ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เรื่องรักของเรา Our Love Tale ♡

    ลำดับตอนที่ #1 : ๑ เรื่องรักเล็กๆ สมัยเรียนที่ทำให้หัวใจเบ่งบาน

    • อัปเดตล่าสุด 10 เม.ย. 65


    "ชิดในหน่อยเพ่ ชิดใน เบียดๆ กันหน่อยเพ่ ประตูขึ้นไปเลย อย่าโหน แบ่งๆ กันไป รถมีน้อย"

    เสียงกระเป๋ารถเมล์มินิบัสดังโหวกเหวกมาจากประตูหน้า ผู้โดยสารที่เพิ่งขึ้นมาก็พากันเบียดเข้าปะ คนข้างในก็เบียดกันต่อจนแทบจะเป็นปลากระป๋องอยู่แล้ว..

    คือบรรยากาศยามเช้าของรถเมล์ประจำทางในกรุงเทพมหานคร เมืองหลวงที่ใครๆ ส่วนใหญ่มุ่งหน้าเข้ามาทั้งเรียนและทำมาหากิน และคนอย่างเราๆ ที่ยังหาเช้ากินค่ำไม่มีรถราขับเพิ่มมลพิษเหมือนคนมีฐานะ ต่างก็ใช้บริการและต่างก็รีบเร่งในชั่วโมงเร่งด่วน คันไหนมาก่อนก็ขึ้นก่อนขืนรอคันต่อไปโดยหวังว่าจะเจอรถคันว่างๆ ก็คงไม่ได้ไปไหน แถมยังไปเรียนไปทำงานสายแน่ๆ เพราะไม่เห็นจะมีคันไหนวิ่งมาแล้วว่างซักคัน

    "ปลากระป๋องชัดชัด...นี่ถ้าเป็นปลากัดคงออกลูกเป็นโขยงแระ" 

    เสียงบ่นพึมพำของปายดังลอดออกมาแว่วๆ จนคนรอบๆ ข้างที่อยู่ใกล้ๆ ปายคงปฏิเสธไม่ได้ว่าได้ยิน หลายคนหันมามองตามเสียงปาย มองเฉยๆ บ้าง ยิ้มบ้าง พยักหน้าเข้าใจบ้าง ส่ายหัวหงุดหงิดบ้าง ถอนหายใจบ้าง ตามประสาคนที่อาศัยรถเมล์ในช่วงเวลาเดียวกัน มีหัวอกเดียวกัน ต้องทนสภาพแบบนี้แทบทุกเช้าไปด้วยกัน

    ปายได้แต่ส่งยิ้มอ่อนๆ ให้คนร่วมชะตากรรมเหล่านั้นเพื่อแสดงความเป็นมิตร พลางสายตาก็ไปปะทะกับใบหน้าใครคนหนึ่งซึ่งเป็นใบหน้าที่รู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก เสื้อเชิ้ตที่ดูดีกับกางเกงสแลก ดูเหมือนกำลังจะไปทำงาน และยืนโหนอยู่ที่บันไดรถเมล์ขั้นล่างสุด

    'เฮ่ย! พี่หนุ่มป่าววะ' ปายคิดในใจหัวใจเต้นตึกตัก 'ทำไมต้องใจเต้นวะ..' ปายงงกับตัวเองแต่ก็ปล่อยผ่านไป 'ใช่พี่หนุ่มแน่ๆ เลยว่ะ' ปายยิ่งมองยิ่งแน่ใจ 'ทำไงดีวะ ทักดีไม๊??'

    ปายยังคงคิดอยู่ในใจ แล้วก็ทิ้งสายตามองตรงไปที่เขาซึ่งยืนหันหลังให้ปาย แต่ก็เอียงข้างมาให้เห็นหน้าอยู่เรื่อยๆ เขาคงจะได้ยินที่ปายบ่นตะกี้แน่ๆ ใครไม่ได้ยินคงจะหูหนวกอ่ะนะ.. 

    'ทัก ไม่ทัก เอาไงดีวะกรุ'

    .

    .

    .

    "ปาย วันนี้พี่หนุ่มลงแข่งบอลด้วยนะ สีแสดแข่งกับสีเขียว" ฝนแทบจะวิ่งปรี่ตรงเข้ามาหาปายที่กำลังเดินลงมาจากตึกเรียนหลังหมดคาบเรียนที่แปด

    "อ้าว งั้นกลางกะปายก็ต้องเชียร์คนละฝั่งสิ ก็สีเขียวพี่บอยลงแข่งด้วยหนิ" ปายพูดพลางโบกมือให้กับรุ่นน้องสีม่วงที่ยกมือไหว้พลางกึ่งวิ่งกึ่งเดินรีบไปให้ทันขึ้นซ้อมบนสแตนเชียร์

    "เออ!! ก็จะให้ทำไงได้ล่ะค้า หนุ่มๆ ของพวกแกดันอยู่กันคนละสี แถมพวกแกยังอยู่คนละสีกับหนุ่มๆ อีก.. น้องทั้งสแตนก็เหล่ทุกทีที่พวกแกกรี๊ดเชียร์หนุ่มๆ ที่อยู่คนละสีกะพวกแกน่ะ.. เฮ่อ!!"

    ฝนบ่นไปพลางก็ซอยเท้าจ้ำอ้าวเร่งไปสมทบกับกลางที่รออยู่ก่อนแล้วตรงสแตนสีม่วงเพื่อเตรียมน้องๆ ในสีขึ้นซ้อมบนสแตนเชียร์

    ปาย ฝน กลาง เพื่อนรักเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่สมัย ม.ต้น แม้ตอนนี้เราจะขึ้น ม.5 แล้ว ก็ยังสนิทเกาะกันไม่ปล่อยไปไหน ปายเรียนศิลป์-ภาษา กลางเรียนศิลป์-คณิต ส่วนฝนเรียนพาณิชย์ แต่ละคนก็เรียนตามที่ตัวเองชอบแถมยังชอบรุ่นพี่คนเดิมที่ชอบมาตั้งแต่อยู่ ม.ต้นไม่เปลี่ยนแปลง

    จะว่าไปที่จริงมันก็แค่ป๊อบปี้เลิฟ ไม่ได้จริงจังอะไรมากมาย เพราะพวกพี่ๆ ที่เราชอบเขาก็รู้ว่าเราชอบ และเราก็แสดงออกให้เห็นว่าชอบ แต่ก็อย่างว่าแหละต่างฝ่ายต่างก็ไม่ได้จริงจังอะไรกับความรักในวัยเรียนแบบนี้ ก็แค่พวกพี่ๆ เข้ามาทำให้ใจเต้นเป็นครั้งคราว มันก็ทำให้รู้สึก..วิ๊งๆ ในหัวใจดี และทั้งเราและเขาก็รักษาระยะห่างกันแค่ชอบอยู่ห่างห่างอย่างห่วงห่วง มาตั้งแต่ ม.3 แล้วเหมือนกัน

    อ้อ!! โรงเรียนเราเป็นโรงเรียนสตรีประจำจังหวัดค่ะ ระดับ ม.ต้น จะมีแต่นักเรียนหญิงล้วนๆ ส่วนระดับ ม.ปลายจะเป็นสห คือทั้งหญิงทั้งชาย ซึ่งถึงจะมีนักเรียนชายเข้ามาใหม่ตอนช่วง ม.4 แต่จำนวนก็ไม่ได้มากมาย และยังเป็นประชากรส่วนน้อยที่ทำให้เป็นเป้าให้สาวๆ ในโรงเรียนสตรีอย่างเราๆ ต่างก็พุ่งสายตาเข้าชน (หึหึ)

    อย่างเรื่องกลางกับพี่บอย ตอนพวกเราอยู่ ม.3 พวกพี่ๆ เข้ามาตอน ม.4... ก็เพราะนักเรียนชายเป็นนักเรียนใหม่ แถมยังมีห้องละไม่กี่คน ก็เลยกลายเป็นจุดเด่นไปซะแทบทุกคน แรกๆ เราก็แค่แซวๆ กันเล่นๆ ตอนช่วงเวลาพักเบรกบ้าง พักเที่ยงบ้าง ตอนคาบพละบ้าง ตอนเล่นกีฬาบ้าง เพราะพวกพี่ๆ เขาเล่นฟุตบอลกัน และก็ตอนเข้าสี 

    ซึ่งตอนช่วงเวลาพักเบรกเรามักจะออกไปยืนเล่นๆ กันตรงระเบียงหน้าห้องเรียนประจำพวกเรา และเห็นกลุ่มพี่บอยพี่หนุ่มเดินผ่านหน้าอาคารเรียนเราอยู่บ่อยๆ ก็มีแซวๆ กัน แล้วพี่ๆ เขาก็ดันเล่นรับมุกกับเราด้วย พอหลังๆ พี่บอยดันบุกมาหากลางถึงห้องเรียนเรา เพื่อนสาวๆ ม.3 ในห้องเราก็กรี๊ดกันยกใหญ่ แต่กลางกลับหงุดหงิดซะงั้น แต่ยังไงซะ ก็กลายเป็นประเด็นให้แซวกันข้ามภพข้ามชาติไปจนกว่าจะเรียนจบนู่นนั่นแหละ

    ส่วนฝน ฝนเป็นคนที่ไม่สนใจใคร เพราะฝนมักบอกเสมอว่า ไม่เห็นมีใครที่น่าสนใจเป็นพิเศษ นางก็เลยจะเป็นสายเชียร์ สายดัน คอยดันไปซะทุกคู่น่ะแหละ

    และปาย... อันที่จริงก่อนที่ปายจะหันมาชอบพี่หนุ่ม ปายเคยชอบรุ่นพี่อีกคนนึง.. พี่อาร์ม ชอบขนาดวันวาเลนไทน์ตอน ม.2 ปายถึงกับซื้อดอกกุหลาบสีแดงสวยดอกใหญ่เอาไปยืนรอให้พี่อาร์มอยู่หน้าบ้านพี่เขาเลยด้วยซ้ำ แต่เพราะพี่อาร์มชัดเจนในคำตอบ คือชอบกันแบบพี่น้องละกันนะ ปายเลยตัดใจจากพี่อาร์มได้แบบไม่รู้สึกเจ็บนัก และพอขึ้น ม.3 ปายก็หันมาชอบพี่หนุ่มแทน

    อันที่จริงก็อย่างที่ว่า หนุ่มๆ มีน้อย (ใช้สอยประหยัด) สาวๆ ในโรงเรียนสตรีต่างก็หมายปอง ยิ่งพวกพี่ๆ เขาเป็นนักกีฬาด้วยแล้ว โหย!! อย่าให้เซ่ดเลยอ่ะ วันวาเลนไทน์นึกว่าพวกพี่เค้าใส่ชุดหัวใจมาโรงเรียนซะอีก

    และเพราะระหว่างพวกพี่ๆ และพวกเราต่างก็ตกเป็นเป้าแซวกันไปแซวกันมาตั้งแต่พวกเราอยู่ ม.3 พวกพี่ๆ อยู่ ม.4 และตอนนี้พวกเราก็อยู่ ม.5 และพวกพี่ๆ เขาก็อยู่ ม.6 เกือบสามปีแล้วที่แซวกันแบบนี้โดยไม่มีใครคิดจะเป็นแฟนกันจริงๆ ซักคู่ 

    "ไอ้ปาย พี่หนุ่มเจ็บ..." ฝนตะโกนเสียงดังเรียกปายที่กำลังยืนอยู่บนสแตนเชียร์ จนปายหันขวับไปมองแทบไม่ทัน

    ภาพที่เห็นคือ พี่หนุ่มนอนฟุบอยู่กับพื้นสนามมือกุมหน้าแข้งสีหน้าบ่งบอกถึงความเจ็บปวดสุดๆ ปายหัวใจเต้นแรง เสียงรอบข้างอื้ออึง น้ำตาซึมออกมาโดยไม่รู้ตัว เข่าทรุดลงอย่างไร้เรี่ยวแรง

    น้องๆ ทั้งแสตนเชียร์ต่างก็หยุดนิ่งหันมามองที่ปายเป็นสายตาเดียว กลางเดินมาหาแล้วประคองปายลงจากสแตนเชียร์ สต๊าฟในทีมเชียร์คนอื่นๆ ช่วยกันทำหน้าที่ต่อแทนปาย ราวกับเวลาได้หยุดลง พร้อมความรู้สึกเป็นห่วงจนทำให้ปายหยุดทุกอย่างที่กำลังทำอยู่โดยสิ้นเชิง

    ฝนกับกลางเข้ามาปลอบปาย 'พี่หนุ่มไม่เป็นไร พี่หนุ่มต้องไม่เป็นไร' สมองปายคิดวนเวียนซ้ำๆ

    พี่หนุ่มเจ็บ ต้องเปลี่ยนตัวออก และถูกเพื่อนๆ หามไปห้องพยาบาล ส่วนในสนามเกมส์ยังไม่จบ สีแสดและสีเขียวก็แข่งกันต่อไป และบนสแตนเชียร์ของแต่ละสีก็ซ้อมเชียร์กันต่อไป

    "ไม่ได้เป็นแฟน จะร้องไห้ทำไมวะ" ในที่สุดปายก็พูดขึ้นหลังจากราวกับโลกทั้งใบหยุดหมุนไปซักพัก "ไม่ได้เป็นแฟนเค้าซะหน่อย" ปายย้ำกับตัวเองซะมากกว่า ส่วนฝนกับกลางก็ทำหน้าที่ปลอบปายต่อไป

    "พี่หนุ่มไม่เป็นไรหรอกปาย ไม่ต้องห่วง"

    รุ่งเช้า หลังเลิกแถว ปายมายืนด้อมๆ มองๆ แถวห้องพยาบาล เพราะรู้ว่าพี่หนุ่มมาทำแผล ทั้งที่จริงปายกะจะมาดูพี่หนุ่มตั้งแต่เมื่อเย็นวานนี้ แต่สภาพปายไม่พร้อมเลยจริงๆ 

    กลางกับฝนตอนแรกก็มารอด้วยกัน แต่ก็ต้องแยกไปก่อนเพราะต้องรีบไปเข้าเรียน ขณะที่ปายดึงดันจะอยู่รอต่อจนเจอพี่หนุ่ม และหน้าห้องพยาบาลก็เต็มไปด้วยสาวๆๆๆ ที่มารอเหมือนกัน จนครูฝ่ายปกครองต้องร้องบอกว่าให้ไปเข้าเรียนกันได้แล้ว

    แล้วปายก็เห็นพี่หนุ่มเดินออกมาจากห้องพยาบาล มีพี่บอยเดินตามออกมาด้วย ทั้งสองคนเห็นปายยืนอยู่เลยยิ้มให้ แล้วเดินเข้ามาหา

    "ปาย ได้ข่าวว่าเมื่อวานร้องไห้เหรอ ตอนพี่หนุ่มล้ม" คำพูดของพี่บอยช่างบาดเข้าไปในหัวใจปายซะเหลือเกิน ส่วนพี่หนุ่มยืนยิ้มๆ เบาๆ อยู่ข้างหลัง

    "พี่ไม่เป็นไร ขอบใจนะที่เป็นห่วง..."

    'โหย...พี่หนุ่มอ่ะ...ปายจะละลายอยู่แล้ว' ปายได้แต่คิดในใจ

    "อุตส่าห์มายืนรอ.. เห็นมะ หายแล้ว " "ปะ ไปเรียน..." พี่หนุ่มโชว์พาว แล้วก็ไล่ให้ปายไปเรียน

    "เอานี่มาให้..." ปายยื่นถุงกระดาษใบเล็กๆ ให้พี่หนุ่ม "หายไวๆ นะคะ"

    พี่หนุ่มยิ้มให้ปายอีกรอบ ส่วนพี่บอยก็แย่งถุงไปค้น "พี่บอยห้ามแอบดู"

    ปายเสียงแข็งใส่จนพี่บอยชะงัก แต่ก็ยังเปิดดูต่อไป "ไปเรียนนะคะ"

    แล้วปายก็หันหลังรีบวิ่งไปเข้าห้องเรียน ท่ามกลางสายตาสาวๆๆๆ แถวนั้นที่รอจะคอยมะรุมมะตุ้มรุมทึ้งพี่หนุ่มกับพี่บอยต่อ

    ก็เป็นอย่างนี้แหละ ระหว่างพวกเราและพวกพี่ๆ ไม่ได้เป็นแฟน แต่ก็เป็นห่วง แซวกันไปแซวกันมา

    คือรักเล็กๆ ที่ทำให้หัวใจเบ่งบานในช่วงวัยเรียน แม้ในที่สุดเมื่อเรียนจบก็ต้องแยกย้ายกันไป แต่ต่างก็ยังหลงเหลือความรู้สึกดีดีที่เคยมอบให้ระหว่างกันในช่วงวันวันเหล่านั้น และยังติดอยู่ในความทรงจำของแต่ละคนถึงช่วงเวลาดีดีที่เคยเกิดขึ้น

    .

    .

    .

    "พี่หนุ่ม..." ในที่สุดปายก็เปล่งเสียงออกไปจนได้...

    ใครคนนั้นที่ปายคิดว่าคือพี่หนุ่ม หันมาหาตามเสียงเรียกของปาย สายตาเหมือนครุ่นคิดอยู่ซักพัก แล้วยิ้มอ่อนๆ เหมือนเมื่อตอน ม.ปลาย ก็ส่งกระจายออกมาหาปาย...

    'โหย..พี่หนุ่มอ่ะ...ทำให้ปายละลายอีกแล้ว..'

    "ปาย!!"

    แล้วสิบปีให้หลังเราก็ได้กลับมาเจอกันอีกจนได้... ท่าจะหนีปายไม่พ้นหรอกม๊างพี่หนุ่มมม...(หึหึ)

    ^♥^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    ดูอีบุ๊ก

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×