ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เรื่องรักของเรา Our Love Tale ♡

    ลำดับตอนที่ #2 : ๒ ความสนุกของการเข้าค่ายที่ถ้าใครไม่เคยก็จะไม่เข้าใจ

    • อัปเดตล่าสุด 7 ต.ค. 64


    "เสาร์-อาทิตย์นี้แล้วนะ ค่ายเนตร-ยุวะ กลาง ปาย จัดกระเป๋ากันยัง" ฝนตรงเข้ามานั่งที่ม้าหินอ่อนที่ลานหูกวาง ที่นั่งประจำของพวกเราซึ่งมีปายและกลางนั่งอยู่ก่อนแล้ว

    สุดสัปดาห์นี้ พวกเรามีกิจกรรมเข้าค่ายกันค่ะ เป็นค่ายก่อนปิดกองเนตรนารีและยุวกาชาด ก็เพราะว่าโรงเรียนเราเป็นโรงเรียนสตรี เลยไม่มีลูกเสือมีแค่ยุวกาชาดกับเนตรนารี ซึ่งกิจกรรมเข้าค่ายจะจัดขึ้นช่วงก่อนสอบปลายภาคเรียน เป็นกิจกรรมที่พวกเรา ม.3 ทุกคน เฝ้ารอกันอย่างใจจดใจจ่อ เพราะอยากมาค้างคืนในค่ายมากๆ และที่สำคัญ เพราะพวกเราใกล้จะจบ ม.3 กันแล้วจึงอยากให้ค่ายเป็นความทรงจำดีดีก่อนจากกันนั่นเองค่ะ

    "แค่ 2 คืนเอง แล้วก็เข้าที่โรงเรียนด้วย ไม่เห็นต้องจัดอะไรมากมาย" กลางพูด พลางเคี้ยวขนมที่พวกเราเอามารวมกันกินเป็นประจำทุกๆ เย็น ก่อนจะแยกย้ายกลับบ้าน

    "เฮ่ย!! ต้องเตรียมแสดงรอบกองไฟด้วยนะ..มีอะไรต้องเตรียมเยอะเหมือนกันนะ อยากรู้จังเลยว่ากองอื่นๆ เขาแสดงอะไรกัน" ปายแสดงความกังวลนิดหน่อย

    "แต่ละคนเก็บเงียบเอาเก็บไว้เซอร์ไพรซ์วันดีเดย์กันนั่นแหละ.. หึหึหึหึ" สามสาวพยักพเยิด

    "นี่ ปาย กลาง ฝนได้ยินครูห้องกิจกรรมพูดกันว่า จะให้พวกพี่ๆ สายศิลป์ กับพี่ๆ สายเกษตร จะมาเป็นพี่เลี้ยงในค่ายเราด้วยนะ"

    ปายหันขวับแล้วก็พูดว่า "พี่ๆ สายศิลป์ กับพี่ๆ สายเกษตร... งั้นก็ต้องมี..."

    "พี่บอย พี่หนุ่ม และพี่เต้ งั้นซิ.." สามสาวประสานเสียงพูดชื่อสามหนุ่มขึ้นพร้อมกันด้วยสายตาวิบวับอย่างมีเลศนัยแล้วก็ประสานเสียงหัวเราะคิกคักขึ้นพร้อมกันอีกที

    .

    D-DAY... และแล้วก็ถึงวันนี้ค่ะ ดีเดย์ ค่ายสองวันสองคืนที่พวกเรา ม.3 ต่างใฝ่ฝันก็มาถึงจนได้ ^^

    เราเตรียมกระเป๋ากันมาตั้งแต่เช้า เพื่อจะเริ่มเข้าค่ายตั้งแต่เย็นนี้ พวกเราจะได้นอนค้างที่โรงเรียนคืนวันศุกร์และวันเสาร์ และทำกิจกรรมค่ายช่วงกลางวันวันเสาร์ และเช้าวันอาทิตย์จะเป็นพิธีปิดค่าย

    ปาย กลาง และฝน อยู่กันคนละหมู่แต่เป็นกองเดียวกันถึงแม้ว่าเราจะเรียนไม่เหมือนกัน เพราะกลางและฝนเรียนเนตรนารีส่วนปายเรียนยุวกาชาด แต่คุณครูก็จัดให้พวกเราคละกันเพื่อจะได้ทำกิจกรรมร่วมกันทั้งยุวกาชาดและเนตรนารี

    ถึงเวลารวมพล คุณครูประธานค่ายเรียกพวกเรารวมพลเข้าแถวแยกหมู่แยกกอง รวมค่ายกันกลางสนามหน้าเสาธงเพื่อแจ้งรายละเอียดการใช้ชีวิตในค่าย แจ้งสถานที่พักของแต่ละหมู่แต่ละกอง จุดทำอาหาร และกิจกรรมค่ายที่ต้องทำในช่วงสองวันสองคืนนี้ให้ชาวค่ายทุกคนเข้าใจร่วมกัน

    โดยคืนแรกเป็นการให้แต่ละหมู่แบ่งหน้าที่กันทำอาหารเย็นในหมู่ของตัวเอง คืนที่สองจะเป็นกิจกรรมการแสดงรอบกองไฟ ส่วนในช่วงกลางวันวันเสาร์จะเป็นกิจกรรมฐาน และแก้ปริศนาด้วยการค้นหาสิ่งของที่เป็นคำใบ้ตามจุดต่างๆ ที่กำหนดไว้โดยใช้แผนที่ วันอาทิตย์ก็ปิดกอง ปิดค่าย และก่อนที่จะแยกย้ายวันนี้ให้แต่ละหมู่ส่งตัวแทนไปรับอาหารตามจุดที่แจ้งไว้ คุณครูก็ปล่อยให้พวกเราประชุมหมู่เพื่อแบ่งหน้าที่รับผิดชอบของแต่ละคน

    เรื่องสนุกๆ ผสมชุลมุนวุ่นวายก็เริ่มต้นขึ้นระหว่างการทำอาหารนี่แหละค่ะ โดยคุณครูกำหนดจุดตั้งเตาทำอาหารไว้บริเวณหลังอาคารเรียน ซึ่งจะใกล้กับแทงก์น้ำและได้ทำจุดล้างจานแยกไว้  แต่ละคนในหมู่ก็ต่างแยกย้ายกันทำหน้าที่ของตัวเองตามที่แบ่งกันไว้ตั้งแต่แรก แต่เอาไปเอามา แต่ละคนก็ไม่ได้ทำแค่หน้าที่ของตัวเองเท่านั้น แต่ยังต้องวิ่งวุ่นช่วยเหลือเพื่อนที่ตรงนั้นพลาด ตรงนี้ผิด ตั้งแต่การหาก้อนเส้าเพื่อมาทำเตา อย่างน้อย 2 เตา การจุดไฟให้ติด การตั้งหม้อข้าวหม้อแกงบนเตาไม่ให้ล้มจนทำให้หกรดเตาและเตาดับ การหุงข้าวให้สุก และในการทำอาหารคุณครูได้แจกข้าวสาร ปลากระป๋อง ไข่ และผักสองสามอย่างมาเป็นวัตถุดิบให้แต่ละหมู่เหมือนๆ กัน และเหมาะสมกับจำนวนสมาชิก โดยคุณครูให้หม้อสนามเท่าจำนวนคนในหมู่ซึ่งก็น่าจะพอสำหรับอาหารที่ต้องเตรียมสำหรับมื้อเย็นนี้

    แล้วความทุลักทุเลระหว่างทำอาหารก็จบลง พร้อมการได้มาซึ่งอาหารมื้อเย็นที่พวกเราร่วมกันลงแรงลงมือทำร่วมกัน ข้าวสวยร้อนๆ ที่หุงสุกด้วยหม้อสนาม ซึ่งปายชอบเอามากๆ เพราะว่าหุงง่ายและสุกเร็วดี ปายเคยมีประสบการณ์หุงข้าวด้วยเตาฟืนเตาถ่านมาบ้างแล้ว เมื่อครั้งที่พ่อแม่ต้องพาพวกเราในครอบครัวย้ายไปอยู่บ้านหลังใหม่ที่พ่อสร้างไว้บนที่ดินผืนใหม่ และช่วงแรกๆ ที่เราย้ายเข้าไปอยู่นั้นยังไม่มีไฟฟ้าใช้ บ้านเราเลยต้องใช้ตะเกียงแทนหลอดไฟฟ้า และหุงข้าว ทำกับข้าวด้วยการใช้เตาฟืนและเตาถ่าน ซึ่งปายก็ได้เป็นลูกมือช่วยแม่อยู่บ่อยๆ

    ส่วนสำรับกับข้าวน่ะเหรอคะ แต่ละหมู่ก็คงมีหน้าตาอาหารไม่ค่อยต่างกันซักเท่าไหร่ เพราะได้รับวัตถุดิบไปเหมือนๆ กัน จะมีบ้างบางหมู่ที่ทุลักทุเลน้อยหน่อยก็จะมีเวลาเนรมิตอาหารเพิ่มขึ้น ตั้งแต่ ต้มยำปลากระป๋องทั้งแบบปลากระป๋องล้วนๆ และบางหมู่ก็ใส่ผักลงไปด้วย ต่อมาก็ยำปลากระป๋องที่บี้ปลาซะจนเละตุ้มเป๊ะแทบมองไม่ออกว่าคือปลากระป๋องถ้าสีมันไม่แดงแบบที่เราเห็นกันประจำ และที่ขาดไม่ได้คือ ไข่เจียวทั้งแบบธรรมดา และแบบพลิกแพลงใส่ปลากระป๋องลงไปด้วย ส่วนอีกบางหมู่ก็ประยุกต์ด้วยการเอาไข่มาทำแกงจืดใส่ผักที่คุณครูให้มาโยนรวมๆ ลงไปในหม้อสนาม บางหมู่ก็มีผัดผักใส่ไข่มาให้เห็น.. จะเรียกว่าผัดก็กระไรอยู่นะคะ เพราะเราไม่มีกระทะเป็นอุปกรณ์สำหรับผัด น่าจะเรียกว่าผักคลุกไข่ในหม้อสนามซะละมากกว่า

    การทานอาหารเย็นมื้อแรก เป็นการทานร่วมกันทั้งค่ายที่โรงอาหาร ทั้งคุณครู พี่เลี้ยงและพวกเรา คุณครูกำหนดให้พวกเราแบ่งอาหารหมู่ละหนึ่งอย่างนำไปส่งเป็นผลงาน หมู่ปายก็เอาผักคลุกไข่ไปส่งค่ะ เพราะว่าหน้าตาและรสชาติดีที่สุด และก่อนที่จะลงมือทานข้าวร่วมกัน คุณครูให้เราท่องบทสำนึกถึงบุญคุณของข้าวปลาอาหารและผู้ที่หามาให้เรา 

    'ข้าวทุกจาน อาหารทุกอย่าง อย่ากินทิ้งขว้าง เป็นของมีค่า ผู้คนอดอยาก มีมากหนักหนา สงสารบรรดา คนไม่มีกิน' 

    หลังมื้ออาหารเย็นที่พวกเราทั้งค่าย ทานกันอย่างอิ่มหนำสำราญน่าจะเพราะความเหนื่อยและหิวเป็นหลักมากกว่าความอร่อย คุณครูก็ให้พวกเราช่วยกันสรุปสิ่งที่เราได้จากกิจกรรมนี้โดยส่งตัวแทนหมู่ออกมาพูด จากนั้นก็ปล่อยให้เราแยกกันไปล้างอุปกรณ์แล้วรวบรวมมาคืนที่กองกลางซึ่งมีคุณครูและพี่เลี้ยงรอรับอยู่ ปายจึงมีโอกาสได้เจอกับฝนและกลางตอนเอาอุปกรณ์ไปคืน ก็เพราะว่าเราอยู่คนละหมู่นี่คะ ตั้งแต่แยกย้ายเข้าหมู่เราสามคนแทบจะไม่ได้คุยกันเลย แต่ก็ได้คุยกันแค่แวบเดียวแหละค่ะ เพราะเราต้องแยกย้ายไปรวมกับเพื่อนๆ ในหมู่อาบน้ำเข้าที่พัก เข้านอน ซึ่งกิจกรรมคืนนี้ก็คงจะจบแค่นี้ล่ะค่ะ...

    ซะเมื่อไหร่กันคะ!!

    แม้คุณครูและพี่เลี้ยงประจำหมู่จะกำหนดเวลาให้พวกเราเข้านอนไม่เกิน 3 ทุ่มเป็นเวลาเคอร์ฟิว หากแต่ว่า... ค่ำคืนยังอีกยาวไกล ถ้าหมาไม่หอน เราไม่นอนค่ะ (หึหึหึหึ) ก็เราเข้าค่ายกันอยู่ในโรงเรียนนี่คะ อันตรายจากที่ที่ไม่รู้จักก็คงจะไม่เกิด ปลอดภัยหายห่วง

    และก็จริงๆ ค่ะ ก่อนจะถึงเวลาเคอร์ฟิวที่คุณครูกำหนดให้เข้าที่พักเพื่อพักผ่อนหลับนอน ก็เป็นเวลาที่คุณครูปล่อยให้พวกเราได้ผ่อนคลายตามอัธยาศัยที่จะอยากทำ ปาย ฝน และกลาง ก็เลยนัดกันออกมาเดินเล่นนั่งเล่นแถวสนามฟุตบอลหน้าเสาธง ก็เพราะสนามหญ้าเขียวๆ นุ่มๆ ที่ลานแก้วหน้าอาคาร 1 ที่เราหมายปองเอาไว้นั้น เวลานี้ไม่มีที่ว่างสำหรับเราแล้วน่ะสิคะ ก็เพื่อนๆ คนอื่นๆ ในค่ายพากันออกมานอนรับลมเล่นดมกลิ่นดอกแก้วกันบนสนามนุ่มๆ ราวกับว่านัดกันมา

    พวกเราพากันเม้าท์ให้กันฟังถึงช่วงเวลาอันทุลักทุเลและเฮฮาระหว่างที่แต่ละคนแยกกันทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อนในหมู่ ก่อนที่ฝนจะเปิดประเด็น

    "นี่ๆ ฝนไม่เห็นพวกพี่บอยพี่หนุ่มอยู่ในกลุ่มพี่เลี้ยงเลยอ่ะตั้งแต่เย็น"

    "อืมม ตอนกินข้าวปายก็ไม่เห็นนะ แต่ตอนทำกิจกรรมในหมู่ก็ไม่ค่อยได้สังเกตเท่าไหร่ มัวแต่วุ่นวายกับการหุงข้าวทำกับข้าวอ่ะ...แต่ปายเห็นพี่เต้นะ พี่เต้เดินมาที่หมู่ปายหลังอาคาร 5 น่ะ มาช่วยดูแลอยู่พักนึง.. แต่จะว่าไปมาเหน็บแนมซะล่ะมากกว่าอ่ะ" ปายแอบบ่นพี่เต้ให้เพื่อนๆ ฟัง

    "พี่เค้าอาจจะไปช่วยตรงส่วนอื่น หรืออาคารอื่นก็ได้มั้ง" กลางออกความเห็น

    "หรือจะไม่มา? เพราะตอนกินข้าวเย็นรวมกันก็ไม่เห็นเลยนี่.." ฝนพูดขึ้นมาอีกรอบ "หรือจะเตรียมกิจกรรมเข้าฐานวันพรุ่งนี้นะ.."

    แล้วบทสนทนาของเราก็จำต้องจบลงเมื่อเสียงเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากบริเวณลานหูกวาง

    "สามสาวน่ะ มานี่หน่อยซิ..." เสียงคุณครูธเนศนั่นเอง "ไปช่วยเพื่อนๆ ขนของบนอาคาร 3 ลงมาที่โรงยิมหน่อย"

    พวกเราหันมองหน้ากันเลิ่กลั่ก อาคาร 3 (ดีนะที่ไม่ใช่อาคาร 2 ที่เป็นอาคารเรียนเรือนไม้เก่าๆ) แล้วก็เงยหน้าขึ้นไปดูบนอาคาร 3 พร้อมกัน... มืด... มืดสุดๆ... มืดสุดๆ ไปเลย จินตนาการเริ่มมา เพราะพวกเราถูกไซโคกันมาก่อนแล้วนั่นเองจากเพื่อนๆ ในห้องถึงเรื่องเล่าบนอาคาร 3 ที่ก็ไม่รู้ว่าต้นตอมันเริ่มมาจากใคร

    'เขาว่ากันว่า...คุณลุงภารโรงเคยได้ยินเสียงลากเก้าอี้ดังมาจากบนอาคาร 3 ทั้งที่ไม่มีใครอยู่และไฟปิดมืดตึ๊ดตื๋อ' 

    ต่อด้วยเรื่องเล่าของอาคาร 5 อาคารนอนของพวกเรา!!

    'เขาว่ากันว่า...ที่นี่เป็นสนามรบเก่าช่วงสงครามญี่ปุ่นขึ้นบกแถวบ้านเราก็ตรงที่ค่ายทหารเรือน่ะ เขาเอาศพคนตายมาฝังไว้ใต้อาคาร 5' 

    'แล้วยังจะเรื่องที่พี่ ม.ปลายโดดลงมาจากชั้น 4 อาคาร 5 ด้วย เขาว่ากันว่ามันเป็นอาถรรพ์!!' 

    ขนาดตอนที่เพื่อนเล่าน่ะกลางวันแสกๆ ยังกลัวกันจนขนหัวลุก แล้วตอนนี้น่ะเหรอ... ใกล้จะเคอร์ฟิว 3 ทุ่ม ปกติถ้าอยู่บ้านก็ปิดบ้านเข้าห้องเตรียมตัวเข้านอนกันแล้ว... เรามองหน้ากันเลิ่กลั่กอีกรอบ ก่อนจะรีบวิ่งไปหาคุณครูธเนศ

    หลังจากได้รับคำสั่งเรียบร้อย เราก็รีบไปสมทบกับเพื่อนๆ อีกจำนวนหนึ่งที่นั่งเล่นอยู่ใกล้ๆ และก็โดนลูกหลงถูกครูธเนศเรียกมาเหมือนกัน 

    "รีบขึ้นไปเถอะ รีบไปเอาแล้วรีบลงมา" เพื่อนคนหนึ่งพูดขึ้น และเพื่อนๆ ที่เหลือก็ต่างพยักหน้า ท่าทางทุกคนจะถูกไซโคด้วยเรื่องเล่า 'เขาว่ากันว่า...' มาด้วยเหมือนกันกับเรา เราจึงแบ่งกันให้บางคนแยกขึ้นไปเอาอุปกรณ์บางอย่างที่อยู่ชั้น 3 และเราสามคนก็ไปที่ชั้น 2 

    ความตั้งใจที่จะรีบขึ้นไปแล้วรีบลงมาก็สะดุดลง เพราะว่ากลางซึ่งเดินอยู่หน้าสุดเกิดอาการตัวน่ะขยับแต่ขามันไม่เขยื้อนน่ะสิ

    "กลาง เป็นไร รีบไปสิ" ฝนดันหลังกลาง หลังจากที่พวกเราสามคนเดินขึ้นบันไดมาถึงชั้น 2 แล้ว 

    "ก็ขามันไม่ขยับอ่ะ เห็นไม๊มันมืดมาก" กลางรีบแก้ตัว "อยากเร็วก็นำไปก่อนสิฝน" 

    "ไม่เอา.. ปายนำไปหน่อย.." แล้วฝนก็มาคะยั้นคะยอปาย "ในห้องมันมืดมากเลยนะ.."

    "แต่แสงจากสนามข้างล่างก็สว่างนี่ ส่องขึ้นมาถึงหน้าห้องอยู่นะ" ปายพูดปลอบใจเพื่อนแม้ในใจจะหวั่นๆ แต่ก็ยังทำใจดีสู้เสือ "หลีกๆๆ เดี๋ยวปายนำไปเอง"

    แล้วปายก็เดินนำไปตามทางระเบียงหน้าห้อง ซึ่งห้องชั้นสองอาคาร 3 นี้ ก็เป็นห้องเรียนประจำของพวกเราอีกด้วย

    "กลัวอะไร ก็ห้องเรียนเราเรียนทุกวัน" ปายพึมพำ แต่ก็ทำใจกล้าด้วยการรีบเดินจ้ำอ้าวตรงไปที่ห้องเรียนที่ต้องเข้าไปเอาของลงไปให้ครู ทั้งที่รู้สึกกลัวไม่ต่างกัน ขณะที่กลางและฝนก็เดินเกาะแขนปายไว้คนละข้างตามปายมาติดๆ

    "ก็ห้องที่เราเรียนประจำมันกลางวันนี่นา ไม่ใช่เกือบสามทุ่มเหมือนตอนนี้นี่!!" เสียงสั่นๆ ของกลางเปล่งออกมาราวกับจะร้องไห้ยังไงยังงั้น "อย่าบอกนะว่าปายไม่กลัว?" 

    "ใครบอกล่ะว่าไม่กลัว.. แต่รีบๆ ไปเอาจะได้รีบๆ กลับลงไปไง ขนลุกจะแย่แล้วเนี่ย"

    เสียงปายเองก็เริ่มจะสั่นๆ บ้างเหมือนกัน เมื่อยิ่งเดินลึกเข้าไปใกล้จะถึงหน้าห้อง ลมเย็นวูบวาบก็พัดเข้ามาจากทางระเบียงอาคาร เหลือบตาหันไปมองในห้องที่เดินผ่านก็เห็นแต่ขาเก้าอี้ที่ถูกยกตั้งไว้บนโต๊ะที่ชี้โด่ชี้เด่ขึ้นมาเป็นแถวเป็นแนว เพราะทุกห้องต้องปฏิบัติหลังเลิกเรียนคาบสุดท้ายเพื่อทำเวรประจำวัน 

    "ฝน กลาง เห็นแสงอะไรในห้องเรียนเราป่าว" ปายถามขึ้นเมื่อเห็นเหมือนแสงไฟแวบๆ ไหวๆ อยู่ในห้องเรียนประจำของพวกเรา

    "เฮ้ย! ไหนอ่ะ? แสงอะไร?" ฝนเปล่งเสียงอย่างตกใจแล้วหยุดกึก พลอยทำให้กลางและปายต้องหยุดตามไปด้วย 

    "ไม่รู้ เห็นแวบๆ ผ่านๆ" ปายเพ่งมองเข้าไปในห้องอย่างตั้งใจ "นั่นไง แสงลอดออกมาอีกแล้ว" ปายรีบชี้ให้ฝนกับกลางดูเมื่อเห็นแสงไฟแวบขึ้นอีกรอบ 

    "กลับลงไปกันเถอะ" กลางเริ่มโอดครวญ

    "กลับได้ไง ยังไม่ได้เอาของให้ครูเลย" ฝนรีบแย้งขึ้นมา

    "เดี๋ยวปายเข้าไปดูเอง"

    "เฮ้ย! ปาย" ฝนกับกลางรั้งแขนปายไว้คนละข้าง

    "ไม่เป็นไร" ปายพูดแล้วปัดมือของทั้งสองสาวลงพลางก้าวเท้าเข้าไปอย่างช้าๆ จนใกล้จะถึงประตูหน้าห้อง

    แสงไฟแวบๆ ตะกี้หายไปแล้ว 'หรือว่าปายตาฝาดไปนะ' ปายคิด 'ไม่นะ ปายเห็นจริงๆ' แล้วแสงไฟก็แวบขึ้นมาอีกครั้งเมื่อปายเดินเข้าไปถึงหน้าประตูห้อง พร้อมกับประตูที่ถูกใครก็ไม่รู้เปิดผ่างออกมาจากข้างในห้องอย่างรวดเร็ว!!

    เสียงกลางกับฝนกรี๊ดลั่น ก้มหน้างุดถึงกับเข่าทรุดกองลงกับพื้น ขณะที่หัวใจปายหล่นวูบลงไปกองอยู่ที่ตาตุ่มยืนแข็งทื่อขาขยับไม่ได้อยู่หน้าประตูห้อง ก่อนจะพึมพำถึงสิ่งที่เห็นตรงหน้า!!

    "พะ..พะ..พี่หนุ่ม!!!!" แล้วปายก็ไม่รับรู้อะไรอีกเลย นอกจากเสียงแว่วๆ ของพี่หนุ่มและใครอีกก็ไม่รู้ร้องเรียกชื่อปาย

    .

    กิจกรรมฐานวันนี้เรามีมิชชั่นพอซซิเบิ้ลให้แต่ละหมู่ทำ โดยต้องผ่านแต่ละฐานและตามจุดที่ได้กำหนดไว้ในแผนที่ ทุกคนในหมู่สนุกสนานกับการทำมิชชั่นในแต่ละกิจกรรมฐานแล้วฐานเล่า ทั้งไต่เชือก ปีนผา โรยตัว แม้แต่นอนหงายท้องลอดใต้ลวดหนาม หยั่งกะจำลองการฝึกทหารมาไม่มีผิด ส่วนการทำมิชชั่น หมู่ของปายทำไม่สำเร็จเพราะมีบางฐานที่หาจิ๊กซอว์ของปริศนาไม่เจอ แต่ด้วยเวลาที่จำกัดและกระชั้นทำให้เราตัดสินใจทิ้งจิ๊กซอว์ตัวนั้นไป และในที่สุดเราก็ไม่สามารถทำให้มิชชั่นของหมู่เราพอซซิเบิ้ลได้ เลยกลายเป็น มิชชั่นอิมพอซซิเบิ้ลไปซะงั้น (แป่ว) และถึงแม้จะอิมพอซซิเบิ้ล แต่สิ่งที่ทุกคนในหมู่ได้รับจากกิจกรรมในวันนี้คือ ได้สัมผัสถึงความเอื้ออาทรที่มีต่อกันระหว่างเพื่อนแม้จะอยู่กันคนละห้อง การร่วมไม้ร่วมมือกัน การช่วยเหลือกัน การร่วมกันคิดช่วยกันทำ พวกเราได้ใจกันและกันไปเต็มๆ ค่ะ 

    แล้วไคลแม็กซ์ของค่ายก็มาถึง... การแสดงรอบกองไฟของพวกเราชาวค่าย ซึ่งคุณครูสร้างกองไฟและจุดไฟจริงๆ ที่กลางสนามฟุตบอลหน้าเสาธง

    แต่ละกองล้วนแล้วแต่เตรียมการแสดงมาแบบเริ่ดสุดๆ แม้แต่กองของปาย กลางและฝน เราเต็มที่กับมันสุดๆ ไปเลย เพราะเราและเพื่อนๆ ในกองเตรียมตัวและซ้อมกันมานานพอดู เสียงหัวเราะเฮฮาจากเพื่อนร่วมค่ายที่ตอบรับมา ยิ่งทำให้เราได้ใจและแสดงอย่างสุดความสามารถ เมื่อการแสดงจบลงคุณครูประธานค่ายได้กล่าวสรุปจบกิจกรรมวันนี้ ก่อนปิดท้ายด้วยการแสดงจากคุณครูและพี่เลี้ยงที่สุดแสนประทับใจ

    วันนี้ทุกกิจกรรมทำให้ปายรู้สึกสนุกและประทับใจมากจริงๆ สนุกจนปายลืมเรื่องเมื่อคืนไปเสียแทบสนิท

    .

    "เป็นไงบ้างน้องปาย หายช็อกรึยังคะ?" เสียงพี่บอยดังมาจากข้างหลัง ปายหันกลับไปตามเสียง เห็นพี่บอย พี่เต้ และ...พี่หนุ่ม กำลังเดินตรงเข้ามาหาปาย 'โอ้ว! หม่าย ก๊อด!!'

    "ไม่เป็นไรแล้วค่ะพี่บอย ปายคงตกใจไปหน่อย เลยเป็นลมไปแบบนั้น.. ขายหน้าจัง" ปายยิ้มแห้งๆ ให้กับพี่ๆ ทั้งสามคน พลางคิดในใจ 'ฝนกับกลางเมื่อไหร่จะมาซะทีวะ.. ทำตัวไม่ถูกแล้วเนี่ย ถูกสามหนุ่มรุม...หนุ่มด้วยนะ... พี่หนุ่ม'

    "พี่หนุ่มเขาตกใจมากเลยนะที่เห็นน้องปายล้มพับไปแบบนั้น รีบอุ้มแล้ววิ่งไปห้องพยาบาลตัวปลิวเลยล่ะ" พี่บอยพูดไปยิ้มไป ยิ้มแบบน่าหมั่นไส้อ่ะ

    ปายถึงกับตาเบิกโพลง 'พี่หนุ่ม อะ อะ อุ้มปาย!!.. โอ้ว แม่เจ้า' ปายรู้สึกขายหน้าหนักขึ้นอย่างบอกไม่ถูก ได้แต่ยิ้มแห้งๆ ใส่พี่ๆ อีกรอบ

    "ขะ ขอบคุณค่ะพี่หนุ่ม ที่ช่วยปาย" ปายเอ่ยคำขอบคุณพร้อมยกมือไหว้พี่หนุ่ม 

    "พี่ก็ขอโทษที่ทำให้ปายตกใจ.. พวกพี่ขึ้นไปเอาของให้ครูน่ะ ก็ไม่คิดว่าครูจะให้พวกปายขึ้นมาอีก เห็นว่าข้างนอกสว่างก็เลยไม่ได้เปิดไฟ" พี่หนุ่มอธิบายซะถี่ยิบ คงจะกลัวปายขายหน้า หรือไม่ก็ถูกปายด่าเอา... 'โธ่! ปายน่ะเหรอคะจะกล้าด่าพี่หนุ่ม' 

     "วันนี้พวกน้องๆ ก็อึดกันมากจริงๆ นะ แต่ละฐานโหดๆ ทั้งนั้นเลย พี่เห็นแล้วก็อึ้งง่ะ ยกนิ้วให้เลย พวกพี่เรียน นศท.ยังไม่ฝึกโหดเท่านี้เลยนะ" พี่เต้พูดขึ้นมาบ้างช่วยให้ปายคลายวิตกเรื่องเมื่อคืนลงไปหน่อยนึง 

    "ปายสนุกมากเลยค่ะวันนี้ ขอบคุณพวกพี่ๆ มากนะคะ ที่มาทำให้ค่ายเราสนุกได้ขนาดนี้"

    "พวกพี่ๆ สามคน มามะรุมมะตุ้มอะไรปายคะนั่น... อย่าทำร้ายจิตใจให้ปายเป็นลมเป็นแล้งไปอีกรอบนะคะพี่หนุ่ม" แล้วฝนกับกลางก็มาช่วยปายจากการถูกหนุ่มรุมได้ทันเวลาพอดี (หุหุ) 

    ค่ำคืนแห่งการปิดท้ายค่ายที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความประทับใจ และประสบการณ์ตลอดทั้งค่ายที่ได้รับในครั้งนี้ รับรองว่าจะติดตรึงอยู่ในหัวใจปายไปอีกแสนนานเลยทีเดียว และคงจะไม่เฉพาะปายเท่านั้นนะคะ ชาวค่ายทุกคนก็คงจะคิดเหมือนปาย และที่ขาดไม่ได้...คนที่ทำให้หัวใจปายช็อกได้แทบจะทุกครั้งสินะค๊าา...พี่หนุ่ม.♥

    ^♡^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    ดูอีบุ๊ก

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×