ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บทเพลงรักแห่งกอนโดลิน [ Love lysics of Gondolin ]

    ลำดับตอนที่ #67 : ( short fic ) Tender Love for a baby

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 154
      1
      30 ธ.ค. 55

    ตอนนี้เป็นบทของมายกลินและเบบี้เออาเรนดิลนะครับ โอ้ๆ เอ้ๆ ^O^

     

    >>>>>>>>>>>>>>>>>>

     

    Maeglin ' s Pov

     

     

    บ่ายวันหนึ่งที่ข้าได้ตรวจตราเอกสารทั้งหลายที่เสด็จลุงทรงมอบหมายไว้แล้ว

     

    ก็ถึงเวลาทีี่ข้าอยากจะพักผ่อนให้เต็มอิ่มบ้าง และที่สำคัญข้าอยากเจอพี่หญิง

     

    และข้ารู้ดีว่า นางคงต้องอยู่ในห้องเด็กของเออาเรนดิล เป็นแน่!

     

    อุแว้! อุแว้ ! ” ข้าได้ยินเสียงร้องที่กังวาลใสของเด็กคนนั้น แม้ว่าข้าจะไม่ชอบเสียงทารกแบบนี้

     

    แต่ว่า เขาเป็นหลานชายของข้า ถึงอย่างไรเสียตอนที่ข้ายังเล็ก ก็คงร้องเสียงดังแบบนี้

     

    โอ้ๆ องค์ชายน้อยเพค่ะ อย่าส่งเสียงดังนักเลยเพค่ะ โอ้ๆ นี่ก็เวลาเสวยนมแล้วด้วย ”

     

    เสียงของเมเล็ธ แม่นมของเออาเรนดิลดังออกมาจากห้อง

     

    ข้าจึงเคาะประตูที่แกะสลักเป็นรูปดอกไม้เล็กๆ และดวงดาวแพรวพราว สลับสีทองอ่อน

     

    ซึ่งมันก็เหมาะที่จะเรียกว่าเป็น “ ห้องเด็ก ”

     

    พระองค์หญิงเหรอเพค่ะ ? ” เมเล็ธส่งเสียงถาม

     

    ข้าเอง เมเล็ธ ”

     

    พระภาคิไนย ! เชิญเสด็จเข้ามาเพค่ะ ”

     

    ข้าก้าวเข้าไปห้องน้อยที่เป็นสีขาวและสีฟ้า ริมสุดด้านซ้าย ก็คืออู่ไม้ที่น่ารักน่าเอ็นดูของเด็กชายผู้เป็นเจ้าของห้อง

     

    บนพิ้นก็เต็มไปด้วยของเล่นเล็กๆ อย่างเช่น ม้าไม้ และตุ๊กตาทหาร

     

    เออาเรนดิล ยังเล็กเกินกว่าจะเล่นของพวกนี้ เขาเพิ่งเกิดมาได้ไม่เด็มสองเดือนด้วยซ้ำ

     

    บางทีข้าเองก็ไม่เข้าใจว่า ทำไมเสด็จลุงถึงปรารถนาให้เด็กคนนี้โตเร็วนัก ?

     

    เมเล็ธอุ้มเบาะสีฟ้าอ่อน ซึ่งเออาเรนดิลน้อยนอนอยู่ในนั้น เพราะข้าเห็นปอยผมสีทองอ่อนโผล่พ้นออกมา

     

    เจ้าชายเพค่ะ ” นางก้มศีรษะลงให้ข้าอย่างนอบน้อม “ พระโอรสแห่งอิดริลกันแสง เพราะว่า

     

     

     

    ถึงเวลาเสวยนมแล้วเพค่ะ และพระนางก็ยังไม่เสด็จมาเลย ”

     

    เมเล็ธเอ่ยเสียงเรียบ แต่สีหน้าของนางดูเหมือนจะเข้มขึ้นจนเป็นสีแดงราวกับลูกเชอร์รี่ เมื่อได้คุยกับข้า

     

    พรายสาวร่างอ้วนท้วม ไม่แตกต่างไปจากลอร์ดซัลกันท์ ขุนนางแห่งตระกูลผู้เป็นญาติผู้น้องของนาง

     

    และยังมีเรือนผมสีน้ำตาลเชลนัทเหมือนกัน สำหรับซัลกันท์ ซึ่งดูจะเป็น “ ท่านลอร์ดที่ไม่เอาถ่าน ”

     

    ที่สุดในกระบวนเสนาบดีทัั้งสิบของเสด็จลุง แต่เขาดูเหมือนจะเข้ากันได้ดีกับพี่สาวตัวเองดี...ดีกว่าข้าและพี่อิดริล..

     

    อุแว้ๆ แอๆ ” ทารกน้อยนั้นส่งเสียงอีกแล้ว

     

    องค์ชายน้อยเพค่ะ อย่าทรงร้องเสียงดังนะ ” เมเล็ธพยายามปลอบ แต่เหมือนจะไร้ผล

     

    ให้ข้าอุ้มดีกว่าไหม ? ” ข้าตัดบท เพราะข้าก็เริ่มจะรำคาญแล้ว

     

    ได้ ...เอ่อ...ได้เพค่ะ ” นางส่งเบาะน้อยให้ข้า และมือของนางก็สัมผัสกับมือของข้าโดยบังเอิญ

     

    และนางก็ก้มหน้าลงกับพิ้นห้อง ข้าเดาได้ว่า นางอายข้า ก็เหมือนกันเหล่านางกำนัลของพี่หญิงทุกคน

     

    นั้นแหละที่ใช้สายตามองข้าด้วยความเขินอาย ข้าก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองจะรูปงามมากถึงขนาดนั้น

     

    ในสายตาข้า เสด็จลุงทัวร์กอนเป็นพระราชาทรงงามสง่ามากแค่ไหน

     

    พี่เอคเธลิออนนั้นก็จัดได้ว่าเป็นบุรุษพรายโนลดอร์ที่หล่อเหลาและมีน้ำเสียงไพเราะที่สุด

     

    ส่วนกลอร์ฟินเดลก็เจ้าเสน่ห์ เพราะมีผมสีทองสุกสว่าง ทำให้สาวๆ ล้วนแต่อยากอยู่ในอ้อมแขน

     

    แต่ข้าไม่ชอบเขานัก เพราะข้าได้ยินมาว่า เขาเคยเป็นคนรักเก่าของท่านแม่ ซึ่งข้าไม่อยากพูดถึงเลย

     

    ถึงอย่างไรเสีย ข้าก็ไม่มีวันเข้าใจว่า เหตุใดพี่หญิงจึงรักเจ้าคนเร่ร่อนนั้น ถึงเขาจะเป็นตัวแทนของเทพสมุทรก็ตาม!

     

    อือ..แอ้..อือ ” เสียงของเออาเรนดิล ทำให้ข้าก้มลงมองดวงหน้าเล็กๆ ราวกับดอกไม้สีขาว

     

    ขนตาเรียวงอนสีดำขลับ และริมฝีปากสีแดงที่เปล่งเสียงร้องอยู่

     

    เจ้าไปตามพี่หญิงมาเถอะ เดี๋ยวข้าจะดูแลเออาไปก่อน ”

     

    เพค่ะ ” เมเล็ธถอนหายสายบัวให้ข้า และเร่งฝีเท้าออกจากห้องไป

     

     

    เออา เจ้าไม่ควรร้องเสียงดังนะ เพราะไม่มีใครชอบหรอก โดยเฉพาะน้าคนนี้ ”

     

    ข้าโอบร่างน้อยไว้แนบอก และสิ่งที่ข้าตกใจมากก็คือ เออาเรนดิลหันศีรษะมาที่หน้าอก และเผยอปาก

     

    กว้างเพื่อหา...

     

    เด็กคนนี้ ! น้าไม่มีนมให้เจ้ากินหรอก เจ้าต้องรอพี่หญิง เอ้ย! ท่านแม่ของเจ้า ”

     

    เออาเรนดิลก็ร้องไห้ดังขึ้นอีก ข้าก็เริ่มหงุดหงิด เจ้าเด็กโง่ ! เจ้าลูกทูออร์เอ้ย!

     

    แต่ข้าก็นึกขึ้นมาได้ว่า ตอนที่เออาเข้าพิธีรับนามนั้น พี่หญิงใช้นิ้วก้อยให้เออาดูดประทังหิว

     

    ตอนนั้นข้าว่ามันตลกมาก แต่นางก็กล้าคิดไปได้เนี่ย...

     

    ข้าจึงตัดสินใจใช้นิ้วก้อยให้เขาดูด ได้ผล! เสียงของทารกน้อยเงียบทันทีทันใด

     

    และข้าก็รู้สึกจั๊กกะจี้ จึงเผลอหัวเราะออกมาตั้งสองสามครั้ง

     

    ดวงตาสีฟ้าใสคู่นั้นก็ลืมมามองข้า ช่างดูหวานใส ราวกับไพลินที่กระทบแสงตะวันอ่อนๆ

     

    ข้าคิดว่ามันสวยกว่าของทูออร์ด้วยซ้ำ แต่แล้วเออาก็หลับตาลงไปอีก

     

    ข้าจึงตัดสินใจเอานิ้วก้อยของตัวเองออก แม้ว่ามันจะเปียกด้วยน้ำลาย แต่ทำไมนะ ข้ากลับไม่รังเกียจ...

     

    เออาเรนดิล.. ” ข้ากระซิบข้างหูเขาเป็นภาษาเควนยา “ นอนเสียเถิด ”

     

    หลานชายของข้าก็หาวขึ้นเล็กน้อย และเข้าสู่ภวังค์นิทราอีกครั้ง

     

     

    นิ้วเรียวของข้าลูบที่ปอยผมสีทองที่ดูเหมือนจะเริ่มหนาขึ้น ผ่านพวงแก้มอิ่มสีชมพูเรื่อ

     

    เจ้าช่างงดงามนักนะ และก็ดูคล้ายพี่หญิงกับนานามากทีเดียว

     

    ทำไมเจ้าถึงไม่ใช่ลูกชายของข้า ไม่เกิดมาเป็นลูกของข้านะ...เจ้าเกิดเป็นลูกของไอ้หมอนั้นทำไม ?

     

    นี่ข้าคิดอะไรกัน ?

     

    เมื่อถึงริมฝีปากน้อยๆ ดุจกุหลาบที่กำลังตูม แต่คิดว่าอีกไม่นานหรอกก็คงแบ่งบานเต็มที่

     

    นั้นทำให้ข้าอดใจไม่ได้ที่จะทาบริมฝีปากตัวเอง ลงบนของเออาเรนดิลอย่างแผ่วเบา

     

    เมเล ทินเท อิออนยา เออาเรนดิล ”

     

    และตอนนั้นเองที่ข้าได้ยินเสียงประตูดังขึ้น ข้าจึงอารามตกใจ “ ใครน่ะ !! ”

     

    พี่เอง มายกลิน พี่มาหาลูก “

     

    ถึงตอนนั้นเอง ที่ข้าไปเปิดประตู ก็พบกับร่างสูงเพรียวระหงที่แสนงดงามของพี่หญิง

     

    ดวงตาสีเทากระจ่างมองที่ข้า ไม่ว่าอย่างไรพี่หญิงนั้นก็สะสวยไม่เปลี่ยน

     

    และก็นางก็ดูงามขึ้นมากให้หลังจากบุตรของนางเกิด

     

    ข้าได้ส่งมอบเออาเรนดิลทั้งเบาะให้นาง “ ข้าขอโทษนะ “

     

    ทำไมล่ะ มายกลิน เจ้าดูแลเออาให้นี่ พี่ขอบใจมาก ทำไมเจ้าพูดแบบนี้ “

     

    ข้าเริ่มรู้สึกอึดอัด และเอ่ยกับนางว่า “ เด็กคนนี้หิวแล้ว ข้าขอไปทำธุระที่ประตูเหล็กกล้าต่อนะ ”

     

    มายกลิน น้องเราเป็นไร ? ” มือบางมาจับแขนข้า ข้าจึงกลั้นลมหายใจก่อนที่จะตอบว่า

     

    น้องขอตัว ”

     

    ข้าทิ้งให้พี่หญิงและเมเล็ธมองข้าด้วยความงุนงง ไม่ซิ ข้าซิต้องสงสัยตัวเองข้าคิดอะไร

     

    ทำไมข้าถึงเริ่มรู้สึกว่า ชีวิตของข้าคงอยู่ไม่ได้แล้ว ถ้าไม่มีเด็กชายคนนั้นอยู่เคียงข้าง...

     

     

    ทำไม? ทำไม ? น่ะ เพราะข้ารู้สึกว่า ข้ารักหลานชายของตัวเองมากไปหรือไม่นะ ?

     


    _*_*_*_*_*_*_
     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×