คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ๓ เรื่องที่คิดว่าผ่านไป แต่หลับหวนมาให้ใจเต้นอีกครั้ง
.
"ขึ้นเลยเพ่ ใครไปขึ้นเลย เบียดๆ ได้อยู่ ไม่ไปรอนานเลยนะ รถขาดระยะ" เสียงกระเป๋ารถเมล์ร้องเรียกผู้โดยสารที่ยืนคอยอยู่หน้าป้ายรถเมล์ออกแนวบังคับข่มขู่ไปในตัวว่า 'ใครคิดเยอะ แล้วไม่ขึ้นมา สายนะเว้ย' แล้วผู้โดยสารหลายคนที่ยืนรออยู่หน้าป้ายก็จำต้องทยอยเบียดกันขึ้นมาจนบางคนต้องยืนตรงบันไดขั้นล่างสุด
"ชิดในหน่อยเพ่ ชิดใน เบียดๆ กันหน่อยเพ่ ประตูขึ้นไปเลย อย่าโหน แบ่งๆ กันไป รถมีน้อย" กระเป๋ารถเมล์ตะโกนร้องบอกผู้โดยสารบนรถที่เบียดจนไม่รู้จะเบียดยังไงแล้ว
ทีแรกหนุ่มก็ไม่ได้ตั้งใจจะขึ้นรถเมล์ที่มีสภาพยิ่งกว่าปลากระป๋องสองกระป๋องแต่ถูกจับยัดเข้าไปให้อยู่ในกระป๋องเดียวคันนี้ แม้จะเป็นสายที่เขาต้องโดยสารไปทำงานก็ตาม แต่พอได้ยินกระเป๋าข่มขู่แบบนั้นก็เกิดความกังวล จนต้องตัดสินใจเบียดขึ้นไปเป็นคนท้ายๆ แม้ต้องยืนอยู่ตรงบันไดขั้นล่างสุดก็ต้องยอม 'ดีกว่าไปสายวะ' หนุ่มคิดในใจ แต่ถ้าจะต้องถึงขั้นเบียดอัดกันเป็นปลากระป๋องอยู่ข้างใน สู้ยืนบันไดจะดีกว่า อย่างน้อยก็หายใจสะดวกกว่าเยอะ
"ปลากระป๋องชัดชัด...นี่ถ้าเป็นปลากัดคงออกลูกเป็นโขยงแระ"
เสียงบ่นของใครบางคนดังลอดมาจากข้างในรถเมล์ ดูเหมือนว่าคนพูดน่าจะถูกเบียดอัดเป็นปลากระป๋องตัวนึงด้วยละมัง ฟังเสียงแล้วเหมือนสาวขี้บ่นที่คงจะเก็บกดอยู่ไม่น้อย เพราะน่าจะขึ้นรถเมล์คันนี้มาสักพักและเห็นสภาพที่ทำให้หมดความอดทนจนต้องบ่นขึ้นมา
หนุ่มคิดพลางเอียงหน้าหันไปมองเธอผู้นั้น ซึ่งกำลังส่งยิ้มกลับไปให้ผู้โดยสารคนอื่นๆ ที่กำลังจ้องมองเธออยู่ แต่ด้วยสภาพที่การขยับตัวค่อนข้างลำบาก ทำให้เขาเห็นหน้าหญิงสาวต้นเสียงไม่ค่อยถนัด หากแต่รอยยิ้มอ่อนๆ แบบนั้น กลับทำให้หนุ่มหวนคิดถึงใครบางคนเมื่อครั้งยังเรียนอยู่ ม.ปลาย...
.
.
"เฮ้ย! ไอ้หนุ่ม วันนี้มึงลงแข่งด้วยใช่ป่ะวะ?" บอยเดินเข้ามาตบบ่าหนุ่ม พร้อมยิงคำถาม พลางคว้าชุดกีฬาสีเขียวขึ้นมาเปลี่ยน
"เออ กูกะลังจะเปลี่ยนเสื้อลงไปวอร์มเหมือนกัน จะหมดคาบแล้ว วันนี้ครูปล่อยเร็วว่ะให้พวกนักกีฬาเตรียมตัวก่อนแข่ง" หนุ่มตอบพลางหยิบเสื้อกีฬาสีแสดออกจากกระเป๋าเพื่อเปลี่ยนชุดเช่นกัน
"เออ มึงกะกูเจอกัน วันนี้สีเขียวกะสีแสดต้องลงแข่ง...ใครดีใครได้ กูไม่ยั้งนะเว้ย อย่าคิดว่ากูจะออมตีนให้" บอยพูดขู่ๆ ซึ่งหนุ่มก็รู้ว่าบอยไม่ได้จริงจังอะไร เพราะแข่งกีฬาทุกครั้งก็ต้องเต็มที่กับมัน แม้จะเป็นเพื่อนกันก็ไม่ได้หมายความว่าต้องยอมกัน
"มึงคิดว่ากูจะยั้งเหรอวะ ไอ้บอย" หนุ่มลุกขึ้นโต้กลับพร้อมๆ วาดแข้งใส่บอยซึ่งรู้ทันเลยกระโดดถอยหลังหลบแข้งหนุ่มไปได้อย่างหวุดหวิด..
สองเพื่อนซี้หนุ่มกับบอย เปลี่ยนชุดกีฬาสีเรียบร้อยก็วิ่งออกจากห้องเพื่อลงสนามไปวอร์มร่างกายก่อนการแข่งขันจะเริ่มหลังจบคาบแปด ทั้งสองคนเป็นเพื่อนร่วมชั้นกันมาตั้งแต่สอบเข้า ม.4 ได้ที่โรงเรียนนี้ โรงเรียนสตรีประจำจังหวัด แต่เปิดรับนักเรียนชายเข้าเรียนเฉพาะชั้น ม.ปลาย
ซึ่งทั้งหนุ่มและบอยก็สอบเข้าเรียนสายศิลป์-ภาษา ที่มีจำนวนนักเรียนชายสอบเข้ามาไม่มากนัก ทั้งสองคนจึงสนิทกันอย่างรวดเร็ว แล้วก็ยังเป็นพวกชอบเล่นกีฬาเหมือนๆ กัน โดยเฉพาะฟุตบอลที่ปกติเหล่านักเรียนชายมักจะจับกลุ่มเตะฟุตบอลกันหลังเลิกเรียนเป็นประจำ โดยเฉพาะห้องเกษตรที่เป็นแผนการเรียนที่มีนักเรียนชายสอบเข้ามาเรียนเป็นจำนวนมาก และด้วยความที่นักเรียนชายมีจำนวนน้อย ทำให้ช่วงกีฬาสีนักเรียนชายแทบทุกคนจะลงเป็นนักกีฬา รวมทั้งบอยและหนุ่มด้วย
"เฮ่ย ไอ้บอย ไอ้หนุ่ม" เสียงเต้ร้องทักอยู่หน้าอาคาร 5 ที่บอยและหนุ่มกำลังวิ่งลงมาถึงหน้าอาคารพอดี "วันนี้พวกมึงลงแข่งเจอกันเหรอวะ"
เต้ นักเรียนชายแผนเกษตร แม้จะไม่ได้เรียนอยู่ห้องเดียวกันกับหนุ่มและบอย แต่เพราะนักเรียนชายมีน้อย และยังร่วมเป็นทีมเตะฟุตบอลกับหนุ่มและบอยเป็นประจำทุกเย็นจึงทำให้สนิทกันไปโดยปริยาย
"เออ" บอยกับหนุ่มประสานเสียงตอบพร้อมกัน "สีม่วงมึงลงแข่งเมื่อไหร่วะ วันก่อนมึงลงเตะกับสีเขียวกับไอ้บอยไปแล้ว วันไหนจะเจอกับสีแสดกูวะ" หนุ่มถามพลางเร่งฝีเท้าเพื่อรีบลงวอร์มร่างกายกับเพื่อนๆ ในสีเพราะใกล้จะหมดคาบแปดเต็มที พลางก็ยิ้มให้น้องๆ ที่ส่งเสียงเรียกชื่อเขาอยู่ระหว่างทางเดินไปสนามฟุตบอล
"พี่หนุ่ม สู้ๆ ค่ะ เดี๋ยวไปเชียร์ข้างสนามนะคะ" เสียงสาวๆ ที่บ้างก็เดินสวนทาง บ้างก็วิ่งไล่ตามรุ่นพี่ทั้งสามคนไปที่สนามฟุตบอลร้องทักทายหนุ่มๆ
"พี่บอย สู้ๆ ค่าาาาาา อย่าแพ้พี่หนุ่มนะคะ สีเขียวชนะ"
"พี่เต้แข่งวันไหนคะ เดี๋ยวน้องตามไปเชียร์ค่ะ" ฝั่งแฟนคลับบอยและเต้ก็ส่งเสียงมาไม่ให้น้อยหน้าเหมือนกัน ทั้งสามหนุ่มก็ยิ้มรับน้ำใจสาวๆ รุ่นน้องไปตลอดทาง
"วันมะรืนไง เก็บแรงไว้แข่งกะกูด้วยนะไอ้หนุ่ม ถึงสีมึงจะคะแนนนำ แต่กูก็ไม่กลัวมึงหรอก เพราะสาวๆ บนสแตนด์เชียร์สีม่วงกูล้นหลามเว้ย 5555"
"มึงแน่ใจเหรอวะว่าน้องเค้าจะเชียร์มึง ไม่ใช่เชียร์ไอ้หนุ่ม...ฮะฮะฮะฮ่า" บอยพูดจบก็หัวเราะเสียงลั่น จนเต้วิ่งไล่ตามไปเตะแทบไม่ทัน ขณะที่หนุ่มก็วิ่งตามไปและแอบอมยิ้มจนตาเป็นประกายวิบวับ
'สาวๆ' ที่เต้พูดถึง คือปาย ฝน กลาง รุ่นน้อง ม.5 ที่อยู่โรงเรียนนี้มาตั้งแต่ ม.ต้น ทั้งสามคนตามแซวหนุ่มกับบอยมาตั้งแต่พวกเขาเข้ามาเรียนตอน ม.4 ซึ่งตอนนั้นน้องๆ ยังอยู่ ม.3 ช่วงแรกๆ หนุ่มก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร เพราะมีรุ่นน้องผู้หญิงหลายคนที่คอยตามเรียกตามแซวและมักเอาของเล็กๆ น้อยๆ มาให้เขาและบอยอยู่เรื่อยๆ ในช่วงเทศกาลต่างๆ โดยเฉพาะวาเลนไทน์
แต่สิ่งที่ทำให้หนุ่มและบอยหันมาสนใจน้องๆ กลุ่มนี้เป็นพิเศษ ก็เพราะทุกครั้งที่เดินผ่านอาคาร 3 ในช่วงพักเบรก บนระเบียงชั้นสองจะมีกลุ่มน้องผู้หญิงกลุ่มหนึ่งคอยเรียกชื่อหนุ่มกับบอยบอกว่าคิดถึง และหนุ่มกับบอยก็เล่นมุกแซวกลับไปบ้าง โดยเฉพาะบอยมักจะตอบกลับไปว่า
"คิดถึงเหรอคะ เดี๋ยวพี่บอยขึ้นไปหานะ..."
ทั้งพวกหนุ่มและน้องๆ แซวกันอย่างนี้อยู่นานเกือบปีจนน้องๆ น่าจะใกล้จบ ม.3 และในที่สุด วันนึงบอยก็วิ่งขึ้นไปหาน้องกลางถึงห้องเรียน จนเพื่อนๆ ในห้องกรี๊ดกันลั่น แต่น้องกลางกลับโกรธและวิ่งหลบหนีหน้าไปซะงั้น เช่นเดียวกันที่หนุ่มกับปายก็ถูกเพื่อนๆ รวมทั้งบอยเพื่อนสนิทหนุ่มแซวจับคู่กันไปอีกคู่
แรกๆ ก็อย่างที่ว่า หนุ่มไม่ได้คิดอะไรเป็นพิเศษ แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้านานเข้า หากวันไหนเดินผ่านอาคาร 3 แล้วไม่มีเสียงแซวลงมาจากชั้น 2 เขากลับรู้สึกเหมือนขาดอะไรบางอย่างไป และเป็นเหตุให้หนุ่มเอาแต่ครุ่นคิดไปทั้งวันว่าน้องๆ หายไปไหน? มีใครเป็นไรรึเปล่า? จนมันกลายเป็นความเคยชินซึ่งมันเริ่มมาตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาเองก็ไม่ค่อยจะแน่ใจ
ได้เวลาลงแข่ง สีแสดกับสีเขียวลงสนามตัวจริงจัดเต็ม ทั้งหนุ่มและบอยก็ทุ่มเทกับการเล่นเหมือนกับทุกครั้งที่ลงสนามไม่ว่าจะแค่ซ้อมเล่นๆ หรือแข่งจริงๆ พวกเขาจะจริงจังกับทุกแมทช์ที่ลงสนามเสมอ และก็ไม่ใช่แค่การเตะฟุตบอลเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรที่เขาทำ เขาก็จะตั้งใจกับมันอย่างเต็มที่เสมอ และกับการแข่งกีฬาสีครั้งนี้ก็เช่นกัน
หมดเวลาครึ่งแรก สีแสดนำสีเขียว 2 ต่อ 1
นักกีฬาทั้งสองสีพักครึ่งเวลาอยู่บริเวณใกล้ๆ กัน หนุ่มและบอยเหนื่อยหอบจากการแข่งขันเพราะแทบจะไม่ค่อยได้หยุดวิ่งระหว่างแข่ง หนุ่มยกน้ำขึ้นดื่มแล้วเทราดหัวเพื่อลดความร้อนและความเหนื่อยหอบ มีน้องๆ ผู้หญิงทีมสวัสดิการของแต่ละสียกน้ำเข้ามาเสิร์ฟให้นักกีฬาพร้อมส่งยิ้มให้ เขาได้แต่ตอบขอบคุณด้วยการส่งยิ้มกลับไป แต่สายตาก็ไม่วายสอดส่ายไปยังสแตนด์เชียร์สีม่วงที่อยู่อีกฝั่งสนาม ซึ่งมีปายและเพื่อนๆ กำลังคุมน้องๆ บนสแตนด์เชียร์ซ้อมเชียร์เสียงดังลั่น พลางเขาก็แอบยิ้มและรู้สึกหายเหนื่อยลงไปนิดหน่อยในทุกครั้งที่ส่งสายตามองออกไปเห็นคนที่อยู่บนนั้น
"เฮ่ยยยย! มองไรอยู่วะไอ้หนุ่ม..." เสียงบอยแทรกเข้ามาในโสตประสาทขณะที่เห็นว่าหนุ่มกำลังยกน้ำขึ้นดื่มไปพลาง ยิ้มไปพลาง แต่ขณะเดียวกันก็สาดสายตามองข้ามไปยังอีกฟากฝั่งสนามไปพลาง
หนุ่มยิ้ม "ไรของมึงวะไอ้บอย ไม่ได้มองอะไร๊" แต่เขาก็ยังไม่หยุดยิ้ม และยังคงทอดสายตาไปยังสนามฝั่งนู้นอยู่เป็นระยะๆ
เสียงนกหวีดปี๊ดดดดด ดังขึ้นหมดเวลาพักครึ่ง ได้เวลาเริ่มแข่งครึ่งหลัง นักกีฬาทั้งสองสีลุกขึ้นเตรียมพร้อมลงสนามแข่ง หลังจากเวลาพักผ่านไป 15 นาที และได้พักหายเหนื่อยลงพอสมควร
นักกีฬาของทั้งสองสียังคงเล่นอย่างเต็มที่กับเกมในครึ่งหลัง นักกีฬาสีเขียวยังบุกไม่ขาดสายเพราะยังตามสีแสดอยู่ 1 ประตู ขณะที่สีแสดเองก็ไม่ได้ชะล่าใจแม้ว่าจะเป็นฝ่ายนำ และถึงแม้ส่วนใหญ่ต้องลงมาตั้งรับเพราะสีเขียวบุกหนัก แต่เมื่อมีโอกาสสีแสดก็รุกเข้าใส่สีเขียวบ้างเพื่อพยายามทำประตูเพิ่ม จนเวลาครึ่งหลังผ่านไป 30 นาที ก็ยังไม่มีใครทำประตูเพิ่มอีก
"กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!"
เสียงร้องกรี๊ดด้วยความตกใจจากข้างสนามดังลั่น เมื่อนักกีฬาทั้งสองสีเกิดปะทะกันอยู่กลางสนาม และทุกเสียงรอบข้างเหมือนจะหยุดชะงักไปชั่วคราวด้วยความช็อก!!
ความรู้สึกเจ็บแปล๊บตรงหน้าแข้งข้างซ้ายทำให้หนุ่มล้มฟุบลงไปกับพื้นสนาม เขาใช้สองมือกดหน้าแข้งเพื่อให้คลายความเจ็บปวดลง ทีมพยาบาลสนามรีบวิ่งลงมาพร้อมฉีดสเปรย์บรรเทาปวด
"ไหวไม๊หนุ่ม!!" ครูโค้ชประจำสีแสดตะโกนถามจากข้างสนาม ขณะที่ทีมพยาบาลแจ้งว่าไม่น่าจะเล่นต่อได้ ต้องพาไปปฐมพยาบาลต่อที่ห้องพยาบาลน่าจะดีกว่า ทีมพยาบาลจึงหามหนุ่มขึ้นเปลและช่วยกันยกไปห้องพยาบาล
แม้สเปรย์บรรเทาปวดจะพอจะช่วยให้รู้สึกเย็นๆ ชาๆ บรรเทาความปวดลงได้บ้าง แต่หนุ่มก็ยังรู้สึกเจ็บหน้าแข้งอย่างมาก ประกอบกับมีรอยแผลนิดหน่อย ระหว่างทางที่เขากำลังถูกหามผ่านสแตนด์เชียร์สีม่วงหนุ่มหันหน้าไปมอง เขาเห็นปายกำลังนั่งทรุดอยู่ข้างสแตนด์ มีฝนและกลางคอยปลอบอยู่ใกล้ๆ หนุ่มรู้สึกว่าเขามองเห็นปายกำลังร้องไห้!!!
.
เช้านี้หนุ่มไม่ได้ลงไปเข้าแถวกลางสนามหน้าเสาธง เพราะอาการเจ็บหน้าแข้งจากการปะทะกันในการแข่งขันฟุตบอลสีแสดกับสีเขียวเมื่อวานนี้ ยังทำให้เขารู้สึกเจ็บอยู่นิดหน่อย ช่วงเข้าแถวตอนเช้าเขาจึงมาพักอยู่ที่ห้องพยาบาล บอยเดินเข้ามาหาเขาในห้องพยาบาลหลังจากเลิกแถวได้ซักพักเพื่อจะเดินขึ้นห้องเรียนไปพร้อมกัน
"ไอ้หนุ่ม กูเห็นน้องปายยืนชะเง้อคอรอมึงอยู่หน้าห้องพยาบาลด้วยเว้ย" บอยรีบปรี่เข้ามาแจ้งข่าวเพราะเขารู้ว่าหนุ่มรอปายอยู่ตั้งแต่เมื่อวานแต่กลับไม่มีวี่แววว่าปายจะแวะมา พอได้ยินบอยพูดอย่างนั้น ก็ทำให้หนุ่มแอบอมยิ้มนัยน์ตาวิบวับขึ้นอีกครั้ง
เขาไม่เจอปายเลยหลังจากถูกหามเข้าห้องพยาบาลเมื่อวานนี้ ทั้งที่หวังว่าปายน่าจะแวะเข้ามาหาเพื่อดูอาการเขา เหมือนๆ กับทุกครั้งที่ปายมักจะทำเมื่อรู้ว่ามีเหตุบางอย่างเกิดขึ้นกับเขา ซึ่งทำให้เขาเคยชินกับความใส่ใจแบบนั้นของปายมา 2 ปีกว่าแล้ว แต่พอเมื่อวานไม่ได้เจอปายหนุ่มเลยรู้สึกไม่ค่อยชิน ใจหนึ่งรู้สึกผิดหวังเพราะเขาหวังไว้ว่าปายจะมาหา แต่อีกใจกลับรู้สึกกังวลกับภาพที่เห็นว่า 'ปายร้องไห้... ใช่... เขารู้สึกเป็นห่วง!!
หนุ่มเดินตามหลังบอยออกมาจากห้องพยาบาล เขาสอดส่ายสายตาหาปายตั้งแต่อยู่หน้าประตูห้อง และมองเห็นปายยืนอยู่อีกฟากบันได มีถุงกระดาษใบเล็กๆ อยู่ในมือ
"น้องปาย ได้ข่าวว่าเมื่อวานร้องไห้เหรอ ตอนพี่หนุ่มล้ม" ขณะที่ทั้งคู่กำลังเดินเข้าไปหาปาย ไอ้บอยสาดคำพูดใส่ปายแบบไม่ยั้งและปายไม่ทันตั้งตัว ส่วนหนุ่มก็ส่งยิ้มเบาๆ ให้ปายจากข้างหลัง สีหน้าปายดูเหมือนจะหมั่นไส้คำพูดของบอย ขณะเดียวกับที่แก้มก็เริ่มแดงระเรื่อ
"พี่ไม่เป็นไร ขอบใจนะที่เป็นห่วง..." หนุ่มเดินมายืนต่อหน้าปายและพูดต่อ "อุตส่าห์มายืนรอ.. เห็นไม๊ หายแล้ว "
หนุ่มยกแขนโชว์กล้ามให้ปายเห็นว่าไม่เป็นไร ก็แน่ล่ะที่กล้ามไม่เป็นไร เพราะที่เจ็บน่ะ คือหน้าแข้ง!!... "ปะ ไปเรียน..." หนุ่มไล่ให้ปายขึ้นชั้นเรียนทั้งที่ใจจริงอยากมองเห็นปายให้นานกว่านี้...
"เอานี่มาให้..." ปายยื่นถุงกระดาษใบเล็กๆ ที่ถืออยู่ให้หนุ่ม "หายไวๆ นะคะ" หนุ่มยิ้มให้ปายอีกรอบ ขณะที่บอยแย่งถุงไปค้น
"พี่บอยห้ามแอบดู" ปายเสียงแข็งใส่จนบอยชะงัก แต่ก็ยังเปิดดูต่อไป "ไปเรียนนะคะ" แล้วปายก็หันหลังรีบวิ่งไปเข้าห้องเรียน
"ยิ้มไม่หุบเชียวนะมึง" บอยแซวหนุ่ม "เอ้า ของมึง กูไม่ได้เปิดดู" บอยส่งถุงกระดาษใบน้อยที่ปายเอามาให้หนุ่มคืนให้เขา
หนุ่มเปิดกล่องที่อยู่ในถุงกระดาษออกมาดู ในนั้นมีผ้าพันหน้าแข้ง หลอดเจลนวดแก้ปวดและการ์ดรูปกล่องปฐมพยาบาลที่ถูกเคลือบและเจาะรูทำเป็นพวงกุญแจ มีข้อความว่า 'ดูแลตัวเองด้วย เป็นห่วงนะคะ.. ปาย'
ใบหน้าหนุ่มตอนนี้เปื้อนยิ้มไปทั้งหน้าจนหุบไม่อยู่ บอยหันมาดู ก็ยิ้มตาม พร้อมตบหลังเพื่อนเบาๆ แล้วจึงเดินออกจากบริเวณนั้นเพื่อไปขึ้นห้องเรียน..
.
.
"พี่หนุ่ม..."
เสียงใสๆ ของหญิงสาวผู้หนึ่งเรียกชื่อหนุ่มอยู่ข้างหลัง ในทีแรกหนุ่มไม่แน่ใจว่าเรียกเขาหรือเปล่า เขาชั่งใจอยู่พักหนึ่งแล้วจึงหันมองไปยังเจ้าของเสียงเรียกที่อยู่ด้านหลัง ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง คือเสียงที่มาจากหญิงสาวคนเดียวกับเจ้าของเสียงบ่นคนที่เขาปรายตามองก่อนหน้านี้
เขาส่งยิ้มอ่อนๆ ให้เธอผู้นั้น ที่เขาจำได้ทันทีว่าคือผู้ที่ทำให้เขาหวนนึกถึงความทรงจำเมื่อครั้งเรียน ม.ปลาย
"ปาย!!"
เขานึกขอบคุณกระเป๋ารถเมล์ที่พูดขู่จนทำให้เขาตัดสินใจขึ้นมาบนรถคันนี้ และทำให้เขาได้เจอเธอผู้นี้อีกครั้ง
แล้วหัวใจของหนุ่มก็เต้นตึกตักขึ้นมาโดยที่เขาเองก็ไม่ได้คาดคิด..
^♥^
ความคิดเห็น