ค่าเริ่มต้น
- เลื่อนอัตโนมัติ
- ฟอนต์ THSarabunNew
- ฟอนต์ Sarabun
- ฟอนต์ Mali
- ฟอนต์ Trirong
- ฟอนต์ Maitree
- ฟอนต์ Taviraj
- ฟอนต์ Kodchasan
- ฟอนต์ ChakraPetch
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : จุดเริ่มต้น
จุดเริ่มต้น
ฉันชื่อดาว ฉันอายุ12ปีแล้ว ฉันอยู่โรงเรียนนี้มาหลายปี มีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นที่นี่ รวมทั้งรักครั้งแรกของฉัน ฉันไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้มันเกิดขึ้นตอนไหน ทั้งที่เมื่อก่อนฉันไม่เคยนึกชอบผู้ชายคนนี้เลย ขี้เก๊ก ไม่ตั้งใจเรียน เอาแต่เล่น ทำอะไรก็ไม่ได้เรื่องซักอย่าง ไม่สิ!เขาเล่นดนตรีเก่งและก็รักเพื่อนทุกคนของเขามาก นั้นอาจจะเป็นข้อดี(มั่ง)ที่ฉันมองเห็นก็ได้
ปีนี้เป็นครั้งแรกที่ฉันจะได้นั่งใกล้กับเขา ถึงตอนนี้ก็ยังไม่ชอบอยู่ดี ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ทั้งทีผู้หญิงคนอื่นก็ชอบเขาขนาดนี้ แต่ทำไมฉันถึงไม่ชอบล่ะ ไม่เข้าใจตัวเองเลย
จนเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น ฉันเลยเริ่มจะแน่ใจว่าฉันชอบเขาเข้าแล้ว ช่วงพักกลางวัน กลุ่มของฉันกำลังนั่งคุยกันอยู่ในห้องอย่างสนุกสนาน ส่วนต้อก็กำลังเล่นมวยปล้ำกับเพื่อนอยู่หน้าห้อง เหตุการณ์ที่ไม่น่าเกิดขึ้นมันก็เกิดขึ้น ขณะที่ต้อกับโชกำลังเล่นกันนั้น ต้อเกิดสะดุดล้มแล้วโชก็ล้มลงไปทับ เสียงกรี๊ดของนักเรียนหญิงหลายคนดังขึ้น ฉันกับเพื่อนเลยรีบไปดู สิ่งที่เห็นก็คือเลือดออกปากต้อเต็มไปหมด โชดูตกใจมากที่เห็นเพื่อนตัวเองอาการหนักอย่างนี้
“รีบไปตามอาจารย์มาซิ ยืนมุงกันอยู่ได้” ฉันบอกให้เพื่อนไปตามอาจารย์มา
“ต้อ เอาผ้านี่ปิดปากไว้ก่อนนะ” มายเพื่อนของฉันยืนผ้าเช็ดหน้าให้กับต้อ ที่ตอนนี้ เลือดยังไหลออกมาไม่หยุด เมื่ออาจารย์มาถึงก็รีบพาส่งโรงพยาบาลทันที บ่ายวันนั้นทุกคนต่างก็ไม่มีกระจิตกระใจจะเรียนหนังสือ พวกเราต่างก็รอฟังข่าวของต้อ อาจารย์ที่พาต้อไปโรงพยาบาลบอกแค่ว่าไม่เป็นอะไรมากแค่นั้น แต่จนถึงตอนเย็นต้อก็ไม่ได้กลับมาที่โรงเรียน ก่อนกลับบ้านฉันก็เลยไปถามอาจารย์ที่พาต้อไปโรงพยาบาล อาจารย์ก็บอกเหมือนเดิมคือไม่เป็นอะไรมาก แต่ฉันก็ยังกังวลอยู่ดี ระหว่างกลับบ้านฉันนั่งมองโทรศัพท์อยากจะโทรไปหาต้อเพื่อถามอาการ แต่ก็ไม่กล้ามัน 2 จิต 2 ใจ แล้วฉันจะทำยังไงดีล่ะเนี่ย
“โทรไปเลย มัวลังเลอะไรอยู่เขาจะได้รู้ว่าเราเป็นห่วง” นางฟ้า
“จะโทรไปทำไม ไม่ได้เป็นอะไรกันซักหน่อยไม่ต้องไปยุ่งกับเขาหรอก” ซาตาน
“โทรไปซิ เพื่อนกันไม่เป็นอะไรหรอก” นางฟ้า
“เดี๋ยวเขาก็หาว่ายุ่งหรอก ญาติกันก็ไม่ใช่ จะไปยุ่งทำไม” ซาตาน
“โทรไปเลย” นางฟ้า
“ไม่ต้องโทร” ซาตาน
“โทร” “ไม่โทร”
“ต้องโทรสิ” “ไม่ต้องโทร จะโทรไปทำไม วุ่นวาย” ตายแล้วนางฟ้ากับซาตานของฉันกำลังทะเลาะกันใหญ่แล้ว ฉันจะเชื่อใครดี จะโทรหรือไม่โทรดี
“เชื่อฉันสิ ดาว โทรไปหาต้อซะ”
“เชื่อฉันดีกว่า อย่าโทรไปหาเขาเลย เขาอาจจะคิดว่าเราวุ่นวายก็ได้”
“ต้องโทร” “ไม่โทร” “ต้องโทร” “ไม่ต้องโทร” “ต้องโทรสิ เพื่อนกันนะ” “ไม่ต้องโทร ไม่ใช่ญาติซะหน่อย”
“อ๊าย! หยุด หยุดเดี๋ยวนี่ น่ารำคาญ” ฉันตะโกนออกมาอย่างเหลืออด ทุกคนบนรถหยุดชะงักแล้วมองมาที่ฉัน ทุกอย่างเงียบสนิท ฉันคิดว่าถ้ามีแมลงวันบินมาซักตัวต้องได้ยินเสียงแน่ๆเลย รถเมล์ หยุดพอดีฉันเลยรีบเก็บข้าวของ แล้วลงจากรถทันที เกิดมาไม่เคยอายอย่างนี้มาก่อน ไม่น่าเลย!ฉันรีบเดินโดยเร็วให้พ้นจากรัศมีของสายตาคนบนรถที่มองมาที่ฉัน คนพวกนั้นมองฉันเหมือนกันเป็นตัวตลกอย่างนั้นแหล่ะ
“โอ๊ย! เหลืออีกตั้ง 2 ป้ายฉันต้องเดินกลับหรอเนี่ย บ้าที่สุดเลย” ฉันได้แต่บ่นกับตัวเองอย่างเซ็งๆ
“เมื่อไหร่จะถึงบ้านฉันเนี่ย บ้านฉันอยู่ไกลขนาดนี้เลยหรอ” ฉันเดินบ่นไปตลอดทาง ทำไมฉันถึงชอบทำอะไรเปริ่นๆ อย่างนี้นะ เฮ้อ! อยากจะบ้าตาย
“กลับมาแล้วค่ะ”
“กลับมาแล้วหรอ ทำไมวันนี้กลับเย็นจังเลยล่ะ”แม่ของฉันถามทันที ก็น่าอยู่หรอกกลับช้าตั้งชั่วโมง ถ้าไม่ถามนี่สิแปลก
“พอดีทำเวรน่ะ เลยกลับช้า”
“ไปอาบน้ำแล้วมากินข้าว เดี๋ยวพ่อก็กลับมาแล้ว” ฉันเดินขึ้นบ้านอย่างอ่อนแรง เดินมาตั้งไกลกว่าจะถึงบ้านฉันไม่เคยเดินกลับบ้านเลยซักครั้ง ชีวิตของฉันสุขสบายที่สุด อย่างกับคุณหนู ถึงบ้านฉันไม่ได้ร่ำรวยอะไร แต่ฉันก็ถูกเลี้ยงดูแบบที่ไม่ต้องทำอะไรเลย อยากได้อะไรพ่อกับแม่ก็หามาให้ เรียกได้ว่าลูกคนรวยบ้างคนยังไม่สบายเท่าฉันเลยแต่ก็นะ บ้างครั้งก็รู้สึกเหงาบ้าง อยากจะไปเที่ยวเล่นเหมือนเด็กคนอื่นฉันก็ทำไม่ได้อยู่บ้านต้องเรียบร้อย อึดอัดเหมือนกันที่ต้องเป็นแบบนี้ แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีใคร พอเห็นโทรศัพท์ฉันก็นึกถึงต้อขึ้นมาอีก ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงบ้าง ฉันกะว่าจะโทรไปหาซะหน่อย แม่ดันเรียกซะได้ เลยกะว่าตอนกลางคืนค่อยโทรไปหาแล้วกัน
21.00 น.
เอาละ! ฉันคิดว่ายังไงฉันก็จะโทรไปหาต้อให้ได้ เบอร์ก็อยู่ที่หน้าจอแล้ว แค่กดโทรออกเท่านั้น เอาละนะ หนึ่ง…สอง…สา…
“เพราะเธอทำให้ฉันพบ ท่วงทำนองเพลงที่ฉันเองไม่เคยเจอ บทเพลงรัก เพลงแรกจากเธอ ที่เป็นคนบรรเลงให้ชีวิตฉันสดใส” เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
“โอ๊ย! ใครดันโทรมาตอนนี้เนี่ย บ้าจริง” ฉันบ่นอย่างหัวเสีย
“สวัสดีค่ะ ดาวพูดค่ะ”
“ดาว! มายพูดนะ” ที่แท้ก็มาย ฉันกำลังคิดว่าใครจะโทรมาหาฉันนะ
“ว่าไง มีอะไรหรอ โทรมาซะดึกเชียว”
“เธอโทรหาต้อรึยัง ดาว” (ฉันก็กำลังจะโทรนี่ไง แล้วเธอโทรเข้ามาทำไมย่ะ)
“ยังอ่ะ ทำไมหรอ ฉันต้องโทรไปด้วยหรอ”
“ฉันโทรไปหาเขามาแล้วล่ะ แม่เขารับสายน่ะ บอกว่าต้อยังพูดไม่ได้เดี๋ยวแผลจะกระเทือน ก็เลยมารับโทรศัพท์ฉันไม่ได้” (แล้วมาบอกฉันทำไม ฉันไม่ได้ถามอะไรเลยนะ)
“งั้นหรอ แล้วเธอมาบอกฉันทำไม ฉันไม่ได้อยากรู้ซะหน่อย แล้วฉันก็ไม่คิดจะโทรไปหานายต้อด้วย” (ปากตรงกับใจจริงๆเลยฉัน)
“แหม! ดาวเนี่ยทำไมไม่ชอบต้อก็ไม่รู้ ต้อน่ะนะออกจะหล่อ เท่ น่ารัก แมน แสนดีขนาดนี้”
“ก็ฉันไม่ชอบนี้ เธอจะโทรมาบอกแค่นี้งั้นหรอ พรุ่งนี้ค่อยบอกก็ได้นี่ ไม่เห็นต้องโทรมาบอกเลย”
“ก็ฉันกลัวว่าเธอจะกังวลเพราะว่าเป็นห่วงต้อน่ะสิ เดี๋ยวจะนอนไม่หลับ ฉันก็เลยโทรมาบอกไงจะได้ไม่ต้องห่วง ไม่มีอะไรแล้ว แค่นี้ล่ะกันนะพรุ่งนี้เจอกันที่โรงเรียน บายฝันดีนะ” แล้วยายมายก็วางไปทันที
“อะไรกันยายนี่! นึกจะโทรก็โทร นึกจะวางก็วาง” (ก็ดีเหมือนกันจะได้ไม่ต้องโทรไป) นอนดีกว่าพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า
…………………………………………………………….
ต้อไม่มาโรงเรียน 2 วันแล้ว ในห้องดูเหงาๆยังไงก็ไม่รู้ ทำไมฉันไม่กล้าเหมือนมายบ้างนะ จะได้โทรไปหาต้อ ตั้งแต่เกิดเรื่องกับต้อฉันก็ไม่กระจิตกระใจไปทำอะไรทั้งนั้น เมื่อไหร่เขาจะกลับมาเรียนนะ คิดถึงจังเลย เอ๊ะ!คิดถึงงั้นหรอ นี่ฉันเป็นอะไรไป 2 วันมานี้ฉันคิดถึงแต่เรื่องของต้อ ฉันไม่เคยเป็นแบบนี้นะฉันเป็นอะไรไป ฉันชอบหมอนั้นงั้นหรอไม่หรอก เป็นไปไม่ได้ ฉันแค่ห่วงในฐานะเพื่อนเท่านั้น แค่เพื่อนๆ จำไว้ดาวแค่เพื่อน
“ดาว เป็นอะไรเห็นนั่งเหมอ ตั้งนานแล้ว”
“ป่าวนี่ ก็แค่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย”
“เป็นห่วง ต้อล่ะสิ เขาไม่อยู่แล้วแกดูเหงาๆนะ”
“ไม่ใช่ซะหน่อยโบว์ ใครจะไปห่วงคนแบบนั้น”
“คนปากแข็ง ปากบอกไม่ แต่ใจน่ะลอยไปไหนแล้ว”
“ฉันบอกว่าไม่ก็ไม่สิ เธอนี่ยังไงนะ มาคาดคั้นกับฉันอยู่ได้” ฉันตัดบทไป ไม่อยากให้ใครมารู้ว่าฉันกำลังคิดอะไรอยู่
“พรุ่งนี้ ต้อก็คงจะมาแล้วล่ะ”
“ใครบอกเธอ”
“โน้นไง คนส่งข่าวเดินมาโน้นแล้ว” ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนมายแฟนคลับของต้อเดินเข้าห้องมาพร้อมกับบรรดาแฟนคลับคนอื่นๆ คงจะกำลังเล่าเรื่องของต้ออยู่ ทำอย่างกับเป็นแฟนของเขาอย่างนั้นแหล่ะ ทำไมฉันถึงคบกับยายนี่ไปได้นะ ไม่เข้าใจตัวเองเลย
“เอ้อนี่! ต้อ เดือนหน้าก็จะจบแล้ว เธอจะเรียนต่อม.1ที่ไหน”
“ฉันกะว่าจะต่อที่นี่ เธอล่ะจะเรียนที่ไหน”
“ก็เหมือนกับเธอนั้นแหละ แต่ก็ยังไม่แน่ใจนะ จะว่าไปแล้วเวลามันผ่านไปเร็วจังเลยนะ จะจบกันแล้วแต่ละคนก็คงต้องแยกย้ายไปเรียนที่อื่น”
“นั้นสิ ถึงเวลาที่ต้องแยกย้ายกันแล้ว ฉันไม่ชอบเลย” เวลาไม่เคยคอยใครจริงๆ ผ่านแล้วก็ผ่านไปไม่เคยหวนย้อนคืน ฉันอดนึกไม่ได้ว่าฉันอาจจะไม่ได้เจอต้ออีก ฉันคงจะเริ่มชอบเขาแล้วล่ะ เหมือนที่เขาพูดกันกว่าจะรู้ใจก็จะสูญเสียเขาไปแล้ว เฮ้อ!จะโทษใครได้นอกจากตัวเรา ที่ไม่ถามใจตัวเองให้ดี
………………………………………………………..
วันนี้ต้อจะกลับมาเรียนแล้ว ฉันจะหน้ายังไงดี ตื่นเต้นจังจะพูดกับเขายังไงดีนะ ขณะนั้นอาจารย์กับต้อก็เดินเข้ามาในห้องพอดี
“ทุกคนนั่งที่ให้เรียบร้อย”
“ทุกคนคงรู้นะว่าเกิดอะไรขึ้นกับนายสถิตย์ ตอนนี้เขาก็ยังไม่หายดี ยังไงพวกเธอก็ช่วยกันดูแลเขาจนกว่าจะสอบเสร็จนะ”
“ครับ/ค่ะอาจารย์” ฉันสังเกตุดูแผลของต้อคงจะเจ็บหนักเหมือนกันเพราะเขาเอาผ้าปิดปากไว้ตลอดเวลา และค่อยจะพูดเหมือนแต่ก่อน อาจจะเรียกได้ว่าสิ้นฤทธิ์ก็ได้ นึกแล้วก็ตลกดีนะต้อจอมซ่า ตอนนี้กลายเป็นต้อผู้เงียบขรึมไปซะแล้ว
“นี่ดาว ดาว”
“โอ๊ย! อะไรของเธอเนี่ย อยู่ใกล้แค่นี่เอง ไม่เห็นต้องตะโกนเลยเดี๋ยวฉันก็หูหนวกพอดี” ยายโบว์ตะโกนใส่หูของฉันจนหูชาไปหมด
“ก็เรียกแล้วไม่ได้ยินนี่ ไปกินข้าวกันเถอะฉันหิวข้าวจนจะกินเธอเข้าไปได้ทั้งตัวแล้ว”
“พักกลางวันแล้วหรอ ทำไมเร็วจัง”
“อะไรกัน เลยเวลาพักมา 10 นาทีแล้วนะมัวแต่คิดอะไรอยู่จ๊ะ หรือว่ากำลังคิดถึงใครแถวๆนี้อยู่” ยายโบว์ไม่พูดเปล่ายังมองไปทางต้อที่นั่งอยู่ใกล้ๆ ยายนี่ยุ่งจริงๆเชียว ฉันต้องรีบพายายนี่ไปก่อนที่จะพูดอะไรไปมากกว่านี่
“รีบไปเถอะน่า เธอหิวไม่ใช่หรอ” ฉันรีบพายายโบว์ออกไปจากห้องทันที
ณ โรงอาหาร
“นี่ดาว ถามอะไรอย่างสิ”
“มีอะไร ถามมาสิ”
“เธอชอบต้อใช่มั้ย ดาว ถ้าเธอชอบเขาก็บอกฉันมาเหอะน่า ฉันไม่เอาไปบอกใครหรอก ฉันมาคิดๆดูนะ เธอ 2 คนมีอะไรคล้ายๆกันนะ ชอบอะไรเหมือนๆกัน เรียนก็เรียนห้องเดียวกันมาตลอดเลยด้วย ไม่คิดว่ามันเป็นพรมลิขิตบ้างหรอ”
“เธออายุ12 จริงๆหรอ พูดอย่างกับผู้เชียวชาญด้านความรัก แก่แดดจริงๆเลยเธอเนี่ย”
“ฉันก็จำมาจากหนังสือบ้าง TVบ้าง แล้วตกลงว่าไงล่ะ เธอชอบต้อรึป่าว”
“ไม่รู้สิ ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าฉันรู้สึกยังไงเหมือนจะชอบ และก็เหมือนจะไม่ชอบ ฉันก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน”
“อ้าว! ไหงเป็นงั้นอ่ะ”
“เรื่องของฉันน่ะช่างเถอะ แล้วโชเป็นไงบ้างล่ะเธอไปเยี่ยมเขาบ้างรึป่าว”
“ก็ไม่ได้ไปนะ แค่โทรหาเฉยๆเห็นบอกว่าข้อเท้าแพลงน่ะ แล้วก็มีไข้ด้วย เห็นแมนๆอย่างนั้นนะไม่น่าเชื่อว่าจะกลัวเลือดขนาดนี้ แต่เป็นฉันก็คงจะเป็นเหมือนกับโชนะ เพื่อนตัวเองเจ็บขนาดนั้น สงสัย 2 คนเนี่ยจะเข็ดไปอีกนานเลย หรือ…อาจจะไม่นะ”
“ขี้นห้องเถอะ ใกล้จะถึงชั่วโมงเรียนแล้ว”
“อืม ไปดิ”
“ต้อไม่เป็นอะไรใช่มั้ย มายเป็นห่วงมากเลยนะกลัวว่าต้อจะเป็นอะไรไป เราคงทำใจไม่ได้ เนี่ยเราไม่มีกระจิตกระใจไปทำอะไรเลยนะ ตอนที่ต้อไม่อยู่เนี่ยเราเหงามากเลย” บรรดาแฟนคลับของต้อต่างพากันนั่งล้อมรอบต้ออยู่เต็มไปหมด น่ากลัวจะขาดใจตายเพราะไม่มีอากาศหายใจ โดยเฉพาะยายมายดูทำตัวเข้าสิอย่างกับว่าเป็นแฟนของต้ออย่างนั้นแหล่ะ เห็นแล้วอารมณ์เสีย
“หลีกหน่อยสิ ชั่วโมงเรียนจะเริ่มแล้วนะ กลับห้องพวกเธอไปได้แล้ว” ไม่รู้เหมือนกันว่าฉันพูดแบบนั้นไปได้ไงยายพวกนั้นดูไม่พอใจฉันมาก
“มีสิทธิ์อะไรมาไล่ฉันย่ะ ต้อเขายังไม่เห็นพูดอะไรเลย แล้วเธอเป็นใครมาไล่พวกฉันกลับห้อง” ดูยายพวกนี่พูดเขาสิ ไม่ได้รู้ตัวเลยรึไงว่าต้อเขามีสีหน้ารำคาญแค่ไหน ยังจะมาพูดแบบนี้กับฉันอีก
“บังเอิญฉันเป็นหัวหน้าห้องฉันก็เลยมีสิทธิ์ แล้วฉันก็ไม่ได้ไล่พวกเธอเลย ฉันเชิญให้พวกเธอกลับห้องด้วยซ้ำ คำพูดของฉันมันมีต้องไหนบอกว่าฉันไล่พวกเธองั้นหรอ ถ้าพวกเธอมีเวลาว่างมาตามผู้ชายก็น่าจะเอาเวลาไปอ่านหนังสือซะบ้าง ใกล้จะสอบแล้วด้วยขอโทษนะที่บ้านส่งเธอมาเรียนหรือว่ามาตามผู้ชายกันแน่ย่ะ” ตายแล้วฉันพูดแบบนั้นออกไปได้ไง ทำไงดีอ่ะฉันต้องถูกตบแน่เลย ปากนะปากไม่น่าปากไว้เลย ยายพวกนี้เต้นเป็นเจ้าเข้าเลย พวกนี้ต้องโกรธมากแน่เลย ฉันทำไงดีเนี่ย
“อ๊าย! ยายนี่พูดแบบนี้ได้ยังไงแบบนี้ต้องตบสั่งสอน” หนึ่งในบรรดาแฟนคลับของต้อยกมือเตรียมที่จะตบฉัน ฉันไม่รู้ว่าควรจะทำยังไง ฉันไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้เลยซักครั้ง แต่อยู่ๆต้อก็รุกขึ้นมาตัวมาบังฉันไว้ เขาปกป้องฉันงั้นหรอ เขาช่วยฉันหรอ ฉันยืนอยู่ด้านหลังของต้อ เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นว่าต้อเท่ขนาดไหน แค่นี่ฉันก็มีความสุขแล้ว ฉันรู้สึกว่าต้อจะชูป้ายอะไรซักอย่างให้กับแฟนคลับพวกนั้น พวกนั้นดูจ๋อยๆแล้วเดินออกไปรวมทั้งยายมาย ก็เดินกลับไปนั่งที่ของตัวเองด้วย แต่ละคนมองฉันอย่างกับว่าฉันเป็นศัตรูอย่างนั้นแหล่ะ
ยายพวกนั้นออกไปกันหมดแล้ว ฉันเลยเดินไปนั่งที่โต๊ะของตัวเอง พวกผู้ชายในห้องต่างเฮกันลั่น ฉันไม่เคยเห็นต้อเป็นแบบนี้มาก่อน(ฉันก็ไม่เคยเป็นแบบนี้เหมือนกัน) ทุกคนต่างพูดแซวฉันกับต้อรวมทั้งยายโบว์เพื่อนของฉันด้วย ยายนี่ยุ่งจริงๆเลย แล้วฉันก็สังเกตเห็นกระดาษอะไรซักอย่างอยู่บนโต๊ะของฉัน ฉันเลยเปิดดู
“ขอโทษนะที่ทำให้เดือดร้อน ต้อ” ฉันหันไปมองที่ต้อ เขายกมือข้างหนึ่งไว้ที่หน้าอก ทำเหมือนกับว่ายกมือขอโทษฉัน เป็นภาพที่น่ารักมากเลยในสายตาของฉัน
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันมันปากไม่ดีเองปากไวไปหน่อย” ต้อก้มลงเขียนอะไรซักอย่างส่งให้ฉัน
“ยังไงก็ขอบใจนะ ที่ไล่ยายพวกนั้นไป เรารำคาญยายพวกนั้นจะแย่”
“ขอบใจเหมือนกันนะ ที่ช่วยฉันเมื่อกี้น่ะไม่งั้นฉันต้องถูกตบแน่เลย” เขายิ้มให้ฉัน ฉันก็เลยยิ้มตอบไป แล้วทุกอย่างก็อยู่ในความเงียบ ทำไมฉันถึงตื่นเต้นขนาดนี่นะ ช่วงบ่ายอาจารย์เข้ามาสั่งงานแล้วก็ออกไป ทุกคนในห้องก็นั่งคุย เล่นกันเสียส่วนใหญ่
ตอนบ่ายๆแบบนี้ไม่มีอะไรจะสุขเท่ากับการนอนอีกแล้ว ไม่รู้ว่าฉันหลับไปนานเท่าไหร่ ตื่นมาอีกที โรงเรียนก็เลิกแล้ว ฉันเห็นเพียงแค่ต้อนั่งมองมาทางฉัน ทำไมเขายังไม่กลับ ฉันไม่อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองหรอกนะ แต่ก็คิดไปแล้วว่าเขาอาจจะรอฉันอยู่ก็ได้ เขาอาจจะเป็นห่วงฉัน หรือว่าเขาชอบฉัน ตายแล้วฉันคิดอะไรอยู่เนี่ย ไม่หรอกเขาอาจจะรอเพื่อนอยู่ก็ได้
“จะกลับรึยังดาว” ต้อส่งกระดาษแผ่นหนึ่งมาให้ฉัน
“ถามทำไมหรอ” (เขาอาจจะไปส่งฉันก็ได้ ฉันไม่อยากจะคิดแบบนั้นเลย)
“ฉันจะไปส่งเธอน่ะสิ เมื่อกลางวันเธอไปว่าพวกนั้นไว้เยอะ เดี๋ยวก็ถูกดักตบหรอก” เขาส่งกระดาษอีกแผ่นมาให้ฉัน (อะไรกัน เขาเป็นห่วงฉันด้วย ฉันจะตอบว่าไงดี ทำอะไรไม่ถูกแล้ว ฉันตื่นเต้นมากรู้สึกว่ามือไม้เย็นไปหมด ฉันจะตอบว่าไงดีล่ะ ตกลงหรือปฏิเสธดี)
“ว่าไงจะกลับรึยัง ฉันจะไปส่ง” เขาส่งกระดาษมาอีกครั้ง
“ไปสิ ฉันเก็บของเสร็จแล้ว” ฉันเดินตามเขาออกจากห้องไป แค่ได้มองด้านหลังของเขาฉันก็มีความสุขมากแล้ว อยากจะอยู่แบบนี้ไปนานๆ เพิ่งจะรู้ว่าเวลาอยู่ใกล้ๆคนที่เรารักจะมีความสุขแบบนี้ ทำไมเมื่อก่อนฉันไม่เคยรู้สึกแบบนี้เลยนะ ทั้งที่เมื่อก่อนได้ใกล้ชิดมากกว่านี้แท้ๆ ดันเพิ่งจะมารู้สึกตอนที่ใกล้จะจบเนี่ย
เขาพาฉันเดินไปที่รถของเราเป็นรถมอเตอร์ไซน์ สีแดง ฉันจะได้ซ้อนท้ายเขากลับบ้านงั้นหรอถ้ายายมายรู้ต้องอิจฉาฉันแน่ๆ แฟนคลับพวกนั้นยังไม่ได้ใกล้ต้อแบบฉันเลย จริงสิ! ต้อรู้หรอว่าบ้านของฉันอยู่ที่ไหน
“นี่ต้อ รู้หรอว่าบ้านของเราอยู่ที่ไหน” เขาหันมามองหน้าฉันแปลกๆฉันพูดอะไรผิดรึไง
ต้อไม่ได้พูดหรือเขียนอะไร เขาแค่พยักหน้าเท่านั้น ฉันได้แต่ยืนงงว่าเขารู้ได้ไงว่าบ้านฉันอยู่ที่ไหน เขาก็ไม่เคยมาบ้านของฉัน ต้อคงเห็นว่าฉันไม่ยอมนั่งซักทีเลยดึงมือฉันให้ไปที่รถ แถมตอนนั่งยังจับมือฉันไปกอดเอวเขาอีก ฉันรู้สึกว่าหัวใจฉันเต้นแรงมาก รู้สึกเหมือนกันว่าฉันกำลังเป็นไข้ หน้าและมือร้อนผ่าว ฉันคงไม่ได้กำลังจะตายนะ อย่างกับว่าหัวใจของฉันมันจะหลุดออกมาอย่างนั้นแหล่ะ ตั้งแต่เกิดมาฉันไม่เคยซ้อนรถผู้ชายที่ไหนที่ไม่ใช่พ่อเลย ตื่นเต้นจัง
ไม่รู้ว่าฉันมาถึงบ้านตั้งแต่เมื่อไหร่ พอรถหยุดฉันก็ต้องลงแล้วเสียดายจังเลย แต่ฉันก็ยังสงสัยอยู่ดีว่าต้อรู้ได้ไงว่าบ้านของฉันอยู่ที่ไหน แต่ก็ช่างเถอะ
“ขอบใจนะที่มาส่ง”
เหมือนกับว่าต้อจะพูดอะไรซักอย่าง แต่อยู่ก็เอามือปิดปากแล้วก็ส่ายหน้าแทน ก่อนที่จะขับรถออกไป ฉันได้แต่มองตามไป ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น จริงสิต้อฟันหน้าหักนี่
“สงสัยจะอาย ขี้อายเหมือนกันหรอ อยู่โรงเรียนไม่เห็นเป็นอย่างนี้เลย” วันนี้ฉันต้องนอนหลับฝันดีแน่เลย เพิ่งจะรู้นะว่าต้อก็ขี้อายเหมือนกัน
“นี่จะไม่เข้าบ้านรึไง ยืนมองอะไรอยู่ได้” เสียงขัดความสุขก็ดังขึ้น แม่นะแม่คนกำลังมีความสุข พังหมด
“จะนอนนอกบ้านรึไง”
“รู้แล้ว เข้าไปเดี๋ยวนี้แหล่ะ” ฉันเลยต้องเข้าบ้านอย่างอารมณ์เสีย เพราะเสียงประกายสิทธิ์นี่จริงเชียวที่ขัดขึ้นมา แม่นี่ไม่รู้จักดูเวลาบ้างเลย อารมณ์เสียจริงๆ
ความคิดเห็น