คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : บทที่ 5 : พบพานครั้งแรก
ณ เหมืองอังฮาบาร์อันเป็นเหมืองใหญ่ที่อยู่ห่างจากนครลับแลไปทางเหนือของหุบผาราวยี่สิบห้าไมล์
เหล่าพรายที่ต่างเป็นช่างตีเหล็กหรือพรายหนุ่มผู้ฝึกงานจำนวนมากต่างขุดเจาะผนังของเหมืองใหญ่
เพื่อหาสินแร่ใหม่ในการหลอมอาวุธยุทโธปกรณ์เพิ่มเติมให้แก่เหล่าทหารของกอนโดลิน
ขณะที่ร่างสูงเพรียวร่างหนึ่งในชุดสีดำสนิทกำลังถือแบบแปลนในการออกแบบเพื่อขุดในเหมืองให้มากขึ้น
คางเรียวได้รูปวางอยู่บนมือแกร่ง เพราะเขากำลังใช้สมาธิในการทำงานไม่ให้มีข้อผิดพลาดใดๆ ทั้งสิ้น
“ พระอุปราช ! พระอุปราช ! ทรงได้รับบัญชาให้เสด็จกลับเข้าเมือง ! ”
ผู้ถูกเรียกขานก็ได้สังเกตว่ามีนายช่างและเด็กฝึกงานของสกุลประจำการราวยี่สิบนายได้มองมาที่เขา
พร้อมกับโค้งศีรษะลงเพื่อรับคำสั่ง พรายหนุ่มจึงได้ปลดผ้าคาดหัวชื้นเหงื่อ
ซึ่งกันเรือนผมสีดำขลับให้ออกจากสายตา...สายตาสีนิลคมกล้าใช้ในที่มืดอย่างเหมืองอังฮาบาร์แห่งนี้ได้ดี...
เมื่อพรายผู้แจ้งในชุดสีน้ำเงินเข้มได้คุกเข่าลงข้างหนึ่ง เขาจึงหันมาถามเสียงขรึม
“ มีอะไรเหรอ ? มหาดเล็กแห่งทัวร์กอน เจ้าถึงได้มาแจ้งให้ข้ากลับงานวันนี้ของข้าเพิ่งเริ่มนะ ”
“ พระองค์ ” พรายผู้นั้นเอ่ยเสียงหนัก “ ได้มีบุรุษแปลกหน้าเดินทางผ่านประตูทั้งเจ็ดของเมืองเรา เขามาพร้อมกับ
โวรอนเว บุตรท่านกรมวังหนึ่งในชาวกอนโดลินดริมที่ได้รับหน้าที่ให้ล่องเรือไปยังแดนตะวันตก และพวกเขานั้น
ได้รับบัญชามาจากเทพวาลาร์อุลโมด้วยตัวเองเลยกระหม่อม ”
...เขาคนนั้น...มาแล้วเหรอ...หรือว่าคำทำนายที่พระองค์ได้เคยบอกข้า....
อุปราชหนุ่มก็เม้มริมฝีปากของตนจนเป็นเส้นตรง ขณะที่คนอื่นๆ ต่างพากันเริ่มทำเสียงซุบซิบให้กัน
“ นอกจากนี้ พระมารดาก็ต้องการให้พระองค์เสด็จกลับเพื่อต้อนรับผู้มาเยือนพระเจ้าข้า ”
พรายหนุ่มร่างสูงจึงพยักหน้าลงเล็กน้อย เขาจึงหันหลังกลับไปแล้ว กล่าววาทะเสียงดังก้อง
“ พวกเจ้าก็ตั้งใจทำงานกันไปเถอะ ข้าคงต้องรีบกลับ ข้าไม่ต้องการให้เสียงานเพราะเรื่องที่คุยกัน ! ”
เหล่านายช่างก็ขานรับ “ พะย่ะค่ะ ! ” แล้วแยกย้ายออกทำหน้าที่ของตน แล้วพวกเขาก็ได้เห็น
พระอุปราชหนุ่มแห่งกอนโดลินได้เยื้องบาทออกจากเหมืองแร่ไปสู่แสงสว่างของดวงตะวันในฤดูหนาว
~!!~!!~!!~!!~!!~!!~
แม้ว่าชายหนุ่มได้ผ่านบ้านเรือนสีขาวอันงดงามและเห็นต้นไม้ แม้ในยามหนาวก็ยังคงแผ่กิ่งก้านงามงด
พร้อมกับได้เห็นประชาชนซึ่งล้วนแต่มีใบหน้าที่งดงามและอ่อนเยาว์ทั้งบุรุษและสตรี
แต่เขารู้สึกสบายใจเมื่อได้เห็นเหล่าเอลฟ์ตัวน้อยที่กำลังโบกมือให้เขากันตั้งหลายคน
พอมารู้สึกตัวอีกที ทูออร์ก็ได้มายืนอยู่ตรงหน้าจตุรัสแห่งทวิพฤกษาอันสูงลิ่ว
สีทองและเงินอันเปล่งแสงได้ด้วยตนเอง...หาใช่แสงอาทิตย์ในเวลานี้ไม่ !...
ฝ่ายลอร์ดเอคเธลิออนก็ได้ชี้ให้เขาเห็นต้นไม้ใหญ่แสนตระการตาสองต้น
“ สีทองคือกลิงกัล เละสีเงินคือเบลธิล อันเป็นทวิพฤกษาจำลองซึ่งองค์ทัวร์กอนทรงออกแบบด้วยพระองค์เอง”
ทูออร์กล่าวว่า “ สง่างามและทำให้ข้าเหมือนอยู่ในกาลเวลาแห่งอดีตอันผ่านมานานแล้วซินะ ”
แต่แล้วชายหนุ่มก็ต้องก้าวเดินไปพร้อมกับเอคเธลิออนและโวรอนเว ซึ่งได้เดินไปก่อนแล้ว
ทูออร์จึงได้นำผ้าคลุมขององค์เทวามาคลุมไว้รอบกายอีกครั้งหนึ่ง
น่าประหลาดเขากำลังพิศวงในความงามของอาณาจักรลับแลแห่งนี้...อุลโมจะทรงให้ข้าบาทต้องทำเช่นนี้หรือ?...
...อย่าได้เกรงกลัวไปเลย บุตรแห่งชาวเอไดน์ ทำตามที่ข้าสั่งเถิด...แล้วเจ้าจะได้สิ่งที่เจ้าปรารถนา...
~!!~!!~!!~!!~!!~
“ เกือบมาไม่ทันแล้วซินะ ตาหนู ” องค์ราชาซึ่งประทับนั่งบนบัลลังก์ใหญ่ ทรงว่าด้วยอารมณ์ขัน
เมื่อเห็นพรายหนุ่มในชุดสีดำกำลังจัดแจงชุดเครื่องแบบของตนให้เข้าที เพื่อไม่ให้ยับเยินเวลาออกราชการ
ตอนนี้ร่างสูงเพรียวยังคงอยู่ในชุดทูนิคสีดำ ผ้าคลุมไหล่สีเดียวกันประดับไว้ด้วยอะเมทิสต์สีอ่อน
“ โชคดีที่มอริิออนมีฝีเท้าเร็วเป็นเลิศ ข้าจะไม่มีวันมาสายหรอก เสด็จลุง ” เขากล่าว
สตรีพรายในชุดขาวก็ได้มาโอบเรียวแขนของเขาไว้ พลางลูบเรือนผมสีดำด้วยอาการหยอกเล่น
“ ลูกรัก เราคงต้องได้พบเรื่องใหญ่แน่แล้วคราวนี้ ” นางกล่าว
...เรื่องใหญ่นั้นคือสิ่งใดหรือ...นานา...หรือว่า ??...ข้าคงต้องเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย
ขณะที่พรายสาวร่างสูงระหงในชุดสีม่วงปนฟ้าอ่อน เรือนผมสีทองของนางสะท้อนเป็นมันเงา
ก็ได้มานั่งข้างองค์กษัตริย์ผู้เป็นบิดา ก่อนที่จะมอบรอยยิ้มสรวลบนริมฝีปากงาม
“ เสด็จพ่อ ! ข้าก็รู้ดีว่า คำทำนายต้องเป็นจริง องค์เทพไม่เคยทรงตระบัดสัตย์ ”
พรายหนุ่มได้มายืนข้างปฤษภางค์แห่งองค์กษัตริย์และพระมารดาของตน ดวงตาสีนิลคู่นั้นยังคงมอง
ที่ดวงหน้างดงามของผู้เป็นพี่นางอย่างไม่รู้เบื่อ แต่ว่า...เขากลับรู้สึกว่ามีลางร้ายบางอย่างจะเกิดขึ้น
เหล่าขุนนางและข้าราชบริพารที่อยู่เบื้องล่างของบัลลังก์สูงต่างมีสีหน้าสงสัย เป็นกังวลกว่าทุกวันที่เคยเป็น
ประตูของท้องพระโรงก็ได้เปิดออก พร้อมกับบุรุษสามคน ด้านซ้ายคือโวรอนเว และอีกด้านคือลอร์ดเอคเธลิออน
บุรุษที่ยืนตรงกลางนั้น มีร่างกายที่สูงใหญ่ ผ้าคลุมสีเทาเปรอะเปื้อนจากการเดินทางมาแรมเดือน
ในที่สุดเขาก็ได้หยุดนิ่ง และโค้งลงต่อเบื้องพระพักตร์ขององค์กษัตริย์พรายผู้ยืนยง
“ เอาล่ะ ผู้เดินทาง ข้าไม่ต้องการให้เสียเวลามากหรอก ข้าขอต้อนรับเจ้าสู่กอนโดลิน
หรือออนโดลินเด บทเพลงแห่งศิลาคีตนครหรือนครสัตตนามแห่งแผ่นดินเบเลริอันด์
เจ้ามีประสงค์ใดจะบอกข้ามาเถิด ข้าคือทัวร์กอน ราชันย์แห่งนครนี้พร้อมรับฟังวาทะของเจ้าแล้ว ”
นัยน์ตาสีนิลของพรายหนุ่มผู้ยืนเบื้องหลังจึงได้เห็นร่างสูงปลดผ้าคลุมผืนใหญ่ออกจากร่างของตน
เผยให้เห็นเรือนผมสีทองหยิกเป็นลอนซึ่งมีหมวกเกราะขนาบด้วยปีกหงส์ทั้งสองข้าง
สัญลักษณ์แห่งนครวินยามาร์ นครเก่าขององค์ราชา เปล่งประกายรับแสงตะวัน โล่นั้นถูกสร้างจากเหล็ก
มิทธิลได้สร้างขึ้นบนดาบยาวซึ่งชายหนุ่มได้ถือไว้ด้วยมือซ้าย เขามีชุดนักรบมาจากที่แห่งนั้น
ราวกับว่าได้เกิดมาเพื่อสวมใส่มัน!
ลักษณะของมนุษย์ให้เห็นอย่างชัดเจนผ่านเรียวไหล่กว้างและเรียวแขนล่ำสัน ดวงหน้าเรียวกว้างหากคมสัน
หนวดเคราสีบลอนด์ดูจะเพิ่มความเข็มแข็งให้คงอยู่บนใบหน้านั้น ประกอบกับดวงตาสีฟ้าที่เปล่งประกายสดใส
...เนี่ยนะเหรอ ? เนี่ยเหรอ ทายาทแห่งมนุษย์เอไดน์ที่ได้รับหน้าที่จากองค์อุลโม....
ทูออร์ก็ได้เปล่งวาทะขององค์เทพอุลโมดังที่เล่าขานต่อกันมาดังนี้
“ จอมกษัตริย์โนลดอร์ผู้เป็นบิดาแห่งนครกอนโดลิน เกล้ากระหม่อมมีนามว่าทูออร์ บุตรแห่งฮูออร์
ทายาทแห่งมนุษย์ตระกูลฮาดอร์ เกศาทอง หนึ่งในสหายพรายผู้รับใช้ชาวเอลดาร์ด้วยความสัตย์ซื่อ
กระหม่อมได้รับพระโองการจากอุลโม ยัลเมียร์ เทพเจ้าแห่งสายวารีและมหาสมุทร
องค์ทัวร์กอนและผองชนแห่งกอนโดลิน คำสาปแห่งมานดอสกำลังใกล้จะบรรลุผลแล้ว
งานสร้างสรรค์ของชาวโนลดอร์จะพินาศสิ้น กระหม่อมจึงขอให้พระองค์ได้ละทิ้งนครอันแข็งแกร่ง
และงดงามแห่งนี้เสีย แล้วเดินทางลงยังแม่น้ำซิริออนเพื่อเดินทางออกทะเลเถิด ! ”
เมื่อเขากล่าวจบลงพร้อมกับการคำนับ...ก็เหมือนความเงียบก็เกิดขึ้นทุกคนในท้องพระโรงแห่งหอคอยกษัตรา
ดวงตาสีฟ้าของชายหนุ่มจึงได้มองยังกษัตริย์พรายผู้ที่ได้ขนานว่า สูงสง่าที่สุดในบุตรแห่งพระเป็นเจ้า
เว้นแต่องค์ธิงโกลแห่งอาณาจักรโดริอัธที่ห่างไกลออกไป ทัวร์กอนอยู่ในฉลองพระองค์ยาว
สีขาวและคาดเข็มขัดสีทอง ทรงมงกุฎประดับโกเมนเม็ดใหญ่แสนงาม ดวงพักตร์งามคมสันยิ่ง
เมื่อชายหนุ่มมองไปทางเบื้องซ้ายก็ได้พบกับสตรีพรายที่งดงามที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมาในชีวิต
เรือนผมสีทองยาวสลวย และดวงตาสีเทาคู่งามจรัสได้สบกับเขา แต่นางยังไม่ได้แสดงกิริยาใดๆ นอกจากนั่งนิ่ง
...นางคงเป็นผู้ที่ข้าคงจะมองได้ตลอดไปและไม่มีวันเบื่อหน่ายได้อีกแล้วตลอดชีวิต...
เขาก็ได้หันมามองยังสตรีร่างสูงระหงในชุดสีขาวนวล ซึ่งก็ดูคล้ายคลึงกับนางพรายผู้นั้นมาก
เรือนผมของนางเป็นสีดำยาวสลวยจรดเพลา กรอบหน้าแสนโสภาของนางราวกับแกะสลักจากฝีหัตถ์ของทวยเทพ
และตอนนั้นความอบอุ่นก็ได้แผ่ซ่านเข้ามาอยู่ในจิตใจของทูออร์ เพราะนางได้มอบรอยยิ้มให้เขาเล็กน้อย
...รอยยิ้มละมุนละไมของผู้ที่ได้ชื่อว่า เป็นมารดาแล้วซินะ...ความอบอุ่นที่ข้าเคยฝันไว้แต่ยังเยาว์
แล้วเขาคนนั้น...บุรุษที่ดูอ่อนเยาว์กว่าพรายโนลดอร์ทั้งสามองค์มาก ได้ยืนอยู่เบื้องขวาของจอมกษัตริย์
ด้านหลังของสตรีในชุดขาวผ่องดังหิมะของฤดูกาลนี้ ดวงหน้าเคร่งขรึมงามสง่า เรือนผมสีรัตติกาลเหยียดตรง
ชายหนุ่มเอไดน์ได้สบนัยน์ตากลมใหญ่สีเหล็กกล้า สีเดียวกับด่านประตูสุดท้ายที่เขาพึงใจก่อนเข้ามาที่นี้
...งามแท้แลดุจคมดาบมาแทงใจ...จนไม่อยากละสายตาไปได้อีกตลอดกาล...
และเขาคนนี้ก็ช่าง...ช่าง...เหมือนกับ...พี่ชายที่จากไปของข้ามาก....พี่ชายข้า...พี่ข้า...กลับมาหาข้า...ที่นี้เอง
แล้วตอนนั้น ทูออร์ก็รู้สึกว่า สถานที่แห่งนี้ได้หยุดนิ่งจากสายธารแห่งกาลเวลาไปเสียแล้ว...
~!~!~!~!~!~!~
ตอนหน้า...มีเรื่องให้เฮแน่เล้ยยย ~!!
ความคิดเห็น