ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ LOTR & SIL Fic ] Once upon a time in The Hidden Kingdom

    ลำดับตอนที่ #9 : Chapter 9 : การไม่ระลึก

    • อัปเดตล่าสุด 26 ต.ค. 57


    Chapter 9 : การไม่ระลึก

     

    ลอร์ดเอลรอนด์ได้ทราบจากสองสหายพรายและคนแคระแล้วว่า พวกเขาหายไปยังบันทึกแห่งเออาเรนดิล ผู้เป็นบิดาของตน จอมพรายจึงได้นั่งครุ่นคิดเป็นเวลาเช้าจรดจนถึงค่ำ เขาระลึกว่า

    ควรจะทำเช่นไรต่อไป เมื่อผู้วิเศษแห่งมิดเดิลเอิร์ธเลือกวิธีการเช่นนี้...โลกในยุคนั้น

    จะเปลี่ยนแปลงหรือไม่...จอมพรายลุกขึ้นจากเก้าอี้ใหญ่ของตน เมื่อมองเห็นตราลัญจกรประจำสกุลของตน..สกุลแห่งเออาเรนดิล และสกุลแห่งกิลกาลัด กษัตริย์พรายโนลดอร์องค์สุดท้าย

    ตราสกุลแห่งเออาเรนดิล เป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสคว่ำพิ้นหลังเป็นสีดำและวงกลมสีน้ำเงินอ่อน

    ดาราสีเงินภายในและภายนอกมีหกแฉก มือแกร่งที่จับทั้งอาวุธและปากกามาเป็นเวลาหลายพันปีของจอมพรายกุมผืนภูษาสีน้ำเงินของตราลัญจกรไว้จนยับเยิน

     

    พ่อสร้างแต่เรื่องให้ข้าต้องวุ่นวายใจ และข้าจะไม่มีวันพบหน้าท่าน ”

     

    ท่านเอลรอนด์ ” พรายผู้หนึ่งทัก “ ท่านอย่าได้เคืองใจเลย ”

     

    พรายผู้นี้คือ ลอร์ดกลอร์ฟินเดล พรายผู้เป็นแม่ทัพอีกผู้หนึ่งแห่งริเวนเดลล์และเป็นที่ปรึกษาของจอมพรายเอลรอนด์ ใบหน้างามสง่ายิ่ง เรือนผมสีทองหยักศกงามเป็นประกาย มือแกร่งถือแผ่นกระดาษม้วนหนึ่งไว้ จอมพรายแห่งอิมลาดริสจึงหันกลับไปยังผู้เป็นสหาย

     

    มิธรันเดียร์พาเหล่าเพรียธนัธไปยังนครลับแล บ้านเมืองของท่าน ”

     

    งั้นหรือ ” กลอร์ฟินเดลเอ่ย “ ให้พวกเขาไป จะตกใจหรือไม่เมื่อเห็นข้าอีกคนในเมืองนั้น

     

    อา...ข้ารู้สึกกังวล เอลรอนด์ พวกเขาจะไปถึงเวลาที่บ้านเมืองข้าพินาศหรือไม่ ”

     

    ข้ามิทราบ แต่ข้าต้องการเพียงให้โฟรโด แบ๊กกินส์กลับมาโดยสวัสดิภาพ

     

    ให้พวกเขากลับมาและทุกอย่างจะเข้าสู่ภาวะดังเดิม ข้าไม่ต้องการเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์

     

    ชาวพรายในสมัยของท่านไม่รู้จักพวกเพเรียนนัธ และถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ แม้แต่มอร์กอธ

     

    จะทำลายพวกเขา พวกเขาจะสิ้นชีพในการล่มสลายแห่งกอนโดลิน และตำนานทั้งหมด

     

    คงสูญสิ้น ”

     

    กลอร์ฟินเดลวางแผ่นกระดาษลง และกล่าวว่า “ มิธรันเดียร์รู้หลบเป็นปีก รู้หลีกเป็นหาง

     

    เขาไม่มีวันให้เป็นเช่นนั้น แต่ข้ากำลังสงสัยอยู่แล้ว พวกเขาจะกลับยังเวลานี้ได้กระไร ”

     

    นั่นคือสิ่งที่ข้ากลุ้มใจและหวาดหวั่นนัก ข้าทราบวิธีไปยังนครศิลาลับแล

     

    แต่หาทราบวิธีกลับออกมาไม่ องค์ราชากิลกาลัดบอกแต่ข้าเมื่อยังเยาว์ว่า บันทึกเล่มนี้

     

    คือ บันทึกที่บรรจุความทรงจำของเออาเรนดิล ซึ่งเขาได้รับพลังเวทมนตร์นี้มาจาก

     

    เทวีแห่งไพรทอง เป็นเวทมนตร์เก่าแก่ของเทพไมอาร์ที่ไม่มีความจำเป็นต้องใช้

     

    เพราะมันคือสิ่งที่ทำให้ผู้เข้าไปกลับไปหาบ้านเกิดเมืองนอนของเจ้าของบันทึกได้เท่านั้น

     

    แต่เราจะย้อนกลับไปหาอดีตที่คืนกลับมาได้อีกทำไม ”

     

    บางที เจ้าชายเออาเรนดิล ต้องการให้ท่านได้รู้จักซักครั้ง ”

     

    ในวัยเด็กของเขาน่ะหรือ ” เอลรอนด์กล่าวผ่านสายลม “ วัยเด็กที่แสนสุขสันต์ของเขา

     

    รังแต่จะทำให้ข้าน้อยใจไปเสียเปล่า เขาทิ้งข้า พี่เอลรอส และภรรยาของเขา

     

    พวกข้าต้องเกือบสิ้นชีพด้วยน้ำมือของท่านมายดรอสและมากลอร์ ยังน่ายินดีที่พวกเขารับเลี้ยงข้าและพี่ชายเป็นโอรสบุญธรรม ฝ่ายเอลวิง นางเลือกซิลมาริลและสามีของนาง

    ข้ายังจำสายตาสุดท้ายที่นางมองข้าได้...น้ำตาไหลอาบปรางสีนวลจางเพียงเม็ดเดียว

    จากนั้น นางก็หายไปจากสายตาข้า ”

     

    ครูตำนานแห่งมัชฌิมโลก ” กลอร์ฟินเดลกล่าว “ ท่านก็เข้าใจอยู่เต็มใจว่า บิดาของท่าน

     

    ยอมสละบุตรน้อยเพื่อให้บุตรผู้นั้นมีชีวิตอยู่ตราบจนทุกวันนี้ ”

     

    ในวัยเยาว์ ข้าจดจำอ้อมกอดของพ่อมิได้ จำได้แค่น้ำเสียงเรียกนามเท่านั้น ”

     

    บางที ท่านก็เหมือนองค์เหนือหัว พระเจ้าทัวร์กอนแห่งกอนโดลิน

     

    ท่านได้นิสัยความน้อยใจและนึกถึงความเจ็บปวดในใจนี้มาจากพระองค์แท้ๆ ”

     

    เมื่อนึกถึงบรรพชนผู้ปกครองนครลับแลแห่งนั้น เอลรอนด์ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดต่อไป

     

     

     

    ขณะที่เลโกลัสกำลังยืนนิ่งริมทางเดินกว้าง สายตาคมแห่งพรายของเขามองไปยังทิวทัศน์ของหุบเขาและแม่น้ำสีเงินที่ไหลรินอยู่เบื้องล่างคฤหาสน์โฮมลี่เฮ้าส์

     

    เลโกลัส เราจะรอพวกอารากอร์นจริงหรือไง สู้เราขอท่านเอลรอนด์

     

    ลงไปในบันทึกนั้นเองไม่ดีกว่าเหรอ ”

     

    พรายหนุ่มแตะไหล่ของคนแคระร่างเตี้ยล่ำ “ รอจะไปพร้อมกับอารากอร์นอีกไม่นาน เขาจะมา ”

     

    เจ้าไม่อยากย้อนอดีตไปกับข้าเหรอ เออ...ข้าหมายถึงว่า คนแคระเช่นข้าจะไปยังนครพราย

     

    ที่งดงามที่สุดในเวลานั้นได้มั้ย หรือเจ้าว่าเช่นไร ” กิมลีถาม

     

    พรายหนุ่มเอ่ยว่า

     

    ข้าไม่ค่อยรู้สึกอะไรกับนครของชาวโนลดอร์หรอกนะ แต่ข้าก็นับถือว่า บิดาของท่านเอลรอนด์

     

    เป็นวีรบุรุษผู้กล้าที่สามารถนำจอมมารมอร์กอธให้ออกไปจากมัชฌิมโลกได้ และนำทางให้

     

    พวกเราได้เดินทางในยามที่ไร้แสงดาวดวงใด ดาราแห่งเออาเรนดิลจะไม่มีวันหายไปจากสายตา”

     

    อือม ถ้าได้ไป ข้าจะได้แนะนำตัวว่า ข้าคือ กิมลี บุตรแห่งโกลอิน ข้าเป็นสหายพราย

     

    และข้าจะได้เป็นคนแคระคนแรกที่ได้ย้อนเวลาไปถึงหลายพันปี ”

     

    กิมลีหัวเราะ แต่เลโกลัสกลับยังนิ่งขรึม เขากับบิดาเป็นพรายซินดาร์เชื้อสายพรายป่า

    เป็นพรายที่ไม่ต้องชะตากับพรายโนลดอร์ที่เดินทางมายังดินแดนแห่งนี้ เพราะชาวโนลดอร์เลือกที่จะอาศัยในดินแดนแห่งทวยเทพที่เรียกว่า “ วาลินอร์ ” หากมิใช่เพราะเจ้าชายเฟอานอร์ผู้สร้าง

    มณีซิลมาริล และมณีทั้งสามดวงถูกขโมยด้วยฝีมือของจอมมารมอร์กอธ พวกพรายซินดาร์

    คงมีชีวิตที่สุขสงบ พวกเขาชิงชังพรายโนลดอร์นัก ถึงขนาดห้ามพูดภาษาเควนยาเลยทีเดียว

    ความจริงเลโกลัสก็สนใจภาษานี้มาตั้งแต่ได้มาเยือนริเวนเดลล์ในวัยเยาว์

    เขาจึงสามารถพูดและเขียนได้พอสมควรแม้จะขัดต่อคำบัญชาของพระบิดาของตนก็ตามที

     

    ถ้าเจ้าไปกอนโดลินพร้อมกับข้า เจ้าต้องพูดแนะนำตัวเป็นเพื่อนข้าด้วย ”

     

    พวกพรายโบราณอาจรังเกียจคนแคระเช่นเจ้า ”

     

    ข้าจะบอกว่า ข้าเป็นคนแคระที่เทวีกาลาเดรียลผู้งดงามแห่งลอริเอนโปรด

     

    พวกเขาไม่มีทางทำอะไร ถ้าทำจริง พรายก็พรายเถอะ ข้าจะสับให้เหมือนออร์ค ! ”

     

    กิมลียิ้มร่าในความคิดของตนเอง ขณะที่พรายหนุ่มก็ชายตามองไปยังถนนทางทิศใต้

     

    เขาเหมือนได้ยินเสียงอาชาที่ดังมาจากแต่ไกลราวร้อยลีก เขาจำได้ว่านั่นต้องเป็น

     

    อารากอร์นหรือกษัตริย์เอเลสซาร์แห่งกอนดอร์ ผู้กำลังมายังริเวนเดลล์

     

     

     

    แสงตะวันยามบ่ายจับจ้องใบหน้าและเรียวแขนของฮอบบิทหนุ่มผู้พลัดถิ่นมายัง

     

    นครลับแลแห่งนี้ โฟรโดรู้สึกสบายใจเล็กน้อยที่ได้รับการเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่ว่าพรายไม่มีเสื้อผ้า

     

    ที่หาให้เหมาะกับร่างกายของเขาได้ เขาจึงได้เสื้อทูนิคสีน้ำตาลอ่อนของเด็กชายผู้ช่วยเหลือเขาไว้

     

    เอาล่ะ...พ่อหนุ่มน้อย เจ้าดูดีขึ้น”

     

    นางพรายร่างท้วมผู้ที่เป็นแม่นมของเออาเรนดิลจัดแจงเสื้อผ้าให้เขาเสร็จ

     

    ขอบคุณท่านมาก ” โฟรโดคำนับ

     

    นางพรายเอ่ยว่า “ เจ้าเรียกข้าว่า เมเล็ธ ข้าเป็นแม่นมของพระองค์ชายน้อยของเรา”

     

    ข้าแปลกใจเสียจริง ทำไมเจ้าถึงได้มาอยู่ที่นี่ ดีเหลือเกินที่องค์เหนือหัวทรงพระเมตตายิ่งแล้ว

     

    แถมเจ้าได้มาอาศัยอยู่ที่นี่จริงจัง พิ้นที่กอนโดลินยังมีบ้านหลายหลังให้เจ้าอาศัยได้

     

    ท่านทูออร์จะเป็นผู้จัดหาให้ แถมเจ้ายังได้เป็นพระสหายขององค์ชายน้อยอีกด้วย

     

    แต่เจ้าตัวเล็กเกินไปที่ข้าจะคิดว่าเป็นผู้ใหญ่นะ ”

     

    ฮอบบิทหนุ่มไม่ทันจะได้เอ่ยอะไร เด็กชายผู้นั้นก็วิ่งปร่าเข้ามาโอบรอบเอวของนาง

     

    เมเล็ธ ข้าขอท่านแม่แล้วว่าจะพาโฟโดไปเที่ยวรอบเมือง ข้าดีใจนัก ”

     

    แม่นมยกร่างน้อยของเออาเรนดิลขึ้นมากอดไว้แนบอก “ ยินดียิ่งเพคะ ”

     

    โฟโด ” เด็กชายทัก “ เจ้าไปกับข้านะ ข้าจะพาเจ้าเที่ยวในวันพรุ่งนี้ พร้อมกับโนลปา ”

     

    โฟรโดเห็นเจ้าตุ่นสีดำเดินตามมา แววตากลมใหญ่ของมันยังฉายแววจับผิดเขาอยู่

     

    เจ้าเป็นพลเมืองของกอนโดลินแล้วนะ ต้องรู้ดีว่าวางตัวอย่างไร ”

     

    ฮอบบิทหนุ่มพยักหน้ารับ “ ข้าเข้าใจดี เจ้าตุ่น ”

     

    วันพรุ่งนี้ ข้ากับท่านพ่อจะพาเจ้าขี่ม้าไปทั่วเมือง เจ้าต้องชอบเมืองของเรามาก เพราะมันกว้าง

     

    ใหญ่และเป็นสีขาว จนเจ้านึกไม่ถึงเลยว่า มันจะกว้างได้ถึงเพียงนี้ ! ”

     

    เออาเรนดิลหัวเราะอีกครั้ง...เขาก็เป็นเด็กคนนึงที่ยังไม่เข้าใจความจริงของโลก....

     

    บ้านเมืองของท่าน...โอ้...เด็กน้อยเอ๋ย...

     

     

    หลังจากนั้น เออาเรนดิลก็พาเขาไปยังริมระเบียงที่สามารถมองเห็นบริเวณของวังทั้งหมด

     

    โฟรโดเห็นอุทยานที่อยู่เบื้องล่าง ลานน้ำพุจับแสงตะวันเป็นประกาย และลานกว้างขนาดใหญ่

     

    ที่ปูทางเป็นระเบียบ หนุ่มสาวหลายคนเดินไปมาอยู่บนลานนั้นและที่จับตาของโฟรโด

     

    มากที่สุด ต้นไม้ที่สูงใหญ่นัก สูงเกือบเท่าหอคอยของพระราชวังเป็นต้นสองต้น

     

    ใบไม้ของตนจับแสงแดดเป็นประกายระยิบระยับ โฟรโดเคยเห็นพฤกษาขาวที่ยืนต้นแห้งตาย

     

    ก็คิดว่ามันมีความงามมากอยู่แล้ว แต่เขาไม่เคยเห็นต้นไม้สีทองและเงินอะไรแบบนี้มาก่อน

     

    ท่านเออาเรนดิล ต้นไม้สองต้น คืออะไร ”

     

    เด็กชายกล่าวว่า “ ต้นสองต้นนั่นคือ ต้นไม้ประจำเมืองกอนโดลินของเรา

     

    ต้นสีทองงามระยับชื่อ กลิงกัล และต้นที่มีใบไม้สีเงินชื่อ เบรธิล เสด็จตาของข้าสร้างเพื่อ

     

    ระลึกถึงต้นทวิพฤกษาที่มีมาก่อนตะวันและจันทรา ท่านเล่าให้ข้าฟัง ”

     

    เหมือนข้าเคยได้ยิน ” โฟรโดเอ่ย

     

    ใบหน้านวลของเออาเรนดิลฉายแววสงสัย “ ตกลงเจ้ามาจากที่ไหนเหรอ บ้านเกิดของเจ้า ”

     

    บ้านเกิดของข้าอยู่ไกลจากที่นี่มากๆเลย ท่านเออาเรนดิล ” มือของฮอบบิทหนุ่มแตะบนริม

     

    ระเบียง “ ข้าเองก็ไม่รู้ว่า ข้ามาที่นี้ได้อย่างไร เพราะข้าอยากกลับบ้าน ”

     

    แต่กฎหมายของเสด็จตา ห้ามออกไปจากที่นี้ เพราะมีคนหนึ่งต้องถูกประหารที่หน้าผา

     

    เพราะขัดคำสั่งของท่าน แต่ว่าอีกคนหนึ่ง เขาได้อยู่ที่นี้และได้แต่งงาน ”

     

    โฟรโดยิ้มแป้น “ บิดาทูออร์ของท่าน ใช่หรือไม่ ”

     

    ใช่ ”

     

    แล้วอีกคนล่ะ ”

     

    เออาเรนดิลจึงกระซิบให้เขาว่า “ เจ้าต้องถามท่านหญิงขาว ”

     

    ท่านหญิงขาวหรือ ”

     

    โฟรโดรู้จักแต่ท่านหญิงขาวแห่งโรฮันหรือท่านหญิงเอโอวีนเท่านั้น กับเทวีแห่งไพรทอง

    แต่เขาจำได้ว่า นางผู้ที่อยู่เบื้องขวาของทัวร์กอนงามละมุนและอ่อนโยน อย่างน้อยก็น่าจะเข้าหาได้ง่ายกว่าพรายหนุ่มเจ้าของนัยน์ตาคมกริบผู้ลึกลับตนนั้น

     

    ท่านหญิงขาวเป็นเสด็จยายของข้า เพราะนางเป็นน้องนางผู้เดียวของเสด็จตา

     

    นางมีบุตรชายคนเดียวคือ ท่านน้าที่มีตาสีดำคนนั้นไง ”

     

    เมื่อนึกถึงนัยน์ตาเข้มที่มองเขาในห้องขังอย่างเย้ยหยัน โฟรโดก็เมินหน้าไปอีกมุมหนึ่ง

     

    ฝีเท้าหนึ่งก้าวเข้ามาพร้อมกับเสียงร้องของเจ้าตุ่น

     

    นายน้อย ” โนลปาเรียก

     

    และตามด้วยน้ำเสียงสดใสของเออาเรนดิล “ ท่านน้า ! ”

     

    โฟรโดก็เห็นเด็กชายวิ่งเข้าไปจับมือแกร่งของพรายหนุ่มผู้งามสง่าตนนั้น

     

    อาร์ดามีเร ! ”

     

    เขาเรียกอีกชื่อหนึ่งของเด็กชายที่โฟรโดไม่คุ้นนัก พรายหนุ่มยกตัวเด็กชายขึ้นมาจากพิ้น

     

    และเหวี่ยงเล่นอย่างสนิทสนม ฮอบบิทได้เห็นรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าแสนเคร่งขรึมนั้น

     

    ทำให้เขานึกถึงตอนที่ลุงบิลโบอุ้มเขาและแหย่เล่นอย่างสนุกสนาน....ลุงบิลโบ...

     

    เจ้าทำอะไรอยู่หลานข้า ”

     

    ข้าพาโฟโดมามาดูเมืองของเรา พรุ่งนี้ข้าจะพาเขาไปรอบเมือง ท่านน้าไปกับพวกเรานะ”

     

    น้าไปไม่ได้หรอก น้าต้องทำงาน ”

     

    แต่ท่านก็ต้องผ่านถนนสายเดียวกับเราอยู่แล้ว พรุ่งนี้ ท่านไปกับข้าและท่านพ่อ

     

    แล้วท่านค่อยไปเหมืองทิศเหนือก็ได้นี่นา ”

     

    เอาเถอะ ” พรายหนุ่มกล่าว “ น้าจะไปกับเจ้าเพียงครู่เดียวเท่านั้น ”

     

    แต่ว่า ข้าอยากให้ท่านเล่นกับข้าและโนลปานานๆ ”

     

    เด็กเอาแต่ใจ ” พรายหนุ่มวางหลานชายลงบนพิ้น “ เจ้าต้องรู้ว่า เจ้าทำอะไร

     

    เมื่อเช้านี้ เสด็จลุงก็กริ้ว เจ้าวางตัวได้แย่นัก ”

     

    เสด็จตาจะทำลายของโฟโดนี่นา แถมท่านเองยังยึดมาจากเขาอีก ”

     

    รอยยิ้มบนใบหน้าคมคายนั้นก็หุบลง “ น้าทำในสิ่งที่เป็นความปลอดภัยของเจ้า ”

     

    เออาเรนดิลจึงพยักหน้าขึ้นลงในทำนองสำนึกผิดกับน้าชายของตน

     

    ข้ารู้ว่า ท่านเป็นห่วงเสมอ ข้าอดทนรับฟัง ”

     

    ดี ” พรายหนุ่มกล่าว “ เจ้าชายพรายที่ดีย่อมรู้ว่า ความอดทน เป็นสิ่งสำคัญ ”

     

    แล้วสายตาสีเข้มก็มองมายังฮอบบิทหนุ่มอีกครั้ง และสายตาคู่นั้นก็เหมือนกับของเจ้าตุ่น

     

    โนลปานั้น ทำให้โฟรโดรู้สึกว่า การอยู่ในนครลับแลแห่งนี้ เหมือนจะมีอุปสรรคเกิดขึ้นในไม่ช้า...

     

    /////////

     

    เริ่มตื่นเต้นแทนแล้วล่ะ โฟรโดเอ๋ย...

     

    ขอให้พวกลุงแกนดัลฟ์มาหาเจ้าโดยเร็วเถอะ...แต่เจ้าต้องได้ชมเมืองแห่งนี้ก่อน.....

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×