คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : Chapter 9 : การไม่ระลึก
Chapter 9 : การไม่ระลึก
ลอร์ดเอลรอนด์ได้ทราบจากสองสหายพรายและคนแคระแล้วว่า พวกเขาหายไปยังบันทึกแห่งเออาเรนดิล ผู้เป็นบิดาของตน จอมพรายจึงได้นั่งครุ่นคิดเป็นเวลาเช้าจรดจนถึงค่ำ เขาระลึกว่า
ควรจะทำเช่นไรต่อไป เมื่อผู้วิเศษแห่งมิดเดิลเอิร์ธเลือกวิธีการเช่นนี้...โลกในยุคนั้น
จะเปลี่ยนแปลงหรือไม่...จอมพรายลุกขึ้นจากเก้าอี้ใหญ่ของตน เมื่อมองเห็นตราลัญจกรประจำสกุลของตน..สกุลแห่งเออาเรนดิล และสกุลแห่งกิลกาลัด กษัตริย์พรายโนลดอร์องค์สุดท้าย
ตราสกุลแห่งเออาเรนดิล เป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสคว่ำพิ้นหลังเป็นสีดำและวงกลมสีน้ำเงินอ่อน
ดาราสีเงินภายในและภายนอกมีหกแฉก มือแกร่งที่จับทั้งอาวุธและปากกามาเป็นเวลาหลายพันปีของจอมพรายกุมผืนภูษาสีน้ำเงินของตราลัญจกรไว้จนยับเยิน
“ พ่อสร้างแต่เรื่องให้ข้าต้องวุ่นวายใจ และข้าจะไม่มีวันพบหน้าท่าน ”
“ ท่านเอลรอนด์ ” พรายผู้หนึ่งทัก “ ท่านอย่าได้เคืองใจเลย ”
พรายผู้นี้คือ ลอร์ดกลอร์ฟินเดล พรายผู้เป็นแม่ทัพอีกผู้หนึ่งแห่งริเวนเดลล์และเป็นที่ปรึกษาของจอมพรายเอลรอนด์ ใบหน้างามสง่ายิ่ง เรือนผมสีทองหยักศกงามเป็นประกาย มือแกร่งถือแผ่นกระดาษม้วนหนึ่งไว้ จอมพรายแห่งอิมลาดริสจึงหันกลับไปยังผู้เป็นสหาย
“ มิธรันเดียร์พาเหล่าเพรียธนัธไปยังนครลับแล บ้านเมืองของท่าน ”
“ งั้นหรือ ” กลอร์ฟินเดลเอ่ย “ ให้พวกเขาไป จะตกใจหรือไม่เมื่อเห็นข้าอีกคนในเมืองนั้น
อา...ข้ารู้สึกกังวล เอลรอนด์ พวกเขาจะไปถึงเวลาที่บ้านเมืองข้าพินาศหรือไม่ ”
“ ข้ามิทราบ แต่ข้าต้องการเพียงให้โฟรโด แบ๊กกินส์กลับมาโดยสวัสดิภาพ
ให้พวกเขากลับมาและทุกอย่างจะเข้าสู่ภาวะดังเดิม ข้าไม่ต้องการเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์
ชาวพรายในสมัยของท่านไม่รู้จักพวกเพเรียนนัธ และถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ แม้แต่มอร์กอธ
จะทำลายพวกเขา พวกเขาจะสิ้นชีพในการล่มสลายแห่งกอนโดลิน และตำนานทั้งหมด
คงสูญสิ้น ”
กลอร์ฟินเดลวางแผ่นกระดาษลง และกล่าวว่า “ มิธรันเดียร์รู้หลบเป็นปีก รู้หลีกเป็นหาง
เขาไม่มีวันให้เป็นเช่นนั้น แต่ข้ากำลังสงสัยอยู่แล้ว พวกเขาจะกลับยังเวลานี้ได้กระไร ”
“ นั่นคือสิ่งที่ข้ากลุ้มใจและหวาดหวั่นนัก ข้าทราบวิธีไปยังนครศิลาลับแล
แต่หาทราบวิธีกลับออกมาไม่ องค์ราชากิลกาลัดบอกแต่ข้าเมื่อยังเยาว์ว่า บันทึกเล่มนี้
คือ บันทึกที่บรรจุความทรงจำของเออาเรนดิล ซึ่งเขาได้รับพลังเวทมนตร์นี้มาจาก
เทวีแห่งไพรทอง เป็นเวทมนตร์เก่าแก่ของเทพไมอาร์ที่ไม่มีความจำเป็นต้องใช้
เพราะมันคือสิ่งที่ทำให้ผู้เข้าไปกลับไปหาบ้านเกิดเมืองนอนของเจ้าของบันทึกได้เท่านั้น
แต่เราจะย้อนกลับไปหาอดีตที่คืนกลับมาได้อีกทำไม ”
“ บางที เจ้าชายเออาเรนดิล ต้องการให้ท่านได้รู้จักซักครั้ง ”
“ ในวัยเด็กของเขาน่ะหรือ ” เอลรอนด์กล่าวผ่านสายลม “ วัยเด็กที่แสนสุขสันต์ของเขา
รังแต่จะทำให้ข้าน้อยใจไปเสียเปล่า เขาทิ้งข้า พี่เอลรอส และภรรยาของเขา
พวกข้าต้องเกือบสิ้นชีพด้วยน้ำมือของท่านมายดรอสและมากลอร์ ยังน่ายินดีที่พวกเขารับเลี้ยงข้าและพี่ชายเป็นโอรสบุญธรรม ฝ่ายเอลวิง นางเลือกซิลมาริลและสามีของนาง
ข้ายังจำสายตาสุดท้ายที่นางมองข้าได้...น้ำตาไหลอาบปรางสีนวลจางเพียงเม็ดเดียว
จากนั้น นางก็หายไปจากสายตาข้า ”
“ ครูตำนานแห่งมัชฌิมโลก ” กลอร์ฟินเดลกล่าว “ ท่านก็เข้าใจอยู่เต็มใจว่า บิดาของท่าน
ยอมสละบุตรน้อยเพื่อให้บุตรผู้นั้นมีชีวิตอยู่ตราบจนทุกวันนี้ ”
“ ในวัยเยาว์ ข้าจดจำอ้อมกอดของพ่อมิได้ จำได้แค่น้ำเสียงเรียกนามเท่านั้น ”
“ บางที ท่านก็เหมือนองค์เหนือหัว พระเจ้าทัวร์กอนแห่งกอนโดลิน
ท่านได้นิสัยความน้อยใจและนึกถึงความเจ็บปวดในใจนี้มาจากพระองค์แท้ๆ ”
เมื่อนึกถึงบรรพชนผู้ปกครองนครลับแลแห่งนั้น เอลรอนด์ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดต่อไป
ขณะที่เลโกลัสกำลังยืนนิ่งริมทางเดินกว้าง สายตาคมแห่งพรายของเขามองไปยังทิวทัศน์ของหุบเขาและแม่น้ำสีเงินที่ไหลรินอยู่เบื้องล่างคฤหาสน์โฮมลี่เฮ้าส์
“ เลโกลัส เราจะรอพวกอารากอร์นจริงหรือไง สู้เราขอท่านเอลรอนด์
ลงไปในบันทึกนั้นเองไม่ดีกว่าเหรอ ”
พรายหนุ่มแตะไหล่ของคนแคระร่างเตี้ยล่ำ “ รอจะไปพร้อมกับอารากอร์นอีกไม่นาน เขาจะมา ”
“ เจ้าไม่อยากย้อนอดีตไปกับข้าเหรอ เออ...ข้าหมายถึงว่า คนแคระเช่นข้าจะไปยังนครพราย
ที่งดงามที่สุดในเวลานั้นได้มั้ย หรือเจ้าว่าเช่นไร ” กิมลีถาม
พรายหนุ่มเอ่ยว่า
“ ข้าไม่ค่อยรู้สึกอะไรกับนครของชาวโนลดอร์หรอกนะ แต่ข้าก็นับถือว่า บิดาของท่านเอลรอนด์
เป็นวีรบุรุษผู้กล้าที่สามารถนำจอมมารมอร์กอธให้ออกไปจากมัชฌิมโลกได้ และนำทางให้
พวกเราได้เดินทางในยามที่ไร้แสงดาวดวงใด ดาราแห่งเออาเรนดิลจะไม่มีวันหายไปจากสายตา”
“ อือม ถ้าได้ไป ข้าจะได้แนะนำตัวว่า ข้าคือ กิมลี บุตรแห่งโกลอิน ข้าเป็นสหายพราย
และข้าจะได้เป็นคนแคระคนแรกที่ได้ย้อนเวลาไปถึงหลายพันปี ”
กิมลีหัวเราะ แต่เลโกลัสกลับยังนิ่งขรึม เขากับบิดาเป็นพรายซินดาร์เชื้อสายพรายป่า
เป็นพรายที่ไม่ต้องชะตากับพรายโนลดอร์ที่เดินทางมายังดินแดนแห่งนี้ เพราะชาวโนลดอร์เลือกที่จะอาศัยในดินแดนแห่งทวยเทพที่เรียกว่า “ วาลินอร์ ” หากมิใช่เพราะเจ้าชายเฟอานอร์ผู้สร้าง
มณีซิลมาริล และมณีทั้งสามดวงถูกขโมยด้วยฝีมือของจอมมารมอร์กอธ พวกพรายซินดาร์
คงมีชีวิตที่สุขสงบ พวกเขาชิงชังพรายโนลดอร์นัก ถึงขนาดห้ามพูดภาษาเควนยาเลยทีเดียว
ความจริงเลโกลัสก็สนใจภาษานี้มาตั้งแต่ได้มาเยือนริเวนเดลล์ในวัยเยาว์
เขาจึงสามารถพูดและเขียนได้พอสมควรแม้จะขัดต่อคำบัญชาของพระบิดาของตนก็ตามที
“ ถ้าเจ้าไปกอนโดลินพร้อมกับข้า เจ้าต้องพูดแนะนำตัวเป็นเพื่อนข้าด้วย ”
“ พวกพรายโบราณอาจรังเกียจคนแคระเช่นเจ้า ”
“ ข้าจะบอกว่า ข้าเป็นคนแคระที่เทวีกาลาเดรียลผู้งดงามแห่งลอริเอนโปรด
พวกเขาไม่มีทางทำอะไร ถ้าทำจริง พรายก็พรายเถอะ ข้าจะสับให้เหมือนออร์ค ! ”
กิมลียิ้มร่าในความคิดของตนเอง ขณะที่พรายหนุ่มก็ชายตามองไปยังถนนทางทิศใต้
เขาเหมือนได้ยินเสียงอาชาที่ดังมาจากแต่ไกลราวร้อยลีก เขาจำได้ว่านั่นต้องเป็น
อารากอร์นหรือกษัตริย์เอเลสซาร์แห่งกอนดอร์ ผู้กำลังมายังริเวนเดลล์
แสงตะวันยามบ่ายจับจ้องใบหน้าและเรียวแขนของฮอบบิทหนุ่มผู้พลัดถิ่นมายัง
นครลับแลแห่งนี้ โฟรโดรู้สึกสบายใจเล็กน้อยที่ได้รับการเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่ว่าพรายไม่มีเสื้อผ้า
ที่หาให้เหมาะกับร่างกายของเขาได้ เขาจึงได้เสื้อทูนิคสีน้ำตาลอ่อนของเด็กชายผู้ช่วยเหลือเขาไว้
“ เอาล่ะ...พ่อหนุ่มน้อย เจ้าดูดีขึ้น”
นางพรายร่างท้วมผู้ที่เป็นแม่นมของเออาเรนดิลจัดแจงเสื้อผ้าให้เขาเสร็จ
“ ขอบคุณท่านมาก ” โฟรโดคำนับ
นางพรายเอ่ยว่า “ เจ้าเรียกข้าว่า เมเล็ธ ข้าเป็นแม่นมของพระองค์ชายน้อยของเรา”
“ ข้าแปลกใจเสียจริง ทำไมเจ้าถึงได้มาอยู่ที่นี่ ดีเหลือเกินที่องค์เหนือหัวทรงพระเมตตายิ่งแล้ว
แถมเจ้าได้มาอาศัยอยู่ที่นี่จริงจัง พิ้นที่กอนโดลินยังมีบ้านหลายหลังให้เจ้าอาศัยได้
ท่านทูออร์จะเป็นผู้จัดหาให้ แถมเจ้ายังได้เป็นพระสหายขององค์ชายน้อยอีกด้วย
แต่เจ้าตัวเล็กเกินไปที่ข้าจะคิดว่าเป็นผู้ใหญ่นะ ”
ฮอบบิทหนุ่มไม่ทันจะได้เอ่ยอะไร เด็กชายผู้นั้นก็วิ่งปร่าเข้ามาโอบรอบเอวของนาง
“ เมเล็ธ ข้าขอท่านแม่แล้วว่าจะพาโฟโดไปเที่ยวรอบเมือง ข้าดีใจนัก ”
แม่นมยกร่างน้อยของเออาเรนดิลขึ้นมากอดไว้แนบอก “ ยินดียิ่งเพคะ ”
“ โฟโด ” เด็กชายทัก “ เจ้าไปกับข้านะ ข้าจะพาเจ้าเที่ยวในวันพรุ่งนี้ พร้อมกับโนลปา ”
โฟรโดเห็นเจ้าตุ่นสีดำเดินตามมา แววตากลมใหญ่ของมันยังฉายแววจับผิดเขาอยู่
“ เจ้าเป็นพลเมืองของกอนโดลินแล้วนะ ต้องรู้ดีว่าวางตัวอย่างไร ”
ฮอบบิทหนุ่มพยักหน้ารับ “ ข้าเข้าใจดี เจ้าตุ่น ”
“ วันพรุ่งนี้ ข้ากับท่านพ่อจะพาเจ้าขี่ม้าไปทั่วเมือง เจ้าต้องชอบเมืองของเรามาก เพราะมันกว้าง
ใหญ่และเป็นสีขาว จนเจ้านึกไม่ถึงเลยว่า มันจะกว้างได้ถึงเพียงนี้ ! ”
เออาเรนดิลหัวเราะอีกครั้ง...เขาก็เป็นเด็กคนนึงที่ยังไม่เข้าใจความจริงของโลก....
บ้านเมืองของท่าน...โอ้...เด็กน้อยเอ๋ย...
หลังจากนั้น เออาเรนดิลก็พาเขาไปยังริมระเบียงที่สามารถมองเห็นบริเวณของวังทั้งหมด
โฟรโดเห็นอุทยานที่อยู่เบื้องล่าง ลานน้ำพุจับแสงตะวันเป็นประกาย และลานกว้างขนาดใหญ่
ที่ปูทางเป็นระเบียบ หนุ่มสาวหลายคนเดินไปมาอยู่บนลานนั้นและที่จับตาของโฟรโด
มากที่สุด ต้นไม้ที่สูงใหญ่นัก สูงเกือบเท่าหอคอยของพระราชวังเป็นต้นสองต้น
ใบไม้ของตนจับแสงแดดเป็นประกายระยิบระยับ โฟรโดเคยเห็นพฤกษาขาวที่ยืนต้นแห้งตาย
ก็คิดว่ามันมีความงามมากอยู่แล้ว แต่เขาไม่เคยเห็นต้นไม้สีทองและเงินอะไรแบบนี้มาก่อน
“ ท่านเออาเรนดิล ต้นไม้สองต้น คืออะไร ”
เด็กชายกล่าวว่า “ ต้นสองต้นนั่นคือ ต้นไม้ประจำเมืองกอนโดลินของเรา
ต้นสีทองงามระยับชื่อ กลิงกัล และต้นที่มีใบไม้สีเงินชื่อ เบรธิล เสด็จตาของข้าสร้างเพื่อ
ระลึกถึงต้นทวิพฤกษาที่มีมาก่อนตะวันและจันทรา ท่านเล่าให้ข้าฟัง ”
“ เหมือนข้าเคยได้ยิน ” โฟรโดเอ่ย
ใบหน้านวลของเออาเรนดิลฉายแววสงสัย “ ตกลงเจ้ามาจากที่ไหนเหรอ บ้านเกิดของเจ้า ”
“ บ้านเกิดของข้าอยู่ไกลจากที่นี่มากๆเลย ท่านเออาเรนดิล ” มือของฮอบบิทหนุ่มแตะบนริม
ระเบียง “ ข้าเองก็ไม่รู้ว่า ข้ามาที่นี้ได้อย่างไร เพราะข้าอยากกลับบ้าน ”
“ แต่กฎหมายของเสด็จตา ห้ามออกไปจากที่นี้ เพราะมีคนหนึ่งต้องถูกประหารที่หน้าผา
เพราะขัดคำสั่งของท่าน แต่ว่าอีกคนหนึ่ง เขาได้อยู่ที่นี้และได้แต่งงาน ”
โฟรโดยิ้มแป้น “ บิดาทูออร์ของท่าน ใช่หรือไม่ ”
“ ใช่ ”
“ แล้วอีกคนล่ะ ”
เออาเรนดิลจึงกระซิบให้เขาว่า “ เจ้าต้องถามท่านหญิงขาว ”
“ ท่านหญิงขาวหรือ ”
โฟรโดรู้จักแต่ท่านหญิงขาวแห่งโรฮันหรือท่านหญิงเอโอวีนเท่านั้น กับเทวีแห่งไพรทอง
แต่เขาจำได้ว่า นางผู้ที่อยู่เบื้องขวาของทัวร์กอนงามละมุนและอ่อนโยน อย่างน้อยก็น่าจะเข้าหาได้ง่ายกว่าพรายหนุ่มเจ้าของนัยน์ตาคมกริบผู้ลึกลับตนนั้น
“ ท่านหญิงขาวเป็นเสด็จยายของข้า เพราะนางเป็นน้องนางผู้เดียวของเสด็จตา
นางมีบุตรชายคนเดียวคือ ท่านน้าที่มีตาสีดำคนนั้นไง ”
เมื่อนึกถึงนัยน์ตาเข้มที่มองเขาในห้องขังอย่างเย้ยหยัน โฟรโดก็เมินหน้าไปอีกมุมหนึ่ง
ฝีเท้าหนึ่งก้าวเข้ามาพร้อมกับเสียงร้องของเจ้าตุ่น
“ นายน้อย ” โนลปาเรียก
และตามด้วยน้ำเสียงสดใสของเออาเรนดิล “ ท่านน้า ! ”
โฟรโดก็เห็นเด็กชายวิ่งเข้าไปจับมือแกร่งของพรายหนุ่มผู้งามสง่าตนนั้น
“ อาร์ดามีเร ! ”
เขาเรียกอีกชื่อหนึ่งของเด็กชายที่โฟรโดไม่คุ้นนัก พรายหนุ่มยกตัวเด็กชายขึ้นมาจากพิ้น
และเหวี่ยงเล่นอย่างสนิทสนม ฮอบบิทได้เห็นรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าแสนเคร่งขรึมนั้น
ทำให้เขานึกถึงตอนที่ลุงบิลโบอุ้มเขาและแหย่เล่นอย่างสนุกสนาน....ลุงบิลโบ...
“ เจ้าทำอะไรอยู่หลานข้า ”
“ ข้าพาโฟโดมามาดูเมืองของเรา พรุ่งนี้ข้าจะพาเขาไปรอบเมือง ท่านน้าไปกับพวกเรานะ”
“ น้าไปไม่ได้หรอก น้าต้องทำงาน ”
“ แต่ท่านก็ต้องผ่านถนนสายเดียวกับเราอยู่แล้ว พรุ่งนี้ ท่านไปกับข้าและท่านพ่อ
แล้วท่านค่อยไปเหมืองทิศเหนือก็ได้นี่นา ”
“ เอาเถอะ ” พรายหนุ่มกล่าว “ น้าจะไปกับเจ้าเพียงครู่เดียวเท่านั้น ”
“ แต่ว่า ข้าอยากให้ท่านเล่นกับข้าและโนลปานานๆ ”
“ เด็กเอาแต่ใจ ” พรายหนุ่มวางหลานชายลงบนพิ้น “ เจ้าต้องรู้ว่า เจ้าทำอะไร
เมื่อเช้านี้ เสด็จลุงก็กริ้ว เจ้าวางตัวได้แย่นัก ”
“ เสด็จตาจะทำลายของโฟโดนี่นา แถมท่านเองยังยึดมาจากเขาอีก ”
รอยยิ้มบนใบหน้าคมคายนั้นก็หุบลง “ น้าทำในสิ่งที่เป็นความปลอดภัยของเจ้า ”
เออาเรนดิลจึงพยักหน้าขึ้นลงในทำนองสำนึกผิดกับน้าชายของตน
“ ข้ารู้ว่า ท่านเป็นห่วงเสมอ ข้าอดทนรับฟัง ”
“ ดี ” พรายหนุ่มกล่าว “ เจ้าชายพรายที่ดีย่อมรู้ว่า ความอดทน เป็นสิ่งสำคัญ ”
แล้วสายตาสีเข้มก็มองมายังฮอบบิทหนุ่มอีกครั้ง และสายตาคู่นั้นก็เหมือนกับของเจ้าตุ่น
โนลปานั้น ทำให้โฟรโดรู้สึกว่า การอยู่ในนครลับแลแห่งนี้ เหมือนจะมีอุปสรรคเกิดขึ้นในไม่ช้า...
/////////
เริ่มตื่นเต้นแทนแล้วล่ะ โฟรโดเอ๋ย...
ขอให้พวกลุงแกนดัลฟ์มาหาเจ้าโดยเร็วเถอะ...แต่เจ้าต้องได้ชมเมืองแห่งนี้ก่อน.....
ความคิดเห็น