยียดๆ แล้วก้มหน้าก้มตาเหลาไม้ต่อ
“หมายความว่ายังไง ทำไมเรามาอยู่ที่นี่?” ฉันรีบสาวเท้าเข้าไปหาเขาอยากรุกรี้รุกรน แต่เขากลับมีท่าทีใจเย็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ฉันไม่รู้!! พอฉันรู้สึกตัวฉันก็มานอนอยู่ที่นี่แล้ว” นายดิวขมวดคิ้ว
“นี่นายไม่สงสัยหรือไงว่ามันแปลกๆ”
“ก็สงสัย” เขาหยุดเหลาไม้แล้วหันมาจ้องหน้าฉันแทน
“…”
“แต่ฉันไม่รู้จะทำยังไง แต่สิ่งที่เราควรจะทำตอนนี้ก็คือหาทางรอดไปจากที่นี่ก่อน”
ก็จริงอย่างที่เขาว่า เราต้องหาทางรอดไปจากที่นี่ก่อน ถ้ามัวแต่ตกใจโวยวายไปก็ไร้ประโยชน์ นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นด้วยกับหมอนี่นะเนี่ย จริงๆแล้วหมอนี่ก็พูดจามีเหตุมีผลกับเขาเป็นเหมือนกันแหะ
“แล้วนี่นายกำลังจะทำอะไร?” ฉันชี้ไปที่ไม้ในมือเขา
“ทำที่อยู่อาศัยชั่วคราว” เขาก้มหน้าก้มตาเหลาไม้ในมืออย่างตั้งใจ เอาน่ะ อย่างน้อยหมอนี่ก็ยังพอพึ่งพาได้อยู่
“แล้วนายทำเป็นหรือไง” ฉันถาม
“ก็ไม่เป็นน่ะสิ ฉันถึงบอกให้มาช่วยยังไงล่ะ!!! T0T”
หนทางรอดของฉันดับวูบในทันที
“ฉันจะช่วยนายยังไง ฉันก็ทำไม่เป็นเหมือนกัน โฮT0T”
แล้วเราก็เริ่มสติแตกกันยกใหญ่
“บ้าเอ๊ย!! นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นว่ะเนี่ย!!”
“เราต้องตายอยู่ที่นี่แน่เลย ไม่รอดแน่ ตายแน่ๆT0T” ฉันพูดพลางสะอึกสะอื้นไปด้วย
“อย่าพูดว่าเราจะตายกันได้มั้ย ยัยโง่!!”
“ก็จริงนิ ” ฉันสะอื้น
“โง่เอ๊ย!” นายดิวจิกปากใส่ฉันอย่างหมั่นเขี้ยว
“นายเลิกว่าฉันว่าโง่สักทีได้มั้ย!!”
“โง่จริงนิ!! ทำตัวโง่แถมยังไร้ประโยชน์อีก แทนที่จะมาช่วยกันกลับมานั่งร้องไห้อยู่ได้ เธอมันไร้ประโยชน์สิ้นดี!!” ดิวลุกขึ้นต่อว่าฉันชุดใหญ่
“ว่าแต่ฉัน นายมันก็ไร้ประโยชน์เหมือนกันนั่นแหละ!” ฉันพูดพลางปาดน้ำตา จากอารมณ์เศร้าของฉันมันก็กลายเป็นอารมณ์โกรธทันที
“ไร้ประโยชน์อะไร ไม่มีเธอช่วยฉันก็เอาตัวรอดคนเดียวได้โว้ย ฮ่าๆ!” เขายืนเท้าใส่เอวหัวเราะเสียงดัง
“ฉันก็เหมือนกันย่ะ!!” ฉันลุกขึ้นท้า “งั้นต่อจากนี้นายก็ทำไปเองคนเดียวแล้วกัน เชอะ!” ฉันจงใจชนไหล่เขาอย่างแรง แล้วเดินไปที่อื่น
คนบ้าอะไรไม่รู้ อวดดีอวดเก่งชะมัด ถ้าเก่งนักล่ะก็ ทำเองคนเดียวไปเถอะ ฉันไม่อยากต้องมาช่วยคนอย่างนาย ช่วยแล้วก็โดนด่า ใครเขาอยากจะช่วยกันล่ะ
“อย่าร้องไห้มาขอร้องให้ฉันช่วยแล้วกัน ยัยฮิปโป!” เขาตะโกนมาจากด้านหลัง
“เออ!!”
โปรดติดตามตอนต่อไป
ความคิดเห็น