คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #168 : Blue Blossom in the heart 11
เวลาที่อมทุกข์อมเศร้า มักว่ากันว่าจะผ่านไปอย่างเนิ่บช้าเสมอ ได้แต่นอนกระสับกระส่ายอยู่บนเตียง
แม้ว่าเขาจะจำได้ดีถึงน้ำเสียงอ่อนหวานที่คอยให้กำลังใจของอิดริล เคเลบรินดัล
เรือนผมสีทองนุ่มสลวยของนาง รอยยิ้มของนาง ...ข้ารักนาง...ใช่...ข้ารักนางมาก...
แต่ว่าหัวใจของเขาก็ยังมีที่ว่างไว้ให้กับอีกคนหนึ่งด้วย...อิดริลมอบดอกคอร์นฟลาวเวอร์สีน้ำเงินให้
ทูออร์คลอเคลียอยู่กับกลีบดอกไม้โดยไม่ยอมห่าง...อิดริล...ข้ารักท่าน...
โชคดีที่องค์ทัวร์กอนทรงให้หมอหลวงเพนลอธนั้นให้ยาสมานแผลชนิดดี ทำให้เขาแทบไม่ค่อยรู้สึกเจ็บ
มากเท่าไรนัก แต่ว่ารอยแผลที่อก และแรงกระแทกจนต้องมีผ้าพันแผลพาดบนศีรษะนี่ซิ...
เฮ่อ...แต่ข้าก็อยากจัดการกับเจ้าสัตว์ร้ายในความมืดนั้นได้ซะจริง...
โดยไม่ทันรู้สึกตัวว่าอะไร ทูออร์ก็ประคองร่่างของตนมาเดินเล่นตรงระเบียงหน้าห้องอภิบาลของตน
สายตาสีน้ำเงินใสจับจ้องไปยังทิวทัศน์ที่อยู่นอกเหนือหุบผาวงแหวนเอโครริอัธซึ่งอยู่ไกลสุดสายตา
แต่ว่าเขาก็ยังได้ยินเสียงคลื่นจากทะเลอันห่างไกล คลื่นซัดกระเซ็นเข้าหาชายฝั่ง...
ดนตรีอันไพเราะจากเทพอุลโมยังคงเรียกหาเขา...แต่ว่า...เราไม่มีทางออกไปจากที่นี้ได้แล้วกระมัง ?
แล้วทูออร์ก็ไม่ได้พบว่าตัวเองอยู่ตามลำพัง...ร่างสูงโปร่งแกมล่ำสันภายใต้ผ้าคลุมสีดำอยู่ตรงต้นเสา
เหมือนจะคำนึงถึงอะไรบางอย่างในภวังค์ ทูออร์ก็รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาทันที
“ องค์ชายมายกลิน ”
ภาคิไนยแห่งทัวร์กอนยังนิ่งเรียนเสมือนรูปปั้นหินอ่อนที่ตั้งตระหง่าน ไม่มีวันที่จะล้มได้
เรือนผมสีรัตติกาลเป็นมันเงาถูกถักเปียไว้หลวม แต่ปอยผมบางส่วนก็ยังหลุดรุ่ยออกมา
เสี้ยวหน้าคมซีดนั้นก็คล้ายคลึงกับขององค์ทัวร์กอนและท่านหญิงขาวนัก
ชายหนุ่มถอนหายใจแผ่วเบาให้กับภาพตรงหน้า...ความงามที่เย็นชาและเหินห่างราวกับฤดูหนาว
ที่ไม่เคยได้รับไออุ่นของแสงตะวัน องค์ชายมายกลิน โลมีออน...
“ องค์ชาย ทรงยังเจ็บมากไหมขอรับ ? ”
พรายหนุ่มยังคงทอดสายตาไปไกล “ เรานอนที่หออภิบาลนี้ก็ผ่านมาตั้งสามคืนแล้วนะ ทูออร์
ข้าไม่ได้เป็นไรอะไรมาก ไม่อย่างนั้นคงไม่มีแรงออกมาเดินหรอก เอไดน์เอ๋ย ”
แต่ว่าชายหนุ่มก็ยังสังเกตว่าพรายหนุ่มยังมีอาการที่ไม่ค่อยดีนัก นั้นอาจจะเป็นเพราะคมอาวุธของเจ้าสัตว์ร้าย
ในเหมืองอังฮาบาร์ ทูออร์ก็ยิ่งรู้สึกทุกข์ใจมากขึ้น ทำไมเขาถึงปกป้ององค์ชายไม่ให้ได้ดีกว่านี้
มายกลินก็ทรุดนั่งบนม้านั่ง ดวงตาคู่นั้นยังเหม่อมองกับสิ่งหนึ่งในมือเรียวของตน
ดอกคอร์นเฟลาเวอร์สีน้ำเงินที่เหมือนกับของทูออร์นั้นเอง !
“ ข้ามีเรื่องหนึ่งที่อยากรู้นะ ? ” เจ้าชายพรายถามเสียงขรึม “ เจ้ารักพี่หญิงมากไหม ? ”
“ ข้ารักนาง องค์ชาย ข้ารักพี่หญิง...เอ่อ...ภคินีของท่านมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามายังกอนโดลิน
และข้าก็ยืนยันคำเดิมว่า ข้าก็รักและห่วงใยท่านเสมอ รู้ไหม ? ”
พรายหนุ่มโนลดอร์จึงยอมกลับไปสบดวงตาสีฟ้าคู่นั้น ดวงตาสีฟ้ากลมใหญ่เปล่งประกายบนใบหน้ากร้าน
มายกลินตระหนักถึงจิตใจที่อยู่เบื้องลึกของคนตรงหน้าได้มากกว่าใครทั้งนั้น
“ ให้ข้านั่งด้วยคนได้ไหมกระหม่อม ? ”
เจ้าชายพรายไม่ได้ตอบว่าอะไรนอกจากขยับกายให้ร่างใหญ่ได้นั่งลงอย่างสะดวก
ทายาทแห่งตระกูลฮาดอร์ก็เริ่มหัวใจเต้นระริกอีกครั้ง...อยากโอบกอดร่างเพรียวนี้ไว้ในอ้อมแขน
อยากสัมผัสว่าบาดแผลเจ็บหนักไหม เขาอยากให้ความรู้สึกที่เอ่อล้นอยู่ในใจมอบให้....
แต่ว่าชายหนุ่มก็สะดุ้ง เมื่อเจ้าชายพรายโนลดอร์หันมา พร้อมกับดวงตาสีดำขลับที่คาดหวังอยู่
ดวงตาคู่นี้ช่างงดงามจริงๆ งามเสียจนเขาไม่อาจละสายตาออกไปได้...แสงดาราบนท้องฟ้าเลยนี้ลงมาสะท้อน
มือแกร่งของชายหนุ่มวางบนเรียวไหล่ของบุตรแห่งท่านหญิงขาว
“ องค์ชาย ข้าขอประทานอภัยที่ทำให้ท่านต้องประสบกับอุบัติเหตุครั้งนี้ ”
มายกลินนิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วหลับตานิ่ง “ แต่ข้าก็ต้องขอบคุณเจ้าที่ปกป้องข้า...ข้าเป็นหนี้เจ้า ”
“ นั้นซินะ ”
ชายหนุ่มตระกูลฮาดอร์วางจูบให้กับหน้าผาก เลื่อนลงมายังปลายจมูก ก่อนที่จะมาสัมผัสริมฝีปาก
เจ้าชายพรายยอมตอบสนองการจุมพิตครั้งนี้แต่โดยดี ไม่รู้ว่าเพราะอ่อนแรงจากแผลหรืออะไรก็ตาม
“ คืนนี้ ท่านไม่กล้าใจแข็งกับข้าใช่ไหมกระหม่อม ? ” ทูออร์ถาม เพราะเขายังไม่แน่ใจ
พรายหนุ่มยิ่งอารมณ์คาดคะเนแบบว่าเดาไม่ได้เสียด้วย แต่ชายหนุ่มก็เริ่มรู้สึกว่าอารมณ์ปรารถนาก็กลับมา
ริมฝีปากหนาซุกไซ้บนซอกคอขาว มือแกร่งกำเรือนผมสีดำไว้แน่น จนร่างเพรียวสะดุ้งเฮือก
“ พอเถอะ ! ”
เจ้าชายพรายรีบลุกออกจากม้านั่งด้วยสติที่มั่นคง พร้อมกับเอ่ยว่า “ ข้ากับเจ้ายังไม่หายดีนัก
และที่นี้ก็ไม่ใช่ที่ๆ ควรมาปรนเปรอเสียด้วย ”
ทูออร์ก็ยังไม่ลุกขึ้นตาม “ ข้ารู้ และข้ารู้ด้วยว่าถ้าอิดริลกับข้าแต่งงานกัน เรื่องของเรานั้นก็...”
แต่ว่ามายกลินก็ยังกำมาลีงามดอกนั้นไว้แน่น พร้อมกับเดินจากไป โดยทิ้งท้ายว่า
“ ถึงเวลานั้น เจ้าคงเข้าใจข้ามากขึ้น บุตรมนุษย์เอ๋ย ”
ความคิดเห็น