คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 4 : การจับกุมโฟรโด
Chapter 4 : การจับกุมโฟรโด
ฮอบบิทผู้พลัดถิ่นจากยุคที่สามมายังยุคที่หนึ่งกำลังนอนกระสับกระส่ายบนเตียงสีขาวของเด็กชายที่เขาเพิ่งคุยเมื่อครู่เดียว
...ข้าหลงเวลามาไกลถึงเพียงนี้...แถมมาอยู่ในบ้านเกิดของท่านเออาเรนดิล...
โฟรโดตบหน้าตัวเองสามครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่า นี้ไม่ใช่ความฝัน...
“ ข้าไม่ได้ฝัน และข้ายังไม่ได้ตาย ข้ามาอยู่ที่กอนโดลินแห่งนี้ แต่ข้าต้องการกลับริเวนเดลล์
มันต้องมีทางให้หนีไปได้”
โฟรโดพบว่าขวดน้ำที่บรรจุแสงสว่างที่ท่านหญิงกาลาเดรียลมอบให้ แสงดาวของเออาเรนดิลไม่ได้ส่องประกายสุกใสดังเคย แต่โฟรโดคิดว่า เขาควรจะทำเช่นไร..
ฮอบบิทหนุ่มจึงตัดสินใจเปิดประตูห้องนอนของเด็กชายออก โชคดีที่ทางเดินนั่นไม่มีใครอยู่
แค่สิ่งที่โฟรโดต้องอุทาน ด้วยรูปลักษณ์ทางสถาปัตยกรรมหินอ่อนแสนอลังการของวังอยู่เบื้องหน้า ทางเดินที่กว้างและงดงามวิจิตรเป็นสีขาวและทอง โฟรโดตัดสินใจรีบวิ่งด้วยความเร็วที่สุดเพื่อว่าจะไม่มีอะไรมองเห็น...
เขาได้ยินเสียงนางพรายที่มีหน้าตางดงามสนทนากัน การแต่งกายของนางดูออกได้ว่าต้องเป็นนางกำนัลที่อยู่ในวัง แต่โฟรโดก็ไม่สนใจ เขารีบก้าวเดินหนี แต่ว่าสายตาแห่งพรายจะรอดพ้นได้อย่างไร นางคนนึงอุทานร้องเมื่อเห็นร่างน้อยที่มีผมหยิกฝอยประหลาดตา ส่งผลให้เพื่อนสองคนของนางอุทานร้องตามด้วย
“ เดี๋ยวๆ แม่นางอย่าตกใจเลย ” เขากระหืดกระหอบที่พูดสิ่งใดไป
ทันใดนั้น บุรุษผู้หนึ่งก็มายกฮอบบิทหนุ่มขึ้น โฟรโดรู้สึกว่าเหมือนตัวเองลอยอยู่ในอากาศ และบุรุษที่ยกตัวเขาขึ้นนั้นมีผมสีทองประกายงดงาม ร่างสูงสง่าและโฟรโดรู้สึกว่าคุ้นตาอย่างยิ่ง
“ เจ้าเป็นใคร ถึงบังอาจมาบุกรุกวังแห่งองค์เหนือหัว แถมยังทำให้เหล่าอิสตรีต้องตกใจอีก ”
โฟรโดอุทานว่า “ เดี๋ยวก่อนท่าน ข้าต้องการกลับบ้านเท่านั้น ”
จากคำพูดภาษาเควนยาของฮอบบิท ทำให้พรายหนุ่มผู้นี้วางเขาลงกับพิ้น
เมื่อโฟรโดได้เห็นใบหน้าของเขาถนัดตา เขาจำได้ว่าพรายผู้นี้เป็นสหายและผู้ดูแลริเวนเดลล์ แถมยังเป็นผู้ที่เคยช่วยเหลือเขาเมื่อครั้งต้องคมดาบแห่งราชาขมังเวทอีกด้วย
“ ท่านกลอร์ฟินเดล ท่านมาอยู่ที่นี้ด้วยเหรอ ”
“ เจ้าพูดอะไร เจ้าตัวประหลาด เจ้าบุกรุกกอนโดลินมาได้เช่นไร ”
แม้ว่าจะเป็นคำที่แสดงความดุดัน แต่น้ำเสียงไพเราะและกังวานใสยิ่งนัก
ถ้าเขาพูดจาไพเราะหรือร้องเพลงจะไพเราะประมาณไหนนะ...
โฟรโดนึกขึ้นได้นี่มันหกพันปีก่อน กลอร์ฟินเดลคนนี้ไม่รู้จักเขาและเรื่องราวของแหวนแน่
“ ข้าไม่ได้บุกรุก ข้าเป็นคนที่หลงเวลามา ”
แต่พรายหนุ่มผมสีทองสว่างไม่ได้ฟังที่เขากล่าวเลย พรายหนุ่มสั่งให้ทหารพรายจับตัวโฟรโดไว้
“ นำเขาไปยังองค์กษัตริย์เถิด ”
“ คาลา คือ แสงสว่าง เอเลน คือ ดวงดาว ”
“ คาลา เอเลน แปลว่า แสงสว่างของดวงดาว จำไว้เถิด หลานชาย ”
“ พระเจ้าค่ะ ” เออาเรนดิลตอบรับสิ่งที่องค์ราชาแห่งกอนโดลินกำลังพร่ำสอนเขาอย่างใกล้ชิด เพราะเขาเป็นหลานชายที่เป็นที่โปรดปรานที่สุดของกษัตริย์ทัวร์กอน จริงที่ว่าจอมกษัตริย์พรายทรงรักสมาชิกครอบครัวทุกคน แต่เออาเรนดิลเป็นเสมือนแก้วตาของพระองค์เอง อีกทั้งยังอยู่ในวัยเยาว์ ความสดใสของเด็กชายเป็นสิ่งที่กษัตริย์พรายผู้แสนเคร่งขรึมต้องการทอดพระเนตรทุกวันนี้ พระองค์สอนหนังสือให้กับพระนัดดาเองทุกครั้ง หลังราชภารกิจประจำวันแล้ว เมื่อทอดพระเนตรเห็นเด็กชายเขียนตัวอักษรเทงวาร์ไม่งาม ก็ทรงเข้มงวดว่าต้องแก้ไขใหม่ทุกครั้ง และอีกผู้หนึ่งที่ตุ่นสีดำชื่อโนลปากำลังช่วยชุนผ้าให้อยู่นั้น คือ
“พระนางเศวตนารีหรือท่านหญิงขาวแห่งกอนโดลิน ” นางมีรูปร่างสูงใหญ่ และมีพระพักตร์งดงามตามแบบสตรีชาวโนลดอร์ เรือนเกศาหยักศกสีดำขลับยาวสยายถึงข้อพระบาท
“ เสด็จพี่ข้า อย่าเริ่งให้หลานขยันนักเลย เออายังเยาว์นัก ให้ไปวิ่งเล่นเถิด ”
“ อีกประเดี๋ยว เออาก็กลับไปอยู่กับพ่อแม่เขาแล้ว ให้ข้าอยู่กับเขานานๆทีเถอะ ”
องค์ราชากล่าวแก่พระขนิษฐาแล้วหันมายังเด็กชายอีกครั้ง
“ เจ้าเขียนเทงวาร์ได้งามเมื่อไหร่ ตาจะให้นิทานเจ้าอีกเล่ม ”
เออาเรนดิลยิ้มกว้าง และหยิบพู่กันมาร่างในแผ่นกระดาษแผ่นต่อไป และเด็กชายรู้สึกว่า ถ้าได้นิทานอีกเล่มให้เพื่อนใหม่ในห้องนอนเขาอ่าน คงสนุกดีไม่ใช่น้อย
แล้วสิ่งที่คาดไม่ถึงในอีกนาทีต่อมาคือ..
ร่างบางของโฟรโดถูกนำตัวมายังเบื้องพระพักตร์ของกษัตริย์พรายแห่งกอนโดลิน
“ ขอเดชะ องค์เหนือเกล้าของข้าบาท เจ้าผู้นี้บุกรุกมาในวังพระเจ้าข้า ”
นิ้วเรียวงามของกลอร์ฟินเดลชี้ไปยังฮอบบิทหนุ่มที่กำลังหวาดหวั่นในตอนนี้
“ โฟโด ” เออาเรนดิลลุกขึ้นไปหาสหายใหม่ของตนที่อยู่ในการจับคุมขององครักษ์
“ ท่านเออาเรนดิล ”
“ ปล่อยเขาเดี๋ยวนี้นะ ” เด็กชายตะโกนร้องลั่น
“ อะไรกัน กลอร์ฟินเดล ” กษัตริย์พรายทรงหันพระพักตร์ไปยังพรายหนุ่มเกศาทอง
โฟรโด อ้าปากค้างด้วยความตื่นเต้น...ราชาแห่งกอนโดลินผู้อยู่ในฉลอค์สีน้ำเงินเข้ม และมีลัญจกรประดับอยู่บนพระอุระ มีรูปร่างหน้าตาที่เหมือนกับท่านเอลรอนด์ไม่มีผิด ทั้งเรือนผมสีดำดังราตรีอันไร้แสงจันทร์ หน้าผากสูงกว้างแสดงว่าเปี่ยมด้วยปัญญาและความโดดเด่น โหนกแก้มสูง ดวงตาสีเทาดังหมอกในยามสนธยาลึกลับ แต่พระราชามีประกายของดวงตามีเจิดจ้ากว่าของเอลรอนด์ และนั่นทำให้เขาสะพรึง ผู้ที่อยู่ถัดมา เป็นสตรีที่มีความคล้ายคลึงกับพระราชาร่างสูงใหญ่พระองค์นี้มาก โฟรโดเดาออกได้ว่า ทั้งคู่ต้องเป็นพี่น้องหรือไม่ก็ญาติใกล้ชิด นางอยู่ในชุดกระโปรงมัสสินสีขาวดุจหิมะเยือกเย็น ศีรษะของนางประดับด้วยรัดเกล้าสีเงิน ใบหน้างดงามเป็นรูปไข่ประดับด้วยนัยน์ตาสีเทาอมคราม แต่แววตาและการกุมหัตถ์ของนางบ่งบอกได้ว่า นางเป็นสตรีที่ทระนงและถือศักดิ์ศรีของตนไม่น้อย นั่นยิ่งทำให้เขานึกถึงอาร์เวนมากขึ้นไปอีก..
โฟรโดแน่ใจแล้วว่า...พรายสองตนนี้ เป็นญาติผู้ใหญ่ของท่านเอลรอนด์ที่เขาได้ฟังมาจากตำนานแห่งซิลมาริลเป็นแน่...แต่ว่าเขาแทบไม่ได้เห็นว่า เออาเรนดิลจะเป็นบิดาของจอมพรายแห่งอิมลาดริสหรอกน...หรือเพราะว่าเขายังเด็ก...
“ อะไรกัน เออาเรนดิล ” จอมราชากำชับเสียงแข็ง
เด็กชายไม่ยอมตอบครั้งแรก
“ หลานข้า เจ้ารู้จักมันหรือไร ”
“ โฟโดคนนี้เป็นคนที่มาอยู่ในห้องนอนของข้า และข้าให้โฟโดอยู่ในห้อง
แต่ทำไมเจ้าถึงออกมาล่ะ ”
โฟรโดกลั้นใจตอบว่า “ ข้าต้องการกลับบ้านเท่านั้น ”
กลอร์ฟินเดลคุกเข่าลงกับพิ้น ทำให้องครักษ์ต้องนำโฟรโดทรุดลงกับพิ้นอีกครั้ง
“มันผู้นี้ไม่ใช่พรายเหมือนเรา ร่างเล็กเหมือนเด็ก แววตาไม่คุ้นเคย แถมเอ่ยวาจาเสียงแปร่งเกินกว่าพรายตนใด ฝ่าพระบาทรับสั่งเถิดว่า จะให้ทรงทำอย่างไร ”
“ อย่านะ ลุงกลอร์ฟี่ เขาคนนี้เป็นเพื่อนของข้า ได้โปรด ! เสด็จตาอย่าทำร้ายเขาเลยนะ ”
แม้ว่าแววตาสีน้ำเงินใสจะทำท่าว่าอ้อนวอนเช่นไร องค์ทัวร์กอนก็ทรงรับสั่งเพียงว่า
“ จับเขาไปขังที่คุกใต้ดิน พรุ่งนี้ข้าจะนำเขาตัดสินกลางที่ประชุม ”
ทหารพรายขานรับแล้วนำโฟรโดออกไป แต่เด็กชายพยายามรั้งไว้
“ ปล่อยโฟโดนะ ท่านลุง ”
“ ไม่ได้พระเจ้าค่ะ องค์ชาย ”
กลอร์ฟินเดลกำชับแล้วปล่อยมือบางของเออาเรนดิลออกจากมือของตน
สิ่งที่โฟรโดเห็นครั้งสุดท้ายก่อนถูกผ้าดำปิดตา คือ เด็กชายผมสีทองกำลังร้องไห้ อยู่ในอ้อมกอดของสตรีร่างสูงในชุดสีขาว และสายตาของเจ้าตุ่นโนลปาที่มองว่า มันชนะโฟรโดได้ !
//////
โฟรโดถูกโยนลงคุกไปแล้ว ตอนนี้ไรเตอร์มีแรงฟิตเต็มที่จะนำมาลงต่อเรื่อยๆนะครับ
ไม่ต้องกังวล มีเรื่องราวสนุกสนานและตื่นเต้นรอพวกท่านอยู่แน่นอน ^^
ความคิดเห็น