คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : Chapter 7 : ตามไปยังนครลับแล
Chapter 7 : ตามไปยังนครลับแล
ก่อนออกจากนครศิลาขาว ประชาชนแทบทุกผู้ต่างมองไปยังองค์ราชันย์ผู้ที่อดีตเป็นนักพเนจรแห่งแผ่นดินมัชฌิมโลก ราชินีพรายสูงศักดิ์และงดงามเหนือสตรีผู้ใด พร้อมด้วยสองสามีภรรยา เสนาบดีหนุ่มผู้มีความกล้าหาญและเจ้าหญิงแห่งอิธิลิเอน เกศาสีทองประกายในแสงแดดยามเช้า
ต่างทรงอาชาร่างใหญ่ และมีสัมภาระติดกายเพียงเล็กน้อย
กษัตริย์เอเลสซาร์หรืออารากอร์นทรงอยู่ในชุดนักเดินทางสีเขียวและเทา ราชินีอาร์เวนทรงอยู่ในอาภรณ์สีคราม พวกเขาต่างซุบซิบเป็นเหมือนวิหคในอุทยานหลวงว่า เหล่าผู้ปกครองนั้นจะเสด็จไปที่ไหนกัน
“ ฝ่าพระบาทปกเกล้า ” อารากอร์นจำได้ดีว่านั่นคือเสียงของเด็กชายร่างสันทัดวัยสิบขวบที่เคยช่วยเหลือพระองค์ในหออภิบาลของพระองค์ในช่วงสงครามแหวน พระองค์จำได้ว่า เด็กชายผู้นี้สนิทกับเปเรกริน ตุ๊กอีกด้วย “ จะเสด็จไปที่ไหนหรือ ”
“ แบร์กิล ข้าจะไปยังที่พำนักของบิดาข้า อีกไม่นาน ข้าจะกลับมา ”
“ ให้ข้าพระองค์ติดตามไปด้วยเถิด ”
อารากอร์นลูบศีรษะของเด็กชายด้วยความเอ็นดู
“ พ่อแม่เจ้าเป็นห่วงได้นะ ข้าฝากให้เบเรกอนด์ บิดาของเจ้าเป็นผู้ดูแลราชบัลลังก์
เพราะเขาเป็นแม่ทัพของข้า เจ้าควรทำหน้าที่ของบุตรชาย คือดูแลบิดาของตน ”
เด็กชายกลับยิ้มร่า “ ท่านพ่อบอกให้ข้าพระองค์ติดตามเสด็จไปด้วย เพราะท่านทราบดีว่า
ข้าพระองค์ต้องการเป็นองครักษ์ของพระองค์และราชินีด้วยพระเจ้าข้า ”
อาร์เวนหัวเราะ “ อา...เอสเตลที่รัก ท่าทางเราต้องได้พาเด็กน้อยผู้นี้เดินทางไปยังบ้านเกิดของข้าเป็นแน่แท้ ”
“ แต่เด็กผู้นี้มีแววตาเป็นประกายฉลาดนัก ” ภริยาแห่งฟาราเมียร์กล่าว
“ แบร์กิล เจ้าต้องสัญญาก่อนว่า เจ้าจะไม่ดื้อไม่ซน และไม่หนีเที่ยวห่างจากพวกเรา
และพวกเราปกป้องเจ้าให้เจ้ากลับมาได้แน่นอน ”
เด็กชายพยักหน้ารับ “ ท่านหญิงกล่าวเหมือนท่านแม่ของข้าเลย ข้าสัญญาขอรับ ”
“ ขึ้นม้ามากับข้า เจ้าหนู ” ลอร์ดฟาราเมียร์ยื่นแขนให้เด็กชายเกาะ จนแบร์กิลสามารถมานั่งซ้อนท้ายอาชาสีเทาของฟาราเมียร์อย่างง่ายดาย เด็กชายชาวกอนดอร์ผู้โชคดีที่ได้ติดตามองค์กษัตริย์ผู้เป็นวีรบุรุษของเขา และเขาจะได้พบกับปิ๊กปิ้น สหายหรือเจ้าชายชาวฮาล์ฟลิงอีกครั้ง
ที่สำคัญที่สุด เขาคงเป็นเด็กชายชาวกอนดอร์ที่ได้เดินทางไปยังริเวนเดลล์
หลังจากที่สองสหายต่างเผ่าพันธุ์ พรายและคนแคระ คือ เลโกลัสและกิมลีควบอาชามายังริเวนเดลล์ในเวลาสนธยาจนได้ และสิ่งที่พวกเขาต้องประหลาดใจมากที่สุดคือ
“ โฟรโดหายไปในสมุดบันทึกของท่านเอลรอนด์หรือ ” กิมลีทำดวงตาสีน้ำตาลของตนลุกวาว
ขณะที่พรายหนุ่มนั่งด้วยสีหน้างดงามที่ครุ่นคิดถึงเวทมนตร์แห่งพรายโบราณ เลโกลัสมีอายุขัยมากจริงอยู่ แต่ว่าตนไม่ได้มีวุฒิภาวะและความเข้าใจในความคิดของพรายเจ้าแห่งอิมลาดริสมากนัก
พ่อมดแกนดัลฟ์ดูเหมือนโล่งใจขึ้นเมื่อสมาชิกพันธมิตรแห่งแหวนอยู่พร้อมกันแล้ว ขาดแต่กษัตริย์แห่งกอนดอร์เท่านั้นเอง
“ ใช่แล้ว กิมลี ” พ่อมดขาวเอ่ย “ โฟรโด แบ๊กกินส์ หายไปยังยุคสมัยแห่งอาณาจักรพรายในยุคบรรพกาล เป็นมหานครลับแลที่พรายชาวโนลดอร์ปกครองอยู่ ”
“ พรายโนลดอร์เหรอ ข้าไม่ชอบพวกนี้เท่าไหร่ พวกเขามายึดครองมิดเดิลเอิร์ธและยังลดฐานะบรรพบุรุษของข้าเป็นคนงานในเหมืองแร่ ”
เมื่อฟังคำบ่นของกิมลี พรายหนุ่มจึงกล่าวว่า
“ พรายบางตนเป็นสหายของคนแคระ ว่ากันว่า พรายเรียนรู้สิ่งต่างๆในงานวิศวกรรมและงานช่าง
มาจากคนแคระ แม้แต่ บิดาของข้ายังได้รับทรัพย์สินมากมายจากพวกเขา กิมลี เจ้าอย่าเพิ่งบ่นเลย ทางที่ดีที่สุด คือ เราต้องไปช่วยโฟรโดจากนครแห่งนั้น ”
“ แล้วเราจะเข้าไปได้อย่างไรล่ะ ท่านแกนดัลฟ์ ” กิมลีถามเสียงขุ่น
ก่อนที่พ่อมดขาวจะพูดออกไป เหล่าฮอบบิททั้งสี่นาย คือ บิลโบ แซม แมอร์รี่และปิ๊ปปิ้น
ต่างมายืนหน้าทางเดินของพวกเขาแล้ว
“ พวกเราต้องไปตามโฟรโดกลับมาที่นี่ ต่อให้ต้องเสี่ยงชีวิตก็ย่อมดีกว่านั่งรอนอนรอ โดยไม่รู้ว่าโฟรโดต้องเจอกับอะไรเลย ไม่รู้เป็นตายร้ายดีอย่างไรบ้าง ” บิลโบกล่าวแก่พ่อมดผู้เป็นสหาย
“ บิลโบ เจ้าอย่าลืมสิ หลานชายเจ้าพูดภาษาพรายโบราณหรือภาษาเควนยาได้
และข้ารู้อีกประการหนึ่ง เขาจะได้พบกับเออาเรนดิลในวัยเยาว์ โฟรโดผูกมิตรไมตรีกับพวกพรายได้ อย่างน้อย โฟรโดก็ไม่เคยทำตัวให้เป็นจุดสนใจเด่นเหมือนเจ้า ”
“ หลานข้าทั้งคน ข้าไม่อยากเสียหลานไป ” ฮอบบิทชรามีแววโศกเศร้าปรากฏบนใบหน้า
แซมจึงตะโกนว่า “ ผมจะลงไปในสมุดนั่นเอง ”
ทุกคนต่างมองมายังแซมเป็นจุดเดียวกัน
“ ลุงแกนดัลฟ์ให้ผมไปเถอะ ลุงรู้ว่าต้องไปอย่างไร ผมรออีกไม่ได้ ไม่ใช่ว่าผมร้อนรนแต่อย่างใด
แต่เจ้านายของผมที่ผมคอยดูแลมาตั้งแต่นำแหวนนั้นไป จนถึงเจ้ากอลลัม...
ที่พยายามเอาชีวิตของคุณโฟรโดอีก ได้โปรดเถอะครับ ”
ฮอบบิทหนุ่มร่างอ้วนกลม คุกเข่าและก้มหน้าลงกับพิ้น ฝ่ายฮอบบิทอีกสองนายก็คุกเข่าลงต่อหน้า
แกนดัลฟ์ “ ได้โปรดให้พวกเราไปหาโฟรโดในบันทึกเล่มนี้ด้วยเถิด ”
พ่อมดขาวถอดใจ และมองยังเลโกลัสกับสหาย ดวงตาสองคู่เหมือนให้การสนับสนุนคำวิงวอนของ
พวกฮาล์ฟลิงเต็มที่ พรายหนุ่มประคองให้แซมลุกขึ้น ส่วนกิมลีก็ช่วยให้สองฮอบบิทลุกขึ้นตาม
“ ความจริง ข้าจะลงไปคนเดียวก็เป็นได้ แต่ที่นั่นคือ เวลาแห่งอดีตในยุคที่หนึ่ง การไปที่นั่นของพวกเราจะเปลี่ยนประวัติศาสตร์ก็เป็นได้ ”
“ เปลี่ยนประวัติศาสตร์ ! ” เหล่าฮอบบิทอุทาน
“ เมื่อหกพันปีก่อน ไม่มีฮอบบิทเช่นพวกเจ้า มีแต่พรายและมนุษย์ ที่ครองแผ่นดินโลก
และต่อสู้กับจอมมารทมิฬ มอร์กอธ นายเหนือหัวของเซารอน ”
ปิ๊ปปิ้นจึงสวนขึ้น “ งั้นพวกเราก็อาจได้ไปปราบจอมมารก็ได้นี่นา เซารอนก็ไม่เหลือถึงเรา ”
“ เจ้าเด็กโง่ ! ” แกนดัลฟ์ดุ อย่างที่ดุปิ๊ปปิ้นมาตั้งแต่การเดินทางครั้งแรก
“ เจ้าอย่าได้คิดเช่นนั้น มอร์กอธเป็นเทพวาลาร์เรืองฤทธานุภาพยิ่งที่ได้รับการลงทัณฑ์และทำลายสิ่งที่ดีงามที่สุดของเหล่าพรายและมนุษย์ในทุกสิ่ง ถ้าเจ้าอ่านประวัติศาสตร์ได้ เจ้าจะเข้าใจว่าพวกออร์คและบัลร็อกกำเนิดมาได้อย่างไร...”
ปิ๊ปปิ้นถอนหายใจ พร้อมก้มหน้าสำนึกผิด
“ ท่านเอลรอนด์ไม่ต้องไปพบผู้เป็นบิดาและบรรพชนที่นั่น จึงเก็บบันทึกนี้ไว้
มันเป็นความทรงจำของเออาเรนดิลที่มอบไว้ให้กับบุตรชายของตน ”
“ แล้ว เราจะเข้าไปในนั้นได้อย่างไร ” เมอร์รี่ถาม
แกนดัลฟ์หลับตานิ่ง และลืมตาขึ้นอีกครั้ง ดวงตาเปล่งประกายดังเปลวไฟแห่งความคิด
“ ใช่...ใช่แล้ว...โฟรโดมีขวดแก้วที่บรรจุแสงนำทางของเออาเรนดิล...เขามีทรัพย์ของดาราแห่งความหวัง และขวดแก้วนี้ทำจากแก้วคริสตัลที่ประดิษฐ์มาจากผลงานของชาวเอลดาร์ ”
ปิิ๊ปปิ้นเกาศีรษะ “ เอลดาร์คืออะไร ”
“ พวกพรายแห่งดวงดาว เป็นคำเรียกพรายในยุคบรรพกาล ” เลโกลัสตอบ
“ งั้นแปลว่า...”
แกนดัลฟ์ยิ้มขึ้นทันที “ ข้ามีดาบแกรมดริง เป็นอาวุธของกษัตริย์ทัวร์กอนแห่งกอนโดลิน
วัตถุที่ตกทอดจากนครลับแลแห่งนั้น จะนำทางข้าไปสู่ที่นั่นได้ แล้วดาบสติงของโฟรโดล่ะ ”
แซมหยิบขึ้นมาจากสะเอวของตน “ อยู่นี้ครับลุง ”
“ ดีมาก พวกเราจะเดินทางไปนครกอนโดลิน ”
แกนดัลฟ์หยิบสมุดบันทึกเล่มนั้นขึ้นมาจากอกเสื้อของตน
“ แซม ไปหยิบหมวกและเสื้อคลุมสีเทาให้ข้าที เร็วๆ ”
กิมลีรู้สึกตกใจนัก “ ท่านจะกลับไปเป็นพ่อมดเทาเหรอ ”
“ เป็นพ่อมดชราปลอดภัยและไม่ถูกจับตากว่าเป็นพ่อมดขาวที่ดูมีสง่าราศี พวกพรายเห็นพวกเจ้าเป็นตัวประหลาดแล้ว อย่าให้พวกเขามองข้าแปลกแก่สายตาแห่งพรายอีกเลย
และข้าจะดูแลพวกฮอบบิทที่แสนซุกซนเหมือนเด็กน้อยให้ดี ”
แกนดัลฟ์แยกพรายเลโกลัสมาแอบกระซิบด้วยภาษาซินดาริน
“ จำไว้ว่า เมื่อพวกอารากอร์นมาถึงให้เขาเขียนชื่อของตนลงในสมุดเล่มนี้และนำสิ่งของที่เกี่ยวข้องกับชาวเอลดาร์ในยุคที่หนึ่งลงไปกับเขา เพียงเท่านี้เขาจะไปยังเมืองกอนโดลินได้ ”
“ เมื่ออารากอร์นมาถึง ข้าจะไปที่นั้นพร้อมกับเขาเอง แต่ข้าหาทราบไม่ว่า ต้องใช้สิ่งใด ”
แกนดัลฟ์จึงกล่าวดังนี้ “ บอกเขาเพียงเท่านี้ เขาจะเข้าใจ บุตรแห่งกษัตริย์พรายป่า ”
เมื่อแซมนำหมวกกับผ้าคลุมสีเทามอซอมอบให้แกนดัลฟ์แล้ว
พ่อมดก็วางสมุดบันทึกบนโต๊ะกว้าง และเขียนนามของตน พร้อมให้ฮอบบิททั้งสี่ตนเขียนชื่อลงไปด้วยในบรรทัดที่ต่อจากชื่อของโฟรโด ฝ่ายแซมกอดดาบสติงไว้แนบอก เมอร์รี่และปิ๊ปปิ้นจับไหล่ของฮอบบิทหนุ่มผู้กล้าหาญไว้แน่นเหมือนนำกาวมาทาไว้
หลังจากนั้น แกนดัลฟ์ดึงดาบแกรมดริงสีเหล็กกล้าคู่กายของตนออกมา
“ ข้าแต่จอมราชันย์แห่งนครศิลาบรรเลงกอนโดลิน สหายผู้หนึ่งของข้ากำลังเดือดร้อนยิ่งนัก
ให้พลังจากอาวุธของท่าน นำข้าและสหายไปหาท่านด้วยเถิด ! ”
ปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้น เมื่อสมุดเล่มนั้นฉายแสงสีขาวเจิดจ้า แม้แต่เลโกลัสยังต้องหรี่ตาลง
กิมลีต้องหลบหลังของเขา เพียงชั่วอึดใจเดียว ...พ่อมดเทาและฮอบบิททั้งสี่ก็หายไปแล้ว
เหลือเพียงสิ่งของที่กระจายอยู่บนโต๊ะเท่านั้น พรายเลโกลัสและคนแคระกิมลีมองตาอย่างพิศวง
“ เหลือเชื่อ ”
พรายหนุ่มและคนแคระตะโกนพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย
//////
ลุงแกนดัลฟ์ และเหล่าฮอบบิทขี้กังวลต่างไปช่วยโฟรโดแล้วล่ะ
เพิ่มเติมซักนิดขอรับ
แบร์กิล เด็กชายที่ขอติดตามอารากอร์นไปยังริเวนเดลล์นั้น เป็นตัวละครในหนังสือ ลอร์ด ออฟ เดอะ ริงส์ เล่มที่สาม ตอน กษัตริย์คืนบัลลังก์ เขาเป็นเพื่อนสนิทของปิ๊ปปิ้น เมื่อครั้งอยู่กอนดอร์ เบเรกอนด์บิดาของเขาเป็นทหารหนุ่มที่มีความจงรักภักดีต่อฟาราเมียร์ และเคยเกือบเป็นฝ่ายได้รับการลงโทษเมื่อฟาราเมียร์ได้รับบาดเจ็บ เมื่ออารากอร์นได้ครองบัลลังก์ เขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นแม่ทัพคนหนึ่งแห่งกอนดอร์
ความคิดเห็น