ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บทเพลงรักแห่งกอนโดลิน [ Love lysics of Gondolin ]

    ลำดับตอนที่ #125 : Dancing King & Prince Party 11

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 122
      1
      17 ก.พ. 56


    กลินคุงเพิ่งหายจากอาการเซ็งๆ อะไรมารู้ไหมครับ คอมเกือบจะแฮ๊งค์ซีแหงแก๋ไปแล้ว >O<

     

    ~!~!~!~!~!~!~

     

    แต่ว่าเพลงนี้ เออาจะต้องใช้ออกตัวในงานลีลาศจริงๆ เหรอครับ ? ”

     

    เจ้าชายน้อยรู้สึกสับสนเล็กน้อย...เราจะต้องออกตัวจริงๆ ซินะ แต่ว่าร้องเพลงต่อหน้าคนอื่นมัน...

     

    ตัวโน้ตที่ท่านลุงเอคธี่เขียนให้ก็อ่านแล้วไม่ได้ยากอะไรหรอก..เราก็คงจำได้ไม่ยาก...

     

    เออา ทำไมทำหน้าครุ่นคิดขนาดนั้นล่ะ ? ”

     

    นิ้วเรียวมนของเจ้าชายอุปราชตวัดปลายผมสีน้ำผึ้งเหยียดตรงของเด็กน้อยด้วยความเอ็นดูอีกครั้ง

     

    แล้วทูออร์ก็โอบเรียวไหล่กว้างของเจ้าชายพรายแทน “ เขาก็ได้บุคลิกส่วนนี้มาจากท่านนั้นแหละ ”

     

    มือแกร่งก็แอบตวัดปลายเกศาสีดำสนิทอีกครั้ง แล้วเกือบจะได้วางจูบซะแล้ว ถ้ามายกลินไม่กล่าวว่า

     

    หึ ! ข้ารู้แล้ว และข้าคงจะดีใจมาก ถ้าเออาเรนดิลเชื่อฟังข้ามากกว่าเจ้านะ ท่านพี่เขย ”

     

    คราวนี้ชายหนุ่มแห่งตระกูลฮาดอร์ก็เลยเป็นฝ่ายทำหน้ามุ้ย...เซ็งตุ่นจริงๆ เลย...

     

    หนู...เอ่อ...”

     

    ลอร์ดซัลกันท์ก็ได้ทีเข้าแทรก “ องค์ชายน้อยเออาเรนดิล ไม่ต้องกังวลพระทัยไป ลุงซัลลี่ของท่าน

     

    จะช่วยดีดพิณให้เองขอรับ ” แล้วขุนนางแห่งสกุลพิณพรายก็บรรเลงเล็กน้อย

     

    ถึงซัลกันท์จะเป็นพรายหนุ่มร่างอ้วนก็จริง แต่ว่าการบรรเลงเพลงของเขาก็สมกับเป็นหัวหน้าคีตกร

     

    คนหนึ่งแห่งนครลับแล เอคเธลิออนก็เอ่ยขึ้นก่อนว่า “ ซัลลี่ ข้าขอเพลงหนึ่งได้ไหม

     

    ข้าเกิดอารมณ์อยากร้องเพลงหนึ่งขึ้นมานะซิ ”

     

    ซัลกันท์ก็ถอนหายใจหนึ่งที “ ก็ได้ ! เอคธี่เอาเพลงที่ฟังแล้วสบายหูของเขานะ

     

    แม่นมเมเล็ธก็ปรบมือด้วยความยินดี เช่นเดียวกับเออาเรนดิลน้อย “ เอาเลยค่ะๆ ท่านเอคธี่ ”

     

    แล้วขุนนางหนุ่มในชุดทูนิคสีเงินสะท้อนแสงก็ลุกขึ้นและจัดเสื้อคลุมของตัวเองให้เรียบร้อย

     

    ดวงตาสีเงินใสคู่นั้นมองเจ้าชายทั้งสามผู้เป็นสหายและเจ้านายของตน ที่จริงพวกเขาก็เหมือนครอบครัวนั้นเอง...

     

    แม้ว่าในใจของเขาจะสับสนบางหลายอย่าง แต่การร้องเพลงนี้แหละเป็นสิ่งที่ทำให้เอคธี่คนนี้สบายใจขึ้นเสมอ

     

    ...บางครั้งเขาก็ยังนึกถึงท่านพ่อ ท่านแม่ และก็น้องชายที่จากไปนานแล้ว...

     

    ...เอคธี่คนนี้ก็อยากให้ครอบครัวขององค์ทัวร์กอนมีความสุขมากที่สุดเท่าที่ตัวเองจะทำได้...

     

    ...แต่ทำไม เขาถึงอยากให้กลอร์ฟินเดลมาฟังเพลงนี้จัง...รู้สึกคิดถึงเจ้าพรายหัวทองทำไมเนี่ย..

     

    ริมฝีปากบางได้รูปละมุนของพรายหนุ่มผมสีดำประกายเงินก็เอ่ยลำนำอันไพเราะดังนี้

     

    Time...
    I've been passing time watching trains go by


    All of my life
    Lying on the sand watching sea birds fly

    Wishing there would be someone waiting home for me
    Something's telling me it might be you


    Yes, it's telling me it might be you
    All of my life

     

    ท่านลุงเอคธี่ร้องเพลงหวานมากเลยเนอะ อดา กวานัวร์ - นานา ” เออาน้อยกล่าว

     

    บุรุษหนุ่มทั้งสองก็กำลังคิดอยู่ในใจ นี้มันเพลงรัก ไม่ใช่เหรอ ท่านเอคเธลิออน ???...

    Looking back as lovers go walking past
    All of my life


    Wondering how they met and what makes it last
    If I found the place would I recognize the face


    Something's telling me it might be you
    Yeah, it's telling me it might be you

     

    เมเล็ธก็ถึงกับทำหน้าทำตาชวนฝัน หน้ากลมป้อมของนางถึงกับแดงระเรื่อเป็นสีกุหลาบแดง

     

    เมื่อได้ฟังเพลงนี้จากน้ำเสียงของท่านเสนาบดีหนุ่มรูปงามที่สุดในหมู่โนลดอร์

     

    ขณะที่ซัลกันท์เล่นพิณไม้เองยังจะเคลิบเคลิ้มจนแทบจะไล่สายพิณของตนเองไม่ทัน


    So many quiet walks to take
    So many dreams to make
    And with so much love to make
    I think we're gonna need some time

     

    ...เวลาอะไรที่เราต้องการงั้นเหรอ ท่านพี่เอคธี่ ?...ความฝันที่ท่านปรารถนาให้เป็นจริงหรือ ?

     

    ...แต่ข้าน่ะ อยากอยู่กับลูกเออาเรนดิลและก็ทุกๆคน...ไปให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้...


    Maybe all we need is time...
    And it's telling me it might be you
    All of my life

    I've been saving love songs and lullabies
    And there's so much more
    No one's ever heard before

     

    แล้วมือเรียวของเอคเธลิออนก็ผายออกกว้าง ดื่มด่ำกับความรู้สึกของบทเพลงที่ตนเองร้อง


    Something's telling me it might be you
    Yeah, it's telling me it must be you
    And I'm feeling it'll just be you all of my life

    Yeah, maybe it's you, maybe it's you
    I've been waiting for all of my life

     

    ลอร์ดทูออร์ก็ได้ร้องตอบเขาเป็นการส่งท้าย พร้อมกับมองยังมายกลินและเออาเรนดิลน้อยด้วยความรักยิ่ง

     

    ตามประสามนุษย์เอไดน์คนธรรมดาที่ได้ดิบได้ดีคนหนึ่งเท่านั้นแหละ


    Maybe it's you, maybe it's you
    I've been waiting for you all of my life


    Maybe it's you, maybe it's you
    I've been waiting for all of my life

     

    แล้วเหล่านางกำนัลสาวสวยหลายนางซึ่งได้เดินผ่านมาต่างก็ปรบมือกันให้ท่านลอร์ดหนุ่มเสียยกใหญ่

     

    เอคเธลิออนก็ค้อมศีรษะลงให้กับทุกคนที่ได้มาฟังเพลง พร้อมกับส่งรอยยิ้มแสนงดงามให้ด้วย

     

    ก่อนที่จะกลับมาตรงม้านั่งหินอ่อนและให้องค์ชายน้อยมายืนร้องเพลงบ้าง

     

    องค์ชายน้อย ทรงร้องดูซิขอรับ ” มือเรียวใหญ่แสดงการเชิญชวนให้เจ้าชายน้อยแสดงออกต่อจากตนเอง

     

    แต่เออาเรนดิลกลับเม้มริมฝีปากแน่น พลางคิดว่า...ท่านลุงเอคธี่ร้องเพลงเพราะมากๆ...เราสู้เขาไม่ได้หรอก...ไม่มีทางจะเก่งได้...

     

    เออา ลุกขึ้นไปร้องเถอะลูก ” เจ้าชายผู้เป็นน้าของเขากล่าว

     

    ทูออร์ก็สนับสนุน “ เออา ลองไปยืนร้องให้อดาและกวานัวร์ - นานา ฟังนะครับ ”

     

    เจ้าชายองค์น้อยจึงลุกขึ้นยืนและกวาดมองไปจนเห็นสายตาที่ไม่ต่ำกว่าสิบคู่จ้องมองมาที่ตนเอง

     

    มือเล็กกำโน้ตเพลงไว้แน่น...ทำไม เราต้องขาสั่นด้วย...เหงื่อก็ออกเต็มหน้า...เออาตื่นเต้น...ตื่นเต้น...

     

    ~*~*~*~*~*~*~*~*~

     

    เอคเธลิออน : เพลงนี้เป็นเพลง “ It might be you ” ของคุณ Stephen Bishop

     

    ขอบคุณสำหรับการให้เครดิตมานั้นครับ * เล่นฟลุ๊ตต่ออย่างเพลิดเพลิน*

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×