ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ LOTR & SIL Fic ] Once upon a time in The Hidden Kingdom

    ลำดับตอนที่ #5 : Chapter 5 : ก่อนการเดินทาง

    • อัปเดตล่าสุด 23 ต.ค. 57


    Chapter 5 :  ก่อนการเดินทาง

     

    กอนดอร์ นครแห่งศิลาขาวอันยืนยงอยู่ในภาวะปกติ  อารากอร์นหรือกษัตริย์เอเลสซาร์ประทับนั่งบนบัลลังก์พร้อมด้วยราชินีอาร์เวนตามปกติ  เมื่อประตูสีขาวเปิดออกนั้น อารากอร์นกล่าวทักทายผู้มาเข้าเฝ้าคือ ลอร์ดฟาราเมียร์ เจ้าชายแห่งอิธิลิเอนและเป็นเสนาบดีประจำรัชกาลของพระองค์  ฟาราเมียร์แต่งกายในชุดเกราะที่มีลัญจกรพฤกษาขาวพร้อมดาราทั้งเจ็ด  ข้างกายคือ ท่านหญิงผู้มีเรือนเกศาสีทองนามว่า เอโอวีนแห่งโรฮัน ซึ่งบัดนี้เป็นภรรยาที่เขารักยิ่ง

    ฟาราเมียร์ บุตรแห่งเดเนธอร์ และเอโอวีน ท่านหญิงแห่งโรฮัน ” 

    อารากอร์นลงจากบัลลังก์สีขาว และโอบกอดทักทายสหายทั้งสอง เพราะสองสามีภรรยาคู่นี้เป็นผู้ที่ช่วยเหลือและจงรักภักดีมาตั้งแต่ก่อนที่อารากอร์นขึ้นปกครองกอนดอร์ อาร์เวนก็สวดกอดท่านหญิงแห่งอิธิลิเอนด้วยความรักดังพี่น้องเช่นกัน

    อารากอร์น ฝ่าพระบาท ทรงสุขเกษมสำราญดีหรือไม่

    ข้าและอาร์เวน สบายดีดังเคย  บุตรแห่งเดเนธอร์ หากว่า...”

    อะไรหรือเพคะเอโอวีนถามขึ้น ใบหน้าเรียวมนของนางดูทวีความงามขึ้น หลังจากการวิวาห์กับสามี ถึงกระนั้นแววตาสีน้ำทะเลปนเทาของนางยังฉายแววความมั่นคงในรักที่มีต่อกษัตริย์กอนดอร์ไม่เปลี่ยนแปลง   อารากอร์นจึงหยิบสาส์นฉบับเล็กที่ท่านเอลรอนด์ผูกติดกับเหยี่ยวที่ใช้ในการสื่อสารประจำท่านทั้งสอง

    สาสน์ของพ่อข้าราชินีอาร์เวนรับสั่งท่านพ่อให้เราเดินทางกลับริเวนเดลล์เป็นการเร่งด่วน

    หมายถึงเช่นไร พระนางฟาราเมียร์ถาม

    ท่านประมุขแห่งริเวนเดลล์ต้องการให้เราทั้งสองไปพบท่าน  ดังนั้น บัลลังก์ของข้า ข้าและแม่หญิงอาร์เวนต้องการให้เจ้าทั้งสองปกครองแทนข้าไปก่อน

    ทั้งลอร์ดฟาราเมียร์และท่านหญิงเอโอวีนต่างตกใจยิ่ง

    หาควรไม่เพคะ อารากอร์น  เรารับราชบัลลังก์นี้ปกครองมิได้ ถ้าข้าทำเช่นนั้น เป็นการหมิ่นพระเกียรติของราชินี

    อาร์เวนจึงปลอบโยนนาง และกล่าวกับพระสวามีว่า  “ดูเถิด เอสเตล  สหายเราไม่ต้องการนั่งเมืองกอนดอร์ของท่าน  เราควรทำเช่นไร

    อารากอร์นมองยังราชินีผู้เลอโฉมและพระสหายหญิงผู้ภักดีของตนอย่างกังขา  อารากอร์นรู้สึกในใจว่า  สิ่งที่ท่านเอลรอนด์ส่งสาสน์มาด้วยความเร่งด่วนเช่นนี้ต้องเกี่ยวข้องกับเหล่าพันธมิตรที่เหลืออยู่เป็นแน่แท้ เลโกลัสกับกิมลีไม่น่าใช่ที่เขาต้องกังวล เพราะทั้งคู่ยังท่องเที่ยวในป่าฟังกอร์น ส่วนเหล่าฮอบบิท คือ โฟรโด แซม เมอร์รี่ ปิ๊ปปิ้น  ถ้าสัญชาตญาณของการอ่านใจผู้อื่นยังใช้การได้ดีอยู่ ผู้ที่ท่านจอมพรายเป็นห่วงที่สุดคงเป็น โฟรโด แบ๊กกินส์

    งั้นข้าไม่มีทางเลือกอื่น  พวกเจ้าทุกคนไปกับข้าเถอะ ส่วนบ้านเมืองของเรา ข้าจะเลือกคณะผู้อาวุโสที่สุดดูแลกอนดอร์ก่อน

    กระหม่อมเห็นด้วยแล้วฟาราเมียร์กล่าวเสียงเข้ม  “ คณะผู้อาวุโสมีความสามารถปกครองกอนดอร์ได้มาตั้งแต่ยุคของบิดาของกระหม่อมแล้ว ขอเพียงความจงรักภักดีเท่านั้นก็ทำให้กอนดอร์ดำรงได้พระเจ้าค่ะ

    อารากอร์นพึงพอใจที่เสนาบดีหนุ่มของพระองค์กล่าว  กษัตริย์หนุ่มแย้มริมพระโอษฐ์

    ข้าจะประกาศว่า ราชาและราชินีไปเยี่ยมเจ้าประมุขแห่งริเวนเดลล์ผู้เป็นบิดาภายในวันนี้  วันรุ่งขึ้น พวกเราทั้งสี่คนจะออกเดินทางกัน

    กษัตริย์แห่งนครศิลาทรงจับเรียวหัตว์ขาวของอาร์เวน ตามด้วยของพระสหายทั้งสองไว้แน่น

    ด้วยความยินดี กระหม่อมและเอโอวีนไม่เคยไปเยือนดินแดนแห่งพรายมาก่อน

    กระหม่อมทั้งสองขออารักขาพระองค์ด้วยชีวิต

    เมื่อฟาราเมียร์และเอโอวีนทำความเคารพ   อารากอร์นกล่าวกับตนเองว่า

    ถึงข้าจะเป็นพระราชาของมนุษย์ แต่เลือดของนายพรานนักเดินทางของข้าไม่มีทางเปลี่ยนได้






    หลังจากการเดินทางในป่าฟังกอร์นเสร็จสิ้นแล้ว  ถ้าพวกท่านได้อยู่บนถนนสายหนึ่งที่กำลังจะนำทางไปสู่ริเวนเดลล์  ท่านจะเห็นพรานหนุ่มผู้หนึ่งและคนแคระผู้หนึ่งนั่งอยู่บนหลังอาชาสีขาว

    เลโกลัส  เจ้าควบม้าให้มันช้าลงทีคนแคระเจ้าของผมและเคราสีน้ำตาลแดง  เขาแต่งกายด้วยชุดเกราะสีเทา ใบหน้าหวาดหวั่นกับความเร็วของฝีเท้าของเจ้าสัตว์ร่างใหญ่ ที่คนแคระอย่างเขาไม่มีวันขี่ด้วยตัวเองเป็นง่ายๆ

    อีกไม่นาน เราใกล้จะถึงอิมลาดริสแล้ว สหายข้า ไม่เกินตะวันตกของวันนี้หรอก

    แต่ความเร็วของม้าเจ้าทำให้ข้ากลัว เจ้ารู้ดีว่า ข้าไม่ชอบขี่ม้าไม่ใช่เหรอ

    หรือเจ้าอยากไปสู้กับพวกออร์คอีกเล่า กิมลี

    ข้าอยากสู้บนพิ้นดินดีกว่านั่งบนหลังเจ้าตัวใหญ่นี่

    อาร็อด อาชาของเลโกลัสร้องขานดังลั่นเมื่อกำลังขึ้นผ่านแนวศิลาขรุขระ  พรายหนุ่มปลอบโยนมัยด้วยภาษาพรายสองสามคำ และกล่าวกับคนแคระว่า

    เกาะข้าไว้เถอะ บุตรแห่งโกลอิน และเงียบไว้มากๆด้วย

    กิมลีเม้มริมฝีปากอย่างไม่สบอารมณ์ แต่จำใจที่ต้องทำเช่นนี้ ไม่เช่นนั้น

    คนแคระอย่างตนจะได้เรื่องให้เจ็บตัวอีกเป็นแน่นอน  ขณะที่พรายหนุ่มไม่ได้ใส่ใจกับสหายนัก สายตาแห่งพรายเห็นเขตแดนของแม่น้ำบรุยเนนอยู่เบื้องหน้าแล้ว...

    พวกฮอบบิทยังอยู่ที่ริเวนเดลล์ใช่มั้ย

    ใช่สิ กิมลีเลโกลัสตอบแต่ข้ารู้สึกว่า สหายของเราคนใดคนนึงกำลังตกที่นั่งลำบาก ข้ารู้สึกได้มาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว และอยู่ที่ริเวนเดลล์เสียด้วย

    พวกพรายเช่นเจ้ามีญาณหยั่งรู้ทุกตนเลยหรือไรนะกิมลีบ่น เมื่ออาร็อดมาถึงลำธารสายเล็กๆที่ไหลลงไปสู่แม่น้ำบรุยเนนอันกว้างใหญ่ในแดนเหนือ  เลโกลัสจึงเอ่ยดังนี้

    ในยุคบรรพกาล พรายมีญาณหยั่งรู้และมีความสามารถที่เจ้านึกไม่ถึง พ่อข้าเคยบอก ในเวลานั้นเป็นยุคของสงครามที่น่าสะพรึง แต่เป็นเวลาที่ผ่านมานานแล้ว ย้อนคืนไม่ได้







    บิลโบกำลังเดินไปเดินมาบนระเบียงที่สามารถมองเห็นน้ำตกและทิวทัศน์ของคฤหาสน์ต่างๆในริเวนเดลล์ได้อย่างชัดเจน ฝ่ายฮอบบิททั้งสามก้มหน้าก้มตารับประทานมื้อเย็นคือ ข้าวโอ็ตต้ม เนื้อไก่อบและพายแอปเปิ้ลสีทองอย่างเพลิดเพลิน

    ให้ตายจริงๆ เถอะ โฟรโดจะได้กินอะไรหรือยังผู้เป็นลุงห่วงเรื่องการกินอยู่หลับนอนของหลานชายไม่เคยเปลี่ยน  “ ข้านี่แย่จริงๆ

    ลุงบิลโบ ลุงน่ะแย่จริงๆ ตั้งแต่ลุงเก็บแหวนและให้โฟรโดไปทำลายแหวนเองแล้ว

    ปิ๊ปปิ้นเอ่ยตามประสานิสัยแสนร่าเริงของตน แต่หันมาเมอร์รี่ก็ทำหน้าว่าจะยกจานใส่หน้าเขาให้ได้  ฝ่ายแซมเคี้ยวชิ้นพายด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก

    ข้ารู้ ข้าผิด ข้าเอาบันทึกให้โฟรโด ทำให้เขาสนใจ ทำให้เขาหายไปในบันทึกนั้น ใช่ ข้าผิดเอง

    บิลโบทุบโต๊ะเสียงดังสนั่น และทรุดลงบนเก้าอี้ไม้ของตน

    นายท่านแบ๊กกินส์แซมแตะมือเหี่ยวย่นของฮอบบิทผู้ชราเชิงว่าให้กำลังใจ

    ท่านไม่ผิดครับ ผมดูแลคุณโฟรโดไม่ดี  เป็นคนรับใช้ที่ไม่ดูแลเจ้านาย  ข้าต่างหากที่ผิด

    เมอรร์ซึ่งรับประทานอาหารเสร็จแล้วเอ่ยขึ้นว่า  “ ลุงแกนดัลฟ์บอกว่า จะไปช่วยโฟรโดของพวกเรามาให้ได้จากเมืองนั้นเอง  แต่ข้าไม่เข้าใจว่า ทำไมต้องรออีกนะ

    นั่นสิปิ๊ปปิ้นกล่าว  “ ทำยังกะว่า เรื่องนี้สำคัญและเหมือนจะตามให้พวกเราชาวพันธมิตรแห่งแหวนให้มาอยู่พร้อมกันอีกครั้ง

    ข้าเดาไม่ได้หรอกว่า เพราะอะไร บางที  ลอร์ดเอลรอนด์มีประสงค์ให้พวกเราทุกคนไปช่วยเหลือโฟรโดด้วยกันทั้งหมดก็เป็นได้

    แซมพยักหน้ารับในคำรำพึงของฮอบบิทชราผู้เป็นเจ้านายของตน  ตอนนี้เขาเป็นห่วงเพียงผู้ถือแหวนเท่านั้น...คุณโฟรโดจะได้ทานอะไรหรือยังนะ...

    ข้ารู้ว่า เขารอดจากผู้มรณะและเจ้ากอลลัมได้  เขามีดวงชะตาที่แกร่งกล้ามากแล้ว

    เขาจะไม่มีทางตายในที่ๆ เขาไม่คุ้นเคยอีกเด็ดขาด ข้าเชื่ออย่างนั้น

    บิลโบกล่าวอีกครั้ง  และสายตาของฮอบบิทเห็นอีกมุมหนึ่งของหน้าต่าง





    ท่านจอมพรายร่างสูงกับพ่อมดขาวแกนดัลฟ์ สหายของตนยืนสนทนากันอีกครั้ง

    ไม่เกินเจ็ดวัน อารากอร์นจะมาถึงริเวนเดลล์

    แกนดัลฟ์เงยใบหน้าเรียวของตนจากการสูปไปป์ไม้  “ ทำไมท่านถึงให้กษัตริย์ศิลาพรายช่วยเหลือโฟรโด  ท่านรู้วิธีไปยังกอนโดลิน  ท่านไปช่วยเขาเองได้

    ข้าไม่ต้องการพบเขาผู้นั้นเอลรอนด์ตอบ

    พ่อของท่านหรือ และบรรพชนแห่งนครกอนโดลินของท่าน ท่านไม่ต้องการที่จะพบ

    เอลรอนด์หันใบหน้าเคร่งขรึมมายังพ่อมดขาว  “ พบข้าไปก็เปล่าประโยชน์ มิธรันเดียร์

    จอมพรายเรียกนามภาษาพรายของแกนดัลฟ์  “ ข้าไม่ต้องการเปลี่ยนประวัติศาสตร์  ถ้าข้าไปและพบพวกเขา พวกเขาต้องถามถึงอนาคต อนาคตไม่ใช่สิ่งที่ผองชนในอดีตต้องการทราบเสมอไปโดยเฉพาะจากทายาทแท้จริงของตน...”

    แกนดัลฟ์ถอนใจลอร์ดกลอร์ฟินเดลแนะนำท่านมาแบบนี้หรือ

    ถึงกลอร์ฟินเดลจะเป็นตัวแทนของนครลับแลในอดีต แต่เขาบอกข้าว่า อดีตไม่สำคัญอีกต่อไป

    ข้าจะให้อารากอร์นไปช่วยโฟรโดออกจากนครแห่งนั้น ทุกอย่างก็จะจบแล้วข้าจะนำบันทึกนี้ไป

    ฝังในพิ้นดินเสีย ไม่มีใครต้องได้เจอมันอีก

    ด้วยคำพูดที่ลอร์ดเอลรอนด์กล่าว  ทำให้พ่อมดชราหัวเราะเบาๆ

    ไม่ได้หรอก บุตรแห่งเออาเรนดิลท่านไม่มีวันทำเช่นนั้น  ท่านรักบิดาท่านเกินกว่าจะทิ้งสิ่งมีค่าของเขาไป  ท่านรักพ่อของท่านเสมอ เอลรอนด์

    เพราะอะไร ข้ากับพี่ชายของข้าเกือบจะสิ้นชีพ  เออาเรนดิลกลับหายไปในท้องทะเลกว้าง และมาอีกครั้งก็เป็นดวงดาวที่อยู่เหนือศีรษะของข้ามาตลอดชีวิต  ข้าไม่ต้องการกลับไปยังวาลินอร์เพื่อเห็นเขาอีกครั้ง ถึงพบกัน ข้าจะทำเป็นไม่รู้จัก

    สายโลหิตชาวโนลดอร์ดื้อรั้นในความคิดทุกคนจริงๆเลยนะ

     แล้วแกนดัลฟ์ก็ไปสูบไปป์อีกครั้ง พลางหลับตานึกถึงโฟรโด และพ่อมดขาวรู้ว่า

     ฮอบบิทหนุ่มของตนปลอดภัยดี...หวังว่าอย่างนั้น...

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×